พอเพียง – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Thu, 16 Nov 2017 10:22:34 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในบทบาทของพ่อที่สอนลูกเรื่องเงินได้อย่างเรียบง่าย https://thestandard.co/podcast/themoneycase09/ Sun, 29 Oct 2017 17:00:45 +0000 https://thestandard.co/?post_type=podcast&p=39042

     เรื่องราวความประทับใจจาก Money Coac […]

The post ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในบทบาทของพ่อที่สอนลูกเรื่องเงินได้อย่างเรียบง่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>

     เรื่องราวความประทับใจจาก Money Coach ที่มีต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 จนยกให้พระองค์เป็นครูทางการเงิน พร้อมเล่าเคสตัวอย่างของการปรับใช้หลักคิดจากพระบรมราโชวาทและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมถึงหยิบยกพระราชดำรัสที่สอนเรื่องการเงินให้กับคนไทยอย่างเฉียบแหลมและเรียบง่าย   

 


 

ครูทางการเงินของ Money Coach

     ตั้งแต่โตขึ้นมาและจำความได้ ช่วงประมาณ 2 ทุ่มจะมีข่าวในพระราชสำนักเป็นประจำทุกวัน เห็นพระองค์ทรงงานเป็นประจำทุกวันแทบจะไม่เคยพัก จนโตขึ้น Money Coach เองได้เข้าเรียนที่คณะวิศวกรรมศาสตร์​ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีโอกาสใกล้พระองค์ที่สุดก็คือเมื่อเรียนปี 1 ได้อยู่ในซองของขบวนรับเสด็จ พระองค์เสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตรให้กับรุ่นพี่ เราเป็นเด็กรุ่นน้องที่เข้าแถวอยู่ในซอง พอรถยนต์พระที่นั่งของพระองค์เคลื่อนผ่านก็ก้มลงกราบ ถือว่าเป็นความภูมิใจเล็กๆ ครั้งหนึ่งซึ่งเราในฐานะคนไทยได้ทำ

     ในตอนที่รับเสด็จก็ดีใจระดับหนึ่ง แต่สิ่งที่คาดหวังก็คือพอเรียนจบ เรามีโอกาสรับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์ ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าใครเรียนมหาวิทยาลัยในยุคนั้นก็มีความคาดหวังด้วยกันทั้งสิ้นว่า นอกจากจะประสบความสำเร็จทางการเรียนแล้วก็อยากรับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์ด้วย

     เรื่องพลิกผันนิดหนึ่งตรงที่ Money Coach เป็นคนที่ไม่ตั้งใจเรียน เลยเรียนนานกว่าเพื่อน เพื่อนๆ ที่ใช้เวลา 4 ปี Money Coach เองจบภายใน 6 ปี แต่สิ่งที่ทำให้ตกใจมากคือปีก่อนหน้าที่จะเรียนจบก็มีข่าวว่าพระองค์ทรงพระประชวรและอาจไม่เสด็จฯ มาพระราชทานปริญญาบัตรให้รุ่นต่อไป ตอนนั้นรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพราะโอกาสอยู่ในมือเราแล้ว แค่เรียนให้จบ 4 ปีตามคนอื่น แต่เราทำพลาดเอง เพราะเรียนจบช้า ทำให้ไม่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระองค์

     เมื่อถึงช่วงที่ใกล้รับปริญญาจริงๆ ก็มีข่าวดีว่าพระองค์จะเสด็จฯ มาพระราชทานให้ จำได้ว่าตื่นเต้นและดีใจมาก เมื่อถึงช่วงพิธีซึ่งจะได้ใกล้ชิดพระองค์ วันนั้นพระองค์พระราชทานพระบรมราโชวาท จำได้ว่าคือวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2541 Money Coach ตั้งใจฟังมาก เพราะเป็นเหมือนพรที่พระองค์พระราชทานให้กับเรา ไม่ใช่เพียงแค่แสดงความยินดีที่เราเรียนจบ แต่เป็นแนวทางในการดำรงชีวิต เป็นหลักในการทำงาน ดูแลชีวิตของตนเอง

     ใจความสำคัญของพระบรมราโชวาทวันนั้นคือ

 

     “การรู้จักประมาณตน ได้แก่การรู้จักและยอมรับว่าตนเองมีภูมิปัญญาและความสามารถด้านใด เพียงใด และควรจะทำงานด้านไหน อย่างไร การรู้จักประมาณตนนี้จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวาย ศึกษาหาความรู้ และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้สูงยิ่งขึ้น”

 

     Money Coach จำพระบรมราโชวาทนี้ได้ขึ้นใจ เพราะรู้สึกดีใจที่ได้รับพระราชทานปริญญาบัตร และทุกครั้งที่พบกับความวุ่นวาย พระบรมราโชวาทนี้ก็จะย้อนกลับมาเตือนใจตลอด

     การไม่ประมาณตน หยิบจับหลายสิ่งอย่างพร้อมกัน มักจะทำให้ชีวิต Money Coach เกิดปัญหาแทบทุกครั้ง ทุกวันนี้เวลาทำอะไรจะเริ่มทำเท่าที่รู้ เท่าที่ภูมิปัญญาจะไปถึง แต่เมื่อทำแล้วก็ไม่หยุดที่จะขวนขวายหาความรู้ให้เก่งขึ้น มีภูมิปัญญามากขึ้น เพื่อให้ทำในสิ่งที่ตั้งใจให้ดีขึ้นด้วย

 

หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการดำรงชีวิต

     ตอนแรกเมื่อแนวคิดการดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนี้ถูกเผยแพร่ออกมา สื่อหรือสำนักพิมพ์บางแห่งยังเข้าใจเรื่องนี้ผิด เคยมีสำนักพิมพ์หนึ่งมาสัมภาษณ์ Money Coach ลักษณะเป็นโพล ถามว่าถ้าเกิดเราซื้อมือถือเครื่องละ 8,000 บาท ถือว่าพอเพียงหรือไม่ ทั้งที่จริงๆ แล้วคำว่าพอเพียงไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาข้าวของที่ใช้ หรือไม่ก็แทบทุกครั้งที่เราเห็นสื่อของภาครัฐในยุคหนึ่ง และอาจรวมถึงยุคปัจจุบัน เมื่อจะสื่อสารคำว่าพอเพียงก็จะมีภาพสวน ไร่ นา ทั้งที่จริงคำว่าพอเพียงไม่ได้หมายถึงชีวิตเกษตรกรเพียงอย่างเดียว แต่หมายรวมถึงคนไทยทั้งประเทศ

     เมื่อ Money Coach เข้ามาศึกษาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอย่างจริงจังถึงได้รู้ว่าหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครอบคลุมได้ทั้งลึกและกว้าง ลึกซึ้งเกินกว่าคำว่าจนหรือรวย และกว้างขวางครอบคลุมคนไทยได้ทุกอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย

     3 ห่วง 2 เงื่อนไขตามหลักแนวคิดนี้คือการดำรงชีวิตบนหลักของความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน ภายใต้สองเงื่อนไขสำคัญคือความรู้คู่คุณธรรม

     Money Coach สอนเรื่องการเงินผู้คนมากมาย ยังไม่เห็นอะไรที่ดี ที่เจริญงอกงามจะหลุดไปจาก 3 ห่วง 2 เงื่อนไขตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์ได้เลย

     ทุกครั้งที่คนเราต้องตัดสินใจเรื่องราวทางการเงินหรือเรื่องของชีวิต เราสามารถนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารการตัดสินใจได้แทบทั้งหมด

 

เคสตัวอย่างการใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกับการดำรงชีวิต

     ตัวอย่างแรก เจนอยากเป็นเจ้าของรถคันหนึ่งเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทางไปทำงานหรือใช้สอยตามอเนกประสงค์ แต่ติดที่ไม่สามารถซื้อรถได้ด้วยเงินสด จึงคิดถึงการผ่อนรถเพื่อให้ได้มาซึ่งรถที่เธอต้องการใช้ ถ้าเราตั้ง 3 คำถามง่ายๆ ก็จะทำให้การตัดสินใจของเจนดีขึ้น และทำให้การตัดสินใจไม่เป็นภาระต่อชีวิต

