Business – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 24 Dec 2024 09:54:56 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ชมคลิป: 5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อกองทุน ThaiESG ลดหย่อนภาษีปี 2567 | Wealth Alert https://thestandard.co/morning-wealth-24122024-4/ Tue, 24 Dec 2024 09:54:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1023247

Wealth Alert พาทุกคนไปทำความรู้จักกับกองทุน ThaiESG ให้ […]

The post ชมคลิป: 5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อกองทุน ThaiESG ลดหย่อนภาษีปี 2567 | Wealth Alert appeared first on THE STANDARD.

]]>

Wealth Alert พาทุกคนไปทำความรู้จักกับกองทุน ThaiESG ให้มากขึ้นผ่าน 5 ข้อควรรู้ก่อนเลือกลงทุน ที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีด้วย โดยเฉพาะในโค้งสุดท้ายของปี 2567

 

การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดอ่านหนังสือชี้ชวน และศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุน

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

 

 

The post ชมคลิป: 5 ข้อควรรู้ก่อนซื้อกองทุน ThaiESG ลดหย่อนภาษีปี 2567 | Wealth Alert appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: วิเคราะห์ธุรกิจไหนได้ไปต่อ-เสี่ยงปิดกิจการ ในปี 2568 | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-24122024-3/ Tue, 24 Dec 2024 08:22:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1023154

THE STANDARD WEALTH สรุปข้อมูลธุรกิจไทยที่เป็นดาวรุ่งใน […]

The post ชมคลิป: วิเคราะห์ธุรกิจไหนได้ไปต่อ-เสี่ยงปิดกิจการ ในปี 2568 | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>

THE STANDARD WEALTH สรุปข้อมูลธุรกิจไทยที่เป็นดาวรุ่งในปี 2567 และธุรกิจที่ต้องปรับตัวเสี่ยงปิดกิจการเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี 2568 พร้อมวิเคราะห์สาเหตุ ติดตามได้ในไฮไลต์นี้

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: วิเคราะห์ธุรกิจไหนได้ไปต่อ-เสี่ยงปิดกิจการ ในปี 2568 | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: บทสรุป เหลียวหลังแลหน้า ‘เศรษฐกิจ’ โลกและไทยปี 2024-2025 | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-24122024-2/ Tue, 24 Dec 2024 06:46:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1023085 เศรษฐกิจ

บทสรุปภาพเศรษฐกิจโลกและไทยปี 2024 และคาดการณ์ ปี 2025 เ […]

The post ชมคลิป: บทสรุป เหลียวหลังแลหน้า ‘เศรษฐกิจ’ โลกและไทยปี 2024-2025 | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
เศรษฐกิจ

บทสรุปภาพเศรษฐกิจโลกและไทยปี 2024 และคาดการณ์ ปี 2025 เป็นอย่างไร

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 . ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: บทสรุป เหลียวหลังแลหน้า ‘เศรษฐกิจ’ โลกและไทยปี 2024-2025 | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
L’Oréal เข้าซื้อ Dr.G สกินแคร์เกาหลีใต้ พร้อมลุยขยายตลาด K-Beauty ไปทั่วโลก https://thestandard.co/l-oreal-buys-south-korea-skin-care-brand-dr-g/ Tue, 24 Dec 2024 06:05:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1022954 Dr.G L’Oréal

L’Oréal เข้าซื้อกิจการ Dr.G แบรนด์สกินแคร์เกาหลีใต้ มั่ […]

The post L’Oréal เข้าซื้อ Dr.G สกินแคร์เกาหลีใต้ พร้อมลุยขยายตลาด K-Beauty ไปทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Dr.G L’Oréal

L’Oréal เข้าซื้อกิจการ Dr.G แบรนด์สกินแคร์เกาหลีใต้ มั่นใจตลาด K-Beauty โตต่อเนื่อง ด้วยจุดแข็งสินค้าที่ขึ้นชื่อเรื่องนวัตกรรมใหม่และราคาเข้าถึงง่าย ซึ่งจะช่วยดึงลูกค้าได้ทั่วโลก

 

Nikkei Asia รายงานว่า L’Oréal บริษัทความงามระดับโลกจากฝรั่งเศส ประกาศเข้าซื้อกิจการบริษัท Gowoonsesang Cosmetics ซึ่งรวมถึงแบรนด์สกินแคร์ชื่อดังของเกาหลีใต้อย่าง Dr.G จาก Migros ผู้ค้าปลีกสัญชาติสวิส แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยมูลค่าการซื้อขาย

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

สำหรับการลงทุนดังกล่าวสอดรับกับยุทธศาสตร์ใหญ่ของ L’Oréal ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าในตลาดผลิตภัณฑ์ความงามสไตล์เกาหลี (K-Beauty) เพิ่มขึ้น เนื่องจากสินค้ามีคุณภาพ ขึ้นชื่อเรื่องนวัตกรรมใหม่ และมีราคาเข้าถึงง่าย ทำให้ตลาดมีแนวโน้มเติบโตและได้รับความนิยมจากกลุ่มลูกค้าทั่วโลก

 

อเล็กซิส เปราคิส-วาลัต ประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ L’Oréal กล่าวว่า เราติดตามความสำเร็จของแบรนด์ Dr.G มาหลายปี จากนี้เราจะเร่งสร้างการเติบโตของแบรนด์ทั้งในเกาหลีใต้และในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก พร้อมเสริมความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมความงามระดับโลก

 

อีกทั้งที่ผ่านมาอุตสาหกรรมความงามในเกาหลีใต้จะมีแต่แบรนด์ท้องถิ่นเป็นหลัก จึงเป็นโอกาสของ L’Oréal ที่จะเร่งขยายธุรกิจในตลาดเอเชียที่กำลังมีศักยภาพสูง เมื่อเทียบกับตลาดความงามในจีนที่เคยเป็นหนึ่งในตลาดความงามที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ซึ่งวันนี้ได้ชะลอตัวลงไปแล้ว

 

อย่างไรก็ตาม การที่ L’Oréal ลงทุนในเกาหลีใต้ ถือเป็นครั้งที่ 2 หลังจากการเข้าซื้อแบรนด์เครื่องสำอาง 3CE ในปี 2018 สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทยังสนใจในการขยายธุรกิจความงามในตลาดเอเชียอย่างต่อเนื่อง

 

ภาพ: Roman Zaiets / Shutterstock

อ้างอิง:

 

