Thailand – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 17 Sep 2025 00:19:41 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 กัมพูชารับปากไทยแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ เตรียมเสนอแผนปฏิบัติการภายใน 1 เดือน https://thestandard.co/cambodia-pledges-action-cc-scam/ Wed, 17 Sep 2025 00:19:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1119859

วานนี้ (16 กันยายน) เวลา 20.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีล […]

The post กัมพูชารับปากไทยแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ เตรียมเสนอแผนปฏิบัติการภายใน 1 เดือน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วานนี้ (16 กันยายน) เวลา 20.00 น. พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.ท.เซียง ซาริด รอง ผบ.ตร.กัมพูชา เพื่อหารือแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สแกมเมอร์ ใช้เวลาประชุมนานกว่า 10 ชั่วโมงก่อนจะมีการลงนามร่วมกัน

 

พล.ต.อ.ธัชชัย แถลงผลการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นต่อเนื่องจากการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee – GBC) เมื่อวันที่ 10 กันยายนที่เกาะกง ประเทศกัมพูชา เพื่อแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในประเทศกัมพูชาและมาหลอกลวงคนไทย รวมไปถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในกัมพูชา โดยที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์และค้ามนุษย์ที่ย้อนกลับมาสร้างปัญหาอย่างร้ายแรงให้กับคนไทย จนได้รับความเดือดร้อนเป็นวงกว้าง

 

ทั้งนี้ ไทยได้ส่งข้อมูลฐานคอลเซ็นเตอร์ ให้กับผู้แทนทางกัมพูชา เพื่อให้ทราบว่าทางการไทย มีข้อมูลว่าฐานคอลเซ็นเตอร์ร์กัมพูชาอยู่ที่ไหน ซึ่งทางการกัมพูชารับปากว่าจะจัดทำแผนการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ทางการไทยมอบข้อมูลมาให้ ซึ่งผลการปฏิบัติทั้งหมด จะนำไปรายงานที่ประชุม GBC ที่จะประชุมครั้งถัดไป

 

ส่วนสาเหตุที่การประชุมล่าช้ากว่า 10 ชั่วโมง เนื่องจากว่า รายละเอียดในหนังสือข้อตกลง เป็นสิ่งที่สำคัญ ส่งผลให้มีการเจรจาแก้ไขหลายครั้ง แต่ท้ายที่สุดทั้ง 2 ฝ่ายได้ข้อตกลงร่วมกัน โดยทางทหารไทยจะมีการติดตามการประเมินผลการแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์อย่างใกล้ชิด ด้วยการติดตามจากการแจ้งความออนไลน์

 

ด้าน พล.ต.สุรวิทย์ แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ตนมาร่วมประชุมวันนี้ และอยู่จนการประชุมเสร็จสิ้น เป็นภารกิจของกองทัพภาคที่ 1 ต่อจากผลการประชุม GBC ที่เกาะกง พร้อมกันนี้ได้ชี้แจง ว่า ขณะนี้มีข้อมูลปลอมเข้าสู่ระบบออนไลน์ ส่งผลให้ฝั่งประชาชนกัมพูชาตื่นตระหนกรวมไปถึงประชาชนคนไทยด้วย เนื่องจากในคลิป ระบุว่า จะมีการใช้กำลัง บริเวณพื้นที่บ้านหนองจานในวันที่ 26 กันยายน ยืนยันว่า ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่บิดเบือน และตัดต่อ โดยวันที่ตนเองระบุวันที่ 26 นั้น เป็นวันที่ 26 กรกฎาคม ขณะที่มีการสู้รบกันอยู่

 

เสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 ระบุอีกว่า หลังจากนี้จะติดตามการร่วมมือตามข้อตกลง GBC ทั้งเรื่องการเก็บกู้วัตถุทุ่นระเบิด ในจังหวัดสระแก้ว การแก้ปัญหาพื้นที่บ้านหนองจาน โดยวันพรุ่งนี้ (17 กันยายน) ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย จะมีการหารือร่วมกัน พร้อมกันนี้จะมีการตั้งคณะทำงานชุดเล็กในระดับอำเภอ เพื่อร่วมในการแก้ปัญหา จากนั้นจะนำผลการดำเนินการเข้าที่ประชุม GBC ในครั้งถัดไป

The post กัมพูชารับปากไทยแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ เตรียมเสนอแผนปฏิบัติการภายใน 1 เดือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
โลกปั่นป่วน ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยน: ไทย-อาเซียนหาทางรอด https://thestandard.co/thailand-security-dialogue-asean/ Tue, 16 Sep 2025 12:51:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1119807 thailand-security-dialogue-asean

ท่ามกลางระเบียบโลกที่ผันผวน และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน […]

The post โลกปั่นป่วน ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยน: ไทย-อาเซียนหาทางรอด appeared first on THE STANDARD.

]]>
thailand-security-dialogue-asean

ท่ามกลางระเบียบโลกที่ผันผวน และเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ‘การเผชิญหน้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์’ ถือเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกมาพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในงานสัมมนาความมั่นคงระดับนานาชาติ ‘Thailand Security Dialogue 2025’ ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 29-31 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในปีนี้จัดขึ้นภายใต้ธีม ‘สันติภาพและความมั่นคงในโลกที่ปั่นป่วน’ (Peace and Security in a Global Disruption)

 

เวทีแรกของงานในปีนี้พูดคุยกันในประเด็นเรื่องการเผชิญหน้าและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์: นัยต่อยุทธศาสตร์ความมั่นคง (Geopolitical Confrontation and Conflict: Implications for Security Strategies) ที่มุ่งเน้นการทำความเข้าใจภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ใหม่ โดยเฉพาะระเบียบโลกหลายขั้วอำนาจและพลวัตแห่งอำนาจ โดยมีผู้บัญชาการสูงสุดของทั้งไทย และแคนาดา รวมถึงผู้อำนวยการศูนย์ Think Tank และที่ปรึกษาวิจัยอาวุโสจากสหรัฐอเมริกาและสิงคโปร์ มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองกัน

 