     คำถามที่ 1 รถยนต์มีความจำเป็นสำหรับเจนจริงหรือเปล่า ทำไมต้องมีรถยนต์เป็นของตัวเอง นี่คือหลักของ ความมีเหตุผล

     คำถามที่ 2 ถ้ารถยนต์มีความจำเป็นจริงๆ รถรุ่นไหน ไซส์ไหน ที่จะทำให้การเงินของเจนไม่เป็นภาระจนเกินไป และพร้อมสำหรับการผ่อนรถในระดับไหน นี่คือหลักคิดเรื่อง พอประมาณ

     คำถามที่ 3 รายได้หายไปหรือมีรายจ่ายอื่นๆ เพิ่มเข้ามาจากในปัจจุบัน เจนมีแผนรับมือกับสภาวะดังกล่าวเพื่อให้สามารถยังผ่อนรถได้ตามปกติ เช่น มีเงินสำรองเผื่อฉุกเฉินไว้บ้างหรือไม่ นี่คือแนวคิด การมีภูมิคุ้มกัน

     ถ้าตอบได้ทั้ง 3 ข้อ ต่อให้ต้องผ่อน การซื้อรถของเจนก็ถือว่าเพียงพอได้

     ตัวอย่างที่ 2 จอมมีเงินก้อนหนึ่ง อยากเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนให้งอกเงย มีคนแนะนำจอมให้ลงทุนในหุ้น โดยให้เหตุผลว่าหุ้นให้ผลตอบแทนในระยะยาวสูงที่สุด จอมควรลงทุนตามที่เพื่อนแนะนำหรือไม่ ถ้าตั้ง 3 คำถามเหมือนเดิม

     คำถามที่ 1 เป้าหมายการลงทุนของจอมคืออะไร ที่ต้องการให้เงินงอกเงยนั้นแค่ไหน ระดับใด เพราะอะไร นี่คือหลักของความ มีเหตุผล

     คำถามที่ 2 กับเป้าหมายการลงทุนที่ต้องการ จอมควรลงทุนผ่านเครื่องมือใด และเขามีความรู้ในสิ่งที่เลือกลงทุนแค่ไหน อย่างไร ต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มหรือไม่ นี่คือหลักคิดเรื่องของ พอประมาณ

     คำถามที่ 3 จอมควรจัดสรรเงินลงทุนอย่างไร ความเสี่ยงที่จะต้องเจอมีมากน้อยแค่ไหน ถ้าหากการลงทุนเกิดผิดพลาดหรือไม่เป็นไปอย่างที่ตั้งใจ จอมมีแผนรับมืออย่างไร นี่คือหลักคิดเรื่องของ การมีภูมิคุ้มกัน

     มีเหตุผล พอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน ทั้ง 3 ข้อนี้ ถ้าเราหาคำตอบให้กับตัวเองได้ก่อนเริ่มต้นหรือก่อนการลงทุน มันจะทำให้การตัดสินใจของเราพอเหมาะพอสมกับตัวเอง หรืออยากเอาไปประยุกต์ใช้กับการตั้งเป้าหมายของชีวิตก็ได้ เช่น จุกตั้งใจอยากจะศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ จึงเริ่มต้นวางแผนและลงมือทำตามความใฝ่ฝันของตัวเอง

     คำถามที่ 1 ทำไมจุกถึงอยากเรียนด้านวิศวกรรมศาสตร์ เรียนด้านนี้ดีอย่างไร ถ้าได้เป็นแล้วจะทำอะไร นี่คือหลักคิดของความ มีเหตุผล

     คำถามที่ 2 รู้หรือยังว่าถ้าสอบเข้าและได้เป็นวิศวกรจะต้องมีความรู้อะไรบ้าง ระดับไหน รู้หรือยังว่าตัวเองมีความรู้แค่ไหน เพียงพอหรือไม่ ต้องเรียนเสริมอะไรและด้านอื่นๆ อย่างค่าใช้จ่าย ต้องเตรียมพร้อมแค่ไหน นี่คือหลักคิดเรื่องของ พอประมาณ

     คำถามที่ 3 อัตราแข่งขันของสาขานี้เป็นอย่างไร ต้องเตรียมตัวอย่างไร หากสอบตรงไม่ได้ มีทางเลือกอื่นๆ ที่จะได้เรียนเป็นวิศวกรได้หรือเปล่า ถ้าพลาดปีนี้ มีแผนในปีหน้าอย่างไร อันนี้คือหลักคิดเรื่องของการ มีภูมิคุ้มกัน

     จะเห็นได้ว่าทั้ง 3 คำถามเป็นหลักในการสร้างความสำเร็จ เมื่อเปรียบเทียบกับตำราฝรั่งหลายเล่ม คนเราถ้าเริ่มต้นด้วยการมีเหตุผล หรือตรงกับภาษาอังกฤษว่า Strong Why คือถ้าเรามีเหตุผลที่เข้มข้นหรือทรงพลังมากพอ ก็จะเป็นแรงผลักทำให้เรามุมานะและมุ่งมั่นในสิ่งที่เราต้องการ

     หลักความพอประมาณจะเป็นเรื่องทักษะความรู้ความสามารถ ตำราฝรั่งพูดกันเป็นประจำว่าคนเราไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เกินขีดความสามารถของตัวเอง หลักพอประมาณของในหลวงรัชกาลที่ 9 จึงเรียบง่าย ใช้ภาษาง่ายๆ เพราะฉะนั้นถ้าเรายังห่างไกลจากจุดที่เรียกว่าความสำเร็จ เราก็ต้องเพิ่มเติมให้กับตนเอง และสุดท้าย เรื่องของการบริหารความเสี่ยง การบริหารความผิดหวัง หากเราไม่ได้ในสิ่งที่เราต้องการ เรามีแผนหรือวิธีการจัดการอย่างไร ใช้ได้หมดเลยไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายบริหารชีวิต หรือแม้กระทั่งเรื่องการเงิน

     คำถามที่ถามในแต่ละข้อยังแตกออกมาได้อีกมากมาย เพียงเรายกหลักคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาตั้งเป็นโจทย์ง่ายๆ ก็สามารถทำให้เรื่องเงินๆ ทองๆ หรือแผนการในชีวิตที่เรากำลังตัดสินใจมีหลักคิด หลักปฏิบัติที่ปลอดภัยต่อสถานะทางการเงินและความต้องการของเราได้อย่างมากมาย เพราะฉะนั้นแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงนี้จึงเป็นหลักปรัชญาที่ลึกซึ้งและทรงคุณค่ามากกว่าที่หลายคนเข้าใจ และควรที่จะยึดถือเป็นหลักปฏิบัติ เพื่อทำให้ชีวิตเรามีสุขภาพชีวิตที่ดี ทั้งสุขภาพจิตและสุขภาพการเงิน

 

ในหลวงรัชกาลที่ 9 กับเรื่องการเงิน

     เรื่องของการเงินกับพระองค์มีอีกเรื่องที่ประทับใจมาก แต่เป็นเรื่อง Money Coach มาทราบภายหลังจากที่พระองค์เสด็จสวรรคต และกลับมาไล่เรียงศึกษาเรื่องที่พระองค์เคยตรัส เคยพระราชทานพระบรมราโชวาทให้กับคนไทย พบว่ามีเรื่องราวดีๆ ซ่อนอยู่เยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องการเงิน ซึ่ง Money Coach ก็เพิ่งได้มาเข้าใจมันเมื่อไม่นานมานี้เอง

     มีความตอนหนึ่งในพระบรมราโชวาทของพระองค์ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2540 เชื่อว่าปีนี้เป็นปีที่หลายคนจำได้ชัดเจน เพราะเป็นปีที่ประเทศไทยประสบวิกฤตทางการเงินอย่างหนักหน่วง เมื่อได้มาย้อนอ่านพระราชดำรัส พบว่าพระราชดำรัสวันนั้นเป็นเรื่องการเงินล้วนๆ เป็นเรื่องที่แม้กระทั่งโค้ชการเงินอ่านครั้งแรกก็คร่าวๆ เกินไป จึงเข้าใจได้ไม่ลึกซึ้ง มีข้อความตอนหนึ่งซึ่งประทับใจมาก และรู้สึกผิดอย่างมหันต์ที่อ่านข้อความนี้ข้ามๆ ไป ความว่า

