จารุภัทร ทองลงยา – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 29 Mar 2022 09:32:30 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 จับตาหุ้น…โหนกระแสการลงทุนใน Mega Trend หลังโควิด-19 https://thestandard.co/mega-trend/ Wed, 02 Dec 2020 14:00:22 +0000 https://thestandard.co/?p=427981 Mega Trend

หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า Mega Trend ซึ่งหมายถึงสิ่งใหม่ๆ […]

The post จับตาหุ้น…โหนกระแสการลงทุนใน Mega Trend หลังโควิด-19 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Mega Trend

หลายคนคงคุ้นหูกับคำว่า Mega Trend ซึ่งหมายถึงสิ่งใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น หรือการเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่เกิดขึ้นแล้วมีผลกระทบส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อธุรกิจ เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการดำรงชีวิตของมนุษย์ให้เป็นไปตามแรงขับเคลื่อนที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวไม่ใช่ว่าจะจบหรือสิ้นสุดลงในเวลาสั้นๆ แต่จะต้องใช้เวลานานพอสมควร

ในส่วนของการลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนในหุ้นให้ได้ผลตอบแทนที่ดีตามคาดนั้น เป็นที่รู้กันว่าควรจะเป็นการลงทุนในระยะยาวด้วยการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและประมาณการความสามารถในการทำกำไรของบริษัทในอนาคตแล้วจึงคัดเลือกลงทุนในหุ้นนั้นๆ แต่ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี 2563 เรื่อยมาจนถึงบัดนี้ได้สร้างความเสียหายต่อธุรกิจต่างๆ อย่างมากมายเป็นวงกว้าง มีหลายกิจการที่ต้องปิดตัวไป รวมไปถึงวิถีการใช้ชีวิตและแนวคิดของผู้คนก็ได้ปรับเปลี่ยนไปอย่างมาก

ดังนั้นปัจจัยพื้นฐานและประมาณการที่เราเคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้าจึงอาจจะไม่เหมาะสม ต้องประเมินกันใหม่ให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยความท้าทายสำหรับนักลงทุนทุกคนก็คือโลกปกติแบบใหม่ (New Normal) หลังโควิด-19 นั้นจะเป็นอย่างไร และจะเป็นผู้อยู่รอดและสามารถเติบโตได้ดีบนโลกแบบใหม่นี้กันอย่างไร จากสถานการณ์ต่างๆ ทำให้พอจะเห็นแนวทางของ Mega Trend ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งพอยกเป็นตัวอย่างอุตสาหกรรมได้ดังนี้ 

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เกิดพฤติกรรมและความต้องการแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในช่วงสภาวะที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เห็นได้ชัดเจน ได้แก่

1. การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการป้องกันโรค (Medical Tourism and Wellness) ซึ่งน่าจะมีบทบาทมากขึ้น เนื่องจากโรคระบาดที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกันและยารักษานั้นทำให้ผู้คนจำเป็นต้องหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น โดยเฉพาะในเชิงการป้องกัน ดังนั้นจึงเกิดความต้องการที่จะท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและการป้องกันโรคแบบบูรณาการมากขึ้น นอกเหนือจากการเดินทางเพื่อการรักษาพยาบาลเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะส่งผลให้การดูแลสุขภาพ การผ่อนคลาย สปา กีฬา และนันทนาการต่างๆ อาหารเพื่อสุขภาพ ไลฟ์โค้ช หรือการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อสุขภาพคาดว่าน่าจะได้รับความนิยมอย่างสูงและต่อเนื่อง

