บางครั้งเวลาเจอปัญหาหรืออุปสรรคต่างๆ แล้วแก้ไขไม่สำเร็จ อาจไม่ได้มาจากที่เราไม่มีความสามารถ แต่เป็นเพราะเราติดกรอบความคิด หรือ ‘Fixed Mindset’ บางอย่าง

Readery Podcast เอพิโสดนี้เลยขอพาไปทำความรู้จักกับหนังสือที่จะเปลี่ยนกรอบความคิด ทั้งหนังสือดังที่ทำให้เราเข้าใจ Mindset แต่ละแบบ พร้อมทั้งตัวอย่างอ่านสนุก ฮาวทูญี่ปุ่น เน้นวิธีการแก้ปัญหาได้จริง หรือแม้แต่หนังสือที่บอกให้เรา ‘ช่าง’ กับทุกอย่าง เผื่อเจอปัญหา เราอาจมีสักวิธีจากหนังสือสักเล่มที่เอาไปปรับใช้ได้

สำหรับผู้ที่ชอบฟังพอดแคสต์ สามารถคลิกปุ่ม Play ด้านบน เพื่อฟังเรื่องสนุกๆ จากหนังสือเล่มต่างๆ แต่สำหรับผู้ที่ถนัดอ่าน เราได้รวบรวมรายชื่อหนังสือที่ถูกพูดถึงไว้ใน Readery Podcast เอพิโสดนี้ไว้ด้านล่าง เผื่อใครที่อยากอ่านรายละเอียดคร่าวๆ พร้อมกดสั่งซื้อได้เลย

บทเรียนชีวิตที่จิตแพทย์อยากบอก

แปลจากหนังสือ The Road Less Traveled

ผู้เขียน M. Scott Peck

ผู้แปล วิทยากร เชียงกูล

สำนักพิมพ์ โอ้มายก้อด

รายละเอียดหนังสือ ถ้าจุดมุ่งหมายในชีวิตคุณคือการหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและหลบหนีความทุกข์ ผมไม่แนะนำให้คุณแสวงหาการเติบโตทางจิตใจ ประการแรก เพราะคุณไม่สามารถได้มันมา คุณก็จะถูกเรียกร้องให้ไปช่วยเหลือคนอื่นๆ ให้ทำในสิ่งที่คุณเองต้องเจ็บปวดมากขึ้น หรือกระทั่งเรียกร้องจากคุณมากกว่าที่คุณจะจินตนาการถึง คุณอาจเกิดคำถามว่า ถ้าอย่างนั้นเราจะปรารถนาการเติบโตทางจิตใจไปเพื่ออะไร ถ้าคุณถามคำถามนี้ บางทีคุณอาจยังไม่รู้จักความปีติเบิกบานมากเพียงพอก็เป็นได้ บางทีคุณอาจพบคำตอบในส่วนที่เหลือของหนังสือเล่มนี้ บางทีคุณอาจไม่พบ

เจฟฟ์ เบซอส กับประวัติศาสตร์ฉบับย่อของ Amazon.com ร้านค้าปลีกออนไลน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก

แปลจากหนังสือ One Click: Jeff Bezos and the Rise of Amazon.com

ผู้เขียน Richard L. Brandt

ผู้แปล พรเลิศ อิฐฐ์

สำนักพิมพ์ วีเลิร์น

รายละเอียดหนังสือ หนังสือเล่มนี้ Richard L. Brandt นักข่าวชื่อดังของซิลิคอนวัลเลย์ จะเปิดเผยตัวตนของเบซอสในทุกแง่มุม และพาคุณดำดิ่งสู่ห้วงความคิดของนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลคนนี้ ตั้งแต่วัยเด็กจนปัจจุบัน รวมถึงทุกสิ่งที่เขาทำ เพื่อสร้าง Amazon.com ให้ยิ่งใหญ่ชนิดที่ไม่มีใครตามทัน ด้วยเนื้อหาที่สั้นกระชับและอ่านจบในเวลาไม่กี่ชั่วโมง คุณจะได้เรียนรู้เคล็ดลับในการสร้างและบริหารธุรกิจของเบซอส ผ่านเรื่องราวมากมายที่ท้าทายไหวพริบและเป็นบททดสอบฝีมือ รวมทั้งการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ทำให้เขาก้าวขึ้นมาถึงจุดนี้