 

     “เมื่อ 40 กว่าปี มีผู้หนึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยมาขอเงิน ที่จริงก็เคยได้ให้เงินเขาเล็กๆ น้อยๆ อยู่เรื่อยๆ เขาบอกไม่พอ เขาก็ขอยืมเงิน เขากู้เงิน เมื่อเขาขอกู้เงินก็บอกว่า เอ้า ให้ แต่ขอให้เขาทำบัญชีรายรับ บัญชีรายจ่าย รายรับก็คือเงินเดือนของเขา ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย และเงินที่อุดหนุนเขา ส่วนรายจ่ายก็เป็นของที่ใช้ในครอบครัว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ครั้งนั้นไม่เข้าใจ ไม่เคยเห็น คือไม่เคยทราบ มีรายการหนึ่งบอกว่าค่าแชร์ แล้วอีกตอนหนึ่งก็มีค่าแชร์อีก ถามเขาว่าแชร์คืออะไร เขาก็อธิบายว่าเป็นเงินที่จ่ายให้กับเจ้ามือ จ่ายให้เขาทุกเดือน เมื่อเดือดร้อนก็ขอประมูลแชร์ได้ แต่การประมูลนี้ก็หมายความว่า สมมติว่าแชร์หนึ่งต้องเสียเดือนละ 100 บาท เขาก็จะได้รับคล้ายๆ เงินกู้ ควรจะได้เงิน 1,200 บาทต่อปีหนึ่ง โดยให้ 100 บาทต่อเดือน ก็ควรจะดี แต่เขาไม่ได้รับ 1,200 บาท เขารับราวๆ 800 บาท หรือ 700 บาทเท่านั้น แล้วแต่จะประมูลได้ คนที่มีเงินเขาจะไม่ประมูล เขาทิ้งไว้ในแชร์นั้น ถึงเวลาเขาก็จะได้เงินกลับคืนมาเต็มเม็ดเต็มหน่วยบวกดอกเบี้ย ถามเขาว่าทำอย่างนี้สามารถที่จะหมุนเงินได้หรือเปล่า แล้วก็ถามเขาว่าทำไมจ่ายค่าแชร์แล้วยังจ่ายแชร์ซ้ำอีกทีหนึ่ง เขาบอกว่าสำหรับจ่ายแชร์เดือนนั้น เขาต้องออกมาทำแชร์สัปดาห์คือ 7 วัน 7 วันนี้เขาก็เปียแชร์มาสำหรับไปใช้ค่าแชร์เดือน เขาก็นึกว่าเขาฉลาด ความจริงแชร์นี่ไม่ใช่เฉพาะคนนี้เท่านั้น แต่มีไปทั่วทุกแห่ง ทั้งทางราชการ ทุกกระทรวงทบวงกรมก็มี ทุกบริษัท ทุกส่วน แม้จะเอกชนเขาก็มีแชร์ได้ บอกให้เขาเลิกแชร์ เลิกแล้วให้ทำบัญชีต่อไป ทีหลังเขาทำบัญชีมา เขาไม่ขาดทุนแล้ว เขาสามารถที่จะมีเงินพอใช้ เพราะบอกให้เขาทราบว่ามีเงินเดือนเท่าไร จะต้องใช้ภายในเงินเดือนของเขา การทำแชร์นี้เท่ากับเป็นการกู้เงิน การกู้เงินที่นำมาใช้ในสิ่งที่ทำไม่รายได้นั้น ไม่ดี อันนี้เป็นข้อสำคัญ เพราะว่าถ้ากู้เงิน และทำให้มีรายได้ได้ ก็เท่ากับจะใช้หนี้ได้ ไม่ต้องติดหนี้ ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องเสียเกียรติ”

 

     นี่เป็นข้อความบางส่วนจากพระราชดำรัสในวันนั้น ที่อ่านแล้วรู้สึกสะดุดก็คือข้อความสุดท้าย ‘การกู้เงินที่นำมาใช้ในสิ่งที่ไม่ทำรายได้นั้นไม่ดี เพราะว่าถ้ากู้เงินและทำให้มีรายได้ ก็เท่ากับจะใช้หนี้ได้ ไม่ต้องติดหนี้ ไม่ต้องเดือดร้อน ไม่ต้องเสียเกียรติ’ ที่บอกว่าสะดุดใจเพราะ Money Coach เป็นคนแปลหนังสือดังเล่มหนึ่งชื่อ Rich Dad Poor Dad หรือ พ่อรวยสอนลูก ซึ่งหลักคิดที่โด่งดังของเขาก็คือการนำเสนอแนวคิดการแยกแยะทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมกับสอนด้วยว่าคนเราไม่ควรกลัวการเป็นหนี้ เพราะในโลกนี้ก็ยังมีหนี้ที่ดีและหนี้ที่ไม่ดี คนสมัยก่อนมักเตือนกันว่าการไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ แต่ในโลกการเงินยุคใหม่ การเป็นหนี้อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ถ้าเราสร้างหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ เหมือนประโยคสุดท้ายในพระราชดำรัสเมื่อสักครู่ ที่สะดุดใจก็เพราะว่าหนังสือ พ่อรวยสอนลูก โรเบิร์ต คิโยซากิ เขียนขึ้นใน ค.ศ. 1997 ตรงกับ พ.ศ. 2540 แต่เขียนและพิมพ์จำหน่ายเอง จึงยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก จนได้ออกรายการของโอปราห์ วินฟรีย์ ใน ค.ศ. 1999 จึงดังเป็นพลุแตก และเซ็นสัญญากับสำนักพิมพ์ใหญ่อย่างวอร์นเนอร์บุ๊กจนเผยแพร่ไปทั่วโลก และหนังสือเล่มนี้ก็เข้ามาในเมืองไทยประมาณ ค.ศ. 2001 หรือ พ.ศ. 2544 และเป็นหลักคิดที่คนไทยนำมาสอนกันต่อเนื่องยาวนาน เวลาสอนก็จะอ้างอิงถึงหนังสือ พ่อรวยสอนลูก ที่รู้สึกเสียใจก็คือพระองค์ทรงสอนเรื่องนี้ให้กับคนไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2540 แล้ว พูดก่อนที่หนังสือเล่มนี้จะเข้ามาในเมืองไทยเสียอีก แต่เพราะค่อยมีใครหยิบหรือนำแนวคิดของพระองค์มาปรับใช้ ทำให้ปัจจุบันหนี้จนก็ยังเป็นปัญหาที่อยู่คู่กับคนไทยเสมอมา

     หากย้อนกลับไปอ่านพระราชดำรัสใน พ.ศ. 2540 กันอีกสักครั้ง พระองค์สอนเรื่องการเงินส่วนบุคคลเยอะมาก ตัวอย่างที่หยิบมาเป็นเพียงหนึ่งกรณีศึกษาจากกรณีจริงที่มีอยู่ถึง 5 กรณีศึกษา อาจจะด้วยเหตุว่าปีนั้นเป็นปีที่ประเทศไทยกำลังมุ่งมั่นก้าวสู่การเป็นเสือเศรษฐกิจ แต่พลาดจนเศรษฐกิจต้องล้มระเนระนาด เนื้อความในพระราชดำรัสจึงมุ่งเน้นในเรื่องนี้เป็นพิเศษ และพระราชดำรัสในปีนี้พระองค์ยังทรงอธิบายเรื่องความแตกต่างระหว่างเศรษฐกิจการค้ากับเศรษฐกิจพอเพียงไว้อย่างแยบคาย สั้น แต่ชัดเจนและได้ใจความมาก

     สำหรับ Money Coach เอง เมื่ออ่านพระราชดำรัสในปีนี้จบ พบว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เกิดในแผ่นดินของพระองค์ รู้แล้วว่าใครคือพ่อที่สอนให้ลูกรวยได้อย่างเรียบง่าย และผลักดันเรื่องนี้ให้กับลูกทุกคนได้รับรู้อย่างแท้จริง

 


 

Credits
The Host จักรพงษ์ เมษพันธุ์

 

Show Creator จักรพงษ์ เมษพันธุ์

Episode Producer เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Music Westonemusic.com และณัฐวัฒน์ แสงวิจิตร

The post ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในบทบาทของพ่อที่สอนลูกเรื่องเงินได้อย่างเรียบง่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘ดอยคำ’ ทำธุรกิจบนความจริงใจ ใช้ศาสตร์พระราชา และก้าวหน้าทันยุคสมัย https://thestandard.co/podcast/thesecretsauce09/ Thu, 19 Oct 2017 04:01:06 +0000 https://thestandard.co/?post_type=podcast&p=35888

     อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์ช […]

The post ‘ดอยคำ’ ทำธุรกิจบนความจริงใจ ใช้ศาสตร์พระราชา และก้าวหน้าทันยุคสมัย appeared first on THE STANDARD.