The post L’Oréal เข้าซื้อ Dr.G สกินแคร์เกาหลีใต้ พร้อมลุยขยายตลาด K-Beauty ไปทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘วรลักษณ์’ แม่ทัพการตลาดเดอะมอลล์เผย ธุรกิจค้าปลีกปี 2567 สู้หนัก-ขยันกว่าเดิม เพื่อพยุงยอดขาย เล็งปิดปีแตะ 5.5 หมื่นล้าน https://thestandard.co/waralak-mall-marketing-2024-retail-strategy/ Tue, 24 Dec 2024 04:37:49 +0000 https://thestandard.co/?p=1022919 Waralak-Mall-marketing-2024-retail-strategy

ช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงที่กลุ่มค้าปลีกให้ความสำคัญมากที่ส […]

The post ‘วรลักษณ์’ แม่ทัพการตลาดเดอะมอลล์เผย ธุรกิจค้าปลีกปี 2567 สู้หนัก-ขยันกว่าเดิม เพื่อพยุงยอดขาย เล็งปิดปีแตะ 5.5 หมื่นล้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Waralak-Mall-marketing-2024-retail-strategy

ช่วงไตรมาส 4 เป็นช่วงที่กลุ่มค้าปลีกให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นช่วงที่ลูกค้าออกมาจับจ่ายใช้สอย เช่นเดียวกับที่ ‘เดอะมอลล์’ ได้ทุ่มงบ 500 ล้านบาท สำหรับจัด 2 แคมเปญส่งท้ายปี 2567 อย่าง THE GREAT HAPPY NEW YEAR 2025 และ THE MALL LIFESTORE JOY OF GIVING

 

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ให้ความเห็นกับ THE STANDARD WEALTH ว่า ปลายปีนี้น่าจะมีลูกค้าบางส่วนที่เดินทางทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศ เดอะมอลล์เชื่อว่าพอลูกค้าจะเดินทางก็ต้องการที่จะซื้อเสื้อผ้าเพื่อแต่งตัว ซึ่งจะเกิดขึ้นก่อนช่วงกลางเดือนธันวาคม นอกจากนี้ก็จะมีกลุ่มที่ซื้อสินค้าสำหรับไปฝากคนที่บ้าน

 

อีกกลุ่มก็จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามากระตุ้นยอดขายในช่วงปลายปี สำหรับเดอะมอลล์ลูกค้าจากจีนยังมีสัดส่วนที่เยอะอยู่แม้ยอดใช้จ่ายต่อคนจะลดลงราว 5-10% ก็ตาม เพราะด้วยเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่แน่นอนจึงระมัดระวังในการจับจ่ายหรือช้อปปิ้ง แต่สำหรับการกินหรือดื่มก็ยังใช้จ่ายปกติ

 

ส่วนลูกค้ากลุ่มมาเลเซีย ญี่ปุ่น สิงคโปร์ อินเดีย และอเมริกา เป็นกลุ่มที่เพิ่มขึ้นสำหรับเดอะมอลล์ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินที่อ่อนค่าลงทำให้ไทยเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวอยากมาเที่ยวด้วย ขณะเดียวกันประเทศเพื่อนบ้านอย่างเวียดนาม กัมพูชา และสปป.ลาว ก็เข้ามาเดินที่เดอะมอลล์เพิ่มขึ้นเช่นกัน

 

โดยหลังจากปล่อยแคมเปญปีใหม่ THE MALL LIFESTORE JOY OF GIVING สำหรับเดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ทุกสาขา รวมถึงเดอะมอลล์โคราช พบว่าลูกค้ามีความตื่นตัวกับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังมาถึง โดยมีการซื้อสินค้าเพิ่มมากขึ้นจากช่วงเวลาปกติ

 

จุดนี้เองทำให้ทราฟฟิกเฉลี่ยในช่วง Weekday เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์อยู่ที่ 80,000-90,000 คน ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์เฉลี่ยที่ 100,000 คน ในขณะที่สาขาในเมืองมีมากกว่า 100,000 คนตลอดสัปดาห์ โดยมาช้อปปิ้ง รับประทานอาหาร และร่วมกิจกรรมอีเวนต์ที่จัดขึ้น

 

คาดว่าในช่วงเดือนสุดท้ายของปี ตั้งแต่วันที่ 21 ธันวาคมเป็นต้นไป บรรยากาศน่าจะคึกคักมากขึ้น หลังจากวันหยุดยาวในช่วงต้นเดือน โดยได้เพิ่มแคมเปญ THE GREAT HAPPY NEW YEAR 2025 : HOLIDAY MAGIC STORE เข้ามาช่วยกระตุ้นการช้อปปิ้งของห้างสรรพสินค้า-ศูนย์การค้าในเครือเดอะมอลล์ กรุ๊ป (เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, เดอะมอลล์, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, เอ็มสเฟียร์ และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์) ลุ้นรับของรางวัลรวมมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง

 

อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ปีนี้ยังมีความท้าทายสูง ทำให้นิยามภาพรวมธุรกิจค้าปลีกปี 2567 ในมุมมองของวรลักษณ์คือ “สู้ ขยัน อดทน เหนื่อยแต่ก็พอไหว โดยปีนี้กับปีที่แล้วพอๆ กันเลยในแง่ของกำลังซื้อ”

 

วรลักษณ์ขยายความว่าคำว่าเหนื่อยนั้นมาจากการที่ต้องทำมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เท่าเดิม ซึ่งมาจากการที่เศรษฐกิจทั่วโลกผันผวน และไทยเองก็พึ่งการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญสำหรับเศรษฐกิจทำให้เจอกระทบจากปัจจัยนี้บ้าง

 

“จากแคมเปญกิจกรรมทั้งหมดในช่วง Festive ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้เกิดยอดขายประมาณ 7,000 ล้านบาท สำหรับ 42 วัน โดยในปี 2567 คาดว่าจะสามารถปิดยอดขายโดยภาพรวมที่ 55,000 ล้านบาท” วรลักษณ์ระบุ

The post ‘วรลักษณ์’ แม่ทัพการตลาดเดอะมอลล์เผย ธุรกิจค้าปลีกปี 2567 สู้หนัก-ขยันกว่าเดิม เพื่อพยุงยอดขาย เล็งปิดปีแตะ 5.5 หมื่นล้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Honda-Nissan’ มีแถลงการณ์ร่วม เตรียมควบรวมกิจการภายในกลางปี ​​2026 ภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง https://thestandard.co/honda-nissan-merger-holding-company-2026/ Tue, 24 Dec 2024 03:46:04 +0000 https://thestandard.co/?p=1022889 honda-nissan-merger-holding-company-2026

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Honda Motor และ […]

