จักรพงษ์ เมษพันธุ์ – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 07 Jul 2017 09:13:40 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ข้อคิดทางการเงินสำหรับคนรุ่นใหม่ https://thestandard.co/opinion-the-money-coach-money-literacy/ https://thestandard.co/opinion-the-money-coach-money-literacy/#respond Fri, 07 Jul 2017 08:55:19 +0000 https://thestandard.co/?p=12620

     น้องบัณฑิตจบใหม่มาขอคำปรึกษาว่า ควร […]

The post ข้อคิดทางการเงินสำหรับคนรุ่นใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

     น้องบัณฑิตจบใหม่มาขอคำปรึกษาว่า ควรวางแผนชีวิตการทำงานอย่างไร เลยได้คุยกันหลายเรื่อง และเรื่องหนึ่งที่ฝากไปก็คือ ข้อคิดด้านการเงิน หลังพูดคุยจบเห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ เลยนำมาฝากคุณผู้อ่านกัน

     ทั้งหมดเรียบเรียงข้อมูลจากการให้คำปรึกษา และตัวอย่างในชีวิตจริงของผู้คนที่ได้พบเห็นมาตลอด 12 ปีท่ีทำหน้าที่ผู้ให้คำแนะนำทางการเงินครับ

 

     1. อย่าก่อหนี้จน

     ‘หนี้จน’ ในที่นี้หมายถึง หนี้บริโภคต่างๆ ที่เมื่อเราก่อขึ้นแล้ว จะทำให้เรามีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น เช่น หนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรกดเงินสด ผ่อนของ รวมถึงหนี้นอกระบบ

     ทั้งนี้ไม่ได้บอกว่ามีบัตรเครดิตไม่ได้ แต่ให้บริหารให้ดี อย่าให้มีหนี้ค้าง อย่าชำระขั้นต่ำ เพราะถ้าต้องจ่ายขั้นต่ำ ดอกเบี้ยที่สูงถึง 20-24 เปอร์เซ็นต์ จะคอยกัดกินความสามารถในการสร้างฐานะของเรา

     บ้าน รถยนต์ ถ้ายังไม่จำเป็นจริงๆ ไม่ต้องรีบซื้อ หรือถ้าซื้อ ก็อย่าให้เกินตัว เพราะทั้งบ้านและรถเป็นภาระระยะยาว บ้านว่าเหนื่อยแล้ว รถยิ่งเหนื่อย เพราะนอกจากผ่อนหนัก ค่าใช้จ่ายเยอะ มูลค่ายังลดลงเรื่อยๆ ด้วย

     ถ้าให้ดี 10 ปีแรกของการทำงาน ไม่มีหนี้บริโภคเหล่านี้เลยจะดีมาก จำไว้ว่าชีวิตของเรานั้น ยิ่งเติบโตยิ่งมีภาระทางการเงินมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30-40 ปี ที่เป็นช่วงสร้างครอบครัว ถ้าเราก่อภาระหนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่มทำงาน พอถึงช่วงสร้างครอบครัว ภาระจะย่ิงทับถมชีวิตเราให้หนักยิ่งขึ้นไปอีก จนทำให้เราไม่สามารถตั้งหลักทางการเงินได้

 

     2. ออม 20 เปอร์เซ็นต์ของรายได้

     ถ้าไม่มีภาระต้องส่งเสียครอบครัว ลองหาวิธีออมให้ได้ 20 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ใช้วิธีตัดออมก่อนใช้จ่าย และกินให้พอกับเงินที่เหลือ ออมให้เป็นนิสัย อย่าผัดวันประกันพรุ่ง ยิ่งเริ่มออมเร็ว ยิ่งสร้างโอกาสมั่งคั่งได้เร็ว

     สำหรับคนที่มีภาระทางการเงิน ต้องส่งเงินสนับสนุนเลี้ยงดูพ่อแม่หรือน้องๆ ก็น่าจะลองเก็บออมที่อัตรา 10 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ และเป้าหมายแรกของการออม ก็คือ การมีเงินสำรองให้พร้อมใช้จ่ายยามฉุกเฉินได้อย่างน้อย 6-12 เท่าของรายจ่ายต่อเดือน

 

     3. ศึกษาเรื่องการเงินการลงทุน

     อย่าคิดว่าที่เรียนมานั้นพอ เรียนจบแล้วน้องยังต้องเรียนรู้อะไรอีกหลายอย่าง ทั้งในเรื่องการงาน การสร้างอาชีพ การพัฒนาตัวเอง และที่ขาดไม่ได้คือ การเรียนรู้เรื่องการเงินและการลงทุน

