กระทรวงมหาดไทย – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 23 Apr 2024 09:31:07 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.1 ครม.​ เห็นชอบฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซียอยู่ไทย 60​ วัน​ เริ่ม พ.ค.-ก.ค. นี้ https://thestandard.co/free-tourist-visa-for-russian/ Tue, 23 Apr 2024 09:31:07 +0000 https://thestandard.co/?p=925820

วันนี้ (23 เมษายน) รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษก […]

The post ครม.​ เห็นชอบฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซียอยู่ไทย 60​ วัน​ เริ่ม พ.ค.-ก.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (23 เมษายน) รัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า​ ในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียเดินทางมาประเทศไทยมากกว่า 1.61 ล้านคน ซึ่งมากเป็นอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคยุโรป และมากเป็นอันดับ 5 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดที่เดินทางเข้าประเทศไทย 

 

โดยประเทศไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวชาวรัสเซียรวม 84,666 ล้านบาท ซึ่งหากย้อนไปเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2548​ ประเทศไทยและรัสเซียได้ลงนามความตกลงว่าด้วยการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทางธรรมดาร่วมกัน​ ส่งผลให้ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดาไทยและรัสเซียสามารถเดินทางระหว่างกัน และพำนักในประเทศได้ไม่เกิน 30 วัน โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตรา

 

ต่อมาประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดรายชื่อประเทศที่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ได้รับการยกเว้นการตรวจลงตราและให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 90 วัน เป็นกรณีพิเศษ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ถึงวันที่ 30 เมษายน 2567​ กล่าวคือหมดเขตสิ้นเดือนนี้นั่นเอง

 

เพื่อความต่อเนื่องของมาตรการ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติและเห็นชอบการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa) เพื่อการท่องเที่ยวให้แก่ผู้ถือหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนหนังสือเดินทางสัญชาติรัสเซีย เป็นกรณีพิเศษและเป็นการชั่วคราว ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ตั้งแต่ช่วงเดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2567 ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในภาพรวมอีกด้วย

The post ครม.​ เห็นชอบฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวรัสเซียอยู่ไทย 60​ วัน​ เริ่ม พ.ค.-ก.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประมวลภาพก้าวไกล-เพื่อไทย ‘ถกเดือด’ ปมสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ งบมหาดไทย https://thestandard.co/move-forward-phue-thai-debate-cement-core-weir/ Thu, 21 Mar 2024 14:09:57 +0000 https://thestandard.co/?p=914080 ฝายแกนดินซีเมนต์

วันนี้ (21 มีนาคม) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเ […]

The post ประมวลภาพก้าวไกล-เพื่อไทย ‘ถกเดือด’ ปมสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ งบมหาดไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฝายแกนดินซีเมนต์

วันนี้ (21 มีนาคม) ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 วงเงินงบประมาณ 3.48 ล้านล้านบาท ในวาระที่ 2 เรียงตามมาตรา ในการพิจารณามาตรา 20 ว่าด้วยงบประมาณกระทรวงมหาดไทยจำนวน 3.531 แสนล้านบาท 

 

โดยมีสมาชิกผู้แทนราษฎรจำนวนมากทยอยกันอภิปรายหลายประเด็น เช่น ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ สส. กทม. พรรคก้าวไกล เสนอให้ลดงบประมาณ 1,583 ล้านบาท มีที่มาจากผังพื้นที่เฉพาะจำนวน 145 ล้านบาท และโครงการพัฒนาพื้นที่ตามผังเมืองจำนวน 1,438 ล้านบาทเพื่อปรับปรุงภูมิทัศน์

 

ณัฐพงศ์กล่าวยกตัวอย่างจากการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการศึกษาการจัดทำ และติดตามการบริหารงบประมาณได้เห็นถึงโครงการก่อสร้างซุ้มประตูจำนวน 40 ล้านบาทที่จังหวัดอุดรธานี เป็นโครงการที่มีความล่าช้า 66% มีตัวอย่างที่ขายฝันและไม่ได้ใช้ประโยชน์

 

นอกจากนั้น ยังพบโครงการที่มีปัญหาที่คล้ายกัน เป็นสวนสาธารณะที่สร้างแล้ว ปล่อยร้าง และไม่ได้ใช้ประโยชน์จนกลายเป็นแหล่งอบายมุข ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะขอปรับลดงบประมาณ 1,583 ล้านบาท เพื่อให้การพัฒนาพื้นที่เป็นผังเมือง ไม่ใช่เพื่อพังเมือง ใช้ภาษีประชาชนให้มีประโยชน์และคุ้มค่ามากที่สุด

 

ขณะที่ เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการฯ เสียงข้างน้อย เสนอขอปรับลดงบประมาณของกระทรวงมหาดไทยจำนวน 245 ล้านบาทจากการขอก่อหนี้ผูกพันงบประมาณมากกว่า 1 ปี มีวงเงินตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อขอรับการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ของกระทรวงมหาดไทย เพื่อก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยระยะที่ 2 วงเงิน 3,344 ล้านบาท ให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐ โดยมีภาระผูกพันตั้งแต่ปี 2567-2570 

 

ขณะที่ อิทธิพล ชลธราศิริ สส. ขอนแก่น พรรคก้าวไกล อภิปรายขอปรับลดงบประมาณในส่วนของกรมป้องกัน และบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เพิ่มอีก 142.3 ล้านบาท จากแผนการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิง KA-32 มูลค่า 943 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันไปถึงปีงบประมาณ 2568 อีก 806 ล้านบาท 

 

อิทธิพลกล่าวว่า พรรคก้าวไกลเห็นถึงความจำเป็นของการมีเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงที่ใช้สำหรับดับไฟอาคารสูง รวมถึงสนับสนุนการควบคุมไฟป่า แต่การเสนอลดงบประมาณครั้งนี้เนื่องจากเป็นภาระต่องบประมาณ รวมถึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน รัฐบาลพูดมาโดยตลอดว่าเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะวิกฤต ประชาชนกำลังเดือดร้อน ต้องกู้เพิ่มเพื่อชดเชยการขาดดุล

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน ปภ. มีเฮลิคอปเตอร์รุ่นเดียวกันจำนวน 4 ลำ โดยในปีที่ผ่านมาใช้งานไปแล้วทั้งสิ้น 25 ภารกิจเท่านั้น เฉลี่ยเพียงปีละ 5 ห้าครั้ง ขณะเดียวกันเฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวยังมีราคาแพงเกินไป โดยมีการตั้งข้อสงสัยถึงการซื้อจากต่างประเทศรวมอุปกรณ์ดับเพลิงแล้ว ราคาไม่ถึง 500 ล้านบาทเท่านั้น 

 

สอดคล้องกับ ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส. กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ที่เสนอตัดงบประประมาณสำหรับจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิง KA-32 เช่นเดียวกัน พร้อมให้ เหตุผลว่า เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวนั้นมีราคาแพงเกินไป และเป็นภาระผูกพัน พร้อมตั้งข้อสังเกตถึงความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้าง และขอเสนอให้ตัดงบการจัดซื้อจัดจ้างเฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นในรัฐสภาชุดนี้

