THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 19 Apr 2024 14:03:17 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.3.1 ชมคลิป: อิสราเอล โต้กลับ อิหร่าน คงจบแค่นี้ ถ้า อิหร่าน ไม่โจมตีกลับ ไม่ขยายสู่ สงครามโลก | THE STANDARD NOW (HL) https://thestandard.co/thestandardnow190467-5/ Fri, 19 Apr 2024 14:03:17 +0000 https://thestandard.co/?p=924771

อ.โกวิท-พงศกร เชื่อ อิสราเอล โต้กลับ อิหร่าน คงจบแค่นี้ […]

The post ชมคลิป: อิสราเอล โต้กลับ อิหร่าน คงจบแค่นี้ ถ้า อิหร่าน ไม่โจมตีกลับ ไม่ขยายสู่ สงครามโลก | THE STANDARD NOW (HL) appeared first on THE STANDARD.

]]>

อ.โกวิท-พงศกร เชื่อ อิสราเอล โต้กลับ อิหร่าน คงจบแค่นี้ ถ้า อิหร่าน ไม่โจมตีกลับ แต่จะไม่ขยายสู่สงครามโลก

The post ชมคลิป: อิสราเอล โต้กลับ อิหร่าน คงจบแค่นี้ ถ้า อิหร่าน ไม่โจมตีกลับ ไม่ขยายสู่ สงครามโลก | THE STANDARD NOW (HL) appeared first on THE STANDARD.

]]>
VinFast แบรนด์รถเวียดนามบุกไทย กับคำถามว่าจะ ‘ขายดีหรือจอดนิ่ง?’ เพราะราคาถูกไม่พอ แต่คุณภาพต้องมาด้วย https://thestandard.co/vinfast-from-vietnam-to-thailand/ Fri, 19 Apr 2024 13:42:48 +0000 https://thestandard.co/?p=924744

VinFast แบรนด์รถยนต์ที่เราเชื่อว่า ท่านผู้อ่านรู้จักแบร […]

The post VinFast แบรนด์รถเวียดนามบุกไทย กับคำถามว่าจะ ‘ขายดีหรือจอดนิ่ง?’ เพราะราคาถูกไม่พอ แต่คุณภาพต้องมาด้วย appeared first on THE STANDARD.

]]>

VinFast แบรนด์รถยนต์ที่เราเชื่อว่า ท่านผู้อ่านรู้จักแบรนด์นี้กันในระดับหนึ่งแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่เคยรู้จัก เรามีข้อมูลเบื้องต้นเพื่อเป็นฐานความรู้ก่อนจะนำไปสู่บทวิเคราะห์ของแบรนด์รถยนต์น้องใหม่รายนี้ 

 

ตัว VinFast เป็นแบรนด์รถยนต์สัญชาติเวียดนาม ก่อตั้งโดย ‘ฝ่าม เญิ้ต เวือง’ เมื่อปี 2017 สร้างชื่อเสียงด้วยการบุกตลาดอเมริกาและเมื่อสิงหาคมปี 2023 จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ด้วยราคาหุ้นที่พุ่งสูงกว่า 250% ในวันแรกที่เข้าทำการซื้อ-ขาย 

 

 

อย่างไรก็ตาม บทความนี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหาก VinFast มิได้มาปรากฏตัวและจัดแสดงรถยนต์ในงาน Bangkok International Motor Show ครั้งที่ 45 เพิ่งจบไปไม่นาน ซึ่งการเข้าร่วมงานดังกล่าวเป็นการแสดงเจตจำนงที่ชัดแจ้งที่สุด ว่าจะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอย่างจริงจัง ซึ่งความจริงมีกระแสข่าวว่าแบรนด์รถยนต์สัญชาติเวียดนามรายนี้จะเข้ามาทำตลาดในไทยหลายครั้งแล้วแต่ยังไม่มีสิ่งใดเป็นรูปธรรม จนกระทั่งครั้งนี้

 

ขายดีหรือจอดนิ่ง

 

ออกตัวตั้งแต่บรรทัดนี้เลยว่า บทความนี้ถูกเขียนขึ้นบนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นประกอบกับประสบการณ์ส่วนตัวของผู้เขียน มิได้มีเจตนาดูถูกหรือดูแคลน บางเรื่องราวอาจเป็นการชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องและผิดพลาดเพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไขก่อนจะสายเกินไป

 

นอกจากการจัดแสดงรถยนต์อย่างเป็นทางการ ยังมีการเซ็นข้อตกลงความร่วมมือ (Letter of Intent: LOI) กับ 15 ดีลเลอร์ของไทย ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ VinFast ในประเทศไทย (จะมีการเปิด 22 เอาต์เล็ตทั่วประเทศ) แต่กลายเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพ

 

 

ด้วยภาพข่าวโปรโมต กลายเป็นบุคคลบางท่านมิใช่ดีลเลอร์มายืนดุจดั่งเป็นตัวแทนจำหน่าย ร้อนถึงเจ้าตัวที่ต้องตอบปฏิเสธอย่างพัลวัน รวมถึงดีลเลอร์บางรายที่อยู่ในภาพอาจต้องเดือดร้อน เพราะติดสัญญากับการเป็นดีลเลอร์แบรนด์อื่นอยู่ด้วย 

 

อาจมองว่าเป็นประเด็นเล็กๆ แต่สิ่งนี้คือ ‘เรื่องใหญ่’ สำหรับคนทำธุรกิจรถยนต์ในประเทศไทย เพราะแสดงถึงความเป็นมืออาชีพและความเชื่อมั่นที่จะเกิดขึ้นกับแบรนด์ในอนาคต เรียกว่าขายหน้าตั้งแต่ยังไม่เปิดอย่างเป็นทางการ เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิดแล้ว

 

ข้อมูลจากว่าที่ตัวแทนจำหน่ายบางรายระบุว่า การเซ็นสัญญาดังกล่าวมีความยืดหยุ่นสูงและดีลเลอร์เองลงทุนเพียงเล็กน้อย แค่นำรถเข้ามาจำหน่ายได้ทันที มิจำเป็นต้องปรับปรุงโชว์รูมให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เฉกเช่นแบรนด์อื่นๆ ของญี่ปุ่นหรือจีน รวมถึงยุโรปด้วย ซึ่งมุมนี้คือดีต่อผู้ประกอบ ช่วยลดต้นทุนได้ แต่ในอีกด้านหนึ่ง ลูกค้าจะเชื่อมั่นได้อย่างไรว่าขายแล้วจะไม่ทิ้ง? แบบตีหัวเข้าบ้าน 

 

ประเด็นสำคัญต่อมา จากข้อมูลที่มีอยู่ในเวลานี้คือ แผนการทำตลาด ที่มีการนัดสื่อมวลชนของไทยร่วมรับประทานอาหารแต่ไม่มีการพูดเรื่องแผนการดำเนินธุรกิจใดๆ ส่วนข้อมูลที่หลุดออกมาผ่านสื่อมวลชนจะมาจากการพูดคุยส่วนตัวหรือมาจากเจ้าหน้าที่ของ VinFast ที่อยู่ในบูธซึ่งคอยตอบคำถามแบบเป็นการทั่วไป 

 

ทั้งที่ในความเป็นจริง ข้อมูลเหล่านี้ควรออกมาจากผู้บริหารระดับสูงสุดในลักษณะของการแถลงอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะเมื่อมีโอกาสได้พูดคุยกับสื่อมวลชน ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแนวทางการสร้างความเชื่อมั่นให้แบรนด์ได้ แต่ผู้บริหารเลือกตอบคำถามว่า “เรามากินข้าวทำความรู้จักกันเฉยๆ” 

 

 

โปรดักต์ตอบโจทย์หรือไม่?