The post ‘Honda-Nissan’ มีแถลงการณ์ร่วม เตรียมควบรวมกิจการภายในกลางปี ​​2026 ภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
honda-nissan-merger-holding-company-2026

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Honda Motor และ Nissan Motor ประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (23 ธันวาคม) ว่า พวกเขาวางแผนที่จะจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้งร่วมกันภายในเดือนสิงหาคม 2026 โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาการใช้พลังงานไฟฟ้าและการบูรณาการซอฟต์แวร์ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก

 

ทั้งนี้ บริษัททั้งสองได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ เพื่อเริ่มหารือเกี่ยวกับการรวมธุรกิจภายใต้บริษัทโฮลดิ้งแห่งใหม่ในวันเดียวกัน โดยมีเป้าหมายให้ Honda และ Nissan ลงนามในข้อตกลงที่ชัดเจนภายในเดือนมิถุนายน 2025

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

Honda และ Nissan กล่าวในการแถลงการณ์ร่วมว่า สภาพแวดล้อมทางธุรกิจของทั้งสองบริษัทและอุตสาหกรรมยานยนต์โดยรวมเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และความเร็วของนวัตกรรมทางเทคโนโลยียังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การควบรวมกิจการจะช่วยสร้างธุรกิจที่คล่องตัวและยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งจะสามารถปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้

 

โทชิฮิโระ มิเบะ ประธานและซีอีโอของ Honda กล่าวระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับคู่ค้าจาก Nissan ว่า การบูรณาการธุรกิจจะทำให้บริษัทสามารถบรรลุจุดแข็งด้านการแข่งขันที่แท้จริง ซึ่งไม่สามารถทำได้ภายในกรอบความร่วมมือระหว่างบริษัทต่างๆ ในปัจจุบัน

 

Honda และ Nissan ระบุ ศักยภาพในการทำงานร่วมกัน 7 ประการ ที่พวกเขาสามารถได้รับจากการบูรณาการ ซึ่งรวมถึงฟังก์ชันการวิจัยและพัฒนาร่วมกัน และการประหยัดต่อขนาด ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการทำให้แพลตฟอร์มรถยนต์เป็นมาตรฐาน

 

นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่า การบูรณาการจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านการแข่งขันของห่วงโซ่อุปทานและประสิทธิภาพการดำเนินงาน

 

หลัง ‘ร่วมมือ’ รายได้เกิน 30 ล้านล้านเยน

 

ในการแถลงการณ์ร่วมระบุว่า การบรรลุเป้าหมายการทำงานร่วมกันจะช่วยให้ Nissan และ Honda กลายเป็นบริษัทรถยนต์ระดับโลกที่มีรายได้จากการขายเกิน 30 ล้านล้านเยน หรือคิดเป็น 1.9 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีกำไรจากการดำเนินงานมากกว่า 3 ล้านล้านเยน

 

นอกจากนี้ บริษัททั้งสองยังมีแผนที่จะอยู่ร่วมกันและพัฒนาแบรนด์ที่ Honda และ Nissan ถือครองอย่างเท่าเทียมกันต่อไป

 

หุ้นของบริษัทโฮลดิ้งมีแผนที่จะจดทะเบียนใหม่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว และหุ้นของ Nissan และ Honda จะถูกถอดออกจากการจดทะเบียน หลังจากกลายเป็นบริษัทลูกแล้ว

 

ก่อนที่การเจรจาควบรวมกิจการจะเริ่มขึ้นในวันจันทร์ Honda และ Nissan ได้มองหาพันธมิตรด้านยานยนต์ไฟฟ้าและซอฟต์แวร์ยานยนต์อยู่แล้ว พันธมิตรทั้งสองได้ลงนามในสัญญาเมื่อเดือนสิงหาคมสำหรับการศึกษาร่วมกันเกี่ยวกับแพลตฟอร์มซอฟต์แวร์ที่มีศักยภาพ โดย Mitsubishi Motors ก็เข้าร่วมการหารือนี้ด้วย

 

ภาพ: Reuters

 

อ้างอิง:

The post ‘Honda-Nissan’ มีแถลงการณ์ร่วม เตรียมควบรวมกิจการภายในกลางปี ​​2026 ภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Deepfake-ภัยควอนตัม-AI ดวล AI’ ฉากทัศน์ใหม่ของการป้องกันภัยไซเบอร์ในปี 2025 https://thestandard.co/wealth-in-depth-deepfake-quantum-ai-cybersecurity-2025/ Tue, 24 Dec 2024 02:57:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1022847

การเข้ามาของ AI ในสังคมวงกว้างตั้งแต่ปลายปี 2022 กลายเป […]

The post ‘Deepfake-ภัยควอนตัม-AI ดวล AI’ ฉากทัศน์ใหม่ของการป้องกันภัยไซเบอร์ในปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>

การเข้ามาของ AI ในสังคมวงกว้างตั้งแต่ปลายปี 2022 กลายเป็นปัจจัยที่ปลุกให้หลายองค์กรต้องทรานส์ฟอร์มธุรกิจของตัวเองให้ก้าวเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล (Digital Transformation) ไม่มากก็น้อย เพื่อตอบโจทย์ตลาดที่เปลี่ยนไป แต่การทรานส์ฟอร์มดังกล่าวก็มักจะนำความเสี่ยงด้านภัยคุกคามไซเบอร์ให้เพิ่มสูงขึ้นด้วย โดยเฉพาะถ้าธุรกิจไม่ได้มีระบบป้องกันที่รัดกุมมากพอ

 

ในปี 2024 การเน้นย้ำขององค์กรกับการนำ AI มาใช้ในธุรกิจยิ่งมีสูงขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน คนร้ายก็หันไปหาเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อนำมาปรับใช้ในทางที่ไม่ดีเช่นเดียวกัน นั่นจึงนำมาสู่ความเสี่ยงที่รายงานของ PwC ระบุว่า ผู้นำขององค์กรกว่า 40% ขาดความเข้าใจในอันตรายจาก Generative AI ซึ่งจะกลายเป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์ความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์

 

สรุปภาพรวมภัยไซเบอร์ปี 2024

 

ตลอดปี 2024 ปิยะ จิตต์นิมิตร ผู้จัดการประจำประเทศไทยของพาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ บริษัทผู้ให้บริการด้านระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ กล่าวกับสื่อมวลชนว่า 2 ธีมสำคัญเกี่ยวกับภัยไซเบอร์ปีนี้คือ

 

