รีแบรนด์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 16 Nov 2017 10:22:34 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘Srichand’ จากคุณยายใส่สไบกลายเป็นสาววัย 25 ปี ด้วยการรีแบรนด์ https://thestandard.co/podcast/thesecretsauce10/ Mon, 30 Oct 2017 17:00:03 +0000 https://thestandard.co/?post_type=podcast&p=39111

     อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์เ […]

The post ‘Srichand’ จากคุณยายใส่สไบกลายเป็นสาววัย 25 ปี ด้วยการรีแบรนด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

     อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์เครื่องสำอางเก่าแก่ของไทย ที่ผ่านการรีแบรนด์ครั้งใหญ่และสร้างความเซอร์ไพรส์ให้ลูกค้ามาได้เรื่อยๆ เบื้องหลังการทำงานเป็นอย่างไร วัฒนกรรมองค์กรน่าสนใจแค่ไหน และในอนาคตจะไปทางไหน  

     เคน-นครินทร์ คุยกับ รวิศ หาญอุตสาหะ CEO Srichand

 


 

ศรีจันทร์หลังการรีแบรนด์
     จากแต่ก่อนที่คนมองสินค้าศรีจันทร์ว่ามีแค่แป้งอย่างเดียว ตอนนี้ศรีจันทร์จึงพยายามเพิ่มไลน์สินค้าอื่นๆ ด้วยการขยายออกอีก 60 SKU ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่จนสิ้นปี เพื่อให้คนจำศรีจันทร์เป็นแบรนด์ได้มากกว่าแค่เป็นสินค้าชิ้นๆ

     ความฝันของคุณรวิชคือ อยากเห็นแบรนด์เป็น umbrella brand มีโปรดักต์ที่หลากหลาย มีความสนุก และสอดแทรกกิมมิกใหม่ๆ

ลูกค้าชอบความเซอร์ไพรส์
     ตอนศรีจันทร์ใช้ฝรั่งเล่นโฆษณา คนก็ตื่นเต้น หรือตอนทำงานร่วมกับกับดิสนีย์ ลูกค้าก็ชอบความเซอร์ไพรส์ในแง่มุมนี้ ศรีจันทร์เลยทำอยู่เรื่อยๆ ทำให้มันร่วมสมัยมากขึ้น ไม่ไทยเดิมเกินไป แต่ยังคงรักษาขนบของความเป็นไทยในยุคนี้

 

ความสำเร็จจากการรีแบรนด์

     ตอบจากรีเสิร์ชได้เลยก็คือ ช่วงก่อนรีแบรนด์ ระหว่างรีแบรนด์ และไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ก่อนรีแบรนด์ ลูกค้ามองภาพเป็นคุณยายใส่สไบ พอเริ่มรีแบรนด์ช่วงแรก ก็ยังมีความเป็นไทยอยู่มาก ยังดูโบราณ แต่พอผ่านมาสัก 3 ปี ลูกค้าเริ่มมองเป็นผู้หญิงไทยที่ดูมีความมั่นใจ ดูเรียบร้อยหน่อย และอายุก็ลงมาถึงประมาณ 25 ปี

     ตอนรีแบรนด์ครั้งแรก ทำแพ็กเกจจิ้งทุกอย่างใหม่หมด เอาไปถามลูกค้าว่าซื้อไหม ลูกค้าชอบ ชมว่าแพ็กเกจสวย โปรดักต์ดี แต่ถามว่าซื้อไหม เขาไม่ซื้อ เพราะยังติดภาพและชื่อเก่า ศรีจันทร์เลยกลับมาวิเคราะห์ว่าจทำอย่างไรให้คนซื้อ วิธีการตลาดที่เลือกใช้ใหม่ก็คือ เอาสินค้าขึ้นก่อน แล้วค่อยเฉลยแบรนด์ทีหลัง เพราะถ้าเอาแบรนด์ขึ้นก่อน คนอาจจะไม่ฟังที่เหลือแล้ว ซึ่งจุดนี้มาจากผู้บริโภคบอก และทำประสบความสำเร็จจริงๆ

 

“การทำรีเสิร์ชเป็นสิ่งสำคัญ เรามีวิธีทำรีเสิร์ชเยอะ ไปนั่งคุยก็ได้ เก็บข้อมูลจากในโซเชียลมีเดียก็ได้ เราควรจะต้องหาข้อมูล เพื่อดูว่าจริงๆ ลูกค้าอยากได้อะไร มันอาจจะไม่เหมือนสิ่งที่เราอยากได้เลยก็ได้”

 

ใช้ข้อมูลมากกว่า gut feeling
     คำถามใหญ่และหาคำตอบยากที่สุดคือ “ลูกค้าอยากได้อะไร?” ต้องใช้พลังงานสูงมากในการหาคำตอบ ต้องใช้เวลา และอาจต้องฝืนทำสิ่งที่ตัวเองไม่อยากทำ เพราะถ้าเราทำงานมานานๆ จะมีความเชื่อเรื่อง gut feeling คิดว่าตัวเองมีกึ๋น อยากออกโปรดักต์ที่ตัวเองชอบ ในยุคที่เรามีข้อมูลเยอะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าเราใช้ข้อมูลนี้ให้เป็นประโยชน์ เก็บมาวิเคราะห์ เราจะใช้ gut feeling น้อยลง จนมีความแม่นยำในการออกสินค้าและเข้าใจลูกค้ามากขึ้น

 

รีเสิร์ชแบบศรีจันทร์
     ยกตัวอย่างง่ายๆ มาร์เก็ตติ้งไดเรกเตอร์ของศรีจันทร์ เล่นทวิตเตอร์ตลอดเวลา ก็จะเห็นว่าเด็กสมัยนี้คุยอะไรกัน นี่คือการทำรีเสิร์ชอย่างหนึ่ง เค้าจะเข้าใจโลกของทวิตเตอร์อย่างมาก ว่ามันมีไดนามิกยังไง หรืออย่างการเก็บข้อมูลเชิงโซเชียลมีเดีย สมัยนี้มี Social media data gathering tool มากมาย สามารถบอกได้ว่าแบรนด์เราตอนนี้ถ้าเทียบกับคู่แข่งอีก 10 แบรนด์ แบรนด์เราอยู่ประมาณไหน เราควรปรับอะไร