 

จากข้อมูลเปิดเผยในเวลานี้ VinFast จะเริ่มต้นทำตลาดด้วยรุ่น VF e34 ที่เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดคอมแพ็กแบบอเนกประสงค์ โดยจะเปิดตัวในช่วงเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ แน่นอนว่าปัจจัยที่จะเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จหรือล้มเหลวคือ ‘ราคา’ 

 

แต่หากมองจากประสบการณ์ของผู้เขียน หลังได้สัมผัสคุณภาพของวัสดุภายในตัวรถ ขอทำนายไว้ตรงนี้ว่า ผู้บริโภคของไทยก้าวข้ามคุณภาพสินค้าแบบนี้มานานแล้ว คือ ‘ไม่ว่าจะขายถูกแค่ไหน ฉันก็ไม่ซื้อ’

 

ทั้งนี้ยังไม่นับรวมถึงเรื่องของความสวยงามภายนอก ภาพลักษณ์ของแบรนด์ และบริการหลังการขาย ที่ทุกอย่างล้วนเป็นปัจจัยที่สำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ทั้งสิ้น

 

ขณะที่รุ่นต่อมาคือ VF 5 รถขนาดเล็กเซ็กเมนต์เดียวกับอีโคคาร์ คุณภาพวัสดุภายในไม่ต่างจาก VF e34 แต่มีขนาดเล็กกว่า ดังนั้นคำทำนายของผู้เขียนจึงเหมือนกัน 

 

สำหรับรุ่นที่น่าจะพอมีความหวังคือ VF 6 และ VF 7 คงต้องรอจนกว่ารุ่นพวงมาลัยขวาจะพร้อม โดยคาดว่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้ ส่วนรุ่นอื่นๆ ที่นำมาโชว์ด้วยนั้นยังไม่มีแผนอย่างเป็นทางการ ซึ่งหากจะกล่าวกันแบบจริงจัง ยังไม่มีการเปิดตัวแบรนด์หรือมีการประกาศแผนและนโยบายอย่างเป็นทางการ มีเพียงการพูดคุยนอกรอบแบบไม่เป็นทางการเท่านั้น 

 

 

เวทีโลก ธงนำ

 

อย่างที่หลายคนทราบแล้วว่า VinFast เลือกใช้กลยุทธ์ลุยตลาดโลกเป็นหลัก ทั้งการปักหมุดขายในสหรัฐอเมริกา, ยุโรป, ออสเตรเลีย และเอเชีย ซึ่งไทยเป็นหนึ่งในหมุดหมายที่ VinFast เลือกปักธง 

 

โดยแนวคิดดังกล่าวเป็นแนวทางเดียวกับ Tesla ที่ต้องการเพิ่มยอดขายด้วยการขยายตลาดไปทั่วโลก แต่แตกต่างกันตรงที่ Tesla เริ่มต้นด้วยการประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายในประเทศบ้านเกิดก่อนจะออกสู่เวทีโลก 

 

ทว่ายอดจำหน่ายของ VinFast ยังไม่ได้มากมายแบบ Tesla แต่กลับเลือกใช้แผนแบบเดียวกัน ซึ่งยอดขายที่รายงานผ่านสื่อยังห่างไกลกับเป้าหมายที่ตัวเองวางไว้ 

 

เหนืออื่นใดรายงานข่าวจากสื่อบางสำนักยังระบุว่า ยอดขายที่เห็นส่วนใหญ่มาจากการซื้อรถเข้าฟลีตของตัวเองอีกด้วย (VinFast เป็นบริษัทในเครือของ Vingroup ซึ่งมีหลากหลายธุรกิจ โดยมีการซื้อรถ VinFast เข้ามาเป็นแท็กซี่ ซึ่งไม่ต่างอะไรกับคำพังเพยที่ว่า อัฐยายซื้อขนมยาย)   

 

สำหรับสถานะทางการเงินล่าสุดของ VinFast ตามการรายงานต่อตลาดหุ้นในไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 แสดงสถานะการขาดทุนกว่า 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 500 ล้านบาท และมีสัดส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบกว่า 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยราคาหุ้นร่วงลงมากว่า 60% เทียบกับราคาเปิดจำหน่าย 

 

 

ส่วนการทำตลาดในเมืองไทยยังมีการบ้านอีกมากที่ VinFast จะต้องทำความความรู้จักพฤติกรรมผู้บริโภคของชาวไทย รวมถึงจังหวะการเข้ามาลุยตลาดในช่วงที่เกิดสงครามราคาระหว่างรถจีนอีกด้วย

 

นี่ทำให้เป็นสิ่งที่ยากทวีคูณสำหรับ VinFast ในการปักหมุดที่ประเทศไทย เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด ฝืนไปอย่างไรก็สุดท้ายก็อาจต้อง ‘ถอดใจ’

The post VinFast แบรนด์รถเวียดนามบุกไทย กับคำถามว่าจะ ‘ขายดีหรือจอดนิ่ง?’ เพราะราคาถูกไม่พอ แต่คุณภาพต้องมาด้วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
คุยกับ ‘หญิงหน่อย’ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธาน China Business Leader ถอดสูตรทลายกำแพงตลาดจีน ‘กลยุทธ์ วัฒนธรรม คอนเน็กชัน’ สำคัญอย่างไร [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/sudarat-china-business-leader/ Fri, 19 Apr 2024 12:53:34 +0000 https://thestandard.co/?p=924691

แม้เศรษฐกิจในประเทศจีนจะอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ก็ไม่อาจปฏ […]

The post คุยกับ ‘หญิงหน่อย’ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธาน China Business Leader ถอดสูตรทลายกำแพงตลาดจีน ‘กลยุทธ์ วัฒนธรรม คอนเน็กชัน’ สำคัญอย่างไร [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

แม้เศรษฐกิจในประเทศจีนจะอยู่ในช่วงชะลอตัว แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า จีนยังคงเป็นหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ 2 ของโลก เนื่องด้วยจำนวนประชากรกว่าพันล้านคน เป็นกำลังซื้อเบอร์ 1 ของโลก ที่มีมูลค่าเศรษฐกิจสูงถึง 5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ 

 

หากเทียบกับไทย เรียกได้ว่าเติบโตถึง 8 เท่าของเศรษฐกิจประเทศไทย และปัจจุบันจีนยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทย 

 

ท่ามกลางยุคที่เปลี่ยน ความท้าทายทางภูมิรัฐศาสตร์ (Geopolitics) อาจทำให้จีนหาช่องทางในการกระจายสินค้าไปยังประเทศต่างๆ เพื่อลดความเสี่ยง 

 

ช่วงเวลานี้จึงเป็นจังหวะและโอกาสของผู้ประกอบการไทยในการขยายธุรกิจ สร้างเครือข่ายเพื่อทลายกำแพงสู่ตลาดจีน ในขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการโปรโมตสินค้าเพื่อรองรับจุดหมายปลายทางนักท่องเที่ยวจีนที่มาไทยด้วย 

