กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 08 Aug 2024 08:43:29 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 นายกฯ ลงพื้นที่ภูเก็ต สั่งทำแผนรับมือดินโคลนถล่ม พร้อมคิกออฟ Phuket Sandbox อนุรักษ์ 72 หาดไทย หวังลดขยะหลุดลงทะเล https://thestandard.co/pm-phuket-sandbox-kick-off/ Thu, 08 Aug 2024 08:43:29 +0000 https://thestandard.co/?p=969045 ภูเก็ต

วันนี้ (8 สิงหาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ […]

The post นายกฯ ลงพื้นที่ภูเก็ต สั่งทำแผนรับมือดินโคลนถล่ม พร้อมคิกออฟ Phuket Sandbox อนุรักษ์ 72 หาดไทย หวังลดขยะหลุดลงทะเล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภูเก็ต

วันนี้ (8 สิงหาคม) เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ต เยี่ยมชมการบริหารจัดการช่วยเหลือสัตว์ทะเลหายากในพื้นที่ทะเลอันดามันที่ศูนย์ช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากสิรีธาร รับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ภาพรวมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และดูเต่ากระ เต่าตนุ เต่าหญ้า ประมาณ 40% ที่บาดเจ็บจากขยะในทะเล ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขยะจากกิจกรรมประมง รวมถึงพลาสติกต่างๆ โดยนายกฯ ได้เน้นย้ำว่า ต้องสร้างจิตใต้สำนึกให้คนทราบด้วย เพราะสัตว์ทะเลหายากเสียชีวิตจากความสะเพร่าหรือมักง่ายของมนุษย์

 

ย้ำสร้างความเสมอภาค ปรับบ้านพักข้าราชการให้ดีขึ้น

 

โอกาสนี้นายกฯ ยังได้เยี่ยมชมบ้านพักของเจ้าหน้าที่ โดยบอกว่ารัฐบาลมีความเป็นห่วง อนุมัติงบประมาณบ้านพักให้กับข้าราชการทหารและตำรวจ รวมถึงกรมราชทัณฑ์ก็มีพนักงานอยู่ตรงนี้ เพราะเท่าที่เห็นบ้านพักเก่ามากแล้ว ที่นี่อยู่กันร้อยกว่าครอบครัว อยากให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยจ่ายในอัตราที่เหมาะสม เพื่อให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น ขอฝากไว้เป็นนโยบาย ทุกอย่างต้องค่อยๆ ทยอยทำเพื่อเป็นตัวอย่าง ย้ำตรงนี้เราให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ข้าราชการ จะได้ไม่ขาดแคลนบุคลากรที่อยากจะเข้ามารับใช้ประเทศชาติ เพื่อเขามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี โดยต้องสร้างให้เสมอภาคเท่าเทียมกันด้วย สิ่งที่ต้องมีคือกฎกติกา ไม่เช่นนั้นบ้านจะเสื่อมโทรม คนที่มาอยู่ในวันข้างหน้าจะลำบาก

 

สั่งตั้งอุปกรณ์เตือนภัย

 

จากนั้นนายกฯ ได้ประชุมพิจารณามาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาดินโคลนถล่ม พร้อมระบุว่า ตนเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่คราวที่แล้ว พื้นที่สีแดง 3 จุดในเกาะภูเก็ต ถ้าไม่ทำแผนป้องกัน เมื่อเข้าฤดูฝนจะเกิดปัญหา ขอให้เป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะตอนนี้เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูฝนแล้ว เป็นช่วงอันตรายที่เราต้องดูแลกันต่อไป และให้กรมทรัพยากรธรณีตั้งอุปกรณ์แจ้งเตือนภัยทั้งน้ำป่า ภัยพิบัติ และโคลนถล่ม ซึ่งต้องมีการซักซ้อม เพื่อให้เข้าถึงประชาชนทุกครัวเรือน

 

พร้อมกันนี้ให้ร่วมกันออกแบบการเฝ้าระวังและเตือนภัยทั้งในภูเก็ตและพื้นที่อื่นซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง โดยใช้ข้อมูลทางเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ

 

ไหว้พระวัดฉลอง จุดประทัด 6,000 นัด เสริมสิริมงคล

 

ขณะที่ช่วงบ่าย นายกฯ พร้อมคณะ เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดไชยธาราราม (วัดฉลอง) พร้อมจุดประทัดจำนวน 6,000 นัด เพื่อถวายหลวงพ่อแช่มและเพื่อความเป็นสิริมงคล

 

ภายหลังจุดประทัด เจ้าหน้าที่ได้นำหางประทัดมาให้นายกฯ ดู โดยนายกฯ ได้โชว์ต่อสื่อมวลชนพร้อมบอกว่า มีเลข 87 และ 829 ซึ่งเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต่างเข้ามาถ่ายรูปเพื่อนำไปเสี่ยงโชคต่อ

 

ทั้งนี้ นายกฯ ยังได้ทักทายตำรวจท่องเที่ยวที่ปฏิบัติหน้าที่ในวัดฉลอง รวมถึงอาสาสมัครที่สถานทูตแต่ละประเทศ และนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เข้ามาขอถ่ายรูปและจับมือ ทั้งชาวสเปน จีน มาเลเซีย อินเดีย โปแลนด์ ซึ่งหนึ่งในนักท่องเที่ยวชาวโปแลนด์บอกว่ารู้สึกโชคดีที่ได้เจอนายกฯ ในวันนี้

 

คิกออฟ Phuket Sandbox อนุรักษ์ 72 หาดไทย หวังลดขยะหลุดลงทะเล

 