     ยกตัวอย่างง่ายกว่านั้น การแจกตัวอย่างสินค้า ถ้าเป็นสมัยก่อนก็ต้องเสียเงินจ้างคนไปแจก แต่เดี๋ยวนี้แจกเองได้ แจกผ่านแอ็กเคานต์ไลน์ แต่ก่อนจะได้รับของ ให้ลูกค้าช่วยตอบสักสามคำถามก่อนได้ไหม อันนี้ก็เป็นการรีเสิร์ชอีกทาง

 

พฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป

     1. มีความเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยมากขึ้น มีความสนใจเฉพาะกว่าเดิม แต่ก่อนอาจถูกจำกัดอยู่ที่ช่อง 3, 5, 7, 9 แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่อย่างนั้น ต้องทำความเข้าใจกับ landscaping อันนี้อย่างมหาศาล คุยกับเอเจนซี เอเจนซีเค้าก็ไม่ได้ทำแต่เครื่องสำอาง เค้าทำรถ ทำมือถือ ทุกเซกเตอร์มีแยกย่อยแบบนี้หมด เพราะฉะนั้นเราต้องทำการบ้านหนักกว่าเดิมเป็นสิบเท่า และแคมเปญที่ดีไซน์ไป พอปล่อยสักหนึ่งสัปดาห์ เราเริ่มเห็นยอดตัวเลขกลับมา รู้แล้วว่ามันไม่เวิร์ก ต้องมีแผนสอง เอาตรงๆ คืองานหนักขึ้น งานต้องละเอียดขึ้น

     2. ลูกค้าเชื่อโฆษณาจากแบรนด์น้อยลง ลูกค้าเชื่อโฆษณาจากในคอมมูนิตี้ของเค้า อินฟลูเอนเซอร์ บล็อกเกอร์ เพื่อนๆ ครอบครัว จะเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลสูงมากกับลูกค้า ดังนั้นจะทำตรงๆ ไม่ได้ ต้องพยายามอ้อมให้เข้าไปอยู่ในสื่อของเค้า ลูกค้าเกลียดโฆษณาที่ยัดเยียด ต้องเข้าไปอย่างจริงใจ ไม่ใช่ทุบหัวเข้าบ้าน

     3. ทุกคนเข้ามาในดิจิทัลหมด แต่สิ่งที่คนยังไม่เข้าใจคือเจอร์นีย์ของลูกค้าในดิจิทัลมันวิ่งอยู่อย่างไร เราคุยกับเอเจนซีในภาษาง่ายๆ ว่าในวิธีและขบวนเดียวกัน ทำไมแคมเปญก่อนหน้าประสบความสำเร็จ แต่อันต่อมาแป้ก เอเจนซีบอกว่ามันเป็นเพราะยังไม่สามารถวิเคราะห์ความซับซ้อนของลูกค้าได้ลงไปถึงระดับเดียวกับทีวี เรามีความผูกพันกับทีวีมานาน ในขณะที่โซเชียลค่อนข้างใหม่

 

แคมเปญที่ประสบความสำเร็จ
     เมื่อปีที่แล้วศรีจันทร์ทำแคมเปญชื่อ ‘Quality is the real image’ ทำหนังที่ดูไฮเทคมากๆ พรีเซนต์ผู้หญิงแบบศรีจันทร์ สื่อว่าคุณภาพที่อยู่ข้างในเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด แคมเปญนี้ execution เนียนกริบ แต่ผลของมันไม่ได้หวือหวามาก พอมาปีนี้จะทำแคมเปญแบบนั้นอีก ทีมงานกลัวว่ามันจะได้ผลแบบเดิม รวิศเลยเสนอให้ลองปรับ ลองเล่นกับผู้บริโภค แทนที่จะหว่านปล่อยโฆษณาเยอะๆ แต่ปล่อยโฆษณาแค่ในโรงหนัง แล้วค่อยปล่อยออนไลน์ทีหลังตอนหนังออกจากโรง สรุปผลตอบรับดีมาก

     แคมเปญหนังโฆษณาที่ปล่อยเฉพาะในโรงหนังแบ่งเป็น 3 พาร์ต งานชิ้นนี้กำกับโดยพี่ต่อ-ธนญชัย ศรศรีวิชัย พาร์ตแรกเป็นเทรลเลอร์ปล่อยในออนไลน์ 14 วันก่อนฉายคลิปตัวเต็ม รวิศเลือกปล่อยคลิปโฆษณากับหนัง Fast and Furious 8 เพราะทีมเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์บอกว่าจะเป็นหนังที่มีรายได้สูงสุดของปี โฆษณายาว 90 วินาที ปล่อยในช่วงเวลาที่เกือบจะดีที่สุดคือ ก่อนหนังฉาย วนอยู่ 1 เดือน พอหนังออก เรามีคลิปตัวที่ 3 เป็น making of ซึ่งกลายเป็นตัวที่ได้ผลตอบรับดีที่สุด เป็นเบื้องหลังยาว 12 นาทีที่พูดถึงการทำงานของพี่ต่อ คนชอบดูเพราะไม่ใช่สิ่งที่จะได้เห็นกันบ่อย มันสอดแทรกความรู้ ได้เห็นเบื้องหลังว่ากองถ่ายทำงานกันยังไง กว่าจะได้ฉากหนึ่งเขาถ่ายกันแทบตาย และทั้งหมดในกระบวนการ 3 คลิปที่เราทำ บวกกับการลงสื่อต่างๆ ค่าใช้จ่ายถูกกว่าสมัยก่อนเยอะ เปอร์เซ็นต์การรับรู้ของคนดูก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

 

“…แบรนด์ใหญ่ได้เปรียบในแง่ของการควบคุมความถี่ ที่ต้องยอมรับว่ายังมีผลอยู่ เค้ามีเงินเยอะ เค้าก็อัดความถี่ได้เยอะ ถ้าเราไม่ได้มีเงินเยอะมาก เราต้องคิดมุกใหม่ตลอด เพื่อให้คนเห็นแค่ครั้งเดียวและจำได้”

 

ศรีจันทร์ x ดิสนีย์
     เริ่มมาจากดิสนีย์อยากให้คาแรกเตอร์ต่างๆ สามารถสัมผัสกับคนในท้องถิ่นได้มากขึ้น ศรีจันทร์เลยเข้าไปคุย พรีเซนต์ความเป็นไทย ซึ่งมันตรงกับคอนเซปต์ที่ดิสนีย์ต้องการ ดิสนีย์เป็นพาร์ตเนอร์ที่น่ารักมาก สอนให้ทำงานอย่างเป็นมืออาชีพมากขึ้น