  1. ปัญหา Ransomware ที่ส่งผลให้กระบวนการทำงานของบางองค์กรต้องหยุดชะงักเพราะการโจมตีไซเบอร์ ซึ่งการโจมตีนี้จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้นหากเหยื่อทำธุรกิจที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน (Critical Information Infrastructure: CII) เช่น ธนาคาร พลังงาน หรือโทรคมนาคม
  2. ปัญหา Data Breach หรือการรั่วไหลของข้อมูลจากบริษัทไปสู่เงื้อมมือของผู้ร้าย และถูกนำไปใช้ต่อเพื่อประโยชน์ส่วนตนจนเกิดความเสียหายต่อสาธารณะ

 

และในปีถัดๆ ไป การโจรกรรมไซเบอร์ก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยหนึ่งในสาเหตุที่ขับเคลื่อนการเติบโตของการโจมตีก็มาจาก AI โดยพาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ เผยว่า จากเดิมในปี 2021 ที่การสร้าง Ransomware (มัลแวร์เรียกค่าไถ่) ต้องใช้เวลา 12 ชั่วโมง มาวันนี้กลับเหลือเพียงแค่ 3 ชั่วโมง และในราวๆ ปี 2026 ตัวเลขนี้อาจเหลือแค่ 15 นาทีเท่านั้น เช่นเดียวกันกับการเจาะระบบเพื่อขโมยข้อมูลที่เคยใช้เวลา 9 วัน อาจเหลือแค่ 20 นาทีในอีก 2 ปี

 

“AI จะมาทำให้การโจมตีเร็วและแรงขึ้น ดังนั้นระบบความปลอดภัยไซเบอร์ต้องตอบสนองได้ทันที และต้องมี AI ที่ดีคอยช่วย” ปิยะกล่าว

 

“Cybersecurity ต่อไปจะเป็นงานของ AI เพราะสุดท้ายงานประเภทนี้คือการทำซ้ำกับการตอบรับปัญหาที่รวดเร็ว ยิ่งมีข้อมูลเยอะ AI ก็จะยิ่งทำได้ดีขึ้น และการจะหาวิธีเพื่อรับมือภัยคุกคามใหม่ก็จะมาจากการเรียนรู้เหตุการณ์เก่าๆ ซึ่ง AI เรียนรู้ได้เร็วกว่ามนุษย์” ปิยะกล่าวเสริม

 

ปิยะ จิตต์นิมิตร ผู้จัดการประจำประเทศไทยของพาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์

ปิยะ จิตต์นิมิตร ผู้จัดการประจำประเทศไทยของพาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์

 

5 เทรนด์สำคัญกำหนดความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2025

 

สำหรับปี 2025 พาโล อัลโต เน็ตเวิร์กส์ คาดการณ์ว่า มี 5 แนวโน้มสำคัญในเรื่องความปลอดภัยไซเบอร์ที่ผู้ปฏิบัติงานควรเฝ้าระวังในอีก 12 เดือนข้างหน้า พร้อมชี้แนวทางที่องค์กรควรพิจารณาเพื่อเตรียมความพร้อมให้องค์กรมีความปลอดภัยยิ่งขึ้น

 

  1. โครงสร้างระบบความปลอดภัยไซเบอร์ควรรวมศูนย์

ในปี 2025 ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ต้องลดจำนวนเครื่องมือระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ และย้ายเข้าสู่แพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ ที่จะทำให้องค์กรมองเห็นภาพรวมความปลอดภัยที่ชัดเจนผ่านแดชบอร์ดเพียงไม่กี่รายการ อีกทั้งการผนวกรวมระบบรักษาความปลอดภัยไว้ในแพลตฟอร์มรวมศูนย์จะทำให้การใช้ทรัพยากรเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

  1. ปี 2025 ปีที่เอเชียแปซิฟิกจะต้องเจอกับ Deepfake

Deepfake ถูกนำไปใช้สร้างความเสียหายมากมายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยประเด็นที่เห็นบ่อยในข่าวมักเป็นเรื่องการปล่อยข้อมูลเท็จเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมือง แต่การโจมตีที่สร้างความเสียหายอย่างเป็นรูปธรรมมักมุ่งเป้าไปที่การล่อลวงทางการเงินต่อองค์กร

 

ดังเช่นกรณีที่บริษัทวิศวกรรมรายหนึ่งในฮ่องกงถูกหลอกให้โอนเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับคนร้ายที่ปลอมตัวเป็น CFO และฝ่ายบริหารคนอื่นๆ ในการประชุมทางวิดีโอ

 

อาชญากรที่ชำนาญจะคอยปรับ Generative AI ให้สามารถโจมตีเป้าหมายด้วย Deepfake ที่ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีการใช้ Deepfake ประเภทเสียงในการหลอกลวง ดังนั้นปี 2025 จึงมีแนวโน้มที่ Deepfake จะเป็นเครื่องมือการโจมตีหลัก หรือใช้เป็นเครื่องมือหนึ่งภายใต้แผนการโจมตีขนาดใหญ่

 

  1. แนวโน้มกระแสการรักษาความปลอดภัยเชิงควอนตัมในปี 2025

แม้การโจมตีด้วยควอนตัมต่อเทคนิคการเข้ารหัสที่นิยมใช้ในปัจจุบันจะยังทำไม่ได้จริง แต่กลุ่มคนร้ายได้ดำเนินมาตรการ ‘รวมไว้ก่อน ถอดทีหลัง’ โดยพุ่งเป้าไปยังข้อมูลที่อาจถูกถอดรหัสด้วยเทคโนโลยีควอนตัมในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้กำลังเป็นความเสี่ยงที่รัฐบาลและภาคธุรกิจต้องเผชิญ เพราะเป็นอันตรายที่จะกระทบต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โปรโตคอลรักษาความปลอดภัยที่ใช้ในธุรกรรมทางการเงินบนอินเทอร์เน็ตได้ส่วนใหญ่

 

สำหรับการรับมือกับภัยคุกคามเหล่านี้ ทุกองค์กรต้องหามาตรการต้านทานควอนตัม โดยเมื่อไม่นานมานี้ NIST (National Institute of Standards and Technology) ออกมาตรฐานสำหรับวิทยาการรหัสลับยุคควอนตัม เพราะยิ่งควอนตัมคอมพิวเตอร์พัฒนาไกลขึ้น มาตรการเหล่านี้จะยิ่งจำเป็นต่อการดูแลให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างปกติภายใต้ยุคใหม่ของโลกไซเบอร์

 