จากนั้นนายกฯ เป็นประธานเปิดโครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติฯ และเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย ภายใต้โครงการรักษ์ 72 หาดไทย เฉลิมพระเกียรติฯ ที่หาดป่าตอง และรับฟังรายงานสถานการณ์ขยะทะเลของภูเก็ต และมาตรการจัดการขยะทางทะเล ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการ 3 ปีในพื้นที่ 14 หาดของภูเก็ต เพื่อเป็นต้นแบบในการลดขยะชายหาด ก่อนขยายไปยัง 72 หาดทั่วประเทศ ครอบคลุมอีก 6 จังหวัดชายฝั่งทะเล ประกอบด้วย กระบี่ ตรัง สุราษฎร์ธานี ชลบุรี ระยอง และตราด

 

โอกาสนี้นายกฯ ยังได้เยี่ยมชมบูธของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยมีจิตอาสาจากแอฟริกาใต้ และเยาวชนจากหมู่บ้านไม้ขาว ร่วมกับอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่ได้ผลิตสินค้าจากขยะทะเล โดยนายกฯ อุดหนุนพวงกุญแจที่ทำมาจากขยะ จำนวน 4,000 บาท เพื่อเป็นกำลังใจให้อาสาสมัครและเยาวชนในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม พร้อมขอบคุณอาสาสมัครที่เข้ามาทำโครงการนี้ในเมืองไทย

 

จากนั้นนายกฯ ระบุว่า รัฐบาลได้น้อมนำแนวพระราชดำริ แนวพระราชปณิธาน และพระบรมราโชบาย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มาเป็นแนวทางในการดำเนินงาน โดยประเทศไทยได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 10 ประเทศที่มีขยะหลุดลอยลงทะเลมากที่สุดของโลก รัฐบาลจึงเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดำเนินโครงการ Phuket Sandbox ต้นแบบอนุรักษ์หาดไทย เพื่อสร้างความตระหนักให้ประชาชนช่วยกันอนุรักษ์ ดูแลรักษาความสวยงามของชายหาดและท้องทะเลไทย ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สำคัญในการสร้างรายได้ให้กับประเทศต่อไป พร้อมคาดหวังว่า ความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการดำเนินการร่วมกันของทุกภาคส่วนในการสร้างพื้นที่ต้นแบบที่สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์ชายหาดในวันนี้ จะเป็นก้าวสำคัญนำไปสู่การแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกบนชายหาดและในท้องทะเลอย่างยั่งยืน คงไว้ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ทางทะเลและชายฝั่งของไทย ตลอดจนพร้อมที่จะส่งต่อมรดกอันล้ำค่าต่อไป

 

ก่อนที่นายกฯ จะทำกิจกรรมร่อนทรายคัดแยกขยะร่วมกับเยาวชน อาสาสมัคร นักท่องเที่ยว และกลุ่มก้าวพลาด ท่ามกลางความสนใจจากบรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เข้ามาทักทายและขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

 

ภูเก็ต ภูเก็ต

The post นายกฯ ลงพื้นที่ภูเก็ต สั่งทำแผนรับมือดินโคลนถล่ม พร้อมคิกออฟ Phuket Sandbox อนุรักษ์ 72 หาดไทย หวังลดขยะหลุดลงทะเล appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘กรมทะเล’ เผยผลชันสูตรซากวาฬบรูด้าเกยตื้น เกาะพะลวย สุราษฎร์ธานี คาดเจ็บป่วยตามธรรมชาติ https://thestandard.co/brydes-whale-beaching-investigation/ Tue, 09 Jul 2024 05:53:57 +0000 https://thestandard.co/?p=955335 วาฬบรูด้าเกยตื้น

วันนี้ (9 กรกฎาคม) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพย […]

The post ‘กรมทะเล’ เผยผลชันสูตรซากวาฬบรูด้าเกยตื้น เกาะพะลวย สุราษฎร์ธานี คาดเจ็บป่วยตามธรรมชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วาฬบรูด้าเกยตื้น

วันนี้ (9 กรกฎาคม) ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง แถลงความคืบหน้ากรณีพบวาฬบรูด้าเกยตื้นบริเวณอ่าวสอง เกาะพะลวย ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยระบุว่า ได้สั่งการให้ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนกลาง เร่งลงพื้นที่ร่วมกับศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง, ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง, สำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 และอุทยานหมู่เกาะอ่างทอง ผ่าชันสูตรซากวาฬบรูด้าเกยตื้นดังกล่าว

 

จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นวาฬบรูด้าเพศผู้ วัยรุ่น ความยาว 9.6 เมตร น้ำหนักประมาณ 5 ตัน สภาพซากสด ผอม มีแผลถลอกตามลำตัว โดยผลชันสูตรพบฟองอากาศขนาดเล็กจำนวนมากในหลอดลม แขนงหลอดลมและปอด สาเหตุการตายสันนิษฐานเบื้องต้นว่าเกิดจากการเจ็บป่วยตามธรรมชาติ ทำให้เกยตื้นและเสียชีวิต ซึ่งมีการเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อเพื่อนำไปศึกษาหาสาเหตุการตายที่แน่ชัดต่อไป

 

ที่ผ่านมา กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ออกสำรวจวาฬบรูด้า ทั้งทางเรือและทางอากาศอย่างต่อเนื่อง เพื่อประเมินแนวโน้มจำนวนประชากรและจัดทำฐานข้อมูลสัตว์ทะเลหายากในประเทศไทย เพื่อยกระดับความสำคัญของการอนุรักษ์วาฬบรูด้า ควบคู่ไปกับการคุ้มครองตามมาตรการทางกฎหมาย รวมถึงดำเนินการช่วยชีวิตหากพบการเกยตื้น เพื่อรักษาฟื้นฟูสุขภาพวาฬบรูด้าก่อนปล่อยคืนสู่ท้องทะเล ตลอดจนการชันสูตรหาสาเหตุและแนวทางป้องกันในการลดการสูญเสีย พร้อมทั้งเสริมสร้างและอบรมเครือข่ายในการช่วยชีวิตสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น และลดอัตราการเสียชีวิต

 

