กระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 08 Dec 2025 11:39:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เวย์ ไทเทเนียม เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลยืนยันความบริสุทธิ์ใจ พบเงินมูลค่าเพียงหลักแสน ทนายวอนสังคมให้โอกาสทำงานหาเงินคืนผู้เสียหาย https://thestandard.co/way-thaitanium-ledger-nano-100k-crypto/ Mon, 08 Dec 2025 11:39:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1152461 เวย์ ไทเทเนียม เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลยืนยันความบริสุทธิ์ใจ พบเงินมูลค่าเพียงหลักแสน ทนายวอนสังคมให้โอกาสทำงานหาเงินคืนผู้เสียหาย

วันนี้ (8 ธันวาคม) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก […]

The post เวย์ ไทเทเนียม เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลยืนยันความบริสุทธิ์ใจ พบเงินมูลค่าเพียงหลักแสน ทนายวอนสังคมให้โอกาสทำงานหาเงินคืนผู้เสียหาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เวย์ ไทเทเนียม เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลยืนยันความบริสุทธิ์ใจ พบเงินมูลค่าเพียงหลักแสน ทนายวอนสังคมให้โอกาสทำงานหาเงินคืนผู้เสียหาย

วันนี้ (8 ธันวาคม) ที่ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ภายหลังจากที่ ปริญญา อินทชัย หรือ เวย์ ไทเทเนียม พร้อมด้วยภรรยา ไรบีนา อินทชัย หรือ นานา ไรบีนา ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน เป็นเวลานานกว่า 3 ชั่วโมง ล่าสุดทั้งคู่ได้เดินทางกลับทันที โดยปฏิเสธที่จะตอบคำถามสื่อมวลชน เพียงแต่ระบุสั้นๆ ว่าขอให้เป็นหน้าที่ของทนายความในการชี้แจง

 

สายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความส่วนตัว เปิดเผยรายละเอียดว่า ในวันนี้พนักงานสอบสวนไม่ได้มีการนัดหมายเวย์ ไทเทเนียม มาเพื่อสอบปากคำ แต่เป็นการนัดหมายเพื่อดำเนินการเปิดอุปกรณ์ Ledger Nano (อุปกรณ์จัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลแบบ Hardware Wallet)

 

สาเหตุที่ใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง เนื่องจากปริญญาไม่เคยเปิดใช้งานอุปกรณ์ดังกล่าวเลยตั้งแต่ซื้อมา ทำให้ต้องใช้เวลาในการอัปเดตซอฟต์แวร์ และต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เข้ามาร่วมสนับสนุนทางเทคนิค

 

จากการตรวจสอบข้อมูลภายใน Ledger Nano พบว่ามีสกุลเงินดิจิทัลคงเหลืออยู่เพียง 2 สกุล ได้แก่:

 

  • Dogecoin: จำนวน 15,585.3 เหรียญ
  • Shiba Inu: จำนวน 99,354,176 เหรียญ

 

แม้จำนวนเหรียญรวมกันจะดูเหมือนมีจำนวนมากถึงกว่า 99 ล้านเหรียญ แต่เมื่อคำนวณเป็นมูลค่าเงินบาทในปัจจุบัน คิดเป็นเงินไทยเพียงประมาณ 100,000 บาทเท่านั้น ซึ่งทนายความระบุว่า หลักฐานชิ้นนี้เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ใจ และโต้แย้งข้อกล่าวหาที่ว่ามีทรัพย์สินซุกซ่อนอยู่หลายร้อยล้านบาทตามที่เป็นข่าวลือ

 

เบื้องต้น พนักงานสอบสวน ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ แก่ปริญญา ส่วนทางด้านนานา ไรบีนา ในวันนี้เพียงแค่เดินทางมาเป็นเพื่อนและให้กำลังใจสามีเท่านั้น ไม่ได้มีการให้ปากคำแต่อย่างใด

 

สายหยุด กล่าวทิ้งท้ายว่า ขณะนี้ตนและลูกความยังไม่ได้หารือเรื่องคดีกันมากนัก เนื่องจากลูกความต้องการโฟกัสไปที่เรื่องการทำงานเป็นหลัก เพื่อหารายได้มาชดใช้ให้กับผู้เสียหาย อยากวิงวอนขอโอกาสจากสังคม ให้ลูกความได้มีพื้นที่ยืนและมีงานทำ เพื่อจะได้นำเงินมาคืนผู้เสียหาย และหลังจากนี้หากพนักงานสอบสวนมีหมายเรียกเมื่อใด เราก็พร้อมที่จะพาลูกความเข้าพบทันที

The post เวย์ ไทเทเนียม เปิดกระเป๋าเงินดิจิทัลยืนยันความบริสุทธิ์ใจ พบเงินมูลค่าเพียงหลักแสน ทนายวอนสังคมให้โอกาสทำงานหาเงินคืนผู้เสียหาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
จุลพันธ์ไม่กังวล ป.ป.ช. รับสอบ ‘เศรษฐา-ครม.’ โยกงบดิจิทัลวอลเล็ต 3.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจทำถูกกฎหมาย https://thestandard.co/digital-wallet-budget-srettha-cabinet-nacc-probe/ Sat, 01 Nov 2025 05:22:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1138635 จุลพันธ์ไม่กังวล ป.ป.ช. รับสอบ ‘เศรษฐา-ครม.’ โยกงบ ดิจิทัลวอลเล็ต 3.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจทำถูกกฎหมาย

วันนี้ (1 พฤศจิกายน) จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื […]

The post จุลพันธ์ไม่กังวล ป.ป.ช. รับสอบ ‘เศรษฐา-ครม.’ โยกงบดิจิทัลวอลเล็ต 3.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจทำถูกกฎหมาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
จุลพันธ์ไม่กังวล ป.ป.ช. รับสอบ ‘เศรษฐา-ครม.’ โยกงบ ดิจิทัลวอลเล็ต 3.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจทำถูกกฎหมาย

วันนี้ (1 พฤศจิกายน) จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รับเรื่องตรวจสอบ เศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีในขณะนั้น กระทำผิดตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ กรณีโยกงบประมาณของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ 5 แห่ง วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท ไปใช้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดคำร้อง แต่เข้าใจว่าไม่เกี่ยวกับการกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 แต่เป็นการตรวจสอบกรณีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

 

จุลพันธ์ยืนยันว่า ไม่กังวล และมั่นใจว่าดำเนินการชอบด้วยกฎหมาย มีคณะกรรมดำเนินการ มีหน่วยงานรัฐ ให้ความเห็นประกอบการดำเนินการโดยตลอด ส่วนการตรวจสอบก็ให้เป็นเรื่องของ ป.ป.ช. พร้อมรับการตรวจสอบ

The post จุลพันธ์ไม่กังวล ป.ป.ช. รับสอบ ‘เศรษฐา-ครม.’ โยกงบดิจิทัลวอลเล็ต 3.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจทำถูกกฎหมาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มองอุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ https://thestandard.co/paetongtarn-strength-pheu-thai-prommin-vision/ Fri, 31 Oct 2025 14:16:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1138452 ‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ

พรรคเพื่อไทย สถาบันพรรคการเมืองอายุ 27 ปี ผ่านการรัฐประ […]

The post ‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มองอุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ

พรรคเพื่อไทย สถาบันพรรคการเมืองอายุ 27 ปี ผ่านการรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง เคยได้สส.มากที่สุด 377 เสียงในนามพรรคไทยรักไทย นับเป็นรัฐบาลพรรคเดียวครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อปี 2548

 

ต่อมาถูกยึดอำนาจครั้งแรก 19 กันยายน 2549 ส่งผลให้ทักษิณ ชินวัตร พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และถูกยึดอำนาจครั้งที่ 2 เมื่อ 22 พฤษภาคม 2557 ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก น้องสาวของทักษิณ ผู้ก่อตั้งพรรค

 

ล่าสุดแพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวทักษิณ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เพราะถูกรัฐประหารโดยกองทัพ แต่โดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นับเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 6 ของพรรค ที่ต้องพ้นจากตำแหน่งโดยกลไกที่ไม่ใช่การได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน

 

THE STANDARD สัมภาษณ์ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ก่อนถูกรัฐประหาร 19 กันยา 2549, เลขาธิการนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 และเลขาธิการนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนที่ 31

 

ในวันที่คนนอกพรรคมีคำถามต่อพรรคเพื่อไทย ทั้งเครดิตความน่าเชื่อถือของพรรค จุดยืนอุดมการณ์ของพรรค ฝ่ายตรงข้ามของพรรค และบทบาทแพทองธาร ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค ปัจจุบันเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยและสมาชิกพรรคเพื่อไทย ผู้เป็นรุ่นลูกของผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 1

 

เครดิตความน่าเชื่อถือของพรรคเพื่อไทยยังเหลืออยู่ไหม ชี้วัดจากอะไร ขณะที่ทุกพรรคก็มีแผลให้โจมตีได้ทั้งหมดเช่นกัน

 

ถามว่าเป็นช่วงที่พรรคตกต่ำหรือเปล่า ผมคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดาของการต่อสู้ทางการเมือง ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลง และที่สำคัญคือ เราฝ่าวิกฤตเหล่านี้มาไม่รู้กี่ครั้ง การที่ถูกรัฐประหาร ตามมาด้วยการยุบพรรค

 

หลังจากถูกยุบพรรคแล้ว ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งไหนเราก็สามารถเป็นเสียงหลักได้ทุกครั้ง คนที่ไม่เชื่อมั่นแล้วออกไป ไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องกลับเข้ามาเสมอหลังเลือกตั้ง

 

แล้วหลังการรัฐประหารทุกครั้งจะมีการเขียนกติกาใหม่ เพื่อจำกัดความเติบโตของพรรคไทยรักไทย ซึ่งสืบทอดมาถึงพรรคพลังประชาชนและพรรคเพื่อไทย เราฝ่ามาตั้งหลายครั้งนะครับ

 

เป็นพรรคที่มีนายกฯ แล้วถูกเอาออกจากตำแหน่ง
ตั้งแต่นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
นายกฯ สมัคร สุนทรเวช
นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์
นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน
และนายกฯแพทองธาร ชินวัตร รวมนายกฯ ของพรรคเรา 6 คน

 

แปลว่า พรรคกระดูกแข็งขนาดไหน ยังมีคนเก่าแก่ดำรงอยู่ อาจจะมีผลัดเปลี่ยนกันบ้างผ่านการเลือกตั้ง ผ่านอะไรต่างๆ เป็นเรื่องธรรมดามาก

 

ถ้าถามว่าวันนี้ตกต่ำหรือไม่ ผมคิดว่า เรากำลังอยู่ในท่ามกลางสิ่งที่เราเรียกว่า เป็นผลพวงจากการรัฐประหารปี 2549 แล้วต่อมาจึงมีรัฐประหารปี 2557 เพื่อจำกัดการเติบโตฝ่ายอำนาจประชาชน โดยถือว่าตระกูลชินวัตร เป็นเป้าหมายสำคัญ

 

ผมกำลังจะบอกว่าขณะนี้เรากำลังสู้กับสิ่งที่บางคนเรียกว่า “นิติสงคราม” บทเรียนของรัฐประหารปี 2549 นำมาสู่การรัฐประหารปี 2557 ที่เขาบอกว่าปี 2549 ยังไม่สะเด็ดน้ำ หรือทำแล้วเสียของ

 

ดังนั้น ปี 2557 จึงมีการครองอำนาจกันยาว และต้องร่างกติกาใหม่ ซึ่งไปปรากฏอยู่ในรัฐธรรมนูญปี 2560 ซึ่งให้อำนาจของกลไกต่างๆ ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน มีอำนาจเหนือในเรื่องนี้ และปัจจุบันนี้ใช้ครอบคลุมอย่างกว้าง

 

ล่าสุด มีการนำเรื่องจริยธรรมมามีอำนาจเหนือกว่าอำนาจทางกฎหมาย ทั้งที่จริยธรรมเป็นเรื่อง subjective เป็นเรื่องวินิจฉัยเจตนาต่างๆ ไม่ใช่เรื่องตัวบทกฎหมายโดยแท้ เป็นการใช้ดุลยพินิจนอกเหนือจากกติกาที่กำหนดเป็นลายลักษณ์อักษร

 

เรื่องเหล่านี้ ตอนที่ร่างในรัฐธรรมนูญปี 2560 เลขากฤษฎีกาคนปัจจุบันเคยบอกว่า เรื่องเหล่านี้เป็นเครื่องมือทางการเมืองที่จะเอาใครออกก็ได้ นึกจะชอบใคร ไม่ใช่ชอบใครก็นำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

 

วันนี้ยกตัวอย่างเช่น สว.นันทนา นันทวโรภาส ก็ถูกตัดสินด้วยเรื่องจริยธรรม ทั้งที่เรื่องนี้มีคดีอยู่ในศาล ซึ่งสมัยก่อนศาลเป็นที่ตัดสินสูงสุดโดยใช้กฎหมาย แต่ปัจจุบันคำว่าจริยธรรม กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขจัดคู่แข่งทางการเมืองได้

 

ฉะนั้น เรากำลังอยู่ท่ามกลางเรื่องเหล่านี้ ในท่ามกลางสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ เราต้องอยู่ให้ได้ เพื่อบรรลุเจตนาสำคัญ คือเรื่องผลประโยชน์ของประชาชน ซึ่งก็คือเรื่องปากท้อง เรื่องเศรษฐกิจ ทุกวันนี้ระบบเศรษฐกิจมีปัญหา เราก็อยากเข้ามาแก้ไข