2. การท่องเที่ยวแบบที่ทำงานที่เที่ยวที่เดียวกัน (Staycation) หมายถึงการท่องเที่ยวอยู่ในละแวกบ้านหรือในจังหวัดที่เราอยู่นั่นเอง เดิมทีนั้น Staycation ไม่ค่อยได้รับความนิยมในหมู่คนไทยมากนัก เพราะก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ได้อย่างสบายใจ จนเมื่อเกิดโรคระบาดนี้ทำให้ไม่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ตามที่ต้องการ จึงหันมาเปลี่ยนบรรยากาศ มองหาสิ่งแปลกตาและพักผ่อนโดยการไปเที่ยวใกล้ๆ บ้านแทน ซึ่งจัดเป็นการท่องเที่ยวที่ประหยัดกว่าการท่องเที่ยวแบบปกติมาก และยังสามารถช่วยให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียนและกระจายรายได้ออกไป ซึ่งคาดว่าแนวโน้ม Staycation นี้จะได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากสามารถให้ประสบการณ์แปลกใหม่ได้ด้วยความสะดวกและประหยัด ใช้เวลาสั้นๆ ไม่ต้องวางแผนมากนัก

ส่วนของผู้ประกอบการนั้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลลบที่รุนแรงมาก จึงคาดว่าจะเห็นการปรับตัวครั้งใหญ่ของอุปทานในส่วนนี้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการโรงแรมรายเล็กๆ จำนวนมากที่ฐานะการเงินไม่แข็งแรงพอที่จะทนผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้ก็อาจจะต้องปิดตัวไป นอกจากนี้คาดว่าจะเห็นการซื้อและควบรวมกิจการ และด้วยจำนวนผู้เล่นที่ลดลงจะทำให้ผู้ที่อยู่รอดมาได้ทวีความมั่นคงแข็งแรงขึ้นได้หลังจากที่ภาวะการท่องเที่ยวกลับคืนมาเป็นปกติ

อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเวลานี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักคำว่า Work from Home ซึ่งเป็นพฤติกรรมรูปแบบใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมนี้ เริ่มจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 บีบบังคับให้เราต้องปรับที่อยู่อาศัยให้กลายเป็นสถานที่ทำงาน จนมาถึงปัจจุบันพบว่าในหลายๆ ธุรกิจสามารถให้พนักงานทำงานจากที่บ้านได้ ดังนั้นจากนี้ไปที่อยู่อาศัยจะต้องคำนึงถึงการจัดสรรพื้นที่ที่ตอบโจทย์ของการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบหรืออาคารชุดก็จะต้องจัดให้มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น หรือเป็นพื้นที่ที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้ (Multi-function) เพื่อรองรับการใช้ชีวิตแบบการทำงานที่บ้านได้

อุตสาหกรรมค้าปลีก อุตสาหกรรมนี้ที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ เนื่องจากเห็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน โดยในช่วงที่เกิดโควิด-19 มีการแพร่ระบาดและประเทศไทยเข้าสู่ภาวะล็อกดาวน์นั้น การที่ผู้คนต้อง Work from Home ไม่สามารถออกไปไหนมาไหนได้ดังที่เคยเป็นมา แต่เรายังต้องซื้ออาหารและข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับการดำรงชีวิตกันอยู่ จึงเป็นโอกาสที่ดีให้ผู้ประกอบการต่างก็ตื่นตัวขึ้นมาเร่งประกอบธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้นเพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าทดแทนการออกไปซื้อหาด้วยตนเองได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดความต้องการด้านการขนส่งสินค้าตามมา (Delivery Service) อีกทั้งมีการใช้กลยุทธ์ O2O ที่เชื่อมต่อ Online และ Offline ซึ่งเป็นการผสมจุดแข็งทั้งสองช่องทางเข้าด้วยกัน โดยจุดแข็งของตัวร้านค้าคือการมีสินค้าไว้ให้ลูกค้าได้เห็น สามารถทดลองใช้ ทดลองสัมผัส ในขณะที่การตัดสินใจซื้อและชำระเงินสามารถกระทำผ่านออนไลน์ได้ นอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้าแล้ว ผู้ประกอบการยังสามารถเก็บข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้าที่ใช้งานไว้เพื่อประโยชน์ในปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจได้อีกด้วย ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยทั้งหมดนี้ล้วนเป็น New Normal ในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกในยุคจากนี้ไปทั้งสิ้น   