สภาวะโลกใหม่ในปัจจุบัน

 

พลเอก เจนนี คาริญอง ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพแคนาดา ใช้คำว่า ‘โลกที่ผันผวน ไม่แน่นอน วุ่นวาย และคลุมเครือ’ (VUCA: Volatile, Uncertain, Chaotic, and Ambiguous) ในการอธิบายสภาวะของโลกปัจจุบัน พร้อมระบุว่ามีปัจจัยเร่งหลายประการที่ทำให้โลกอยู่ในสภาวะนี้ รวมถึงการรวมตัวกันของภัยคุกคามต่างๆ

 

ไม่ว่าจะเป็นการกลับมาของการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์, อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของรัฐบาลเผด็จการและการเสื่อมถอยของประชาธิปไตย, ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี รวมถึงระบบปฏิบัติการใหม่ๆ ที่เมื่อถูกนำมาใช้ในด้านการทหารแล้ว จะเปลี่ยนสมการทางยุทธศาสตร์หรือวิธีการทำสงครามอย่างสิ้นเชิง เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) รวมถึงการเพิ่มขึ้นของสงครามแบบอสมมาตรที่เทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ราคาถูกสามารถลบล้างระบบเดิมที่มีราคาแพงได้ และการเผชิญหน้ากันในโดเมนใหม่ๆ เช่น ไซเบอร์ และอวกาศ โดยทั้งหมดนี้เกิดขึ้นภายใต้ฉากหลังของ การแบ่งขั้วอำนาจ, ข้อมูลที่บิดเบือน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

 

พลเอก เจนนี เน้นย้ำว่า เหตุการณ์ในภูมิภาคหนึ่งสามารถส่งผลกระทบไปทั่วโลกได้ และอินโด-แปซิฟิกมีความสำคัญอย่างยิ่ง ‘ไม่มีประเทศใดสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้เพียงลำพัง’ พันธมิตรจึงมีความ ‘สำคัญมากกว่าที่เคย’

 

ความท้าทายต่อสันติภาพในอาเซียน

 

พลเอก ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการกองทัพไทย ชี้ว่า หนึ่งในความท้าทายที่สำคัญและเกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันของผู้คนคือ ข้อมูลที่บิดเบือน (Disinformation) และข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง (Misinformation) ซึ่งยากที่จะรับมือและควบคุมให้เป็นไปตามหลักจริยธรรม อีกทั้งประเด็นเรื่องวิกฤตในเมียนมา ซึ่งผูกโยงอยู่กับสันติภาพอาเซียน ก็มีความท้าทายอย่างมาก แม้จะมีฉันทมติ 5 ประการ แต่การดำเนินการยังไม่เป็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมมากนัก

 

พลเอก ทรงวิทย์ มองว่า กลไกต่างๆ ของอาเซียน ควรสามารถแก้ไขความขัดแย้งและนำไปสู่การแข่งขันได้ แต่ต้องอาศัยวิสัยทัศน์และความยืดหยุ่น (Resilience) และถ้าหากอาเซียนสามารถยกระดับกลไกความร่วมมือนี้ เพื่อรวมการมีส่วนร่วมจากภายนอกภูมิภาค เช่น แคนาดา หรือประเทศอื่นๆ ก็จะยิ่งทำให้เรามีกลไกที่เข้มแข็งขึ้นในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก

 

โดยหนึ่งในประเทศมหาอำนาจที่ถือว่ามีบทบาทอย่างมากต่อสันติภาพของภูมิภาคนี้คือ ‘สหรัฐอเมริกา’ ซึ่งกำลังถูกตั้งคำถามว่า สหรัฐฯ กำลังปรับเปลี่ยนทิศทางนโยบาย และหันหัวเรือออกห่างจากภูมิภาคนี้หรือไม่ 

 

ซูซานน์ ปัวนานี วาเรส-ลัม อดีตนายทหารหญิงระดับพลตรีของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาความมั่นคงเอเชีย-แปซิฟิก แดเนียล เค. อิโนะอุเอะ (DKI-APCSS) ในสหรัฐฯ ระบุว่า ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในทุกๆ ด้าน ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความมุ่งมั่นของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อภูมิภาคนี้ โดย พลตรี ซูซานน์ ยืนยันว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ถอนตัวออกจากภูมิภาคนี้ และความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ยังคงอยู่

 

เธอเน้นย้ำว่า ความสัมพันธ์และการทำงานเป็นทีมเป็นรากฐานของ ‘การบรรลุสันติภาพผ่านความแข็งแกร่ง’ (Peace Through Strength) โดยสหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนที่สนับสนุนอาเซียนมาอย่างยาวนาน ทั้งยังเป็นคู่เจรจาตั้งแต่ปี 1977 และให้ความช่วยเหลือกว่า 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ตั้งแต่ปี 2002 รวมถึงมีส่วนร่วมในการฝึกซ้อมทางทหารกว่า 120 ครั้งในภูมิภาคนี้ในหนึ่งปี  ซึ่งแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ ไม่ได้ถอยหนี หรือ ถอนตัวแต่ยังคงมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง 

 

ข้อมูลล่าสุดจาก Lowy Institute ระบุว่าระหว่างปี 2017-2024 สหรัฐฯ เป็นหุ้นส่วนด้านกลาโหมอันดับต้นๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยบทบาทของสหรัฐฯ ไม่ใช่การบังคับให้เลือกข้าง แต่เป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถ การทำงานร่วมกัน และความไว้วางใจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งสำคัญ

 

การเตรียมพร้อมรับมือกับการแข่งขันระหว่างมหาอำนาจ 

 

ดร. โจเซฟ เลียว ชิน ยง ที่ปรึกษาวิจัยอาวุโส S. Rajaratnam School of International Studies (RSIS) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง สิงคโปร์ ระบุว่า แม้จะไม่มีมุมมองที่เป็นเอกภาพในสหรัฐฯ ว่าจะรับมือกับ ‘จีน’ อย่างไร แต่ก็มีฉันทามติว่า จีนเป็น ‘ปัญหาที่กำลังเติบโตขึ้น’ สำหรับสหรัฐฯ แม้ ดร. โจเซฟ จะไม่มั่นใจว่า จะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ในเร็วๆ นี้หรือไม่ แต่เขาก็ยังเชื่อว่า ความสามารถในการพูดคุยกันยังคงมีความสำคัญอย่างมาก