ดร.ปิ่นสักก์ยังเรียกร้องให้ประชาชนช่วยกันปกป้อง คุ้มครอง และรักษาวาฬบรูด้า ซึ่งเป็นหนึ่งในสัตว์ป่าสงวนตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ที่นับวันจะสูญพันธุ์ไปจากท้องทะเลไทย โดยสามารถเริ่มต้นจากการลดการทิ้งขยะลงในทะเล ทำประมงอย่างถูกกฎหมาย เดินเรือให้ห่างจากแหล่งอาศัยของวาฬบรูด้า และท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยใส่ใจสิ่งแวดล้อม เพื่อลดผลกระทบที่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อวาฬบรูด้า ตลอดจนช่วยกันสอดส่องดูแลหากพบเจอวาฬบรูด้าหรือสัตว์ทะเลหายากเกยตื้น ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ เพื่อจะได้เร่งดำเนินการตรวจสอบทันที หรือโทรไปที่ 1362 สายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

 

อ้างอิง:

  • กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

The post ‘กรมทะเล’ เผยผลชันสูตรซากวาฬบรูด้าเกยตื้น เกาะพะลวย สุราษฎร์ธานี คาดเจ็บป่วยตามธรรมชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเผย พะยูนในตรังมีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมา https://thestandard.co/trang-dugong-decrease/ Wed, 03 Apr 2024 06:41:03 +0000 https://thestandard.co/?p=918792 พะยูน

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผย พะยูนในทะเลตรังม […]

The post กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเผย พะยูนในตรังมีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
พะยูน

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผย พะยูนในทะเลตรังมีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมา และกระจายตัวในพื้นที่กว้างมากขึ้น ซึ่งเป็นไปได้ว่าพะยูนมีการอพยพย้ายถิ่นไปยังแหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่ใกล้เคียง 

 

เมื่อช่วงปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ของศูนย์เทคโนโลยีดิจิทัลและอากาศยาน ลงพื้นที่ออกสำรวจการแพร่กระจายสัตว์ทะเลหายากบริเวณจังหวัดตรัง ด้วยวิธีการบินสำรวจโดยใช้อากาศยานปีกตรึง 9 ที่นั่ง สำรวจแบบ Line Transect และ Hot Spot ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่การสำรวจได้มากขึ้น ถึงบริเวณเกาะลิบง เกาะมุก เกาะสุกร แหลมไทร และบริเวณแนวหญ้าทะเลใกล้เคียง ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของจังหวัดตรัง 

 

ผลการสำรวจในครั้งนี้พบพะยูนประมาณ 86-121 ตัว เป็นพะยูนคู่แม่-ลูกอย่างน้อยประมาณ 3 คู่ เต่าตนุจำนวน 107-152 ตัว และโลมาจำนวน 13 ตัว (ซึ่งมีโลมาคู่แม่-ลูก จำนวน 4 คู่) อย่างไรก็ตาม เมื่อเปรียบเทียบกับผลการสำรวจในปี 2566 จะพบว่าพะยูนมีแนวโน้มจำนวนประชากรลดลง และกระจายตัวในพื้นที่กว้างมากขึ้น ซึ่งข้อสันนิษฐานการลดลงของพะยูนในพื้นที่เกาะมุกและเกาะลิบง เป็นไปได้ว่ามีการอพยพย้ายถิ่นไปยังแหล่งหญ้าทะเลในพื้นที่ใกล้เคียง จากการสำรวจพะยูนบริเวณเกาะศรีบอยาและบริเวณเกาะสุกรนั้น พบพะยูนมีจำนวนเพิ่มขึ้น 

 

ทั้งนี้ ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เร่งดำเนินการส่งนักวิชาการ นักวิจัย และเจ้าหน้าที่กรม ทช. ที่เกี่ยวข้อง ร่วมเฝ้าระวัง และเร่งดำเนินการสำรวจประชากรพะยูนและสัตว์ทะเลหายาก รวมถึงแหล่งหญ้าทะเลตลอดแนวชายฝั่งทะเลอันดามันเพิ่มเติม เพื่อติดตามข้อมูลในภาพรวมของจำนวนประชากรและการแพร่กระจายของพะยูนทั้งหมดอีกครั้ง พร้อมนำเรือตรวจการณ์และเทคโนโลยีอากาศยานไร้คนขับมาใช้เพิ่มประสิทธิภาพในการสำรวจ เพื่อรวบรวมเป็นฐานข้อมูลและกำหนดแนวทางการอนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก 

 

นอกจากนี้ ทช. ขอความร่วมมือเรือนำเที่ยวและเรือประมงในพื้นที่ให้เพิ่มความระมัดระวังในการขับเรือ ป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับสัตว์ทะเลดังกล่าวด้วย ทั้งนี้ สามารถแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ด้านทะเลชายฝั่ง รวมถึงสัตว์ทะเลหายากได้ตลอดที่สายด่วนพิทักษ์ป่าและรักษาทะเล โทร. 1362

 

ภาพ: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

อ้างอิง: 

  • กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

The post กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเผย พะยูนในตรังมีแนวโน้มลดลงจากปีที่ผ่านมา appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งวอนนักท่องเที่ยวไม่ควรเข้าใกล้กัลปังหาแดง เกาะสุกร ชี้รบกวนธรรมชาติ https://thestandard.co/dmcr-warned-avoid-red-sea-fan/ Mon, 18 Mar 2024 12:26:23 +0000 https://thestandard.co/?p=912512 กัลปังหาแดง

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แจ้งเตือนประชาชนไม่ค […]

The post กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งวอนนักท่องเที่ยวไม่ควรเข้าใกล้กัลปังหาแดง เกาะสุกร ชี้รบกวนธรรมชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กัลปังหาแดง

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แจ้งเตือนประชาชนไม่ควรเข้าใกล้หรือสัมผัสกัลปังหาแดง (Sea Fan) บนเกาะสุกร เนื่องจากเป็นการรบกวนธรรมชาติ หลังมีสำนักข่าวและเพจ Facebook หลายแห่งรายงานเกี่ยวกับกลุ่มกัลปังหาแดงที่โผล่พ้นน้ำบริเวณเกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง หลังน้ำทะเลลดลงต่ำสุด ซึ่งใน 1 ปีจะมีให้เห็นแค่ไม่กี่ครั้ง จนกลายเป็นอันซีนแห่งใหม่ของเกาะสุกร ซึ่งนักท่องเที่ยวได้แห่ชมความสวยงามกันเป็นจำนวนมาก

