กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 29 Nov 2024 15:13:20 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 จับตา KBTG ประกาศเป้าใหม่ ปักธงปี 2025 เร่งเครื่องสู่ ‘The Age of Agentic AI’ พลิกโฉมองค์กรสู่การเป็น AI-Infused Organization [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/kbtg-2025-the-age-of-agentic-ai/ Mon, 02 Dec 2024 06:00:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1014252

อย่างที่รู้ KBTG ทำเรื่อง AI มาตั้งแต่ปี 2017 เรืองโรจน […]

The post จับตา KBTG ประกาศเป้าใหม่ ปักธงปี 2025 เร่งเครื่องสู่ ‘The Age of Agentic AI’ พลิกโฉมองค์กรสู่การเป็น AI-Infused Organization [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

อย่างที่รู้ KBTG ทำเรื่อง AI มาตั้งแต่ปี 2017 เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ให้นิยามยุคของการก่อตั้ง KBTG ว่าเป็นยุค KBTG 1.0 ก่อนจะเข้าสู่ KBTG 2.0 (ปี 2019-2023) ยุคสมัยของการทรานส์ฟอร์มในทุกมิติ พาองค์กรฝ่าการดิสรัปชันมากมาย ตั้งแต่การปรับวัฒนธรรมองค์กร พลิกโฉมรูปแบบการทำงาน ไปจนถึงการขยายธุรกิจไปสู่ระดับภูมิภาค

 

เข้าสู่ปี 2024 ปักธงไปที่การเป็นองค์กร Human-First x AI-First Transformation และอย่างที่เห็นตลอดปี 2024 KBTG บรรลุความสำเร็จด้าน AI ให้เป็นที่ประจักษ์ในหลายมิติ ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนานวัตกรรม AI เช่น AINU, THaLLE, Future You, คู่คิด, AI-Enabled Video Analytics, Document OCR ไปจนถึงการพัฒนา AthenaMind แพลตฟอร์มสร้าง AI Agent หรือโมเดล AI เฉพาะทางสำหรับใช้งานภายในองค์กร

 

โดย AI Agent ตัวแรกที่เปิดให้พนักงาน KBTG ใช้งานเป็นที่เรียบร้อยคือ HR Chat Agent ช่วยตอบคำถามและให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของพนักงาน เช่น ประกันกลุ่ม บัญชีค่าใช้จ่าย กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และการลา

 

กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล

กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป

 

แต่ กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ประกาศเป้าหมายชัดเจนว่าปี 2025 KBTG จะปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ เพื่อยกระดับองค์กรให้มีประสิทธิภาพและเป็นองค์กรที่เป็นผู้นำในยุค AI จึงเป็นที่มาของก้าวสู่ยุคของ ‘KBTG 3.0’ โดยยังคงยุทธศาสตร์ Human-First x AI-First Transformation เน้นการพัฒนาบุคลากรและการใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มขีดความสามารถขององค์กรและสร้างประโยชน์ให้แก่สังคมไทย ตามแนวคิด ‘KBTG AI for Thailand’ พร้อมตั้งเป้าจะสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจมากกว่า 10,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีข้างหน้า

 

เทรนด์ AI ปี 2025

 

เรืองโรจน์บอกว่า Human AI Collaboration จะเพิ่ม Productivity ให้กับคนและองค์กรกว่า 6.5 เท่าใน 10 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเกาะไปกับ 3 เทรนด์ AI นั่นคือ

 

  • AI for Human Intelligence การใช้ AI เพื่อช่วยในการตัดสินใจและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจ (AI-Driven Business Impact)
  • AI Agent โมเดล AI เฉพาะทางที่สามารถทำงานและตัดสินใจแบบ End-to-End ได้อย่างแม่นยำ
  • AI Guardrails การใช้งาน AI อย่างมีความรับผิดชอบเพื่อลดความเสี่ยง ผ่านการสร้างความตระหนักรู้และการกำกับดูแลที่มีความครอบคลุมแต่ยังคงมีความยืดหยุ่น

 

“ภายในปี 2026 กว่า 75% ของ 500 บริษัทชั้นนำทั่วโลก จะนำ AI มาช่วยวิเคราะห์และตัดสินใจเพื่อนำไปต่อยอดกับเนื้องานในอนาคต” เรืองโรจน์กล่าว

 

เทรนด์ที่น่าจับตาคือ ‘AI Agent’ เรืองโรจน์บอกว่า “ภายในปี 2028 กว่า 33% ของซอฟต์แวร์ระดับองค์กรจะรวม Agentic AI เข้าไปด้วย”

 

นั่นเป็นเหตุผลที่ KBTG มองว่าปี 2025 จะเป็น ‘The Year of Agentic AI’

 

ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director

ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director

 

คำถามคือ ‘Agentic AI’ จะเป็นตัวเข้ามาเปลี่ยนเกมในโลกของธุรกิจและการทำงานของคนในองค์กรอย่างไร? ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director ฉายภาพความสำคัญของ Agentic AI พร้อมแนวทางสำคัญที่ KBTG จะนำมาใช้ในปี 2025

 

อธิบายก่อนว่า Agentic AI คือโมเดล AI ชนิดหนึ่งที่สามารถทำงานสร้าง AI Agent ให้ไปทำงานที่ซับซ้อนได้อย่างอัตโนมัติเอง สามารถแก้ปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น ทำงานที่มีความซับซ้อน วิเคราะห์ข้อมูลที่ละเอียดอ่อน ตรวจสอบสภาพแวดล้อม แล้วนำข้อมูลที่มีไปตัดสินใจดำเนินการอะไรบางอย่างได้เอง อีกทั้งยังสามารถนำข้อมูลกลับมาเรียนรู้และปรับปรุงประสิทธิภาพได้เพิ่มเติมต่อไปได้เองอีกด้วย

 

“เราเชื่อว่า Agentic AI จะมาสร้างบริบทใหม่ของการทำงาน เพราะมันไม่เพียงปฏิบัติการได้เอง แต่ยังประสานงานและสั่งการ AI ตัวอื่นๆ เพื่อทำงานซับซ้อนได้มากขึ้น”

 

ทัดพงศ์บอกว่าสิ่งที่ KBTG จะมุ่งพัฒนา 3 เรื่องก็คือ

 

  • Agentic Platformization การสร้างแพลตฟอร์มใหม่เพื่อจัดการ Agent ให้ง่าย สะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทำงานร่วมกันกับมนุษย์ได้ เช่น AthenaMind แพลตฟอร์มสร้าง AI Agent ที่ KBTG พัฒนาใช้เองภายในองค์กร เปรียบเสมือน AI Agent Factory ช่วยสร้าง AI Agent เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในแต่ละส่วนงานของ KBTG ซึ่งปัจจุบันองค์กรกำลังอยู่ระหว่างการวางแผนพัฒนา AI Agent สำหรับหน่วยงานส่วนอื่นๆ เช่น PDPA Chat Agent และ Regulatory Chat Agent

 

  • Agentic Orchestration การสร้างและออกแบบกระบวนการใหม่ (Operation Workflow) เพื่อให้ AI Agent กับมนุษย์ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพและสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ เช่น เบื้องต้นมีการนำ AI Coding Assistant มาใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการทำงานของ Developer โดยสามารถลดเวลาการทำงานของ Developer เบื้องต้นได้ไม่ต่ำกว่า 20% และมีการสร้างโค้ดด้วย AI ไปแล้ว 500,000 Line of Code

 

  • Agentic Humanization การเตรียมความพร้อมของคนทั้งในด้านแนวคิด ทักษะ และวัฒนธรรมการทำงานที่เปิดกว้าง พัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ความสามารถด้าน AI มากยิ่งขึ้น สร้างสิ่งที่เรียกว่า Human-AI Workforce Integration เพื่อส่งเสริมการผสมผสานเทคโนโลยี AI เข้ากับการทำงานของพนักงานในทุกๆ วัน ปัจจุบัน KBTG ได้บรรลุเป้าหมาย 100% ด้าน AI Literacy สร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับ AI ให้พนักงานทุกคน มีการสร้างชมรม Machine Learning, AI, Data Analytics (M.A.D. Guild) และกลุ่มผลักดันการใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย (KBTG Democratization of AI: K-DAI Council) เพื่อจะมุ่งทำ Human Transformation พัฒนาบุคลากรให้สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง โดย AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปลดล็อกและนำพาไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

 

จิรัฎฐ์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Managing Director - Technical Excellence

จิรัฎฐ์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Managing Director – Technical Excellence

 

จิรัฎฐ์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Managing Director – Technical Excellence เล่าเสริมถึงการนำ AI Agent มาใช้ภายใน KBTG ผ่าน 3 Use Case นั่นก็คือ Coding Assistant, Coding Agent และ Multi-Agent SDLC

 

“ก้าวต่อไปคือการเพิ่มความสามารถจาก AI Coding Assistant ไปเป็น AI Coding Agent ซึ่งจะมีความสามารถเปรียบเสมือน Junior Developer ที่สามารถเขียนโค้ดได้ตั้งแต่ต้นจนจบจากการให้ Requirement ที่ชัดเจน ช่วยลดระยะเวลาในการเขียนโค้ด และทำให้ Software Development Life Cycle รวดเร็วมากยิ่งขึ้น

 

“ผมเชื่อว่า 100% ของ Engineer ใน KBTG จะต้องสามารถใช้ AI มาช่วยทำงานได้ ส่วนเรื่องของ Coding Agent จะมาช่วยแบ่งเบางาน 50% ของคน เพื่อให้เขามีเวลาไปโฟกัสงานอื่นที่สำคัญกว่า และสุดท้าย Multi-Agent SDLC ทั้งลูป 100% จะต้องพัฒนาโดยคนและ AI ร่วมกัน”

 

อีกหนึ่งแกนสำคัญที่จะผลักดันให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ คือการพาร์ตเนอร์กับองค์กรชั้นนำระดับโลก ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ Principal Research Engineer and Head of AI Research เผยว่า ที่ผ่านมา KBTG ได้มีการทำวิจัยและพัฒนา AI ในหลายด้านจนผลักดันให้เกิดการนำโซลูชันและใช้งานเครื่องมือเหล่านั้นจริงในองค์กร ผ่านการจับมือกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนานวัตกรรมและงานวิจัยด้านเทคโนโลยี AI ทั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.), สมาคมปัญญาประดิษฐ์ประเทศไทย (AIAT), AI Singapore, Google Research, MIT Media Lab และ AI Fund

 

ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์

ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงค์ Principal Research Engineer and Head of AI Research

 

ดร.มนต์ชัย ยก Use Case นวัตกรรมพร้อมอัปเดตความคืบหน้าอย่าง Future You ที่ล่าสุดได้ทดลองนำไปใช้กับคนไข้ของโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกา เพื่อดูว่าหลังการใช้งานคนไข้จะมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน นอกจากนี้ Face Liveness Detection ที่มีการนำไปใช้ในแอปพลิเคชันต่างๆ ของธนาคารกสิกรไทย ยังได้รับรางวัล The Innovators 2024 จาก Global Finance ในสาขา Compliance/Risk Innovation: Best eKYC Innovation to Minimize Facial Fraud

 

นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยี Thai ID Card OCR and Fraud Detection มาใช้ตรวจจับข้อมูลบนบัตรประชาชน รวมถึงตรวจสอบว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลจากบัตรประชาชนที่ได้มีการใช้งานกับพาร์ตเนอร์ของธนาคารกสิกรจริงหรือไม่ รวมถึง Neramit, Car AI, AI Chatbot, Video Analytics และ THaLLE โมเดล LLM ด้านการเงินที่นอกจากจะสอบผ่านข้อสอบระดับเทียบเท่า CFA แล้ว ล่าสุดยังสอบผ่านหลักสูตรสำหรับผู้แนะนำการลงทุน (IC) ด้วยคะแนนสูงสุดจากบรรดา Open LLM ทั้งหมด

 

“Use Case ที่ทำกับพาร์ตเนอร์อย่างการจับมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำ AI มาโคลนนิ่งอาจารย์ หรือการจับมือกับ กสศ. ใช้ AI แนะนำอาชีพให้กับเด็กๆ และสุดท้ายเราทำกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์มาช่วยพัฒนา Simulation สำหรับการเรียนการสอนนักศึกษาแพทย์” ดร.มนต์ชัย กล่าว

 

ที่ผ่านมา KBTG ได้รับคัดเลือกตีพิมพ์งานวิจัยในงานประชุมนานาชาติด้าน NLP ที่ดีที่สุดในโลกอย่าง The 62nd Annual Meeting of the Association for Computational Linguistics (ACL 2024) มีการตีพิมพ์ผลงานในวารสารนานาชาติรวมทั้งหมด 30 ฉบับ แบ่งเป็น Rank A* 2 ฉบับ และ Rank A 5 ฉบับ ที่ถูกนำไปต่อยอดสร้างสรรค์เป็นผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วย AI การยกระดับ eKYC ด้วย Computer Vision และการตอบคำถามลูกค้าแบบเรียลไทม์ผ่าน Chatbot โดย NLP