 

ย้อนกลับมาว่า พรรคเราตกต่ำ เพราะนโยบายไม่ประสบความสำเร็จ สิ่งสำคัญที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีอุปสรรคหลายเรื่องที่ถูกกำหนดไว้ โดยกติกาต่างๆ ที่เพิ่มเติมขึ้นมา เป็นอำนาจที่ไม่ผูกพันธ์ไม่ยึดโยงกับอำนาจประชาชน

 

คือนโยบายที่ได้รับการโหวตจากประชาชน จะต้องมาผูกมัดกับเรื่องข้อกฎหมายและผูกมัดอยู่กับองค์กรที่ตัดสินว่าเรื่องนี้ถูกหรือผิด โดยที่องค์กรเหล่านี้ไม่ได้มีอำนาจยึดโยงกับประชาชน

 

วันนี้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เกิดจากการสั่งสมระยะยาว ซึ่งเกี่ยวข้องกับการร่างกฎหมายให้มีกำแพงกั้น ทำให้อำนาจของรัฐบาลที่ดูแลนโยบายด้านการคลังมีข้อจำกัดมหาศาล มีข้อจำกัดเรื่องวินัยการเงินการคลัง ซึ่งถูกตัดสินในอีกแบบหนึ่ง

 

มีคนตรวจสอบ เข้ามาตั้งแต่ยังไม่เริ่มโครงการ คือยังไม่เกิดความเสียหายจากโครงการ ก็มีคนตรวจสอบแล้ว

 

มีความเห็นของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ต่อนโยบายของรัฐบาล ขณะที่ไม่ทราบว่า สตง. ถูกตรวจสอบโดยใครเช่นกัน ที่ตึกถล่มอยู่ทุกวันนี้

 

ผมกล่าวถึงหลักการก่อนนะครับ สตง. มีสิทธิตรวจสอบคนอื่นหมด แต่สิ่งที่ปรากฏ (ตึกถล่ม) พิสูจน์ข้อสงสัยหลายประการจากสังคมว่า เกิดอะไรขึ้นในสตง. แต่ว่า สตง.ถูกใครตรวจสอบ วันนี้ยังเงียบๆ อยู่

 

สมัยที่เราเป็นรัฐบาลช่วงสุดท้ายได้มีข้อพิสูจน์สำคัญว่ามีข้อบกพร่องที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ กรณีตึกถล่ม มีคณะกรรมการชุดที่นายกฯ แพทองธารตั้งไว้ แล้วมีข้อสรุปเป็นเบื้องต้น โดยมีกรมโยธาธิการและผังเมือง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งวันนั้นมีข้อพิจารณาแล้วว่าทางเทคนิคมีปัญหาตั้งแต่เรื่องแบบ

 

พอมาถึงเรื่องแบบและการก่อสร้างต่างๆ ผมไม่ทราบว่าขณะนี้ทำไมเรื่องมันเบาไป เงียบไป ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่มหาศาลสำหรับประเทศชาติ เป็นเรื่องความเชื่อมั่นอย่างมหาศาลต่อประเทศชาติ

 

ผมยกเรื่องพวกนี้มาเพียงแต่บอกว่า ทำไมรัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทย จึงเป็นเป้าหมายที่จะต้องถูกเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย

 

ฉะนั้น คำตอบว่า ตกต่ำหรือไม่ ไม่ใช่อยู่ที่เราอย่างเดียว แต่อยู่ที่กลไก หรือ ความมุ่งหมาย ที่เขาอาจจะต้องการให้สะเด็ดน้ำหลังการรัฐประหาร

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 2

 

พรรคเพื่อไทย อธิบายอุดมการณ์ตัวเองอย่างไร หลังปี 2566 ต้องตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทั้งที่พรรคเคยถูกรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง

 

ก่อนอื่นผมคิดว่าต้องดูจากประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน อย่าไปตัดช่วงเฉพาะตอนนี้ สิ่งที่สำคัญคือพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่ต่อเนื่องจากพรรคไทยรักไทยตั้งแต่ปี 2541 วันที่ 14 กรกฎาคม 2541 ท่านนายกฯ ทักษิณได้ก่อตั้งพรรคขึ้นมา

 

สิ่งที่สำคัญและทำให้ชนะการเลือกตั้งปี 2544 อย่างโดดเด่น และเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้คะแนนเกือบ 50% ในพรรคเดียวคือ 248 เสียง จาก 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร

 

หลังจากนั้นอีก 4 ปีให้หลัง คือปี 2548 ยังได้ถึง 377 เสียง จากทั้งหมดในรัฐสภา 700 เสียง ประกอบด้วย สส. 500 เสียง และ สว. 200 เสียง สส.ไทยรักไทย 377 มากกว่าครึ่งหนึ่งของ 2 สภารวมกัน สภาล่าง(สส.) และสภาสูง(สว.)

 

ปัจจัยที่สำคัญ ก็คือ ท่านนายกฯ เป็นคนที่โดดเด่น และตั้งพรรคในภาวะวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง 2540 คนต้องการการเปลี่ยนแปลง ขณะที่นายกฯ ทักษิณ ประสบความสำเร็จในภาคธุรกิจ ระดมคนที่มีความสามารถด้านต่างๆ ของประเทศขึ้นมาสร้างความโดดเด่นจนกระทั่งพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่สามารถเอาชนะได้

 

อุดมการณ์ตรงนี้ คือการแก้ปัญหาของประชาชนจากความจริงในภาคปฏิบัติ ไม่ใช่ฝีปาก แต่เป็นเรื่องฝีมือ ไม่ใช่เพียงตัวเลขตัวหนังสือที่สู้กันระหว่างนักการเมือง

 

1)จุดยืนอยู่ที่ประชาชน
2)ความสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
3)อุดมการณ์นี้ถ่ายทอดมาเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ แปลความว่า เราให้อำนาจประชาชนให้ศักดิ์ศรีประชาชน รูปธรรม 2 สิ่งนี้ ที่ทุกวันนี้ยังมีการพูดถึงคือ 30 บาทรักษาทุกโรค กับกองทุนหมู่บ้าน นอกจากนั้นยังมี OTOP และอีกหลายโครงการ ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการที่เชื่อมั่นในอำนาจของประชาชน

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 3

 

แม้ว่าหลังเลือกตั้ง 2566 พรรคเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาลผสมกับพรรคร่วมเดิมของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ แต่ฝ่ายนั้นยังต้องมองพรรคเพื่อไทยเป็นศัตรูอยู่หรือ

 

ข้อพิจารณานี้ เหมือนตัดตอนพูด เพราะเราเองประกาศเรื่องประชาธิปไตย เรายืนหยัดเรื่องประชาธิปไตยที่กินได้ เป็นพรรคที่เคยประสบความสำเร็จ และเนื่องจากกำลังจะประสบความสำเร็จอีก ดังนั้นจึงเป็นเป้าที่ถูกจำกัดวิธีการทำงานในหลายเรื่อง

 

เรื่องดิจิทัลวอลเล็ต อยู่ในการวินิจฉัยหลายเรื่อง ประสบกับข้อจำกัด ข้อห่วงใยต่างๆ แม้กระทั่งองค์กร สตง. ก็มีความเห็นเข้ามา ทั้งที่หน้าที่การตรวจเงินแผ่นดิน คือ ออดิต (audit) ต้องดูหลังจากทำโครงการแล้ว

 

แต่นี่สามารถมาเตือนก่อน มีหนังสือเตือนเข้ามาก่อนตั้งแต่อยู่ระหว่างการทำงานนะครับ รวมถึงองค์กรอื่นๆ ที่เตือนเข้ามาก่อน จนกระทั่งไปผูกข้อกฎหมายต่างๆ ทำให้ต้องระแวดระวัง

 

กลายเป็นว่าความเห็นต่างๆ ที่ไม่ได้ผูกพันธ์ ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน ดูเหมือนเสียงดังกว่า

 

ทำให้เราต้องปรับวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการทางงบประมาณ ซึ่งทีแรกเราไม่ได้คิดว่าจะเป็นปัญหา

 

เนื่องจากนโยบายมีวิธีการปฏิบัติทั้งสิ้น แต่ว่ามาเจอข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือว่าความเกี่ยวข้องกับองคาพยพต่างๆ

 

ถ้าเป็นสมัยก่อน เราคือผู้นำของการเปลี่ยนแปลง เรามีข้อเสนอใหม่ๆ ผมยกตัวอย่าง 2 เรื่องใหญ่ ในตอนแรก 30 บาทรักษาทุกโรคในตอนนั้นทุกคนสบประมาทว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ปรากฏว่าเราทำให้เป็นไปได้ และตอนนี้ปรากฏว่าโครงการนี้ยังอยู่ ไม่มีใครเอาออกไปได้ เป็นหลักประกันความมั่นคงสังคม และเรื่องนี้ไทยเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล

 

แม้กระทั่งพล.อ.ประยุทธ์ ก็ยังไปรับรางวัลจากโครงการนี้เลย ทั้งที่เป็นผลพวงผลงานจากรัฐบาลของเรา ผลงานรัฐบาลพรรคไทยรักไทย

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 4

 

ถ้าแบ่งอุดมการณ์เป็น ‘ฝ่ายก้าวหน้า’ กับ ‘ฝ่ายอนุรักษ์นิยม’ แม้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลผสมร่วมกับพรรคอนุรักษ์นิยมก็แล้ว แต่นโยบายเรือธง เช่น ดิจิทัลวอลเล็ตก็ทำไม่สำเร็จ ไม่ใช่เพราะอุดมการณ์เปลี่ยน แต่เพราะมีปัจจัยภายนอกพรรคที่ทำให้นโยบายไม่สามารถเกิดขึ้นได้

 

พรรคยังคงอุดมการณ์เดิม แต่มีกฎกติกาต่างๆ ที่เราคาดไม่ถึง หรือมีการเคลื่อนไหวขึ้นมาที่เราต้องระแวดระวัง เพราะเราเป็นเป้าหมายของการยุบพรรค

 

แล้วนักการเมืองของเราก็ถูกจับไปติดคุกตลอด แม้กระทั่งท่านนายกฯ ทักษิณ ยังโดนเลย

 

ทำไมเราต้องระมัดระวัง เพราะมีองค์กรที่ใช้อำนาจอีกแบบหนึ่งที่อ้างกฎกติกาตัดสินเราได้

 

สิ่งที่คาดไม่ถึง เช่น ยังไม่ทันทำโครงการเลย สตง. ก็ออกมาค้าน

 

แล้ว สตง. เป็นองค์กรที่เล่นงานนายกฯ ยิ่งลักษณ์ หรือทำให้รัฐมนตรีของเราต้องติดคุก

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 5

 

ดิจิทัลวอลเล็ต ทำไม่สำเร็จเพราะมีการเตือนจาก สตง. องค์กรที่ตึกของเขาเองยังถล่ม

 

สตง.เป็น 1 ในปัจจัย ส่วนแบงก์ชาติก็มีความเห็นแย้ง รวมถึงหน่วยงานราชการต่างๆ ก็ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนโยบายของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

 

แน่นอนที่สุด การเปลี่ยนแปลง change ต้องมี resistance to change เช่นเดียวกับคนสบประมาทนโยบายพรรคไทยรักไทย สามสิบบาท กองทุนหมู่บ้าน ซึ่งในที่สุดเป็นเรื่องดีทั้งสิ้น

 

สิ่งที่เราทำ มักจะเป็นสิ่งใหม่ๆ เสมอ แต่เนื่องจากว่า กรอบกติกาต่างๆ ได้ผูกมัดทำให้การขยับเพื่อการเปลี่ยนแปลงทำได้ลำบาก

 

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยแจกได้เพียงบางกลุ่ม ก็เป็นความพยายามของพรรคด้วย เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 6

 

แบงก์ชาติยึดถือหลักการรักษาเสถียรภาพทางการเงิน โดยไม่ต้องแก้โจทย์ความเหลื่อมล้ำ หรือไม่

 

หน้าที่แบงก์ชาติคือรักษาเสถียรภาพ ส่วนหน้าที่รัฐบาลคือ ต้องการความเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งต้อง check and balance กัน

 

ต้องกลับมาถามว่าทั้ง 2 ฝ่าย ทำเพื่อใคร ก็เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้ใช่ไหมครับ

 

เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี แต่ถ้ามีเสถียรภาพในการจนดักดาน นี่คงไม่ได้

 

ทุกคนมีเจตนาดี แต่บางครั้งอาจจะมีความเห็นในรายละเอียดที่ไม่เหมือนกัน
ถ้าเศรษฐกิจไม่โต แล้วมีปัจจัยบางเรื่องที่เขาน่าจะขยับช่วยได้ แล้วทำให้เศรษฐกิจโตได้

 

ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าเงินบาทอ่อนลงกว่านี้ การขายของก็สะดวกขึ้น คนมาท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น วันนี้ที่คนหนีประเทศไทยออกไป ปัจจัยหนึ่งก็เพราะ ค่าเงินของเรา แต่ในที่สุดแบงก์ชาติจะต้องดูแลและมีคณะกรรมการในการตัดสินใจด้วย

 

ความเห็นของผม ถ้าเป็นปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องใหญ่ๆ ณ วันนี้คือเรื่องค่าเงินแข็งเกินไป ซึ่งขึ้นอยู่กับสถาบันที่ดูแลด้านการเงินคือธนาคารแห่งประเทศไทย ขณะที่รัฐบาลดูด้านการคลัง

 