  1. ความโปร่งใส กุญแจการสร้างความเชื่อมั่นในยุค AI

ในปี 2025 ฝ่ายนิติบัญญัติในเอเชียแปซิฟิกจะให้ความสำคัญกับ AI ทั้งในเรื่องจริยธรรม การปกป้องข้อมูล และความโปร่งใส เพราะการใช้โมเดล AI ที่เพิ่มขึ้นจะทำให้การรักษาความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของข้อมูลที่ผู้คนนำไปใช้งานกลายเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งขึ้น

 

ความโปร่งใสเกี่ยวกับกลไกโมเดล AI โดยเฉพาะกระบวนการเก็บรวบรวมข้อมูล การเทรนชุดข้อมูล และกระบวนการตัดสินใจ จะเป็นกุญแจหลักในการสร้างความไว้ใจให้แก่ลูกค้า

 

  1. ปี 2025 จะเป็นปีที่องค์กร ‘ละเอียด’ กว่าเดิม

มีการคาดการณ์ว่าองค์กรจำนวนมากจะเน้นใช้เวลาไปตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ละเอียดมากขึ้น โดยการประเมินความเสี่ยงจะถี่ถ้วนกว่าเดิม รวมทั้งนำแง่มุมเชิงความรับผิดชอบและผลกระทบเชิงกฎหมายมาใช้มากขึ้นหากธุรกิจต้องหยุดชะงัก

 

เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น แต่การลงทุนไซเบอร์เดินหน้าต่อ

 

ในส่วนของมุมมองเศรษฐกิจ แม้ว่าจะยังมีความท้าทายที่อาจจะชะลอการลงทุนในบางภาคส่วน แต่ข้อมูลจาก Mordor Intelligence เปิดเผยว่า ตลาด Cybersecurity ในประเทศไทยยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น 14.1% ต่อไป โดยมูลค่าตลาดปีนี้อยู่ที่ 1.52 หมื่นล้านบาท และในปี 2029 จะขึ้นไปอยู่ที่ 2.98 หมื่นล้านบาท

 

ปิยะเล่าว่า การเติบโตของตลาด Cybersecurity มาจากนโยบาย Cloud First ของภาครัฐ รวมถึงกฎหมายและพระราชบัญญัติไซเบอร์ที่มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงเร็ว และองค์กรต้องลงทุนเพิ่มเพื่อตามให้ทันกฎระเบียบ ฉะนั้นการลงทุนด้านความมั่นคงไซเบอร์ในไทยจะยังเพิ่มมากขึ้นด้วยปัจจัยดังกล่าว

 

 

The post ‘Deepfake-ภัยควอนตัม-AI ดวล AI’ ฉากทัศน์ใหม่ของการป้องกันภัยไซเบอร์ในปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ควบรวม! บิ๊กยานยนต์ญี่ปุ่น Honda-Nissan ตั้งโฮลดิ้งลุย EV บุกตลาดโลก | Morning Wealth 24 ธ.ค. 2567 https://thestandard.co/morning-wealth-24122024/ Tue, 24 Dec 2024 02:41:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1022840 morning-wealth-24122024

Honda และ Nissan บิ๊กค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ประกาศเซ็น MOU ค […]

The post ชมคลิป: ควบรวม! บิ๊กยานยนต์ญี่ปุ่น Honda-Nissan ตั้งโฮลดิ้งลุย EV บุกตลาดโลก | Morning Wealth 24 ธ.ค. 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
morning-wealth-24122024

Honda และ Nissan บิ๊กค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น ประกาศเซ็น MOU ควบรวมกิจการภายใต้บริษัทโฮลดิ้ง ดันรายได้ทะลุ 30 ล้านล้านเยน รายละเอียดเป็นอย่างไร

 

เหลียวหลังแลหน้า เศรษฐกิจโลกและไทยปี 2024-2025 พูดคุยกับ ดร.ปิยศักดิ์ มานะสันต์ Head of Economic Research หัวหน้านักวิจัยเศรษฐกิจ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: ควบรวม! บิ๊กยานยนต์ญี่ปุ่น Honda-Nissan ตั้งโฮลดิ้งลุย EV บุกตลาดโลก | Morning Wealth 24 ธ.ค. 2567 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Microsoft เผย 5 แนวโน้มสำคัญของวงการ AI ที่ธุรกิจไทยต้องเจอในปี 2025 https://thestandard.co/5-ai-trends-thai-businesses-2025/ Mon, 23 Dec 2024 10:50:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1022677

‘AI เปลี่ยนโลก’   คำนี้ไม่เกินจริง เพราะในปี 2024 […]

The post Microsoft เผย 5 แนวโน้มสำคัญของวงการ AI ที่ธุรกิจไทยต้องเจอในปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘AI เปลี่ยนโลก’

 

คำนี้ไม่เกินจริง เพราะในปี 2024 ถือเป็นช่วงแห่งการเริ่มต้นนำ AI เข้ามาใช้เป็นเครื่องมือขับเคลื่อนองค์กร รวมถึงชีวิตประจำวันของพนักงานและผู้คนทั่วไป

 

สำหรับในปี 2025 เทคโนโลยี AI จะยังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและถูกนำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้น ทั้งช่วยสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กร และค้นหาแนวทางรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยและโลก

 

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เผยเทรนด์ AI ที่น่าจับตามองในปี 2025 เพื่อให้องค์กรไทย ทั้งภาคธุรกิจ ภาครัฐ และคนไทย เตรียมความพร้อมในการใช้ AI ที่จะแพร่หลายมากยิ่งขึ้น โดยเทรนด์ที่ธนวัฒน์มองว่าสำคัญ มีดังนี้

 

1. Scaling Laws: AI จะยกระดับศักยภาพและเติบโตอย่างก้าวกระโดด

 

ในปีหน้า AI จะได้รับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดยิ่งกว่าทุกการปฏิวัติอุตสาหกรรมที่ผ่านมา ฉีกกฎการเติบโตจากเดิมที่เติบโตด้วยตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคาดการณ์ว่า AI จะเพิ่มศักยภาพขึ้นแบบทวีคูณในทุกๆ ครึ่งปี จากประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ที่พัฒนาสูงขึ้น ซึ่งองค์กรที่เริ่มใช้และยังไม่ได้ใช้ AI ควรปรับตัวตามเรื่องนี้ให้ทัน

 

ปัจจุบันมีหลายองค์กรในไทยที่นำ AI มาประยุกต์ใช้ในการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพงาน และลดระยะเวลาในการทำงานให้กับพนักงานแล้ว

 