 

ขณะที่ ภราดร ปริศนานันทกุล สส. อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวชี้แจงถึงโครงการการพัฒนาพื้นที่ตามผังเมืองของกรมโยธาธิการและผังเมือง ในงบประมาณปี 2567 นั้น มีโครงการเพื่อขอดำเนินการใหม่กว่า 100 โครงการ หากจะให้กรมโยธาธิการและผังเมืองมานั่งลงรายละเอียดทั้งหมด เกรงว่าจะเป็นข้อมูลจำนวนมหาศาล โดยเป็นการใช้คำที่ครอบคลุม เป็นการปรับปรุงภูมิทัศน์ให้มองเป็นภาพรวมทั้งหมด 

 

ส่วนการยกตัวอย่างโครงการสำหรับปรับปรุงภูมิทัศน์ที่จังหวัดอุดรธานี ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการแล้ว ระบุว่า การออกแบบกับความเป็นจริงนั้นไม่เหมือนกัน ก็โครงการดังกล่าวยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งมีอีกหลายโครงการที่ยังดำเนินการไม่เสร็จเช่นเดียวกัน 

 

ส่วนงบประมาณสำหรับการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ดับเพลิงเพิ่มอีก 1 ลำ โดยใช้งบประมาณในปี 2567 จำนวน 142 ล้านนั้น ทาง กมธ. เห็นว่าภารกิจของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยต้องมีความพร้อม เพื่อป้องกันเหตุที่อาจเกิดหรือไม่เกิดขึ้นก็ได้

ภราดรยังชี้แจงถึงความคืบหน้าการก่อสร้างศูนย์ราชการกระทรวงมหาดไทยแห่งใหม่ว่า โครงการนี้มีระยะการก่อสร้างจำนวนทั้งสิ้น 2 ระยะ ในระยะแรกดำเนินการตั้งแต่ปีงบประมาณปี 2563 และมีงบผูกพันต่อเนื่องถึงปี 2569 ซึ่งขณะนี้ดำเนินการไปแล้ว 28% ในงบประมาณปี 2567 เป็นการดำเนินการในระยะที่ 2 โดยจะใช้งบประมาณอีกทั้งสิ้น 2,215 ล้านบาท ทั้งการสร้างท่าเทียบเรือสาธารณะ, ลานจอดรถ, ทางเชื่อมอาคาร รวมถึงระบบงานวิศวกรรมไฟฟ้า โดยจะมีการตั้งงบประมาณผูกพันในปี 2567 เป็นปีแรก

 

อย่างไรก็ตาม ตลอดการพิจารณางบประมาณกระทรวงมหาดไทยนั้น ยังมีอีกประเด็นที่สำคัญคือการตัดงบประมาณการสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ เพื่อใช้ป้องกันอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำยม โดย ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้สงวนความเห็นว่า มีสมาชิกหลายคนตั้งคำถามถึงการตัดงบประมาณฝายแกนดินซีเมนต์ ตนในฐานะประธาน กมธ. ศึกษาและติดตามการจัดทำงบ จึงอยากอธิบายว่าการสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ในบางแห่งไม่ใช่สิ่งที่ผิด ในแหล่งน้ำบางแห่งเป็นวิธีสร้างที่ถูกต้อง 

 

อย่างไรก็ตาม การที่กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ทำหนังสือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ ส่งคำของบสร้างฝายแกนดินซีเมนต์กว่า 7,000 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 3 พฤศจิกายน แต่สำนักงบประมาณตัดเหลือ 4,000 แห่ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติภายใน 1 เดือน จึงอยากทราบว่ากระบวนการที่รวบรัดเช่นนี้ ฝายแกนดินทั้งหมดมีความเหมาะสมในการสร้างทุกแห่งหรือไม่

 

ณัฐพงษ์กล่าวยืนยันว่า กมธ. ตัดงบส่วนนี้เพราะเสียงข้างมาก ดังนั้นการกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลตัดงบโดยอคติ และความไม่รู้จึงไม่ยุติธรรม มองว่าหากชะลอโครงการนี้บางแห่งในปีนี้ก็ไม่เป็นการเสียหาย

 

ขณะที่ สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการ ชี้แจงกรณีการตัดงบประมาณ 1,255 ล้านบาท เพื่อสร้างฝายแกนดินซีเมนต์กว่า 3,000 แห่งว่า เป็นการแจกเสื้อโหลตามขนาดของฝายอย่างชัดเจน และเห็นความเร่งรีบอย่างผิดสังเกต หากดูเอกสารจะเห็นว่าท้องถิ่นมีเวลาเพียง 12 วันในการเลือกตำแหน่งทำฝาย และการประเมินราคาก่อสร้าง 

 

สุรเชษฐ์กล่าวต่อว่า ไม่มีใครรู้ข้อมูลก่อน ซึ่งเหมือนมีการแจกงบกันอย่างผิดสังเกต ซึ่งมีหลายรายการที่ตั้งงบประมาณต่ำกว่า 5 แสนบาทเล็กน้อย เพราะราคาดังกล่าวคือลักกี้นัมเบอร์ที่ทำให้หน่วยงานราชการเลือกผู้รับเหมาได้โดยไม่ผ่านการแข่งขัน จึงเหมือนจงใจจิ้มเลือกผู้รับเหมา และเหมือนมีการแบ่งราคาแล้ว รวมถึงยังมีความจงใจหลบเลี่ยงการรับประกันโครงการเป็นระยะเวลา 2 ปีด้วย 

 

อย่างไรก็ตาม มีการสอบถามในที่ประชุม กมธ. ชัดเจนว่าโครงการสร้างฝายจะมีการรับประกันงานได้อย่างน้อย 2 ปีหรือไม่ แต่ก็พบว่าไม่มีการรับประกันงานแต่อย่างใด นอกจากนี้ ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่โครงการของรัฐจะต้องมีใบอนุญาตมาแสดง ซึ่งกรณีฝายแกนดินซีเมนต์จะต้องมีใบอนุญาตที่เป็นไปตามกฎหมายของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ก็ได้รับการยืนยันว่า หลายแห่งยังไม่ได้รับการอนุญาต รวมถึงใบอนุญาตจากกรมเจ้าท่า เพราะหากลำน้ำใหญ่พอสมควรจะต้องมีการเดินเรือ แต่ปรากฏว่าก็ไม่มีใบอนุญาตมาแสดง และยังมีการเลี่ยงบาลีไปใช้คำว่าฝายกึ่งถาวรด้วย 

 

“แพงจริง พังจริง และจะเป็นปัญหาทิ้งมลพิษถาวรในอนาคต และหากไม่รับประกันถ้าพังใครจะรับผิดชอบ ท่านก็ไม่ตอบคำถาม และแม้ว่าหน่วยงานที่จะดำเนินการโครงการดังกล่าวมีสิทธิอุทธรณ์ แต่ก็จำนนต่อเหตุผลทำให้ไม่อุทธรณ์ในชั้น กมธ. ชุดใหญ่ ดังนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วที่จะตัดงบก้อนนี้ นอกจากนี้ มีข้อสังเกตด้วยว่ามีความพยายามอย่างชัดเจนจาก สส. พรรคเพื่อไทย ใน กมธ. และ สว. บางท่านอยู่เบื้องหลังการตั้งงบฝายแกนดินซีเมนต์ครั้งนี้ ที่สำคัญหากฝ่ายค้านไม่มีเหตุผลมากพอ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะตัดงบประมาณสำเร็จ” สุรเชษฐ์กล่าว  