 

องค์กรศรีจันทร์
     ตอนนี้มีพนักงาน 160 คน ทำงานกันแบบแบนๆ คือทุกคนมีชื่อตำแหน่ง แต่เวลาทำงานทุกคนสามารถเข้าถึง CEO ได้หมด ทำงานแบบช่วยกันคิด มีความเป็นทีม ไม่เผด็จการ ในการประชุมทุกคนจะต้องช่วยกันแสดงความคิดเห็น เราพยายามทำทุกอย่างให้เร็วก่อน แล้วค่อยตามแก้ทีหลัง เพราะความเร็วเป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้

วัฒนธรรมองค์กร
     1. ทำงานให้สนุก 2. มีการทดลองในพื้นฐานที่ควบคุมความเสี่ยง 3. ทำตัวเลขให้มันได้กำไร

ความสำคัญของการทดลอง
     สำคัญกับทุกองค์กร แต่สำคัญมากกับองค์กรที่เป็นขนาดเล็ก เพราะถ้าไม่ทดลอง แล้วทำเหมือนคนอื่น โอกาสประสบความสำเร็จแทบไม่มี ดังนั้นการทำอะไรใหม่ๆ เกิดจากการทดลองอะไรใหม่ๆ เท่านั้น ไม่มีทางเกิดจากสิ่งอื่นได้ ศรีจันทร์จึงมีแคมเปญที่สำเร็จและแป้กตลอด วนๆ กันไป แต่เวลาสำเร็จมันก็จะไปชดเชยแคมเปญที่แป้กได้

 

ความเสี่ยงในการทดลอง
     ต้องรู้แต่เริ่มเลยว่า เจ๊ง 100% หมดกี่บาท เจ๊ง 50% หมดกี่บาท บางทีไม่ได้เสียหายแค่เรื่องเงิน แต่เสียหายกับเรื่องแบรนด์ด้วย เช่น เราไม่เคยออกโฆษณาที่ดูโป๊ๆ เลย แต่อยากลองทำแคมเปญแบบนั้น ต้องมาคิดกันว่าจะเสียหายถึงแบรนด์มั้ย

 

แคมเปญที่ล้มเหลว
     ก่อนรวิศจะรีแบรนด์ เขาเคยทำโฆษณาเอง เขียนสตอรีบอร์ดเอง ไปถ่ายเองแบบงงๆ โฆษณาจึงแป้กมาก ต้องถอดออกจากเคเบิ้ลทีวี สุดท้ายก็ต้องไปจ้างเอเจนซีทำ เขาได้เรียนรู้ว่า ตัวเองไม่ได้เก่งทุกเรื่อง และมันเป็นการเสียน้อยเสียยากเสียมากเสียง่าย ควรเชื่อใจและไว้ใจโปรเฟสชันนัล
     แคมเปญยุคใหม่ที่ไม่ประสบความสำเร็จก็ยังมี บางอันรวิศอยากทำให้มันดูเท่มากๆ แต่เมสเสจที่ออกไปไม่ค่อยดี ส่วนใหญ่ที่ผิดพลาดจากการบรีฟไม่ดี ไม่เกี่ยวกับเอเจนซี ผู้กำกับ หรือโปรดักชันเฮาส์ เพราะฉะนั้นการเตรียมบรีฟจึงสำคัญมาก

หน้าที่หลักคือการพูดบรรยาย
     รวิศออกพูดบรรยายเดือนละประมาณ 15 ครั้ง เหตุที่สามารถมีเวลาออกไปพูดบรรยาย เพราะทีมงานทุกวันนี้เก่งกว่ารวิศแล้ว บางทีรวิศไม่อยู่ทีมงานทำงานกันได้ดีกว่าด้วยซ้ำ เวลาทำงานรวิศจะไปช่วยในขั้นที่กำลังทำอะไรใหม่ๆ ไปช่วยคิด หลังจากนั้นจะไม่ค่อยยุ่งอะไร ดังนั้นหน้าที่ของรวิศคือไปหาไอเดียใหม่ๆ คอนเน็กชันใหม่ๆ ไปพีอาร์บริษัทด้วยการออกไปพูด

 

ความสนุกของการออกไปพูด
     สนุกที่สุดตอนคนถามคำถาม ถ้าพูดให้องค์กรขนาดใหญ่จะเป็นคำถามประเภทหนึ่ง พูดให้เจ้าของกิจการฟังก็อีกประเภทหนึ่ง นักศึกษาก็อีกประเภท รวิศได้ประสบการณ์ใหม่ๆ และคอนเน็กชันที่ดีจากตรงนี้เยอะมาก ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง จนเขาแทบไม่เคยปฏิเสธงานเลย ยกเว้นว่าคิวชนจริงๆ

 

คำถามที่เจอบ่อยที่สุด

     “ทำไมถึงไม่เปลี่ยนชื่อแบรนด์?” มันเป็นคำถามที่รวิศก็ถามตัวเองเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่ที่ไม่เปลี่ยนเพราะมีความตั้งใจอยากทำให้แบรนด์นี้เท่ให้ได้

 

“ผมมีความเชื่อว่าที่สุดแล้วคนไทยจะกลับมาใช้ของไทย เหมือนที่คนเกาหลีหรือญี่ปุ่นใช้แบรนด์ในประเทศตัวเอง นี่คือความเชื่อที่ลึกที่สุดของเรา รวมถึงพาร์ตเนอร์และคนที่ทำงานด้วยก็เชื่อเช่นเดียวกัน”

 

     ปัญหาที่สองที่คนถามเยอะคือ ท้อ หมดไฟ เบื่อ ทำอย่างไรถึงจะเติมพลังให้กับชีวิตได้ รวิศก็มาวิเคราะห์ว่าการที่คนไม่มีความสุขกับงานที่ทำ ต้องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและวัฒนธรรมองค์กร เลยตอบไปว่า คุณลองไปวิเคราะห์จริงๆ ว่าสิ่งที่คุณทำอยู่มันเติมเต็มคุณในแง่ของสิ่งที่คุณอยากเป็นในปลายทางไหม ซึ่งมันทำให้รวิศกลับมาถามตัวเองด้วยเหมือนกันว่า ถ้าไม่ทำอันนี้แล้วมีสิ่งอื่นที่อยากทำไหม เขานั่งคิดเป็นวัน คำตอบที่ได้คือไม่มี งั้นแปลว่าตอนนี้เขาอยากทำอันนี้แหละ แต่ถ้าวันหนึ่งมันมีอย่างอื่น เขาเองก็จะไปลองทำดู