ธนาคารแห่งประเทศไทยพยายามรักษาความเป็นอิสระ แต่เป็นอิสระจากประชาชนหรือเปล่า ความจริงมีเสียงเรียกร้องจากทั้งภาคธุรกิจแม้กระทั่งรัฐบาลเอง เรียกร้องให้มีการปรับเปลี่ยนเรื่องอัตราดอกเบี้ย

 

วันนี้ผมไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้ว อยากจะให้ความเห็นแบบดังขึ้น เพราะสิบกว่าปีที่ผ่านมา การปรับอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้เป็นไปตามเป้าหมาย ก็ไม่ได้ประสบผลสำเร็จ แต่ก็ไม่มีใครไปโทษว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น

 

ทั้งที่เป็นการสั่งสมความถดถอยทางเศรษฐกิจ ทำให้ความเติบโตของเราขณะนี้ดูด้อยกว่าเมื่อเทียบในภูมิภาค เพราะสั่งสมความถดถอยมาก่อน

 

ค่าเงินเป็นปัจจัยสำคัญเรื่องเศรษฐกิจทุกวันนี้ ถ้าถามก็คงวิจารณ์ลำบาก ทั้งที่เราปรารถนาให้ค่าเงินเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะช่วย แต่ก็หวังว่าจะมีการปรับตัวกันมากขึ้น เพราะเรื่องค่าเงินถูกมองว่า คนมีความสามารถสูง แตะต้องไม่ได้ (แบงก์ชาติ) เป็นคนจัดการ

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 7

 

ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทยคืออะไร

 

ฝ่ายตรงข้ามคือ ฝ่ายที่ขวางผลประโยชน์ประชาชน ซึ่งถ้าเขาผ่านกลไกการเลือกตั้ง เราต้องยอมรับ เพราะมีคนเลือก ประชาชนก็เลือกคนที่ตัวเองชอบ เพื่อให้เป็นตัวแทนเข้ามา เราต้องเคารพหมด

 

ศัตรูคือคนที่จำกัดอำนาจประชาชน ความท้าทายคือเรากำลังเสนอความคิดให้ประชาชนเลือก โดยที่เราเห็นว่า ศัตรูของประชาชนคือเรื่องเศรษฐกิจเรื่องความยากจน ที่เราจะพยายามพาให้พ้น ในฐานะที่เราต้องการผ่านการเลือกตั้งไปเป็นรัฐบาลเราต้องพาให้พ้นความยากจน

 

เราต้องการให้อำนาจประชาชน empower ซึ่งเรายึดถือมาโดยตลอด โครงการ 30 บาท กองทุนหมู่บ้าน ก็เป็นเรื่องให้อำนาจประชาชน ส่วน sml เราก็เตรียมงบไว้ สิ่งสำคัญคือให้อำนาจประชาชนในการจัดสรรงบประมาณของตัวเองในการดูแลพื้นที่ตัวเอง

 

ส่วนตัวเลขสส. เราก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อให้ได้ สส. จำนวนสูงสุด เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเป็นตัวชี้วัดความนิยมหรือชี้วัดการสื่อสารของเรา ไปสู่ประชาชนว่าทำได้ดีมากน้อยแค่ไหน

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 8

 

ต่อให้ได้เสียงอันดับ 1 ได้ตั้งรัฐบาล แต่ถ้าไปเจอองค์กรอิสระและองค์กรต่างๆ หลังจากพรรคเป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว จะทราบได้อย่างไรว่าจะไม่เจอข้อจำกัดแบบรัฐบาลเศรษฐา รัฐบาลแพทองธาร

 

ประสบการณ์ที่ผ่านมา จะเป็นบทเรียนที่ดี ที่ทำให้เราป้องกันสิ่งเหล่านี้ไม่ให้เกิดขึ้น

 

เราต้อง “อยู่ให้เป็น” หมายความว่า ทำอย่างไร เราจะยืนหยัด แล้วสามารถทำประโยชน์ให้ประชาชนได้ตามอุดมการณ์

 

คำถามที่ว่าการร่วมรัฐบาลกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งเคยทำรัฐประหาร 2557

 

จะต้องดูว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ได้ให้อำนาจในบทเฉพาะกาล ให้สว. มีสิทธิในการโหวตนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเริ่มกติกานี้ตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 สว. ไม่โหวตให้เพื่อไทย (คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์) ไปรวมกับพรรคอนาคตใหม่ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

 

ตอนนั้นพรรคเพื่อไทยได้เสียง สส. เป็นอันดับ 1 และยินดีเสนอให้ธนาธร เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของฝั่งนี้ แต่การโหวตในรัฐสภาซึ่งมีทั้งเสียงสส. และสว. ก็ไม่สำเร็จ ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ

 

ต่อมาการเลือกตั้ง 2566 พรรคเพื่อไทยเสียง สส. เป็นอันดับ 2 เราก็รวมกับพรรคก้าวไกล (ส้ม) แล้วมีการโหวตเสนอชื่อพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ทีนี้ทำอย่างไรประเทศต้องการเดินหน้า จะรอทิ้งไว้คาราคาซังอย่างนี้ไม่ได้ ต้องปรับ ไม่เช่นนั้นรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ตอนนั้นจะต้องรักษาการไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของอีกฝ่าย

 

เราจึงต้องปรับวิธีการและถือเป็นส่วนสำคัญในการสามารถทำให้เจตนารมณ์ของพรรค อุดมการณ์ของพรรค ได้มีการดำเนินการได้เป็นจริง คือต้องผนึกกับพรรคที่ทำให้เสียง สว.สนับสนุนได้

 

แต่ในที่สุดนายกรัฐมนตรีก็ถูกพิจารณาจากศาลรัฐธรรมนูญทำให้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยต้องพ้นตำแหน่งไปปีละ 1 คน ไม่แปลกหรือครับ ผมว่าน่าจะเป็นข้อสงสัยสำคัญของพี่น้องประชาชนหรือว่านักอุดมการณ์ประชาธิปไตยทั้งหลายมากกว่า

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 9

 

เครดิตของพรรค พรรคอาจจะถูกล้อว่า พูดแล้วทำไม่ได้ เกรงจะโดนโห่ ไหมว่า จะทำได้หรือเปล่า เวลาหาเสียงเลือกตั้ง

 

มีพรรคไหนที่ไม่เผชิญปัญหานี้บ้าง คนอยากโห่ มันมีอยู่แล้ว แล้วก็ชอบโห่ในออนไลน์เพราะแข็งแรงอยู่ในออนไลน์ไม่ต้องโชว์หน้าตา

 

เราไม่กลัวเพราะสุดท้ายคนจะเข้าใจเอง จากเจตนาและประวัติสิ่งที่พรรคทำมา

 

‘พรรคส้ม’ พูดอะไรแล้วทำไม่สำเร็จ

 

สิ่งที่พรรคประชาชน(ส้ม)ทำสำเร็จอย่างเดียวคือ ทำให้พรรคเสียงข้างน้อยคือพรรคภูมิใจไทยเป็นแกนนำรัฐบาล แล้วอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี

 

เป็นคำชมหรือคำตำหนิ

 

ผมไม่ทราบ นี่เป็นความเคลื่อนไหวสำคัญเรื่องการบริหารประเทศชาติ ก็ดีครับผมคิดว่าจะได้พิสูจน์กัน นอกเหนือจากนั้นเขาก็ออกกฎหมายเต็มไปหมด กฎหมายก็ดูเหมือนจะมีอุปสรรคต่างๆ

 

ผมว่าก็ทำได้ดีในเรื่องการเป็นฝ่ายค้าน แต่เรื่องที่จะเป็นฝ่ายบริหารบ้านเมือง สิ่งที่ปรากฏผลที่ชัดคือทำให้พรรคคุณอนุทิน สามารถเป็นแกนนำรัฐบาลได้

 

ผมยังมีข้อสงสัยว่า เรื่องไหนบ้างที่เป็นไปตาม MOA ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย ที่เซ็นกันไป ไม่ว่าจะเรื่องอยู่ 4 เดือนยุบสภา แก้รัฐธรรมนูญ เรื่องอะไรต่างๆ ก็ต้องดูกันไป

 

แต่ที่ชัดเจนคือทำให้พรรคที่เคยมี 70 เสียงเป็นผู้นำรัฐบาล

 

เหตุการณ์คล้ายๆ กับสมัยที่นายกฯ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แล้วทำให้นายกฯ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขึ้นมา นอกจากปัจจัยพรรคประชาชน(ส้ม)แล้ว อาจจะมีปัจจัยอื่นๆ คล้ายๆ เดิม คือปัจจัยที่ไม่อยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล

 

ปัจจุบันนี้เขาไม่ต้องทำรัฐประหารแล้ว เขาสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยใช้อำนาจข้อกฎหมายต่างๆ ที่ผูกมัดไว้สั่งสมมาตั้งแต่ปี 2549 มาถึงรัฐธรรมนูญปี 2550 และที่สำคัญรัฐธรรมนูญปี 2560 ประสบความสำเร็จมาแล้ว ไม่จำเป็นต้องรัฐประหารออกมาให้ชัด เพราะเขายึดอำนาจผ่านกลไกอื่นหมดแล้ว

 

เขารอเพียงจังหวะที่จะทำให้เกิดปัญหาได้อย่างไร ที่จริงเรื่องคลิปเสียงก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องการปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา

 

อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังออกมาพูดจากจิตสำนึกข้างใน รู้ว่าใครผิด เรื่องการสนทนาส่วนตัวระหว่างผู้นำเป็นความลับ หากการสนทนาส่วนตัวระหว่างผู้นำเกิดรั่วไหล คงไม่มีใครอยากคุยด้วยอีก

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 10

 

คลิปเสียงแพทองธาร-ฮุนเซน ทำให้คนฟังรู้สึกผิดหวัง

 

คุณแพทองธารได้รับผิดชอบไปแล้ว หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน แล้วเป็นโทษจริยธรรม ถ้าเป็นการรับผิดชอบทางการเมืองก็คือต้องรอการเลือกตั้ง ต้องรอให้ไม่ได้รับเลือกกลับมา แต่ปัจจุบันทำไมถูกตัดสินอย่างนี้

 

แล้ววันที่คุยโทรศัพท์ มีความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือเปล่า ขณะที่การปะทะกันที่ชายแดนมีขึ้นหลังจากนั้นเดือนกว่า ในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญระบุความบกพร่องเฉพาะตัวและไม่มีความเสียหายที่ชัดเจน คลิปถูกเผยแพร่ 18 มิถุนายน การปะทะเกิดขึ้น 24 กรกฎาคม

 

การปะทะก็มีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ต้นปีแล้ว ฝ่ายความมั่นคงได้ไล่เรียงเรื่องพวกนี้ชัดเจน มีการขุดคู raid สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ แต่ความเคลื่อนไหวการบุกเข้ามา มีเรื่องระหองระแหงกันตั้งแต่มกราคม

 

การคุยโทรศัพท์ของคุณแพทองธาร ไม่ใช่สาเหตุการปะทะ แต่ตรงกันข้าม เพราะการเจรจานั้นเพื่อลดทอนโอกาสที่จะเกิดการปะทะและเสียเลือดเนื้อ เป็นเรื่องธรรมดาทั้งการทูตระหว่างประเทศและความขัดแย้งระหว่างประเทศ ไม่มีที่ไหนเขาไม่คุยกัน

 

ส่วนเรื่องคลิปเสียงฮุนเซน การคุยโทรศัพท์คุณแพทองธารก็ไม่ได้ไปรับปากว่าจะให้อะไรเขาเลย

 

อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียยังออกมาพูด การเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่างผู้นำ ทำไม่ได้

 

ในขณะ MOU แร่แรร์เอิร์ธ โผล่มา ทำไมไม่วิจารณ์ กลับเงียบกริบ ตรรกะแปลกๆ ตรรกะวิบัติ แล้วถ้าบอกว่า MOU ไม่มีข้อผูกพันธ์ทางกฎหมาย แล้วทำไม MOU 2543 MOU 2544 ทำไมต้องถามประชามติ

 

เรื่องแร่แรร์เอิร์ธ เป็นเรื่องใหม่ ที่ทำให้สังคมงงว่ามีของแถมโดยไม่รู้ว่ารัฐบาลอนุทินกำลังเอาอะไรไปแลก

 

ขณะที่รัฐบาลแพทองธาร ไม่มีเรื่องแร่แรร์เอิร์ธ ไม่มีในวงเจรจาซึ่งเราทำงานกันตั้งหลายเดือน เราทำงานตั้งแต่ก่อนโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เสียอีก มีการตั้งคณะกรรมการชุดหนึ่งขึ้นมา 6 มกราคม 2568 แล้วก็เตรียมการ ดูคาดการณ์ต่างๆ มีการพูดคุยกับหน่วยราชการต่างๆ ข้อกฎหมายอันไหนเราขยับแก้ปรับได้บ้าง

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 11

 

คุณแพทองธาร มีตำแหน่งในพรรคเพื่อไทย(หัวหน้าครอบครัว) เป็นจุดแข็งหรือจุดอ่อน

 

ผมตอบฟันธงไปเลย สำหรับผมคือจุดแข็งเพราะเปิดมิติใหม่มีพลังใหม่ๆ เข้ามาเสริม บวกกับพลังเก่า คนมีความเชื่อมั่นคนที่ก่อตั้งพรรค แกนความคิดความเชื่อถือต่างๆ คือนายกฯ ทักษิณ

 