 

จากนั้น วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส. แพร่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ. เสียงข้างน้อย อภิปรายยืนยันว่า งบประมาณที่ขอเพื่อใช้ก่อสร้างฝายแกนดินซีเมนต์เป็นความต้องการของประชาชน ไม่ใช่ฝ่ายการเมือง ซึ่งเป็นงบประมาณจำนวนไม่มาก และมีความแข็งแรงคงทนแน่นอน

 

“ท่านอย่าเอาอคติมาคิดเองเออเองแล้วทำร้ายประชาชนเช่นนี้ ท่านสร้างความเสียหายให้ประชาชน เอาอคติในใจมาทำร้ายประชาชน เพราะท่านตัดงบไปแล้ว นี่คือความเจ็บช้ำน้ำใจของประชาชน เราจะจำไว้ว่าอคติทำให้ประชาชนเดือดร้อนไม่จบสิ้น” วรวัจน์กล่าว

 

สุรเชษฐ์ชี้แจงว่า งบทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย เราต้องชั่งน้ำหนักประโยชน์กับโทษ กรณีนี้ข้อเสียมากกว่าข้อดี งบไม่คุ้มค่า ไม่โปร่งใส เราเข้าใจว่ามีคนได้ประโยชน์จากโครงการ แต่ก็มีคนเสียประโยชน์เช่นกัน ส่วนที่บอกว่าคนตัดงบประมาณไม่รู้เรื่อง ใครไม่รู้เรื่องก็ให้ประชาชนตัดสิน

 

จากนั้นวิสุทธิ์ลุกขึ้นใช้สิทธิพาดพิงว่า “ขอท้าสุรเชษฐ์ให้ไปดูพื้นที่พร้อมกันหลังการพิจารณางบประมาณเสร็จสิ้น ถ้าสิ่งที่ผมพูดไม่เป็นความจริง ผมขอลาออกจากผู้แทน ถามว่าท่านกล้าหรือไม่”

 

จากนั้น มี สส. จากพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลพยายามแย่งกันประท้วง ทำให้ปดิพัทธ์ในฐานะประธานการประชุมกล่าวว่า “ผมจะให้สิทธิประท้วงแน่นอน แต่รบกวนทีละท่านนะครับ”

 

วรวัจน์อภิปรายว่า “พี่น้องทางเหนือครับ ทั้งหมดนี้ที่สุรเชษฐ์พูดเป็นการพูดไม่จริงในสภา” ปดิพัทธ์จึงแทรกขึ้นมาว่า “ผมจะให้สิทธิพาดพิง แต่นี่ยังเป็นเรื่องการประท้วงอยู่ ขอให้ท่านสุรเชษฐ์จบ แล้วท่านใดจะใช้สิทธิพาดพิงเต็มที่เลย” 

 

สุรเชษฐ์กล่าวสรุปว่า ขอยืนตามเหตุผลที่ตนได้กล่าวไป ขอฝากข้อคิดเอาไว้ให้เพื่อนสมาชิกได้คิดกันไว้ว่า หากคนเรารู้จักแค่ค้อน ก็จะมองปัญหาทุกอย่างเป็นตะปู ประเด็นคือฝายมีหลายแบบ ฝายสร้างได้แต่ต้องคิด คิดว่าจะต้องทำอย่างไร และจะต้องผ่านกระบวนการที่คิดถึงคนท้ายน้ำ คิดถึงปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศด้วย เพราะแต่ละพื้นที่มีความต้องการที่ต่างกัน 

 

“อย่าคิดเพียงว่าจะได้ประโยชน์อะไรจากการแจกเสื้อโหล ต้องคิดว่าหากมีงบประมาณมาถึงพื้นที่ของคุณ บางท้องถิ่นอาจอยากได้ฝายไม้ไผ่ บางท้องถิ่นอาจอยากได้ฝายคอนกรีต บางท้องถิ่นอาจจะไปทำไฟ ทำถนน ในรูปแบบอื่น เราอยากให้เขาเลือกได้ ดีกว่าการแจกเสื้อโหล สุดท้ายตนเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากดื่มน้ำผสมปูนซีเมนต์” สุรเชษฐ์กล่าว

 

อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมเสียงส่วนใหญ่ลงมติเห็นชอบให้ยึดตามการแก้ไขของคณะกรรมาธิการฯ

 

ฝายแกนดินซีเมนต์ ฝายแกนดินซีเมนต์ ฝายแกนดินซีเมนต์ ฝายแกนดินซีเมนต์

The post ประมวลภาพก้าวไกล-เพื่อไทย ‘ถกเดือด’ ปมสร้างฝายแกนดินซีเมนต์ งบมหาดไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
มหาดไทยย้ำ เที่ยวภูเก็ตปลอดภัย ไม่ยอมให้คนไม่ดีที่มีส่วนน้อยทำเสียการท่องเที่ยว https://thestandard.co/anutin-charnvirakul-14032024/ Fri, 15 Mar 2024 01:01:50 +0000 https://thestandard.co/?p=911310

วานนี้ (14 มีนาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว […]

The post มหาดไทยย้ำ เที่ยวภูเก็ตปลอดภัย ไม่ยอมให้คนไม่ดีที่มีส่วนน้อยทำเสียการท่องเที่ยว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (14 มีนาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.1) ลงพื้นที่ บางลาไนท์มาร์เก็ต ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต 

 

เพื่อตรวจติดตามการรักษาความสงบเรียบร้อย และเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งนี้ อนุทินได้รับฟังบรรยายสรุปการดูแลรักษาความปลอดภัยจาก พ.ต.อ. เฉลิมชัย เหิรสวัสดิ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรป่าตอง 

 

โดยได้รับรายงานว่า สถานีตำรวจภูธรป่าตองร่วมกับชมรมผู้ประกอบการสถานบันเทิงหาดป่าตอง ติดตั้งกล้องวงจรปิด CCTV ครอบคลุมบริเวณรวม 26 ตัว และขณะนี้เทศบาลเมืองป่าตองมีแผนเพิ่มเติมจำนวน CCTV เพื่อเสริมสร้างความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว จากนั้นได้ตรวจเยี่ยมและทักทายนักท่องเที่ยวบริเวณบางลาไนท์มาร์เก็ต 

 

อนุทินกล่าวภายหลังการลงพื้นที่ว่า ประเทศไทยมีศักยภาพในการดูแล ให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และสามารถสร้างรายได้ให้กับคนไทยมหาศาล และหน้าที่ของทางการโดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนคือการทำให้นักท่องเที่ยวรู้สึกปลอดภัย ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ

 