ข้อมูลและระบบหลังบ้าน
     ข้อมูลที่มีมหาศาลจะไม่มีประโยชน์อะไรเลยถ้าใช้ไม่เป็น ระบบหลังบ้าน คนได้ยินก็เบื่อแล้ว ซึ่งจริงๆ มันมีความสำคัญกับการทำธุรกิจมาก ยกตัวอย่างศรีจันทร์ เริ่มจากยุคที่เป็นเครื่องพิมพ์ดีด จนวันนี้ใช้ระบบของ SAP เป็นระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) หลังบ้าน เห็นความแตกต่างมหาศาล คือสิ่งที่ถูกวัดมันจะสามารถบริหารจัดการได้ ศรีจันทร์ปิดบัญชีทุกสัปดาห์ ข้อดีคือถ้ามันมีตัวเลขที่ผิดพลาด ความเสียหายก็คือหนึ่งสัปดาห์ เราก็กลับไปแก้แค่ช่วงนั้น ถ้าปิดบัญชีทุกเดือน ความเสียหายเกิดขึ้นหนึ่งเดือน มันคือความสำคัญเล็กๆ ของระบบหลังบ้าน

 

“ระบบวัดผลที่ดีสำหรับผมคือต้องยุติธรรมและตอบคำถามทุกคนได้ คุณจะจ่ายโบนัสคนหนึ่ง 2 ปี กับจ่ายอีกคนแค่ 2 เดือนก็ได้ แต่ต้องตอบคำถามคนที่จ่าย 2 เดือนให้ได้ว่าทำไมอีกคนถึงได้ 2 ปี สิ่งนี้จะทำให้คนอยากทำงานกับเรา”

 

คนเก่งเข้ามาด้วยวิชั่น

     รวิศเล่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นว่า ชื่อเต็มของศรีจันทร์คือ ศรีจันทร์สหโอสถ เมื่อ 5 ปีที่แล้วลงเว็บไซต์ประกาศรับสมัครงาน ไม่มีใครมาสมัครสักคน เพราะชื่อดูโบราณ คนก็อยากอยู่บริษัทเท่ๆ

     คนสมัครหางานถูกกระตุ้นด้วย 2 เรื่อง คือ 1. เงิน ทุกคนต้องการเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ดูแลครอบครัว 2. เรื่องวิชั่นของเขาว่าสอดคล้องกับบริษัทไหม รวิศคิดว่าจำเป็นที่ต้องส่งวิชั่นของเราออกไปสู่ภายนอก เพื่อดึงคนเข้ามา และทำให้วิชั่นนี้อยู่ในองค์กรอย่างแข็งแรง เริ่มจากเขียนบล็อก จนเป็นหนังสือเล่มที่ 1, 2, 3, 4 เป็นเพจ Mission to The moon รวมถึงออกไปบรรยาย จนตอนนี้เราเปิดรับสมัครงาน เราได้เรซูเม่ดีๆ จากคนเก่งเป็นร้อย พอเรียกเขามาคุย ทุกคนบอกเหมือนกันหมดเลยว่าเคยรับรู้วิชั่นของศรีจันทร์จากอะไรบางอย่าง เช่น อ่านหนังสือมา ไปฟังบรรยายมา ซึ่งมันตอบโจทย์มาก

 

ศรีจันทร์ในอนาคต

     ตลาดเครื่องสำอางในเมืองไทยใหญ่มากเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน และถึงแม้จะใหญ่มาก แต่ถ้าเจาะลึกดูดีๆ จะเห็นว่าโลคัลแบรนด์น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์ของต่างประเทศ รวมถึงวัตถุดิบก็นำเข้ามาจากต่างประเทศ เพราะประเทศเรายังไม่มีความสามารถในการผลิตวัตถุดิบต้นทางได้เยอะ แต่ที่ประเทศเกาหลีใต้มันกลับกันเลย คือคนเขาบริโภคแบรนด์จากบ้านเขา วัตถุดิบก็มาจากบ้านเขา

     ในอีก 10-15 ปีข้างหน้า รวิศอยากเห็นตลาดเครื่องสำอางบ้านเราเป็นแบบเกาหลี ศรีจันทร์อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้น ซึ่งมันยาก แต่รวิศเชื่อว่าถ้าทำกันเป็นอุตสาหกรรมมันจะเกิดขึ้นได้ เพราะเห็นจากอุตสาหกรรมแฟชั่นแบรนด์ไทยที่ทำมาได้ดีมากๆ เพราะเค้าทำงานกันเป็นคอมมูนิตี้ โมเดลนี้เวิร์ก ทุกวันนี้คนไทยยอมจ่ายเสื้อผ้าแบรนด์ไทยแพงกว่าต่างชาติอีก ศรีจันทร์ก็อยากเป็นเช่นนั้นบ้างในอนาคต

 


 

Credits 

The Host นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

The Guest รวิศ หาญอุตสาหะ

 

Show Creator นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

Episode Producer ปวริศา ตั้งตุลานนท์

Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Music Westonemusic.com

The post ‘Srichand’ จากคุณยายใส่สไบกลายเป็นสาววัย 25 ปี ด้วยการรีแบรนด์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ดอยคำ’ ทำธุรกิจบนความจริงใจ ใช้ศาสตร์พระราชา และก้าวหน้าทันยุคสมัย https://thestandard.co/podcast/thesecretsauce09/ Thu, 19 Oct 2017 04:01:06 +0000 https://thestandard.co/?post_type=podcast&p=35888

     อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์ช […]

The post ‘ดอยคำ’ ทำธุรกิจบนความจริงใจ ใช้ศาสตร์พระราชา และก้าวหน้าทันยุคสมัย appeared first on THE STANDARD.