 

ดร. โจเซฟยังมองว่า ที่ผ่านมา สหรัฐฯ เป็นนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ในปัจจุบันกำลังเผชิญความท้าทายจากการเปลี่ยนแปลงในแนวนโยบายสหรัฐฯ ที่มีความเป็น ‘ชาตินิยมทางเศรษฐกิจ’ (Economic Nationalism) มากยิ่งขึ้น โดยต้องการให้บริษัทต่างๆ กลับไปลงทุนในสหรัฐฯ มากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับในอดีต อีกทั้งสหรัฐฯ และจีนในปัจจุบันยังเปิดเผยมากขึ้นในเรื่องของ ‘การเลือกข้าง’ 

 

ดร. โจเซฟเสนอแนะว่า สิ่งที่ภูมิภาคนี้ทำได้คือ คิดและมองให้ไกลกว่าแค่สหรัฐฯ และจีน โดยพยายามขยายมุมมอง และให้ความสำคัญกับการสร้างความร่วมมือในภูมิภาค (Regionalism) ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และกระจายความสัมพันธ์ไปยังกลุ่มอื่นๆ

 

พร้อมทั้งคาดการณ์ถึงแนวโน้มในอนาคตว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวลงทั่วโลก ขณะที่ เทคโนโลยีจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและกิจการระหว่างประเทศ รวมถึงการทำสงคราม

 

ขณะที่ พลตรี ซูซานน์ เน้นย้ำถึงความสำคัญของ การจำลองสถานการณ์ และการจำลองการรบ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วที่เกิดจาก AI, ระบบอัตโนมัติ (Autonomous Systems) และการเรียนรู้ของเครื่องจักร (Machine Learning) ซึ่งจะครอบงำเราในอีก 3-5 ปีข้างหน้า โดยเราทุกคนจะต้องจัดการและเตรียมความพร้อมเรื่องเหล่านี้ร่วมกัน

 

ทางด้าน พลเอก ทรงวิทย์ ระบุว่า ในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ ไทยและอาเซียนพร้อมที่จะเสนอพื้นที่สำหรับความร่วมมือและการมีส่วนร่วม เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น แต่ในด้านการทหาร การมีส่วนร่วมทั้งหมดจะยึดผลประโยชน์ของประชาชนชาวไทยเป็นหลัก และจะร่วมมือกับทุกประเทศ ไม่ใช่แค่สหรัฐฯ และจีน แต่ยังรวมถึงประเทศจากยุโรปและอเมริกาใต้ หากเป็นประโยชน์ต่อผลประโยชน์ของไทยและภูมิภาคอาเซียนโดยรวม

 

ภาพ: THE STANDARD

The post โลกปั่นป่วน ภูมิรัฐศาสตร์เปลี่ยน: ไทย-อาเซียนหาทางรอด appeared first on THE STANDARD.

]]>
โปรดเกล้าฯ ‘มานิจ สุขสมจิตร’ นักหนังสือพิมพ์ เป็นราชบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์ https://thestandard.co/manit-suksomchit-appointed-royal-academician/ Tue, 16 Sep 2025 11:04:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1119747 มานิจ สุขสมจิตร นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นราชบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์

วานนี้ (15 กันยายน) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักน […]

The post โปรดเกล้าฯ ‘มานิจ สุขสมจิตร’ นักหนังสือพิมพ์ เป็นราชบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มานิจ สุขสมจิตร นักหนังสือพิมพ์อาวุโส ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นราชบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์

วานนี้ (15 กันยายน) ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งราชบัณฑิต รวมทั้งสิ้น 14 ราย โดยหนึ่งในนั้นคือ ‘มานิจ สุขสมจิตร’ นักวิชาการและผู้คร่ำหวอดในวงการสื่อสารมวลชน ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นราชบัณฑิต ประเภทวิชาสังคมศาสตร์ สาขานิเทศศาสตร์ สำนักธรรมศาสตร์และการเมือง

 

เส้นทางวิชาการและวิชาชีพ

 

มานิจ สำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และได้รับประกาศนียบัตรวิชาการหนังสือพิมพ์ชั้นสูงจากสหราชอาณาจักร ก่อนจะเข้าสู่วงการสื่อสารมวลชน ทั้งในฐานะผู้สื่อข่าวและอาจารย์พิเศษด้านกฎหมายและจริยธรรมสื่อให้กับมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่ง

 

มานิจยังเคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ นายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ประธานสมาพันธ์นักหนังสือพิมพ์แห่งอาเซียน และประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ รวมถึงปัจจุบันเป็นประธานมูลนิธิพัฒนาการสื่อมวลชนแห่งประเทศไทย และบรรณาธิการอาวุโสหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

 

ผลงานโดดเด่น

 

มานิจมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาภาษาและองค์ความรู้ด้านนิเทศศาสตร์ โดยเป็นกรรมการจัดทำ พจนานุกรมศัพท์นิเทศศาสตร์ ฉบับราชบัณฑิตยสภา และ พจนานุกรมศัพท์นิเทศศาสตร์ร่วมสมัย รวมถึงผลงานเขียนทางวิชาการ เช่น คู่มือกฎหมายน่ารู้สำหรับนักข่าว และ คำอธิบายกฎหมายการพิมพ์

 

ตลอดเส้นทางวิชาชีพ เขาได้รับเกียรติคุณและรางวัลสำคัญมากมาย เช่น รางวัล ‘นราธิปพงศ์ประพันธ์’ จากสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย และ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากหลายมหาวิทยาลัยชั้นนำ

The post โปรดเกล้าฯ ‘มานิจ สุขสมจิตร’ นักหนังสือพิมพ์ เป็นราชบัณฑิต สาขานิเทศศาสตร์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. ส่งตัวข้าราชการบรรจุใหม่ คนพิการ 4 ราย ย้ำ “ทุกคนคือพลังสำคัญของเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” https://thestandard.co/bma-new-civil-servants-disabled-2025/ Tue, 16 Sep 2025 10:49:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1119744 พิธีส่งตัวข้าราชการบรรจุใหม่ คนพิการ 4 ราย ที่ศาลาว่าการ กทม.