 

อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจในจีนต้องรู้มิติวัฒนธรรม แนวคิด และพฤติกรรมผู้บริโภค ตลอดจนช่องทางอีคอมเมิร์ซที่มีการแข่งขันสูง

 

 

การจะเข้าสู่ตลาดจีนนั้นไม่ง่าย แต่ก็คงไม่ใช่เรื่องยากหากไปถูกทาง ทุกธุรกิจจะสำเร็จได้ต้องเรียนรู้และลงมือทำจริง ซึ่งจีน-ไทยไม่ใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันอยู่ตลอด นี่คือด่านแรก แต่วันนี้ไม่ใช่แค่เราจะพาสินค้าไทยไปตีตลาดจีน จะทำอย่างไรให้คนจีนหันมาสนใจสินค้าไทยในไทยด้วย แบบที่ว่าบินมาไทยต้องเช็กอินร้านนี้ ต้องซื้อแบรนด์ไทยติดไม้ติดมือกลับไป

 

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานหลักสูตร ‘China Business Leader’ หรือ CBL ที่จัดโดย Future Fundamental Institute of Thailand กล่าวกับ THE STANDARD WEALTH ก่อนที่จะเข้าสู่การสัมภาษณ์พิเศษถึงที่มาที่ไปของหลักสูตร แนวคิด มุมมองการขยายเครือข่ายการค้า เพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจพิชิตตลาดจีน 

 

โดยมี ผศ.ดร.นริศ ธรรมเกื้อกูล เป็นผู้อำนวยการหลักสูตร และ ผศ.ดร.สุทธิกร กิ่งแก้ว เป็นรองผู้อำนวยการหลักสูตร

 

 

ทำความรู้จักหลักสูตร ‘China Business Leader’

 

คุณหญิงสุดารัตน์ฉายภาพถึงที่มาของหลักสูตร ‘China Business Leader’ ว่า เป็นหลักสูตรที่อยากจะติดอาวุธ ติดปีกให้กับผู้ประกอบการ ‘คนรุ่นใหม่’ ของไทยโดยเฉพาะ และผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มองเห็นศักยภาพของตลาดจีนที่มีประชากรกว่าพันล้านคนและมีกำลังซื้อสูง เป็นโอกาสขยายธุรกิจ 

 

ซึ่งสิ่งที่แตกต่างจากหลักสูตรที่อื่นๆ คือ ไม่ใช่เฉพาะเราจะเอาสินค้าไทยไปบุกจีนเท่านั้น แต่ที่สำคัญยังมีสินค้าหรือธุรกิจในไทยที่สามารถทำให้เป็นที่รู้จักและนิยมในหมู่คนจีน ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ โรงแรม หรือว่าคุณจะผลิตสินค้าอะไรก็แล้วแต่ที่อยากให้คนจีนที่มาเมืองไทยมาต่อแถวอุดหนุน มาเช็กอินแบบห้ามพลาด! 

 

ซึ่งเราจะมีวิทยากรมาสอนเทคนิค มีการแลกเปลี่ยนแหล่งข้อมูลให้ผู้ประกอบการรู้ว่าจะประสานงานอย่างไร อีกทั้งทำความรู้จัก KOL (Key Opinion Leader) หรืออินฟลูเอ็นเซอร์ที่เหมาะสมกับสินค้าของเรา นั่นคือผู้ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่าการโฆษณาแบบอื่นๆ ซึ่งเป็นคนเก่งๆ ในแต่ละด้านที่ตรงกับธุรกิจมาเป็นผู้บรรยาย

 

“เพราะโดยนิสัยใจคอคนจีนจะแพลนล่วงหน้าในการเดินทาง และการเดินทางของคนจีนยุคนี้ไม่ใช่ลักษณะทัวร์ศูนย์เหรียญแล้ว แต่จะเป็นรูปแบบใหม่คือ เดินทางมาเอง หนุ่มสาวจีนยุคใหม่จะทำการบ้านมาล่วงหน้า ไปตามที่ที่มีชื่อเสียง ที่เที่ยว กิน ซื้อของ ที่พักตามรอยอินฟลูเอ็นเซอร์” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว

 

การพาสินค้าไทยไปจีนไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยาก

 

โดยหลักการ หลักสูตรนี้จะบอกเคล็ดลับ กลยุทธ์ทั้งสองแนวทาง ทั้งพาสินค้าไทยไปบุกตลาดจีน และคนที่อาจจะยังไม่ได้อยากเข้าตลาดจีนแต่มีธุรกิจในไทยที่ต้องการให้เป็นที่รู้จัก 

 

โดยผู้อบรมจะได้เรียนรู้ 4 กลยุทธ์หลักๆ ดังนี้

 

  • ข้อแรก การที่จะเข้าไปตลาดจีนได้ก็ต้องเรียนรู้พฤติกรรมการบริโภคในตลาดจีนให้รู้จักก่อน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทั้งสองทาง ทั้งสินค้าที่จะไปบุกจีน และตลาดในไทยเองที่อยากให้คนจีนมาเที่ยวเมืองไทย มาทำความรู้จักและอุดหนุนสินค้า บอกต่อ ในส่วนนี้เราจะสอนให้รู้ว่าคนจีนมีมายด์เซ็ตอย่างไร และนิยมบริโภคสินค้าอะไร ช่องทางติดตามมีช่องทางไหนบ้าง และจะทำอย่างไรให้ประทับใจ วิธีการสร้างความน่าเชื่อถือ กลยุทธ์การไว้วางใจ ตลอดจนตัดสินใจซื้อสินค้าไทย การให้บริการสินค้าไทย 

 

เพราะไทย-จีนไม่ใช่อื่นไกล เป็นพี่น้องกัน มีการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันอยู่ตลอด นี่คือด่านแรก จะทำอย่างไรให้รู้จักนิสัยใจคอ รสนิยม ให้คนจีนหันมาสนใจสินค้าไทยได้

 

 

  • ถัดมาคือวิธีการ PR สินค้าไทยในจีนว่า ช่องทางไหนที่จะสามารถใช้ Affiliate Marketing (ตัวแทนจำหน่ายสินค้า ซึ่งใช้วิธีการโปรโมตสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์) ที่ดีที่สุด ทั้งสองกลุ่มเป้าหมาย (Target) ไทยไปจีน และจีนมาไทย จะเป็นช่องทางไหนบ้าง และแต่ละเซ็กเตอร์มีความแตกต่างกันอย่างไร ทั้งการบริการสินค้าบางรายการ เราจะมีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีนและผู้เชี่ยวชาญจากไทยที่ทำ Online Marketing เชิงเทคนิค และรู้จัก KOL ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีกว่าการโฆษณาแบบอื่นๆ ทำให้สินค้าและบริการของเราเป็นที่รู้จักในหมู่คนจีน เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวต้องแวะอุดหนุนเช็กอินที่ร้านของเรา

 

ในแต่ละช่องคนจีนจะฟอลโลว์หลายๆ ล้านคน เราจะแบ่งกลุ่มเพื่อเจาะให้ตรงสาย เช่น สายกิน สายช้อป สายท่องเที่ยว โดยเรียนรู้ช่องทางแพลตฟอร์มต่างๆ ให้ผู้อบรมได้รู้จักกัน

 