คานธี ซีอีโอ

แปลจากหนังสือ Gandhi CEO

ผู้เขียน อลัน แอ็กเซลรอด

ผู้แปล นรา ศุภัคโรจน์

สำนักพิมพ์ ปราณ

รายละเอียดหนังสือ การนำเสนอในเล่มนี้เป็นการผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์และศาสตร์แห่งการเป็นผู้นำของโลกธุรกิจได้อย่างเฉลียวฉลาด งดงาม และน่าสนใจ ด้วยการผูกกลยุทธ์ วิธีการ และคำคมของคานธี กับการนำธุรกิจในคริสต์ศตวรรษที่ 21 นำเสนอแนวคิดตั้งแต่จัดจ้าง การกระตุ้น การสร้างขวัญและกำลังใจ ซึ่งตั้งอยู่บนจริยธรรม อันจะนำองค์กรไปสู่ความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป

ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา

แปลจากหนังสือ Mindset

ผู้เขียน Carol S. Dweck

ผู้แปล พรรณี ชูจิรวงศ์

สำนักพิมพ์ วีเลิร์น

รายละเอียดหนังสือ อะไรในตัวคุณที่สร้างความสำเร็จได้มากกว่า ความฉลาด ความสามารถ หรือโชคชะตา คำตอบคือ ความคิด Carol S. Dweck นักจิตวิทยาชื่อดังจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ค้นพบว่า ความสำเร็จในชีวิตขึ้นอยู่กับความคิด 2 แบบ แบบหนึ่งจะทำให้คุณประสบความสำเร็จแบบครึ่งๆ กลางๆ ส่วนอีกแบบจะทำให้คุณพัฒนาแบบก้าวกระโดดและประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าคุณจะไม่มีแต้มต่อในชีวิตเลยก็ตาม แนวคิดนี้ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนไปทั่วทุกวงการ ถูกนำไปเขียนเป็น หนังสือจิตวิทยาที่ขายดีที่สุด 10 ปีติดต่อกัน รวมทั้งกลายเป็นวิชาที่ได้รับความนิยมสูงสุดของสแตนฟอร์ด ความคิดทั้ง 2 แบบ คืออะไร คุณกำลังมีความคิดแบบไหนอยู่ แล้วคุณจะเปลี่ยนไป คิดให้ถูกต้องได้อย่างไร ค้นหาคำตอบได้ใน ใช้ความคิดเอาชนะโชคชะตา เล่มนี้