วันนี้ (16 กันยายน) เวลา 09.00 น. ภาณุมาศ สุขอัมพร ที่ป […]

The post กทม. ส่งตัวข้าราชการบรรจุใหม่ คนพิการ 4 ราย ย้ำ “ทุกคนคือพลังสำคัญของเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิธีส่งตัวข้าราชการบรรจุใหม่ คนพิการ 4 ราย ที่ศาลาว่าการ กทม.

วันนี้ (16 กันยายน) เวลา 09.00 น. ภาณุมาศ สุขอัมพร ที่ปรึกษาของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นประธานในพิธีการส่งตัวผู้ผ่านการคัดเลือก กรณีบรรจุใหม่ เพื่อไปทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการยังหน่วยงานต้นสังกัด โดยกล่าวว่า ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับทุกคนที่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกรุงเทพมหานคร การได้เข้ามารับราชการในนี้มิได้เป็นเพียงการเริ่มต้นเส้นทางอาชีพใหม่เท่านั้น แต่ยังมีความหมายที่สำคัญยิ่ง เนื่องจากเป็นการยืนยันว่ากรุงเทพมหานครคือพื้นที่แห่งโอกาส ที่เปิดกว้างและพร้อมต้อนรับบุคลากรทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไขของความแตกต่างทางร่างกายหรือสภาวะทางสุขภาพ

 

กรุงเทพมหานครเป็นองค์กรปกครองท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ มีหน่วยงานในสังกัดทั้งสิ้น 17 สำนัก 3 สำนักงาน และ 50 สำนักงานเขต นอกจากภารกิจที่สำคัญคือ การให้บริการ การดูแลความเรียบร้อยและทุกข์สุขของประชาชนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันคือการทำให้กรุงเทพมหานครเป็น ‘เมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน’ ตามวิสัยทัศน์ที่ว่า เมืองควรจะเอื้อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียมไม่ว่าจะเป็นเด็ก คนชรา ผู้พิการ คนจน คนทำงาน หรือใครก็ตามที่เลือกใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพมหานคร

 

“เชื่อมั่นว่าทุกคนล้วนมีศักยภาพ ความสามารถ และประสบการณ์ที่จะนำมาช่วยเสริมพลังให้กับองค์กร ไม่เพียงแค่ด้านทักษะหรือความรู้เท่านั้น แต่ยังรวมถึง ‘พลังใจ’ และ ‘มุมมองใหม่’ ที่จะช่วยเติมเต็มระบบราชการให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น อันจะนำไปสู่การตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง ขอให้ทุกคนมุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่ด้วยคุณค่าของตนเอง และจงตระหนักเสมอว่าหน้าที่ของข้าราชการ คือการรับใช้ประชาชนอย่างเต็มกำลัง หากเกิดอุปสรรคใด ๆ ขอให้ใช้วิชาความรู้ ความสามารถ และพลังใจ ร่วมกันแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนอย่างจริงจังและจริงใจ” ภาณุมาศ กล่าว

 

กรุงเทพมหานคร โดยสำนักงานการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ดำเนินการเรียกตัวผู้ผ่านการคัดเลือกตามประกาศผลการคัดเลือกคนพิการเพื่อบรรจุและแต่งตั้งเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ ครั้งที่ 1/2568 จำนวน 3 ตำแหน่ง ให้มารายงานตัวเพื่อบรรจุเข้ารับราชการ เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา 

 

ปรากฏว่ามีผู้ผ่านการคัดเลือกที่รายงานตัวแล้ว จำนวน 5 ราย เป็นกรณีบรรจุใหม่ จำนวน 4 ราย และเป็นข้าราชการกรุงเทพมหานครสามัญ จำนวน 1 ราย โดยจะทำการส่งตัวผู้ผ่านการคัดเลือกกรณีบรรจุใหม่ เพื่อไปทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการยังหน่วยงานต้นสังกัดในวันนี้ จำนวน 3 ตำแหน่ง 4 ราย ประกอบด้วย 1.เจ้าพนักงานธุรการปฏิบัติงาน 2 ราย 2.นักวิเคราะห์นโยบายและแผนปฏิบัติการ 1 ราย 3.นักวิชาการเงินและบัญชีปฏิบัติการ 1 ราย

 

ในการนี้ ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักงานการเจ้าหน้าที่ สำนักปลัดกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานคร (สำนักงาน ก.ก.) และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี ณ ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) เขตพระนคร

The post กทม. ส่งตัวข้าราชการบรรจุใหม่ คนพิการ 4 ราย ย้ำ “ทุกคนคือพลังสำคัญของเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน” appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานกว่า 1 ล้านเข็มฉีดยา เงิน 3.3 ล้านบาท ให้สธ. ดูแลสุขภาพประชาชน https://thestandard.co/princess-sirindhorn-donation-ministry-health/ Tue, 16 Sep 2025 10:33:17 +0000 https://thestandard.co/?p=1119737 เข็มฉีดยา

วันนี้ (16 กันยายน) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.น […]

The post กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานกว่า 1 ล้านเข็มฉีดยา เงิน 3.3 ล้านบาท ให้สธ. ดูแลสุขภาพประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เข็มฉีดยา

วันนี้ (16 กันยายน) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานในพิธีรับพระราชทานกระบอกพร้อมเข็มฉีดยาและเงินพระราชทาน จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยมีคณะผู้บริหารและผู้อำนวยการโรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ 11 แห่งเข้ารับเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์

 