การที่คุณแพทองธาร ซึ่งสืบทอดความคิดต่างๆ ยังอยู่พรรค ก็มีสถานะสนับสนุนพรรค เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ก่อตั้งพรรคจะไม่เชียร์พรรคของตัวเอง แน่นอนที่สุด พรรคการเมือง คือการระดมคนที่มีความเห็นร่วมกันมาช่วยกันออกแรง ออกความคิด ออกค่าใช้จ่ายที่จะมาช่วยเหลือดูแลกันได้

 

คุณแพทองธารลาออกหัวหน้าพรรคให้เหตุผลเพื่อที่พรรคจะได้บริหารอย่างอิสระ ขณะที่ยังเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นสมาชิกพรรคอยู่ ความเป็นอิสระจะเกิดขึ้นจริงอย่างไร

 

แม้จะเป็นผู้สนับสนุนพรรค แต่เรื่องอำนาจก็ยกให้กรรมการบริหารชุดใหม่เข้ามาบริหารแล้ว

 

ตามกฎหมายหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารชุดใหม่จะเป็นคนตัดสินใจสุดท้าย แต่แน่นอนการรับฟังความคิดเห็นต่างๆ สมาชิกพรรคทั้งหมดมีสิทธิ์ที่จะมีความเห็นต่างๆ นำเสนอกัน เป็นการบริหารเท่านั้นเอง

 

เนื่องจากการเลือกตั้งมีความเสี่ยงในหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะการเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง สิ่งที่ดีที่สุด ก็คือ การเปลี่ยนแปลงแบบนี้ แล้วถือโอกาสนี้เปลี่ยนแปลงไปสู่ทางที่เข้มแข็งขึ้น มีคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารพรรค แล้วคนรุ่นก่อนที่อยู่มานานมีความเชี่ยวชาญก็ยังอยู่ ก็เป็นความสัมพันธ์ผสมผสานกัน

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 12

 

นับแต่ 18 มิถุนายนที่คลิปเสียงคุณแพทองธาร-ฮุน เซนถูกเผยแพร่ ทางฝ่ายผู้นำเหล่าทัพก็ยังมาประชุมและมาร่วมแถลงกับรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ในช่วงนั้นรัฐบาลกับฝ่ายความมั่นคงทำงานด้วยกันราบรื่นแค่ไหน

 

อำนาจของรัฐคืออำนาจที่มาจากหระชาชนผ่านการเลือกตั้ง ข้าราชการคือคนที่ต้องตอบสนองทิศทางเหล่านี้เชิงนโยบาย นี่เป็นหลักการทางทฤษฎี ดังนั้นข้าราชการที่ดีก็ทำตามนั้น

 

แต่แน่นอนการทำงานของฝ่ายที่เป็นตัวแทนประชาชน คือฝ่ายรัฐบาล จะต้องทำงานใกล้ชิดกับฝ่ายที่อยู่กับปัญหา เรารักชาติเท่าเทียมกันหมด สุดท้ายปัญหาที่เกิดขึ้นต้องใช้วิจารณญาณอย่างดี ข้อมูลต่างๆ เราทำร่วมกันอย่างชัดเจน ผมถึงรู้ว่าฝ่ายกัมพูชาเขาเข้ามาตอนไหน ขุดคู raid เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ ภาพถ่ายดาวเทียมมีหมด

 

แต่ ณ วันนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือโอกาสที่จะเกิดการปะทะ เราต้องหลีกเลี่ยงให้มากที่สุด ไม่สามารถเล่าได้ทุกเรื่อง ไม่สามารถนำมาพูดในรัฐสภาได้ทั้งหมด

 

แม้กระทั่ง MOU 43 MOU 44 กว่าจะออกมาได้ ข้าราชการประจำและรัฐบาลตอนนั้นก็ทำกันอย่างรอบคอบเพื่อทำให้เรายึดประโยชน์ของประเทศชาติ เรื่องของประเทศชาติเป็นเรื่องที่ทุกคนให้ความสำคัญเหมือนกัน เพราะฉะนั้นอยู่ๆ มีใครบอกว่า MOU นี้ไม่ดี แล้วจะนำไปทำประชามติ

 

ผมถามว่าคนที่เรียกร้องแบบนี้เข้าใจเนื้อหาครบไหม สาระจนถึงทุกวันนี้ที่มีการประชุม JBC อะไรต่างๆ หรือหยุดปะทะกันได้ เนื่องจากมีข้อตกลงใน MOU 43 เป็นสำคัญ ที่ทำให้เขาดูเหมือนว่าละเมิดในเวทีโลก เพราะมีข้อตกลง MOU 43 MOU 44 ที่มีเรื่องอะไรให้ใช้การเจรจาทวิภาคี ของ 2 ประเทศก่อน มีกลไกต่างๆ ที่ทำ 2 ฝ่ายก่อน แต่กัมพูชาอยากผลักไปเวทีศาลโลก หรืออยากให้ฝ่ายที่ 3 เข้ามาซึ่งฝ่ายที่ 3 เขาจะรู้เรื่องน้อยกว่า 2 ประเทศ

 

ในโลกเรานี้ มีข้อตกลงเรื่องพรมแดนทั่วไปหมด แต่วิธีการจัดการต่างหาก ซึ่งเราบอกว่า ถ้ามีข้อตกลงเรื่องพรมแดน ต้องใช้กลไกซึ่งมีการบันทึกใน MOU 43 MOU 44

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 13

 

กังวลไหมว่าตระกูลชินวัตรจะยังถูกเหมารวมว่าไม่น่าไว้วางใจ เนื่องจากเป็นเพื่อนกับฮุน เซนมานาน แม้จะแตกหักกันแล้วนับแต่มีคลิปเสียง

 

การปะทะเกิดขึ้นตั้งแต่ปลายรัฐบาลพรรคเพื่อไทย เรารักษาผลประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว จะนำมาละเมิดประโยชน์ของชาติของรัฐไม่ได้ เพราะฉะนั้นข้อกล่าวหาถึงความไม่น่าไว้ในเป็นข้อกล่าวหาทางการเมืองที่คนสาดโคลนใส่ แต่ความเป็นจริงก็คือความเป็นจริง เรารักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติ

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 14

 

ก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าสส.เขต บ้านใหญ่ลาออกจากพรรคจะถือว่าเป็นบวกหรือลบกับพรรคเพื่อไทย เพราะในแง่หนึ่งพรรคจะได้คัดคนใหม่เป็นผู้สมัคร ไม่ได้มีเพียงคำว่า เลือดไหลซึ่งเป็นคำในแง่ลบ

 

เป็นเรื่องธรรมดา มีไหลเข้าและไหลออก ต้องนึกย้อนหลังรัฐประหารปี 2549 ตอนไทยรักไทยถูกยุบพรรค แล้วเราตั้งพรรคพลังประชาชน ก็มีพรรคอื่นเกิดขึ้นมา เช่น พรรคเพื่อแผ่นดิน พรรคมัชฌิมา พรรคอะไรต่างๆ ออกมาเยอะแยะ ในที่สุดก็กลับเข้ามา

 

แล้วหลังรัฐประหาร 2557 พรรคเราไม่ได้เป็นรัฐบาล มีทั้งเลือดไหลเข้าออก เป็นเรื่องธรรมดา แต่แกนและอุดมการณ์ยังเหมือนเดิม

 

เรื่องการให้อำนาจกับประชาชน อีกเรื่องสำคัญคือ กองทุนหมู่บ้าน แล้วสิ่งเหล่านี้ก็เผชิญข้อจำกัดต่างๆ ตัวปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลพวงจากการรัฐประหารปี 2557 มาเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 อย่างไรก็ตาม รัฐธรรมนูญปี 2560 พอจะแก้ ก็จะประสบอุปสรรคโดยตลอดทาง

 

เหตุผลเพราะมีการเขียนผูกไว้ให้กลไกที่จะมีการแก้ ไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญได้เลย แม้ไม่มองเพียงเพื่อการรักษาอำนาจ แต่แก้เพื่อให้ทันสมัยก็ยังมีอุปสรรคอย่างแรง

 

แต่คนในสังคมก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แม้กระทั่งสื่อมวลชนยังเรียกว่า “สว.สีน้ำเงิน” แสดงว่า สว. มีความผูกพันธ์กับพรรคการเมือง ทั้งที่จริงเป็นหลักการที่ไม่อยากให้พรรคการเมืองไปเกี่ยวข้องกับ สว. แต่ทุกวันนี้โจ๋งครึ่มจนกระทั่งทุกคนรู้ กลายเป็นอำนาจถูกผูกไปกับพรรคการเมืองแล้ว

 

ขณะที่สว.มีอำนาจไปเลือกคนที่จะมานั่งองค์กรอิสระต่างๆ แล้วองค์กรอิสระ จะอิสระจริงหรือไม่

 

ในอดีตรัฐธรรมนูญ 2540 เขียนชัดเจนว่า เนื่องจาก สว. มีอำนาจในการแต่งตั้งองค์กรอิสระ องค์กรอิสระมีอำนาจในการถอดถอนนายกฯ ซึ่งสว.มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ศักดิ์ศรีเท่ากัน เพราะนายกฯ มาจากการเลือกตั้ง

 

ปี 2548 ภายใต้รัฐธรรมนูญ 2540 พรรคไทยรักไทยได้เสียงสส. 377 มากกว่าครึ่งหนึ่งของเสียง สส. + สว. คือ 700 เสียง กลายเป็นมูลเหตุที่กลุ่มอนุรักษ์นิยม มีความสั่นคลอน จึงดำเนินการ ซึ่งเป็นสาเหตุของการรัฐประหาร แล้วพยายามตอน หรือจำกัดการเติบโตของพรรคพรรคเพื่อไทย

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 15

 

ยกเครื่องพรรคเพื่อไทย

 

เมื่อต้นเดือนตุลา คุณแพทองธาร อดีตหัวหน้าพรรค ได้ประกาศว่าจะยกเครื่องพรรคเพื่อไทย แปลว่า เราต้องปรับตัวเอง แล้วก็ล่าสุดที่ท่านประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรคก็เพราะมีอุปสรรคที่จะทำให้เป็นเรื่องเทคนิค ถูกจำกัดเรื่องการเลือกตั้ง

 

เรากำลังเตรียมตัวสู่การเลือกตั้ง ทุกวันนี้ผู้สมัครต่างๆ ก็ระดมกันเข้ามาเต็มที่ หลายคนก็วิ่งเข้ามา รวมทั้งคนที่ดูเหมือนจะออกไปก็กลับเข้ามาก็มี

 

เพราะฉะนั้น ตรงนี้เป็นเรื่องธรรมดา ทุกครั้งที่จะมีการเลือกตั้ง ก็จะมีการไหลเข้าออกกันตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องปกติ

 

ส่วนเรื่องบ้านใหญ่ เป็นเรื่องอยู่ระหว่างการจัดการ เพราะเป็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมซึ่งเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเช่นกัน เช่นเดียวกับที่เราไม่ค่อยได้ข่าวว่ามีบ้านใหญ่บ้านไหนไหลเข้าพรรคประชาชน(ส้ม) ใช่ไหมครับ ไม่แปลกใจบ้างหรือ ขณะเดียวกันเขาก็มีคนไหลออกนะครับ มีข่าวบางพรรคเอาคนของพรรคโน้นพรรคนี้ไป เพราะกลไกที่บอกอะไรบางเรื่องหรือเปล่า

 

นักการเมืองที่เป็นผู้สมัคร สส. เขาหวังว่าจะอยู่รอด ชนะเลือกตั้ง โดยดูว่ามีปัจจัยสนับสนุนพรรคนั้น

 

ขณะที่พรรคที่ยึดมั่นในประชาธิปไตย ถูกหาว่า มีเลือดไหลออก แต่นี่เป็นเรื่องธรรมดา ผมเชื่อว่านี่เป็นโอกาสสำคัญในการเตรียมเลือกตั้ง เมื่อเลือกตั้งก็มีคนใหม่ๆ เข้ามา ที่เชื่อมั่นในอุดมการณ์ อุดมการณ์ของเราชัดเจน ในเรื่องประชาธิปไตยก็ชัดเจน

 

บางพรรคอ้างเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนเรามีจุดยืนที่ชัดเจน ต้องการไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรามีจุดยืนที่ชัดเจนอีกว่าเป็นประชาธิปไตยที่กินได้ เพราะฉะนั้น เหตุผลสำคัญในเรื่องเปลี่ยนแปลงไปสู่ปากท้องดีขึ้น ความเป็นอยู่ดีขึ้น เป็นความมุ่งหมาย และทุกวันนี้เรากำลังคิดการจัดการแบบใหม่ๆ ต่อนโยบายที่มีอยู่เดิมและนโยบายใหม่ๆ ให้สอดคล้องกับการขจัดอุปสรรคข้อจำกัดด้านกฎหมาย ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย ไม่ว่าจะระบบดิจิทัลหรือเอไอ มาจัด demand กับ supply มาเจอกัน สังคมสูงวัยขณะนี้จะแก้ปัญหาอย่างไร เพื่อเพิ่มวัยแรงงานเพิ่มขึ้น ทำไมเราไม่คิดท้าทายขยับช่วงวัยแรงงานของเราให้เพิ่มขึ้น

 

ในการเลือกตั้งครั้งใหม่ เรากำลังเตรียมพร้อมอยู่

 

1) ต้องมีการเตรียมผู้สมัครสส. เพราะเป็นตัวแทนในการขอคะแนนเสียง ตัวชี้วัดอยู่ตรงนั้น
2) คือ แคนดิเดตนายกฯ มาเป็นผู้นำในฐานะฝ่ายบริหาร
3) นโยบายจะเสนออะไร ขณะนี้เราเตรียมพร้อมของเราอยู่