  • หวั่นการท่องเที่ยวกระทบชีวิตกัลปังหา

 

ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อธิบายว่า การที่นักท่องเที่ยวเข้าใกล้กลุ่มกัลปังหานี้โดยมีการเข้าไปสัมผัสหรือเหยียบย่ำจะทำให้เกิดการฟุ้งของตะกอน ซึ่งจะไปรบกวนการหาอาหารและการดำรงชีวิตของกัลปังหาได้ ด้วยเหตุนี้ ทช. จึงขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว ตลอดจนผู้ประกอบการนำเที่ยว ไม่ควรเข้าใกล้กัลปังหาแดง อันจะเป็นการรบกวนและทำลายธรรมชาติ พร้อมขอให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันสร้างการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เก็บความประทับใจกลับบ้าน รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้คงอยู่สืบไป

  • กัลปังหาคืออะไร

 

กัลปังหาคือสัตว์ทะเลไม่มีกระดูกสันหลัง แต่ละตัวมีขนาดเล็กมาก จัดอยู่ในพวกเดียวกับปะการัง กัลปังหาประกอบด้วย 2 ส่วน คือ ตัวกัลปังหา (Polyp) ที่มีลักษณะคล้ายดอกไม้ทะเลขนาดเล็ก มีเนื้อเยื่ออ่อนนุ่ม และมีหนวดรอบปากจำนวน 8 เส้น ฝังและกระจายตัวอยู่ตามโครงสร้างของกัลปังหา และอีกส่วนเป็นส่วนโครงสร้างที่เป็นกิ่งแตกกิ่งก้านคล้ายพัดและซี่หวีแล้วแต่ชนิด กิ่งโครงสร้างนี้ตัวกัลปังหาสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับตัวเองและเป็นสารจำพวกเขาสัตว์ (Keratin) ชอบอาศัยอยู่ตามที่มีกระแสน้ำไหล เนื่องจากกระแสน้ำจะช่วยพัดพาอาหารมาให้ และจะช่วยพัดพาของเสียที่ถูกปล่อยออกจากกัลปังหาออกไป โดยกัลปังหาจะใช้หนวดในการดักจับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กเพื่อนำมาเป็นอาหาร ส่วนเข็มพิษที่หนวดจะช่วยในการจับพวกแพลงก์ตอน

  • ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับกัลปังหา

 

กัลปังหามีประโยชน์โดยเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลขนาดเล็กหลายชนิด โดยสัตว์เหล่านี้จะเกาะตามกิ่งก้าน แต่ด้วยการที่กัลปังหามีรูปร่างและสีสันที่สวยงามจึงเกิดค่านิยมผิดๆ หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์นำมาประดับตู้ปลา นำมาใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งบ้าน หรือแม้แต่นำส่วนที่เป็นแกนในสีดำมาทำเป็นเครื่องรางของขลัง เครื่องประดับ 

 

ชาวจีนโบราณมีความเชื่อว่ากัลปังหาเป็นสมุนไพรที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีงานวิจัยหรือข้อพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ที่สามารถรับรองได้เลยว่ากัลปังหามีสรรพคุณที่ใช้ในการรักษาโรคได้จริงตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ 

 

อีกทั้งในระบบนิเวศตามธรรมชาตินั้น สิ่งมีชีวิตทั้งหลายมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน การทำลายหรือย้ายกัลปังหาจากแหล่งที่อยู่เดิมถือเป็นการกระทำที่ไม่สมควร เพราะเป็นการทำลายที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลขนาดเล็ก ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ ทำให้สัตว์น้ำขนาดเล็กไม่มีที่หลบสัตว์นักล่า จึงไม่สามารถเจริญเติบโตและอาจสูญพันธุ์ได้ 

 

นอกจากนี้ กัลปังหาเป็นสัตว์ทะเลที่เจริญเติบโตค่อนข้างช้า บางชนิดอาจใช้เวลาเป็นร้อยปีในการเติบโตเพียงแค่ 1 ฟุต และในหนึ่งต้นนั้นมีตัวกัลปังหาอยู่เป็นจำนวนมาก ดังนั้นการทำลายกัลปังหาหนึ่งต้นเท่ากับทำลายตัวกัลปังหาหลายหมื่นหลายแสนตัว และเป็นการทำลายระบบนิเวศทางทะเลอีกด้วย

  • กัลปังหาเป็นสัตว์คุ้มครอง ครอบครอง-ค้าขาย ถึงติดคุก

 

กัลปังหาเป็นสัตว์คุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ที่ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครอง ทำการค้าขาย หรือนำเขา-ส่งออกโดยเด็ดขาด (ทั้งที่ยังมีชีวิตหรือเป็นซาก) ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมถึงห้ามครอบครอง เว้นแต่ผู้ได้รับอนุญาตให้ครอบครอง ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท

 

ภาพ: มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

อ้างอิง: 

  • กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

The post กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งวอนนักท่องเที่ยวไม่ควรเข้าใกล้กัลปังหาแดง เกาะสุกร ชี้รบกวนธรรมชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อธิบดี ทช. สั่งเฝ้าระวังไฟป่าเสม็ด สนับสนุนกำลังพลติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด https://thestandard.co/pinsak-samet-bush-fire/ Thu, 07 Mar 2024 05:08:45 +0000 https://thestandard.co/?p=908234 ไฟป่าเสม็ด

ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ […]

The post อธิบดี ทช. สั่งเฝ้าระวังไฟป่าเสม็ด สนับสนุนกำลังพลติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไฟป่าเสม็ด

ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับรายงานจากสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 ว่าเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้พื้นที่ป่าเสม็ด บริเวณด้านหลังองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด หมู่ที่ 9 ตำบลวังกระแจะ อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราด เนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ 

 

ดร.ปิ่นสักก์ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 (ด่านเก่า ตราด) สนธิกำลังร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะเข้าตรวจสอบสถานการณ์ โดยพบว่า พื้นที่ป่าดังกล่าวมีลักษณะเป็นป่าเสม็ดทั้งหมด มีคลองและถนนล้อมรอบไว้ทุกด้าน อยู่ระหว่างการขออนุญาตใช้ประโยชน์ในเขตป่าชายเลน ส่วนต้นเพลิงนั้นมาจากด้านใน ซึ่งคาดว่ามีชาวบ้านที่แอบเข้าไปหาของป่าจุดไฟเผาจนทำให้เกิดไฟลุกลามจนดับไม่ได้ 

 

เบื้องต้นองค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะได้จัดเตรียมรถดับเพลิง พร้อมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังไฟป่าให้อยู่ในขอบเขตคูน้ำและถนน กระทั่งเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ได้รับแจ้งว่าไฟได้เกิดการปะทุลุกลามขึ้นอีกครั้ง ปรากฏเป็นกลุ่มควันสีขาวขึ้นมาจำนวนมากปกคลุมไปทั่วบริเวณดังกล่าว สร้างมลพิษทางอากาศไปทั่วเมืองตราด หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ดร.ปิ่นสักก์ จึงสั่งการไปยังสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 1 นำโดยศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 (ด่านเก่า ตราด) ให้จัดกำลังพลพร้อมอุปกรณ์ร่วมสนับสนุนและติดตามสถานการณ์ไฟไหม้ป่าเสม็ด โดยมีหน่วยงานภายในจังหวัดตราดร่วมลงพื้นที่ อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะ, องค์การบริหารส่วนตำบลเขาสมิง, องค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด, สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดตราด, ปลัดอำเภอเมืองตราด, กำนันตำบลวังกระแจะ และหัวหน้าสวนป่าท่ากุ่ม โนโบรุ อุเมดะ 

 

จากการรายงานสถานการณ์ล่าสุด ยังพบปริมาณควันปกคลุมทั่วพื้นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่พบการปะทุของไฟเพิ่มขึ้น ในการนี้ได้กำชับเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรป่าชายเลนที่ 1 (ด่านเก่า ตราด) เฝ้าระวังพื้นที่ใกล้เคียงบริเวณโดยรอบทั้งหมดอย่างใกล้ชิดต่อไป โดย ดร.ปิ่นสักก์ ได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมมือกันดับไฟป่าไม่ให้ลุกลามสร้างความเสียหายไปมากกว่านี้ นอกจากนี้อยากจะขอความร่วมมือไปยังพี่น้องประชาชนในพื้นที่ หากเข้าไปหาของป่าห้ามจุดไฟหรือกระทำการที่เสี่ยงต่อการเกิดไฟไหม้ป่า เนื่องจากป่าเสม็ดเป็นป่าที่มีการสะสมของใบไม้-ใบหญ้าจำนวนมาก และเคยมีการสำรวจพื้นที่แห่งนี้พบว่ามีการสะสมของใบไม้สูงถึง 50-80 เซนติเมตร เมื่อเกิดไฟไหม้ป่า แม้ว่าจะมีการดับไฟได้แล้ว แต่ชั้นใบไม้ด้านล่างที่ยังไม่ถูกไฟไหม้ก็อาจจะปะทุขึ้นมาอีกจากความร้อนที่สะสมไว้ 

 

 

อ้างอิง:

  • กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.)

The post อธิบดี ทช. สั่งเฝ้าระวังไฟป่าเสม็ด สนับสนุนกำลังพลติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทะเลระอุ นักวิทย์ไทยคาดอาจเกิดปะการังฟอกขาวช่วงเมษายนถึงกรกฎาคมนี้ https://thestandard.co/coral-bleaching-in-april-july/ Thu, 07 Mar 2024 04:54:19 +0000 https://thestandard.co/?p=908300 นักวิทย์ไทยคาดอาจเกิด ปะการังฟอกขาว ช่วงเมษายนถึงกรกฎาคมนี้

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แจ้งข่าวเกี่ยวกับสถา […]

The post ทะเลระอุ นักวิทย์ไทยคาดอาจเกิดปะการังฟอกขาวช่วงเมษายนถึงกรกฎาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักวิทย์ไทยคาดอาจเกิด ปะการังฟอกขาว ช่วงเมษายนถึงกรกฎาคมนี้

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) แจ้งข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ปะการังฟอกขาวในประเทศไทย โดยคาดการณ์ว่าอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นจากปัจจัยต่างๆ รวมถึงภาวะโลกรวน อาจทำให้เกิดเหตุปะการังฟอกขาวได้ในปีนี้

 

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (สวพ.) ได้ติดตามการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิน้ำทะเลมาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้โครงการศึกษาการเปลี่ยนแปลงทางสมุทรศาสตร์และอุณหภูมิน้ำทะเลอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ ประกอบกับการที่หน่วยงานองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติในสหรัฐอเมริกา (NOAA) รายงานว่า ขณะนี้มหาสมุทรแปซิฟิกเขตร้อนกำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ El Niño-Southern Oscillation (ENSO) ซึ่งทำให้อุณหภูมิพื้นผิวน้ำทะเลสูงกว่าค่าเฉลี่ย ทำให้มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดปะการังฟอกขาวในประเทศไทยในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงกรกฎาคม 2567 โดยระดับความรุนแรงอาจแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ 

 

โดย ทช. ได้แจ้งข่าวแก่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจ รวมถึงแนวทางการเผชิญเหตุ และขอความร่วมมือแจ้งข่าวพบเห็นการเกิดปะการังฟอกขาว ผ่านเว็บไซต์ https://thailandcoralbleaching.dmcr.go.th/th ซึ่ง ทช. จะติดตามและแจ้งข่าวสถานการณ์ปะการังฟอกขาวอย่างใกล้ชิดต่อไป