 

ดร.โกเมษ จันทวิมล

ดร.โกเมษ จันทวิมล Principal AI Evangelist

 

เมื่อ AI ฉลาดขึ้นทุกวัน แล้วมนุษย์จะฉลาดกว่า AI ได้อย่างไร ที่สำคัญคือคนกับ AI จะทำงานร่วมกันได้อย่างไร? ดร.โกเมษ จันทวิมล Principal AI Evangelist บอกว่า “โจทย์วันนี้คือเราจะต้องทำ AI มา Automated Workforce พนักงานของ KBTG ให้พร้อมที่จะทำงานในยุคของ Agentic AI”

 

ดร.โกเมษ เล่าว่า ช่วงแรกที่มีการนำ Generative AI มาใช้ในองค์กรภายใน 9 เดือน มีคนใช้งานมากถึง 75% ปัจจุบันบุคลากรของ KBTG ทั้ง 100% มีความเข้าใจใน AI Literacy มีความตระหนักรู้ในการใช้งาน Generative AI “คน KBTG ต้องไม่ใช่แค่ใช้ AI เป็น หรือใช้ AI เก่ง แต่ต้องใช้อย่างมีความรับผิดชอบ ที่สำคัญคือต้องไม่มีความเสี่ยงต่อลูกค้า”

 

นอกจากนี้ KBTG มีการจัดงาน AI Day เปิดพื้นที่ให้คนในองค์กรปล่อยของหรือเข้าร่วมสร้างโปรดักต์ต่างๆ รวมถึงจัดให้มีการแข่งขันทำให้เกิดนวัตกรรมที่มีแนวโน้มจะนำไปสู่การพัฒนาและใช้งานจริงมากมาย ยิ่งไปกว่านั้น มีการสร้างชมรม Machine Learning, AI, Data Analytics (M.A.D. Guild) และกลุ่มผลักดันการใช้งาน AI อย่างแพร่หลาย รวมไปถึง K-DAI Council มุ่งทำ Human Transformation พัฒนาบุคลากรให้สามารถดึงศักยภาพสูงสุดของตัวเอง โดย AI จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปลดล็อกและนำพาไปสู่เป้าหมายที่วางไว้

 

“ล่าสุดเราจัด AI Bootcamp เพื่อผลักดันให้พนักงานทุกคนเป็น Builder ที่สร้าง AI Solution ขึ้นมาได้ ที่สำคัญเราไม่ได้มีแต่คอร์สภายในองค์กร แต่ยังมีงบประมาณให้พนักงานเรียนรู้วิชาต่างๆ ที่สนใจได้ ปีที่ผ่านมาเรื่องของการเรียนรู้ต่างๆ KBTG เราจัดเต็ม สำคัญไปกว่านั้นคือการเรียนและได้ทำจริงผ่าน AI Day และ AI War เรียกว่ามีสถานที่ให้พวกเขาได้ทดลองสร้างผลงานขึ้นมาจริง เป้าหมายคือเราอยากจะเพิ่มจำนวน AI Engineers จาก 250 คน เป็น 1,000 คน ภายในปีหน้า” ดร.โกเมษ กล่าว

 

 

ปี 2568 เปิดปฐมบทยุค ‘Agentic AI’

 

“เราจะสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจมากกว่า 10,000 ล้านบาท ภายในปี 2572 และจะเพิ่มจำนวน AI Engineers จาก 250 คน เป็น 1,000 คน ภายในปีหน้า พร้อมขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็น AI-Infused Organization” ถ้านี่คือเป้าหมายที่เรืองโรจน์บอก แล้ว KBTG จะใช้เครื่องมือ?

 

คำตอบก็คือ ‘Agentic AI’ เครื่องมือสำคัญที่จะทำให้การปรับกระบวนทัศน์การทำงานภายในองค์กรของ KBTG สำเร็จ ด้วยความสามารถของโมเดลที่ไม่เพียงแก้ปัญหาอย่างเป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น แต่ยังสามารถทำงานที่ซับซ้อนขึ้น ไปจนถึงสามารถวิเคราะห์และตัดสินใจได้เอง ซึ่ง KBTG จะมุ่งเน้นการให้ AI เข้าไปมีส่วนร่วมและผสมผสานการทำงานของพนักงานในทุกจุด โดยยังคงมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง

 

“มากถึง 70% ล้มเหลวจากการนำ AI เข้ามาใช้ในธุรกิจเพราะเอา AI เป็นตัวตั้ง ที่ถูกต้องคือคุณต้องเอาคนเป็นตัวตั้ง แล้วสร้างกระบวนการล้อมรอบคนและ AI เมื่อนั้นคุณจะไม่ล้มเหลว นั่นคือสิ่งที่ KBTG กำลังขับเคลื่อนเพื่อไปเป็น AI-Infused Organization เอา AI ใส่เข้าไปทุกส่วนขององค์กร ต่อจากนี้ไปพนักงานของ KBTG ต้องมี AI เป็นผู้ช่วย” เรืองโรจน์กล่าว

 

และหากจะเร่งกระบวนการการทำงานร่วมกันครบ 100% ระหว่าง AI และมนุษย์ เรืองโรจน์สรุปว่าจะโฟกัสไปที่ 3 แกนหลัก ได้แก่

 

  • AI-Driven Innovations โดยมี Ecosystem ที่แข็งแกร่งอย่าง KBTG Labs, KX, KXVC รวมไปถึง Co-build ต่างๆ เพื่อสร้าง Ecosystem เพื่อสร้างนวัตกรรมให้เร็วยิ่งขึ้น
  • Human-AI Convergence ยกระดับคนด้วยการนำ AI เข้ามาเป็นเครื่องมือเปลี่ยน Workflow วิธีการทำงานและโครงสร้างองค์กร ภายใต้กลยุทธ์ Human-First x AI-First Transformation
  • World-Class Ecosystem ผนึกกำลังพาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง AI Singapore, Google Research, MIT Media Lab และ AI Fund เพื่อยกระดับ KBTG และเป็นประเทศไทยให้เป็นหนึ่งใน World Leading Ecosystem ด้าน AI

 

“จากนี้ไป KBTG จะ All in on AI เพราะเวฟนี้ AI คือของจริง และไม่ควรจะมีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ทุกคนต้องไปด้วยกัน เราเชื่อว่านี่คือก้าวแรกของ KBTG 3.0 ที่เป็นการทรานส์ฟอร์มแบบก้าวกระโดดใน The Age of Agentic AI” เรืองโรจน์กล่าวทิ้งท้าย

The post จับตา KBTG ประกาศเป้าใหม่ ปักธงปี 2025 เร่งเครื่องสู่ ‘The Age of Agentic AI’ พลิกโฉมองค์กรสู่การเป็น AI-Infused Organization [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
Disrupt Health Impact Fund ปิดดีลแรก ลงทุน DiaMonTech สตาร์ทอัพผู้พัฒนานวัตกรรมวัดระดับกลูโคสแบบแม่นยำโดยไม่ต้องเจาะเลือด https://thestandard.co/disrupt-fund-diamontech-glucose-innovation/ Wed, 13 Nov 2024 02:52:08 +0000 https://thestandard.co/?p=1008008 Disrupt Health Impact Fund

Disrupt Technology Venture หรือ Disrupt เดินหน้ายกระดับ […]

The post Disrupt Health Impact Fund ปิดดีลแรก ลงทุน DiaMonTech สตาร์ทอัพผู้พัฒนานวัตกรรมวัดระดับกลูโคสแบบแม่นยำโดยไม่ต้องเจาะเลือด appeared first on THE STANDARD.

]]>
Disrupt Health Impact Fund

Disrupt Technology Venture หรือ Disrupt เดินหน้ายกระดับระบบนิเวศเฮลท์แคร์ หลังเปิดตัวกองทุน Disrupt Health Impact Fund เมื่อเดือนพฤษภาคม 2567 ซึ่งล่าสุดประกาศเข้าลงทุนในบริษัท DiaMonTech สตาร์ทอัพ DeepTech สัญชาติเยอรมัน ผู้คิดค้นและเป็นเจ้าของหลายสิทธิบัตรนวัตกรรมการตรวจวัดระดับกลูโคสในร่างกายโดยไม่ต้องเจาะเลือด

 

ด้านพันธมิตรร่วมลงทุนกองทุน Disrupt Health Impact Fund เผยว่ามีนักลงทุนร่วมเพิ่มจาก 4 เป็น 7 ราย และยังคงเปิดรับพันธมิตรเพื่อร่วมขับเคลื่อนระบบดูแลรักษาสุขภาพ (Healthcare) ของเมืองไทยให้เข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูง (Deep Technology) ด้านการดูแลสุขภาพระดับโลก พร้อมมองหาโอกาสลงทุนในบริษัท DeepTech ด้านเฮลท์แคร์ในไทยและต่างประเทศให้ครบ 15 บริษัทตามแผนภายใน 3-5 ปีจากนี้ โดยย้ำว่า HealthTech เป็นโอกาสทั้งจากสัดส่วนประชากรที่กำลังก้าวสู่สังคมสูงวัยและแนวโน้มอายุขัยเฉลี่ยพลเมืองโลกที่มีอายุยืนขึ้น

 

เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกองทุน Disrupt Health Impact Fund, กองทุน 500 TukTuks และ ORZON Ventures คาดการณ์ว่ามูลค่าเศรษฐกิจโลกในปี 2586 จะเติบโตถึง 100 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 3,379 ล้านล้านบาท โดยมีเฮลท์แคร์เป็น 1 ใน 3 ตัวขับเคลื่อนหลัก ด้วยแนวโน้มสังคมสูงวัย ผนวกกับเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกที่นำไปสู่การพลิกโฉมทางการแพทย์

 

นอกจากนี้ ตลาดการดูแลตัวเองหรือ Self-Care เป็นตลาดที่ต้องจับตา ทั้งการผลักดันแนวคิดการดูแลสุขภาพที่เน้นคุณค่าของหน่วยงานรัฐทั่วโลกกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจการดูแลสุขภาพมากขึ้น ส่งผลให้ตลาด Self-Care Medical Device ได้รับการคาดการณ์ว่าจะเติบโตจาก 24,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 825,000 ล้านบาทในปี 2566 เพิ่มเป็น 42,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,440,000 ล้านบาทในปี 2575

 

จากแนวโน้มการขยายตัวของตลาด การลงทุนใน DiaMonTech จึงเป็นโอกาสสร้างการเติบโตในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ เพราะการตรวจวัดค่าน้ำตาลเป็นที่ต้องการมากในตลาด และมีมูลค่าตลาดรวมขนาดใหญ่ ครอบคลุมทั้งผู้ป่วยและกลุ่มคนทั่วไป ที่สำคัญคือเป็นโซลูชันที่ขยายได้ทั่วโลก

 

จันทนารักษ์ ถือแก้ว กรรมการผู้จัดการ Disrupt Technology Venture และผู้บริหารกองทุน Disrupt Health Impact Fund กล่าวว่า “เรายินดีกับโอกาสในการเข้าลงทุน DiaMonTech ผู้คิดค้นและเป็นเจ้าของหลายสิทธิบัตรนวัตกรรมการตรวจวัดระดับกลูโคสในร่างกายโดยไม่ต้องเจาะเลือด เพียงวางนิ้วมือบนเครื่อง 30 วินาทีก็สามารถวัดค่าได้ ทำให้วัดได้บ่อยและสะดวก เหมาะกับกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานกว่า 530 ล้านรายทั่วโลก เพราะเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่ใช้เวลานานในการรักษาและอาจนำไปสู่โรคแทรกซ้อนอื่นๆ ได้ โดยประเทศไทยมีผู้เป็นเบาหวานถึง 5.2 ล้านคน หรือ 1 ใน 11 คน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เราเชื่อว่าเทคโนโลยีของ DiaMonTech จะช่วยให้การดูแลตัวเองเป็นเรื่องง่ายและยังได้ข้อมูลให้แพทย์สามารถติดตามอาการได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อชีวิตผู้คนในการป้องกันไม่ให้ป่วยเป็นเบาหวาน”

 

ณรัณภัสสร์ ฐิติพัทธกุล ผู้บริหารกองทุน Disrupt Health Impact Fund กล่าวเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และกระบวนการวิเคราะห์คัดเลือกบริษัทในการเข้าไปลงทุนว่า กองทุน Disrupt Health Impact Fund เฟ้นหาสตาร์ทอัพทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย และคัดเพียง 97 รายที่ตรงกับเกณฑ์ ก่อนคัดเหลือ 49 รายและนำไปวิเคราะห์เพื่อเสนอต่อคณะกรรมการลงทุน ซึ่งมี DiaMonTech เพียงรายเดียวที่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงส่วนมากของทั้งผู้บริหารกองทุน ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จากเครือโรงพยาบาลสมิติเวช และคณะที่ปรึกษาด้านการแพทย์และวิศวกรรมจากทางมหาวิทยาลัยมหิดล