ส่วนกรณีพื้นที่ท่องเที่ยวภูเก็ตนั้น ขอย้ำให้มีความปลอดภัย และทุกภาคส่วนร่วมกันบริหารจัดการได้ดี ซึ่งตอนนี้กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้สามารถขยายผลรูปแบบการจัดโซนนิ่งและการจัดการแบบเดียวกันนี้ไปยังพื้นที่จังหวัดอื่น ซึ่งจะช่วยในการกระจายรายได้ภาคการท่องเที่ยวให้กว้างขวางขึ้น

 

อนุทินยังกล่าวกรณีชาวต่างชาติที่อาศัยในพื้นที่ภูเก็ตทำร้ายแพทย์สาวว่า จะไม่ยอมให้มีกรณีคนไม่ดีที่เป็นเพียงส่วนน้อย มาทำให้เกิดการเหมารวมว่าภูเก็ตอันตราย ส่วนตัวไม่กลัวมาเฟีย กลัวแต่มาฟรี ถ้าเกิดกรณีที่ต่างชาติก่อเหตุอีก ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต จัดการแน่นอน

 

“สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นพฤติกรรมของคนส่วนน้อยไม่กี่คน เกิดตรงไหนเราก็จัดการตรงนั้น ล่าสุดก็เรียบร้อย ถอนวีซ่า จะอุทธรณ์มากระทรวงมหาดไทย ไม่ต้องอุทธรณ์เข้ามา เสียเวลา กลับบ้านไปเลยดีกว่า ถ้ามีมาอีกเราก็พร้อมที่จะจัดการอีก เพื่อให้ภาพรวมอยู่ได้ ให้คนไทยเรามีรายได้มีอาชีพ” อนุทินกล่าว

 

The post มหาดไทยย้ำ เที่ยวภูเก็ตปลอดภัย ไม่ยอมให้คนไม่ดีที่มีส่วนน้อยทำเสียการท่องเที่ยว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ครบ 91 วัน สิ้นสุดการลงทะเบียนหนี้นอกระบบ กรุงเทพฯ ลงทะเบียนมากสุด รวมทั้งประเทศไกล่เกลี่ยสำเร็จ 18,509 ราย https://thestandard.co/informal-debt-final-registration-day/ Fri, 01 Mar 2024 01:42:19 +0000 https://thestandard.co/?p=905942 หนี้นอกระบบ

วานนี้ (29 กุมภาพันธ์) สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมห […]

The post ครบ 91 วัน สิ้นสุดการลงทะเบียนหนี้นอกระบบ กรุงเทพฯ ลงทะเบียนมากสุด รวมทั้งประเทศไกล่เกลี่ยสำเร็จ 18,509 ราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
หนี้นอกระบบ

วานนี้ (29 กุมภาพันธ์) สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ วันที่ 91 โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงานผลการลงทะเบียนพบว่า มีประชาชนลงทะเบียนแล้ว 151,175 ราย มูลหนี้รวม 11,732.506 ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 125,081 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 27,348 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 125,302 ราย 

 

มีพื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก ดังนี้ 

 

  1. กรุงเทพมหานคร ผู้ลงทะเบียน 10,091 ราย เจ้าหนี้ 9,047 ราย มูลหนี้ 1,065.464 ล้านบาท 
  2. จังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้ลงทะเบียน 6,115 ราย เจ้าหนี้ 5,887 ราย มูลหนี้ 425.187 ล้านบาท 
  3. จังหวัดสงขลา ผู้ลงทะเบียน 5,570 ราย เจ้าหนี้ 4,589 ราย มูลหนี้ 383.455 ล้านบาท 
  4. จังหวัดนครราชสีมา ผู้ลงทะเบียน 5,273 ราย เจ้าหนี้ 4,443 ราย มูลหนี้ 489.563 ล้านบาท 
  5. จังหวัดสุรินทร์ ผู้ลงทะเบียน 4,412 ราย เจ้าหนี้ 3,364 ราย มูลหนี้ 438.838 ล้านบาท 

 

ขณะที่จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ 

 

  1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน ผู้ลงทะเบียน 250 ราย เจ้าหนี้ 251 ราย มูลหนี้ 16.274 ล้านบาท 
  2. จังหวัดระนอง ผู้ลงทะเบียน 351 ราย เจ้าหนี้ 267 ราย มูลหนี้ 24.415 ล้านบาท 
  3. จังหวัดสมุทรสงคราม ผู้ลงทะเบียน 406 ราย เจ้าหนี้ 316 ราย มูลหนี้ 18.819 ล้านบาท 
  4. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 474 ราย เจ้าหนี้ 383 ราย มูลหนี้ 28.483 ล้านบาท 
  5. จังหวัดตราด ผู้ลงทะเบียน 479 ราย เจ้าหนี้ 364 ราย มูลหนี้ 21.487 ล้านบาท

 

สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศพบว่า มีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 28,725 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 18,509 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย 2,626.784 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 1,855.474 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 771.309 ล้านบาท 

 

จังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุด คือ จังหวัดนครสวรรค์ โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 3,373 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 518 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 287.587 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 53.511 ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง 234.076 ล้านบาท 

 

สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหนี้และลูกหนี้มีความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่แล้ว 310 คดี ใน 43 จังหวัด

 

สุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า การเปิดรับลงทะเบียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 จนถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 ข้อมูลของประชาชนทุกคนที่มาลงทะเบียนจะเป็นฐานข้อมูลของผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ ในฐานะหัวหน้าศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบจังหวัด/อำเภอ จะได้บูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งอัยการ, ทหาร, ตำรวจ, ธนาคารออมสิน, ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.), สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด, สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือในเรื่องหนี้นอกระบบ อำนวยความสะดวกทำให้ลูกหนี้ได้ชำระหนี้ในอัตราที่เป็นธรรม และเข้าสู่ระบบของสถาบันการเงินของรัฐ โดยมีการชำระเงินกู้ในอัตราดอกเบี้ยต่ำ ทำให้พี่น้องประชาชนได้มีแหล่งเงินทุนในการชำระหนี้ และมีเงินไปเลี้ยงดูครอบครัวได้

 

ในส่วนของกระบวนการไกล่เกลี่ย จากการดำเนินการมากว่า 3 เดือน แสดงให้เห็นถึงความคืบหน้าของกระบวนการไกล่เกลี่ยหนี้ ซึ่งมาตรการในระยะสั้นได้เชิญลูกหนี้และเจ้าหนี้มาพูดคุยตกลงกัน สามารถลดต้นลดดอกของหนี้ได้ ทำให้สามารถช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบกลุ่มแรกได้สำเร็จ ในส่วนที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการต่อไป อาจต้องใช้เวลาในการนำลูกหนี้และเจ้าหนี้ทั้ง 2 ฝ่ายมาพูดคุยกัน ในส่วนของข้อมูลเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ใช้ความรุนแรง ข่มขู่ ในการทวงหนี้ จำนวนกว่า 5 หมื่นราย กระทรวงมหาดไทยได้ส่งข้อมูลให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนและดำเนินคดีต่อไป 

 