]]>

     อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์ชั้นนำด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับการจัดตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพื่อช่วยแก้ปัญหาสังคมของชาวเขาในเขตทุรกันดาร

     เส้นทางกว่า 40 ปี พิสูจน์ให้เห็นถึงความเติบโต คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการช่วยเหลือสังคมได้อย่างยั่งยืน แถมยังเป็นแบรนด์ที่ก้าวทันโลกและสื่อสารกับคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

     เคน-นครินทร์ คุยกับคุณพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด

 


 

     จุดเริ่มต้นของ ‘ดอยคำ’ มาจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จประพาสชาวเขาในถิ่นทุรกันดารทางภาคเหนือ พระองค์ทรงเห็นความยากลำบาก เห็นการปลูกฝิ่น ทำไร่เลื่อนลอย จึงจัดตั้งโครงการหลวงพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา ส่งเสริมให้ปลูกพืชเมืองหนาวทดแทนอย่าง บ๊วย ท้อ และสตรอว์เบอร์รี และต่อมาทรงมีพระราชดำริจัดตั้งโรงงานหลวงฯ เพื่อรับซื้อ แปรรูป และจัดจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านภายใต้แบรนด์ ‘ดอยคำ’

 

02.35

เบื้องหลังคำว่าดอยคำ

     มาจากการเปลี่ยนดอยฝิ่นให้เป็นดอยแห่งทองคำ มันเกิดจากการที่พระองค์ทรงคิดโดยรอบจนตกผลึกแล้วจึงแก้ปัญหา ปัญหาฝิ่นจึงหมดไปจากประเทศไทยได้ เรื่องนี้มีคนจาก UN และที่ต่างๆ ขอเข้ามาศึกษาดูงาน ถอดบทเรียนไปมากมาย แต่สิ่งที่คนอื่นไม่มีคือความเป็น Charisma จากพระเจ้าแผ่นดิน

 

“ความสำเร็จในทุกโครงการที่พระองค์ทรงคิดเกิดจากแรงศรัทธาที่ทำโดยไม่หวังผลตอบแทน”

 

ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด
     น้ำมะเขือเทศขายดีมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถึงแม้จะมีคนที่บอกว่าดื่มไม่ได้ รสชาติไม่ดี แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ออกความเห็นอะไร ดื่มน้ำมะเขือเทศทุกคน มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตั้งแต่เริ่ม

 

 

07.44

การทำงานภายใต้โครงการหลวง ทำให้ทำงานยากหรือง่ายขึ้นไหม

     ผมคิดว่าไม่ยาก เพียงแต่ต้องเข้าใจคอนเซปต์ของศาสตร์พระราชาก่อน ผมกำลังจะสร้างโมเดลว่าถ้าคุณมีความเพียงพออยู่ในจิต คุณจะทำธุรกิจได้อย่างมีความสุข ดอยคำทำทุกอย่างด้วยความจริงใจกับทุกคน
     ถ้าคุณเห็นกล่องดอยคำ ไม่ว่ารูปบนกล่องเป็นพืชพันธุ์อะไร ของข้างในก็เป็นพืชชนิดเดียวกันเสมอ อย่างน้ำลิ้นจี่เป็นสายพันธุ์ฮงฮวย ก็เอารูปลิ้นจี่พันธุ์นั้นมาใส่ ไม่ได้เอารูปลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิมาใส่ ส่วนรูปแมลงที่อยู่หน้ากล่อง สะท้อนถึงเรื่องของระบบนิเวศ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสตลอดเวลา แมลงบนกล่องหมายถึงตัวห้ำตัวเบียนที่ช่วยผสมพันธุ์พืช สื่อให้เห็นว่าแบรนด์ดอยคำปราศจากสารเคมีต่างๆ แมลงสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ เป็นการอยู่ร่วมกับระหว่างคน พืช และแมลงอย่างมีความสุข
     ราคาของสินค้าดอยคำแต่ละชนิดในตลาดไม่เท่ากัน ตัวไหนวัตถุดิบแพงเราก็ขายแพง ตัวไหนวัตถุดิบถูกเราก็ขายถูก ไม่เอามาเฉลี่ยแบ่งกลุ่มราคา เราคิดจากต้นทุน บวกค่าดำเนินการ และกำไรตามที่ตั้งเป้าไว้ แค่นั้นพอแล้ว
ดังนั้นถ้าคุณมีความเพียงพอ คุณสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง สิ่งที่ดอยคำอยากบอกคือ ถ้าซื้อสินค้าดอยคำคุณจะไม่มีวันโดนหลอก

 

มีวิธีบาลานซ์อย่างไรในเมื่อต้องทำธุรกิจแบบพอเพียงในขณะที่ต้องมีกำไรด้วย

     เราเป็นธุรกิจเพื่อสังคมในร่มใหญ่คือกิจการเพื่อสังคม เราต่างจากคนอื่นนิดหน่อยตรงที่มีคำว่าธุรกิจเป็นกรอบในการดำเนินงาน ดอยคำหวังผลกำไรแน่นอน เพราะถ้าไม่มีกำไร เราก็ไม่มีความยั่งยืน
     เราทำกำไรดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ เรายุติธรรมกับคนกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
     กลุ่มแรกคือเกษตรกร หัวใจสำคัญ เราทำตามแนวพระองค์ ท่านทรงตรัสไว้ว่า คุณมีหน้าที่ทำอะไร คุณทำสิ่งนั้นให้ดี เกษตรกรมีหน้าที่ปลูกพืช เพราะฉะนั้นการปลูกพืชให้มีคุณภาพดีที่สุดเป็นหน้าที่ของเกษตรกร เกษตรกรต้องส่งพืชผลที่ดีเข้าโรงงานเท่านั้น ถ้าคุณส่งของเสียมา เราก็ไม่ได้วัตถุดิบที่ดีมาทำสินค้า กลยุทธ์ของผมคือราคาตลาดซื้ออยู่เท่าไหร่ ผมจะซื้อให้สูงกว่าราคาตลาด แต่ถ้าคุณเอาของเสียมาเมื่อไหร่ เราก็ตัดราคาเต็มเหนี่ยวเช่นกัน ถ้าคุณเอาของเสียมา 10% คุณโดนตัดราคาไป 10% แต่ถ้าคุณเอาของดีมา 100% คุณได้เพิ่มทันที เป็นการสอนให้เกษตรกรตระหนักรู้ว่าการทำของดีสำคัญ มันได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งกับตัวเขาเองและโรงงาน เราสอนให้เกษตรกรรู้ว่าการทำเกษตรที่ดีเป็นอย่างไร มีทีมเข้าไปส่งเสริมให้ความรู้กับเขา