 

ธอร์สเทน ลูบินสกี ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้บริหาร DiaMonTech กล่าวว่า เครื่องวัดระดับกลูโคสในร่างกายโดยไม่ต้องเจาะเลือด หรือ D-pocket ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงขอการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ก่อนนำออกสู่ตลาด การได้รับเงินลงทุนและความร่วมมือจากกองทุน Disrupt Health Impact Fund ครั้งนี้เป็นโอกาสและจังหวะที่ดีสำหรับ DiaMonTech ในการขยายและเชื่อมต่อโอกาสให้กับกลุ่มผู้ป่วยและผู้ที่ต้องการดูแลระดับน้ำตาลในเลือด เพื่อการดูแลสุขภาพเชิงป้องกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งในประเทศไทย เพราะกองทุนไม่เพียงแต่ให้เงินลงทุน แต่ยังมีเครือข่ายที่เชี่ยวชาญด้านเฮลท์แคร์ทั้งรัฐและเอกชน รวมทั้งแพลตฟอร์มระบบนิเวศของ Disrupt ที่จะช่วยให้ DiaMonTech สามารถนำนวัตกรรมดังกล่าวเข้าไปสู่ผู้คนได้มากและเร็วขึ้น

 

กองทุน Disrupt Health Impact Fund มีเป้าหมายลงทุนระยะแรกราว 17-50 ล้านบาทต่อ 1 บริษัท โดย 3-5 ปีจากนี้มีแผนลงทุนใน 15 บริษัท DeepTech ด้านเฮลท์แคร์ทั้งไทยและต่างประเทศ ด้วยนโยบายลงทุน 5 ด้านคือ การดูแลสุขภาพด้วยตนเอง (Self-Care), เวชศาสตร์ป้องกันโรค (Preventive Care), ผู้สูงวัย (Silver Age), การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) และโรงพยาบาลอัจฉริยะ (Smart Hospital) โดยเฟ้นหานวัตกรรมระดับโลกออกสู่ตลาดแล้ว (Commercialized) หรืออยู่ระหว่างการวิจัยในคน (Clinical Trial) เพื่อขอการรับรองจาก FDA

The post Disrupt Health Impact Fund ปิดดีลแรก ลงทุน DiaMonTech สตาร์ทอัพผู้พัฒนานวัตกรรมวัดระดับกลูโคสแบบแม่นยำโดยไม่ต้องเจาะเลือด appeared first on THE STANDARD.

]]>
KBTG Kampus ผนึก 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำ เปิดหลักสูตร ป.โท ยกระดับบุคลากรไอทีให้พร้อมเข้าสู่ The Age of AI [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/kbtg-kampus-the-age-of-ai/ Wed, 13 Nov 2024 02:20:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1007224

“เราเหลือเวลาอีกแค่ 5-6 ปีที่จะสร้างการเปลี่ยนและทรานส์ […]

The post KBTG Kampus ผนึก 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำ เปิดหลักสูตร ป.โท ยกระดับบุคลากรไอทีให้พร้อมเข้าสู่ The Age of AI [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

“เราเหลือเวลาอีกแค่ 5-6 ปีที่จะสร้างการเปลี่ยนและทรานส์ฟอร์มแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง” ฟังดูเหมือนเป็นแค่การคาดการณ์แต่ กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป บอกว่า “ถ้าคุณมองให้ดีมันคือของจริง 10 ปีข้างหน้า AI จะเข้ามาเปลี่ยนโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เหมือนที่เทคโนโลยีอื่นๆ เคยทำมาแล้ว

 

“เราก็จะเห็นว่าแต่ละยุคจะมีเทคโนโลยีที่สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือ ตอนนี้เราอยู่ในจุดหักศอกแรกของการเปลี่ยนแปลงที่ถูกเร่งด้วย AI อีกไม่กี่อึดใจ AI จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมนุษย์เหมือนไฟฟ้า น้ำ อากาศ”

 

 

PwC บริษัทบัญชีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้เผยแพร่รายงานพบว่า AI สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับโลกได้เทียบเท่าเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา หรือคิดเป็นมูลค่า 15.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2030 ขณะที่ภูมิภาคเอเชีย AI สามารถเพิ่ม GDP ได้ราว 10% เลยทีเดียว

 

ก็เหมือนกับที่กระทิงบอก ตอนนี้เม็ดเงินไหลเข้าไปใน AI ทุกเลเยอร์ มันจะเร่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล ในพาร์ตของตลาดแรงงานก็เช่นกัน พบว่าในช่วงปี 2017-2030 AI จะเข้ามาช่วยเพิ่ม Labor Productivity มากถึง 55%

 

“AI จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของทุกคน 40% ของการจ้างงานจะถูกกระทบอย่างแน่นอน จะมีการยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของแรงงานอย่างมหาศาล ทุกอาชีพทั่วโลกตอนนี้ใช้ GenAI กันหมดแล้ว เมื่อ AI ทรานส์ฟอร์มแรงงาน ระบบการศึกษาก็จำเป็นต้องทรานส์ฟอร์ม”

 

กระทิงชี้ให้เห็นตัวเลขที่น่าชื่นใจว่า ปัจจุบัน 50% ของผู้นำทางการศึกษาใช้ AI ทุกวัน และเชื่อว่านักเรียนทุกคนที่สามารถเข้าถึง AI จะใช้มันเพื่อช่วยในการเรียน อย่างการใช้ GenAI ในการหาข้อมูล

 

“ผมพูดเสมอว่าถึงแม้ AI จะเข้ามาเปลี่ยนวิธีการทำงานของมนุษย์ แต่การที่มนุษย์พึ่งพามันมากเกินไปมันผิดวัตถุประสงค์ เพราะหน้าที่ของมันคือทำให้เราเก่งขึ้น ฉลาดขึ้น ไม่ใช่ให้มันมาแทนที่เรา เราต้องอยู่ในลูปของมันเสมอ ยังต้องมีหน้าที่ในการตั้งข้อสังเกต สงสัย และใช้มันเป็นเครื่องมือ อย่าให้มันคิดแทนเรา

 

“สิ่งหนึ่งที่ผมอยากบอกทุกคนคือ AI ไม่ได้ Automate งาน แต่มันจะ Automate Task แน่นอนว่าคำจำกัดความหรือหน้าที่ในงานของเราอาจจะเปลี่ยนไป แต่ถ้าเราเข้าใจว่างานของเราสร้างคุณค่าอะไร และจะใช้ประโยชน์จาก AI ได้อย่างไร คุณจะไม่มีวันตกงาน และ AI ไม่มีวันแย่งงานไปจากคุณได้”

 

KBTG ทำเรื่อง AI มาตั้งแต่ปี 2017 กว่าจะสำเร็จ และปักธงไปที่การเป็นองค์กร Human-First x AI-First Transformation เพราะการทรานส์ฟอร์มต้องทำให้ชีวิตผู้คนดีขึ้น นี่คือสิ่งกระทิงย้ำเสมอ

 

“แต่เราต้องก้าวกระโดดอีก เพราะเราจะเป็นแค่ผู้ใช้ AI ไม่ได้แล้ว จะต้องเป็นผู้สร้าง AI ตอนนี้ KBTG สร้าง AI Builders ไปแล้วกว่า 250 คน”

 

 

คำถามคือนอกจาก KBTG จะสร้าง AI Builders ภายในองค์กรแล้ว KBTG จะเข้ามาเป็นฟันเฟืองสำคัญในการทรานส์ฟอร์มระบบการศึกษาอย่างไร เพื่อให้แหล่งผลิตกำลังคนขนาดใหญ่นี้สามารถสร้างแรงงานแห่งอนาคตที่พร้อมรบใน The Age of AI

 

เป็นที่มาของการเปิดตัว KBTG Kampus ในปี 2022 ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายช่วยแก้ปัญหาทางการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยจับมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ ในการผสานรอยต่อระหว่างภาคการศึกษากับภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะหรือการทำวิจัย

 

เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) เป็นพันธมิตรแห่งแรกในการนำร่องแก้ปัญหาทางการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยมุ่งเน้นการพัฒนาหลักสูตรระดับปริญญาตรีซึ่งเป็นพื้นฐานที่สำคัญ

 

รวมไปถึงโปรแกรมต่างๆ ที่อยู่ใน KBTG Kampus ไม่ว่าจะเป็น

 

KBTG Kampus ClassNest ที่ร่วมมือกับพันธมิตรในการออกแบบพัฒนาหลักสูตร Bootcamp สร้างบุคลากรเทคโนโลยีรุ่นใหม่ โดยคัดเลือกผู้สอนที่มีความเชี่ยวชาญเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศมาช่วยอัปสกิลคนไอทีทุกเพศทุกวัย เพื่อบ่มเพาะทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานในปัจจุบัน รวมถึงเพิ่มโอกาสเข้าทำงานกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำ

 

ในปี 2024 KBTG Kampus ClassNest จัด Bootcamp ทั้งสิ้น 8 หลักสูตร คือ Java & Go Software Engineering (2 รุ่น), Cyber Security (2 รุ่น), Infrastructure และ M.A.D. (Machine Learning, AI, Data) ที่ทำร่วมกับแพลตฟอร์มมหาวิทยาลัยชั้นนำ มีผู้สนใจสมัครรวมแล้วกว่า 3,000 คน และผู้เข้าร่วมหลักสูตรแล้วกว่า 1,000 คน

 

KBTG Kampus Apprentice โปรแกรมที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง KBTG กับคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง เปิดให้นิสิตนักศึกษาระดับชั้นปีที่ 3-4 ได้เข้ามาเก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงานและพัฒนาทักษะผ่านการปฏิบัติงานจริงที่ KBTG กับผู้เชี่ยวชาญและทีมงานในช่วงระหว่างปีการศึกษา ปัจจุบันมี Apprentice เข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 50 คนในหลากหลายสาขา

 

KBTG Kampus Co-Research โปรแกรมที่ต่อยอดความร่วมมือจากโครงการ Tech Kampus สู่การทำงานวิจัยร่วมกันระหว่าง KBTG พันธมิตร และมหาวิทยาลัยชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนในการพัฒนางานวิจัยด้านเทคโนโลยี เพื่อเปิดโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและธุรกิจ S-Curve ใหม่ๆ พร้อมยกระดับขีดความสามารถ และขับเคลื่อนการทำวิจัยทางด้าน Deep Tech จากรั้วมหาวิทยาลัยออกมาสู่โลกภายนอก ต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์และบริการที่สร้างผลกระทบต่อผู้ใช้งานจริงในระดับภูมิภาค

 

ความสำเร็จที่ผ่านมา เช่น งานวิจัย Thai NLP การพัฒนา Voice Recognition Algorithm วิจัยโปรเจกต์งาน Contactless งานวิจัยด้าน Eyeball Tracking ที่จะเป็นประโยชน์ต่อ UX/UI Designer และล่าสุด KBTG ได้จับมือกับ MIT Media Lab ในการทำ Co-Research ด้าน Deep Tech ร่วมกัน โดยมี พัทน์ ภัทรนุธาพร ซึ่งเป็น KBTG Fellow คนแรกของไทยไปทำงานวิจัยที่สหรัฐอเมริกา

 

กระทิงมองว่าต่อจากนี้ไปในพาร์ตของ ‘Education Transformation’ สถาบันการศึกษาต้องสอนเรื่อง Digital & AI Literacy, Human-AI Interactions และ Hands-on & Continuous Learning

 

“สิ่งที่ต้องระวังคือ AI ไม่ควรจะมาแทนที่ครู แต่ต้องมาเป็น ‘Teaching Assistant’ ในส่วนของผู้เรียน AI จะต้องเป็น ‘Student Companion’ หน้าที่สำคัญของ AI คือต้องทำให้คนเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียม”

 

กระทิงบอกว่า จนถึงตอนนี้กว่า 80% ขององค์กรยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตำแหน่งงานที่เกี่ยวข้องกับ Cyber Security ยังขาดแรงงานกว่า 2.5 ล้านคนทั่วโลก

 

“ข้อมูลที่น่าตกใจคือปี 2023 ขีดความสามารถทางด้านการแข่งขันระดับโลกของประเทศไทยอยู่ในอันดับ 79 (ลดลง 4 อันดับจากปีก่อน) สะท้อนความขาดแคลนทรัพยากรบุคคลของประเทศไทย โดยเฉพาะทางด้านเทคโนโลยี” แต่ก็มีสัญญาณที่ดี เมื่อสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทยเริ่มตื่นตัวและลุกขึ้นมาปรับตัวอย่างรวดเร็ว

 

เจาะ 3 หลักสูตรปริญญาโท ปั้นบุคลากรไอทีพร้อมใช้งาน

คำถามต่อไปคือถ้าจะผลักดันทักษะ Digital & AI Literacy, Human-AI Interactions และ Hands-on & Continuous Learning เมล็ดพืชแบบไหนที่ KBTG Kampus และสถาบันการศึกษาของไทยจะหว่านลงไปเพื่อออกผลเป็นบุคลากรสายเทคที่มีศักยภาพและพร้อมทำงาน