สุทธิพงษ์กล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะยาว อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีนโยบายในการช่วยเสริมสร้างศักยภาพให้กับลูกหนี้นอกระบบ ส่งเสริมการพัฒนาทักษะในการประกอบอาชีพ โดยบูรณาการทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกหนี้นอกระบบเข้าสู่กระบวนการพัฒนาตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ส่งเสริมแนวทางให้ลูกหนี้สามารถลดรายจ่ายในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมการปลูกผักสวนครัวและการเลี้ยงสัตว์เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร 

 

โดยน้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ตามโครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง และ ทางนี้มีผล ผู้คนรักกัน ตลอดจนส่งเสริมแนวทางจัดทำบัญชีครัวเรือน ลดความฟุ่มเฟือย หลีกเลี่ยงการดื่มสุรา การเล่นพนัน และรวมไปถึงการขยายโอกาสให้ประชาชนได้เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพต่อไป

 

โดยหลังจากที่ปิดรับลงทะเบียนแล้ว หากมีประชาชนผู้ที่เดือดร้อนจากหนี้นอกระบบประสงค์จะขอความช่วยเหลือ สามารถโทรสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือสามารถเดินทางไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอ เพื่อให้ทางราชการช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาได้

The post ครบ 91 วัน สิ้นสุดการลงทะเบียนหนี้นอกระบบ กรุงเทพฯ ลงทะเบียนมากสุด รวมทั้งประเทศไกล่เกลี่ยสำเร็จ 18,509 ราย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปลัด มท. เผย ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบแล้วกว่า 1.49 แสนราย ยอดหนี้กว่า 11,097 ล้านบาท ย้ำไกล่เกลี่ยให้ครบ 100% แม้ปิดรับลงทะเบียน 29 ก.พ. https://thestandard.co/suthipong-unveiled-fixed-informal-debt-number/ Thu, 29 Feb 2024 01:22:59 +0000 https://thestandard.co/?p=905441 หนี้นอกระบบ

วานนี้ (28 กุมภาพันธ์) สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมห […]

The post ปลัด มท. เผย ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบแล้วกว่า 1.49 แสนราย ยอดหนี้กว่า 11,097 ล้านบาท ย้ำไกล่เกลี่ยให้ครบ 100% แม้ปิดรับลงทะเบียน 29 ก.พ. appeared first on THE STANDARD.

]]>
หนี้นอกระบบ

วานนี้ (28 กุมภาพันธ์) สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยถึงผลการลงทะเบียนแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ วันที่ 90 โดยสำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง ได้รายงานผลการลงทะเบียน พบว่ามีประชาชนลงทะเบียนแล้ว 149,833 ราย มูลหนี้รวม 11,097.302 ล้านบาท เป็นการลงทะเบียนผ่านระบบออนไลน์ 123,874 ราย และการลงทะเบียน ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบ 25,959 ราย รวมจำนวนเจ้าหนี้ 121,688 ราย

 

กทม. ลงทะเบียนแก้หนี้เยอะสุด

 

พื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

 

  1. กรุงเทพมหานคร ยังคงมีผู้ลงทะเบียนมากที่สุด 11,257 ราย เจ้าหนี้ 8,788 ราย มูลหนี้ 1,011.944 ล้านบาท
  2. จังหวัดนครศรีธรรมราช มีผู้ลงทะเบียน 6,010 ราย เจ้าหนี้ 5,750 ราย มูลหนี้ 413.291 ล้านบาท
  3. จังหวัดสงขลา มีผู้ลงทะเบียน 5,494 ราย เจ้าหนี้ 4,487 ราย มูลหนี้ 364.302 ล้านบาท
  4. จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ลงทะเบียน 5,179 ราย เจ้าหนี้ 4,310 ราย มูลหนี้ 456.289 ล้านบาท
  5. จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ลงทะเบียน 4,256 ราย เจ้าหนี้ 3,178 ราย มูลหนี้ 406.492 ล้านบาท

 

ขณะที่พื้นที่/จังหวัดที่มีผู้ลงทะเบียนน้อยที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่

 

  1. จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีผู้ลงทะเบียน 246 ราย เจ้าหนี้ 246 ราย มูลหนี้ 14.924 ล้านบาท
  2. จังหวัดระนอง มีผู้ลงทะเบียน 355 ราย เจ้าหนี้ 273 ราย มูลหนี้ 24.553 ล้านบาท
  3. จังหวัดสมุทรสงคราม มีผู้ลงทะเบียน 399 ราย เจ้าหนี้ 314 ราย มูลหนี้ 18.796 ล้านบาท
  4. จังหวัดตราด มีผู้ลงทะเบียน 472 ราย เจ้าหนี้ 347 ราย มูลหนี้ 20.755 ล้านบาท
  5. จังหวัดสิงห์บุรี มีผู้ลงทะเบียน 484 ราย เจ้าหนี้ 396 ราย มูลหนี้ 28.028 ล้านบาท

 

สุทธิพงษ์กล่าวว่า สำหรับข้อมูลการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบทั่วประเทศ พบว่ามีลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยแล้ว 27,870 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 17,848 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนการไกล่เกลี่ย 2,545.028 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 1,783.867 ล้านบาท มูลหนี้ลดลง 761.160 ล้านบาท และจังหวัดที่สามารถนำลูกหนี้เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยได้มากที่สุดยังคงเป็นจังหวัดนครสวรรค์เช่นเดิม

 

โดยมีลูกหนี้ที่เข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 3,346 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ 491 ราย มูลหนี้ของลูกหนี้ก่อนไกล่เกลี่ย 284.479 ล้านบาท หลังการไกล่เกลี่ย 50.810 ล้านบาท ทำให้มูลหนี้ของพี่น้องประชาชนในจังหวัดนครสวรรค์ลดลง 233.668 ล้านบาท

 

สำหรับกรณีที่ไม่ได้รับความร่วมมือกระทั่งไม่สามารถดำเนินการไกล่เกลี่ยได้ เจ้าหนี้และลูกหนี้มีความประสงค์ให้เจ้าหน้าที่ได้ส่งต่อเรื่องไปยังพนักงานสอบสวนของสถานีตำรวจในพื้นที่แล้ว 294 คดี ใน 40 จังหวัด

 

ไกล่เกลี่ยให้ครบ 100%

 

สุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า ในส่วนของกระบวนการไกล่เกลี่ย ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอเร่งดำเนินการเชิญลูกหนี้และเจ้าหนี้นอกระบบที่ลงทะเบียนเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยให้ครบ 100% โดยบูรณาการร่วมกับอัยการ ตำรวจ สถาบันการเงินของรัฐ ในการไกล่เกลี่ยตกลงกันโดยใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุด และขอให้ทุกจังหวัดได้ดำเนินการตามนโยบายของ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในการจัดกิจกรรมตลาดนัดแก้หนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

 

ในส่วนของข้อมูลเจ้าหนี้นอกระบบที่ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ขอให้กรมการปกครองบูรณาการข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างใกล้ชิด เพื่อดำเนินการสืบหาเจ้าหนี้ที่มีพฤติการณ์ทวงหนี้แบบข่มขู่และใช้ความรุนแรง แต่หากเกิดกรณีไม่สามารถไกล่เกลี่ยตกลงกันได้ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที ถึงแม้ว่าเราจะปิดรับลงทะเบียนหนี้นอกระบบในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 แต่เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบได้เกิดความต่อเนื่อง