]]>

     อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของแบรนด์ชั้นนำด้านอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่ได้รับการจัดตั้งจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เพื่อช่วยแก้ปัญหาสังคมของชาวเขาในเขตทุรกันดาร

     เส้นทางกว่า 40 ปี พิสูจน์ให้เห็นถึงความเติบโต คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และการช่วยเหลือสังคมได้อย่างยั่งยืน แถมยังเป็นแบรนด์ที่ก้าวทันโลกและสื่อสารกับคนยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี

     เคน-นครินทร์ คุยกับคุณพิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด

 


 

     จุดเริ่มต้นของ ‘ดอยคำ’ มาจากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จประพาสชาวเขาในถิ่นทุรกันดารทางภาคเหนือ พระองค์ทรงเห็นความยากลำบาก เห็นการปลูกฝิ่น ทำไร่เลื่อนลอย จึงจัดตั้งโครงการหลวงพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขา ส่งเสริมให้ปลูกพืชเมืองหนาวทดแทนอย่าง บ๊วย ท้อ และสตรอว์เบอร์รี และต่อมาทรงมีพระราชดำริจัดตั้งโรงงานหลวงฯ เพื่อรับซื้อ แปรรูป และจัดจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านภายใต้แบรนด์ ‘ดอยคำ’

 

02.35

เบื้องหลังคำว่าดอยคำ

     มาจากการเปลี่ยนดอยฝิ่นให้เป็นดอยแห่งทองคำ มันเกิดจากการที่พระองค์ทรงคิดโดยรอบจนตกผลึกแล้วจึงแก้ปัญหา ปัญหาฝิ่นจึงหมดไปจากประเทศไทยได้ เรื่องนี้มีคนจาก UN และที่ต่างๆ ขอเข้ามาศึกษาดูงาน ถอดบทเรียนไปมากมาย แต่สิ่งที่คนอื่นไม่มีคือความเป็น Charisma จากพระเจ้าแผ่นดิน

 

“ความสำเร็จในทุกโครงการที่พระองค์ทรงคิดเกิดจากแรงศรัทธาที่ทำโดยไม่หวังผลตอบแทน”

 

ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุด
     น้ำมะเขือเทศขายดีมากทั้งในประเทศและต่างประเทศ ถึงแม้จะมีคนที่บอกว่าดื่มไม่ได้ รสชาติไม่ดี แต่คนส่วนใหญ่ที่ไม่ออกความเห็นอะไร ดื่มน้ำมะเขือเทศทุกคน มันเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมาตั้งแต่เริ่ม

 

 

07.44

การทำงานภายใต้โครงการหลวง ทำให้ทำงานยากหรือง่ายขึ้นไหม

     ผมคิดว่าไม่ยาก เพียงแต่ต้องเข้าใจคอนเซปต์ของศาสตร์พระราชาก่อน ผมกำลังจะสร้างโมเดลว่าถ้าคุณมีความเพียงพออยู่ในจิต คุณจะทำธุรกิจได้อย่างมีความสุข ดอยคำทำทุกอย่างด้วยความจริงใจกับทุกคน
     ถ้าคุณเห็นกล่องดอยคำ ไม่ว่ารูปบนกล่องเป็นพืชพันธุ์อะไร ของข้างในก็เป็นพืชชนิดเดียวกันเสมอ อย่างน้ำลิ้นจี่เป็นสายพันธุ์ฮงฮวย ก็เอารูปลิ้นจี่พันธุ์นั้นมาใส่ ไม่ได้เอารูปลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิมาใส่ ส่วนรูปแมลงที่อยู่หน้ากล่อง สะท้อนถึงเรื่องของระบบนิเวศ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงตรัสตลอดเวลา แมลงบนกล่องหมายถึงตัวห้ำตัวเบียนที่ช่วยผสมพันธุ์พืช สื่อให้เห็นว่าแบรนด์ดอยคำปราศจากสารเคมีต่างๆ แมลงสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ เป็นการอยู่ร่วมกับระหว่างคน พืช และแมลงอย่างมีความสุข
     ราคาของสินค้าดอยคำแต่ละชนิดในตลาดไม่เท่ากัน ตัวไหนวัตถุดิบแพงเราก็ขายแพง ตัวไหนวัตถุดิบถูกเราก็ขายถูก ไม่เอามาเฉลี่ยแบ่งกลุ่มราคา เราคิดจากต้นทุน บวกค่าดำเนินการ และกำไรตามที่ตั้งเป้าไว้ แค่นั้นพอแล้ว
ดังนั้นถ้าคุณมีความเพียงพอ คุณสามารถทำอะไรได้ตั้งหลายอย่าง สิ่งที่ดอยคำอยากบอกคือ ถ้าซื้อสินค้าดอยคำคุณจะไม่มีวันโดนหลอก

 

มีวิธีบาลานซ์อย่างไรในเมื่อต้องทำธุรกิจแบบพอเพียงในขณะที่ต้องมีกำไรด้วย

     เราเป็นธุรกิจเพื่อสังคมในร่มใหญ่คือกิจการเพื่อสังคม เราต่างจากคนอื่นนิดหน่อยตรงที่มีคำว่าธุรกิจเป็นกรอบในการดำเนินงาน ดอยคำหวังผลกำไรแน่นอน เพราะถ้าไม่มีกำไร เราก็ไม่มีความยั่งยืน
     เราทำกำไรดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ เรายุติธรรมกับคนกลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
     กลุ่มแรกคือเกษตรกร หัวใจสำคัญ เราทำตามแนวพระองค์ ท่านทรงตรัสไว้ว่า คุณมีหน้าที่ทำอะไร คุณทำสิ่งนั้นให้ดี เกษตรกรมีหน้าที่ปลูกพืช เพราะฉะนั้นการปลูกพืชให้มีคุณภาพดีที่สุดเป็นหน้าที่ของเกษตรกร เกษตรกรต้องส่งพืชผลที่ดีเข้าโรงงานเท่านั้น ถ้าคุณส่งของเสียมา เราก็ไม่ได้วัตถุดิบที่ดีมาทำสินค้า กลยุทธ์ของผมคือราคาตลาดซื้ออยู่เท่าไหร่ ผมจะซื้อให้สูงกว่าราคาตลาด แต่ถ้าคุณเอาของเสียมาเมื่อไหร่ เราก็ตัดราคาเต็มเหนี่ยวเช่นกัน ถ้าคุณเอาของเสียมา 10% คุณโดนตัดราคาไป 10% แต่ถ้าคุณเอาของดีมา 100% คุณได้เพิ่มทันที เป็นการสอนให้เกษตรกรตระหนักรู้ว่าการทำของดีสำคัญ มันได้ประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งกับตัวเขาเองและโรงงาน เราสอนให้เกษตรกรรู้ว่าการทำเกษตรที่ดีเป็นอย่างไร มีทีมเข้าไปส่งเสริมให้ความรู้กับเขา

     กลุ่มต่อมาคือผู้บริโภค เราต้องผลิตสินค้าที่ดีให้ผู้บริโภค เรามองไปถึงความแฟร์หลายเรื่อง อย่างสองปีก่อนราคาน้ำมันขึ้น สินค้าในท้องตลาดขึ้นราคาหมด และเมื่อราคาน้ำมันลง ดอยคำประกาศลดราคาสินค้าทุกตัวโดยไม่มีกำหนดขึ้น เพราะตอนราคาน้ำมันขึ้น เราผลักภาระให้ผู้บริโภค แต่พอราคาน้ำมันลง ไม่มีใครลดราคาสินค้าลงเลย ธุรกิจของพระองค์ต้องแฟร์กับทุกคน