 

 

เป็นที่มาของการร่วมออกแบบหลักสูตรระดับปริญญาโทกับ 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย ได้แก่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (KMITL) มหาวิทยาลัยมหิดล (MU) และมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (TU) โดยคัดสรรโจทย์จากงานวิจัยจริงมาพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้ได้จริงในโลกอุตสาหกรรมปัจจุบันและอนาคต รวมถึงมุ่งเน้นสาขาวิชาที่มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตั้งแต่การพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์และพยากรณ์ข้อมูล ด้านปัญญาประดิษฐ์และนวัตกรรม ไปจนถึงด้านความปลอดภัย ได้แก่

 

หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาปัญญาประดิษฐ์เพื่อการวิเคราะห์เชิงธุรกิจ หรือสาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (หลักสูตร 2 ปี)

  • หัวข้องานวิจัยด้าน Multimodal AI in Financial Services

 

หลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาความมั่นคงไซเบอร์และการประกันสารสนเทศ (หลักสูตรนานาชาติ) มหาวิทยาลัยมหิดล (หลักสูตร 2 ปี)

  • หัวข้องานวิจัย Data Leakage in Financial Institutions Cyber Threat Intelligence
  • หัวข้องานวิจัย AI in Cybersecurity Innovation Technology
  • หัวข้องานวิจัย Cybersecurity Governance
  • หัวข้องานวิจัย AI-Driven Detection of insider Threats in Financial Institutions
  • หัวข้องานวิจัย AI-Based Risk Assessment for Third-Party
  • หัวข้องานวิจัย Value-Driven Cybersecurity Governance: Transforming Risks into Opportunities

 

หลักสูตรศิลปศาสตรมหาบัณฑิตและวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (หลักสูตร 1 ปี)

  • หัวข้องานวิจัย Data-Driven Dynamic Pricing
  • หัวข้องานวิจัย Human-AI Interaction and Mental Health Solutions

 

 

KBTG Kampus

 

ดร.เจริญชัย บวรธรรมรัตน์ Senior Venture Director, KBTG กล่าวถึงแนวคิดในการทำ KBTG Kampus Master Degree Co-program ร่วมกับมหาวิทยาลัยว่า “พันธกิจด้านการศึกษาของ KBTG มันยิ่งใหญ่มาก ที่ผ่านมาเรามุ่งมั่นในการขับเคลื่อนการศึกษาด้านเทคในไทยผ่านการร่วมมือกับภาคการศึกษาอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่เรากำลังทำมันเหมือนการนำจิ๊กซอว์ไปเชื่อมโยงภาคการศึกษาเข้ากับตลาดแรงงาน ให้ผู้เรียนได้เห็นว่าความรู้ที่พวกเขาเรียนนั้นจะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างไร”

 

ดร.เจริญชัย ยังบอกด้วยว่า ความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาของประเทศไทยไปอีกขั้น เพราะนอกจากความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตร KBTG จะเข้าไปมีส่วนร่วมในการคัดเลือกผู้สนใจเข้าศึกษาต่อและดูแลหลักสูตรเพื่อรองรับนักศึกษาตั้งแต่แรกเข้าจนถึงเรียนจบ โดยหวังจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างระบบและยกระดับการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย ไปจนถึงอุตสาหกรรมไอทีระดับประเทศ ผ่านการพัฒนา Tech Talent รุ่นใหม่

 

“เราอยากจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนบุคลากรสายเทคที่มีคุณภาพและมีความสามารถให้กับประเทศ เป็นพระรองที่คอยช่วยพระเอก ซึ่งก็คือมหาวิทยาลัย ในการสร้างคนที่มีคุณภาพให้กับประเทศผ่านองค์ความรู้ที่เรามี นอกจากนี้ KBTG จะเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ร่วมทำงานวิจัยผ่าน Use Case จริงในภาคธุรกิจ โดยมีทีมผู้เชี่ยวชาญของ KBTG มาช่วยดูแลและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันยังมีทุนสนับสนุนการวิจัยบางส่วนร่วมกับมหาวิทยาลัยและสวัสดิการอื่นๆ อีกมากมาย” ดร.เจริญชัย กล่าว

 

“การที่ KBTG สร้างความร่วมมือกับองค์กรระดับโลก สถาบันการศึกษาชั้นนำ เพื่อสร้าง Education Ecosystem จะช่วยกันยกระดับประเทศไทยให้เป็นผู้นำในยุคของ AI ได้” กระทิงกล่าวทิ้งท้าย

 

สำหรับผู้ที่สนใจลงเรียนหลักสูตรดังกล่าว สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมและสมัครได้ที่ https://kbtgkampus.tech/

 

#KBTG #KBTGKampus #BeyondEducation #AI #MAD #CyberSecurity

The post KBTG Kampus ผนึก 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำ เปิดหลักสูตร ป.โท ยกระดับบุคลากรไอทีให้พร้อมเข้าสู่ The Age of AI [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
KBTG สำเร็จเร็วกว่าเป้า 2 ปี! เตรียมปูเส้นทางใหม่ ‘Human-first x AI-first Transformation’ เร่งสปีดขยายขีดความสามารถสู่ระดับโลก [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/kbtg-human-first-x-ai-first-transformation/ Thu, 29 Feb 2024 04:06:05 +0000 https://thestandard.co/?p=905495 KBTG

ใครที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของ KBTG ภายใต้การนำทัพของหั […]

The post KBTG สำเร็จเร็วกว่าเป้า 2 ปี! เตรียมปูเส้นทางใหม่ ‘Human-first x AI-first Transformation’ เร่งสปีดขยายขีดความสามารถสู่ระดับโลก [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
KBTG

ใครที่เกาะติดความเคลื่อนไหวของ KBTG ภายใต้การนำทัพของหัวเรือใหญ่อย่าง กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) มาตั้งแต่ปี 2019 คงจำภาพการเปลี่ยนแปลงระลอกใหญ่ตั้งแต่การประกาศทรานส์ฟอร์มองค์กรด้วยแนวคิดแบบ ‘ONE KBTG’ เพื่อเสริมกำลังในเชิงบุคลากร เทคโนโลยี และยกระดับขีดความสามารถด้านนวัตกรรมอย่างเต็มรูปแบบ ไปจนถึงการนำ AI มาใช้ในเรื่องของ Cognitive Banking จนเป็นผู้นำในยุค Mobile-first

 

คำมั่นสัญญาและเป้าหมายพันธกิจมากมายตลอด 5 ปีที่ผ่านมาที่เคยตั้งเป้าจะพิชิตในปี 2026 วันนี้ KBTG สามารถทำผลงานบรรลุเป้าหมายทั้งหมดเร็วกว่าที่ตั้งไว้ถึง 2 ปี พร้อมตั้งเป้าหมายใหม่ในการขับเคลื่อนองค์กรอีก 3 ปีข้างหน้าสู่ระดับโลกด้วย Human-first x AI-first Transformation รองรับยุทธศาสตร์ 3+1 ของธนาคารกสิกรไทยในการสร้างสรรค์ผลผลิตด้านไอทีที่เป็นประโยชน์อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

 

KBTG

 

“การทรานส์ฟอร์มมันเป็น Never-Ending Adventure การผจญภัยที่ไม่มีที่สิ้นสุด ปักหมุดขึ้นแท่นเป็นสุดยอดองค์กรเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ได้ภายในปี 2026 ซึ่งเพียงในปี 2023 ก็สามารถทำผลงานบรรลุเป้าหมายทั้งหมดเร็วกว่าที่ตั้งไว้ถึง 2 ปี แต่ KBTG ยังคงเดินหน้าต่อ เราเคยเป็นผู้นำในยุค Mobile-first ยุคถัดไปที่เราต้องผจญภัยต่อคือยุคของ Human-first และ AI-first Transformation”

 

กระทิงบอกว่าปี 2019 ได้ตั้งเป้าการทรานส์ฟอร์มภายใต้ 6 แกนหลัก ด้วยแนวทางการปรับเปลี่ยนองค์กรแบบยกเครื่อง จากวันนั้นถึงวันนี้ KBTG มาไกลขนาดไหน และสามารถโชว์ศักยภาพขึ้นเป็นสุดยอดองค์กรเทคโนโลยีในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างไรบ้าง?

 

Brilliant Basic & Operation Excellence: ความเป็นเลิศในด้านระบบและปฏิบัติการ

บทพิสูจน์ความสำเร็จแรกคือความเป็นเลิศด้านระบบไอทีของธนาคารกสิกรไทยที่มีเสถียรภาพที่สุดเป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน แม้จะรองรับธุรกรรมทางการเงินถึง 23.9 ล้านล้านบาท เข้าถึงข้อมูลพื้นฐานลูกค้ามากกว่า 1 ใน 3 หรือคิดเป็น 35% ของ

 

Transaction ทั้งประเทศ และมียอดผู้ใช้งาน K PLUS กว่า 21.7 ล้านราย โดยที่ยังมีเปอร์เซ็นต์ความพร้อมในการให้บริการของระบบ (Service Availability) มากถึง 99.99%

 

Architecture & Infrastructure Modernization: ยกระดับสถาปัตยกรรมและโครงสร้างพื้นฐานให้ทันสมัย

KBTG เชื่อว่าการทรานส์ฟอร์มต้องเริ่มจากพื้นฐาน นั่นเป็นเหตุผลที่ตัดสินใจยกระดับสถาปัตยกรรมและโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมด โดยเริ่มตั้งแต่การจัดทำศูนย์จัดเก็บข้อมูล (Data Center) ที่ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า นำระบบ Hybrid Cloud ที่ผสมผสานการทำงานระหว่าง Private Cloud และ Public Cloud เพื่อประสิทธิภาพและเสถียรภาพขั้นสูงสุด ช่วยลดอัตราการเกิด Incident ระดับรุนแรงได้มากถึง 60% เวลาที่ใช้ในการแก้ไขลดลง 33% และ Downtime ของระบบลดลง 66% รวมถึงการนำ AIOps มาช่วยตรวจจับปัญหาไม่คาดคิด เพื่อให้สามารถรับมือได้อย่างรวดเร็ว

 

Agile Transformation & Automation: การปรับวิถีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย Agile และ Automation

ตัวชี้วัดที่บ่งบอกว่าการปรับวิธีการทำงานแบบ Agile และ Automation มีประสิทธิภาพ คือจำนวนโปรเจกต์ที่ส่งมอบให้กับธนาคาร โดยในปี 2019 สามารถส่งมอบโปรเจกต์ไอทีให้กับธนาคารได้ 83 โปรเจกต์ แต่หลังจากปรับวิถีการทำงานแบบ End-to-End ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานและคุณภาพงานเพิ่มขึ้น 2.25 เท่า โดยในปี 2023 สามารถส่งมอบโปรเจกต์ไอทีให้กับธนาคารได้ถึง 190 โปรเจกต์

 

ตัวอย่างการปรับโครงสร้างแอปและการพัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ๆ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา อาทิ การปรับระบบ K-Cyber สู่บริการใหม่ในนาม K BIZ, การปรับโครงสร้างของ K SHOP หรือยกเครื่องแพลตฟอร์ม K-Merchant เป็นต้น

 

ไม่เพียงการทำงานที่ให้ประสิทธิภาพ ยังเห็นผลไปถึงลดเวลาการทำงานซ้ำซ้อน ช่วยให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างโปรดักทีฟมากขึ้นภายใต้เวลาที่จำกัด

 

Regional Expansion: การขยายองค์กรสู่ระดับภูมิภาค

ปัจจุบัน KBTG มีฐานปฏิบัติการใน 4 ประเทศ ครอบคลุม 5 เมืองใหญ่ ได้แก่ ประเทศไทยที่กรุงเทพฯ, ประเทศเวียดนามที่โฮจิมินห์และฮานอย, ประเทศจีนที่เซินเจิ้น และประเทศอินโดนีเซียที่จาการ์ตา

 

 

ที่น่าจับตาคือเวียดนาม ฐานทัพแห่งที่ 3 ถัดจากบริษัท K-Tech ที่เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ได้ตั้งเป้าที่จะเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีระดับท็อปในเวียดนาม และก้าวสู่บริษัทเทคโนโลยีระดับภูมิภาค (Regional Tech Company) ภายในปี 2025 เพื่อทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางด้านไอทีของธนาคารกสิกรไทย และสร้างนวัตกรรม S-Curve ใหม่ในเวียดนามไปพร้อมๆ กัน

 