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 16

 

พรรคเพื่อไทยยังมั่นใจได้ แม้จะมีคนจำนวนหนึ่งมองว่า ความน่าเชื่อถือมีปัญหา นโยบายเรือธงทำไม่สำเร็จ แล้วสส.ก็ลาออก

 

เป็นข้ออ้างที่บางพรรคการเมืองพูดถึงพรรคเพื่อไทย เป็นฝ่ายจับแต่ผิด ไม่เคยจับด้านถูก ทั้งที่องค์ประกอบหลักอยู่ครบทุกคน การยกเครื่องในวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ก็จะได้เห็น เป็นองค์ประกอบที่ดูใหม่และเป็นการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ต่างรุ่น ไม่ทิ้งของเก่า แต่เอาของเก่าที่เข้มแข็งมาเสริมกับของใหม่

 

‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มอง อุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ 17

 

ความสำเร็จของพรรคที่มักไม่ได้ถูกจดจำ

 

ยกตัวอย่าง ปัจจุบันเรื่องสแกมเมอร์ จะเห็นได้ว่า ตัวชี้วัดมันชัดจนไม่รู้จะชัดอย่างไรว่าช่วงที่ผ่านมา รัฐบาลแพทองธารจัดการจนกระทั่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์น้อยลง คดีน้อยลง มีตัวเลขชัดเจน คดีต่างๆ ลดลงถึง 42% นับแต่ รัฐมนตรีประเสริฐ จันทรรวงทอง เข้ามาดูแล เรื่องสแกมเมอร์เราก็เข้มงวด จัดการกับชายแดนของทางพม่า ซึ่งขบวนการโยกมาอีกฝั่งคือชายแดนกัมพูชา แล้วการจัดการทางกัมพูชาก็เป็นส่วนหนึ่งให้เกิดปัญหา เพราะเราปิดด่าน เรื่องใหญ่คือปิดด่าน ทางกัมพูชาจึงต้องการให้เปิดด่าน แล้วเป็นปัญหาที่ไปกันใหญ่ ซึ่งเรากำลังคลี่คลาย

 

การยุติการยิงมีการยุติมาก่อนหน้าแล้ว วันนี้รัฐบาลไทยโดยรัฐบาลอนุทินไปเซ็นสัญญาลงนาม ต่อหน้าทรัมป์

 

ที่จริงถ้าเราอยู่ต่อ เราใช้ที่ปรึกษาซึ่งสามารถจัดการให้ปรากฏอย่างที่รัฐบาลปัจจุบันลงนามได้ แต่วันนั้นรัฐบาลพรรคเพื่อไทยสะดุดเสียก่อน โดยคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ จึงทำให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยดูเหมือนเป็นรัฐบาลที่ไม่ต่อเนื่อง

 

แต่งานที่รัฐบาลแพทองธารพรรคเพื่อไทยทำมา ก็ถือเป็นโชคดีที่รัฐบาลอนุทินเดินตามหลายเรื่องแล้วทำให้ประชาชนได้ประโยชน์

 

สมัยแพทองธาร การเจรจาทางธุรกิจเราแก้วิกฤตสำคัญเรื่องประกาศภาษี Reciprocal Tariffs ของทรัมป์ ที่ออกมาจนกระทั่งอยู่ที่ 19%

 

ในขณะเดียวกันพูดคุยกับภาคเอกชน แล้วทำอย่างไรให้เป็นการแลกเปลี่ยนระหว่าง 2 ฝ่าย การเจรจาต้องยึดถือหลัก win-win เขาได้ เราก็ได้ เราไม่เสียหาย ก็หามุมต่างๆ จนกระทั่งล่าสุด ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เขาจะประกาศเรื่อง 19%

 

แน่นอนกว่าจะประกาศ 19% นี่ยังเหนือกว่าประเทศบางประเทศที่เป็นคู่แข่งของเรา

 

ส่วนเรื่องสแกมเมอร์ โอกาสสำคัญที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็คือ ทางต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ยุโรป อังกฤษ ได้ร่วมมือ รวมถึงเกาหลีเข้ามา ทำให้ไทยมีอำนาจต่อรองสูงขึ้นเยอะ

 

ก่อนนายกฯ แพทองธารจะถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่ง มีการประชุมกัน แล้วทางฝ่ายความมั่นคง ทางตำรวจ พล.ต.อ.ธัชชัย ก็ประกาศชัดว่า เราจะถือโอกาสตั้งเป็นศูนย์กลางความร่วมมืออาเซียนในเรื่องการปราบสแกมเมอร์

 

ณ วันนี้ ผมไม่เห็นประเด็นนี้ได้รับการพิจารณาในที่ประชุม ซึ่งเขาอาจจะพูดแล้ว ไม่ได้มีการนำไปคุยต่อ แต่นี่เป็นโอกาสสำคัญที่ทำให้เรามีความโดดเด่นในเรื่องนี้ แล้วแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนไทยที่ดำรงอยู่ แก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่ดำรงอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญที่น่าจะไปปรากฏในการประชุมอาเซียน ที่เพิ่งเกิดขึ้น ที่ปรัมป์ก็มา แต่การประชุมเอเปกเป็นเรื่องเศรษฐกิจ

 

เรื่องใกล้ๆ ที่เป็นเรื่องเดือดร้อนของเรา นอกจากเรื่องชายแดนแล้ว เรื่องสแกมเมอร์ กลับไม่สามารถทำให้โดดเด่นขึ้นมาจนกระทั่ง เราเป็นคนจัดการ เห็นชัดประเทศไทยคืออยู่ตรงกลาง ไม่ว่าจะเป็นพม่าหรือกัมพูชา แล้วเราเป็นศูนย์กลางที่จะดูแลปราบปราม ระดมขอความร่วมมือทางด้านข้อมูล ระดมขอความร่วมมือในการจัดการเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ได้ดี แต่เรื่องนี้ไม่ถูกหยิบยกขึ้นมาให้เด่น

 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสหรัฐอเมริกาแบน ยึดทรัพย์ชาวกัมพูชาที่มีผลต่อเรื่องสแกมเมอร์
อังกฤษยึดทรัพย์ เกาหลีมาพอดี คนของเขามีปัญหาสแกมเมอร์ แล้วเขาเข้ามาพบนายกฯ ฮุน มาเนต เพื่อขอความร่วมมือปราบปรามสแกมเมอร์

 

สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีจังหวะที่เราสามารถในทุกเรื่อง ในฐานะประเทศที่อยู่ใกล้ชิด ขอความร่วมมือ เราเป็นศูนย์กลางได้เป็นอย่างดีเพื่อดูแลผลประโยชน์ของคนไทย ในที่สุดถ้าเราไม่ทำอะไร ก็ถูกตั้งข้อสงสัยได้ว่าเรามีส่วนได้ส่วนเสีย

 

ส่วนรัฐบาลอนุทินเพิ่งเข้ามาช่วงสั้นมาก สิ่งที่เขาทำไว้หลายเรื่องเป็นเรื่องที่ดีที่ทำต่อเนื่องจากรัฐบาลเพื่อไทย อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะอยู่ช่วงสั้นๆ ก็มีปัญหาซึ่งสร้างคำถามกับสังคมแล้ว เรื่องสแกมเมอร์กับแร่แรร์เอิร์ธ

 

รัฐบาลพรรคเพื่อไทยทำอะไรที่สำเร็จไว้แล้ว แต่ไม่ได้ถูกจดจำ

The post ‘แพทองธารคือจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย’ นพ.พรหมินทร์ มองอุดมการณ์ไม่ใช่เรื่องฝีปากแต่เป็นเรื่องฝีมือ appeared first on THE STANDARD.

]]>
​ป.ป.ช. รับไต่สวน ครม.เศรษฐา โยกงบ 3.5 หมื่นล้าน ทำดิจิทัลวอลเล็ต เข้าข่ายผิด ม.157 เหตุไม่ตั้งงบชดเชย ส่วน ครม.อิ๊งรอด https://thestandard.co/srettha-wallet-budget-investigation/ Fri, 31 Oct 2025 10:38:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1138283 ป.ป.ช. รับไต่สวน ครม.เศรษฐา โยกงบ 3.5 หมื่นล้าน ทำ ดิจิทัลวอลเล็ต เข้าข่ายผิด ม.157 เหตุไม่ตั้งงบชดเชย ส่วน ครม.อิ๊งรอด

วันนี้ (31 ตุลาคม) สุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรร […]

The post ​ป.ป.ช. รับไต่สวน ครม.เศรษฐา โยกงบ 3.5 หมื่นล้าน ทำดิจิทัลวอลเล็ต เข้าข่ายผิด ม.157 เหตุไม่ตั้งงบชดเชย ส่วน ครม.อิ๊งรอด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ป.ป.ช. รับไต่สวน ครม.เศรษฐา โยกงบ 3.5 หมื่นล้าน ทำ ดิจิทัลวอลเล็ต เข้าข่ายผิด ม.157 เหตุไม่ตั้งงบชดเชย ส่วน ครม.อิ๊งรอด

วันนี้ (31 ตุลาคม) สุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยถึงกรณีกล่าวหา เศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กับพวก ร่วมกันแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนงบประมาณรายจ่ายสำหรับเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และรายจ่ายตามข้อผูกพันที่กฎหมายกำหนดให้จ่าย รวมถึงการเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568

 

จากการสอบสวนปรากฏข้อเท็จจริงดังนี้

 

ข้อกล่าวหาที่ 1 กรณีกล่าวหาว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับพวก ได้ร่วมกันแปรญัตติในทางลดหรือตัดทอนงบประมาณรายจ่ายของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) จำนวน 5 แห่ง วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินส่งใช้ต้นเงินกู้ ดอกเบี้ยเงินกู้ และรายจ่ายตามข้อผูกพันที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง (1)(2)(3)

 

รับฟังได้ว่า สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงการคลัง จำนวน 5 แห่ง ได้แก่ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือ EXIM Bank ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ได้พิจารณาเสนอปรับลดงบประมาณของตนเองลง

 

ตามแนวทางที่ได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างสำนักงานเศรษฐกิจการคลังและสำนักงบประมาณ รวมวงเงินงบประมาณที่ถูกปรับลด เป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 35,000 ล้านบาท แล้วนำไปเพิ่มเป็นรายจ่ายงบกลาง เพื่อนำไปใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล (หรือโครงการเติมเงิน 10,000 บาท) โดยมิได้เกิดจากฝ่ายของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หรือคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ เป็นผู้เสนอขอแปรญัตติเองตามระเบียบหรือข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อปรับลด ตัดทอน หรือเปลี่ยนแปลงงบประมาณรายจ่ายของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) แต่อย่างใด

 

ดังนั้น จึงไม่มีการแปรญัตติของ สส. และคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ อันเป็นองค์ประกอบความผิดตามรัฐธรรมนูญ คดีจึงไม่มีมูลเป็นความผิดฐานฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคหนึ่ง (3) ตามที่มีการกล่าวหา

 

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังเคยมีคำวินิจฉัยว่า การยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ต้องอยู่ในระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา หากร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณดังกล่าวได้รับการพิจารณาเสร็จสิ้น และเป็นกฎหมายใช้บังคับแล้ว ย่อมไม่เข้าหลักเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่จะเสนอเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญได้

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงไม่มีกรณีต้องเสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป จึงมีมติให้ยุติการสอบสวนทางลับ ตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

 

อย่างไรก็ดี เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงจากการสอบสวนว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มอบนโยบายหรือมีมติสั่งการให้สำนักงบประมาณ (สงป.) ร่วมกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ดำเนินการให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) จำนวน 5 แห่ง พิจารณาทบทวนงบประมาณรายจ่ายที่ได้ตั้งคำขอไว้ โดยให้เสนอปรับลดงบประมาณของตนเองลงเพื่อเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณดังกล่าวไปเป็นค่าใช้จ่ายในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล

 

ต่อมา ครม. ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2567 มีมติเห็นชอบการเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ตามที่ SFIs เสนอ โดยปรับลดงบของทั้ง 5 แห่ง รวมวงเงิน 35,000 ล้านบาท แล้วนำไปเพิ่มเป็นรายจ่ายงบกลาง เพื่อนำไปใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล

 

จนกระทั่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 2568 และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีมติเห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าว ทั้งที่งบของ SFIs ดังกล่าวมีสถานะเป็นภาระทางการเงินที่รัฐบาลต้องตั้งงบชดเชยตามกฎหมาย ได้แก่ พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 28 และ พ.ร.บ. การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2562 มาตรา 28

 

แต่รัฐบาลของเศรษฐา ทวีสิน กลับดำเนินการปรับลดงบประมาณในส่วนของ SFIs ทั้ง 5 แห่งลง โดยไม่ได้ตั้งงบชดเชยให้ในปีงบประมาณ 2568 การกระทำดังกล่าวจึงเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม พ.ร.บ. วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 มาตรา 9 และมาตรา 20 วรรคแรก (5) โดยมีเจตนาเพื่อโยกงบไปใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย เพื่อสร้างความนิยมทางการเมือง อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบการคลังของประเทศ

 

คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้รับเรื่องไว้ไต่สวน ตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

 

โดยให้ดำเนินการไต่สวนบุคคลหรือคณะบุคคล ดังนี้ 1. เศรษฐา ทวีสิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 2. ครม. ในรัฐบาลของเศรษฐา ทวีสิน ที่เข้าร่วมประชุมและมีมติเห็นชอบกับการปรับลดงบประมาณ 3. พรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 4. กรณินทร์ กาญจโนมัย รองผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ

 

สำหรับผู้ถูกร้องรายอื่น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติดังนี้ 1. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ครม. ในรัฐบาลของ แพทองธาร ชินวัตร มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับเรื่องไว้ไต่สวน เนื่องจากขณะนั้นยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการแปรญัตติปรับลดงบประมาณ

 

2.คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ปี 2568 ป.ป.ช. เสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 ไม่รับเรื่องไว้ไต่สวน เนื่องจากข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏพฤติการณ์หรือพยานหลักฐานชัดเจน

 

3. สส. และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่ลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ป.ป.ช. มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รับเรื่องไว้ไต่สวน

 

ข้อกล่าวหาที่ 2 กรณีกล่าวหาว่าเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กับพวก ได้ร่วมกันแปรญัตติเพิ่มงบประมาณรายจ่ายให้กับกองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภาของสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 1,256,710,300 บาท

 

ป.ป.ช. ตรวจสอบแล้วพบว่า คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ มีมติไม่เห็นชอบการขอเพิ่มงบดังกล่าว และร่าง พ.ร.บ. งบประมาณที่ประกาศใช้มียอดงบตรงกับที่เสนอเดิม คือ 220,184,400 บาท จึงไม่ปรากฏการแปรญัตติเพิ่มงบกองทุนดังกล่าว คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติว่า ข้อกล่าวหาไม่มีมูล ให้ยุติการสอบสวนทางลับ

The post ​ป.ป.ช. รับไต่สวน ครม.เศรษฐา โยกงบ 3.5 หมื่นล้าน ทำดิจิทัลวอลเล็ต เข้าข่ายผิด ม.157 เหตุไม่ตั้งงบชดเชย ส่วน ครม.อิ๊งรอด appeared first on THE STANDARD.