รายงานของ IDC ประจำปี 2024 พบว่า 60% ขององค์กรที่ได้รับการสำรวจจากทั่วโลก วางแผนที่จะนำ AI เข้ามาใช้กับภาคธุรกิจอย่างเต็มประสิทธิภาพภายใน 2 ปีข้างหน้า ซึ่งสูงกว่าในปี 2023 ที่มีสัดส่วนเพียง 46% เท่านั้น โดยอุตสาหกรรมที่มีความพร้อมมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ การศึกษา สุขภาพ และการเงิน

 

“ภายในเวลาไม่ถึง 2 ปี AI มีพัฒนาการที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถช่วยทำงานที่ซับซ้อน และเข้าใจการสื่อสารได้เหมือนกับมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ สร้างโอกาสและประโยชน์อย่างมหาศาล เราจะเริ่มเห็นความแตกต่างของคนที่ใช้ AI กับคนที่ไม่ใช้มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งในปัจจุบัน AI เป็นเทคโนโลยีที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้งานได้” ธนวัฒน์กล่าว

 

2. Agentic World: เสริมประสิทธิภาพให้องค์กร และช่วยพนักงานมุ่งเน้นการทำงานที่สำคัญ

 

AI Agent จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของทีมงานและกระบวนการทำงาน ช่วยแบ่งเบาภาระการทำงานซ้ำซ้อนหรือ Routine Work เพื่อให้พนักงานมีเวลาไปโฟกัสกับการทำงานที่สำคัญกว่า

 

ในอนาคตธนวัฒน์มองว่าเราจะเห็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI อย่างแพร่หลาย เราจะได้เห็น AI Agent มาช่วยพนักงานในการค้นหาข้อมูล และที่สำคัญผู้ใช้งานที่ไม่ความรู้ด้านไอทีก็สามารถสร้าง AI Agent ของตนเองได้อย่างง่ายดายและสะดวกรวดเร็วผ่านเครื่องมือต่างๆ เช่น Microsoft 365 Copilot และ Microsoft Copilot Studio

 

3. Multimodal AI: สร้างนวัตกรรมจาก AI ที่เข้าใจข้อมูลจากสื่อทุกประเภท

 

ในการทำงานปัจจุบัน แหล่งข้อมูลการทำงานอาจไม่ได้มาจากเอกสารหรือข้อความเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีข้อมูลในรูปแบบอื่นๆ เช่น รูปภาพและเสียง ซึ่งในอนาคต AI จะสามารถนำข้อมูลในสื่อหลากหลายประเภทมาใช้ประโยชน์ได้ ก้าวข้ามขีดจำกัดในการป้อนข้อมูล คำสั่ง และแสดงผลลัพธ์ในรูปแบบของข้อความเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้การสื่อสารกับ AI เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

 

ปัจจุบัน Copilot ของ Microsoft สามารถใส่ Prompt ได้ทั้งข้อความ เสียงพูดเป็นภาษาไทย และรูปภาพ สามารถมองเห็นสิ่งที่มนุษย์เห็นบนหน้าจอ ซึ่งจะทำให้เกิด User Interface ที่ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น หรือจะเป็นระบบการตรวจจับเสียง (Voice Recognition) รวมทั้ง Sora โมเดล AI ที่สามารถช่วยสร้างวิดีโอที่สมจริงได้จากข้อความ ซึ่งโซลูชันต่างๆ เหล่านี้จะสร้างบริการใหม่ๆ เพื่อให้ความสะดวกและสร้างแต้มต่อให้กับธุรกิจ

 

4. Data Security: ความปลอดภัยต้องไปคู่กับ AI

 

หนึ่งในเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันคือการรักษาความปลอดภัยของข้อมูล เนื่องจาก AI สามารถเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดได้ จึงมีความจำเป็นที่องค์กรต้องระมัดระวังในการแชร์ข้อมูล

 

หากมีการแชร์ข้อมูลเกินควรและไม่ได้รับการป้องกัน ข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผยก็รั่วไหลออกไปได้ เช่น ข้อมูลส่วนตัวของพนักงานและลูกค้า ซึ่งจะต้องเป็นความลับขององค์กร

 

ในอดีตการแชร์ข้อมูลโดยไม่มีการควบคุมอาจยังไม่เป็นปัญหาใหญ่ เพราะไม่มีเครื่องมือที่สามารถรวบรวมข้อมูลทั้งหมดได้ แต่ในปัจจุบันสิ่งเหล่านี้เปลี่ยนไป การรักษาความปลอดภัยของข้อมูลจึงเป็นเรื่องที่ทุกองค์กรต้องให้ความสำคัญควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึงการกำหนดแนวทางการจัดการข้อมูล (Data Governance)

 

5. Responsible AI: จริยธรรม AI ต้องใช้อย่างเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

 

เพื่อให้ AI ถูกนำไปใช้งานอย่างสร้างสรรค์ เป็นธรรม และเกิดประโยชน์กับทุกคนอย่างแท้จริง บริษัทผู้พัฒนายักษ์ใหญ่ในหลายประเทศต่างร่วมกันในการหาแนวทางกำกับดูแลการใช้งาน AI โดย Microsoft ได้กำหนดมาตรการการใช้งาน AI อย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบต่อสังคม เน้นความโปร่งใส ความเป็นธรรม และความปลอดภัย ทั้งยังมีคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อให้แน่ใจว่าบริการ AI ใหม่ๆ ที่สร้างขึ้นจะต้องผ่านเกณฑ์ Responsible AI ก่อนการนำออกมาใช้

 

Microsoft ยังเสริมมาตรการ AI Guardrail เพื่อป้องกันการใช้งาน AI ในรูปแบบที่ไม่ได้รับอนุญาต โดยกำหนดเกณฑ์การใช้งานที่ชัดเจนและป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด เช่น การใช้งานที่ละเมิดความเป็นส่วนตัว การใช้เพื่อการก่ออาชญากรรม หรือการใช้ในการเผยแพร่ข้อมูลเท็จ เพื่อให้แน่ใจว่า AI จะถูกใช้งานตามวัตถุประสงค์ที่ถูกต้อง

 

จากเทรนด์เทคโนโลยีที่ Microsoft ระบุมา จะเห็นว่า AI สามารถสร้างประโยชน์ต่อภาคธุรกิจได้อย่างไรบ้าง

 

“AI ไม่ใช่กระแสเทคโนโลยี แต่เป็นโอกาสพลิกโฉมธุรกิจ ซึ่งหัวใจสำคัญในการนำ AI เข้าไปใช้งานในธุรกิจคือการที่ผู้บริหารต้องให้การสนับสนุน กำหนดกลยุทธ์ AI ที่ชัดเจน เพิ่มทักษะและจัดหาเครื่องมือที่เหมาะสมให้กับพนักงาน รวมถึงมีมาตรการการกำกับดูแล เพื่อให้การใช้ AI เกิดประโยชน์สูงสุดและมีความรับผิดชอบ” ธนวัฒน์กล่าวทิ้งท้าย