แต่ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี KBTG Vietnam สามารถคว้ารางวัล Best IT Companies 2024 จาก ITviec แพลตฟอร์มสมัครงานชั้นนำของเวียดนามที่มอบให้กับบริษัทไอทีที่ได้รับการโหวตจากพนักงานว่าเป็นที่ทำงานที่ดีที่สุดจาก 10,800 บริษัท รวมถึงรางวัล Asia Pacific Enterprise Awards (APEA) 2023 Vietnam ในสาขา Fast Enterprise Category สำหรับธุรกิจที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วและครอบคลุมในด้านรายได้ ส่วนแบ่งการตลาด ฐานผู้ใช้ ผลกำไร รวมถึงการเติบโต การจดจำแบรนด์ในตลาด และพร้อมรองรับกลยุทธ์การขยายตัวในระดับภูมิภาค จัดโดย Enterprise Asia องค์กรพัฒนาเอกชนที่มุ่งขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน

 

Innovation: การสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ

อีกหนึ่งตัวชี้วัดว่า KBTG คือขุมพลังแห่งนวัตกรรมตัวจริงคงจะเป็นจำนวนตัวเลขผู้ใช้งานแพลตฟอร์มต่างๆ และรางวัลที่บ่งบอกว่านวัตกรรมนั้นได้ยกระดับชีวิตผู้คนได้จริง

 

อาทิ ‘MAKE by KBank’ ใช้เวลาเพียง 2 ปี มียอดผู้ใช้งาน 2.1 ล้านคน และสามารถคว้ารางวัล UX Design Award จากเวทีแข่งขันระดับโลกอย่าง UX Design Awards 2022

 

‘ขุนทอง’ แชตบอตเหรัญญิกที่มียอดผู้ใช้งาน 1.7 ล้านคน คว้ารางวัล Red Dot Award 2022 จากเวทีประกวดงานดีไซน์ระดับโลก ในหมวด Interface & User Experience Design ซึ่งเป็นทีมแรกของไทยที่เคยคว้ารางวัลนี้

 

หรือ ‘K+ Vietnam’ เปิดตัวเพียง 4 เดือนก็สร้างฐานลูกค้าได้ถึงแสนราย และปัจจุบันมียอดผู้ใช้งานสูงถึง 1 ล้านราย ภายในระยะเวลาไม่ถึง 2 ปี และสามารถคว้ารางวัล Good Design Award 2023 ที่จัดโดย Japan Institute of Design Promotion เพื่อมอบให้กับผลงานดีไซน์ยอดเยี่ยมจาก 45 ประเทศทั่วโลก รวมถึงรางวัล DEmark Award 2023 ในสาขางานออกแบบระบบบริการและแพลตฟอร์มดิจิทัล (Systems, Services, Digital Platform, Online Interface Design, Apps for Smartphones and Tablets, Website) และล่าสุดยังได้เปิดตัว ‘เหมียวจด’ แอปบันทึกรายจ่ายอัตโนมัติจากสลิปโอนเงิน

 

นอกจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ 5 ปีที่ผ่านมา KBTG ยังเปิดตัวบริษัทใหม่ ได้แก่ KBTG Vietnam, KTECH, Kubix, KX และ KXVC พร้อมสร้างผลงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Kubix นวัตกรรมจาก KX ที่ได้รับอนุญาต ICO Portal จาก ก.ล.ต. เป็นธนาคารแรกของไทย และ Coral ที่จับมือกับ GMM Music พัฒนาแอป Coral Collect ส่ง ‘NFT Superfan Box Now & Forever Thongchai’ และของสะสมดิจิทัล MULTIBIRD NFT คอลเล็กชัน NFT สุดพิเศษให้กับคอนเสิร์ตแบบเบิร์ดเบิร์ดโชว์

 

รวมไปถึงการลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัพและกองทุน Deep Tech ผ่าน KXVC ที่เพิ่งเปิดตัวลงทุนไปแล้ว 1 พันล้านบาทใน 18 ราย

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น ในฐานะผู้นำ AI เริ่มตั้งแต่การทำ Data-Driven Transformation สู่การทำ Automation-First Transformation และก้าวต่อไปคือ AI-First Transformation แต่จะชนะในยุค AI-First ต้องขับเคลื่อนด้วยกลยุทธ์ M.A.D. (Machine Learning, AI, Data) อย่างเต็มตัว ผ่านการนำ AI มาใช้งานในองค์กร สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ทำวิจัยร่วมกับหน่วยงานวิจัยระดับโลก ปัจจุบันมี World Class AI Product ถึง 3 ตัว ได้แก่ Car AI, AINU Verification Tech และ Thai NLP รวมถึงโปรดักต์อื่นๆ ที่ทำร่วมกับ MIT Media Lab ไม่ว่าจะเป็น ‘Future You’ หรือ ‘คู่คิด’

 

People Transformation: การพัฒนาขีดความสามารถและการดูแลบุคลากร

จากปี 2019 KBTG มีพนักงาน 1,110 คน ปี 2023 มีพนักงานมากกว่า 2,500 คน ในขณะที่จำนวนพนักงานเพิ่มขึ้น ยอด Engagement ก็เพิ่มขึ้น 20% และอัตราการลาออกเหลือเพียงแค่ 7.5% นอกจากนั้นยังจัดการระบบการทำงานรองรับบุคลากรด้วยนโยบาย Work from Anywhere อย่างถาวร

 

ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา KBTG มีผู้บริหารที่ได้รับการยกย่องจากเวทีระดับโลกนำทัพถึง 4 คน ได้รางวัลการจัดการบริหารองค์กร 21 รางวัล ทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาค และคว้ารางวัล Best Companies to Work for in Asia 2023 – Thailand Region ถึง 4 ปีซ้อน

 

 

ด้าน ดร.ทัดพงศ์ พงศ์ถาวรกมล Managing Director บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) กล่าวว่า AI กำลังกลายเป็นเทคโนโลยีอเนกประสงค์ (General-Purpose Technology) ดูด้วยตาอาจจะไม่เห็น แต่อยู่ทุกที่แน่นอน 

 

“KBTG ถือเป็นอีกหนึ่งผู้บุกเบิกทางด้าน AI ในประเทศและภูมิภาค ได้มีส่วนร่วมในการประยุกต์ใช้ AI ตั้งแต่ก่อตั้ง KBTG อย่างในปี 2017 ได้มีการนำ Deep Learning มาใช้ ซึ่งเป็นธนาคารแรกๆ ที่ใช้เทคโนโลยีนี้ และยังนำ Machine Learning มาช่วยนำเสนอสินเชื่อที่ถูกต้องในเวลาที่ถูกต้อง ปี 2019 มีการนำ NLP มาใช้ใน KBank Live ระบบแชตบอตของธนาคาร รวมถึง Facial Recognition ที่สร้างโดยทีมงานของ KBTG มาใช้เป็นแห่งแรกๆ ของวงการธนาคารไทย”

 

ถ้าจะลงรายละเอียดให้ชัดว่า KBTG สร้างเป็น AI Ecosystem ในด้านต่างๆ อย่างไร สามารถแบ่งได้เป็น

 

ด้านเทคโนโลยี: นับตั้งแต่ปี 2022 KBTG Labs มีการทำวิจัยร่วมกับ MIT Media Lab อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบระบบเปรียบเทียบใบหน้า (Face Recognition) และยืนยันหน้าจริง (Face Liveness) ให้ล้ำสมัยและใช้งานง่าย โดยผลงาน Face Liveness ยังส่งผลให้ KBTG เป็นองค์กรเดียวในเอเชียและองค์กรที่สามของโลกที่ผ่านการรับรองระดับสูงสุด (Level 2) จากการทดสอบของ iBeta ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล พร้อมเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ FinLearn แพลตฟอร์มการศึกษาที่ขับเคลื่อนด้วย AI พร้อมฟีดแบ็กแบบเรียลไทม์

 

ด้านการค้า: ปัจจุบันมี 2 แพลตฟอร์มและบริการทางด้าน AI ได้แก่ AINU (อัยนุ) ผู้ให้บริการโซลูชัน AI นำร่องด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการยืนยันตัวตน และ Car AI เทคโนโลยี AI ตรวจสภาพรถยนต์แบบอัตโนมัติเพื่อประเมินความเสียหายจากรูปภาพ สำหรับธุรกิจประกัน ซื้อขายรถยนต์มือสอง และอื่นๆ ที่นำเข้าตลาด โดยมี KX เป็นผู้ดูแล เพื่อให้ลูกค้าและพันธมิตรสามารถนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปใช้กับธุรกิจของตนได้

 

ด้านการลงทุน: KXVC ได้มีการลงทุนในสตาร์ทอัพ AI และจับมือกับกองทุนด้าน AI ชั้นนำของโลกอย่าง AI FUND นำโดย Andrew Ng ผู้ก่อตั้ง DeepLearning.AI พร้อมมุ่งสรรหาเทคโนโลยี AI ใหม่ๆ จากทั่วโลกมาช่วยเพิ่มกำลังทางธุรกิจ ร่นระยะเวลาในการพัฒนาเทคโนโลยีออกสู่ตลาด รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อสเกลธุรกิจ AI และเป็นประตูระหว่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคอื่นๆ อย่างยั่งยืนต่อไป​

 

 

กระทิงบอกว่าเป้าหมายต่อไปของ KBTG คือการนำ AI มายกระดับการทรานส์ฟอร์ม เพื่อยกระดับชีวิตของผู้คน โดยมีมนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง เรียกว่า Human-first x AI-first Transformation เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่ลูกค้าและผู้มีส่วนได้เสียอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน

 

เมื่อถามถึงเป้าหมายในอีก 3 ปีข้างหน้าต่อจากนี้ แผนการที่กระทิงบอกคือ

 

  • ขยายขีดความสามารถด้านไอทีและเทคโนโลยีสู่ระดับโลก
  • เดินหน้าต่อเนื่องสู่การเป็น AI-First Organization ด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และบริการที่ขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึงปรับกระบวนการทำงานภายในองค์กร
  • ขับเคลื่อนความสามารถในการผลิตด้วย M.A.D. โดยตั้งเป้าหมายที่ 1 แสน Man-Days และทำงานเร็วขึ้น 2 เท่าภายใน 3 ปี
  • เสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถด้าน AI ให้กับพนักงาน KBTG รวมไปถึงบุคคลทั่วไป (AI For All)
  • ทรานส์ฟอร์มสู่การเป็นองค์กรเทคโนโลยีระดับภูมิภาคแบบเต็มตัว
  • พัฒนา KBTG ให้เป็นพื้นที่สำหรับคนที่มีฝีมือและใฝ่ฝันที่จะเติบโตในสายงานเทคโนโลยี

 

 

“ถ้าการทรานส์ฟอร์มไม่สร้างประโยชน์ให้กับผู้คน พนักงานในองค์กร คู่ค้า หรือลูกค้า ไม่ได้มองคนเป็นศูนย์กลาง บอกเลยว่าการทรานส์ฟอร์มมันล้มเหลวตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่ม เพราะจุดตั้งต้นทุกอย่างเริ่มจากคน จะเห็นว่า KBTG เริ่มนำ AI และ ML มาใช้ในทุกๆ ที่ ไม่ว่าจะเป็น Sales and Marketing, Customer Onboarding, Customer Service, Business Operation Wealth Management, Risk Management, Knowledge Management, Asset Management และ IT Development and Operation เรามีกว่า 100 Use Cases ด้าน AI ปีนี้คาดว่าจะสร้างมูลค่าได้มากกว่า 500 ล้านบาทในการทำ Pilot

 

“อีกสิ่งที่ต้องทำคือการออกแบบองค์กรใหม่ เชื่อในศักยภาพของผู้คน ยกระดับขีดความสามารถของพนักงาน ใช้ทั้ง Automation และ Augmentation จะทำอย่างไรให้คนของ KBTG ทุกคนมีความรู้ด้าน AI อย่างลึกซึ้ง” กระทิงกล่าว

The post KBTG สำเร็จเร็วกว่าเป้า 2 ปี! เตรียมปูเส้นทางใหม่ ‘Human-first x AI-first Transformation’ เร่งสปีดขยายขีดความสามารถสู่ระดับโลก [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
KBTG ปักธงปี 2024 ขับเคลื่อนองค์กรสู่ AI-First Organization ตั้งเป้าดันงานวิจัยมาประยุกต์ใช้จริง ตอกย้ำผู้นำด้าน M.A.D. ของประเทศไทย [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/kbtg-ai-first-organization/ Wed, 20 Dec 2023 04:28:22 +0000 https://thestandard.co/?p=878800 KBTG

ทุกธุรกิจต่อจากนี้ หากต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่ […]

The post KBTG ปักธงปี 2024 ขับเคลื่อนองค์กรสู่ AI-First Organization ตั้งเป้าดันงานวิจัยมาประยุกต์ใช้จริง ตอกย้ำผู้นำด้าน M.A.D. ของประเทศไทย [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
KBTG

ทุกธุรกิจต่อจากนี้ หากต้องการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนองค์กรได้เต็มประสิทธิภาพ ต้องนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ 

 