เปลี่ยนวิธีทำงานแค่ 1% คุณก็แซงหน้าคน 99% ได้แล้ว

ผู้เขียน Eitaro Kono

ผู้แปล ทินภาส พาหะนิชย์

สำนักพิมพ์ วีเลิร์น

รายละเอียดหนังสือ ผู้คนมากมายคิดกันไปเองว่า ถ้าอยากก้าวไปให้ไกล ก็ต้องพัฒนาการทำงานด้วยเทคนิคที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร แต่ โคโนะ เอตาโร ผู้บริหารของบริษัท IBM Japan ค้นพบว่า นั่นเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะจริงๆ แล้วเทคนิคการทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ เทคนิคที่เรียบง่ายจนคนมองข้ามไปต่างหาก คุณเคยรู้หรือไม่ว่าแค่พยักหน้าเป็นช่วงๆ คุณก็สามารถควบคุมการประชุมได้แบบเบ็ดเสร็จ แค่เลิกลงท้ายด้วย ป.ล. อีเมลของคุณก็จะได้รับการตอบกลับมากขึ้น แค่ฝึกปะทะคารมกับเพื่อนร่วมงานบ่อยๆ ที่ทำงานก็จะมีความปรองดองมากขึ้น แค่บอกเหตุผลประกอบทุกครั้งที่คุณขอบคุณใคร เขาคนนั้นก็จะยินดีทำงานให้คุณมากขึ้นเป็นเท่าตัว หนังสือเล่มนี้รวบรวมเคล็ดลับที่ง่ายจนคนมองข้ามไว้มากถึง 85 ข้อ ด้วยความง่ายแบบสุดๆ คุณจึงไม่ต้องการทักษะ ไม่จำเป็นต้องฝึกฝน แค่อ่านและลองนำไปใช้ในวันนี้ แล้วเตรียมแซงคนอื่นๆ อีก 99% ในวันพรุ่งนี้ได้เลย

ชีวิตติดปีก ด้วยศิลปะแห่งการ “ช่างแม่ง”

แปลจากหนังสือ The Subtle Art of Not Giving a F*ck: A Counterintuitive Approach to Living a Good Life

ผู้เขียน Mark Manson

ผู้แปล ยอดเถา ยอดยิ่ง

สำนักพิมพ์ บิงโก

รายละเอียดหนังสือ หลายคนใช้เวลาทั้งชีวิตทำตามความคาดหวังของคนอื่น บ้างก็ทิ้งความฝัน เพื่อทำสิ่งที่ใครๆ บอกว่าดี และคิดว่านั่นจะทำให้ชีวิตเต็มไปด้วยความสำเร็จและความสุข แต่หารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้นจะย้อนมาทำร้ายตัวคุณเอง เพราะการแคร์ทุกคน เกี่ยวกับทุกสิ่งย่อมแปลว่าคุณต้องเสียสละบางอย่างที่สำคัญในชีวิตไปด้วย Mark Manson นักเขียนและบล็อกเกอร์ที่มีผู้ติดตามนับล้านคน ได้ผสานหลักปรัชญา ศาสนา และประสบการณ์ที่เขาได้ไปเยือนมาแล้ว 55 ประเทศ ขมวดรวมเป็นศิลปะแห่งการช่างแม่ง ที่จะพลิกชีวิต หน้าที่การงาน และความสัมพันธ์ของคุณให้ดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ พร้อมสำนวนภาษาสุดกวน ที่ตรึงใจแฟนคลับทั่วโลก

Credits

The Hosts โจ วรรณพิณ, นัฏฐกร ปาระชัย และชนินทร์ สูงทรง

Show Creator ภูมิชาย บุญสินสุข

Episode Producer & Editor อธิษฐาน กาญจนะพงศ์

Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ

Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์

Proofreader ภาวิกา ขันติศรีสกุล

Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์

The post ฝึกคิดให้เป็นระบบ รู้จักแก้ปัญหา อ่านเล่มไหนดี appeared first on THE STANDARD.

ปัญหาจากที่ทำงาน ปัญหาความรัก ปัญหาครอบครัว ปัญหาเรื่องเงิน ปัญหาสุขภาพ

ปัญหาเป็นเรื่องธรรมดาควบคู่กับชีวิตมนุษย์ แต่วิธีแก้ปัญหาต่างหากที่จะทำให้เรามีหรือไม่มีความสุขกับชีวิต

รวิศ หาญอุตสาหะ มาพร้อมชุดความคิดที่จะช่วยให้คุณควบคุมชีวิตได้ดีขึ้น และแก้ปัญหาอย่างหลากหลายตั้งแต่เรื่องแฟนไปจนถึงเจ้านายได้อย่าง Super Productive!