     กลุ่มสุดท้ายคือสิ่งแวดล้อม เราไม่ทำอะไรเสียหายกับเขาเลย

 

15.36

อุปสรรคและความท้าทายของดอยคำตอนนี้คืออะไร

     อุปสรรคเยอะแยะครับ เรายึดหลักตามความเป็นพระมหาชนก ที่พระองค์ทรงสอนไว้ว่า การที่พระมหาชนกว่ายน้ำไปอย่างไม่เห็นฝั่ง แต่ก็ยังพยายามว่ายต่อไป ถ้าเรามองปัญหานี้เป็นเหมือนปัญหาที่พระองค์ทรงแก้มาตลอดพระชนม์ชีพ ท่านก็ยังทรงแก้มาตลอด สำเร็จหรือไม่ก็มีความพยายามที่จะทำ เราพยายามสร้างเกษตรแปลงใหญ่ เกษตรประณีต จ้างเด็กรุ่นใหม่เข้ามาสอนเกษตรกรให้ปลูกพืชเป็น ทำการเกษตรแบบสมัยใหม่ ไม่ใช่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินเหมือนเดิม ดังนั้นความท้าทายมันจะไม่เห็นผลในช่วงสั้นๆ มันอาจเห็นผลในอีก 50 ปีข้างหน้า ตอนนี้เด็กรุ่นใหม่อาจรู้สึกว่า ใครทำนาตัวดำหน้าดำ ฉันทำไม่ได้ แต่จริงๆ มันไม่ใช่แล้ว เพราะเดี๋ยวนี้มันมีเทคโนโลยีมาช่วย รถไถมีหลังคาคลุมมีแอร์ ของพวกนี้เทคโนโลยีมันทำให้คุณอยู่ได้อย่างมีความสุข ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไรก็แล้วแต่

     ประเทศไทยเป็นประเทศที่ทำเรื่องเกษตร จุดแข็งของเราคือเกษตร ไม่ว่าคุณจะทำธุรกิจอะไร คุณต้องกลับมามองพื้นฐานของเรา พระองค์ทรงสอนให้มองภูมิสังคม เราควรทำการวิจัยและพัฒนาเกษตรของบ้านเราให้เป็นครัวของโลก ตลอดชาตินี้จนโลกแตก ถ้ามนุษย์ไม่กินแคปซูลเป็นอาหาร ยังไงประเทศไทยอยู่ได้แน่นอน แต่คุณต้องทำของที่มีคุณภาพเท่านั้น

 

18.00

เหตุผลในการรีแบรนด์ ปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์แพ็กเกจจิ้งให้เข้าถึงคนรุ่นใหม่

     โลกเปลี่ยนไปทางไหน ใครเป็นอย่างไร คุณต้องรู้ ถ้าคุณไม่รู้ คุณขายของไม่ได้ ไม่ใช่แค่เราที่มีปัญหา เกษตรกรก็มีปัญหา

     เราทำวิจัย ทำมาร์เก็ตรีเสิร์ชเหมือนธุรกิจอื่นๆ แต่ต้องตัดสินใจบนความเป็นแบรนด์ ที่สะท้อนความเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ คือรัชกาลที่ 9 ท่านทรงสง่างามเสมอ ไม่มีเวลาไหนที่ไม่สง่างามเลย เรียบง่ายอย่างที่ทุกคนเห็น ดังนั้นสิ่งที่เห็นบนกล่องหรือในแบรนด์เป็นเรื่องที่สะท้อนความโก้และเรียบง่ายของพระองค์

     เรามองว่าอนาคตของดอยคำคือ ในร้านค้าสินค้าดอยคำจะอยู่เป็นกลุ่มรวมกัน ถ้าลูกค้าเห็นเขาจะรู้ทันทีว่ากลุ่มนี้คือดอยคำ

 

     ส่วนตัวโลโก้เป็นสิ่งที่พระองค์พระราชทานไว้ เราเอามาปรับให้ดูทันสมัยขึ้น

     รูปวงกลมสีเหลืองทองหมายถึง ดวงอาทิตย์ สัญลักษณ์ผู้ให้กำเนิด ให้ความอบอุ่น ทุกคนมีความสุขอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์
     รูปจั่วสีเขียวเข้ม หมายถึง ภูเขาในภาคเหนือ เป็นภูเขาสีเขียวแห่งความอุดมสมบูรณ์
     รูปจั่วสีเขียวอ่อน หมายถึง ลักษณะหน้าจั่วของบ้านไทยในภาคเหนือ เป็นองศาจริงๆ ซึ่งเป็นจุดกำเนิดโครงการและเปรียบได้ดั่งราษฎรในผืนแผ่นดินไทย
     รูปหยดน้ำเป็นเลข ๙ หมายถึง น้ำพระทัยของพระองค์ที่หยดลงบนภูเขา และทำให้เกิดความอุดมสมบูรณ์ ทำให้ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข รวมกันมาแล้วมันคือแบรนด์ที่ให้ความสุข ให้ความอบอุ่นกับราษฎรของพระองค์ในประเทศ

 

 

ทำอย่างไรให้ทันสมัยได้ขนาดนี้
     จริงๆ เป็นภาพจากคนข้างนอกมอง เราเองคิดว่ายังไม่ทันสมัยเท่าที่ควร การจะเปลี่ยนอะไรในองค์กร คุณต้องเปลี่ยนที่หัวก่อน เราอยากเป็นอย่างไร เปลี่ยนที่ตัวเราก่อน แล้วค่อยๆ เปลี่ยนคนอื่น โดยเป็นโมเดลให้คนอื่นเห็นว่าเราทำอะไร คิดอะไร ไปทางไหน โลกเปลี่ยนไปอย่างไร อธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ว่าเราทำอันนี้เพราะอะไร ทุกคนต้องการเหตุผล ถ้าคุณมีเหตุผลที่ดี เค้าพร้อมเปลี่ยน
     ผมไปเยี่ยมโรงงานดอยคำแทบทุกเดือนมาเป็นสิบปี ไปคุยกับชาวบ้าน คุยกับคนที่ทำงานให้ ซึ่งมีตั้งแต่จบ ป.4 ยันปริญญาตรี ช่องว่างมันค่อนข้างกว้าง การสื่อสารเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าตำแหน่งซีอีโอไม่ลงไปเอง ไม่มีทางสื่อสารได้เลย


คุณเดินช้าเท่ากับคุณถอยหลัง คุณเดินก้าวทันโลกเท่ากับคุณอยู่กับที่ ถ้าคุณวิ่งถึงจะเอาชนะคนอื่นได้ พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า You have to keep one step ahead หนึ่งก้าวหน้าคนอื่นเสมอ คุณจึงจะอยู่ได้”

 

 

คลิปดอยคำขอโทษมีที่มาอย่างไร
     คำว่า ‘ขอโทษ’ จะออกจากปากมนุษย์เป็นสิ่งที่ยากที่สุด เราทำอะไรกับเพื่อนหรือแฟนก็ดี คิดไหมว่าเค้าผิดหรือเราผิด เค้าผิดก่อนแน่นอน ฉันไม่ผิด ฉันไม่ขอโทษแน่นอน สิ่งที่เราพูดคือเราจริงใจ เราขอโทษ ขอโทษที่น้ำมะเขือเทศไม่อร่อย ดูได้จากรีวิวมากมายในเฟซบุ๊ก ถ้าคุณรับประทานไม่ได้ก็ขอโทษ แต่มีคนอีกตั้งเท่าไหร่ที่เค้ารับประทานได้ คุณลองสิ
     ราคาเราบอกว่ามันแพง คุณเทียบกับเจ้าอื่นหรือยัง ราคาของเราวาไรตี้ คุณอยากกินที่ถูกหน่อย ก็เลือกผลไม้ตัวอื่น มีให้เลือกตั้งเยอะแยะ เราก็ขอโทษ ราคาที่มันเปลี่ยนเพราะราคาไม่เท่ากัน