แต่การนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ตัวองค์กร บุคลากร ไปจนถึงผู้บริหาร ต้องพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง เร่งปรับตัวเรียนรู้ เช่นเดียวกับที่กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ที่ยังคงเดินหน้าปรับทิศทางขับเคลื่อนองค์กร โดยมี AI-First Organization เป็นเป้าหมายหลักในการขยายขีดความสามารถขององค์กร เพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Machine Learning, AI, Data (M.A.D.) ของประเทศไทย 

 

เส้นทางการก้าวสู่ AI-First Organization ของ KBTG 


การดึงศักยภาพของ AI ให้เป็นมากกว่าแค่ข้อมูลและเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ KBTG พัฒนามาตลอด ตั้งแต่การเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานและการประยุกต์ใช้ AI ในปี 2019 ด้วยการนำ AI มาใช้ในเรื่องของ Cognitive Banking หรือธนาคารที่เป็น AI-First Banking จากนั้นก็เริ่มเห็นการทำ Data-Driven Transformation เพื่อวางรากฐานด้าน Data ต่อยอดสู่การทำ Automation-First Transformation

     

 

กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่ม บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เน้นย้ำว่า การจะขับเคลื่อนองค์กรด้วยแนวคิด AI-First Organization ต้องให้ความสำคัญกับการพัฒนา 2 ส่วนสำคัญได้แก่ การทำวิจัย (Research) และการนำมาประยุกต์ใช้จริง (Application)   

 

“KBTG เรามีแต้มต่อเรื่อง AI เราเป็นผู้นำในโลกยุค Mobile-First ปัจจุบันเราสามารถเข้าถึงข้อมูลพื้นฐานลูกค้าถึง 1 ใน 3 ที่ครองสัดส่วน 32.8% ของ Transaction ทั้งประเทศ ทำให้บริษัทมีข้อมูลมากกว่าคนอื่นในตลาด นอกจากนั้น KBTG มีนักวิจัยและนักพัฒนาที่ผสานวิชาการเข้ากับการทดลองในห้องปฏิบัติการ เพราะนี่คือกุญแจสำคัญในการพัฒนา AI การวิจัยเทคโนโลยี Deep Tech ขั้นสูงจะไร้ความหมาย หากไม่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่คนหมู่มาก (Human-First) การทำวิจัยและนำงานวิจัยชิ้นนั้นมาประยุกต์ใช้จริงจึงเป็นเรื่องที่ KBTG ให้ความสำคัญอย่างมาก”  

 

สอดคล้องกับใจความสำคัญที่เรืองโรจน์ได้กล่าวบนเวทีสัมมนา ‘THAILAND 2024 BEYOND RED OCEAN’ ว่าจะต้องทำให้เกิด Use Case ในการใช้ AI ไปพร้อมกับการพัฒนาทักษะและ AI Literacy ให้กับพนักงานและผู้บริหารระดับสูงของ KBTG เพื่อก้าวสู่ AI-First Organization อย่างแท้จริง 

 


เจาะลึกงานวิจัยด้าน M.A.D. 

 

เรืองโรจน์บอกว่า M.A.D. เป็นการบูรณาการระหว่าง Machine Learning, AI และ Data เข้าด้วยกัน ซึ่งการจะผลักดันและเพิ่มศักยภาพทางเทคโนโลยีของธุรกิจและอุตสาหกรรมจำเป็นต้องสร้างผลงานวิจัยเชิงลึก 

 

แล้วที่ผ่านมา KBTG นำ M.A.D. มาบูรณาการกับโปรดักต์ใดบ้าง? 

 

ใกล้ตัวสุดเห็นจะเป็นเทคโนโลยี Facial Recognition เป็นการพัฒนาแบบ Localization ทดสอบกับใบหน้าคนไทยโดยเฉพาะ จึงมั่นใจได้ถึงความถูกต้องและแม่นยำ หรือวิจัย Computer Vision ว่าด้วยเรื่องการใช้ AI ในการระบุสีของรถ โดยใช้เทคนิคการตรวจจับวัตถุมาประยุกต์ใช้กับ AI รวมไปถึง NLP (Natural Language Processing) และ Deep Learning

 

ผลงานวิจัยด้าน M.A.D. ของ KBTG การันตีคุณภาพในระดับสากล เพราะมี KBTG Labs ทีมนักวิจัยและพัฒนาด้าน AI ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่มุ่งพัฒนา Multi-Disciplinary Financial Technology Research and Innovation โดยได้รวมพลความชำนาญ 3 ส่วนเข้าด้วยกันคือ Research & Technology, User Experience และ Product & Business เพื่อสร้างนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่นำมาใช้กับธุรกิจของธนาคารกสิกรไทย KBTG และพันธมิตร 

 

ปี 2023 KBTG Labs มีผลงานวิจัยทางด้าน M.A.D. ที่ตีพิมพ์ทั่วโลกถึง 6 ฉบับ รวมไปถึงความร่วมมือระหว่าง KBTG และ MIT Media Lab คือการทำ Research Collaboration โดยการเป็น Research Consortium Member ของ MIT มีการทำวิจัยร่วมกันมากมาย พร้อมทั้งมอบทุนวิจัย KBTG Fellowship ให้กับ พีพี-พัทน์ ภัทรนุธาพร นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทยคนแรกในสาขา Fluid Interfaces ให้เข้าไปทำวิจัยในหัวข้อ ‘Influencing human–AI interaction by priming beliefs about AI can increase perceived trustworthiness, empathy, and effectiveness’ ซึ่งได้ตีพิมพ์ใน Nature Machine Intelligence วารสารวิชาการระดับโลก

 

 

KBTG Labs และ MIT Media Lab ยังจับมือกันทำงานวิจัยใหม่ๆ ในฐานะ Researcher Partner เช่น Future You เป็นการนำ AI จำลองเป็นตัวเราเองในอนาคตหรือในอดีตด้วยข้อมูลส่วนตัวที่เราป้อนให้สามารถโต้ตอบได้แบบเรียลไทม์ 

 

และ ‘คู่คิด’ คู่หูที่พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำแนวทางต่างๆ โดยผลลัพธ์ที่ได้มาจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบกลับได้ เป็นการผสานความสามารถของ Large Language Model โดยมีความเข้าใจบริบทภาษาและวัฒนธรรม ความรู้เฉพาะด้าน และจิตวิทยาและพฤติกรรมของมนุษย์ มี AI น้องคะน้าและคชาที่จะตอบคำถามในมุมมองที่แตกต่างกัน เพื่อใช้ในการประกอบการตัดสินใจให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เป็นการพัฒนาต่อยอดจากงานวิจัย K-GPT (Knowledge-GPT) ซึ่งเป็นการใช้ความสามารถของ ChatGPT ในการให้ความรู้เชิงลึกเฉพาะด้าน มาพร้อมกับความสามารถในการรองรับภาษาไทย ทั้งนี้ KBTG มีแผนจะนำเปิดตัวคู่คิดสู่ตลาดในปี 2024 

 

“ปี 2024 เราจะขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้วย M.A.D. อย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากการทำงานผ่าน KBTG Labs ล่าสุดเราได้เปิดตัว KXVC กองทุนมูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนด้าน AI, Web3 และ Deep Tech พร้อมเดินหน้าเต็มกำลังสำหรับการลงทุนในสตาร์ทอัพและกองทุน AI ทั่วโลก เพื่อนำเทคโนโลยี AI ใหม่ๆ และเงินทุนจากต่างประเทศมาสู่ประเทศไทย รวมถึง KBTG เองก็พร้อมจับมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและนอกประเทศพัฒนาขีดความสามารถด้าน M.A.D. และนำผลงานวิจัยที่กำลังทำอยู่ไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เปิดให้คนทั่วไปสามารถใช้งานได้” เรืองโรจน์กล่าว

 

 

รวมพลัง M.A.D. สู่ ‘ผลิตภัณฑ์และบริการ’ ที่ใช้งานจริง 

 

ปัจจุบัน KBTG ได้นำเทคโนโลยีและผลงานวิจัยด้าน M.A.D. มาต่อยอดใช้งานกับผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารกสิกรไทยด้านต่างๆ เช่น การตลาด (Marketing Intelligence), สินเชื่อ (Credit Intelligence), การป้องกันการทุจริต (Fraud Intelligence) และการให้บริการ Call Center ซึ่งการนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประมวลผลและวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวคิดเป็นมูลค่าได้มากกว่า 500 ล้านบาท 

 

M.A.D. ยังเข้ามามีส่วนช่วยยกระดับประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนา KBTG เช่น การนำ Copilot ที่ผนวก AI มาช่วยเพิ่มศักยภาพการเขียนโค้ดของพนักงานขึ้น 2 เท่า รวมไปถึงการจัดตั้ง M.A.D. Guild ภายในองค์กร เพื่อเป็นแพลตฟอร์มในการแลกเปลี่ยนความรู้ และทำให้ AI เป็นเรื่องใกล้ตัวที่คน KBTG สามารถเข้าถึงได้ง่าย

 

รวมไปถึงการนำเทคโนโลยี AI ไปพัฒนาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างความเติบโตให้กับบริษัท โดยให้บริการทางพาณิชย์ผ่าน KX ซึ่งเปิดกว้างสำหรับพันธมิตรทางการเงินและธุรกิจในอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนและตรวจสอบความถูกต้อง เพื่อความปลอดภัยของการทำธุรกรรม (AINU) 

 

หรือ Car AI เทคโนโลยี AI ตรวจจับสภาพรถที่มีความเสียหายและประเมินราคาค่าใช้จ่ายเบื้องต้นจากภาพถ่าย สำหรับใช้งานในธุรกิจประกัน ที่ทำร่วมกับเมืองไทยประกันชีวิต ถือเป็นเจ้าแรกในไทยที่นำ AI เข้ามาใช้ใน InsurTech จนได้รับรางวัล Asian Technology Excellence Awards ในสาขา AI-Financial Technology ซึ่งจัดทำโดย Asian Business Review นิตยสารธุรกิจชั้นนำในระดับภูมิภาค

 

ไม่แต่เฉพาะการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อใช้งานเท่านั้น KBTG ยังปักธงเรื่องการต่อยอดองค์ความรู้ด้าน M.A.D. ทั้งภายในและภายนอกองค์กรมาโดยตลอด ผ่านหลักสูตร M.A.D. Bootcamp ภายใต้โครงการ KBTG Kampus ClassNest ซึ่งเปิดให้คนสายไอทีที่สนใจพัฒนาทักษะด้าน M.A.D. ได้ลงเรียนและเติบโตแบบก้าวกระโดดไปด้วยกัน พร้อมทั้งสนับสนุนชุมชน AI (AI Community) ในการจัดกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ M.A.D. รวมถึงเผยแพร่ Best Practice และ Lesson Learned จากประสบการณ์ตรงของการทำงานภายใน KBTG ผ่าน KBTG Techtopia และเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า


ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลลัพธ์จากการบูรณาการ Machine Learning, AI และ Data เข้าด้วยกัน เชื่อมั่นว่าปี 2024 การขับเคลื่อนเทคโนโลยีด้วย M.A.D. ของ KBTG จะเข้มข้นกว่าเดิม และเกิดเป็นผลลัพธ์ที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้เพื่อสร้างประโยชน์ให้แก่คนหมู่มากมากยิ่งขึ้น 

 

The post KBTG ปักธงปี 2024 ขับเคลื่อนองค์กรสู่ AI-First Organization ตั้งเป้าดันงานวิจัยมาประยุกต์ใช้จริง ตอกย้ำผู้นำด้าน M.A.D. ของประเทศไทย [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ถ้า AI จะเป็นเหมือนอากาศ ขาดไปไม่ถึงตาย แต่ถ้าไม่เข้าใจ ใช้ไม่เป็น อาจตายทั้งเป็น! คำถามชวนคิดและแนวทางการอยู่ให้รอดในยุค AI ด้วยวิถี M.A.D. by KBTG [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/guidelines-for-survival-in-the-ai-era/ Sat, 23 Sep 2023 10:00:43 +0000 https://thestandard.co/?p=844409 M.A.D. by KBTG

คงไม่ต้องเน้นย้ำกันบ่อยๆ อีกแล้วว่า AI มีบทบาทสำคัญของม […]

The post ถ้า AI จะเป็นเหมือนอากาศ ขาดไปไม่ถึงตาย แต่ถ้าไม่เข้าใจ ใช้ไม่เป็น อาจตายทั้งเป็น! คำถามชวนคิดและแนวทางการอยู่ให้รอดในยุค AI ด้วยวิถี M.A.D. by KBTG [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
M.A.D. by KBTG

คงไม่ต้องเน้นย้ำกันบ่อยๆ อีกแล้วว่า AI มีบทบาทสำคัญของมนุษยชาติขนาดไหน ที่เห็นได้ชัดคือการมาถึงของ ChatGPT ทำให้คนทั่วไปเข้าใจและเข้าใกล้ AI มากขึ้นในชั่วพริบตา

 

กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่ม บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) บอกว่า “อีก 10 ปีข้างหน้า AI กับมนุษย์จะอยู่ร่วมกัน AI จะเป็นเหมือนสมองที่สองช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับมนุษย์อย่างมหาศาล AI จะเป็นเหมือนอากาศที่เราขาดมันไม่ได้”

   

 

เตรียมความพร้อมก้าวกระโดดสู่ยุคใหม่ของ AI หรือยัง? 


