ก.ล.ต. กล่าวโทษดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำความผิด 14 ราย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (KC) ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ได้แก่
- ธงชัย ลิ้มทองสิทธิคุณ
- ไพศาล พาณิชย์ชะวงศ์
- ภัทรภพ (ปัจจุบันชื่อ กฤติภัทร) อิทธิสัญญากร
- สุทัศน์ สิวาภิรมย์รัตน์
- Equities First Holdings, LLC (EFH)
- Mr.Vincent DeFilippo (วินเซนต์ เดอ ฟิลิปโป)
- Mr.Al Christy, Jr. (อเล็กซานเดอร์ ชาร์ลส คริสตี้ จูเนีย หรือ อัล คริสตี้ จูเนียร์)
- โชติพันธุ์ เตียวิวัฒน์
- อภิเชฐ ปุสรี
- เพรชรัตน์ จรรยธรรมพต
- วสันต์ บุญสิริสกุล
- พัชราวรรณ ปาจรีย์
- อัญชิสา บัวแก้ว
- ชวนาถ สิทธิบุศย์
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติม พบการกระทำความผิดของบุคคล 14 ราย โดยแบ่งเป็นตัวการร่วม 12 ราย (ลำดับที่ 1-12) และผู้สนับสนุนให้ยืมใช้บัญชีซื้อ-ขาย 2 ราย (ลำดับที่ 13-14) ร่วมกันในการสร้างราคาหุ้น KC ในช่วงวันที่ 5 มกราคม – 19 กุมภาพันธ์ 2558 ทำให้ราคาและปริมาณการซื้อ-ขายหุ้น KC ในช่วงดังกล่าวผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อจูงใจให้นักลงทุนรายอื่นเข้าซื้อหรือขายตาม
โดยมีการกระทำเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่กันทำ เพื่อประโยชน์ของกลุ่มผู้กระทำความผิดเริ่มตั้งแต่
- การติดต่อซื้อ Big Lot หุ้น KC จากกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิม เพื่อนำหุ้นไปขายในราคาสูง หลังมีการสร้างราคาให้กับผู้กระทำความผิดรายหนึ่ง โดยการทำเป็นสัญญาขายและซื้อหุ้นคืน (Sale and Repurchase Agreement) หรือเรียกว่า ‘สัญญา REPO’
- การหาแหล่งเงินใช้ในการซื้อ Big Lot หุ้น KC
- การสร้างราคาหุ้น KC เพื่อเตรียมการก่อนนำหุ้น KC ไปทำสัญญา REPO
- การนำหุ้น KC ที่รับซื้อมาจากสัญญา REPO ไปขายในราคาสูง หลังมีการสร้างราคา
การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการปฏิบัติฝ่าฝืนมาตรา 243 (2) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ซึ่งปัจจุบันพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ยังบัญญัติเป็นความผิดตามมาตรา 244/3 ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ (กฎหมายขณะกระทำความผิด) ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา (แล้วแต่กรณี) โดยกลุ่มผู้กระทำความผิดทั้งหมดได้รับประโยชน์เป็นเงินจำนวน 149.86 ล้านบาท จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 14 ราย ต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ การกล่าวโทษข้างต้นมีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน จึงไม่สามารถเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่มีหลักทรัพย์จดทะเบียนนับตั้งแต่วันที่ถูกกล่าวโทษไปจนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต. ได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป เนื่องจากความผิดดังกล่าวเป็นการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อ-ขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542
อนึ่ง การกล่าวโทษของ ก.ล.ต. เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระบวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรม ตามลำดับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ก.ล.ต. เล็งกำหนดมูลค่าการซื้อคริปโตขั้นต่ำที่ 5,000 บาท พร้อมมองว่าเหรียญส่วนใหญ่ไร้ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
- ‘Zipmex’ ปิดดีลระดมทุน ได้ VC ในเครือ TTA ใส่เงินขึ้นแท่นหุ้นใหญ่
- ผู้บริหาร Bitkub Blockchain แจงชัด ไม่รู้เรื่องดีล SCB พร้อมยืนยันความบริสุทธิ์ใจซื้อเหรียญ KUB ย้ำถือลงทุนยาว