 

ปะการังฟอกขาวคืออะไร

 

โดยปกติแล้วปะการังในทะเลจะมีสีสันที่หลากหลาย ดึงดูดให้บรรดานักท่องเที่ยวและนักดำน้ำลงไปแหวกว่ายเพื่อชื่นชมความงาม แต่เมื่อเกิดภาวะที่อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงขึ้นมากกว่า 31 องศาเซลเซียสอย่างต่อเนื่อง (ประมาณ 1 สัปดาห์ถึง 1 เดือน) จะทำให้ปะการังเครียด จนเนื้อเยื่อของมันมีสีจางลงจนกลายเป็นสีขาว ซึ่งเราเรียกเหตุการณ์นี้ว่า ‘ปะการังฟอกขาว’

 

นอกจากอุณหภูมิน้ำที่ร้อนขึ้นแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาวได้ก็ยังมีอีกหลายประการ เช่น การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำทะเล ความเป็นกรด-ด่าง ความเค็ม คุณภาพน้ำทะเล มลพิษ คราบน้ำมันหรือสารเคมีต่างๆ แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาวและทำให้ปะการังตายในบริเวณกว้างในปัจจุบันคือการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิน้ำทะเล

 

ข้อมูลจาก ทช. ระบุว่า ปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวอันเนื่องมาจากภาวะโลกรวน ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มขึ้น กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ปะการังได้รับความเสียหายและมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว และมีแนวโน้มว่าจะเกิดถี่และทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นด้วย โดยมักจะพบปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวในฤดูร้อนช่วงเดือนเมษายน ถึงพฤษภาคม ที่อุณหภูมิน้ำทะเลสูงเกิน 30 องศาเซลเซียสต่อเนื่องกันหลายวัน

 

อันตรายแค่ไหน

 

ถามว่าเมื่อฟอกขาวแล้ว มันยังพอมีโอกาสรอดชีวิตได้หรือไม่นั้น ทช. ให้ข้อมูลว่า ในช่วงแรกของการฟอกขาว แม้ปะการังจะอ่อนแอลงอย่างหนักแต่พวกมันก็ยังไม่ตาย หากอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นลดลงกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็ว ปะการังจะสามารถฟื้นตัวได้เอง แต่ถ้าอุณหภูมิน้ำยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลานานจะส่งผลให้ปะการังตายในที่สุด

 

ผลพวงที่ตามมาจะทำให้สัตว์น้ำขาดแหล่งที่อยู่อาศัย วางไข่ และหลบภัย ขณะที่นักท่องเที่ยวเองก็อาจไม่อยากไปเที่ยวชมอีก ทำให้กระทบต่อภาคเศรษฐกิจและสังคมด้วย โดยปะการังฟอกขาวมักเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ในเวลาใกล้เคียงกัน

 

เราช่วยอะไรได้บ้าง

 

ในฐานะประชาชนทั่วไปซึ่งเป็นนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนซึ่งหลายคนอาจเลือกทะเลไทยสวยๆ เป็นจุดหมายปลายทางในการพักผ่อนหย่อนใจ ให้ระมัดระวังเป็นพิเศษในการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ที่อาจเพิ่มความเครียดให้กับแนวปะการัง งดการทิ้งขยะและสิ่งปฏิกูล ที่สำคัญคือควรหลีกเลี่ยงการจับต้องหรือสัมผัสปะการัง ยืน หรือตีขาเตะปะการัง อีกทั้งควรร่วมมือกันอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

 

ภาพ: Alexis Rosenfeld / Getty Images

อ้างอิง:

The post ทะเลระอุ นักวิทย์ไทยคาดอาจเกิดปะการังฟอกขาวช่วงเมษายนถึงกรกฎาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทช. และ GC จับมือชุมชนระยอง ร่วมลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนด้วยการปลูกป่าชายเลน https://thestandard.co/dmcr-and-gc-collab-rayong-mangrove/ Fri, 08 Sep 2023 09:50:43 +0000 https://thestandard.co/?p=839040 ทช. และ GC

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ บริษัท พีทีที โก […]

The post ทช. และ GC จับมือชุมชนระยอง ร่วมลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนด้วยการปลูกป่าชายเลน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทช. และ GC

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) จับมือหน่วยงานภาครัฐจังหวัดระยอง ชุมชนตำบลเนินฆ้อและตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ร่วมกันจัดกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ช่วยกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero และการปล่อยปูแสม เพื่อส่งเสริมอาชีพและคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนท้องถิ่นระยอง ภายใต้โครงการ ‘ยิ่งปลูก ยิ่งดี’ โดยมี ไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นประธานในพิธี ร่วมด้วย อภิชัย เอกวนากุล รักษาการอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) และ ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GC พร้อมทั้งผู้บริหาร ชุมชนในพื้นที่ และพนักงานจิตอาสา ร่วมกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ณ พื้นที่ตำบลเนินฆ้อ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 

 

อภิชัย เอกวนากุล รักษาการอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ทช. ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาวิกฤตโลกร้อน และส่งเสริมแนวทางการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก สำหรับโครงการปลูกป่าชายเลนเพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต เป็นหนึ่งในแนวทางที่ส่งเสริมให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชายเลนในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมฯ ที่ถูกบุกรุกหรือเสื่อมโทรมให้กลับคืนสภาพเป็นป่าชายเลนที่มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์ รวมถึงการผลักดันทุกภาคส่วนในการร่วมแก้ไขปัญหา เร่งฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อให้เป็นแหล่งกักเก็บก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งยังควบคุม กำกับ ดูแล และติดตามการดำเนินงานโครงการฯ การยื่นคำขอขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) และการยื่นคำขอรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจก หรือคาร์บอนเครดิต

 