กระทรวงสาธารณสุขได้รับพระราชทานกระบอกพร้อมเข็มฉีดยาขนาด 1 มิลลิลิตร จำนวน 1,001,600 เข็ม เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์ กระจายให้แก่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช 21 แห่ง โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 10 แห่ง โรงพยาบาลเทพรัตนเวชชานุกูลเฉลิมพระเกียรติ 60 พรรษา และโรงพยาบาลชัยพัฒน์ 5 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลใน 17 จังหวัดที่มีการระบาดของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน อาทิ เชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ตาก กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์

 

นอกจากนี้ยังพระราชทานเงิน 3.3 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลในมูลนิธิเทพรัตนเวชชานุกูล 11 แห่ง แห่งละ 300,000 บาท เพื่อใช้ดำเนินโครงการ ‘สร้างสุขสู่ชุมชน’ ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่รอบโรงพยาบาลที่ประสบปัญหาความเดือดร้อน

 

นพ.โอภาสกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณครั้งนี้ ซึ่งจะช่วยยกระดับการดูแลสุขภาพและคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ชนบทและห่างไกลอย่างเป็นรูปธรรม

The post กรมสมเด็จพระเทพฯ พระราชทานกว่า 1 ล้านเข็มฉีดยา เงิน 3.3 ล้านบาท ให้สธ. ดูแลสุขภาพประชาชน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผบ.ตร. เผยสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายในครึ่งวัน เริ่มวันนี้ https://thestandard.co/police-unlock-bank-account/ Tue, 16 Sep 2025 05:21:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1119617

วันนี้ (16 กันยายน) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บ […]

The post ผบ.ตร. เผยสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายในครึ่งวัน เริ่มวันนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (16 กันยายน) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เรียกประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับผู้บัญชาการตำรวจทั่วประเทศ เพื่อติดตามและสั่งการเร่งแก้ปัญหาการปลดล็อกบัญชี 

 

ก่อนการประชุม พล.ต.อ. กิตติ์รัฐได้เปิดเผยว่า เบื้องต้นให้ใช้คำว่าระงับบัญชีเฉพาะก้อนเงินที่พบความเกี่ยวข้องกับบัญชีผู้กระทำผิด ไม่ใช่การอายัดทั้งบัญชี แต่เป็นการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยว จากนั้นก็จะให้ผู้บริสุทธิ์ยืนยันหรือแสดงตัวใน 4 ประการ 1. ชื่อ-นามสกุล 2. เลขบัตรประชาชน 3. เลขบัญชีธนาคาร และ 4. ธนาคารที่เจ้าของบัญชีใช้ หากยืนยันและตรวจสอบพบว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง ก็จะปลดล็อกให้ภายในครึ่งวัน โดยจะเริ่มวันนี้เป็นวันแรก 

 

ซึ่งขั้นตอนเมื่อผู้เสียหายอยู่ในพื้นที่ใดก็ตาม สามารถแจ้งเหตุในพื้นที่นั้นๆ ได้ทันที ซึ่งไม่ใช่การผลักภาระให้กับประชาชน เป็นเพียงแค่การยืนยันตัวตนเพื่อความบริสุทธิ์กับทุกฝ่าย

 

ทั้งนี้ กระบวนการทั้งหมดพนักงานสอบสวนจะเร่งรัดประสานกับศูนย์ PCT ก่อนรวบรวมส่งไปให้ทาง AOC ที่เป็นศูนย์ใหญ่จัดการกับเรื่องนี้ โดยยึดการบริหารงานที่ตำรวจเคยมีประสบการณ์ในคดีใหญ่ๆ มาแล้ว ซึ่งกระบวนการทั้งหมดจะต้องรวดเร็วที่สุด และมาตรการนี้สามารถลดภาระให้กับ AOC ที่คู่สายปัจจุบันมีไม่เพียงพอต่อการรองรับกับผู้เสียหาย โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีการกำชับไปที่ 191 และ 1559 ให้ช่วยรองรับในการแก้ปัญหาให้กับผู้เสียหายที่เกิดขึ้นในขณะนี้

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐกล่าวว่า ยอมรับว่ามีการเรียกร้องจากพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ ในเรื่องของภาระสำนวนที่มากขึ้น ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นการบริหารภายในองค์กรที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องเร่งแก้ปัญหา โดยเฉพาะพนักงานสอบสวนที่ต้องพบกับอาชญากรรมรูปแบบที่เปลี่ยนไป ดังนั้น การบริหารจะต้องเปลี่ยนตามหรือเพิ่มจำนวนพนักงานสอบสวนให้มากขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว

 

ส่วนที่กระแสสังคมเรียกร้องว่า กระบวนการดังกล่าวจะทำให้มิจฉาชีพใช้โอกาสนี้ในการฟอกตัวหรือสร้างปัญหาให้กับประชาชนในหลายรูปแบบนั้น ตำรวจก็จะนำมาตรการเหล่านี้เข้ามาควบคุมเพื่อปิดกั้นไม่ให้เกิดช่องว่างสำหรับมิจฉาชีพ ซึ่งจากการคัดกรอง 2 วันที่ผ่านมา พบว่ามีการแจ้งความประมาณ 1,300 คู่สาย ตรวจสอบยืนยันความบริสุทธิ์ได้ 300 สาย ยืนยันไม่ได้ 1,000 สาย และจัดการปลดล็อกแล้ว 30 ราย

 

ส่วนกระแสข่าวว่าตำรวจเรียกรับผลประโยชน์ในการปลดล็อกบัญชีกับผู้เสียหาย หากมีหลักฐานให้ส่งข้อมูลมาให้ แล้วจะตรวจสอบว่าการเสียเงินนั้นเป็นไปตามกฎหมายหรือตามข้อบังคับหรือไม่ แต่หากไม่มีกฎหมายรองรับก็จะดำเนินการอย่างไม่ละเว้น

The post ผบ.ตร. เผยสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ภายในครึ่งวัน เริ่มวันนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รองโฆษกกรมราชทัณฑ์เผยทักษิณกำลังใจดีขึ้น บ่นคิดถึงหลาน https://thestandard.co/thaksin-misses-grandchildren/ Tue, 16 Sep 2025 03:06:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1119592

วันนี้ (16 กันยายน) กนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการ […]