  • สำหรับสินค้าไทยที่จะไปจีน เราจะมีผู้เชี่ยวชาญคอยแนะนำกฎระเบียบสินค้า การส่งออกว่ามีอะไรบ้าง อะไรที่จีนห้าม อะไรที่อนุญาต การขอใบอนุญาตนำเข้าสินค้าในจีนต้องทำอย่างไร จะมีคนคอยแนะนำและมีผู้บริการให้ รวมถึงการตั้งชื่อร้านให้สามารถเรียกได้ง่ายๆ ซึ่งคนจีนจะไปดูอีกว่าอะไรที่สามารถเรียกได้ง่ายๆ ภายในหลักสูตรจะมีการสอนเทคนิคการตั้งชื่อร้านให้ถูกที่ถูกทาง ถ้าเราทำการค้าตรงไปตรงมาจะไปได้ดีมาก เพราะประเทศจีนเป็นตลาดกว้างมาก เพียงแต่เราต้องเข้าช่องให้ถูกเท่านั้นเอง
  • สุดท้ายเราจะทำ Business Matching ให้ ซึ่งผู้อบรมที่มาเรียนในหลักสูตรนี้จะแบ่งกลุ่มรายสินค้า และจะทำความรู้จักกับนักธุรกิจจีนที่จะมาไทย และเราจะพานักธุรกิจไทยไปดูงานที่เซี่ยงไฮ้และหางโจว เช่น ไปดูสินค้าอุปโภคบริโภค ซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่ๆ แล้วมาเจอกัน Matching กัน และนำเอาสินค้าไปดูเลยว่าอย่างนี้สามารถเข้าจีนได้หรือไม่ ถ้าเข้าได้ ขายได้ การขออนุญาตขั้นตอนที่เหลือ เดี๋ยวมาว่ากัน เราจะช่วยเทรน

 

Business Matching บินดูงานจริงที่เซี่ยงไฮ้และหางโจว

 

โดยตลาดที่จะ Business Matching นั้นจะไปที่เซี่ยงไฮ้และหางโจว และจะพาผู้อบรมพบนักธุรกิจจีนที่นำเข้าสินค้าไทย รวมถึง KOL ชื่อดังของจีน จะทำให้ผู้ประกอบการไทยสามารถเข้าถึงช่องทางการจำหน่ายได้จริงและเข้าถึง KOL ได้จริง แบบที่ว่า 

 

แม้เราจะไม่เอาสินค้าไป แต่จะทำอย่างไรให้คนจีนรู้จัก เมื่อมาเที่ยวแล้วต้องมาที่ร้านเรา เช่น คาเฟ่ของเราเด็ดมาก จะทำอย่างไรให้เขาเข้ามา ทำให้เขาขายได้จริงๆ และจะมีการเวิร์กช็อปไลฟ์ขายเลยว่า ถ้าไลฟ์แบบนี้คนจีนชอบหรือไม่ชอบ มีออร์เดอร์สินค้าไทยจริงๆ

 

จริงๆ แล้วไม่ใช่แค่ 2 ช่อง แต่เป็น 3 ช่องทาง เหมาะกับ

 

  1. การนำสินค้าไทยไปขายในจีน
  2. นักธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการในไทยที่อยากทำให้คนจีนรู้จักและมาอุดหนุน มาเช็กอินที่ร้าน
  3. ขายทางออนไลน์ในแพลตฟอร์มจีน

 

“ตอนนี้จีนมาตีตลาดไทย วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะนำสินค้าไทยไปวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์ม Tencent, Taobao, Tmall จะทำให้สินค้าเรามีหน้าร้านที่นั่นด้วย” 

 

ดังนั้น กลุ่มเป้าหมายของผู้เรียนคือ ผู้ที่ประกอบธุรกิจอยู่แล้ว หรือเพิ่งเริ่มทำธุรกิจ เริ่มมีโปรดักต์ เช่น มีคนสนใจการทำโปรดักต์แปรรูปทุเรียนให้เป็นผลิตภัณฑ์ และเชื่อว่าคนจีนจะชอบ 

 

หลักสูตรนี้จะสอนครบเลยว่า อยากส่งสินค้าไปขายตรง อยากขายออนไลน์โดย Base อยู่ที่นี่ หรือฉันไม่ไปจีนเลย แต่ฉันอยากให้คนจีนมาซื้อของที่นี่ ที่ร้านฉัน มาที่โรงแรมของฉัน มานวดที่ร้านของฉัน เรียนหลักสูตรนี้จะทำให้ฝันของคุณเป็นจริง

 

 

เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ เน้นสร้างแต้มต่อคุณภาพ ไม่แข่งขันด้านราคา

 

เราจับเซ็กเตอร์ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ เพราะเราจะใช้โซเชียลมีเดียเป็นหลัก ต้องบอกว่าคนจีนปัจจุบันนี้ สภาพเศรษฐกิจดีขึ้นมากหากเทียบจากหลายสิบปีก่อน ดังนั้นคนจีนจะบริโภคล้อไปตามเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ทั่วโลกเช่นกัน 

 

เช่น สินค้าที่ดีต่อสุขภาพ สินค้าที่มีคุณภาพ แม้ราคาอาจจะสูง แต่หนุ่มสาวจีนรุ่นใหม่พร้อมที่จะจ่าย ถ้าเป็นตลาดจีนแบบเก่าอาจจะต้องไปแข่งขันเรื่องราคา ซึ่งเราคิดว่า หากแข่งขันเรื่องราคา เราสู้จีนไม่ได้

 

ดังนั้นสินค้าไทยจึงเป็นที่นิยม เพราะได้รับการยอมรับว่ามีคุณภาพ เขายอมจ่ายแพงขึ้นมาเพื่อให้ได้สินค้าไทยที่มีคุณภาพ ทั้งเรื่องอุปโภค บริโภค เครื่องสำอาง การบริการ ดังนั้นเราจับตลาดนี้ เพราะเราไม่ต้องการให้ผู้เข้ารับการอบรมของเราต้องไปแข่งกันเรื่องราคา

 

หลักสูตรนี้จึงเน้นไปที่การอยากให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ตลาดคุณภาพ เพราะคนจีนรุ่นใหม่มองเรื่องคุณภาพ สุขภาพ และใช้สื่อออนไลน์ เชื่อถือในอินฟลูเอ็นเซอร์ ซึ่งผู้ที่เราจะแนะนำให้แต่ละคนนั้นล้วนมียอดผู้ติดตามหลายสิบล้านคนทั้งหมดเลย

 

เรียนรู้มิติสังคม วัฒนธรรม คอนเน็กชัน สำคัญมากกับการทำตลาดจีน?