The post Microsoft เผย 5 แนวโน้มสำคัญของวงการ AI ที่ธุรกิจไทยต้องเจอในปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรู คอร์ปอเรชั่น นำดาต้าปีใหม่วิเคราะห์เทรนด์ จัดเต็มสัญญาณ 5G ให้ลูกค้า นำทีมปฏิบัติการดูแลโครงข่าย 24 ชั่วโมงตลอดเทศกาล https://thestandard.co/true-corporation-new-year-data-5g-trends-network-care-2024/ Mon, 23 Dec 2024 08:32:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1022587 ทรู คอร์ปอเรชั่น

ทรู คอร์ปอเรชั่น เพิ่มสัญญาณมือถือ 5G, 4G และ WiFi ให้ล […]

The post ทรู คอร์ปอเรชั่น นำดาต้าปีใหม่วิเคราะห์เทรนด์ จัดเต็มสัญญาณ 5G ให้ลูกค้า นำทีมปฏิบัติการดูแลโครงข่าย 24 ชั่วโมงตลอดเทศกาล appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทรู คอร์ปอเรชั่น

ทรู คอร์ปอเรชั่น เพิ่มสัญญาณมือถือ 5G, 4G และ WiFi ให้ลูกค้าทรูและดีแทคเชื่อมต่อส่งความสุขครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทยในช่วงเทศกาลปีใหม่ เผยวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางและการจัดอีเวนต์ช่วงเทศกาลเคานต์ดาวน์ปีที่ผ่านมา สู่การวางแผนขยายสัญญาณเพิ่มครอบคลุมทั่วประเทศ พร้อม BNIC ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะพร้อมระบบ AI และหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ หรือ War Room ทุกภูมิภาค เพื่อบริหารจัดการเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ยังมอบความสุขด้วยแคมเปญ ‘ยิ้มทั่วไทย’ พร้อมของขวัญพิเศษมากมายที่ส่งตรงถึงลูกค้าด้วยสัญญาณทรู ดีแทค 5G เร็ว แรง ต้อนรับปีใหม่

 

ประเทศ ตันกุรานันท์ หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านเทคโนโลยี บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ทรูและดีแทคพร้อมเชื่อมต่อเทศกาลแห่งความสุขสู่ปีมะเส็ง 2568 ด้วยการผสานจุดแข็งด้านโครงข่าย พัฒนาสัญญาณคุณภาพสูง 5G, 4G และ WiFi ครอบคลุมทั่วประเทศ รองรับการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่คาดว่าจะคึกคักเป็นประวัติการณ์ เราใช้ข้อมูล Mobility Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเดินทางและแผนที่กิจกรรมเคานต์ดาวน์ทั่วประเทศ เพื่อวางแผนติดตั้งเพิ่มสัญญาณรองรับการใช้งานให้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เคานต์ดาวน์สำคัญระดับประเทศในกรุงเทพฯ หรือพื้นที่ในภูมิภาคจังหวัดต่างๆ ทุกภาคทั่วไทย พร้อมทีมปฏิบัติการตรวจสอบการใช้งานตลอด 24 ชั่วโมง และยกระดับคุณภาพสัญญาณทั้งระบบโมบายล์และบรอดแบนด์ เพื่อให้ทุกคนสามารถแชร์ช่วงเวลาแห่งความสุข ใช้งานทั้งการโทร, การใช้โซเชียลมีเดีย, การไลฟ์สตรีม และการส่งคำอวยพรข้ามประเทศได้อย่างราบรื่น เพื่อให้ทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์ดิจิทัลที่ดีที่สุดในการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ครั้งนี้”

 

ทรู คอร์ปอเรชั่น

 

 

ทรู คอร์ปอเรชั่น ปูพรมขยาย 5G, 4G และ WiFi พื้นที่เคานต์ดาวน์ทั่วประเทศ 

  • กรุงเทพมหานคร: ขยายสัญญาณ 5G, 4G และ WiFi รองรับจุดเคานต์ดาวน์อลังการระดับโลกในไทย เช่น ICONSIAM ซึ่งจัดงาน Amazing Thailand Countdown 2025, centralwOrld, One Bangkok, Asiatique, NEON Countdown 2025, EM DISTRICT และ Seacon Square เพื่อรองรับชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาร่วมงานเคานต์ดาวน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทย
  • ปริมณฑล: เสริมความแรงสัญญาณพื้นที่จัดงานเคานต์ดาวน์ศูนย์การค้าสำคัญ เช่น ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์คและสเปลล์ จังหวัดปทุมธานี, เซ็นทรัล เวสต์เกต จังหวัดนนทบุรี และศูนย์การค้าเมกาบางนา จังหวัดสมุทรปราการ
  • ภาคเหนือ: ขยายเพิ่มครอบคลุม 6 จังหวัดหลักภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงใหม่ ขยายสัญญาณ 6 จุด ได้แก่ งานมนต์ขลังเมืองแกน, เซ็นทรัล เฟสติวัล เชียงใหม่, ประตูท่าแพ, งาน Glow Countdown Chiang Mai 2025, เซ็นทรัล เชียงใหม่ แอร์พอร์ต และม่อนสน ดอยอ่างขาง นอกจากนี้ยังครอบคลุมพื้นที่สำคัญจังหวัดอื่นในการจัดงานเคานต์ดาวน์ภาคเหนือ เช่น จังหวัดเชียงราย, พิษณุโลก, สุโขทัย, เพชรบูรณ์ และตาก
  • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณใน 4 จังหวัดหลัก ได้แก่ บุรีรัมย์ในการจัดงานเคานต์ดาวน์ 2025 ที่สนามช้างอารีนา, อุดรธานีที่ UD TOWN, ขอนแก่นเคานต์ดาวน์ 2025 และนครราชสีมาที่จัดงานทั้งที่ศาลากลางและงานปีใหม่ปากช่อง
  • ภาคกลาง: ขยายสัญญาณครอบคลุม 4 จังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ติดตั้ง 3 จุดสำคัญ ได้แก่ เซ็นทรัล อยุธยา, อยุธยาซิตี้พาร์ค และศรีอยุธยา ไลอ้อน ปาร์ค รวมถึงพื้นที่สำคัญในจังหวัดนครปฐม กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นจังหวัดในภาคกลางตอนล่าง มีเขตแดนติดกับภาคใต้
  • ภาคตะวันออก: เสริมความแรงสัญญาณในจังหวัดชลบุรีทั้งที่พัทยาและบางแสน สำหรับงาน Pattaya Countdown 2025 และ Bangsaen Countdown 2025 รวมถึงจังหวัดระยองที่จัดงานวันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเฉลิมฉลองปีใหม่ 
  • ภาคใต้: ครอบคลุม 5 จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ ภูเก็ต ขยายสัญญาณ 4 จุดหลัก ได้แก่ ป่าตอง, เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟลอเรสต้า, หาดสุรินทร์ และสวนสาธารณะหนองหาน พร้อมทั้งขยายสัญญาณในจังหวัดตรัง, สงขลา, สตูล กระบี่ และอื่นๆ