     กลุ่มต่อมาคือผู้บริโภค เราต้องผลิตสินค้าที่ดีให้ผู้บริโภค เรามองไปถึงความแฟร์หลายเรื่อง อย่างสองปีก่อนราคาน้ำมันขึ้น สินค้าในท้องตลาดขึ้นราคาหมด และเมื่อราคาน้ำมันลง ดอยคำประกาศลดราคาสินค้าทุกตัวโดยไม่มีกำหนดขึ้น เพราะตอนราคาน้ำมันขึ้น เราผลักภาระให้ผู้บริโภค แต่พอราคาน้ำมันลง ไม่มีใครลดราคาสินค้าลงเลย ธุรกิจของพระองค์ต้องแฟร์กับทุกคน

     กลุ่มสุดท้ายคือสิ่งแวดล้อม เราไม่ทำอะไรเสียหายกับเขาเลย

 

15.36

อุปสรรคและความท้าทายของดอยคำตอนนี้คืออะไร

     อุปสรรคเยอะแยะครับ เรายึดหลักตามความเป็นพระมหาชนก ที่พระองค์ทรงสอนไว้ว่า การที่พระมหาชนกว่ายน้ำไปอย่างไม่เห็นฝั่ง แต่ก็ยังพยายามว่ายต่อไป ถ้าเรามองปัญหานี้เป็นเหมือนปัญหาที่พระองค์ทรงแก้มาตลอดพระชนม์ชีพ ท่านก็ยังทรงแก้มาตลอด สำเร็จหรือไม่ก็มีความพยายามที่จะทำ เราพยายามสร้างเกษตรแปลงใหญ่ เกษตรประณีต จ้างเด็กรุ่นใหม่เข้ามาสอนเกษตรกรให้ปลูกพืชเป็น ทำการเกษตรแบบสมัยใหม่ ไม่ใช่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเหมือนเดิม ดังนั้นความท้าทายมันจะไม่เห็นผลในช่วงสั้นๆ มันอาจเห็นผลในอีก 50 ปีข้างหน้า ตอนนี้เด็กรุ่นใหม่อาจรู้สึกว่า ใครทำนาตัวดำหน้าดำ ฉันทำไม่ได้ แต่จริงๆ มันไม่ใช่แล้ว เพราะเดี๋ยวนี้มันมีเทคโนโลยีมาช่วย รถไถมีหลังคาคลุมมีแอร์ ของพวกนี้เทคโนโลยีมันทำให้คุณอยู่ได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่

     ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทำเรื่องเกษตร จุดแข็งของเราคือเกษตร ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไร คุณต้องกลับมามองพื้นฐานของเรา พระองค์ทรงสอนให้มองภูมิสังคม เราควรทำการวิจัยและพัฒนาเกษตรของบ้านเราให้เป็นครัวของโลก ตลอดชาตินี้จนโลกแตก ถ้ามนุษย์ไม่กินแคปซูลเป็นอาหาร ยังไงประเทศไทยอยู่ได้แน่นอน แต่คุณต้องทำของที่มีคุณภาพเท่านั้น

 

18.00

เหตุผลในการรีแบรนด์ ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์แพ็กเกจจิ้งให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่

     โลกเปลี่ยนไปทางไหน ใครเป็นอย่างไร คุณต้องรู้ ถ้าคุณไม่รู้ คุณขายของไม่ได้ ไม่ใช่แค่เราที่มีปัญหา เกษตรกรก็มีปัญหา

     เราทำวิจัย ทำมาร์เก็ตรีเสิร์ชเหมือนธุรกิจอื่นๆ แต่ต้องตัดสินใจบนความเป็นแบรนด์ ที่สะท้อนความเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ คือรัชกาลที่ 9 ท่านทรงสง่างามเสมอ ไม่มีเวลาไหนที่ไม่สง่างามเลย เรียบง่ายอย่างที่ทุกคนเห็น ดังนั้นสิ่งที่เห็นบนกล่องหรือในแบรนด์เป็นเรื่องที่สะท้อนความโก้และเรียบง่ายของพระองค์

     เรามองว่าอนาคตของดอยคำคือ ในร้านค้าสินค้าดอยคำจะอยู่เป็นกลุ่มรวมกัน ถ้าลูกค้าเห็นเขาจะรู้ทันทีว่ากลุ่มนี้คือดอยคำ

 

     ส่วนตัวโลโก้เป็นสิ่งที่พระองค์พระราชทานไว้ เราเอามาปรับให้ดูทันสมัยขึ้น

     รูปวงกลมสีเหลืองทองหมายถึง ดวงอาทิตย์ สัญลักษณ์ผู้ให้กำเนิด ให้ความอบอุ่น ทุกคนมีความสุขอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
     รูปจั่วสีเขียวเข้ม หมายถึง ภูเขาในภาคเหนือ เป็นภูเขาสีเขียวแห่งความอุดมสมบูรณ์
     รูปจั่วสีเขียวอ่อน หมายถึง ลักษณะหน้าจั่วของบ้านไทยในภาคเหนือ เป็นองศาจริงๆ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดโครงการและเปรียบได้ดั่งราษฎรในผืนแผ่นดินไทย
     รูปหยดน้ำเป็นเลข ๙ หมายถึง น้ำพระทัยของพระองค์ที่หยดลงบนภูเขา และทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข รวมกันมาแล้วมันคือแบรนด์ที่ให้ความสุข ให้ความอบอุ่นกับราษฎรของพระองค์ในประเทศ

 

 