 

เรื่องนี้สำคัญมากๆ เลย เพราะถ้าเราไม่รู้แนวคิดมิติสังคมและวัฒนธรรมของเมืองจีน เราก็ไม่สามารถเข้าไปอยู่ในใจเขาได้ หรือในทางลบเลยอาจเป็นการตีกลับสินค้า ซึ่งอาจผิดหลักขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรมของจีน แม้แต่การตั้งชื่อ บางทีคนไทยไม่เข้าใจว่า ในความหมายของไทยอาจไม่มีนัยอะไร แต่เมื่อแปลเป็นภาษาจีนอาจเป็นชื่อที่ไม่เป็นมงคล 

 

คนจีนชอบอะไรที่เป็นมงคล หลักสูตรนี้จะแนะนำการตั้งชื่อ และความคิด ความเชื่อ การใช้ภาษาคำพ้องอาจจะทำให้ตกม้าตายได้ง่ายๆ

 

วิทยากรสุดพิเศษ China Business Leader 

 

ไฮไลต์และความพิเศษข้อแรกที่อยากให้ได้รับฟังคือ คลาสฟังบรรยายพิเศษสุด โดยเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย H.E. Mr.Han Zhiqiang ที่จะมาบรรยายถึงสภาเศรษฐกิจจีน การค้าระหว่างไทยและจีน 

 

รวมถึง วิบูลย์ คูสกุล อดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญตลาดจีน รู้จักตลาดจีนมานานหลายปี จะมาเล่าภาพรวมตลาดจีนให้ฟัง รวมไปถึงอาจารย์หลายท่านที่เชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็น ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยอาจารย์เป็นผู้เชี่ยวชาญที่รู้ภาพรวมตลาดจีนทั้งหมด 

 

สัปดาห์แรกๆ ผู้อบรมจะเริ่มเรียนรู้ตลาดจีนปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร จากนั้นจะแบ่งกลุ่มรายสินค้าของผู้ที่เข้าอบรมว่าเป็นอย่างไรบ้าง สนใจจะส่งไปจีนหรือไม่อย่างไร หรือจะขายออนไลน์ในจีน หรือไม่ไปจีนแต่ให้จีนมาอุดหนุนที่นี่ แล้วเราจะพาผู้เชี่ยวชาญมาสอนแต่ละด้าน

 

MISTINE ตีตลาดจีนสำเร็จได้อย่างไร ทำไมแบรนด์เครื่องสำอางไทยถึงชนะใจคนจีน

 

คลาสถัดมาน่าสนใจอย่างมาก เพราะจะได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์จากผู้ประกอบการตัวจริงที่นำสินค้าไทยไปบุกตลาดจีนจนสำเร็จมาแล้ว เช่น ดนัย ดีโรจนวงศ์ ประธานกรรมการบริหาร MISTINE จะมาบรรยายถึงประสบการณ์ตรง เทคนิค แนวคิด การทำให้สินค้าไทยเป็นที่รู้จักในจีนจะเป็นช่องทางไหน และจะพาไปดูสำนักงานและโรงงานของจริงที่ตั้งอยู่มณฑลหางโจว ซึ่งเป็นบริษัทที่ใหญ่มาก มีพนักงาน 400-500 คน สามารถทำยอดขายสูงมาก และเป็นแบรนด์เครื่องสำอางไทยที่ชนะใจคนจีนสำเร็จ

 

รวมไปถึง อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ หรือ ต๊อบ แบรนด์เถ้าแก่น้อย,พงศกร พงษ์ศักดิ์ แบรนด์น้ำมะพร้าว IF และ กันต์ กุลปิยะวาจา แบรนด์ชบา ซึ่งการจะทำให้แบรนด์ไทยประสบความสำเร็จเร็วไวนั้นไม่ง่าย แต่ทำไมแบรนด์ไทยเหล่านี้สามารถตีตลาดจีนสำเร็จ

 

โดยวิทยากรเจ้าของธุรกิจเหล่านี้จะมาแชร์ประสบการณ์ ทั้งกลยุทธ์การเจาะตลาด เข้าใจพฤติกรรมผู้บริโภค ทำอย่างไรให้ถูกใจ ช่องทางการประชาสัมพันธ์ทางไหน ช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และออฟไลน์ทางไหนดีที่สุด ผู้เรียนจะได้ชั่งใจหรือตัดสินใจได้ว่า สินค้าเราควรจะไปในช่องทางไหน และสินค้าในไทยเขาใช้ทีเด็ดอะไรที่ทำให้คนจีนมาต่อคิว 

 

กลยุทธ์การใช้ Social Media จะทำอย่างไรให้คนจีนบินมาแล้วต้องซื้อแบรนด์ไทย 

 

ช่วงกลางคลาสเราจะพาผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ตรงที่ดูแล Consumer Product (สินค้าอุปโภคบริโภค) ที่เรียกว่าเป็นเจ้าใหญ่ในไทยที่เก่งการประชาสัมพันธ์มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ว่า ถ้าจะนำไปขายและทำให้เขามาซื้อจะทำอย่างไร 

 

อย่างเช่นแบรนด์ชุดชั้นในในไทย เมื่อมีการทำตลาดที่ถูกต้อง กลายเป็นอีกแบรนด์ที่มาตีตลาด คนจีนก็บินมาเพื่อซื้อแบรนด์นี้ในไทย 

 

เหมือนยุคหนึ่งที่คนจีนบินมาซื้อหมอนยางพารา ทุกคนต้องซื้อกลับไป ซึ่งในยุคนี้มีความหลากหลายมากขึ้น เดี๋ยวนี้ตลาดกลางมีการแข่งขันหลายแบรนด์ แต่จะทำอย่างไรให้คนจีนบินมาไทยแล้วมาซื้อแบรนด์นี้ อาหารต้องมาซื้อที่นี่ โรงแรมนี้ต้องมาพักให้ได้

 

ท้ายสุดคือหัวข้อ ‘กลยุทธ์การนำสินค้าไทยบุกตลาดจีน’ หลักสูตรนี้เจาะไปทั้งออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังมีผู้เชี่ยวชาญจากประเทศจีน เช่น บุญชัย ลิ่มอติบูลย์ ประธานกรรมการ บริษัท ปันได้ จำกัด, ดร.ปณิชา ประทีปะวณิช หรือ ดร.เฟิร์น ผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์ Social Media China, สุภัททกิต เจตทวีกิจ หรือ ทีน่า CFA กรรมการสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า และเจ้าของเพจ Made in Tena และ เมืองภูมิ หาญสิริเพชร หรือ Han Bing พิธีกรไทยที่โด่งดังในประเทศจีน 

 

 

นอกจากนี้ยังมีค่ำคืนพิเศษที่จะเวิร์กช็อปนำสินค้าไทยไปขายในจีน ซึ่งมีหลายรายมากที่พร้อมจะมาแชร์ประสบการณ์ โดยแต่ละรายมียอดขายหลายล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นหัวข้อ ‘ขายจริง ดัง ปัง รวย’ กับ สุวัฒน์ รักทองสุข CEO บริษัท เลิศ โกลบอล กรุ๊ป จำกัด และบริษัท เลิศ (หางโจว) ดิจิทัล เทคโนโลยี จำกัด และเลขานุการสมาคมการค้าส่งเสริมธุรกิจไทย-จีน และเอเชียอาคเนย์ 

 

พลาดไม่ได้กับ ‘เฮียวิทย์’ ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน พิธีกรชื่อดังและผู้ดำเนินรายการ Morning Wealth ที่จะมาบอกเล่าประสบการณ์ในตลาดจีนแบบครบวงจร 

 

ไฮไลต์สำคัญของหลักสูตรคือ โปรแกรมดูงานที่เซี่ยงไฮ้-หางโจว พบคู่ค้า ผู้นำเข้าสินค้าไทยไปจีน ทั้งนี้ คลาสอบรมจะมีทุกวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 13.30 น. เป็นต้นไป เริ่มวันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน – วันเสาร์ที่ 7 กันยายน 2567 

 

ณ สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมการอบรมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ LINE: @chinabizleader หรือสมัครเข้าอบรมได้ที่ QR Code นี้