The post รองโฆษกกรมราชทัณฑ์เผยทักษิณกำลังใจดีขึ้น บ่นคิดถึงหลาน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (16 กันยายน) กนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงอาการของทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งบังคับโทษ 1 ปี บอกว่า หลังจากที่ญาติมาเยี่ยมเมื่อวานนี้ ทักษิณมีกำลังใจดีขึ้น แต่มีบ่นคิดถึงหลาน และยังได้นำหนังสือธรรมะและหนังสือภาษาอังกฤษมาให้

 

ส่วนเช้าวันนี้ทักษิณได้ทานไข่ต้ม และกาแฟดำ ส่วนมื้ออื่นๆ ก็ทั่วไป เช่น ก๋วยเตี๋ยว และในช่วงเย็นเมื่อขึ้นเรือนนอน ประมาณ 17.00 น. จะมีการเปิดโทรทัศน์ให้ผู้ต้องขังดู ซึ่งเป็นรายการที่หลากหลายและผ่านการตรวจสอบว่าไม่มีผลต่อความมั่นคง ส่วนอาการความดันของทักษิณอยู่ในเกณฑ์ปกติ

 

ขณะที่ วันนี้ช่วงบ่าย วิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความประจำตัวของทักษิณ จะเดินทางเข้าเยี่ยมทักษิณภายในเรือนจำฯ ส่วนครอบครัวของทักษิณ มีแนวโน้มจะเข้าเยี่ยมอีกครั้งในวันพุธที่ 17 กันยายน หรือวันศุกร์ที่ 19 กันยายน เนื่องจากญาติสามารถเข้าเยี่ยมได้แค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง คือ วันพุธและวันศุกร์

The post รองโฆษกกรมราชทัณฑ์เผยทักษิณกำลังใจดีขึ้น บ่นคิดถึงหลาน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทร.ยืนยันผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ 3 จุดในตำบลชำราก จังหวัดตราดแล้ว เร่งให้รื้อสิ่งปลูกสร้าง-กลบคูเรต https://thestandard.co/thai-troops-evict-cambodian-forces/ Tue, 16 Sep 2025 02:46:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1119588

วันนี้ (16 กันยายน) พล.ร.ต. ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกก […]

The post ทร.ยืนยันผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ 3 จุดในตำบลชำราก จังหวัดตราดแล้ว เร่งให้รื้อสิ่งปลูกสร้าง-กลบคูเรต appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (16 กันยายน) พล.ร.ต. ปารัช รัตนไชยพันธ์ รองโฆษกกองทัพเรือ ระบุว่าตามที่มีกระแสข่าวฝ่ายกัมพูชาได้รุกล้ำดินแดนเข้าตั้งฐานปฏิบัติการ รวมถึงมีชาวกัมพูชาเข้ามาตั้งบ้านเรือน และใช้ประโยชน์ทำการเกษตร บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่บ้านชำราก ตำบลชำราก อำเภอเมืองจังหวัดตราด จำนวน 3 จุด ว่า บริเวณดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่ฝ่ายไทยอ้างสิทธิ์ ตาม MOU 43

 

เมื่อฝ่ายไทยตรวจพบสิ่งปลูกสร้าง ทางกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) จึงได้ยื่นหนังสือประท้วงมาโดยตลอดหลายครั้ง เพื่อให้ทางฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ที่ยังไม่ได้มีการปักปันดังกล่าว

 

ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ (RBC) กับทางภูมิภาคทหารที่ 3 กปช.จต. ได้หยิบยกประเด็นการรุกล้ำดังกล่าวอีกครั้ง

 

ปัจจุบันพื้นที่ในส่วนที่ถูกรุกล้ำมานั้น กปช.จต. ได้ผลักดันให้กำลังของฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่รุกล้ำเรียบร้อยแล้ว แต่ทางกัมพูชายังไม่ได้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือกลบคูเรตแต่อย่างใด ซึ่งขณะนี้ทางกองกำลังในพื้นที่ได้มีการเฝ้าติดตามสิ่งที่กัมพูชาได้ตกลงไว้ และเตรียมยกระดับมาตรการขั้นต่อไป หากไม่ได้รับความร่วมมือ

The post ทร.ยืนยันผลักดันกำลังฝ่ายกัมพูชาออกจากพื้นที่ 3 จุดในตำบลชำราก จังหวัดตราดแล้ว เร่งให้รื้อสิ่งปลูกสร้าง-กลบคูเรต appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพภาคที่ 2 เผยตรวจพบโดรนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 32 ครั้ง 57 ลำ https://thestandard.co/2nd-army-drones-thai-cambodia-border-32-times/ Mon, 15 Sep 2025 10:35:33 +0000 https://thestandard.co/?p=1119520 กองทัพภาคที่ 2

วันนี้ (15 กันยายน) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปส […]

The post กองทัพภาคที่ 2 เผยตรวจพบโดรนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 32 ครั้ง 57 ลำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพภาคที่ 2

วันนี้ (15 กันยายน) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ณ เวลา 14.00 น. ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กว่า ตรวจพบความเคลื่อนไหวและการปรับปรุงฐานที่มั่นของฝ่ายกัมพูชาในบางพื้นที่ ตรวจพบโดรนในพื้นที่แนวชายแดน 32 ครั้ง 57 ลำ ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์ 

 

การดำเนินงานด้านจิตอาสา ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน จังหวัดอำนาจเจริญ พล.ท. สิรภพ ศุภวานิช เจ้ากรมการทหารช่าง พร้อมด้วย ดร. เกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ร่วมกับ จิตอาสา 904, จิตอาสาพระราชทาน หน่วยงาน ภาครัฐ ภาคเอกชน, หัวหน้าส่วนราชการ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น, ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ร่วมพิธีมอบบ้านถวายเป็นพระราชกุศล และมอบสิ่งของอุปโภคบริโภคให้แก่ครอบครัว อาสาสมัครทหารพราน ประวิทย์ งามแสน ณ ตำบลชานุมาน อำเภอชานุมาน จังหวัดอำนาจเจริญ 

 