สัตยา นาเดลลา CEO Microsoft เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2019 ว่า โลกกำลังเปลี่ยนผ่านจากยุค Mobile First สู่ AI First ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่ KBTG เริ่มวางรากฐานที่จะเข้าสู่ยุค Augmented Intelligence ด้วยการนำ AI มาใช้ในเรื่องของ Cognitive Banking หรือธนาคารที่เป็น AI-First Banking จากนั้นก็เริ่มเห็นการทำ Data-Driven Transformation เพื่อวางรากฐานด้าน Data ต่อยอดสู่การทำ Automation First Transformation 

 

“KBank และ KBTG เราเป็นเบอร์หนึ่งด้าน AI-First World โดย K PLUS เป็น Mobile Banking เบอร์หนึ่งของไทย มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 20 ล้านคน รองรับธุรกรรมทางการเงินมากกว่า 23 ล้านล้านบาท ซึ่งใหญ่กว่าขนาด GDP ของประเทศไทย เรามีจำนวนผู้ใช้งาน LINE BK มากกว่า 4 ล้านคน, ขุนทองมีจำนวนผู้ใช้งาน 1 ล้านคน และ MAKE by KBank ที่มีจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ” 

 

ในมุมของ AI-First Transformation สิ่งที่เห็นการนำไปใช้ในพาร์ตของ Marketing & Credit Intelligence ทำให้เกิด Conversion Rate เพิ่มขึ้น 3 เท่า นอกจากนั้นยังนำไปใช้ใน NLP Chatbot ตั้งแต่การวิจัยจนถึงนำมาใช้จริง รวมไปถึง Facial Recognition ซึ่งได้ผ่านการรับรองระดับสูงสุดของ iBeta ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล และมีเพียง 3 บริษัทในเอเชียที่ผ่านมาตรฐานนี้   

 

 

จะเป็นผู้ชนะในยุค AI-First ต้อง M.A.D.

 

“ยุคนี้ต้อง M.A.D.” นี่คือประโยคที่กระทิงเน้นย้ำและหยิบมาพูดถึงแทบจะทุกเวที รวมถึงเวทีล่าสุด KBTG Techtopia: Across the AI-Verse ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 1-2 กันยายนที่ผ่านมา 

 

กระทิงอธิบายว่า M.A.D. คือการบูรณาการระหว่าง Machine Learning, AI และ Data เข้าด้วยกัน ก่อนจะลงลึกไปในรายละเอียดและฉายภาพให้เห็นว่าที่ผ่านมา KBTG ได้ลงมืออะไรไปแล้วบ้าง 

 

M คือ Machine Learning อาจกล่าวได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญของการนำข้อมูลไปต่อยอด อย่าง KBTG เองก็นำมาใช้กับงานด้านสินเชื่อจนเกิด Conversion เพิ่มขึ้น 4 เท่า สร้าง Loan Booking เพิ่มขึ้น 1 หมื่นล้านบาทในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงเท่านั้น KBTG ยังใช้เพื่อให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละคน จนสามารถสร้าง Sales Volume โตขึ้น 450 ล้านบาท รวมถึงโปรโมชันต่างๆ ของ KBank ก็เติบโต 4 เท่า 

 

A คือ Artificial Intelligence ที่หลายคนคุ้นเคยคงเป็นการนำ AI ไปใช้ทำ KBTG Verification ในการยืนยันตัวตน หรือการพัฒนาทำ Car AI ร่วมกับเมืองไทยประกันชีวิต นำ AI มาพัฒนา InsurTech ตรวจสภาพรถยนต์ด้วย AI เจ้าแรกในไทย อีกทั้งทาง KBTG ได้รับรางวัล Asian Technology Excellence Awards 2023 สาขา AI ด้าน Car AI​ มาสดๆ ร้อนๆ ไปจนถึงการทำ AI Chatbot สำหรับตอบกลับลูกค้าอัตโนมัติ ประหยัดเวลามากกว่า 20,000 ชั่วโมง ช่วยประหยัดงบประมาณไปได้กว่า 130 ล้านบาทต่อปี  

 

นอกจากนี้ KBTG ยังมีโครงการศึกษาวิจัยร่วมกับ MIT Media Lab ในการพัฒนาเทคโนโลยี AI อีกหลากหลายด้าน ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่ร่วมพัฒนา เช่น Future You, คู่คิด by K-GPT หรือ Generative AI เวอร์ชันภาษาไทย 

 

“สำหรับประเทศไทย AI จะเป็นคำตอบของหลายสิ่ง เราได้ทำวิจัยร่วมกับ MIT Media Lab สร้าง AI Character เพื่อมาสอนเด็ก มันจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้โลกการศึกษาพลิกโฉมไปตลอดกาล แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานครู หรือแรงงานแพทย์ อีกหน่อยแพทย์ 1 คน จะสามารถรักษาและให้คำปรึกษาคนไทยได้มากถึง 10 เท่า นี่คือวิชันของ KBTG เราอยากนำสิ่งเหล่านี้ไป Empower ผู้คน ช่วยดึงศักยภาพและเพิ่มประสิทธิภาพ ตอนนี้เรากำลังทำวิจัยเรื่อง Explainable AI for Neuroscience ซึ่งจะเป็นสเต็ปต่อไปของ ChatGPT มันจะเป็นวิวัฒนาการของ AI ที่สามารถอธิบายเหตุและผลได้” กระทิงกล่าว

 

D คือ Data เนื่องด้วย KBTG มองข้อมูลเป็นสินทรัพย์เชิงกลยุทธ์ จึงได้มีการป้องกันเหมือนเงินในห้องนิรภัย นำข้อมูลไปใช้อย่างมีความรับผิดชอบ ปลอดภัย และโปร่งใส

 

 

กระทิงชู Use Cases ของ KBTG AI Visionary ในด้านของ Personified Finance ว่าในอนาคตลูกค้าทุกคนสามารถมี Private Banker ที่คอยให้คำแนะนำด้านการเงินการลงทุน เหมือนลูกค้ากลุ่ม Wealth หรือ SMEs สามารถมี AI-Enabled Private CFO ช่วยวางแผนการลงทุนได้เหมือนมนุษย์  

 

หรือด้าน AI-Augmented Operation กระทิงบอกว่า เป้าต่อไปคือการ Re-Imagine ประสบการณ์ของลูกค้าให้ตอบโจทย์ยุค AI เช่น การนำ AI มาเขียนโปรแกรม ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับนักพัฒนาซอฟต์แวร์

 

ยุค AI รอดลำพังไม่ได้ ต้องชนะด้วยกัน รอดด้วยกัน

 

“โจทย์ที่น่ากลัวคือ AI จะทำให้ความเหลื่อมล้ำยิ่งถ่าง AI จะทำให้มนุษย์บางส่วนเป็น Super Human ผมเชื่อว่าอีก 5 ปีข้างหน้า มนุษย์จะไม่ถูกแทนที่ด้วย AI แต่คนที่ใช้ AI จะแทนที่คนที่ใช้ AI ไม่เป็น 100% หลายอาชีพจะหายไปเพราะ AI ทำได้หมด แต่ก็มีอีกหลายอาชีพที่เกิดขึ้นใหม่ จะเป็นอาชีพที่ผสานรวมความสามารถของมนุษย์และ AI ไว้ด้วยกัน คนที่ยกระดับตัวเองด้วย AI จะทำให้คุณเป็นคนที่แตกต่างและเป็นผู้รอด”  

 

ที่ผ่านมา KBTG จึงมุ่งสร้าง AI Ecosystem ได้แก่ ‘KBTG Labs’ ร่มใหญ่ที่มี KBTG M.A.D. ซึ่งเป็น Center of Excellent มีโปรดักต์ที่พัฒนาจากแล็บแห่งนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็น K-GPT, K PLUS, MAKE by KBank และขุนทอง ฯลฯ

 

‘KBTG x MIT Media Lab’ ความร่วมมือที่ร่วมสร้างงานวิจัย รวมถึงผลงานวิจัยจำนวนมากในวารสารงานวิจัยระดับโลก

 

‘KBTG Kampus’ โครงการที่มีเป้าหมายช่วยแก้ปัญหาทางการศึกษาด้านเทคโนโลยีในประเทศไทย โดยจับมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำต่างๆ ในการผสานรอยต่อระหว่างภาคการศึกษากับภาคอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาทักษะหรือการทำวิจัย  

 

และ ‘KX’ เปรียบเสมือน Venture Builder ที่ผลิต AI Venture Builder สร้างสตาร์ทอัพหรือธุรกิจใหม่ๆ 

 

 

“ที่เรียกว่า KBTG Kampus เพราะเป็นเหมือนมหาวิทยาลัยย่อมๆ เราต้องการสร้าง Talent รุ่นใหม่ๆ จึงจับมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำ เราจับมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ทำหลักสูตร 2+2 เรียนปริญญาตรีแค่ 2 ปี และมาทำงานได้เงินเดือนที่ KBTG 2 ปี เป็นหลักสูตรที่พัฒนาจากรุ่นแรกที่เป็น 3+1 หรือที่เรียกว่า KBTG Kampus Apprentice โดย KBTG จะพัฒนาหลักสูตรการเรียนร่วมกับสถาบันการศึกษา เพื่อให้วิชาที่เรียนตรงกับความต้องการของตลาด” 

 

นอกจากนั้นยังมี ‘KBTG Kampus ClassNest’ เปิดหลักสูตรด้าน Critical Tech Skills อย่าง Java และ Cyber Security ผ่านการเวิร์กช็อปฟรี และยังได้สร้างประสบการณ์ผ่านการทำงานจริงร่วมกับทีมของ KBTG หรือ ‘KBTG Kampus Co-Research’ จับมือกับสถาบันวิจัยของประเทศไทย เพื่อวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีร่วมกัน

 

“ตลอด 2 ปีที่เราเดินหน้าโครงการ เราเปิดคอร์สออนไลน์ Reskill ไปแล้วกว่า 20 คอร์ส มีผู้เรียนกว่า 14,000 คน ยอดการเข้าชม KBTG Life 273,000 คน รวมถึงการเปิด Bootcamp มีคนสมัคร 600 กว่าคน ส่งคนของ KBTG เข้าไปสอนในสถาบันการศึกษากว่า 11 สถาบัน” 

 

 

Ecosystem ทั้งหมดที่เล่าไปดูเหมือนจะเพียบพร้อมและครอบคลุมสำหรับการก้าวสู่ยุค AI แบบที่ KBTG ตั้งเป้าไว้ แต่กระทิงกลับมองว่า ‘ยังไม่พอ’

 

ถ้าจะสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่งจริงๆ เขามองว่าต้องปรับระบบการศึกษาให้มี Co-Imagine, Co-Thinking, Co-Creating และ Co-Exploring และต้องเรียนแบบ 4P คือ Project, Peers, Passion และ Play  

 

“ตอนนี้เราทำ AI Literacy Guideline ร่วมกับ MIT Media Lab เพื่อให้คนไทยมีความรู้ด้าน AI และอย่าลืมว่าต่อให้มีความรู้ Co-Imagine ก็สำคัญ จะต้องจินตนาการถึงการสร้างอนาคตร่วมกันกับ AI และสร้างแรงบันดาลใจให้คน Co-Exploring จับมือกันเพื่อค้นหาความเป็นไปได้ร่วมกับ AI สำคัญเลยคือต้องเป็นมนุษย์ที่หัดตั้งคำถามเพื่อค้นหาไปพร้อมกับ AI เพื่อที่จะ Co-Thinking ช่วยคิดและแก้ปัญหา สุดท้ายคือ Co-Creating สร้างแรงกระตุ้นให้คนใช้ AI พัฒนาโซลูชันใหม่ๆ”  

 

“เราทุกคนต้องเป็นผู้อยู่รอดและเป็นผู้ชนะ KBTG ไปคนเดียวไม่ได้ จึงต้องสร้าง Ecosystem เพื่อพาทั้งประเทศให้ชนะไปด้วยกัน Go M.A.D. ไปด้วยกัน แล้วเราจะรอดไปด้วยกัน” กระทิงกล่าว

 

#KBTG #KBTGAIFirst #LetsGetMAD #BeyondBanking #AITechnology

The post ถ้า AI จะเป็นเหมือนอากาศ ขาดไปไม่ถึงตาย แต่ถ้าไม่เข้าใจ ใช้ไม่เป็น อาจตายทั้งเป็น! คำถามชวนคิดและแนวทางการอยู่ให้รอดในยุค AI ด้วยวิถี M.A.D. by KBTG [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
KBTG เปิดตัว KXVC เงินลงทุนมูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับ AI, Web3 และ Deep Tech https://thestandard.co/kbtg-launches-kxvc/ Thu, 14 Sep 2023 11:13:51 +0000 https://thestandard.co/?p=841736 KBTG KXVC

กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดตัวเงินลงทุน K […]

The post KBTG เปิดตัว KXVC เงินลงทุนมูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับ AI, Web3 และ Deep Tech appeared first on THE STANDARD.