การแก้ปัญหาในชีวิตคนเราแบ่งได้เป็น 2 ส่วน ส่วนแรกคือ ‘ช่วงเวลาก่อนเกิดปัญหา’ และส่วนที่สองคือ ‘ช่วงเวลาที่ปัญหาเกิดขึ้นแล้ว’

ช่วงเวลาก่อนเกิดปัญหาสำคัญอย่างไร

รู้ไหมว่าเราสามารถจัดการปัญหาได้ตั้งแต่มันยังไม่เกิด ทุกคนมี ‘เส้นเวลา’ ขนานกับ ‘เส้นชีวิต’ ยิ่งเราบริหารเวลาได้ดีมากเท่าไร เรายิ่งสามารถแก้ไขปัญหาได้ดีมากขึ้นเท่านั้น เพราะทุกอย่างถูกวางแผนและจัดสรรไว้หมดแล้ว

แต่คนส่วนใหญ่มักไม่เป็นเช่นนั้น หลายคนยังคงดองงาน ผัดวันประกันพรุ่ง ปั่นงานตอนใกล้เดดไลน์ ตรงข้ามกับคนส่วนน้อยที่แบ่งสัดส่วนเวลาอย่างดี และทยอยทำงานจนสำเร็จตามเวลาที่กำหนด

Time Boxing

สุดยอดเคล็ดลับจัดสรรเวลาเพื่อคนทำงาน เปรียบเหมือนการวางแผนล่วงหน้าให้ทุกกิจกรรมที่ต้องทำหรืออยากทำ ข้อดีของการทำสิ่งนี้คือ มันเป็นเครื่องมือสะท้อนให้เห็นตัวตนเรามากขึ้น ทำให้เรามีระเบียบกับชีวิต เตรียมพร้อมรับมือปัญหา และเห็นหนทางในการพัฒนาตนเองให้ดีแบบที่ต้องการ โดยมีวิธีดังนี้

1. ใช้ตารางปฏิทินร่วมกับ task management tool เช่น Asana หรือ Trello

2. จัดสรรงานและเวลาที่ต้องทำลงตารางให้ครบ โดยแบ่งกิจกรรมตามสีดังนี้

• Core Responsibility (สีน้ำเงิน) งานหลักหรืองานสำคัญที่สุดที่ต้องทำ
• Managing People (สีม่วง) ถ้าเป็นหัวหน้าหรือมีลูกทีมที่ต้องดูแล งานส่วนนี้คือการบริหารจัดการคน รวมถึงพัฒนาความสามารถและความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานด้วย
• Personal Growth (สีชมพู) งานสำคัญในการพัฒนาตัวเองจะเกี่ยวข้องกับงานโดยตรงหรือไม่ก็ได้
• Crisis & Fire (สีแดง) งานด่วน งานเร่ง งานร้อน งานรีบ ทั้งหมดอยู่ในประเภทนี้ อาจสงสัยว่างานแทรกแบบนี้จะลงตารางไว้ล่วงหน้าได้อย่างไร แต่มันคือช่วงว่างที่เราสามารถจะโยกงานอื่นมาแทนที่ และให้งานประเภทนี้ขึ้นมาก่อนได้ 
• Free Time (สีเขียว) การแบ่งเวลาว่างไว้อย่างชัดเจน จะทำให้เกิดประสิทธิภาพได้อย่างสูงสุด เพราะทำให้เรารู้ลิมิตตัวเอง
• Admin (สีเทา) งานประเภทเช็กอีเมล ตรวจเอกสาร ขึ้นแบบฟอร์ม

3. เมื่อแจกแจงออกมาทั้งหมด จะรู้ทันทีว่าในหนึ่งสัปดาห์เราใช้เวลาไปกับงานที่มีคุณค่ามากพอหรือยัง ถ้ามีช่องสีน้ำเงิน ชมพู ม่วง เป็นส่วนใหญ่ นั่นแปลว่าคุณมาถูกทางแล้ว แต่หากยังเป็นงานประเภทแอดมินหรืองานด่วนอยู่ ควรรีบแก้ไขให้สัดส่วนเปอร์เซ็นต์ของงานเหล่านี้น้อยลง และเพิ่มงานที่มีคุณค่าให้ได้