 

ปิดรับลงทะเบียน 29 ก.พ. นี้

 

ขอให้ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคได้ประชาสัมพันธ์ช่องทางสายด่วน 1567 ของศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและอำเภอ เพื่อให้ประชาชนที่เดือดร้อนทั้งเรื่องหนี้นอกระบบหรือเรื่องอื่นๆ สามารถขอความช่วยเหลือจากภาครัฐหรือกระทรวงมหาดไทยได้ในทุกเรื่อง

สุทธิพงษ์กล่าวอีกว่า ขณะนี้คงเหลือเวลาอีกเพียง 1 วันที่พี่น้องประชาชนยังสามารถลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ซึ่งเราจะรับลงทะเบียนวันสุดท้ายคือวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยจะปิดการลงทะเบียนของศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบภายในเวลา 16.30 น. (เวลาราชการ) และช่องทางออนไลน์ https://debt.dopa.go.th ภายในเวลา 00.00 น. ของวันดังกล่าว สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนศูนย์ดำรงธรรม โทร. 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง

The post ปลัด มท. เผย ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบแล้วกว่า 1.49 แสนราย ยอดหนี้กว่า 11,097 ล้านบาท ย้ำไกล่เกลี่ยให้ครบ 100% แม้ปิดรับลงทะเบียน 29 ก.พ. appeared first on THE STANDARD.

]]>
ลงนามร่าง พ.ร.ก.คืนปืนเถื่อนไม่มีความผิดแล้ว เตรียมส่ง ครม. ไฟเขียว https://thestandard.co/returning-an-illegal-gun-is-not-a-crime/ Mon, 26 Feb 2024 02:34:56 +0000 https://thestandard.co/?p=904278

วันนี้ (26 กุมภาพันธ์) ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมน […]

The post ลงนามร่าง พ.ร.ก.คืนปืนเถื่อนไม่มีความผิดแล้ว เตรียมส่ง ครม. ไฟเขียว appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (26 กุมภาพันธ์) ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะโฆษกกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยได้ดำเนินการตามข้อสั่งการที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ให้กระทรวงมหาดไทยกำหนดมาตรการให้ผู้ครอบครองอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนผิดกฎหมาย นำอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนมาส่งมอบให้แก่ทางราชการ พร้อมกำหนดยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่บุคคลนั้นด้วย เพื่อให้เป็นมาตรการลดจำนวนปืน สิ่งเทียมอาวุธปืนผิดกฎหมาย ที่มีผู้ใช้ในการก่ออาชญากรรมและความรุนแรงในสังคม

 

ล่าสุด กระทรวงมหาดไทยได้ยกร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือที่กฎหมายห้ามออกใบอนุญาต หรือสิ่งเทียมอาวุธ มามอบให้แก่ทางราชการ พ.ศ. … พร้อมกับยกร่างหลักเกณฑ์และวิธีการในการส่งมอบการรับมอบการเก็บรักษาและการทำลายอาวุธปืนที่ได้มีการนำมาคืนดังกล่าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว และ อนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามในร่าง พ.ร.ก. และร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการนำเสนอให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) นำไปบรรจุเป็นวาระเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติและดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายเพื่อมีผลบังคับต่อไป

 

ไตรศุลีกล่าวต่ออีกว่า ที่รัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยได้มีมาตรการทางกฎหมายดังกล่าว เนื่องด้วยปัจจุบันได้เกิดกรณีการประทุษร้ายทำลายชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ปรากฏขึ้นจำนวนมาก ซึ่งสถิติปี 2559-2566 พบว่า อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุอาชญากรรมนั้น ร้อยละ 83 เป็นอาวุธปืนผิดกฎหมาย ขณะที่สิ่งเทียมอาวุธปืนซึ่งดัดแปลงเป็นอาวุธปืนได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นจากการลักลอบทำ ดัดแปลง สั่ง นำเข้า หรือค้า ทั้งช่องทางปกติและช่องทางออนไลน์ ซึ่งเพียงการจับกุมปราบปรามไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด จำเป็นต้องมีหลายมาตรการควบคู่กัน เพื่อเร่งลดผลกระทบต่อทางสังคมจากปัญหาอาวุธปืน ทั้งทางด้านความเชื่อมั่น ความปลอดภัยสาธารณะ ความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการลงทุน

 

“การควบคุมอาวุธปืนและสิ่งเทียมอาวุธปืนให้มีจำนวนลดน้อยลงถือเป็นกรณีฉุกเฉิน จำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ เพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศและความปลอดภัยสาธารณะ ซึ่งการออก พ.ร.ก.ยกเว้นความรับผิดทางอาญาให้แก่ผู้นำอาวุธปืนหรือสิ่งเทียมอาวุธที่ไม่ได้รับอนุญาตมาส่งมอบให้ทางราชการในเวลาที่กำหนด พร้อมกำหนดเกณฑ์การส่งมอบ การเก็บรักษา และการทำลายอาวุธปืนดังกล่าว จะเป็นมาตรการที่จะช่วยให้มีการลดจำนวนอาวุธปืนในระบบลงได้ในเวลาอันสั้น” ไตรศุลีกล่าว

The post ลงนามร่าง พ.ร.ก.คืนปืนเถื่อนไม่มีความผิดแล้ว เตรียมส่ง ครม. ไฟเขียว appeared first on THE STANDARD.

]]>
บุกกระทรวงทรัพยากรฯ ติดตามปัญหา PM2.5 เร่งหารือ ‘มท.-ทส.-ผบ.ทบ.’ กำหนดแนวทางบ่ายนี้ https://thestandard.co/pm2-5-srettha-meet-up/ Thu, 15 Feb 2024 06:27:02 +0000 https://thestandard.co/?p=900277 PM2.5

วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ […]

The post บุกกระทรวงทรัพยากรฯ ติดตามปัญหา PM2.5 เร่งหารือ ‘มท.-ทส.-ผบ.ทบ.’ กำหนดแนวทางบ่ายนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
PM2.5

วันนี้ (15 กุมภาพันธ์) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเดินทางเข้ากระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ว่าวันนี้มาที่กระทรวงทรัพยากรฯ เพื่อมาดูปัญหาฝุ่น PM2.5 ซึ่งได้มีการพูดคุยกันว่าปัญหาที่เกิดขึ้น จุดฮอตสปอตอยู่ที่ไหนบ้าง ซึ่งเราก็เห็นอยู่แล้วว่ามาจากจังหวัดกาญจนบุรีค่อนข้างมาก  

 

นายกฯ กล่าวว่า เวลา 13.30 น. ตนนัดประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ปลัดกระทรวงทรัพยากรฯ และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เพื่อพูดคุยกันว่าเราจะทำอย่างไร เพราะในช่วงนี้จังหวัดเชียงใหม่จะต้องมี PM2.5 สูงมาก แต่วันนี้กลับเป็นสีเหลือง ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ตนลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ 3 ครั้งแล้ว และ พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรฯ ท่านบริหารจัดการเรื่องนี้ได้อย่างดีมาก ทำให้ผลออกมาดูดี ซึ่งเราอยากจะทำเชียงใหม่โมเดลไปในทุกจังหวัด และในระยะสั้นทางกระทรวงทรัพยากรฯ และกรุงเทพมหานครมีการประกาศให้ Work from Home บางส่วน 