]]>
KBTG KXVC

กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) เปิดตัวเงินลงทุน KXVC (Venture Capital) มูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนใน AI, Web3 และ Deep Tech fintech startups และเครือข่ายกองทุนชั้นนำทั่วโลก เพื่อสร้างเครือข่ายในภูมิภาค ทั้งนี้ ในเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นภูมิภาคสังคมดิจิทัลที่กำลังเติบโตอย่างมาก ด้วยประชากรรวมกว่า 680 ล้านคน มูลค่าทางเศรษฐกิจดิจิทัลกว่าหนึ่งล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และผู้ใช้งานบนโลกดิจิทัลราว 400 ล้านคน  

 

KXVC จะถูกบริหารโดย เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่มบริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG) ที่มีประสบการณ์ในฐานะผู้ร่วมลงทุนมากกว่า 100 บริษัท เกิดเป็นยูนิคอร์น 4 แห่ง และมีบริษัทที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ 10 แห่ง ภายใต้ 5 กองทุน 

 

ร่วมด้วย กัมปนาท วิมลโนท Managing Director, KXVC ซึ่งมีประสบการณ์ในการลงทุนกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเสริมสร้างสตาร์ทอัพกว่า 35 บริษัทในภูมิภาค KXVC นับเป็นบริษัทภายใต้ KASIKORN X (KX) มุ่งหน้าวางแผนสร้างกองทุนให้เป็นหนึ่งในประตูสำคัญสำหรับผู้ก่อตั้งทั่วโลก เพื่อเข้าสู่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก และโอกาสในฐานะผู้ใช้ระดับองค์กร SMEs และผู้ใช้ทั่วไปในวงจรของเรา  

 

“KXVC จะเป็นก้าวสำคัญสำหรับกลุ่มผู้ก่อตั้งระดับโลกในการขับเคลื่อนการขยายธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ด้วยการผนึกกำลังที่แข็งแกร่งกับธนาคารกสิกรไทยและพันธมิตรของเรา” เรืองโรจน์ พูนผล Group Chairman, KBTG กล่าว 

 

KXVC ให้ความสำคัญกับ AI, Web3 และ Deep Tech ในด้านการเงิน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค ธุรกิจ และ SMEs ในเอเชีย-แปซิฟิก สำหรับการลงทุนในด้าน AI นั้น KXVC ต้องการลงทุน AI สำหรับผู้ใช้งาน, ระบบความปลอดภัยในด้านไซเบอร์ (Cyber Security), AI / ML Tools (เช่น Deployment Platforms, Data Annotation, Model Optimization) และ Problem-Specific AI Startups  

 

ในด้าน Web3 ทาง KXVC เจาะจงในด้านโครงสร้าง Web3, Nodes Validators, ผู้ให้บริการ (RPC Providers), Middlewares, เทคโนโลยี Modularity, Privacy, ZKP, Wallets, Alternative L1 / L2s, Shared Securities และ LSDFi

The post KBTG เปิดตัว KXVC เงินลงทุนมูลค่า 3,500 ล้านบาท เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับ AI, Web3 และ Deep Tech appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: เรืองโรจน์ พูนผล คนไทยปี 2100 ต้องขอบคุณคนไทยยุคโควิด | THE STANDARD https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-2022-33/ Sat, 26 Nov 2022 12:42:49 +0000 https://thestandard.co/?p=716008 เรืองโรจน์ พูนผล

ในโลกแห่ง VUCA และ BANI คำถามคือผู้นำยังจำเป็นอยู่ไหม ถ […]

The post ชมคลิป: เรืองโรจน์ พูนผล คนไทยปี 2100 ต้องขอบคุณคนไทยยุคโควิด | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
เรืองโรจน์ พูนผล

ในโลกแห่ง VUCA และ BANI คำถามคือผู้นำยังจำเป็นอยู่ไหม ถ้ายังจำเป็นอยู่ผู้นำต้องมีคุณสมบัติอย่างไร ผู้นำในโลกยุคปากเหวกับผู้นำในอดีตมีคุณสมบัติใดที่เหมือนกัน และคุณสมบัติไหนที่ผู้นำยุคใหม่จะเอาของผู้นำยุคเก่ามาใช้ไม่ได้อีกต่อไป 

 

THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022

จับเทรนด์ เห็นอนาคต คว้าโอกาส ผู้นำกว่า 40 คน 15 เวที หาทางออกให้ประเทศไทย เสวนาเข้มข้นกับตัวจริงจากทุกวงการ เช่น ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ, ขัตติยา อินทรวิชัย, คมสันต์ ลี, ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, เศรษฐา ทวีสิน, ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์, สมโภชน์ อาหุนัย, ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย และ แอนนา เสืองามเอี่ยม

 

RERUN TICKET รับชมย้อนหลัง 3 เดือนเต็ม รับชมทางออนไลน์ระหว่างวันที่ 1 ธันวาคม 2565 – 1 มีนาคม 2566

 

📍 ดูรายละเอียดและซื้อบัตรได้แล้ววันนี้ที่ https://www.thaiticketmajor.com/seminar/the-standard-economic-forum-2022.html 

 

The post ชมคลิป: เรืองโรจน์ พูนผล คนไทยปี 2100 ต้องขอบคุณคนไทยยุคโควิด | THE STANDARD appeared first on THE STANDARD.

]]>
เรืองโรจน์ พูนผล ชี้ผู้นำในปัจจุบันต้องเผชิญโลกที่ซับซ้อนกว่าเดิมเป็นพันเท่า ไม่มีอัศวินขี่ม้าขาว แต่ทุกคนต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ https://thestandard.co/the-standard-economic-forum-2022-26/ Sat, 26 Nov 2022 11:57:18 +0000 https://thestandard.co/?p=715985 กระทิง เรืองโรจน์

ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM วันที่ 2 กระทิง- เรือ […]

The post เรืองโรจน์ พูนผล ชี้ผู้นำในปัจจุบันต้องเผชิญโลกที่ซับซ้อนกว่าเดิมเป็นพันเท่า ไม่มีอัศวินขี่ม้าขาว แต่ทุกคนต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กระทิง เรืองโรจน์

ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM วันที่ 2 กระทิง- เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่ม KASIKORN Business – Technology Group (KBTG) ได้ขึ้นบรรยายพิเศษในหัวข้อ ‘THE FUTURE OF LEADERSHIP ภาวะผู้นำแห่งโลกยุคปากเหว’ โดยระบุว่า โลกในปัจจุบันถือเป็นยุคที่มีความปั่นป่วนอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน เพราะต้องเผชิญกับวิกฤตในวิกฤต เช่น ภาวะโรคระบาด ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการเปลี่ยนผ่านทางเทคโนโลยี ซึ่งยังไม่นับรวมปัจจัยเรื่องการเข้าสู่สังคมสูงวัยและความเหลื่อมล้ำทางสังคมและช่องว่างทางเจเนอเรชันที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรวมถึงไทย

 

รุ่งโรจน์กล่าวว่า ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ทำให้โลกมีความสลับซับซ้อนมากกว่าโลกแบบเดิมเป็นพันเท่า และทำให้เวลา 2 ปีในปัจจุบันเทียบเท่ากับ 10 ปีของโลกในอดีต ซึ่งความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ผู้นำองค์กรไปจนถึงผู้นำประเทศต้องเผชิญกับการตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการมีอยู่ (Unprecedented Existential Crisis) เมื่อพวกเขาไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


“ผมเชื่อว่าถ้าเราปลุกผู้นำที่ยิ่งใหญ่ในอดีตขึ้นมาแก้ปัญหาของโลกในยุคปัจจุบัน ทุกคนคงงงและไม่มีใครแก้ปัญหาได้เพราะการเป็นผู้นำในโลกแบบเดิมกับโลกแบบใหม่ หรือ BANI World ซึ่งย่อมาจาก Brittle (เปราะบาง), Anxious (สร้างความกังวล), Nonlinear (คาดเดายาก) และ Incomprehensible (ยากที่จะทำความเข้าใจ) นั้นมีความซับซ้อนมาก” รุ่งโรจน์ระบุ

 

รุ่งโรจน์กล่าวว่า ผู้นำในโลกยุคใหม่ต้องแตกต่างจากผู้นำในโลกแบบเดิม เช่น

1.ต้องเปิดใจกว้าง ร่วมมือกัน สร้างสรรค์สิ่งใหม่และแบ่งปันแทนที่จะเถียงกันจนตกเหว
2. เลิกทำตัวรู้ทุกอย่าง (Know It All) แล้วเปลี่ยนเป็นเรียนรู้จากทุกสิ่ง (Learn It All)
3. เสียสละตัวเองมากขึ้น (Serve More) แทนที่ออกคำสั่งมากขึ้น (Lead More) 4. ต้องสร้างแรงบันดาลใจโดยทำตัวเองเป็นแบบอย่าง (Show and Inspire) ไม่ใช่แค่พูด (Tell) 

 

ประธาน KBTG กล่าวอีกว่า ผู้นำในโลกยุคใหม่จะต้องมีภาวะผู้นำแบบ 2 ขั้ว เช่น สามารถสร้างความสามัคคี (Unity) แต่ก็ต้องเปิดให้มีความหลากหลาย (Diversity) สร้างความหวังในกับคนได้โดยไม่ใช่ฝันลมๆ แล้งๆ ให้อิสระกับผู้คน โดยกำหนดกรอบความรับผิดชอบที่เหมาะสมและต้องต่อสู้เพื่อความถูกต้องโดยไม่รีบฟันธงว่าอะไรคือถูกผิด

 

“ก่อนที่เราจะเป็นผู้นำที่ดีได้ เราต้องเป็นมนุษย์ที่ดีให้ได้ก่อน ผมเชื่อว่าในโลกยุคปากเหวจะไม่มีอัศวินขี่ม้าขาว หรือมีคนเพียงไม่กี่คนที่แก้ปัญหาทั้งหมดได้ ทุกคนต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ ภาวะผู้นำต้องอยู่ในตัวพวกเราทุกคน แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะอยู่บนปากเหวแต่ผมไม่เคยสิ้นหวังในประเทศนี้ เพราะเรามีคนไทยที่สามารถเปลี่ยนประเทศได้ แต่เราทุกคนต้องมองข้าวหุบเหวแล้วช่วยกันทำให้ดีที่สุด” รุ่งโรจน์กล่าว

 

The post เรืองโรจน์ พูนผล ชี้ผู้นำในปัจจุบันต้องเผชิญโลกที่ซับซ้อนกว่าเดิมเป็นพันเท่า ไม่มีอัศวินขี่ม้าขาว แต่ทุกคนต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วาทะเด็ด EXCLUSIVE SPEECH ภาวะผู้นำโลกยุคปากเหว https://thestandard.co/exclusive-speech/ Sat, 26 Nov 2022 11:29:24 +0000 https://thestandard.co/?p=715957 EXCLUSIVE SPEECH

สรุปวาทะจากเวทีเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 ใ […]

The post วาทะเด็ด EXCLUSIVE SPEECH ภาวะผู้นำโลกยุคปากเหว appeared first on THE STANDARD.

]]>
EXCLUSIVE SPEECH

สรุปวาทะจากเวทีเสวนา THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022 ในหัวข้อ EXCLUSIVE SPEECH ภาวะผู้นำโลกยุคปากเหว 

 

 

“โลกเจอวิกฤตมหาศาล ลีดเดอร์ต้องสร้างความหวังกับผู้คน ไม่ใช่ให้ความหวังลมๆ แล้งๆ ต้องมีวิชันมองไปข้างหน้า และมองบียอนด์ให้ไกลกว่าปากเหว”

 

เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่ม KASIKORN Business -Technology Group (KBTG) กล่าวในหัวข้อ ‘THE FUTURE OF LEADERSHIP ภาวะผู้นำโลกยุคปากเหว’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2565

 

 

“ภาวะผู้นำยุคปากเหวไม่มีจริง ไม่มีอัศวินม้าขาว เราอยู่ในยุคตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
ทุกคนต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้นำ เพื่อช่วยกำหนดทิศทางประเทศให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอนาคต”

 

เรืองโรจน์ พูนผล ประธานกลุ่ม KASIKORN Business -Technology Group (KBTG) กล่าวในหัวข้อ ‘THE FUTURE OF LEADERSHIP ภาวะผู้นำโลกยุคปากเหว’ บนเวที THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2022

วันที่ 26 พฤศจิกายน 2565


ข่าวที่เกี่ยวข้อง


 

The post วาทะเด็ด EXCLUSIVE SPEECH ภาวะผู้นำโลกยุคปากเหว appeared first on THE STANDARD.

]]>