ทำอย่างไรให้ทันสมัยได้ขนาดนี้
     จริงๆ เป็นภาพจากคนข้างนอกมอง เราเองคิดว่ายังไม่ทันสมัยเท่าที่ควร การจะเปลี่ยนอะไรในองค์กร คุณต้องเปลี่ยนที่หัวก่อน เราอยากเป็นอย่างไร เปลี่ยนที่ตัวเราก่อน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนคนอื่น โดยเป็นโมเดลให้คนอื่นเห็นว่าเราทำอะไร คิดอะไร ไปทางไหน โลกเปลี่ยนไปอย่างไร อธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ว่าเราทำอันนี้เพราะอะไร ทุกคนต้องการเหตุผล ถ้าคุณมีเหตุผลที่ดี เค้าพร้อมเปลี่ยน
     ผมไปเยี่ยมโรงงานดอยคำแทบทุกเดือนมาเป็นสิบปี ไปคุยกับชาวบ้าน คุยกับคนที่ทำงานให้ ซึ่งมีตั้งแต่จบ ป.4 ยันปริญญาตรี ช่องว่างมันค่อนข้างกว้าง การสื่อสารเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าตำแหน่งซีอีโอไม่ลงไปเอง ไม่มีทางสื่อสารได้เลย


คุณเดินช้าเท่ากับคุณถอยหลัง คุณเดินก้าวทันโลกเท่ากับคุณอยู่กับที่ ถ้าคุณวิ่งถึงจะเอาชนะคนอื่นได้ พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า You have to keep one step ahead หนึ่งก้าวหน้าคนอื่นเสมอ คุณจึงจะอยู่ได้”

 

 

คลิปดอยคำขอโทษมีที่มาอย่างไร
     คำว่า ‘ขอโทษ’ จะออกจากปากมนุษย์เป็นสิ่งที่ยากที่สุด เราทำอะไรกับเพื่อนหรือแฟนก็ดี คิดไหมว่าเค้าผิดหรือเราผิด เค้าผิดก่อนแน่นอน ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษแน่นอน สิ่งที่เราพูดคือเราจริงใจ เราขอโทษ ขอโทษที่น้ำมะเขือเทศไม่อร่อย ดูได้จากรีวิวมากมายในเฟซบุ๊ก ถ้าคุณรับประทานไม่ได้ก็ขอโทษ แต่มีคนอีกตั้งเท่าไหร่ที่เค้ารับประทานได้ คุณลองสิ
     ราคาเราบอกว่ามันแพง คุณเทียบกับเจ้าอื่นหรือยัง ราคาของเราวาไรตี้ คุณอยากกินที่ถูกหน่อย ก็เลือกผลไม้ตัวอื่น มีให้เลือกตั้งเยอะแยะ เราก็ขอโทษ ราคาที่มันเปลี่ยนเพราะราคาไม่เท่ากัน

     รสชาติไวน์ในแต่ละช่วงต่างกัน น้ำส้มของเราก็เหมือนกัน คนบอกว่าน้ำส้มปีนี้จืด ก็ปีนี้น้ำเยอะ ส้มมันก็จืดลง ถ้าอยากให้มันหวานเท่ากัน เราต้องใส่น้ำตาล แต่ผู้บริโภคก็ไม่อยากได้

 

27.17
ตอนนี้ผลิตภัณฑ์มีกี่รายการ
     กว่าร้อย ​SKU มีอบแห้ง มีน้ำพร้อมดื่ม มีน้ำเข้มข้น มีแยม มีแช่แข็ง มีอีกเยอะมาก

 

วิธีคิดมาจากไหน
     มวยวัดครับ ปัจจุบันเริ่มมีวิชาการมาช่วยบ้าง แต่ก่อนอะไรที่เกษตรกรทำ เราซื้อเข้ามาแปรรูปหมด เพื่อช่วยให้เขาสามารถอยู่ได้ พระองค์ทรงรับสั่งไว้ว่า เราไปช่วยให้เค้าช่วยตัวเองได้
     จริงๆ การที่สินค้าเราเยอะ ทำให้ขายลำบากขึ้นมาก โรงงานเดียวผลิตสินค้า 40-50 ชนิด มันไม่มียูนิตี้อยู่ในนั้น กว่าจะคุมงบประมาณได้ยากมาก แต่ทำเพราะเรามีความพออยู่ในใจ การที่เรามีความพอ ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เราไม่ต้องไปแข่งกับใคร เวลามีคนถามว่า ดอยคำมีคู่แข่งไหม สามารถตอบได้เต็มปากเต็มคำ เราไม่เคยมีคู่แข่งเลยแม้แต่เจ้าเดียว เราไม่เคยคิดว่าใครเป็นคู่แข่งด้วย เราทำในสิ่งที่เขาไม่ทำ เราเป็นเพื่อนอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

 

อยากได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มไหม จากที่มีส่วนแบ่งทางการตลาด 26% ของธุรกิจน้ำผลไม้พร้อมดื่มของไทย
     สิ่งเหล่านั้นมาเอง เราไม่เคยตั้งเป้าว่าอยากเป็นเท่าไหร่ และไม่เคยอยากเป็นที่หนึ่ง การเป็นที่หนึ่งจะถูกคนจับตามองมากขึ้น จะถูกอ้างอิงจากทุกอย่าง และจะต้องรักษาให้ได้

     เรามีเป้าของเรา แต่ไม่ทำไปแข่งกับเขา อะไรที่คนอื่นทำแล้วดีให้เขาทำ เราทำของที่เราค่อยๆ คิดมา อย่างเช่นน้ำมะขามป้อมเป็นยาแบบไทยๆ ไม่มีใครทำเราก็ทำ น้ำฟักข้าวมีวิตามินเอมากกว่าแครอตหลายเท่า ช่วยเรื่องสายตา

วิธีคิดในการสร้างสินค้าใหม่ๆ อย่างน้ำมะเขือเทศ แตกไลน์เพิ่มเป็นม็อกเทล น้ำเจียวกู้หลาน ใช้ดอกคำฝอย ใช้หญ้าหวานเป็นเจ้าแรกๆ
     เคสน้ำมะเขือเทศ คิดว่าจะทำอย่างไรให้เด็กรุ่นใหม่บริโภค เพราะถ้าคนบริโภคน้ำมะเขือเทศมากขึ้น ย่อมหมายความว่าเกษตรกรภาคอีสานจะปลูกได้มากขึ้น

 

“วิธีคิดมาจาก Creating shared value ไม่ได้คิดเป็น Corporate social responsibility ทุกคนต้องได้ประโยชน์จากการทำสิ่งนี้”