 

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องระยะสั้นจะลงพื้นที่ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดประสานฝ่ายความมั่นคงให้ทำเรื่องนี้ให้ดี ถ้าตรงไหนมีจุดฮอตสปอตก็ต้องมีการสั่งการที่ชัดเจนว่าขั้นตอนต่อไปเป็นอย่างไร และมีฮอตไลน์ประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องเกี่ยวข้องกับประเทศกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา เพราะตรงนั้นมีตัวเลขการเผาเยอะมาก 

 

“ฉะนั้นทุกฝ่ายต้องร่วมกันพูดคุยให้ได้ ไม่ใช่บอกว่าอีก 3 วันทิศทางลมจะดีขึ้น ถ้าวันนี้ตอนเช้าไม่ดีเราก็ต้องบอก เพราะเราต้องอยู่กับมัน ฉะนั้นก็ต้องแก้ไขกันไป จะมาคอยไปอีก 3-4 วันค่อยให้ทิศทางมันดีขึ้นและหวังว่าลมฟ้าอากาศจะมาช่วยมันไม่ใช่วิธีบริหารจัดการปัญหาที่ถูกต้อง วันนี้ กทม. มีจุดความร้อนเยอะมากและเราก็ทราบดีว่าสาเหตุเกิดจากควันพิษของรถยนต์ ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการพูดคุยกันในระยะยาว ซึ่งผู้ว่าฯ กทม. เคยพูดถึงการย้าย (ท่าเรือ) คลองเตยออกไป ก็อาจจะเป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องพูดคุยกันในการแก้ไขปัญหาระยะยาว” นายกฯ กล่าว

 

เมื่อถามว่า ปัญหาระยะสั้นของ กทม. ที่เป็นปัญหาหนักในขณะนี้จะสามารถทำอย่างไรได้บ้าง นายกฯ กล่าวว่า ผู้ว่าฯ กทม. มีอำนาจให้ Work from Home ซึ่งตนก็สนับสนุนแล้วแต่กระทรวง เพราะกระทรวงมีอำนาจบริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ ซึ่งการหยุดหรือรับงานก่อสร้างก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ตนเชื่อว่า 25% มาจากท่อไอเสียรถยนต์ แต่ความจริงเราควรไปดูที่ต้นเหตุมากกว่าคือการเผาวัชพืชในจังหวัดต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับทิศทางลม และเป็นข้อคิดที่ดี คงจะมีการเชิญชวนประชาชนมาใช้รถสาธารณะมากขึ้น

 

ส่วนการลดค่าเดินทางของรถโดยสารสาธารณะเพื่อเป็นแรงจูงใจ นายกฯ กล่าวว่า ก็คงจะมีการพูดคุยกับผู้ให้บริการในการลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เพื่อให้ทุกท่านเดินทางได้อย่างสะดวกในราคาที่เข้าถึงได้ 

 

เมื่อถามอีกว่า โมเดลจังหวัดเชียงใหม่จะถูกนำไปใช้ในพื้นที่อื่นหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ได้แน่นอน ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ประสานงานกับกระทรวงทรัพยากรฯ และฝ่ายความมั่นคง, องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.), องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทุกคนมีการพูดคุยที่ดีตลอดเวลา ไม่ได้เริ่มตั้งแต่ห้ามเผา แต่เริ่มตั้งแต่เก็บเศษใบไม้และให้องค์ความรู้กับเกษตรกร โดยฝ่ายความมั่นคงได้จัดยุทโธปกรณ์ที่ไม่ได้ใช้มาขนส่งเศษวัชพืชไปโรงงานไบโอดีเซลเพื่อดำเนินการในขั้นต่อไป ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ทำได้ดี โดยหลายจังหวัดพยายามทำอยู่ ซึ่งตนก็จะมีการพูดคุยกันอีกครั้งหนึ่ง

 

PM2.5 PM2.5 PM2.5 PM2.5 PM2.5

The post บุกกระทรวงทรัพยากรฯ ติดตามปัญหา PM2.5 เร่งหารือ ‘มท.-ทส.-ผบ.ทบ.’ กำหนดแนวทางบ่ายนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ย้ายอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนไปเป็นผู้ว่าฯ โคราช อนุทินแจง เติมตำแหน่งที่ว่าง โยนเป็นอำนาจปลัด https://thestandard.co/anutin-clarifies-transfer-13022567/ Tue, 13 Feb 2024 06:45:16 +0000 https://thestandard.co/?p=899100 การโยกย้าย ผู้ว่าฯ โคราช

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกู […]

The post ย้ายอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนไปเป็นผู้ว่าฯ โคราช อนุทินแจง เติมตำแหน่งที่ว่าง โยนเป็นอำนาจปลัด appeared first on THE STANDARD.

]]>
การโยกย้าย ผู้ว่าฯ โคราช

วันนี้ (13 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการโยกย้ายอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนกลับไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ว่าเป็นการโยกย้ายปกติ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเตรียมจะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีดังกล่าวเป็นการโยกย้ายนอกฤดูกาลหรือไม่ อนุทินกล่าวยืนยันว่าไม่ใช่การโยกย้ายนอกฤดูกาล ก่อนหน้านี้มีกรณีที่อธิบดีกรมที่ดินลาออก รวมถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์เสียชีวิต ซึ่งการโยกย้ายดังกล่าวเป็นเพียงการโยกย้ายเพื่อเติมตำแหน่งให้เต็มเท่านั้น

 

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำอีกว่ามีหลายฝ่ายมองว่าการโยกย้ายจากอธิบดีลงไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดนั้นเป็นการลดชั้นตำแหน่งหรือไม่ อนุทินถามกลับว่าใครเป็นผู้มอง แต่ตนเองนั้นมองว่าเป็นข้าราชการที่อยู่ในระดับบริหารเท่ากัน ซึ่งการเสนอโยกย้ายข้าราชการในระดับ C10 นั้นเป็นอำนาจของปลัดกระทรวง จากนั้นรัฐมนตรีว่าการจะเป็นผู้เสนอต่อที่ประชุม ครม. ซึ่งคาดว่าน่าจะเข้าสู่การประชุม ครม. เป็นวาระปกติ ไม่ใช่วาระจร โดยมีหลายตำแหน่งที่จะถูกพิจารณาในการประชุม ครม. ในคราวเดียวกัน

The post ย้ายอธิบดีกรมการพัฒนาชุมชนไปเป็นผู้ว่าฯ โคราช อนุทินแจง เติมตำแหน่งที่ว่าง โยนเป็นอำนาจปลัด appeared first on THE STANDARD.