     รสชาติไวน์ในแต่ละช่วงต่างกัน น้ำส้มของเราก็เหมือนกัน คนบอกว่าน้ำส้มปีนี้จืด ก็ปีนี้น้ำเยอะ ส้มมันก็จืดลง ถ้าอยากให้มันหวานเท่ากัน เราต้องใส่น้ำตาล แต่ผู้บริโภคก็ไม่อยากได้

 

27.17
ตอนนี้ผลิตภัณฑ์มีกี่รายการ
     กว่าร้อย ​SKU มีอบแห้ง มีน้ำพร้อมดื่ม มีน้ำเข้มข้น มีแยม มีแช่แข็ง มีอีกเยอะมาก

 

วิธีคิดมาจากไหน
     มวยวัดครับ ปัจจุบันเริ่มมีวิชาการมาช่วยบ้าง แต่ก่อนอะไรที่เกษตรกรทำ เราซื้อเข้ามาแปรรูปหมด เพื่อช่วยให้เขาสามารถอยู่ได้ พระองค์ทรงรับสั่งไว้ว่า เราไปช่วยให้เค้าช่วยตัวเองได้
     จริงๆ การที่สินค้าเราเยอะ ทำให้ขายลำบากขึ้นมาก โรงงานเดียวผลิตสินค้า 40-50 ชนิด มันไม่มียูนิตี้อยู่ในนั้น กว่าจะคุมงบประมาณได้ยากมาก แต่ทำเพราะเรามีความพออยู่ในใจ การที่เรามีความพอ ทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น เราไม่ต้องไปแข่งกับใคร เวลามีคนถามว่า ดอยคำมีคู่แข่งไหม สามารถตอบได้เต็มปากเต็มคำ เราไม่เคยมีคู่แข่งเลยแม้แต่เจ้าเดียว เราไม่เคยคิดว่าใครเป็นคู่แข่งด้วย เราทำในสิ่งที่เขาไม่ทำ เราเป็นเพื่อนอยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน

 

อยากได้ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มไหม จากที่มีส่วนแบ่งทางการตลาด 26% ของธุรกิจน้ำผลไม้พร้อมดื่มของไทย
     สิ่งเหล่านั้นมาเอง เราไม่เคยตั้งเป้าว่าอยากเป็นเท่าไหร่ และไม่เคยอยากเป็นที่หนึ่ง การเป็นที่หนึ่งจะถูกคนจับตามองมากขึ้น จะถูกอ้างอิงจากทุกอย่าง และจะต้องรักษาให้ได้

     เรามีเป้าของเรา แต่ไม่ทำไปแข่งกับเขา อะไรที่คนอื่นทำแล้วดีให้เขาทำ เราทำของที่เราค่อยๆ คิดมา อย่างเช่นน้ำมะขามป้อมเป็นยาแบบไทยๆ ไม่มีใครทำเราก็ทำ น้ำฟักข้าวมีวิตามินเอมากกว่าแครอตหลายเท่า ช่วยเรื่องสายตา

วิธีคิดในการสร้างสินค้าใหม่ๆ อย่างน้ำมะเขือเทศ แตกไลน์เพิ่มเป็นม็อกเทล น้ำเจียวกู้หลาน ใช้ดอกคำฝอย ใช้หญ้าหวานเป็นเจ้าแรกๆ
     เคสน้ำมะเขือเทศ คิดว่าจะทำอย่างไรให้เด็กรุ่นใหม่บริโภค เพราะถ้าคนบริโภคน้ำมะเขือเทศมากขึ้น ย่อมหมายความว่าเกษตรกรภาคอีสานจะปลูกได้มากขึ้น

 

“วิธีคิดมาจาก Creating shared value ไม่ได้คิดเป็น Corporate social responsibility ทุกคนต้องได้ประโยชน์จากการทำสิ่งนี้”



     การทำน้ำมะเขือเทศเป็นม็อกเทล เราเอาน้ำสตรอว์เบอร์รี น้ำเสาวรส น้ำส้ม ที่มีอยู่แล้วมามิกซ์กัน ถ้าเขาดื่มได้ และรู้ว่าน้ำมะเขือเทศเป็นของดี พอเริ่มทานอันนี้ได้ รับรสได้ ค่อยเปลี่ยนมาเป็นน้ำมะเขือเทศ 99% ไปเลย ดีต่อร่างกาย แถมประหยัดกว่าการซื้อวิตามินแคปซูลมากินด้วย


     เคสหญ้าหวาน มันเป็นเทรนด์ของตลาดที่บอกว่าน้ำตาลเป็นสิ่งไม่ดี สำหรับผมมันผิดนะ น้ำตาลไม่ใช่ไม่ดี เด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 17-18 ปี ถ้าคุณไม่กินน้ำตาล หรือกินแต่หญ้าหวานจะไม่ได้พลังงานมาสร้างเซลล์ในร่างกายให้เติบโต การตัดสินใจบริโภคน้ำตาลหรือความหวานมันอยู่ที่ตัวคน เราออกตัวนี้มาสำหรับคนที่ไม่สามารถบริโภคน้ำตาลได้แล้ว แต่ถ้าใครจะเลือกทางนี้ด้วยก็แล้วแต่คุณ เป็นแนวคิดที่เราทำมาเพื่อผู้บริโภค

 

 

35.20

การขยายตลาด
     เป้าหมายของเราตอนนี้อยากขยายร้านแฟรนไชส์ให้ไปอยู่ต่างจังหวัด เพราะยิ่งขยายพื้นที่ คนไทยจะยิ่งได้บริโภคของที่ดี ก่อนจะเอาไปให้ต่างชาติบริโภค นอกจากนั้นแล้วในร้านดอยคำ เราเปิดโอกาสให้เจ้าของร้านเอาสินค้าโอทอป สินค้าในพื้นที่เข้ามาขายได้ และถ้าสินค้าไหนน่าสนใจ มีศักยภาพที่จะโตได้ สามารถเข้ามาคุยกับเราให้ช่วยทำแบรนด์ได้ เป็นการขยายรากแก้วให้โตขึ้น

 

วิธีการเลือกคนเปิดแฟรนไชส์
     เลือกจากคนที่เห็นแก่สังคม คนที่คิดว่าตัวเองจะสามารถช่วยเหลือสังคมได้อย่างไรบ้าง ไม่ใช่เดินเข้ามาหาดอยคำแล้วถามก่อนเลยว่าตัวเองจะมีกำไรเท่าไหร่ อย่างร้านดอยคำสาขาหาดใหญ่ที่เพิ่งเปิด เปิดร้านตั้งร้อยกว่าตารางเมตร เขาขอให้พื้นที่ร้านตัวเองเป็นแหล่งรวมสำหรับพัฒนาคนในร้านดอยคำ อยากมีสัมมนา อยากจัดกิจกรรมอะไร มาที่ร้านเขาได้เสมอ เราเรียกร้านแฟรนไชส์เหล่านี้ว่า ครอบครัวดอยคำ ทุกอย่างที่ร้านดอยคำได้ร้านครอบครัวดอยคำก็จะได้เช่นกัน

 

39.06

ตอนนี้ทุกคนออกมาพูดเรื่อง digital transformation ดอยคำมีแผนจะทำบ้างไหม

     อีคอมเมิร์ซมาแน่นอน กำลังทำอยู่ และเรากำลังจะมีดอยคำ 4.0 เหมือนกัน เราจะทำกับเกษตรกร เช่น ปัจจุบันเกษตรกรทุกคนมีสมาร์ทโฟน เราสร้างแอปพลิเคชันของดอยคำที่สามารถบอกได้เลยว่า ถ้าคุณปลูกสตรอว์เบอร์รีถึงวันที่เท่าไหร่ คุณต้องใช้ปุ๋ยอย่างไร ในปริมาณเท่าไหร่ วันนี้คุณเริ่มตัดแต่งใบได้แล้ว หรือถ้าเกษตรกรไม่มั่นใจตัวนี้ว่าใช้ได้ไหม เขาสามารถถ่ายส่งมาในไลน์ เรามีหมอพืชสามารถตอบได้ทันที ตอนนี้เรามีไลน์กรุ๊ปคุยกับเกษตรกร