จากภาพรวม Mega Trend ของทั้ง 3 อุตสาหกรรมที่กล่าวมาข้างต้นนี้ คาดว่าแม้โรคระบาดโควิด-19 จะหายไป แต่ Mega Trend เหล่านี้ยังคงอยู่จนกลายเป็น New Normal ไปในที่สุด

 

 

พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์

The post จับตาหุ้น…โหนกระแสการลงทุนใน Mega Trend หลังโควิด-19 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธุรกิจท่องเที่ยว ผลกระทบใหญ่ต่อเศรษฐกิจไทย https://thestandard.co/tourism-business-large-impact-on-the-thai-economy/ Wed, 11 Nov 2020 04:20:34 +0000 https://thestandard.co/?p=419635 ธุรกิจท่องเที่ยว

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศร […]

The post ธุรกิจท่องเที่ยว ผลกระทบใหญ่ต่อเศรษฐกิจไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธุรกิจท่องเที่ยว

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในปี 2563 เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการล็อกดาวน์ประเทศ ที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของไทย หรือ ธุรกิจท่องเที่ยว เป็นวงกว้างอย่างเห็นได้ชัด สำหรับการท่องเที่ยวของประเทศไทยนับว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดตั้งแต่ปี 2545 ต่อเนื่องมา 17 ปี ก่อนจะเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยการเติบโตเกิดจากปัจจัยหลักที่สำคัญอยู่ 2 ประการด้วยกัน คือ 

 

ประการที่ 1 การเปิดเสรีทางการบินใน พ.ศ. 2545 ซึ่งเกิดสายการบินแบบ Low Cost Airline และสายการบินต่างชาติเข้ามาประกอบการภายในไทยได้มากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันสูงและส่งผลดีต่อผู้บริโภค เช่น ราคาตั๋วเครื่องบินที่ลดลง ทั้งยังส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้นอีกด้วย

 

ประการที่ 2 การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวชาวจีนหลังจากที่เศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้จำนวนชนชั้นกลางเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และเริ่มมีการใช้จ่ายกับการท่องเที่ยวมากขึ้น ซึ่งยังส่งผลบวกทางอ้อมไปยังธุรกิจค้าปลีกภายในประเทศอีกด้วย เนื่องจากพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวชาวจีนจะชอบซื้อของตามร้านค้าทั่วไปมากกว่านักท่องเที่ยวชาวยุโรปที่มักจะใช้จ่ายแต่ภายในโรงแรม จากการเติบโตดังกล่าวทำให้รัฐบาลไทยประกาศสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อไปได้ เป็นการทดแทนการชะลอตัวของการส่งออกอันเป็นผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน

 


 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 


 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดโรคระบาดโควิด-19 ขึ้น ประเทศไทยก็ได้ใช้มาตรการในการป้องการแพร่ของโรค เพื่อไม่ให้ลุกลามจนยากเกินกว่าจะแก้ไข โดยการปิดกั้นการเดินทางระหว่างประเทศ อันเป็นผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวหายไปในทันที และคาดว่าอาจจะใช้เวลาพอสมควรกว่าจะกลับมาดังเดิม ถึงแม้ว่าประเทศไทยจะสามารถเปิดประเทศเพื่ออนุญาตให้มีการเดินทางและท่องเที่ยวได้กับบางประเทศแล้วก็ตาม แต่การท่องเที่ยวแบบการรักษาระยะห่าง (Social Distancing) ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจมาเที่ยวของชาวต่างชาติ ทำให้ธุรกิจหลายประเภทไม่สามารถกลับมาเปิดดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร ร้านสปา หรือสถานที่จัดการแสดงโชว์ เป็นต้น  

 