]]>
จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย https://thestandard.co/chulaphan-claims-ten-million-votes/ Fri, 31 Oct 2025 07:56:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1138039 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย

วันนี้ (31 ตุลาคม) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่วิสามัญ […]

The post จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย

วันนี้ (31 ตุลาคม) ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย เพื่อเลือกหัวหน้าพรรค กรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยชุดใหม่ ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยได้คะแนน 354 คะแนน จากผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งหมด 369 คน และมีคนไม่ประสงค์ลงคะแนน 15 คน

 

มี ประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นเลขาธิการพรรค ขณะที่ โฆษกพรรคคือ ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ซึ่งภายหลังทราบผล แพทองธาร ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรค ได้มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีให้กับ จุลพันธ์ และประเสริฐ จากนั้น กรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ได้ขึ้นเวทีเพื่อร่วมถ่ายภาพ

 

จุลพันธ์ได้แสดงวิสัยทัศน์หลังรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคช่วงหนึ่งว่า ขอบคุณสมาชิกที่ไว้วางใจให้คณะกรรมการชุดใหม่เข้ามาขับเคลื่อนพรรค ตนอยู่กับพรรคนี้มาตั้งแต่ไทยรักไทยกว่า 25 ปี

 

“เรามีความทรงจำมากมายที่ผ่านมาด้วยกัน ทั้งความสำเร็จ ทั้งอุปสรรค ไม่ใช่ถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบอย่างแน่นอน เราผ่านการต่อสู้ทางการเมืองทุกรูปแบบ ทั้งบนถนน ทั้งในสภา แต่เรายังคงอยู่มาได้ เราผ่านการปฏิวัติรัฐประหาร เราผ่านการตัดสิทธิ์ผู้บริหารพรรค นายกรัฐมนตรีโดนถอดถอนหลายครั้ง เขาพยายามปิดปากพวกเรา แต่พวกเรายังคงอยู่ เรายังคงสู้ วันนี้เป็นอีกวันในการส่งไม้ต่อในการเดินหน้าพรรคการเมืองเดินหน้านโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชน” จุลพันธ์กล่าว

 

จุลพันธ์ยอมรับว่า สัญญาณจากประชาชนและสื่อมวลชนเรียกร้องให้พรรคต้องมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งการยกเครื่องพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นความจำเป็นต้องเดิน โดยจากนี้พรรคจะปรับปรุงการสื่อสารกับประชาชนให้รวดเร็วทันท่วงที คัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณภาพ และย้อนกลับไปทำนโยบายที่โดนใจตอบโจทย์พี่น้องประชาชน

 

​จุลพันธ์กล่าวด้วยว่า จิตวิญญาณที่ว่า หัวใจคือประชาชนยังคงอยู่กับคณะกรรมการชุดนี้ทุกคน พร้อมขอให้สมาชิกพรรคเชื่อมั่น และเชื่อว่ามีพี่น้องประชาชนอีก 10 ล้านคน ที่จะคอยเป็นกำลังผลักดันให้กับพรรคเพื่อไทย และพร้อมจะนำพาพรรคสู่ชัยชนะและเป็นรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งถัดไปให้ได้

 

จุลพันธ์ยังให้สัมภาษณ์ระบุว่า มั่นใจว่าจะสามารถนำพรรคคว้า 200 ที่นั่งในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ เชื่อว่าประชาชนยังคงให้การต้อนรับพรรคอย่างดี และพรรคกำลังอยู่ระหว่างการยกเครื่อง ทั้งการคัดเลือกผู้สมัคร กลไกการสื่อสาร และนโยบาย เพื่อสร้างความไว้วางใจกลับคืนมา

 

ส่วนนโยบายที่ทำไม่สำเร็จในรัฐบาลที่แล้วอย่างโครงการเติมเงินผ่านกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว และพรรคได้พยายามทำแล้วครึ่งหนึ่งสำหรับกลุ่มเปราะบางก่อนหมดวาระ และอีกครึ่งทางที่เหลือเราไม่ได้เป็นรัฐบาลก็ไม่ได้สานต่อ

 

จุลพันธ์ยังปฏิเสธกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยเลือดหยุดไหลว่า เป็นเพียงศัพท์ของสื่อ ยืนยันว่าพรรคมีคนจำนวนมาก จนต้องคัดให้เหลือเพียงคนเดียว และยังมีผู้สมัครใหม่ไหลเข้าพรรคทุกวัน ซึ่งมีจำนวนมากกว่าคนที่ออกไป และวันที่ 7 พฤศจิกายน ขอให้มาติดตามด้วยมีการเปิดตัวผู้สมัครอีก 1 ชุด และจะมีการทยอยเปิดตัวเรื่อยๆ จนกว่าจะครบ 400 เขต

 

พร้อมยอมรับว่า ตระกูลชินวัตรมีความผูกพันทางใจกับพรรคอย่างปฏิเสธไม่ได้ อย่าไปหลอกตัวเอง โดยอุดมการณ์เริ่มมาจาก ทักษิณ ชินวัตร แต่การที่ แพทองธาร ชินวัตร ลาออก และไม่มีตระกูลชินวัตรในกรรมการบริหารชุดใหม่ ถือเป็นการถ่ายเลือด ที่ถูกต้อง เพื่อให้พรรคเติบโตเป็นสถาบันการเมืองที่เข้มแข็ง

 

ทั้งนี้ แพทองธารจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ซึ่งเป็นความผูกพันทางใจ ซึ่งจุลพันธ์ย้ำว่า ตนในฐานะหัวหน้าพรรคมีอำนาจบริหารจัดการพรรคอย่างสมบูรณ์ ส่วนประเด็นแคนดิเดตนายกฯ ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่พรรคจะคัดสรร 3 รายชื่อที่ตอบโจทย์ประชาชน สำหรับการทำงานในสภาฯ จะยังไม่รีบยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยขอดูข้อมูลข้อเท็จจริงก่อน เพื่อไม่ให้เป็นการฉายหนังเก่า

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อเข้ามารับตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วจะไปพูดคุยกับสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ให้กลับมาอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ จุลพันธ์กล่าวว่า “มีการคุยกันอยู่เดี๋ยวก็มา”

 

จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 1 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 2 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 3 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 4 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 5 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 6 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 7 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 8 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 9 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 10 จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำ เพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย 11

The post จุลพันธ์ประกาศพร้อมนำเพื่อไทยไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อมี 10 ล้านเสียงสนับสนุน รับยกเครื่องรับไม่ใช่ภารกิจง่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษกรัฐบาลเตือน อย่าเชื่อคลิปชวนสมัครรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ย้ำยุคอนุทินมีเพียงโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ https://thestandard.co/anutin-warns-digital-scam/ Wed, 29 Oct 2025 02:29:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1136682 โฆษกรัฐบาลเตือน อย่าเชื่อคลิปชวนสมัครรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ย้ำยุค อนุทิน มีเพียงโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’

วานนี้ (28 ตุลาคม) สิริพงศ์ อังสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำน […]

The post โฆษกรัฐบาลเตือน อย่าเชื่อคลิปชวนสมัครรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ย้ำยุคอนุทินมีเพียงโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษกรัฐบาลเตือน อย่าเชื่อคลิปชวนสมัครรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ย้ำยุค อนุทิน มีเพียงโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’

วานนี้ (28 ตุลาคม) สิริพงศ์ อังสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อ กรณีมีการเผยแพร่คลิปทางโซเชียล เชิญชวนให้ประชาชนสมัครลงทะเบียนรับเงินโครงการดิจิทัล 10,000 บาท โดยยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ดำเนินโครงการดิจิทัล 10,000 บาท และไม่มีนโยบายให้ประชาชนลงทะเบียนผ่านช่องทางต่างๆ ขอประชาชนอย่าตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หลอกลวงประชาชนทำให้สูญเสียข้อมูลส่วนตัว และสูญเสียเงิน

 

สิริพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลดำเนินโครงการคนละครึ่งพลัสเท่านั้น ซึ่งเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังเฟสแรกครบ 20 ล้านคนแล้ว โดยจะเริ่มให้ผู้ได้รับสิทธิเริ่มใช้จ่ายผ่านแอปเป๋าตัง ตั้งแต่วันนี้ (29 ตุลาคม) เป็นต้นไป ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับสิทธิรัฐบาลจะเปิดเฟส 2 ในลำดับต่อไป โดยคาดว่าจะดำเนินการประมาณช่วงมกราคม 2569

 

“รัฐบาลห่วงใยประชาชน ในช่วงเวลานี้กระแสโครงการคนละครึ่งพลัส ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นจำนวนมาก ทำให้มิจฉาชีพฉวยโอกาสทำคลิปแอบอ้างหลอกลวงให้ประชาชนลงทะเบียนโครงการดิจิทัลแจกเงิน 10,000 บาท โดยแนบลิงก์ให้ประชาชนกดลงทะเบียน ขอประชาชนตั้งสติอย่าหลงเชื่อข่าวปลอม ยืนยันรัฐบาลไม่มีนโยบายดำเนินโครงการดิจิทัลแจกเงิน 10,000 อย่างแน่นอน” สิริพงศ์กล่าวย้ำ

The post โฆษกรัฐบาลเตือน อย่าเชื่อคลิปชวนสมัครรับเงินดิจิทัล 10,000 บาท ย้ำยุคอนุทินมีเพียงโครงการ ‘คนละครึ่งพลัส’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อินไซต์คนไทย เลือก ‘คนละครึ่ง’ แทน ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ พร้อมเสนอเพิ่มวงเงิน-ขยายเวลา https://thestandard.co/thai-insight-half-half-vs-digitalmoney/ Mon, 29 Sep 2025 12:57:48 +0000 https://thestandard.co/?p=1124462 คนละครึ่ง

ดาต้าเซ็ต เผยอินไซต์ พบ ประชาชนส่วนใหญ่หนุนโครงการ ‘คนล […]

The post อินไซต์คนไทย เลือก ‘คนละครึ่ง’ แทน ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ พร้อมเสนอเพิ่มวงเงิน-ขยายเวลา appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนละครึ่ง

ดาต้าเซ็ต เผยอินไซต์ พบ ประชาชนส่วนใหญ่หนุนโครงการ ‘คนละครึ่ง’ มากกว่า ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ ทั้งนี้ ประชาชนส่วนใหญ่คาดหวังให้รัฐบาลปรับเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายต่อวัน รวมถึงขยายระยะเวลาโครงการแบ่งเป็นหลายเฟส อย่างไรก็ตาม ความเห็นเกี่ยวกับแบบการให้เงินอุดหนุน ‘60:40’ และ ‘50:50’ กลับแตกออกเป็นสองฝั่ง ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย 

 

วันนี้ (29 กันยายน) บริษัท ดาต้าเซ็ต จำกัด เผยแพร่ผลการฟังเสียงผู้บริโภคบนสื่อสังคมออนไลน์ (Social Listening) ที่ได้ทำการรวบรวมข้อมูล เมื่อช่วงวันที่ 4 กันยายน – 21 กันยายน 2568 เพื่อถอดรหัส หา Insight เบื้องหลัง ท่ามกลางกระแสการปัดฝุ่นนโยบาย ‘คนละครึ่ง’

 

จากการสำรวจ พบว่า เสียงส่วนใหญ่ต้องการให้นโยบาย ‘คนละครึ่ง’ กลับมาอย่างชัดเจน ซึ่งประชาชนมีข้อเสนอ และความคาดหวังต่อนโยบายที่สำคัญแตกต่างกันไปดังนี้

 

โดย 50% ให้ความสำคัญกับการปรับเพิ่มวงเงินการใช้จ่ายต่อวัน เพื่อให้สอดคล้องกับค่าครองชีพในปัจจุบัน และต้องการขยายโครงการออกเป็นหลายเฟส เพื่อยืดเวลาแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย 