ทช. และ GC ร่วมมือกับชุมชนตำบลเนินฆ้อและตำบลทางเกวียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อพัฒนาและฟื้นฟูพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่ป่าชายเลน และวางแผนต่อยอดขยายผลไปยังพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ตราด และเพชรบุรี รวมกว่า 3,400 ไร่ ทั้งนี้ เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ นอกจากจะทำให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพของป่าชายเลนแล้ว จะช่วยสนับสนุนงาน อาชีพ และเศรษฐกิจที่แข็งแรงให้กับชุมชนด้วย

 

ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (GC) กล่าวว่า GC มีความมุ่งมั่นพร้อมสร้างสรรค์คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของทุกคน (Chemistry for Better Living) มีแผนงานที่ชัดเจนในการลดก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 20% ภายในปี 2030 และพร้อมเดินหน้าสู่ Net Zero ในปี 2050 ในฐานะพลเมืองโลกเราต้องการส่งต่อโลกใบนี้ที่ดีกว่าให้กับคนรุ่นต่อไป การปลูก ฟื้นฟู และรักษาป่าร่วมกับภาครัฐ เอกชน และชุมชนท้องถิ่น เป็นหนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมและสิ่งแวดล้อม เป็นแนวทางการจัดหาคาร์บอนเครดิตคุณภาพสูงที่บริษัทดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2556 โดยปัจจุบันดำเนินงานไปแล้วในพื้นที่กว่า 6,000 ไร่ สำหรับโครงการนี้ GC มีการดำเนินการครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ จังหวัดระยอง, ตราด, จันทบุรี และเพชรบุรี จำนวนทั้งหมดประมาณ 3,500 ไร่ คาดการณ์ว่าจะช่วยลดคาร์บอนได้ประมาณ 23,700 ตัน CO2e ต่อปี นอกจากนี้ เรายังมีกิจกรรมปล่อยปูพันธุ์แสม ณ สะพานรักษ์แสม เพื่อเพาะพันธุ์ปูในพื้นที่อนุบาล ช่วยส่งเสริมอาชีพ สร้างรายได้ให้กับชาวประมงในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชนอีกด้วย 

 

โครงการนี้จะสำเร็จด้วยดีเพราะเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน และเมื่อการดำเนินการโครงการในพื้นที่ของ ทช. แล้วเสร็จ จะเกิดประโยชน์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และยังมีประโยชน์ในการสร้างให้เกิดงาน อาชีพ และเศรษฐกิจชุมชนที่แข็งแรงในอนาคตต่อไป

 

ทช. และ GC ทช. และ GC ทช. และ GC ทช. และ GC ทช. และ GC ทช. และ GC

The post ทช. และ GC จับมือชุมชนระยอง ร่วมลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนด้วยการปลูกป่าชายเลน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยังพบครามฟิล์มน้ำมันใต้ทรายชายหาด จากเหตุน้ำมันดิบรั่วที่ระยอง ขณะที่สภาพน้ำทะเลปกติแล้ว https://thestandard.co/still-found-indigo-oil-film-under-the-beach-sand/ Thu, 10 Feb 2022 03:49:59 +0000 https://thestandard.co/?p=592514 ยังพบครามฟิล์มน้ำมันใต้ทรายชายหาด จากเหตุน้ำมันดิบรั่วที่ระยอง ขณะที่สภาพน้ำทะเลปกติแล้ว

วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) โสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางท […]

The post ยังพบครามฟิล์มน้ำมันใต้ทรายชายหาด จากเหตุน้ำมันดิบรั่วที่ระยอง ขณะที่สภาพน้ำทะเลปกติแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยังพบครามฟิล์มน้ำมันใต้ทรายชายหาด จากเหตุน้ำมันดิบรั่วที่ระยอง ขณะที่สภาพน้ำทะเลปกติแล้ว

วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) โสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออกยังคงติดตามคุณภาพสิ่งแวดล้อมทางทะเลและการปนเปื้อนของสารประกอบไฮโดรคาร์บอนจากคราบน้ำมันดิบรั่วในทะเลมาบตาพุด จังหวัดระยอง อย่างต่อเนื่อง หลังได้รับแจ้งพบคราบน้ำมันบริเวณหาดแม่รำพึง (จุดพักสายตรวจ) จังหวัดระยอง โดยยังพบมีคราบฟิล์มน้ำมันที่ไหลออกมาจากการพลิกและขูดหน้าทรายเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำมันในทราย ซึ่งบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จํากัด (มหาชน) ได้เก็บตัวอย่างดินเพื่อวิเคราะห์หาการปนเปื้อนของสารประกอบไฮโดรคาร์บอน 

 

ส่วนน้ำทะเลสภาพเป็นปกติ และตรวจวัดคุณภาพน้ำทั่วไปพบอยู่ในเกณฑ์ปกติเช่นกันตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 4 เพื่อการนันทนาการ ทั้งนี้ ได้สำรวจเพิ่มเติมบริเวณหาดแม่รำพึง (คลองหัวรถ) เบื้องต้นพบชายหาดไม่มีคราบน้ำมัน และสภาพน้ำทะเลเป็นปกติอยู่ในเกณฑ์ปกติตามมาตรฐานคุณภาพน้ำทะเลประเภทที่ 4 เพื่อการนันทนาการเช่นกัน ส่วนผลการวิเคราะห์ปิโตรเลียมไฮโดรคาร์บอนรวมในน้ำทะเลจะนำไปวิเคราะห์อย่างละเอียดต่อไป

 

ขณะที่การติดตามสถานการณ์บริเวณหน้าอ่าวระยอง ผลกระทบจากน้ำมันรั่วของ ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก ผลการสำรวจชายหาดเป็นระยะทาง 100 เมตร พบก้อนน้ำมันดินขนาดเล็ก 10 ก้อน ตะกอนละเอียดสีดำขึ้นเกยบริเวณหาดกินรี จังหวัดชลบุรี และก้อนน้ำมันดินขนาดเล็กจำนวนมากบริเวณหาดนภาธาราภิรมย์ จังหวัดระยอง โดยจะนำส่งวิเคราะห์เพื่อหาที่มาต่อไป 