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงคือ กลุ่มสายการบิน กลุ่มธุรกิจโรงแรม และธุรกิจโรงพยาบาลระดับบนที่รายได้หลักมีการพึ่งพาการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากต่างชาติในระดับสูง ในขณะที่ธุรกิจที่ได้รับผลกระทบทางอ้อม เช่น ธุรกิจเดินรถไฟฟ้า ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจสื่อสาร ที่มีสัดส่วนรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ประมาณ 10%, 5% และ 3% ตามลำดับ ก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน

 

ปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยกลับมาเติบโตได้ในระดับที่ใกล้เคียงกับช่วงก่อนที่จะเกิดโรงระบาดโควิด-19 นั้นอาจจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จของการผลิตวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ที่สามารถนำมาใช้ได้จริงและใช้ได้อย่างทั่วถึง เพื่อทำให้ประเทศไทยสามารถกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวได้อีกครั้ง โดยมีนักวิเคราะห์จากหลายสำนักต่างคาดว่า วัคซีนจะเริ่มนำมาใช้ในประเทศไทยได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2564 เป็นต้นไป และจะทำให้เศรษฐกิจไทยค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ยังคงรอคอยวัคซีนอยู่นั้น มาตรการของภาครัฐยังเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องมีออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจไทยจนกว่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดภาวะล้มละลายของบางกลุ่มธุรกิจ แล้วเกิดการกระจายตัวลุกลามไปยังธุรกิจอื่น จนกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจอีกรอบหนึ่งได้ 

 

ธุรกิจที่ภาครัฐต้องให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่คือ ธุรกิจสายการบิน และธุรกิจโรงแรมในจังหวัดที่พึ่งพาการท่องเที่ยวจากต่างชาติสูง เช่น เกาะสมุย ภูเก็ต พังงา กระบี่ หรือกรุงเทพฯ โดยในปี 2563 อัตราการเข้าพักของโรงแรมในจังหวัดดังกล่าวยังอยู่ในระดับที่ต่ำมาก ในขณะที่โรงแรมในเชียงใหม่ หัวหิน พัทยา ได้รับผลกระทบน้อยกว่า ซึ่งอาจเกิดจากอานิสงส์ของมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ

 

ส่วนตลาดหุ้นไทยก็ได้รับผลกระทบจากธุรกิจการท่องเที่ยวด้วยเช่นกัน โดยรายได้ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างก็ปรับตัวลดลง และคาดว่าหลายบริษัทจะยังขาดทุนต่อเนื่องอีกในปี 2564 ทำให้ราคาหุ้นตกลงอย่างมากในปีนี้ โดยหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวมีมูลค่าทางการตลาดจาก 104,012 ล้านบาท (ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2562) ลดลงเหลือ 73,756 ล้านบาท (ณ วันที่ 15 ตุลาคม 2563) หรือหุ้นบริษัทค้าปลีกบางรายซึ่งมีรายได้ส่วนหนึ่งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน 

 

ทั้งนี้ คาดว่าจากนี้ไปถึงสิ้นปี 2563 จะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 1,200-1,350 จุด สลับขึ้นลงระหว่างข่าวดีจากเรื่องความคืบหน้าของวัคซีนและมาตรการกระตุ้นต่างๆ ที่ภาครัฐจะออกมาช่วย และข่าวร้ายจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยที่หดตัวลงมาก รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมือง แต่ถ้าเมื่อไรที่สามารถผลิตวัคซีนได้สำเร็จ และนำไปใช้ในประเทศได้จริง จะทำให้เรากลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติได้อย่างมั่นใจ ตลาดหุ้นไทยจึงจะปรับตัวกลับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องได้อีกครั้ง

 

ติดตามข่าวสารศรษฐกิจ ธุรกิจ การเงิน และการลงทุน เพิ่มเติมได้ที่ Facebook: THE STANDARD WEALTH และ YouTube: THE STANDARD

 

พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล

The post ธุรกิจท่องเที่ยว ผลกระทบใหญ่ต่อเศรษฐกิจไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>