 

ขณะที่ 40% มองว่า ควรใช้แอป ‘เป๋าตัง’ ตามเดิม และไม่ต้องการให้ผู้ที่เคยได้รับ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ ได้รับสิทธิ์ซ้ำ เพื่อกระจายความช่วยเหลือให้กับผู้ที่ยังไม่เคยได้รับโอกาส แต่ยังมอบสิทธิ์ให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมกลุ่มคนเปราะบาง

 

ส่วนอีก 10% มองว่า ควรจำกัดการใช้จ่ายเฉพาะร้านค้าขนาดเล็ก หรือร้านหาบเร่แผงลอยที่ขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อให้เม็ดเงินกระจายไปสู่ผู้ประกอบการรายย่อยอย่างทั่วถึง และไม่กระจุกตัวอยู่กับร้านสะดวกซื้อหรือนายทุนรายใหญ่ รวมถึง เสนอให้เพิ่มเงื่อนไขส่งเสริมสินค้าที่ผลิตโดยคนไทย (Made in Thailand) เพื่อช่วยผู้ผลิตในประเทศอีกด้วย  

 

คนละครึ่ง

 

เสียงส่วนใหญ่หนุน ‘คนละครึ่ง’ มากกว่า ‘เงินหมื่นดิจิทัล’

 

ทั้งนี้ เมื่อนำนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระหว่าง ‘คนละครึ่ง’ และ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ มาเปรียบเทียบ พบว่าประชาชนส่วนใหญ่มีความสนใจนโยบาย ‘คนละครึ่ง’ มากกว่า ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ ในสัดส่วน 60% ต่อ 22% 

 

โดยประชาชนส่วนใหญ่มองว่าโครงการ ‘คนละครึ่ง’ มีความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพมากกว่า โครงการ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ โดยมองว่า ‘คนละครึ่ง’ เป็นโครงการที่จับต้องได้และเห็นผลชัดเจน ซึ่งสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และทำให้เงินหมุนเวียนไปยังร้านค้ารายย่อยได้จริง

 

สำหรับกลุ่มที่ชื่นชอบโครงการ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ มากกว่า ‘คนละครึ่ง’ มองว่า การได้รับเงินก้อนจำนวนหนึ่งหมื่นบาทตรงกับความต้องการมากกว่า เพราะสามารถนำไปใช้กับภาระหนี้สินหรือซื้อของชิ้นใหญ่ที่จำเป็น หรือสามารถใช้เป็นทุนหมุนเวียนได้ในยามจำเป็น ขณะที่โครงการคนละครึ่งมีข้อจำกัดในการใช้จ่ายแต่ละครั้ง

 

อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มคนซึ่งไม่เชื่อมั่นในนโยบายภาครัฐอีกกว่า 18% ซึ่งมีความผิดหวังและสูญเสียความไว้วางใจต่อนโยบายภาครัฐมาก่อน ในโครงการ ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ และ โครงการ ‘รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย’

 

 

เสียงแตก ประเด็นรัฐหนุนผู้จ่ายภาษี 60:40 

 

ทั้งนี้ หนึ่งในประเด็นที่ได้รับการถกเถียงอย่างร้อนแรง และความเห็นถูกแบ่งเป็นสองฝั่ง ได้แก่แนวคิดของการปรับสัดส่วนร่วมจ่าย ซึ่งรัฐให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผ่านการอุดหนุนเงิน 60:40 ขณะที่ประชาชนทั่วไปได้อัตรา 50:50 ตามเดิม

 

อย่างไรก็ตาม ฝั่งสนับสนุนได้แสดงถึงความเข้าใจและยอมรับ โดยมองว่าการปรับสัดส่วนการร่วมจ่ายนั้น มีความสมเหตุสมผล และเป็นการตอบแทนพลเมืองที่ปฏิบัติหน้าที่เสียภาษีอย่างครบถ้วน ซึ่งอาจจูงใจให้ประชาชนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น

 

ในทางกลับกัน ฝั่งคัดค้านซึ่งแสดงความไม่เห็นด้วยอย่างชัดเจน มองว่า การสร้างเงื่อนไขใหม่ที่ให้สิทธิประโยชน์แตกต่างกันนั้นไม่ต่างอะไรกับการ “แบ่งแยกชนชั้น” และสร้างความซับซ้อนโดยไม่จำเป็น

 

สุดท้ายนี้ จากการวิเคราะห์มุมมองผู้บริโภคในสื่อสังคมออนไลน์จะพบว่า ‘คนละครึ่ง’ ยังคงเป็นโครงการที่ได้รับความสนใจจากประชาชนในระดับสูง ซึ่งมีความคาดหวังให้มีการปรับปรุงและพัฒนาโครงการเพิ่มเติม เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชนมากยิ่งขึ้น

 

The post อินไซต์คนไทย เลือก ‘คนละครึ่ง’ แทน ‘เงินหมื่นดิจิทัล’ พร้อมเสนอเพิ่มวงเงิน-ขยายเวลา appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชูศักดิ์เชื่อ คดี ม.144 ร้องเอาผิด ครม.-สมาชิกรัฐสภา ไม่ซ้ำรอยพิเชษฐ์ เหตุทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงยุ่งเกี่ยวงบประมาณ https://thestandard.co/chusak-section-144-budget-case/ Mon, 04 Aug 2025 08:33:17 +0000 https://thestandard.co/?p=1103438 ชูศักดิ์ ศิรินิล แถลงข่าวในรัฐสภาเกี่ยวกับคดี ม.144 และงบประมาณปี 2568

วันนี้ (4 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐม […]

The post ชูศักดิ์เชื่อ คดี ม.144 ร้องเอาผิด ครม.-สมาชิกรัฐสภา ไม่ซ้ำรอยพิเชษฐ์ เหตุทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงยุ่งเกี่ยวงบประมาณ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชูศักดิ์ ศิรินิล แถลงข่าวในรัฐสภาเกี่ยวกับคดี ม.144 และงบประมาณปี 2568

วันนี้ (4 สิงหาคม) ที่อาคารรัฐสภา ชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 พ้นสมาชิกภาพ เนื่องจากกระทำการขัดต่อมาตรา 144 ว่าด้วยการมีส่วนแปรญัตติในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จะกำชับเรื่องการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณอย่างไรไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย โดยระบุว่า คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญคล้ายจะชี้ว่าพิเชษฐ์มีส่วนกับการแปรญัตติ ศาลจึงวินิจฉัยไปตามนั้น

 

สำหรับกรณีคดีที่กลุ่ม ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, สมชาย แสวงการ, เจษฎ์ โทณะวณิก ยื่นร้องคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เอาผิดคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน และ ครม. แพทองธาร ชินวัตร ต่อเนื่องกัน สืบเนื่องจากรัฐบาลดังกล่าวได้เสนอเรื่องต่อกรรมาธิการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 

 

รวมถึงร้องเอาผิดสมาชิกรัฐสภา ทั้ง สส. และ สว.ที่ร่วมกันลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 กรณีรัฐบาลโยกงบปี 2568 วงเงิน 35,000 ล้านบาท ที่เดิมสำนักงบประมาณจัดสรรไว้ให้สถาบันการเงินของรัฐ 5 แห่งเพื่อชำระหนี้เงินกู้ ดอกเบี้ย และเงินที่กำหนดให้จ่ายตามกฎหมาย แต่รัฐบาลนำเงินดังกล่าวไปแจกเป็นเงินหมื่นให้ประชาชน หรือดิจิทัลวอลเล็ต ขัดต่อมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญนั้น

 

ชูศักดิ์ระบุว่า ตามที่ตนเองจับหลักการจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ว่า ถ้า พ.ร.บ.งบประมาณผ่านสภาไปแล้ว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงพระปรมาภิไธยแล้ว ศาลจะไม่ไปยุ่ง ดังนั้นศาลจึงไม่รับคำร้องในส่วน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 เนื่องจากเป็นกฎหมายแล้ว มีการลงพระปรมาภิไธยแล้ว ศาลจึงรับคำร้องเฉพาะร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ที่กำลังพิจารณาอยู่

 

ชูศักดิ์กล่าวว่า กรณีที่มีผู้ร้องต่อ ป.ป.ช. เป็นการร้องทั่วไปหมด ทั้งร่าง พ.ร.บ. งบประมาณตั้งแต่ปี 2568 ซึ่งแน่นอนที่สุดว่า พ.ร.บ.งบประมาณปี 2568 จบไปแล้ว ส่วนคำวินิจฉัยในส่วน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2569 ประเด็นที่ศาลวินิจฉัยคือ ต้องมีข้อเท็จจริงว่าผู้นั้นเข้าไปเกี่ยวข้องกับการแปรญัตติ หากไม่มีข้อเท็จจริงนี้ก็จบ

 

“ครม. ก็ดี สส. ก็ดี ต่างก็พิจารณาไปตามที่หน่วยรับงบประมาณเสนอมา เขาทำตามหน้าที่และอำนาจที่มีอยู่ เว้นแต่จะมีข้อเท็จจริงว่าเขาไปเกี่ยวข้องไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมก็อีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข้อเท็จจริงนั้น” ชูศักดิ์กล่าว

 

ชูศักดิ์ยังยืนยันว่า ผู้เสนอโครงการดิจิทัลวอลเล็ตก็ไม่เข้าข่ายเช่นกัน

 

มองปม ‘นายกฯ คนนอก’ เป็นแนวคิดนอกระบบ

 

สำหรับความเป็นไปได้ที่หาก แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ จะนำมาสู่แนวคิดนายกรัฐมนตรีคนนอกนั้น ชูศักดิ์กล่าวว่า จากประสบการณ์ของตนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่นายกรัฐมนตรีคนนอกจะมาจากแนวคิดนอกระบบ สังเกตดูว่านายกรัฐมนตรีจากมาตรา 7 หรือมาตราใดๆ มักจะเข้ามาในช่วงเวลาที่มีสถานการณ์แบบนี้ ซึ่งเป็นแนวคิดที่ปฏิเสธการเมือง และนำอำนาจนอกระบบมาเป็นรัฐบาล ส่วนตัวคิดว่าเป็นไปได้ยาก

 

“คราวนี้ก็ชัดเจน ถามว่าทำไมคุณข้ามคุณชัยเกษม นิติสิริ นอกจากคุณชัยเกษมก็ยังมีคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย หรือใครต่อใคร ถ้ามันเกิดอะไรขึ้น คนเหล่านี้ก็ยังคงเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ก็จะถูกข้ามจากระบบไปเลย” ชูศักดิ์กล่าว

The post ชูศักดิ์เชื่อ คดี ม.144 ร้องเอาผิด ครม.-สมาชิกรัฐสภา ไม่ซ้ำรอยพิเชษฐ์ เหตุทำตามอำนาจหน้าที่ ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงยุ่งเกี่ยวงบประมาณ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชาดาโวย ธปท. ค่าธรรมเนียมสูงลิบ คนจนไม่ได้โงหัว ชี้ ทางออกเดียวคือแจกดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจ https://thestandard.co/chada-voiced-digital-wallet-economy/ Wed, 11 Jun 2025 08:42:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1084024 ชาดา ไทยเศรษฐ์อภิปรายค่าธรรมเนียมธนาคารสูง เรียกร้องแจกเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต

วันนี้ (11 มิถุนายน) ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจ […]

The post ชาดาโวย ธปท. ค่าธรรมเนียมสูงลิบ คนจนไม่ได้โงหัว ชี้ ทางออกเดียวคือแจกดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชาดา ไทยเศรษฐ์อภิปรายค่าธรรมเนียมธนาคารสูง เรียกร้องแจกเงิน ดิจิทัลวอลเล็ต

วันนี้ (11 มิถุนายน) ในการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2569 วาระพิจารณาภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยได้เชิญหน่วยงานและสถาบันการเงิน 4 หน่วยงานเข้าชี้แจง ได้แก่ กระทรวงการคลัง, สภาพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ, ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงบประมาณ

 

ช่วงต้นของการประชุม ชาดา ไทยเศรษฐ์ สส. อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย สอบถาม ธปท. ว่า การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ คิดแบบบ้านๆ แบบคนเลี้ยงวัวเลี้ยงควาย ตอนนี้เงินไม่ไปสู่รากหญ้า ราคาพืชผลเกษตรกรก็ถูก ปัญหาคือธนาคารก็จะถ่างออกไป มีค่าธรรมเนียมต่างหาก ถามว่าวันนี้ใครควบคุม แล้วท่านปล่อยให้เงินเข้าสู่ระบบการก่อสร้างอย่างเดียว ทำไมไม่เรียกมาอบรม พัฒนาฝีมือแรงงาน

 

“ผมก็ความรู้น้อย แต่อย่างอินโดนีเซียที่เขาแจกเงินเดือนแล้วให้ไปทำวิจัย ซึ่งผมเห็นด้วยเลย เอาเงินหมื่นมาปรับเสีย แล้วเอามาให้คนที่เป็นนักศึกษา ชนชั้นกลาง วันนี้โลกมีโซเชียลมีเดียแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้น กลุ่มทุนจะถูกคนชั้นล่างรุมทึ้งไปแล้ว ตอนนี้มีโซเชียล เด็กรุ่นใหม่ไปขายอะไรต่ออะไรได้ ขายตรงได้ แต่ ธปท. ไม่เคยดูเลย ประเทศไทยใช้ตัวหลักทรัพย์อย่างเดียว ไม่ได้มีวิเคราะห์โครงการ ลูกหลานคนจนทำงานเก่งแต่ไหน ไม่มีโอกาสโงหัวทางสังคม ผมถาม แล้ววันนี้ใครรับผิดชอบ ผมสงสัยอย่างเดียว ผมได้ยินชื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมานานแล้วครับ ผมก็ว่าเขาต้องเป็นคนควบคุมธนาคารต่างๆ แต่เขาปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้จนกลุ่มทุนนั้นเกิดช่องว่าง” ชาดากล่าว