 

The post คุยกับ ‘หญิงหน่อย’ สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธาน China Business Leader ถอดสูตรทลายกำแพงตลาดจีน ‘กลยุทธ์ วัฒนธรรม คอนเน็กชัน’ สำคัญอย่างไร [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: อิสราเอลถล่มอิหร่าน ใกล้โรงงานนิวเคลียร์ จับตาอิหร่านเอาคืน อาจปะทุหนัก? | THE STANDARD NOW https://thestandard.co/thestandardnow190467-4/ Fri, 19 Apr 2024 12:50:22 +0000 https://thestandard.co/?p=924728

อิสราเอลถล่มอิหร่าน ใกล้โรงงานนิวเคลียร์ จับตาอิหร่านเอ […]

The post ชมคลิป: อิสราเอลถล่มอิหร่าน ใกล้โรงงานนิวเคลียร์ จับตาอิหร่านเอาคืน อาจปะทุหนัก? | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>

อิสราเอลถล่มอิหร่าน ใกล้โรงงานนิวเคลียร์ จับตาอิหร่านเอาคืน อาจปะทุหนัก?

 

คุยกับแขกรับเชิญ 2 ท่าน

 

  • พล.ท. ดร.พงศกร รอดชมภู อดีตรองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ
  • รศ.ดร.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิรัฐศาสตร์

 

พบกันในรายการ THE STANDARD NOW กับ อ๊อฟ ชัยนนท์ วันที่ 19 เมษายน 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD

The post ชมคลิป: อิสราเอลถล่มอิหร่าน ใกล้โรงงานนิวเคลียร์ จับตาอิหร่านเอาคืน อาจปะทุหนัก? | THE STANDARD NOW appeared first on THE STANDARD.

]]>
ส่ง ‘กากแคดเมียม’ กลับ ‘ตาก’ ขนเมื่อไร เก็บอย่างไร? https://thestandard.co/cadmium-tak-info/ Fri, 19 Apr 2024 12:26:57 +0000 https://thestandard.co/?p=924706 กากแคดเมียม กลับ ตาก

แผนการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมกลับสู่ต้นทางเริ่มชัดเจนขึ้ […]

The post ส่ง ‘กากแคดเมียม’ กลับ ‘ตาก’ ขนเมื่อไร เก็บอย่างไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
กากแคดเมียม กลับ ตาก

แผนการขนย้ายกากตะกอนแคดเมียมกลับสู่ต้นทางเริ่มชัดเจนขึ้นตามลำดับ หลังจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้เรียกบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) มารับภารกิจดังกล่าว ควบคู่ไปกับการสืบหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผู้กระทำผิด

 

ในเวลาเดียวกัน วันนี้ (19 เมษายน) ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมได้ลงพื้นที่จังหวัดตาก ตรวจความพร้อมของสถานที่รับกากแคดเมียมจาก 3 จังหวัดกลับมาฝังกลบ ได้ยอมรับว่ามีบ่อที่ยังชำรุด จึงต้องเร่งปรับปรุง พร้อมกับทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งยังกังวลเรื่องความปลอดภัย

 

ถือเป็นภารกิจที่ต้องแข่งกับเวลา เพราะล่าสุดคณะทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมได้เคาะวันเริ่มขนย้ายกากแคดเมียมมาเป็นปลายเดือนเมษายนนี้ THE STANDARD รวบรวมแผนการขนย้ายล่าสุดมาให้ดูว่ามีขั้นตอนและรายละเอียดอย่างไรบ้าง

 

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post ส่ง ‘กากแคดเมียม’ กลับ ‘ตาก’ ขนเมื่อไร เก็บอย่างไร? appeared first on THE STANDARD.

]]>
พนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนัน BNK Master ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิด พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และพวก https://thestandard.co/bnk-master-gambling-website-case-2/ Fri, 19 Apr 2024 12:08:21 +0000 https://thestandard.co/?p=924689

วันนี้ (19 เมษายน) พ.ต.ท. สราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับการส […]

The post พนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนัน BNK Master ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิด พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และพวก appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (19 เมษายน) พ.ต.ท. สราวุธ บุตรดี รองผู้กำกับการสอบสวน สน.สายไหม ในฐานะคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันออนไลน์ BNK Master ของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า วันนี้คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนได้นำสำนวนคดีเว็บพนัน BNK Master 2 สำนวน รวม 22 ผู้ต้องหา ส่งมอบให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) พิจารณารับไว้เพื่อไต่สวนชี้มูลความผิด 

 

โดยสำนวนแรกคือ ส่วนที่ดำเนินคดี พ.ต.ท. คริษฐ์ ปริยะเกตุ พร้อมพวกในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 149 และมาตรา 157 ขณะที่สำนวนที่สองในส่วนที่ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกดำเนินคดีในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันฟอกเงิน 

 

โดยพยานหลักฐานที่นำมายื่นในวันนี้มีจำนวน 9 แฟ้ม ประมาณพันกว่าหน้า เป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกันกับที่ยื่นต่อศาลเพื่อขอออกหมายจับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และผู้ต้องหารายอื่นๆ ซึ่งเพียงพอที่จะให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิดได้ 

 

พ.ต.ท. สราวุธ กล่าวอีกว่า หาก ป.ป.ช. พิจารณาแล้วพบว่าสำนวนคดีใดไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือไม่อยู่ในอำนาจที่ ป.ป.ช. จะรับพิจารณาไต่สวน ทางพนักงานสอบสวนตำรวจก็จะขอรับสำนวนคดีนั้นมาสอบสวนต่อไปให้เสร็จสิ้น แต่ถ้าหาก ป.ป.ช. เห็นว่าทั้งสองสำนวนคดีนั้นเป็นเรื่องเดียวกันและควรพิจารณาด้วยกัน ก็ถือเป็นสิทธิของทาง ป.ป.ช. ที่จะดำเนินการรับไว้พิจารณา ซึ่ง ป.ป.ช. มีกำหนดระยะเวลาพิจารณารับหรือไม่รับการไต่สวนทั้งสองสำนวนคดีภายใน 30 วัน และอาจสามารถขยายเวลาได้ตามกฎหมาย 

 

ดังนั้น อำนาจการสอบสวนคดีเว็บพนัน BNK Master ทั้งสำนวนคดีของ พ.ต.ท. คริษฐ์ พร้อมพวก และ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ของพนักงานสอบสวนตำรวจนั้นจะถูกระงับไว้ก่อน เพื่อให้อำนาจการสอบสวนไปอยู่ที่ ป.ป.ช. อย่างไรก็ตาม คณะพนักงานสืบสวนสอบสวนตำรวจยังคงมีอำนาจการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อนำมาส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณา 

 

ส่วนการนัดหมาย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ในวันที่ 27 เมษายน เพื่อรายงานตัวและให้ปากคำกับคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน แม้จะไม่มีอำนาจการสอบสวนในคดีนี้แล้วนั้น พ.ต.ท. สราวุธ กล่าวว่า พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังไม่มีการแจ้งเลื่อนการเข้าพบคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนแต่อย่างใด ซึ่ง พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ ยังสามารถเดินทางมายื่นพยานหลักฐานผ่านพนักงานสอบสวน เพื่อส่งต่อมายัง ป.ป.ช. หรือจะเดินทางมายื่นหลักฐานต่อ ป.ป.ช. ด้วยตนเองก็ได้ 

 

The post พนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนัน BNK Master ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช. พิจารณาชี้มูลความผิด พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ และพวก appeared first on THE STANDARD.