 

จัดเพิ่มโซลูชันเพื่อคุณภาพสูงสุดในการบริการช่วงเฉลิมฉลองปีใหม่

  1. รถโมบายล์ชุมสายเคลื่อนที่เร็ว (Cell on Wheels: COW): จัดส่งรถ COW ในจุดท่องเที่ยวและพื้นที่จัดงานสำคัญทั่วประเทศ เพื่อเสริมความแรงของสัญญาณในช่วงที่มีผู้ใช้งานหนาแน่น

 

  1. สถานีฐานพิเศษ (Temp Site): เพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณการใช้งานด้วยการติดตั้งสถานีฐานหรือเสาสัญญาณเพิ่มในจุดต่างๆ ในการจัดงานเคานต์ดาวน์ รองรับการใช้งานตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่

 

  1. อัปเกรดสถานีฐาน: เพิ่มคลื่นความถี่และความจุ (Capacity) รองรับการใช้งานดาต้าที่เพิ่มมากขึ้น

 

  1. พารามิเตอร์สัญญาณ (Event Parameter): วิเคราะห์และตั้งค่าสัญญาณรองรับพฤติกรรมการใช้งานช่วงเทศกาลปีใหม่เฉพาะของแต่ละพื้นที่ทั่วไทย

 

  1. WiFi: ขยายจุดการใช้งาน WiFi และเพิ่มความจุในการรองรับการเชื่อมต่อในพื้นที่จัดงานเคานต์ดาวน์และเฉลิมฉลองปีใหม่ทั้งลูกค้าทรูและดีแทค

 

  1. Business and Network Intelligence Center (BNIC): ศูนย์ปฏิบัติการเครือข่ายอัจฉริยะพร้อม AI และหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ (War Room) ทุกภูมิภาค เพื่อดูแลและเพิ่มประสิทธิภาพความเชื่อมั่นเครือข่าย 5G, 4G และอินเทอร์เน็ตบ้าน พร้อมบริหารเครือข่ายครอบคลุมทุกบริการ 24 ชั่วโมง

 

ทั้งนี้ จากข้อมูล Mobility Data ของทรู คอร์ปอเรชั่น ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2567 สะท้อนให้เห็นการเคลื่อนย้ายของประชาชนอย่างชัดเจน โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม มีผู้เดินทางเข้าพื้นที่เพิ่มขึ้นถึง 15% รองลงมาคือภาคเหนือที่เพิ่มขึ้น 10% ส่วนภาคใต้และภาคตะวันตกมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 4% และ 2% ตามลำดับ ในทางกลับกัน กรุงเทพมหานครมีประชาชนเดินทางออกนอกพื้นที่มากถึง 17% และภาคตะวันออกลดลง 11% สะท้อนวิถีของคนเมืองที่นิยมเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยทรู คอร์ปอเรชั่น นำชุดข้อมูลนี้มาวิเคราะห์เพื่อวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้งานในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 อีกด้วย

 

ประเทศกล่าวเพิ่มเติมว่า “นอกจากการเตรียมความพร้อมในพื้นที่จัดงานเคานต์ดาวน์และแหล่งท่องเที่ยวแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการขยายสัญญาณครอบคลุมเส้นทางการเดินทางของประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเฉพาะศูนย์กลางคมนาคมสำคัญ ทั้งสนามบิน สถานีรถไฟ และสถานีขนส่ง รวมถึงเส้นทางสัญจรหลักที่เชื่อมต่อทุกภูมิภาค โดยเฉพาะเส้นทางยอดนิยมมุ่งสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงเส้นทางสู่วัดและสถานที่สำคัญทางศาสนา เพื่อรองรับการเดินทางไปทำบุญและร่วมสวดมนต์ข้ามปีของพี่น้องประชาชนทั่วประเทศให้สามารถใช้งานเครือข่ายได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพตลอดช่วงเทศกาล”

 

นอกจากนี้ ทรู คอร์ปอเรชั่น ส่งมอบความสุขต้อนรับปีใหม่ผ่านแคมเปญ ‘ยิ้มทั่วไทย’ พร้อมของขวัญพิเศษมากมายที่ส่งตรงถึงลูกค้าด้วยสัญญาณทรู ดีแทค 5G เร็ว แรง ครอบคลุมทั่วประเทศ เริ่มต้นด้วย ‘ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ตัวเอง’ ผ่านภาพยนตร์โฆษณาสุดซึ้งที่จะชวนให้ทุกคนยิ้มให้กับตัวเองและคนรอบข้างกับสิ่งดีๆ ที่ผ่านมา ควบคู่กับ ‘ยิ้มทั่วไทย ทรูทั่วไทย’ ที่ส่งมอบสัญญาณคุณภาพทั่วทุกพื้นที่ พร้อมชวนร่วมสนุกกับ ‘ยิ้มทั่วไทย ยิ้มให้ปีใหม่’ ในกิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟ และพิเศษสุด ‘ยิ้มทั่วไทย ยิ้มรับของขวัญ’ เพียงร่วมสนุกผ่าน AR บนแอปพลิเคชัน TrueID, dtac หรือ True iService โดยเลือกเมนู ‘สิทธิพิเศษ’ คลิกแบนเนอร์ ‘ยิ้มรับสุขทั่วไทย’ เปิดกล้องและยิ้ม ก็มีสิทธิ์ลุ้นรับของขวัญมากมายตลอดเทศกาลแห่งความสุขนี้

The post ทรู คอร์ปอเรชั่น นำดาต้าปีใหม่วิเคราะห์เทรนด์ จัดเต็มสัญญาณ 5G ให้ลูกค้า นำทีมปฏิบัติการดูแลโครงข่าย 24 ชั่วโมงตลอดเทศกาล appeared first on THE STANDARD.

]]>