4 . แชร์ตารางของตัวเองให้เพื่อนร่วมงาน เพื่อความสะดวกสบายในการนัดหมายและอื่นๆ

ติดตั้งเครื่องมือทางความคิดเพื่อแก้ปัญหา

1. Divergent Thinking สำรวจความเป็นไปได้ใหม่ๆ จากสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น เคสตัวอย่างของแบรนด์ Nespresso ที่มองเห็นความเป็นไปได้จากพฤติกรรมการดื่มกาแฟของคนส่วนใหญ่ รวมกับช่องว่างของปัญหาที่ยังไม่มีนวัตกรรมเข้ามาตอบโจทย์ จึงคิดค้นเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลที่ทั้งสะดวก รวดเร็ว ได้รสชาติอร่อย จนประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม

2. Convergent Thinking ปรับเปลี่ยนวิธีคิดบางอย่างเพื่อให้ตอบโจทย์กับสิ่งที่เกิดขึ้น เหมือนกระบวนการคิดกระดาษ Post-it ของ 3M ที่มาจากความไม่ตั้งใจของนักวิทยาศาสตร์ที่ต้องการผลิตกาวที่เน้นความทนทานแต่กลับได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นกาวชนิดลอกออกง่าย แถมยังไปตอบโจทย์เพื่อนของเขาที่ต้องการหากระดาษมาคั่นหน้าหนังสือสวดมนต์ จนท้ายสุดกลายเป็นกระดาษสีสันสดใสมากประโยชน์ที่ขายดีไปทั่วโลก

3. Expectation Thinking ขุดประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่แล้วมาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เช่นเดียวกับ Robert Lang ชายผู้ชื่นชอบการพับกระดาษ Origami อย่างจริงจัง เขานำความสามารถตัวเองไปช่วยบริษัทสัญชาติเยอรมันที่กำลังหาวิธีพับ Airbag ให้ประหยัดพื้นที่ หรือช่วยคิดวิธีพับอุปกรณ์ขยายหลอดเลือดให้เข้าไปในร่างกายมนุษย์ได้อย่างไม่ติดขัด

วิเคราะห์ส่วนประกอบของปัญหา

ท้ายสุดสิ่งที่ต้องทำคือการไตร่ตรองให้ดีว่าปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่เป็นเรื่องอะไรกันแน่ อย่าเหมารวมทุกเรื่องเข้ากันหมด ลองพลิกหามุมใหม่ๆ ในการแก้ไข เปลี่ยนจากคำถามเดิมๆ เป็นการตั้งคำถามใหม่ๆ (Reframing the question) เราอาจเจอทางแก้ไขแบบที่นึกไม่ถึงเลยก็ได้

ปัญหาทุกปัญหาในโลกใบนี้ ผลของมัน 100% เกิดขึ้นจากตัวปัญหา 20% แต่สิ่งที่คุณตอบสนองกับมันคือ 80% ที่เหลือ

สามารถฟังพอดแคสต์ SUPER PRODUCTIVE
ผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ ที่คุณสะดวกหรือใช้อยู่แล้วได้เลย

Credits

The Host รวิศ หาญอุตสาหะ

Show Creator รวิศ หาญอุตสาหะ
Show Producers เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์, ปวริศา ตั้งตุลานนท์
Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Sound Designer & Engineer กฤตพล จียะเกียรติ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director อนงค์นาฏ วิวัฒนานนท์
Proofreader พรนภัส ชำนาญค้า

Webmaster จินตนา ประชุมพันธ์

Podcast Intern วริษฐ์ โกศลศุภกิจ

The post แก้ปัญหา ควบคุมเวลาชีวิต คิดไอเดียใหม่ให้ Super Productive! appeared first on THE STANDARD.