     คนในยุคสมัยหน้า ถ้าไม่รู้เรื่องเงินและการลงทุนจะกลายเป็นคนล้าหลัง เงินออมที่ให้ดอกเบี้ยระดับ 0.5-1 เปอร์เซ็นต์ พาเราไปถึงความมั่งคั่งไม่ได้ ดังนั้นต้องรู้จักวิธีต่อยอดเงิน และบริหารเงินให้เป็น

 

     4. เน้นทำงานเพื่อสร้างประสบการณ์

     10 ปีแรก อย่ามองแต่ตัวเงิน อย่าหวังแค่น้ำบ่อหน้า ทำงานหวังเศษเงินเดือนที่แตกต่างกันไม่กี่พันบาท แต่ให้โฟกัสที่การสร้างประสบการณ์ จำไว้ว่า ความรู้ซื้อหาได้ แต่ประสบการณ์หาซื้อไม่ได้ ประสบการณ์มือสอง (ฟังเรื่องคนอื่น) ทำให้รู้มากขึ้น แต่ประสบการณ์ตัวเองจะทำให้เราเก่งมากขึ้น

     นานวันเข้าเราจะเข้าใจว่า ประสบการณ์เปลี่ยนเป็นเงินได้ แต่ความรู้ใครๆ ก็มี คนเราถ้าอายุ 30 ขึ้น แล้วตอบตัวเองไม่ได้ว่าเก่งอะไร เชี่ยวชาญอะไร หรือชอบอะไร ผมว่าชีวิตคุณมีปัญหาแล้ว และมีโอกาสติดกับดักรายได้แน่นอน

 

     5. สร้างทรัพย์สิน (ก่อนซื้อหนี้สิน)

     ถ้าอยากสำเร็จทางการเงิน ต้องรอคอยความสำเร็จให้เป็น บ้าน รถยนต์ หรือหนี้สินก้อนใหญ่ให้ซื้อเมื่อพร้อม และถ้าจะให้ดี ให้สร้างทรัพย์สินก่อนซื้อหนี้สิน เพื่อให้ทรัพย์สินสร้างกระแสเงินสดรายเดือนผ่อนหนี้ให้กับเรา จะได้ไม่เป็นภาระทางการเงิน

     ผมเองอดทนรอ ซื้อรถตอนอายุ 34 ปี ตอนนั้นเอาเงินที่ได้จากการแปลหนังสือสองเล่มไปเป็นเงินดาวน์ ส่วนเงินผ่อนก็ใช้รายได้จากธุรกิจที่ไม่ต้องลงมือทำทุกวันช่วยจ่ายให้ ทำให้แม้จะมีหนี้ซื้อรถยนต์ แต่ก็ไม่เหนื่อยและไม่เครียด บ้านผมก็ทำในแบบเดียวกัน

     จำไว้ว่า คนที่ประสบปัญหาทางการเงินมักซื้อหนี้สิน ซื้อความสบายก่อน แล้วก็ต้องมาอดทนกัดฟันผ่อนหน้ีไปเรื่อยๆ ในขณะที่คนประสบความสำเร็จทางการเงิน อดทนสร้างทรัพย์สิน เพื่อให้ทรัพย์สินผ่อนจ่ายหนี้สินให้กับตัวเอง

 

     6. ทำอะไรนึกถึงวันข้างหน้าไว้เสมอ

     ทำอะไรคิดถึงวันข้างหน้าเอาไว้ ถามตัวเองเสมอว่า สิ่งที่เราทำในวันนี้มันเป็นจิ๊กซอว์ของความสำเร็จ หรือเป้าหมายเราในอนาคตหรือไม่ ถ้าใช่ ใส่ให้หนัก ถ้าไม่ใช่ ก็หลีกเลี่ยง

     อีกเรื่องคือ การเตรียมตัวให้พร้อมรับความเสี่ยงทางการเงิน ทั้งเจ็บป่วย อุบัติเหตุ เสียชีวิต ตกงาน ขาดรายได้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้มีโอกาสเกิดขึ้นได้กับทุกคนในโลกยุคใหม่ ดังนั้น ตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันข้างต้น เราพร้อมรับมือกับมันหรือไม่ อย่างไร และจัดการความเสี่ยงนั้นให้ดี

 