 

พร้อมทั้งสำรวจบริเวณชายหาดหลังวิหารหลวงพ่อดำ ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี หลังได้รับแจ้งมีคราบน้ำมันสีดำขึ้นเกยในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบเป็นตะกอนสีดำละเอียดจำนวนมากขึ้นเกยหาดในพื้นที่ดังกล่าว แต่ไม่มีกลิ่นน้ำมัน

The post ยังพบครามฟิล์มน้ำมันใต้ทรายชายหาด จากเหตุน้ำมันดิบรั่วที่ระยอง ขณะที่สภาพน้ำทะเลปกติแล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยชายฝั่งและแนวปะการัง ยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่ว เตรียมดำเนินคดีหากมีผลกระทบตกค้าง https://thestandard.co/crude-oil-spill-280165/ Fri, 28 Jan 2022 04:11:29 +0000 https://thestandard.co/?p=587629 น้ำมันดิบรั่ว

วันนี้ (28 มกราคม) โสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลแ […]

The post กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยชายฝั่งและแนวปะการัง ยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่ว เตรียมดำเนินคดีหากมีผลกระทบตกค้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
น้ำมันดิบรั่ว

วันนี้ (28 มกราคม) โสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยฝั่งตะวันออก และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ได้ร่วมกันตรวจสอบระบบนิเวศหญ้าทะเล ปะการัง และชายฝั่งจังหวัดระยอง หลังเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บริเวณมาบตาพุด จังหวัดระยอง ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) 

 

โดยมีการตรวจสอบพื้นที่แนวปะการัง 5 สถานี ด้วยวิธี Line Intercept Transect บริเวณอ่าวพร้าว และวิธี Spot Check บริเวณเขาแหลมหญ้า อ่าวปลาต้ม อ่าวกิ่วใน และอ่าวลุงดำ พบแนวปะการังมีสภาพปกติ ยังไม่พบคราบน้ำมันและตะกอนน้ำมันบนผิวโคโลนีปะการังและในปริมาณน้ำทะเล ตรวจสอบแหล่งหญ้าทะเล 2 สถานี คือ เขาแหลมหญ้า และอ่าวบ้านเพ พบแหล่งหญ้าทะเลยังปกติ และไม่พบคราบน้ำมันผิวน้ำทะเลและบนผิวใบหญ้าทะเล ตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระบบนิเวศปะการัง 3 สถานี คือ อ่าวพร้าว อ่าวกิ่วใน และอ่าวลุงดำ 

 

และตรวจสอบชายหาดตั้งแต่หาดแสงจันทร์ถึงหาดแม่รำพึง รวมระยะทางประมาณ 22 กิโลเมตร พบน้ำทะเลมีสภาพปกติ ไม่มีกลิ่น ไม่พบคราบฟิล์มน้ำมันบนผิวน้ำและชายหาด และไม่พบสัตว์น้ำตาย ภาพรวมคุณภาพน้ำทะเลอยู่ในเกณฑ์ปกติ

 

โสภณกล่าวย้ำว่า ได้กำชับให้นักวิชาการลงพื้นที่สำรวจประเมินผลกระทบต่อเนื่อง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว หากมีผลกระทบตกค้างสร้างความเสียหายต่อทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้รวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

The post กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เผยชายฝั่งและแนวปะการัง ยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำมันดิบรั่ว เตรียมดำเนินคดีหากมีผลกระทบตกค้าง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สัญญาณดี! พบเต่ามะเฟืองวางไข่เพิ่มเกือบ 100 ฟอง เจ้าหน้าที่อุทยานดูแลใกล้ชิด https://thestandard.co/sirinat-national-park-leatherback-turtle/ Fri, 10 Jan 2020 08:19:08 +0000 https://thestandard.co/?p=319419

วันนี้ (10 มกราคม) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสำนั […]

The post สัญญาณดี! พบเต่ามะเฟืองวางไข่เพิ่มเกือบ 100 ฟอง เจ้าหน้าที่อุทยานดูแลใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (10 มกราคม) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสำนักงาน ทช.ที่ 6 (พังงา) ได้รับแจ้งจากศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 และอุทยานแห่งชาติสิรินาถว่า พบการขึ้นวางไข่ของเต่าทะเลบริเวณหาดในทอน ในเขตอุทยานแห่งชาติสิรินาถ โดยทราบภายหลังว่าเป็นเต่ามะเฟือง 

 

ซึ่งคาดว่า เริ่มวางไข่ประมาณ 06.00 น. และเป็นคนละตัวกับเต่ามะเฟืองที่วางไข่ในเขตจังหวัดพังงา โดยมีขนาดความกว้างของรอยบนทราย จากพายซ้ายถึงพายขวา 130 เซนติเมตร ขนาดความกว้างช่วงอก 60 เซนติเมตร

 

 

ทั้งนี้ เมื่อแม่เต่าวางไข่เสร็จก็เดินลงทะเลไปตามปกติ โดยเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบหลุมไข่ พบไข่ดี 92 ฟอง และไข่ลม 19 ฟอง ซึ่งตามตำแหน่งของหลุมไข่ ทางเจ้าหน้าที่ประเมินแล้วเล็งเห็นว่า น้ำทะเลอาจท่วมถึงและเป็นพื้นที่ชุมชน ซึ่งยากต่อการจัดการ จึงย้ายไข่มาไว้ที่ชายหาดหน้าอุทยานแห่งชาติสิรินาถ แล้วจัดทำคอกและจัดเจ้าหน้าที่อุทยานเฝ้าระวังภัยคุกคามประมาณ 60 วัน เพื่อให้เพาะฟักตามธรรมชาติต่อไป

 

 

ภาพ: กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

The post สัญญาณดี! พบเต่ามะเฟืองวางไข่เพิ่มเกือบ 100 ฟอง เจ้าหน้าที่อุทยานดูแลใกล้ชิด appeared first on THE STANDARD.

]]>