ศูนย์อำนวยการจิตอาสาพระราชทาน มณฑลทหารบกที่ 25, กำลังพลจิตอาสาพระราชทาน, ชุดช่างจิตอาสา จากบริษัท ศิริวัฒนา อินเตอร์พริ้นท์ จำกัด (มหาชน) และประชาชนจิตอาสา ติดตามความคืบหน้าการซ่อมแซมสถานศึกษา การติดตั้งฝ้าเพดานในอาคารเรียนทาสีผนังห้องและติดตั้งประตู ความคืบหน้าการซ่อมแซมร้อยละ 60 ณ โรงเรียนบ้านโคกกรม อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ 

 

กองทัพภาคที่ 2 ขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนขอให้รับข้อมูลข่าวสารด้วยวิจารณญาณ และติดตามเฉพาะช่องทางอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ หรือหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ ซึ่งสามารถตรวจสอบและยืนยันข้อเท็จจริงได้อย่างถูกต้อง เพื่อป้องกันความเข้าใจคลาดเคลื่อน จากข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง 

The post กองทัพภาคที่ 2 เผยตรวจพบโดรนในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา กว่า 32 ครั้ง 57 ลำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผบ.สูงสุด เผยเบื้องหลังวิกฤตชายแดนและยุทธศาสตร์ชาติในวันที่โลกเปลี่ยน https://thestandard.co/songwit-noonpakdee-interview-security-dialogue/ Mon, 15 Sep 2025 06:09:10 +0000 https://thestandard.co/?p=1119395 songwit-noonpakdee-interview-security-dialogue

ประเด็นสำคัญ   ชนวนร้อนการเมือง สู่ความขัดแย้งชายแ […]

The post ผบ.สูงสุด เผยเบื้องหลังวิกฤตชายแดนและยุทธศาสตร์ชาติในวันที่โลกเปลี่ยน appeared first on THE STANDARD.

]]>
songwit-noonpakdee-interview-security-dialogue

 

เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติ ‘Thailand Security Dialogue 2025’ ซึ่งเป็นเวทีหารือด้านยุทธศาสตร์ความมั่นคงที่รวบรวมนายทหารระดับสูง เอกอัครราชทูต นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญจากนานาประเทศ โดยมี พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธานและให้การต้อนรับบุคคลสำคัญ เช่น ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจากมาเลเซีย บรูไน และแคนาดา

 

การประชุมครั้งนี้จัดขึ้นตามเจตนารมณ์ของกองทัพไทย ที่ต้องการส่งเสริมบทบาทของไทยบนเวทีความมั่นคงระดับภูมิภาค แต่ขณะที่การหารือมุ่งไปที่ยุทธศาสตร์แห่งอนาคต สถานการณ์ที่ท้าทายที่สุดของไทยกลับเป็นความตึงเครียดบริเวณชายแดนฝั่งตะวันออกกับประเทศกัมพูชา เหตุปะทะรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นำไปสู่การลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูต และถือเป็นการหวนกลับมาของปัญหาความขัดแย้งครั้งประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะกรณีพิพาทปราสาทพระวิหารเมื่อ 14 ปีก่อน

 

ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว พล.อ. ทรงวิทย์ หนุนภักดี คือผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการบัญชาการ โดยไม่ใช่เพียงนายทหารที่เติบโตมาในสายงานเท่านั้น แต่ยังเป็นทายาทของ พล.อ. อิสระพงศ์ หนุนภักดี อดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประสบการณ์จากการดำรงตำแหน่งสำคัญอย่างแม่ทัพภาคที่ 1 ทำให้มีความเข้าใจต่อประเด็นชายแดนอย่างลึกซึ้ง และในวันที่ 30 กันยายนนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดท่านนี้กำลังจะเกษียณอายุราชการ

 

ดิฉันมีโอกาสพูดคุยกับ พล.อ. ทรงวิทย์ ในการสัมภาษณ์พิเศษของรายการ THE WORLD DIALOGUE ซึ่งเป็นการสนทนาที่บันทึกมุมมองของผู้นำสูงสุดทางทหารในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังเผชิญกับบททดสอบด้านความมั่นคงที่สำคัญ

 

พล.อ. ทรงวิทย์

 

ชนวนร้อนการเมือง สู่ความขัดแย้งชายแดน

 

วิกฤตครั้งนี้ซับซ้อนกว่าแค่การกระทบกระทั่งตามแนวชายแดนทั่วไป แต่ยังมีปัจจัยการเมืองภายในของทั้งสองประเทศเข้ามาเกี่ยวข้อง มีการวิเคราะห์ว่าฝ่ายกัมพูชาอาจใช้สถานการณ์ชายแดนเพื่อปลุกกระแสชาตินิยม เสริมความนิยมให้รัฐบาลในประเทศ


จุดเปลี่ยนสำคัญที่เพิ่มความไม่ไว้วางใจคือ การเผยแพร่ ‘คลิปเสียง’ ระหว่างสมเด็จฮุน เซน และ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ซึ่งส่งผลให้บรรยากาศทางการเมืองเปราะบางอย่างยิ่ง ทำให้การตอบสนองต่อวิกฤตในระดับรัฐบาลเป็นไปอย่างยากลำบาก และภาระหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยจึงตกอยู่กับกองทัพโดยตรง

 

เบื้องหลังแผน ‘จักรพงษ์ภูวนาถ’: การทำงานของกองทัพในภาวะวิกฤต

 

เมื่อการปะทะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 24 กรกฎาคม พล.อ. ทรงวิทย์ เปิดเผยถึงกระบวนการตัดสินใจและความร่วมมือของกองทัพในระดับสูง

 

“ตีสี่วันนั้นผมยังอยู่ในพื้นที่ พอทราบว่ามีการปะทะก็บินกลับมา และได้พูดคุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพว่าเราจะเดินกันอย่างไรต่อไป” ผบ.ทสส. เล่าถึงการรับมือในชั่วโมงแรก

 