     7. จบความกังวลทางการเงินให้ได้ภายในอายุ 40

     ถ้าเป็นเรื่องเกษียณทางการงานนั้น แล้วแต่คุณว่าอยากจะหยุดทำงานเมื่อไร แต่ถ้าเป็นการเงิน ผมมองว่าคนเราควรหยุดและหมดกังวลกับเรื่องเงินตั้งแต่อายุ 40 ปี

     ผมเองมีอิสรภาพตั้งแต่อายุ 34 ปี รู้เลยว่าตัวเองโชคดีมาก การหมดกังวลเรื่องเงินได้เร็ว ทำให้คุณมีเวลาในชีวิตทำสิ่งสำคัญๆ ได้มากมายไม่ว่าจะเป็น ดูแลครอบครัว ท่องเที่ยวแบบไร้ความกังวล ทำงานสาธารณประโยชน์เต็มกำลังโดยไม่ต้องห่วงปากท้อง การใช้เวลากับงานอดิเรกที่รักตลอดเวลา ฯลฯ

 

     ทั้งนี้การหมดกังวลไม่ได้หมายถึง ร่ำรวยมีเงินเป็น 100 ล้าน 1,000 ล้าน แต่หมายถึง เราจัดการเรื่องการเงินทุกเรื่องในชีวิตได้มีระบบและเป็นระเบียบ มีเงินพอกินพอใช้ทั้งครอบครัว จัดการรายจ่ายต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม มีเงินสำรองเผื่อเหลือเผื่อขาด จัดการความเสี่ยง ทำประกันที่จำเป็นไว้ครอบคลุม หรือพูดอย่างง่ายๆ การหมดกังวลทางการเงินก็คือ การมีอิสระในการใช้ชีวิตในระดับที่อยู่รอดปลอดภัย สุขกายสบายใจได้เหมาะสมกับฐานะนั่นเอง

     ทั้งหมดนี้คือ ข้อคิดทางการเงินสำหรับคนรุ่นใหม่ที่พอคิดออก และตอบน้องเขาไปในวันนั้น หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกคน ไม่มากก็น้อยนะครับ

 

ภาพประกอบ: Karin Foxx

The post ข้อคิดทางการเงินสำหรับคนรุ่นใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/opinion-the-money-coach-money-literacy/feed/ 0
อยากมั่งคั่ง? ก้าวข้ามปัจจัย 4 ให้ได้เสียก่อน… https://thestandard.co/opinion-the-money-coach-step-to-wealthy/ https://thestandard.co/opinion-the-money-coach-step-to-wealthy/#respond Sat, 17 Jun 2017 06:15:47 +0000 https://thestandard.co/?p=7424

     เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อน้องที่รู้จัก […]

The post อยากมั่งคั่ง? ก้าวข้ามปัจจัย 4 ให้ได้เสียก่อน… appeared first on THE STANDARD.

]]>

     เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อน้องที่รู้จักกันคนหนึ่งเอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “โค้ชครับ! ชีวิตการเงินระดับไหน หรือต้องมั่งคั่งสักเท่าไร? ถึงจะทำให้คนเราเบาสบายความกังวลเรื่องเงินๆ ทองๆ ในชีวิตประจำวันได้”

     นั่งนึกอยู่สักพัก คำตอบอันแสนเรียบง่ายคำตอบหนึ่งก็ลอยผ่านเข้ามาในหัว

     “ถ้าเอาแบบง่ายๆ เริ่มเบาสบายปัญหาการเงินในชีวิตได้จริงๆ ผมว่ามันน่าจะเริ่มต้นเมื่อเราสามารถจัดการกับค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หรือ ‘ปัจจัย 4’ ได้อย่างไม่เดือดร้อนเป็นอันดับแรกนะ”

     หลังได้ยินคำตอบ เจ้าของคำถามนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนจบการสนทนาเพื่อขอคำปรึกษาไว้เพียงเท่านั้น (ฮา)

     ฟังดูแล้วอาจเหมือนน้อยเกินไปใช่ไหมครับ แต่เอาเข้าจริง หากเรานั่งคิดถึงภาพการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน ตัดเรื่อง ‘ความอยากได้อยากมี’ ประเภทดีต่อใจออกไปก่อน แล้วร่อนเอาเฉพาะกิจกรรมที่ ‘จำเป็น’ ต่อชีวิต