]]>
เคาะตั้งคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านอุตสาหกรรมหนังสือเพิ่ม 5 คน เช่น ‘ปราบดา หยุ่น-ผู้บริหารนานมีบุ๊คส์’ https://thestandard.co/book-industry-softpower-subcommittee/ Fri, 19 Apr 2024 11:43:58 +0000 https://thestandard.co/?p=924675

วันนี้ (19 เมษายน) ที่ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเ […]

The post เคาะตั้งคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านอุตสาหกรรมหนังสือเพิ่ม 5 คน เช่น ‘ปราบดา หยุ่น-ผู้บริหารนานมีบุ๊คส์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (19 เมษายน) ที่ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ มีการประชุมคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2567 โดยมี แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นประธานการประชุม รวมถึงยังมี พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ปรึกษาและกรรมการคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ รวมถึงคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ด้านต่างๆ คณะอนุกรรมการฯ ทั้ง 11 สาขา ร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง

 

เวลาต่อมา เพจ THACCA-Thailand Creative Culture Agency เปิดเผยว่า ในการประชุมครั้งที่ 4/2567 คณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ พิจารณาแต่งตั้ง ‘คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านหนังสือ’ เพิ่มเติม จำนวน 5 ราย ได้แก่ 

 

  1. ปราบดา หยุ่น นักเขียนรางวัลซีไรต์ ประจำปี พ.ศ. 2545 

 

  1. ปฐม อินทโรดม อุปนายกสมาคมการค้าดิจิทัลไทย 

 

  1. วโรรส โรจนะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เด็กดี อินเตอร์แอคทีฟ จำกัด 

 

  1. เจน จงสถิตย์วัฒนา รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นานมีบุ๊คส์ จำกัด 

 

  1. ผู้จัดการสมาคมผู้จัดพิมพ์และจัดจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย

The post เคาะตั้งคณะอนุกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ด้านอุตสาหกรรมหนังสือเพิ่ม 5 คน เช่น ‘ปราบดา หยุ่น-ผู้บริหารนานมีบุ๊คส์’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
แพทองธารเผย ยังไม่มีการคุยเรื่องเปลี่ยนตัวประธานสภา ย้ำเลือกที่ความสามารถ ส่วนเรื่องปรับ ครม. ให้ถามนายกฯ ดีกว่า https://thestandard.co/paetongtarn-shinawatra-19042024/ Fri, 19 Apr 2024 11:34:45 +0000 https://thestandard.co/?p=924672

วันนี้ (19 เมษายน) ที่ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเ […]

The post แพทองธารเผย ยังไม่มีการคุยเรื่องเปลี่ยนตัวประธานสภา ย้ำเลือกที่ความสามารถ ส่วนเรื่องปรับ ครม. ให้ถามนายกฯ ดีกว่า appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (19 เมษายน) ที่ห้องวิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสเปลี่ยนตัวประธานสภา โดยระบุว่ายังไม่มีการพูดคุยว่าจะเปลี่ยนตัว และในรายละเอียดก็มีการปรึกษาอยู่เรื่อยๆ แต่ไม่ได้มีการจะเปลี่ยนตัว ส่วนประธานสภาจำเป็นต้องเป็นคนจากพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น มองว่าทุกคนก็มีความสามารถ ดังนั้นก็เลือกคนที่มีความสามารถมาทำหน้าที่ได้ดีและเป็นที่ไว้วางใจของประชาชนดีกว่า

 

ขณะที่รัฐมนตรีบางคนซึ่งจะถูกปรับออกและมาทำหน้าที่ในสภาได้ดีกว่า อาจเป็นที่มาของการเปลี่ยนตัวประธานสภาหรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า เรื่องนี้อยากให้ไปถามนายกรัฐมนตรีมากกว่า เพราะไม่ได้อยู่ในอำนาจของตนเอง แต่ยอมรับมีการปรึกษาในเรื่องของการทำงานในแต่ละหน้าที่ และสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ

 

แพทองธารยอมรับว่ารัฐมนตรีที่มีชื่อว่าจะถูกปรับได้เข้ามาพูดคุย มีการให้ข้อมูลในเรื่องของข่าว แต่สุดท้ายอยากให้ไปถามนายกฯ ดีกว่า อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกถามว่าถึงเวลาเหมาะสมจะปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้วหรือไม่ แพทองธารกล่าวว่า ไม่ได้อยู่ใน ครม. จึงไม่ทราบ ให้ไปถามคนที่ทำงานร่วมกันจะดีกว่าว่าการทำงานที่ผ่านมาเป็นอย่างไร อยากจะปรับแล้วใช่หรือไม่

The post แพทองธารเผย ยังไม่มีการคุยเรื่องเปลี่ยนตัวประธานสภา ย้ำเลือกที่ความสามารถ ส่วนเรื่องปรับ ครม. ให้ถามนายกฯ ดีกว่า appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักลงทุนดักขายทำกำไรทองคำ หลังราคาพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 42,000 บาท https://thestandard.co/gold-new-record-42000-baht/ Fri, 19 Apr 2024 10:57:52 +0000 https://thestandard.co/?p=924668 ราคา ทองคำ

ความเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศพุ่งขึ้นแตะ 42,000 บาทต่ […]

The post นักลงทุนดักขายทำกำไรทองคำ หลังราคาพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 42,000 บาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ราคา ทองคำ

ความเคลื่อนไหวราคาทองคำในประเทศพุ่งขึ้นแตะ 42,000 บาทต่อบาททองคำ ทำสถิติสูงสุดใหม่ในช่วงเช้าของวันนี้ (19 เมษายน) โดยราคาเพิ่มขึ้น 550 บาทจากวันก่อนหน้า จากการอัปเดตราคาครั้งแรกของวันโดยสมาคมผู้ค้าทองคำ 

 

อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำหลังจากนั้นค่อนข้างผันผวนหนัก โดยมีการอัปเดตราคาระหว่างวันถึง 19 ครั้ง (ณ เวลา 16.56 น.) ล่าสุดราคาทองคำลดลงมาอยู่ที่ 41,600 บาท

 

 

ขณะที่ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งขึ้นแตะ 2,415 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาจะปรับลดลงมาอยู่ที่ราว 2,380 ดอลลาร์ 

 

พวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จํากัด (YLG) ระบุว่า ราคาทองคำในตลาดโลกได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยการปรับขึ้นมาส่วนหนึ่งมาจากความกังวลต่อสถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านว่าอาจจะรุนแรงขึ้น 

 

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวขึ้นมาของราคาทองคำจากปัจจัยนี้ถือเป็นการปรับขึ้นแบบตกใจซื้อ (Panic Buy) ที่ขึ้นอยู่กับความกังวลว่าสถานการณ์อาจรุนแรงมากยิ่งขึ้น ดังนั้นแม้สถานการณ์จะยืดเยื้อ แต่ไม่ได้มีสัญญาณความรุนแรงที่มากขึ้นหรือไม่ได้มีความเสียหายมากนัก ทองคำอาจเกิดแรงขาย (Sell on Fact) ในภายหลัง คล้ายกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน

 