]]>
เตรียมนิรโทษกรรมปืนเถื่อนส่งคืนรัฐไม่ผิดกฎหมาย อนุทินเผยทั่วประเทศมีหลายล้านกระบอก https://thestandard.co/prepare-an-amnesty-for-illegal-guns/ Wed, 07 Feb 2024 07:49:10 +0000 https://thestandard.co/?p=897111

วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี […]

The post เตรียมนิรโทษกรรมปืนเถื่อนส่งคืนรัฐไม่ผิดกฎหมาย อนุทินเผยทั่วประเทศมีหลายล้านกระบอก appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (7 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการพูดคุยถึงเรื่องการนิรโทษกรรมคดีปืนเถื่อนว่า ถือเป็นข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีที่จะให้ดำเนินการควบคุมอาวุธปืนเถื่อน โดยหลักการแล้วจะต้องออกกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) หรือพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะออกเป็น พ.ร.ก. ให้ผู้ที่มีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนหรืออาวุธเทียมปืนทั้งหลายนำมามอบให้กับส่วนราชการ และออกเป็นการนิรโทษกรรม ซึ่งถือเป็นแนวทางที่กระทรวงมหาดไทยตั้งใจจะดำเนินการอยู่แล้วและมีรัฐบาลให้การสนับสนุน ซึ่งจะสามารถเร่งรัดให้เร็วขึ้นได้

 

อนุทินยังยอมรับด้วยว่า ปืนเถื่อนในประเทศไทยมีอยู่หลายล้านกระบอก ซึ่งไม่ได้หมายถึงปืนอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงวัตถุเทียมแทนปืนด้วย โดยเฉพาะสินค้าเทียมปืนที่เป็นของเล่น และนำมาดัดแปลงกลายเป็นปืนที่มีอานุภาพร้ายแรง ทำลายชีวิตและทำให้ผู้คนได้รับบาดเจ็บได้ ซึ่งนับว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ครอบครองสิ่งเหล่านี้ที่ถือว่าผิดกฎหมายได้ส่งคืนให้กับรัฐแบบไม่มีความผิด

 

มหาดไทยไม่ขัดข้อง รวมบัตรประชาชน-บัตรผู้พิการในใบเดียว  

 

อนุทินกล่าวอีกว่า ได้มีการพูดคุยกับ วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถึงการผนวกบัตรประชาชนและบัตรคนพิการเข้าไว้ด้วยกันว่า หากรวมได้ก็จะเป็นเรื่องดี เพราะผู้พิการจะได้ไม่ต้องถือหลายบัตร ซึ่งไทยมีการลงทุนกับระบบบัตรสมาร์ทการ์ดที่มีชิปอยู่ การรวมไว้ด้วยกันจึงเป็นเรื่องง่ายเพียงแค่เพิ่มคุณสมบัติและข้อจำกัดเข้าไป 

 

อนุทินกล่าวถึงการเริ่มใช้งานว่า จะมีการหารือกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ว่าจะเริ่มได้เมื่อไร โดยก่อนหน้านี้วราวุธได้สอบถามมายังกระทรวงมหาดไทยว่ามีปัญหาหรือไม่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยไม่ขัดข้องอยู่แล้ว ขอให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ผู้เป็นเจ้าภาพ เป็นผู้รวบรวมข้อมูล

The post เตรียมนิรโทษกรรมปืนเถื่อนส่งคืนรัฐไม่ผิดกฎหมาย อนุทินเผยทั่วประเทศมีหลายล้านกระบอก appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลเตรียมนิรโทษกรรมปืนเถื่อน ส่งปืนคืนรัฐไม่มีความผิด https://thestandard.co/illegal-guns-amnesty/ Tue, 06 Feb 2024 06:32:26 +0000 https://thestandard.co/?p=896605 ปืนเถื่อน

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นา […]

The post รัฐบาลเตรียมนิรโทษกรรมปืนเถื่อน ส่งปืนคืนรัฐไม่มีความผิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปืนเถื่อน

วันนี้ (6 กุมภาพันธ์) ที่ทำเนียบรัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวันนี้ ว่าการประชุมในวันนี้ มีเรื่องใหญ่หลายเรื่อง เรื่องแรกที่ประชุมได้สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานความมั่นคง ได้ศึกษาถึงการกำหนดมาตรการให้ผู้ถือปืนเถื่อนโดยไม่จดทะเบียนให้นำปืนมาคืนภาครัฐในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งจะไม่มีความผิด

 

เนื่องจากจะเป็นการลดจำนวนปืนที่อาจก่อให้เกิดความรุนแรงขึ้นได้ และจะต้องไม่ขัดกับข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการออกพระราชกำหนดขึ้นมาเป็นนิรโทษกรรมก่อน และค่อยเอาปืนมาคืนได้ ตรงนี้ถือว่าเป็นมาตรการสำคัญมาตรการหนึ่ง รวมถึงมาตรการปืนสวัสดิการด้วย ทำให้การเข้าถึงอาวุธที่เป็นอันตรายต่อประชาชนลดน้อยลงด้วย

 

นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังสั่งการให้กระทรวงพัฒนา สังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดูแลหน่วยงานราชการต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้พิการ ให้เขามาใช้บริการในสถานที่ราชการอย่างสะดวกขึ้นเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมและปลอดภัย นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณายกเว้นการตรวจลงตราสำหรับผู้ถือหนังสือเดินทางการทูตและราชการระหว่างประเทศของสาธารณรัฐลิทัวเนีย เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ 

 

ที่ประชุมยังได้พิจารณาอนุมัติหลักการ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ รวมถึงการเสนอกฎหมายลำดับรอง โดยให้ทางกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาและตรวจสอบร่างของรัฐบาลประชาชนและสภาเพื่อให้เกิดความรัดกุมไม่ขัดต่อกฎหมายอื่นๆ และนำมาส่งต่อ ครม. เพื่อพิจารณา และส่งต่อให้พิจารณาในสภาต่อไป โดยตั้งอยู่บนหลักการให้ความหลากหลายทางวัฒนธรรม เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำและความขัดแย้ง เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภา 

 

เศรษฐากล่าวถึงเรื่องของความมั่นคงตามด่านชายแดนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบนำของผิดกฎหมายเข้ามาว่า ทั้งหมูเถื่อน ยางเถื่อน เป็นต้น ซึ่งตอนหลังเรามีความเข้มข้น ทำให้ราคาสินค้าการเกษตรดีขึ้นเพราะของเถื่อนไม่เข้ามา ก็ได้มีการตอกย้ำไปว่าให้มี สส. ในพื้นที่ และหน่วยงานความมั่นคงเป็นกองทัพ ศุลกากร หรือด่านการเกษตร ให้เข้มข้น และหากเห็นพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายก็ให้แจ้ง จะได้บริหารจัดการได้อย่างเต็มที่ 

 

เมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามถึงกรณีการพักโทษของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อาจมีการอายัดตัวเนื่องจากคดีมาตรา 112 นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เรื่องของอดีตนายกฯ ทักษิณอยู่ในอำนาจของกรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรม จึงให้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมที่จะมีการแถลงต่อไปอีกที

The post รัฐบาลเตรียมนิรโทษกรรมปืนเถื่อน ส่งปืนคืนรัฐไม่มีความผิด appeared first on THE STANDARD.

]]>