     อาหาร . ที่อยู่อาศัย . เครื่องนุ่งห่ม . ยารักษาโรค … การจัดการกับค่าใช้จ่ายเรื่องเหล่านี้ให้ดี ผมว่านี่คือ จุดเริ่มต้นที่ดี สำหรับการสร้างความมั่งคั่ง ทั้งในแง่ของการเงินที่จับต้องได้ และ Mindset ครับ

     ลองคิดดูสิ ถ้าตั้งแต่ตื่นเช้าจนถึงเข้านอน เราสามารถควบคุมเรื่องการเงินของเราให้จัดการกับสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้ ความกังวลหรือเวลาที่จะต้องเอามาใช้กับการนั่งคิดนั่งกลุ้มเรื่องเงิน จะลดน้อยลงไปขนาดไหน

 

     1) มีอาหารรับประทาน

     ในแต่ละวัน แต่ละมื้อ เรามีกินไม่อดอยาก หาของมีประโยชน์ใส่ปากท้องได้ ไม่ต้องคอยกังวลว่าพรุ่งนี้จะมีเงินใช้ไหม หรือพรุ่งนี้จะเอาอะไรกิน หรือจะกินในแต่ละครั้ง ก็ไม่ต้องถึงขั้นจำกัดจำเขี่ย ด้วยกลัวไม่มีกินในวันถัดไป

 

     2) มีที่อยู่อาศัยที่อบอุ่นปลอดภัย

     จะซื้อเอง หรือจะเช่าเขาอยู่ก็เอาเถอะ สำคัญคือ มีปัญญาจ่ายเขา ไม่ว่าจะแบบไหน เช่าเขาก็มีเงินจ่ายเจ้าของบ้าน ผ่อนเขาก็มีเงินส่งธนาคาร ไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่เดือดร้อน พร้อมก็ซื้อ ไม่พร้อมก็ขอยืมเขาอยู่ไปก่อน สำคัญคือ ตกดึกแล้วมีที่หลบภัย ซุกหัวนอนแล้วรู้สึกปลอดภัย

 

     3) มีเครื่องนุ่งห่มสวยงามตามฐานะ

     เสื้อผ้าอาภรณ์มีใช้อย่างไม่ขัดเขิน พอเหมาะพอดีแก่ฐานะ และรูปแบบชีวิต (Lifestyle) มีเยอะก็จัดแยะ มีน้อยก็กระจุ๋มกระจิ๋มตามสมควร

 

     4) เจ็บป่วยมีเงินรักษาพยาบาล

     เจ็บไข้ได้ป่วยมีเงินหรือสวัสดิการพร้อมรักษา คลายความกังวลว่าจะไปหาเงินจากไหนมาจ่ายค่าหยูกยา พร้อมๆ กันก็ดำรงชีวิตอย่างมีสติ ป้องกันความเสี่ยงจากการเจ็บป่วย มีเวลาดูแลสุขภาพตัวเองตามสมควร

 

     ทั้ง 4 ข้อนี้ ถ้าทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่ต้องคอยหยิบยืมเขา หรือไม่ต้องกังวลว่าจะมีพอหรือไม่ ก็น่าจะเร่ิมทำให้ชีวิตการเงินของเรามีความสุขได้ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว

     ถ้าพูดกันเป็นภาษาการเงิน รายจ่ายกลุ่มที่เป็นปัจจัย 4 นี้ ถือเป็นรายจ่ายที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า ‘สภาพคล่อง’ ครับ ซึ่งหมายถึง การบริหารเงินให้พอ มีกิน มีใช้ตามวัตถุประสงค์ (ทั้ง ‘จำเป็น’ และ ‘อยากได้’) และมีเหลือเก็บเพื่อสะสมเป็น ‘ความมั่งคั่ง’ ต่อไปได้

     หลายครั้งคนที่มาขอคำปรึกษาเรื่องการลงทุนจากผม มีสถานะการเงินพื้นฐานที่ไม่ดีเลย พอเอ่ยปากชวนเขาว่า “ก่อนไปเรียนรู้เรื่องการลงทุน หันมาแก้ปัญหาเงินไม่ค่อยพอใช้ก่อนดีไหม”

     คำตอบที่ดูเหมือนจะวนเป็นงูกินหาง ก็คือ “นี่ไงครับ เงินไม่พอใช้ ถึงต้องมาคิดหาเงินเพิ่มยังไงล่ะ”

     เพราะไม่พอเลยต้องมาหาเพิ่ม ต้องมาเหนื่อยเพิ่ม … แต่ไม่เริ่มที่ใช้ให้พอเสียก่อน!!