อย่างไรก็ดี เหตุการณ์นี้ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ว่าจะพัฒนาไปในรูปแบบใด ดังนั้นในมุมกลับกันก็มีความเป็นไปได้ที่สถานการณ์จะรุนแรงมากขึ้น หรือถึงขั้นที่สหรัฐฯ มีส่วนเกี่ยวข้องกับสงครามโดยตรงในลักษณะที่คล้ายคลึงกับสองครั้งล่าสุดในสงครามอิรัก-คูเวตที่สหรัฐฯ เข้าร่วมด้วย หรือวินาศกรรม 9/11 ความรุนแรงในระดับดังกล่าวอาจหนุนราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ต่อ

 

จากการประเมินปัจจัยลบและปัจจัยบวกที่มีในปัจจุบัน วายแอลจีได้ปรับเป้าหมายราคาทองคำในปีนี้ใหม่เป็น 2,500 ดอลลาร์ เนื่องจากความต้องการทองคำในระยะยาวที่มั่นคงของธนาคารกลางทั่วโลกกว่า 1,000 ตันต่อปี

 

นอกจากนี้ยังมีประเด็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่หากภายในปีนี้สามารถปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงได้ถึง 3 ครั้ง ก็จะส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 2,700 ดอลลาร์

 

ส่วนแนวโน้มในระยะสั้น ทองคำอาจมีความเสี่ยงและความผันผวน ทำให้ราคาปรับตัวลดลงมาได้บ้าง แต่เชื่อว่าจะสามารถยืนได้เหนือ 2,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ ดังนั้นนักลงทุนที่ต้องการเข้าซื้อสามารถรอเข้าซื้อได้ที่ระดับดังกล่าว ส่วนราคาทองคำในประเทศสามารถเข้าซื้อได้ที่โซนราคา 39,000-38,500 บาทต่อบาททองคำ

The post นักลงทุนดักขายทำกำไรทองคำ หลังราคาพุ่งทำสถิติใหม่ที่ 42,000 บาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประธาน กกต. บอก คนฮั้วเลือก สว. อย่ามั่นใจไม่ถูกจับได้ ขู่มีโทษ ตัดสิทธิทางการเมือง ทั้งจำทั้งปรับ https://thestandard.co/selection-of-senators-case-19042024/ Fri, 19 Apr 2024 10:42:57 +0000 https://thestandard.co/?p=924662

วันนี้ (19 เมษายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (ก […]

The post ประธาน กกต. บอก คนฮั้วเลือก สว. อย่ามั่นใจไม่ถูกจับได้ ขู่มีโทษ ตัดสิทธิทางการเมือง ทั้งจำทั้งปรับ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (19 เมษายน) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. กล่าวถึงการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ว่า ระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องได้ส่งไปยังราชกิจจานุเบกษาแล้ว ขอให้รอประกาศ ซึ่งฉบับล่าสุดจะเกี่ยวกับการแนะนำตัวผู้สมัคร สว. โดยจะส่งในวันที่ 23 เมษายนนี้ และวันนี้มีการมอบนโยบายเน้นย้ำกับผู้อำนวยการกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัด (ผอ.กกต.) ทั่วประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมในกระบวนการเลือก และได้เน้นย้ำให้ทุกคนศึกษากฎหมายที่เกี่ยวข้องให้ละเอียดรอบคอบ และนำไปถ่ายทอดกับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เพื่อเตรียมเลือก สว. ระดับอำเภอ จังหวัด และประเทศ ซึ่งจนถึงตอนนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรในการดำเนินการเตรียมการเลือก สว.

 

ประธาน กกต. ยังเปิดเผยถึงมาตรการป้องกันการฮั้วหรือบล็อกโหวตว่า มี 2 กลไกหลักตามกฎหมายคือ 

 

  1. ค่าสมัคร 2,500 บาท 
  2. การเลือกไขว้ 

 

ซึ่ง กกต. มีกระบวนการของผู้ตรวจการเลือกตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็ว รวมถึงภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาชนที่ร่วมกันตรวจสอบการทุจริตด้วย ขอย้ำผู้สมัครอย่าฝ่าฝืนกฎหมาย แต่ถ้าหากพบการกระทำเข้าข่ายฮั้ว สามารถแจ้งเบาะแสกับ กกต. ได้ ซึ่งโทษจะมีทั้งจำทั้งปรับและตัดสิทธิทางการเมือง 

 

โดยหากนำไปสู่คำพิพากษาว่ามีความผิดจริง ก็จะมีเงินรางวัลสูงสุด 1 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การสมัครมาเป็นผู้แทนประชาชน ขอพยายามอย่าฝ่าฝืนกฎหมายไม่ว่าด้านใด ขอให้เป็นผู้สมัครที่ดี ซึ่ง กกต. ก็จะพยายามตรวจสอบการฮั้วให้ดีที่สุด 

 

“กลุ่มคนที่ตั้งใจจะฮั้วอย่ามั่นใจว่าจะไม่ถูกจับได้ เพราะสมัยนี้ช่องทางการตรวจสอบเยอะ อย่าสุ่มเสี่ยงกระทำความผิด” ประธาน กกต. กล่าว

 

อิทธิพรกล่าวถึงกรณีของคณะก้าวหน้าที่ได้มีการรณรงค์ให้ผู้สนใจมาลงสมัคร สว. ว่า จากที่เป็นข่าวถือว่ายังไม่ขัดต่อกฎหมาย ซึ่งแคมเปญ 1 ครอบครัว 1 สว. ก็เป็นการรณรงค์ให้คนไปสมัคร ซึ่งหากมีคนตอบรับแคมเปญแล้วสมัครเข้ามาจำนวนมาก ไม่ว่าจะมากเท่าไร กกต. ก็สามารถจัดการเลือก สว. ได้ไม่มีปัญหา เบื้องต้นคาดการณ์ว่าผู้สมัครจะอยู่ที่ประมาณ 1 แสนคน ต้องทำให้ได้ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่หรือจำนวนบัตร ซึ่งรูปแบบบัตรเลือกตั้งก็เป็นไปตามแนบท้ายของกฎหมายที่ประกาศไปแล้ว โดยการจัดพิมพ์จะจัดเป็น 2 รอบ รอบแรกจัดพิมพ์ในจำนวนที่คาดการณ์ไว้ แต่หากเกินจำนวนที่คาดการณ์ไว้ก็จะจัดพิมพ์อีกรอบ หลังจากเขียนตัวเลขการรับสมัครแล้ว

 

ประธาน กกต. ยังกล่าวถึงกรณีที่ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ร้องผู้ตรวจการแผ่นดินเกี่ยวกับกฎหมายการได้มาซึ่ง สว. หรือจะมีผู้ยื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญนั้นว่า ยังไม่ปรากฏเหตุผลใดที่จะทำให้การเลือก สว. เลื่อนหรือถูกยื้อออกไป ยืนยันว่าเมื่อ สว. ครบวาระก็จะดำเนินการตามกระบวนการทันที แม้มีการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่กระบวนการของศาลรัฐธรรมนูญดำเนินการควบคู่ไปกับการจัดการเลือก สว. ได้

 

The post ประธาน กกต. บอก คนฮั้วเลือก สว. อย่ามั่นใจไม่ถูกจับได้ ขู่มีโทษ ตัดสิทธิทางการเมือง ทั้งจำทั้งปรับ appeared first on THE STANDARD.

]]>