การตัดสินใจสำคัญเกิดขึ้นในห้องบัญชาการรบเช้าวันนั้นคือ การอนุมัติให้ใช้ ‘แผนจักรพงษ์ภูวนาถ’ ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการร่วมของทั้ง 3 เหล่าทัพ เพื่อป้องกันอธิปไตย พล.อ. ทรงวิทย์ กล่าวถึงการตอบสนองของผู้นำทุกเหล่าทัพในขณะนั้นว่า “ผู้บัญชาการเหล่าทัพบอกว่าเราพร้อมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถและเหล่าทัพพร้อมที่จะปฏิบัติทั้งหมด ทุกคนก็ Align กำลัง ผมพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศไทยที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพลุกขึ้นมาร่วมมือกันในการปกป้องอย่างไม่มีข้อแม้”

 

สายการบังคับบัญชาและกำลังพลหลากหลายหน่วยงาน

 

พล.อ. ทรงวิทย์ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการทำงานของผู้บังคับบัญชาและกำลังพลในทุกระดับ ตั้งแต่แม่ทัพภาคที่ 2 (พล.ท.​ บุญสิน พาดกลาง) ซึ่งเป็นผู้ควบคุมยุทธศาสตร์ในพื้นที่ ไปจนถึงผู้บังคับหน่วยระดับยุทธวิธีอย่างผู้การกรมและผู้พัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ทำให้กองทัพสามารถตอบโต้ต่อสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

หัวใจสำคัญของภารกิจนี้คือ ความเสียสละของกำลังพลในระดับปฏิบัติการ

 

“ผมเชื่อว่าคนที่ปกป้องแผ่นดินนี้จริงๆ คือทหารตัวเล็กๆ ที่พร้อมจะแลกด้วยชีวิต…

ผมขอใช้โอกาสนี้สดุดีทุกๆ คน ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ บาดเจ็บ และท่านที่เสียชีวิตไปแล้ว”

 

พล.อ. ทรงวิทย์ ชี้ว่าภารกิจครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันของหลายหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นทหารหลัก ทหารพราน ตำรวจตระเวนชายแดน หรือสมาชิกกองอาสารักษาดินแดนจากกระทรวงมหาดไทย

 

จากสมรภูมิสู่โต๊ะเจรจา: ความหวังที่เป็นกลไกทวิภาคี

 

แม้การตอบโต้ทางทหารจะเป็นความจำเป็นเฉพาะหน้า แต่ พล.อ. ทรงวิทย์ ก็ย้ำว่าหนทางแก้ปัญหาระยะยาวต้องกลับสู่กระบวนการทางการทูต ผ่านกลไกสำคัญอย่าง คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) และคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC)

 

“ในมุมของกองทัพ เรายังยืนยันเหมือนเดิมว่าต้องปกป้องอธิปไตยตามเส้นเขตแดนของเรา ส่วนจุดที่ยังตกลงกันไม่ได้เรื่องเขตแดนก็ไปว่ากันในเวทีของ JBC ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศเป็นแกนนำ”

 

ผบ.ทสส. สะท้อนว่า แม้กองทัพจะพร้อมรบ แต่ก็เข้าใจดีว่าสันติภาพที่ยั่งยืนจะเกิดขึ้นได้จากการพูดคุยเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าเมื่อการเมืองและความไม่ไว้วางใจเข้าครอบงำ กลไกทางการทูตเหล่านี้ก็อาจหยุดชะงักลง

 

ยุทธศาสตร์ชาติในโลกที่เปลี่ยนแปลง

 

นอกเหนือจากปัญหาเฉพาะหน้า พล.อ. ทรงวิทย์ ยังมองไปถึงภาพใหญ่ของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เต็มไปด้วยการแข่งขันของมหาอำนาจ ซึ่งเป็นโจทย์ที่ท้าทายสำหรับไทย โดยย้ำถึงหลักการ ‘Partner of Choice’ หรือ ‘ไม่เลือกข้าง แต่เลือกเป็นประเด็น’ โดยมีความร่วมมือกับนานาชาติในมิติต่างๆ ตามผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และชี้ว่าไทยต้องใช้ประโยชน์จากที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่เป็น ‘ตัวเชื่อม’ (Connectivity) ระหว่างสองมหาสมุทรผ่านการกำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน

 

มุมมองและแผนชีวิตหลังเกษียณ

 

สำหรับชีวิตหลังเกษียณ พล.อ. ทรงวิทย์ วางแผนไว้อย่างเรียบง่ายคือ การกลับไปใช้เวลากับครอบครัว ทำงานด้านการศึกษาเพื่อตอบแทนสังคม และหาความสงบด้วยการบวชศึกษาธรรมะเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ ‘อีกบทบาทหนึ่งของชีวิตที่ไม่ต้องยึดติดกับยศถาบรรดาศักดิ์’

 

ในฐานะผู้สัมภาษณ์ ดิฉันสัมผัสได้ถึงความมุ่งมั่นของ พล.อ. ทรงวิทย์ ในการนำประสบการณ์และความรู้ทั้งหมดมาปรับใช้อย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับสถานการณ์คับขัน ท่านเป็นผู้ที่มองไปข้างหน้าอยู่เสมอ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่ลืมเพื่อนร่วมงานในทุกระดับ โดยเฉพาะความสูญเสียที่เกิดขึ้นกับกำลังพลซึ่งเป็นเรื่องที่ท่านรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ขณะที่โจทย์ใหญ่ของกองทัพไทยยังคงเป็นการวางยุทธศาสตร์เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่หลากหลาย ทั้งในระดับพรมแดนและภัยคุกคามรูปแบบใหม่ ซึ่งจะเป็นบททดสอบสำคัญของกองทัพในศตวรรษที่ 21 ต่อไป

 

ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม เรื่อง บทส่งท้าย ผบ.สูงสุด เปิดใจเบื้องหลังแนวรบไทย-กัมพูชา และรับมือภัยคุกคามใหม่ ได้ในรายการ THE WORLD DIALOGUE ทาง YouTube ช่อง THE STANDARD

 

 

The post ผบ.สูงสุด เผยเบื้องหลังวิกฤตชายแดนและยุทธศาสตร์ชาติในวันที่โลกเปลี่ยน appeared first on THE STANDARD.

]]>