     การทำน้ำมะเขือเทศเป็นม็อกเทล เราเอาน้ำสตรอว์เบอร์รี น้ำเสาวรส น้ำส้ม ที่มีอยู่แล้วมามิกซ์กัน ถ้าเขาดื่มได้ และรู้ว่าน้ำมะเขือเทศเป็นของดี พอเริ่มทานอันนี้ได้ รับรสได้ ค่อยเปลี่ยนมาเป็นน้ำมะเขือเทศ 99% ไปเลย ดีต่อร่างกาย แถมประหยัดกว่าการซื้อวิตามินแคปซูลมากินด้วย


     เคสหญ้าหวาน มันเป็นเทรนด์ของตลาดที่บอกว่าน้ำตาลเป็นสิ่งไม่ดี สำหรับผมมันผิดนะ น้ำตาลไม่ใช่ไม่ดี เด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 17-18 ปี ถ้าคุณไม่กินน้ำตาล หรือกินแต่หญ้าหวานจะไม่ได้พลังงานมาสร้างเซลล์ในร่างกายให้เติบโต การตัดสินใจบริโภคน้ำตาลหรือความหวานมันอยู่ที่ตัวคน เราออกตัวนี้มาสำหรับคนที่ไม่สามารถบริโภคน้ำตาลได้แล้ว แต่ถ้าใครจะเลือกทางนี้ด้วยก็แล้วแต่คุณ เป็นแนวคิดที่เราทำมาเพื่อผู้บริโภค

 

 

35.20

การขยายตลาด
     เป้าหมายของเราตอนนี้อยากขยายร้านแฟรนไชส์ให้ไปอยู่ต่างจังหวัด เพราะยิ่งขยายพื้นที่ คนไทยจะยิ่งได้บริโภคของที่ดี ก่อนจะเอาไปให้ต่างชาติบริโภค นอกจากนั้นแล้วในร้านดอยคำ เราเปิดโอกาสให้เจ้าของร้านเอาสินค้าโอทอป สินค้าในพื้นที่เข้ามาขายได้ และถ้าสินค้าไหนน่าสนใจ มีศักยภาพที่จะโตได้ สามารถเข้ามาคุยกับเราให้ช่วยทำแบรนด์ได้ เป็นการขยายรากแก้วให้โตขึ้น

 

วิธีการเลือกคนเปิดแฟรนไชส์
     เลือกจากคนที่เห็นแก่สังคม คนที่คิดว่าตัวเองจะสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไรบ้าง ไม่ใช่เดินเข้ามาหาดอยคำแล้วถามก่อนเลยว่าตัวเองจะมีกำไรเท่าไหร่ อย่างร้านดอยคำสาขาหาดใหญ่ที่เพิ่งเปิด เปิดร้านตั้งร้อยกว่าตารางเมตร เขาขอให้พื้นที่ร้านตัวเองเป็นแหล่งรวมสำหรับพัฒนาคนในร้านดอยคำ อยากมีสัมมนา อยากจัดกิจกรรมอะไร มาที่ร้านเขาได้เสมอ เราเรียกร้านแฟรนไชส์เหล่านี้ว่า ครอบครัวดอยคำ ทุกอย่างที่ร้านดอยคำได้ร้านครอบครัวดอยคำก็จะได้เช่นกัน

 

39.06

ตอนนี้ทุกคนออกมาพูดเรื่อง digital transformation ดอยคำมีแผนจะทำบ้างไหม

     อีคอมเมิร์ซมาแน่นอน กำลังทำอยู่ และเรากำลังจะมีดอยคำ 4.0 เหมือนกัน เราจะทำกับเกษตรกร เช่น ปัจจุบันเกษตรกรทุกคนมีสมาร์ทโฟน เราสร้างแอปพลิเคชันของดอยคำที่สามารถบอกได้เลยว่า ถ้าคุณปลูกสตรอว์เบอร์รีถึงวันที่เท่าไหร่ คุณต้องใช้ปุ๋ยอย่างไร ในปริมาณเท่าไหร่ วันนี้คุณเริ่มตัดแต่งใบได้แล้ว หรือถ้าเกษตรกรไม่มั่นใจตัวนี้ว่าใช้ได้ไหม เขาสามารถถ่ายส่งมาในไลน์ เรามีหมอพืชสามารถตอบได้ทันที ตอนนี้เรามีไลน์กรุ๊ปคุยกับเกษตรกร

 

42.16

วิสัยทัศน์ในอนาคตของดอยคำ

     ดอยคำจะเป็นสิ่งที่ระลึกถึงของคนในอนาคตอีกหนึ่งถึงสองร้อยปี เมื่อพูดถึงดอยคำเมื่อไหร่ คนต้องนึกถึงรัชกาลที่ 9 นี่คือสิ่งที่พระราชทานไว้ให้แก่คนไทยทุกคนในแง่ของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสังคม

 

“พอเพียง ทุกอย่างอยู่กับคำว่าพอ จิตคุณพอเมื่อไหร่ เมื่อนั้นคุณจะทำทุกอย่างได้อย่างมีความสุข”

 

45.32
The Secret Sauce
     
1. ทำธุรกิจด้วยความจริงใจ ถ้าคุณซื้อสินค้าของดอยคำจะมั่นใจได้ว่าไม่มีวันโดนหลอก ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นมาตลอด 40 ปี     
     
2. ก้าวนำคนอื่นเสมอ เริ่มจากเปลี่ยนที่ตัวหัวหน้าเองก่อน ต้องเปลี่ยน เพราะโลกมันหมุนทุกวัน ถ้าเดินช้าเท่ากับถอยหลัง ถ้าอยากนำหน้าต้องวิ่ง   
     
3. สร้างประโยชน์ร่วมกัน ไม่ได้สร้างสินค้าจากการตลาด แต่มาจากการคิดว่าสินค้าที่ออกมานั้นจะสร้างประโยชน์ให้ผู้บริโภคและเกษตรกรได้อย่างไร   
     
4. พอเพียง ไม่หวังแต่มุ่งแสวงหากำไร ไม่แข่งขันกับใคร มีความพอและทำงานอย่างมีความสุข  

 


 

Credits

The Host นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

The Guest พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา

 

Show Creator นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

Episode Producers ปวริศา ตั้งตุลานนท์, อธิษฐาน กาญจนพงศ์

Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Photographer วรรษมน ไตรยศักดา

Music Westonemusic.com

The post ‘ดอยคำ’ ทำธุรกิจบนความจริงใจ ใช้ศาสตร์พระราชา และก้าวหน้าทันยุคสมัย appeared first on THE STANDARD.

]]>