 

42.16

วิสัยทัศน์ในอนาคตของดอยคำ

     ดอยคำจะเป็นสิ่งที่ระลึกถึงของคนในอนาคตอีกหนึ่งถึงสองร้อยปี เมื่อพูดถึงดอยคำเมื่อไหร่ คนต้องนึกถึงรัชกาลที่ 9 นี่คือสิ่งที่พระราชทานไว้ให้แก่คนไทยทุกคนในแง่ของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาสังคม

 

“พอเพียง ทุกอย่างอยู่กับคำว่าพอ จิตคุณพอเมื่อไหร่ เมื่อนั้นคุณจะทำทุกอย่างได้อย่างมีความสุข”

 

45.32
The Secret Sauce
     
1. ทำธุรกิจด้วยความจริงใจ ถ้าคุณซื้อสินค้าของดอยคำจะมั่นใจได้ว่าไม่มีวันโดนหลอก ทำให้ผู้บริโภคเชื่อมั่นมาตลอด 40 ปี     
     
2. ก้าวนำคนอื่นเสมอ เริ่มจากเปลี่ยนที่ตัวหัวหน้าเองก่อน ต้องเปลี่ยน เพราะโลกมันหมุนทุกวัน ถ้าเดินช้าเท่ากับถอยหลัง ถ้าอยากนำหน้าต้องวิ่ง   
     
3. สร้างประโยชน์ร่วมกัน ไม่ได้สร้างสินค้าจากการตลาด แต่มาจากการคิดว่าสินค้าที่ออกมานั้นจะสร้างประโยชน์ให้ผู้บริโภคและเกษตรกรได้อย่างไร   
     
4. พอเพียง ไม่หวังแต่มุ่งแสวงหากำไร ไม่แข่งขันกับใคร มีความพอและทำงานอย่างมีความสุข  

 


 

Credits

The Host นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

The Guest พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา

 

Show Creator นครินทร์ วนกิจไพบูลย์

Episode Producers ปวริศา ตั้งตุลานนท์, อธิษฐาน กาญจนพงศ์

Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Photographer วรรษมน ไตรยศักดา

Music Westonemusic.com

The post ‘ดอยคำ’ ทำธุรกิจบนความจริงใจ ใช้ศาสตร์พระราชา และก้าวหน้าทันยุคสมัย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ฮีโร่พอเพียง: รปภ. คนนี้เก็บเงินยังไงได้เป็นล้าน! ถ้าถูกหวย 40 ล้าน เป็นคุณ คิดว่ากี่เดือนหมด? https://thestandard.co/podcast/themoneycase02/ Sat, 05 Aug 2017 18:48:58 +0000 https://thestandard.co/?post_type=podcast&p=18798

  หวยมักไปลงกับคนที่ไม่มีแผนในการใช้เงิน แล้วสุดท้ […]

The post ฮีโร่พอเพียง: รปภ. คนนี้เก็บเงินยังไงได้เป็นล้าน! ถ้าถูกหวย 40 ล้าน เป็นคุณ คิดว่ากี่เดือนหมด? appeared first on THE STANDARD.

]]>

 

หวยมักไปลงกับคนที่ไม่มีแผนในการใช้เงิน แล้วสุดท้ายก็กลับมาจนเหมือนเดิมจริงหรือ ฟังเรื่องหนุ่มโรงงานถูกหวย 40 ล้าน แทนที่จะรีบลาออกจากงาน แต่เขากลับใช้จ่ายจำเป็นไม่ถึงล้าน และยังทำงานเหมือนเดิม

 

อีกเคสคลาสสิกในตำนานกับ รปภ. ที่เงินเดือนรวมสวัสดิการเพียง 15,000 บาท แถมยังต้องแก้หนี้ให้ทางบ้าน เขาเก็บเท่าไร นานแค่ไหน ลงทุนยังไงจนมีพอร์ตหุ้นถึงล้านกว่าบาท

 


01:52

“คนส่วนใหญ่ได้ยินคำนี้เยอะ พอเพียง พอเพียง พอเพียง แต่ผมเชื่อว่าคนที่จะเข้าใจแล้วก็ปฏิบัติได้จริงๆ มีอยู่ไม่มาก”

ฮีโร่พอเพียงเคสแรก เจอตอนสมัย Money Coach ยังเป็นวิศวกร ก็เจอกับหนุ่มโรงงานทำยางรถยนต์ที่เคยถูกลอตเตอรี่ 40 ล้าน ตอนนั้นปรามาสไปเรียบร้อยว่าเขาคงใช้หมดแน่นอน ลอตเตอรี่มักจะถูกกับคนที่ไม่มีแผนการว่าจะใช้เงินยังไง สุดท้ายก็กลับมาจนเหมือนเดิม

 

05:34

“40 ล้าน เงินตั้งเยอะทำไมใช้หมด?”

“ใครบอกอาจารย์เหรอครับ…ว่าผมใช้หมด”

เรื่องก็คือเขาถูกลอตเตอรี่ แต่แทบไม่ได้ใช้เลย ก่อนหน้านี้ภรรยาของเขาหนีไปกับผู้ชายคนอื่น ทิ้งเขาให้อยู่กับลูกสองคน เพราะเบื่อความจน เพื่อนเลยสะกิด โดนหนักขนาดนี้ ซื้อลอตเตอรี่ไว้สักหน่อยไหม ปรากฏว่าถูกรางวัลที่ 1

 

วันที่ไปรับเงิน เขาไปคุยกับผู้จัดการสาขาธนาคารแล้วเอาเงินทุกบาทเข้าบัญชี คนก็มาขอยืมเยอะแยะ แต่เขาตอบว่าเงินไม่ได้อยู่ที่บ้าน อยู่ที่ธนาคาร พอมันมีขั้นตอนยุ่งยาก คนก็เลยไม่ยืม

 

08:45

“เงิน 40 ล้าน เขาเอาไปทำอะไรบ้าง?”

ไถ่ที่นาให้พ่อแม่ ปลูกบ้านหลังใหม่ให้ที่บ้าน เบ็ดเสร็จใช้เงินไม่ถึงล้าน จากนั้นก็ซื้อมอเตอร์ไซค์ให้ตัวเองเพื่อขี่ไปส่งลูก เขามีแผนในใจว่าจะกลับไปอยู่บ้าน เลยเอาเงินไปซื้อที่แถวบ้านไว้หนึ่งผืน แล้วที่เหลือไม่ได้ใช้เลย

ที่สนุกกว่านั้นก็คือ พอเพื่อนยุให้ซื้อลอตเตอรี่ตามเลขป้ายทะเบียนมอเตอร์ไซค์ เขาก็ดันถูกรางวัลเป็นหลักแสนอีกรอบ!

 

10:06

ผ่านมา 6-7 ปี… เงินยังอยู่ดีอยู่ไหม

เขาก็หลังไมค์มาบอกว่าไม่ได้ทำงานโรงงานแล้ว กลับมาอยู่บ้าน Money Coach ก็เลยถามย้ำว่าเงิน 40 ล้านตอนนี้เหลืออยู่เท่าไร เขาก็บอกว่ายังอยู่เหมือนเดิม แทบไม่ได้ใช้อะไรเลย

 

“เขาไม่ได้ใช้เงิน 40 ล้าน เพราะว่าเงินเดือนของเขา 13,000 บาท บวกโอเวอร์ไทม์มันก็พออยู่ทุกเดือนอยู่แล้ว”

 

11:38

อีกเคสเป็นลูกศิษย์ทางยูทูบและหนังสือที่ไลน์มาขอบคุณและบอกว่าเก็บเงินล้านได้แล้ว ตอนนั้นก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เพราะลูกศิษย์เก็บเงินล้านได้ก็ไม่น้อย ที่น่าตื่นเต้นคือชื่อเขามีคำนำหน้าว่า รปภ.