 

ชาดาระบุว่า ปัญหาจะเยอะขึ้นในภายภาคหน้า ถ้าท่านไม่ดูเรื่องนี้ แล้วการหดตัวทางเศรษฐกิจ รับเหมาก่อสร้างมันเป็นแค่ระบบหนึ่ง แต่วันนี้ต้องพัฒนาคุณภาพคน สงสัยว่าเงินแสนกว่าล้านในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ได้เป็นรายได้เพิ่มขึ้น ก็สมควรมาใช้จ่าย เห็นว่าพรรคเพื่อไทยหาเสียงเรื่องเงินดิจิทัล แต่พอเลือกตั้งมาเป็นรัฐบาลแล้ว จะแจกเงินก็ถูกขวางเลย เห็นธนาคารแห่งประเทศไทยบ้าง หน่วยงานต่างๆ บ้าง ออกมาเสนอความคิดเห็น

 

“ผมมองว่านี่พรรคการเมืองเขาเป็นคนวางนโยบายเข้ามา เขาต้องมีสิทธิ์ทำในระดับหนึ่ง แต่เวลาจะทำเพื่อคนจนจริงๆ คนชั้นล่างจริงๆ ท่านไม่ให้ทำ แล้วก็บอกว่าระบบเศรษฐกิจจะเสียหายอย่างนั้นอย่างนี้ ผมก็บอกว่า แหม่ ถ้าผมเป็นพรรคเพื่อไทยนะ ผมไม่ยอม อย่างไรผมก็ไม่ยอม เอามาปรับสิครับ วันนี้มีช่องทางเดียว เงินตรงนี้แหละที่จะถึงประชาชนจริงๆ และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจจริงๆ ไม่ใช่กระตุ้นด้วยโครงการรับเหมาก่อสร้างอย่างเดียว นั่นมันโบราณมากแล้วครับ”

 

ชาดาระบุว่า เป็นกรรมาธิการมา 8 ปี แต่เห็นตัวเลขแล้วต่างๆ แล้วจำไว้ในสมองเลยว่าตัวเลขพวกนี้เป็นตัวเลขแบบเดิม เป็นแบบนี้มาตลอด แล้วเวลาจะทำอะไรก็ทำไม่ได้ ธนาคารแห่งประเทศไทยช่วยตอบด้วย ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบธนาคาร ท่านควบคุมธนาคารหรือไม่ ธนาคารจะเป็นผู้ค้าที่ไม่มีการควบคุมหรือไม่

 

“อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตอบตรงนี้ สมองของผมจะได้หายโง่ ว่าใครดูแลธนาคาร ใครมีอำนาจในการตั้งค่าธรรมเนียม เพราะแม้กระทั่งเงินของภาครัฐก็ต้องเสียดอกเบี้ย ทุกวันนี้ที่อยู่กันได้ เพราะมันกู้ภายในประเทศ ถ้าเป็นกู้นอกประเทศ เจ๊งกันไปแล้ว เงินที่ได้มาลงทุนก็เสียดอกแล้วมาอยู่ในระบบก็เสียดอกอีก กลายเป็นกลุ่มทุนเอาไปหมด ขอเรียนด้วยความเคารพครับ ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทยตอบผมให้กระจ่างหน่อยครับ”

The post ชาดาโวย ธปท. ค่าธรรมเนียมสูงลิบ คนจนไม่ได้โงหัว ชี้ ทางออกเดียวคือแจกดิจิทัลวอลเล็ตกระตุ้นเศรษฐกิจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นายกฯ แจงเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 เหตุหลายฝ่ายท้วงติง เจอปัญหาแทรกหลายเรื่อง ยืนยันไม่ได้ยกเลิก https://thestandard.co/pm-on-digital-wallet-phase-3/ Sun, 01 Jun 2025 05:54:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1081007

วันนี้ (1 มิถุนายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเ […]

The post นายกฯ แจงเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 เหตุหลายฝ่ายท้วงติง เจอปัญหาแทรกหลายเรื่อง ยืนยันไม่ได้ยกเลิก appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (1 มิถุนายน) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยผ่านรายการ ‘โอกาสไทย กับ นายกแพทองธาร’ ถึงการเลื่อนโครงการเติมเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ว่า เราจะทำดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและเพื่อให้ประชาชนเข้าใกล้กับเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น ซึ่งก่อนหน้านั้นยังไม่มีเรื่องของกำแพงภาษีสหรัฐฯ เราก็ต้องปรับเปลี่ยนแผน และมีการท้วงติงอย่างชัดเจนจากสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เป็นคอมเมนต์ที่เราต้องรับฟัง รับฟังเสียงสะท้อนของประชาชน จากฝ่ายค้านด้วย และจากทุกๆ คนด้วย เอานำความเห็นทุกคนมารวมกัน และหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับประเทศ

 

สิ่งที่รัฐบาลบริหารจัดการ ซึ่งก่อนหน้านั้นที่เราทำเรื่องนี้มา เป็นงบที่วางตั้งแต่ปีที่แล้วเพื่อเข้างบในปีนี้ ซึ่งงบนี้จะหมดในเดือนกันยายนนี้ จะใช้งบนี้ไม่ได้แล้ว เราเลยคิดว่างบก้อนนี้เราพอจะทำอะไรได้บ้าง เราต้องถอยออกมา และมองภาพรวมว่า เมื่อมีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกเราต้องมองเป็นภาพรวมของทั้งประเทศก่อนว่า อะไรที่จะทำให้เงินก้อนนี้ช่วยคนทั้งประเทศได้ดีที่สุด เราเลื่อนเฟส 3 ออกไป ที่บอกว่าพูดมาเลยนายกรัฐมนตรีจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก พูดไม่ได้ ถ้าเศรษฐกิจมันดีขึ้น เหตุการณ์มันดีขึ้น เราก็ยังอยากจะให้พี่น้องประชาชนได้รับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเหล่านี้อยู่เช่นกัน

 

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรีระบุอีกว่า เราก็เปลี่ยนว่าเงินก้อนนี้ 1.57 แสนล้านบาทจะเอาไปทำอะไร เรื่องแรก เราจะทำในเรื่องของน้ำ ภาพใหญ่ในเรื่องของน้ำเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนในประเทศ อย่างที่เราเจอกันมาคือ เวลาน้ำท่วมลำบากทุกคน กทม. ก็โดนน้ำท่วมมากน้อยแล้วแต่ปีสลับกันไป ฝนตกมาบางทีก็ต้องดูว่าน้ำปล่อยไปทางไหน จังหวัดนี้โดน สักพักอีกจังหวัดหนึ่งก็โดนต่อ ประเทศเพื่อนบ้าน ต้องคุยกันทุกระบบ ทุกรูปแบบ ทุกภาคส่วน ต้องแก้ไขอย่างบูรณาการเท่านั้น ปัญหาเรื่องน้ำเป็นเรื่องใหญ่ประเทศไทยมานานแล้ว ซึ่งต้องใช้งบประมาณอย่างมากในการแก้ไข เงินส่วนหนึ่งในก้อนนี้เราแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ เพื่อให้เรื่องน้ำท่วม น้ำแล้งลดลง ตนทราบว่าฝนมาทุกปีห้ามไม่ได้ แต่ทำอย่างไรให้ความเสียหายและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนลดลงทุกๆ ปี นี่คือเป้าหมายของรัฐบาล

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า อีกอย่างคือน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคอันนี้สำคัญมาก ถ้าวันนี้คนในเมืองดูคลิปนี้อาจจะบอกไม่มีปัญหาเรื่องนี้ แต่มีอีกหลายพื้นที่ที่มีปัญหาในเรื่องนี้ ยังไม่มีน้ำดื่มสะอาดที่จะใช้บริโภค และน้ำยังเป็นต้นทางของการเกษตร ซึ่งพื้นที่เกษตรคือพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศที่ทำรายได้ให้เกษตรกรชาวนา ชาวไร่ ชาวสวน ให้ทุกคนสามารถมีผลผลิตส่งออกให้กับประเทศได้ หาเงินเข้าประเทศได้ ซึ่งเราจะใช้เงินก้อนนี้ดูแลในเรื่องของน้ำ ทั้งน้ำกิน น้ำใช้ น้ำท่วม น้ำแล้ง อุปโภค บริโภค นอกจากนี้ ยังต้องมีน้ำเพื่ออุตสาหกรรมด้วย อีกหน่อยในอนาคตจะมีเรื่องเซมิคอนดักเตอร์อะไรต่างๆ ที่เข้ามาลงทุนอีกมากมาย

 

อีกเรื่องที่สำคัญคือ การคมนาคม เส้นทาง ถนนต่างๆ ที่จะอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ทำให้การติดต่อของพี่น้องประชาชนเป็นไปอย่างง่ายขึ้น ทั้งในประเทศและเชื่อมระหว่างต่างประเทศ สำหรับการเดินทางและการขนส่ง ซึ่งสำคัญมากๆ ถ้าเราทำเรื่องนี้การขนส่งจะสะดวกง่ายมากยิ่งขึ้น เรามองภาพเกษตรกรที่จะส่งของที่มีวันหมดอายุไปต่างประเทศ ไปยังจังหวัดอื่นๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทบ และเราคิดว่ามันสามารถจัดการได้ในระยะสั้นนี้ ในเดือนกันยายนเราสามารถเบิกงบนี้ไปใช้แก้ปัญหาที่คั่งค้างอยู่ได้อย่างรวดเร็วและชัดเจน

 

ยังมีเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งคือรายได้หลักของประเทศ จะพูดไม่ได้เลยว่าเงินก้อนนี้จะไม่ให้เรื่องท่องเที่ยว ต้องให้ ก่อนได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตนมีโอกาสได้ไปเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน ตนเองแปลกใจมากเราได้ยินมาว่าประเทศนั้นประเทศนี้เกี่ยวกับห้องน้ำ ตนไปเซี่ยงไฮ้ล่าสุดมาห้องน้ำทุกที่สะอาดมาก ตึกรามบ้านช่องสะอาดมาก โมเดิร์น เปลี่ยนไปหมดเลย ไม่มีสภาพที่น่ากลัว สกปรก เข้าไม่ได้ ไม่มีเลย เป็นอะไรที่นักท่องเที่ยวอย่างตนรู้สึกว่า แล้วประเทศไทยยังมีที่ตัวที่ตรงนั้นอีกเยอะมากน้อยแค่ไหน เงินส่วนนี้จะไปช่วยในช่วงเรื่องนั้น ที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมที่ชาวต่างชาติมาเห็นบ่อยๆ แล้วเขาจะได้ไปโฆษณาปากต่อปากให้เราได้อีก เราก็ต้องดูแลอย่างมากเช่นกัน

 

เงินก้อนนี้สามารถเบิกและทำให้มันเปลี่ยนแปลงได้ นอกจากนี้ เราจะทำเรื่องกล้องซีซีทีวี ซึ่งสำคัญมาก เราจะให้ต่างชาติไว้ใจว่าถ้ามาประเทศไทย ไม่ว่าจะอาชญากรรมเล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องถูกดูแล ถูกมองเห็น ตำรวจเห็นอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่รัฐบาลมองในภาพรวมว่า ก้อนนี้ถ้าเราไม่ได้รายบุคคลแล้วภาพรวมของประเทศจะได้อะไร แล้วต้องได้จริงๆ ต้องเกิดขึ้นจริงๆ

 

“บางคนถามต่อว่า เรื่องพื้นฐานพวกนี้ ถ้าไม่มีเงินที่จะย้ายมาจากดิจิทัลวอลเล็ต ไม่ทำหรือ ทำค่ะ ยังทำอยู่เสมอ แต่เรื่องนี้ที่ได้มาเรารีบคิดเป็นแผนระยะสั้น ซึ่งดีเลย พอเราได้เงินก้อนนี้มาเรามีแผนระยะกลางและยาวต่ออยู่แล้ว แต่ต้องใช้เวลา ที่จะได้เห็นเป็นรูปธรรม แต่ก้อนนี้ทำให้เห็นเป็นรูปธรรมในระยะสั้นนี้เลย อันนี้คือคำตอบ เราคิด เราเรียงลำดับความสำคัญว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างเมื่อมีปัจจัยแทรกเข้ามาเราก็ต้องถอยว่า เรื่องไหนสำคัญต่อหมู่มากได้มากที่สุดก่อนเลย”

 

แต่อย่างไรก็ตามองค์ประกอบเหล่านี้เป็นพื้นฐานของโครงสร้างทางสังคมทั้งสิ้น และเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเรา และหัวข้อต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นก็ใช้ทรัพยากรมนุษย์ทั้งนั้น จะเกิดการจ้างงานทั้งระบบให้มากยิ่งขึ้น เพื่อเป็นแผนต่อไปในระยะยาว นี่คือประโยชน์ที่จะได้จากการเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3

The post นายกฯ แจงเลื่อนดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 เหตุหลายฝ่ายท้วงติง เจอปัญหาแทรกหลายเรื่อง ยืนยันไม่ได้ยกเลิก appeared first on THE STANDARD.

]]>