     ที่จริงการหารายได้เพิ่มทั้งจากการทำงานเสริมและการลงทุน ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ถ้าหากการเงินยังเป็นปัญหาอยู่ทุกวัน เงินสำหรับจัดการกับปัจจัย 4 ประเมินดูแล้วยังเสี่ยง ยังไม่ค่อยพอ แบบนี้ลงทุนไปก็จะลำบาก เพราะปัญหาสภาพคล่องคอยแต่จะรังควาน คอยติดตามเราให้ร้อนใจอยู่เสมอ และเมื่อร้อนใจมากเข้า ก็จะส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุนของเจ้าของปัญหา

     อยากได้เร็ว อยากรวยเร็ว เพื่อจะได้เอาเงินมาแก้ปัญหาให้หมดไปเร็วๆ … สุดท้ายก็พลาดเจ็บตัวหนักขึ้นไปอีก

     ‘เงิน’ กับ ‘ความสุข’ ผูกโยงกันอยู่เล็กๆ เหมือนกันนะครับ คนหลายคนเชื่อว่า มีเงินแล้วจะมีความสุข (จริงหรือเปล่าขออนุญาตไม่ตัดสิน) แต่เท่าที่ผมเห็น คนที่มีความสุข หรือมีชีวิตที่ร่มเย็นนั้น เขาคือคนที่มีเงินในระดับที่ตอบโจทย์รูปแบบชีวิตที่ต้องการของตัวเองได้อย่างพอเหมาะพอดีครับ

     ซึ่งพอเหมาะพอดีในที่นี้ ก็หมายถึง ก้าวข้ามปัจจัยพื้นฐานของการดำรงชีวิต และยกระดับชีวิตให้เหนือกว่าพื้นฐาน ไปสู่ระดับที่ต้องการได้ ดังน้ันถ้าพูดถึงความสุข ความพอเหมาะพอดี สองคำนี้ค่อนข้างปัจเจกครับ คนเรานิยามความสุขไม่เหมือนกันแน่ๆ และต้องจ่ายเพื่อสิ่งที่เรียกว่าความพอเหมาะพอดีคู่ควรแก่ชีวิตไม่เท่ากันแน่ๆ

     แต่ไม่ว่าอย่างไร โดยพื้นฐานความจำเป็นของชีวิต (เอาที่จำเป็นจริงๆ) เราเท่ากันครับ นั่นคือ การมีปัจจัยในการดำรงชีวิตครบโดยสมบูรณ์ ดังนั้นก่อนจะฝันไกลถึงความมั่งคั่ง มาเริ่มกันที่จุดนี้ครับ

     ถามตัวเองดูสิว่า…

     กินอิ่มครบวันละ 3 มื้อหรือยัง ค่าใช้จ่ายเรื่องที่อยู่อาศัยชิลล์ๆ ไม่กังวลหรือเปล่า จับจ่ายใช้สอยข้าวของส่วนตัวได้สบายๆ และที่สำคัญ หากเจ็บป่วย ประสบอุบัติเหตุไม่คาดฝัน มั่นใจว่าดูแลตัวเองได้หรือไม่ และทุกๆ 30 วัน ไม่ต้องคอยมากังวลกับเรื่องเหล่านี้ใช่หรือไม่

     ถ้าทำได้ ถ้าดูแลได้ครบ ก็มองไปเรื่องของการสร้างเนื้อสร้างตัวเพื่อความมั่งคั่ง เพื่อรูปแบบชีวิตในแบบที่ต้องการ ที่มากไปกว่าความจำเป็นพื้นฐานได้

     แต่ถ้าแค่เรื่องพื้นฐาน แค่ปัจจัย 4 ที่จำเป็นต้องมี ยังก้าวข้ามไปไม่ได้ ก็อยากให้หันกลับมาดู กลับมาจัดการให้สถานะทางการเงินจัดการกับ 4 ปัจจัยนี้ให้แข็งแรง ไม่ต้องลำบากก่อน ก็น่าจะดี

     เพราะถ้าปัจจัย 4 ยังเหนื่อย… ก็อย่าเพิ่งฝันไปไกลถึงความมั่งคั่งร่ำรวยเลยครับ

 

ภาพประกอบ: Karin Foxx

The post อยากมั่งคั่ง? ก้าวข้ามปัจจัย 4 ให้ได้เสียก่อน… appeared first on THE STANDARD.

]]>
https://thestandard.co/opinion-the-money-coach-step-to-wealthy/feed/ 0