 

13:58

“ในโลกของความเป็นจริง คนเราเรียนรู้เรื่องเทคนิคกันได้ทุกคน เวลาสอนใครแก้หนี้ก็บอกวิธีการไป ทุกคนเรียนรู้วิธีการได้หมดเลย แต่เวลาลงมือทำจริงๆ การแก้หนี้ไม่ได้จบแค่วันเดียว มันต้องแก้กันเป็นปี สองปี สามปี เพราะฉะนั้นคนที่จะแก้หนี้ผ่านได้ นอกจากมีความรู้ทางด้านการเงิน รู้วิธีการ รู้เทคนิคแล้ว ต้องรักษากำลังใจเก่ง แล้วก็มีวินัยด้วย”

 

15:06

รปภ. เงินล้าน

รปภ. คนนี้เกิดที่อีสาน ทำงานที่ระยอง เงินเดือนบวกสวัสดิการประมาณ 15,000 บาท แต่เขาบริหารเงินจนเหลือเก็บ 5,000 บาททุกเดือน ไว้ส่งให้ที่บ้านเพื่อจ่ายดอกเบี้ยค่าที่เพียงอย่างเดียว ทำอย่างนี้อยู่ร่วมปีก็เลยถามตัวเองว่า แล้วจะเหลืออะไร

 

“มนุษย์ที่จะมีชีวิตที่ดี มันต้องเอะใจกับชีวิตตัวเองว่า มีชีวิตต่อไปแบบนี้แล้วมันจะยังไง พวกนี้เขาจะตั้งคำถามกับตัวเอง”

 

“ถ้าเราอุตส่าห์เหลือ 5,000 แล้วก็ต้องเอาไปให้เขาฟรีๆ โดยที่ไม่ได้ตัดต้นอะไรเลย ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเราจะเหลืออะไร”

 

เขาก็เลยเริ่มเสิร์ชหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตไปเรื่อยๆ จนมาเจอยูทูบของ Money Coach เรื่องการแก้หนี้ ซึ่งเจอปัญหาคล้ายๆ กัน และต้องแก้ด้วยการขายที่ พอบอกกับที่บ้านก็โดนด่าเละ

 

“สมบัติชิ้นสุดท้าย… ผมพบว่าคนที่แก้หนี้แล้วออกจากหนี้ไม่ได้เกิดจากเรื่องพวกนี้ด้วยนะ ไอ้คำว่าสุดท้ายหลายๆ อย่าง สมบัติชิ้นสุดท้าย บ้านหลังสุดท้าย แล้วก็กำหนี้ก้อนนั้นไว้จนเหนื่อย”  

 

แต่ที่สุดแล้วเขาก็ขบถด้วยการไม่ส่งเงินจนที่บ้านยอมเห็นด้วย แล้วก็ขายที่เพื่อเอาส่วนต่างไปจ่ายหนี้ เหลือเงินนิดหน่อยแล้วเอาไปซื้อที่ใหม่ที่เล็กลง พอไม่ติดภาระก็เอา 5,000 นั้นมาเก็บ

 

“แล้วก็เริ่มถามคำถามกับตัวเองใหม่ ถ้าเราทำอะไรได้มากขึ้น เราจะเก็บได้มากขึ้นรึเปล่า”

 

เขาก็เริ่มรับจ้างทำงานในแบบที่เขาทำได้ ซ่อมบ้าน ซ่อมห้องน้ำ ฯลฯ ทำให้เก็บเพิ่มได้เป็นเดือนละ 10,000 บาท เขาเก็บ 8 ปีเต็ม ก็ได้เงินมา 8 แสนกว่าบาท แล้วก็เอาไปลงทุนด้วย ตอนนี้มีรวมๆ อยู่ 1,400,000 มีอยู่ 2 พอร์ต พอร์ตแรกอยู่ในกองทุนรวม DCA พอถามแล้วรีเช็กดูเลยรู้ว่าเป็นกองหุ้น ไม่ใช่ LTF เพราะเขายังไม่ต้องเสียภาษี อีกพอร์ตเขาฝากเงินกับสหกรณ์ออมทรัพย์ แล้วอีกส่วนเอาไปซื้อเป็นหุ้นด้วย ก็จะได้เงินปันผลอีกประมาณ 7-8% พอร์ตนี้ก็มีอยู่ประมาณ 600,000 กว่าบาท เบ็ดเสร็จแล้วก็ล้านสี่ ถ้าเป็นคนอื่นก็คงลาออกไปแล้ว แต่เขาอยากเก็บให้ได้ถึง 5 ล้าน ระหว่างนี้ก็มองหาที่ทางเพื่อกลับไปใช้ชีวิตที่บ้าน

 

25:29

เคสนี้สอนให้รู้ว่า

“สิ่งที่เขาเก่งที่สุดคือเขารู้จักตัวเองว่าเท่านี้คือความสุข แล้วความสุขของเขาควรจะตอบด้วยเงินประมาณเท่าไรถึงจะพอเหมาะพอเพียง”

 

“เคสที่สองคือสุดยอดของวินัย เมื่อรู้แล้วว่าเป้าหมายชีวิตคือตรงไหน เขาก็ย้อนกลับมาแล้วก็วางแผน แล้วก็เป็นคนที่มีความพยายามมาก คนอื่นที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้อย่างคล่องแคล่วยังไม่อยากจะทำแบบนี้เลย ไม่คิดเอะใจ แต่เขารู้จักเอะใจแล้วค้นหาทางออกให้กับตัวเอง”

 

“แก้ปัญหาด้วยตัวเอง เชื่อมือตัวเอง นี่คือจุดเริ่มต้นของคนที่จะประสบความสำเร็จทางด้านการเงิน”  

 

“บางคนอาจจะบอกว่านี่เป็นเคสของคนที่เขาใช้จ่ายประหยัด มัธยัสถ์สุดๆ เป็นเรื่องของการรู้จักตัวเองมากกว่า ถ้าไลฟ์สไตล์แตกต่างจากสองเคสนี้ แต่หลักคิดในการใช้ชีวิตสามารถเอาไปปรับได้เหมือนกัน ถ้าไลฟ์สไตล์เราสูง ก็ปรับว่าเราควรจะหารายได้ยังไง ควรจะเก็บออมใช้จ่ายยังไง…”

 

“ครูดีๆ มีอยู่รอบตัวเสมอ ครูการเงินไม่จำเป็นต้องเป็นกูรูทางด้านการเงินเสมอ อาจจะเป็นใครสักคนที่อยู่ใกล้ตัวคุณ เป็นคุณพ่อคุณแม่ พี่ที่รู้จัก คุณครูที่คุณรู้จัก หรือแม้กระทั่งคนที่คุณเคยได้พบเจอ”

 

29:35

“เรื่องเงินมันไม่ใช่เรื่องยาก แต่เงินมันจะยากขึ้น เมื่อเราเอาการเงินตั้งแล้วเอาชีวิตตาม…”

ชีวิตแบบนั้นก็จะมีแต่ความสับสน แต่ถ้าเราเอาชีวิตเราตั้ง ออกแบบก่อนว่าชีวิตแบบไหนคือที่เราอยากจะได้และมีความสุข หลังจากนั้นค่อยมาดีไซน์เรื่องการเงิน บริหารเงินภายใต้ความรับผิดชอบ เราเท่านั้นที่จะคุมอนาคตของตัวเราเองได้ ภายใต้ความรู้และวินัยที่ถูกต้อง คุณก็จะเป็นฮีโร่คนหนึ่งที่ทำให้ครอบครัวมีชีวิตทางการเงินที่มีความสุข

 


Credits

 

The Host จักรพงษ์ เมษพันธุ์

 

Show Creator จักรพงษ์ เมษพันธุ์

Episode Producer เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Episode Editor เชษฐพงศ์ ชูประดิษฐ์

Sound Designer & Engineer ศุภณัฐ เดชะอำไพ

Coordinator & Admin อภิสิทธิ์​ หรรษาภิรมย์โชค

Art Director กริณ ลีราภิรมย์

Graphic Designer เทียนจรัส วงศ์พิเศษกุล

Music Westonemusic.com

 

The post ฮีโร่พอเพียง: รปภ. คนนี้เก็บเงินยังไงได้เป็นล้าน! ถ้าถูกหวย 40 ล้าน เป็นคุณ คิดว่ากี่เดือนหมด? appeared first on THE STANDARD.

]]>