Thailand – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 09 Jul 2025 13:24:01 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 สรุปปมสัมพันธ์ลับ ‘สีกากอล์ฟ’ สะเทือนวงการผ้าเหลือง บทเรียนวงการสงฆ์สะท้อน ‘อาบัติ’ ในโลกความจริง https://thestandard.co/seekagolf-monk-scandal/ Wed, 09 Jul 2025 13:24:01 +0000 https://thestandard.co/?p=1094776 คดีสีกากอล์ฟกับหลักฐานความสัมพันธ์พระสงฆ์ในจีวร สะเทือนวงการสงฆ์และศรัทธาในพุทธศาสนา

‘สีกากอล์ฟ’ กลายเป็นคลื่นระลอกใหญ่ที่สาดสะเทือนวงการผ้า […]

The post สรุปปมสัมพันธ์ลับ ‘สีกากอล์ฟ’ สะเทือนวงการผ้าเหลือง บทเรียนวงการสงฆ์สะท้อน ‘อาบัติ’ ในโลกความจริง appeared first on THE STANDARD.

]]>
คดีสีกากอล์ฟกับหลักฐานความสัมพันธ์พระสงฆ์ในจีวร สะเทือนวงการสงฆ์และศรัทธาในพุทธศาสนา

‘สีกากอล์ฟ’ กลายเป็นคลื่นระลอกใหญ่ที่สาดสะเทือนวงการผ้าเหลือง อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หลักฐานนับหมื่นที่โยงไปถึงพระผู้ใหญ่หลายรูป กลายเป็นประเด็นร้อนที่ไม่อาจซุกไว้ใต้อาสนะได้อีกต่อไป

 

เรื่องจริงในวันนี้ หากมองให้ดีมีบางส่วนที่คล้ายคลึงกับสิ่งที่ ‘อาบัติ’ ภาพยนตร์ไทยเคยตั้งคำถามไว้เมื่อเกือบสิบปีก่อน ว่าเหตุใดพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ถึงกลายเป็นพื้นที่ของความใคร่และอำนาจ

 

คำถามนั้นไม่ใช่แค่ ‘ใคร’ ผิดแต่คือ ‘ระบบ’ แบบไหนที่เปิดทางให้สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ?

 

จาก ‘ทิดอาชว์’ สู่เครือข่ายอื้อฉาว

 

เรื่องนี้ถูกจุดชนวนขึ้นเมื่อทิดอาชว์ หรืออดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ ลาสิกขาไปเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2568 อย่างกะทันหัน หลังมีคลิปวิดีโอความสัมพันธ์ของตัวเขากับสีกากอล์ฟ แพร่สะพัดในโลกออนไลน์ 

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขยายผลจากการตรวจค้นบ้านพักของสีกากอล์ฟ ในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งนำไปสู่การค้นพบจีวรจำนวนมากและโทรศัพท์มือถือที่บรรจุหลักฐานสำคัญ 

 

และนำพาไปสู่การเข้าตรวจสอบที่ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, วัดหลวงพ่อโสธร และวัดอื่นๆ จนสามารถรวบรวมรายชื่อพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องได้ 8 รูป

 

‘สีกากอล์ฟ’ หญิงวัย 35 ผู้เลือกพระมีฐานะ

 

สีกากอล์ฟคือหญิงสาววัยประมาณ 35 ปี ที่ให้การยอมรับว่าเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระสงฆ์หลายสิบรูป และบางรูปถึงขั้นมีบุตรร่วมกัน โดยให้ญาติเป็นผู้จดทะเบียนรับรองบุตรแทน 

 

เธอมีพฤติกรรมที่ชัดเจนในการเลือกเฉพาะพระสงฆ์ที่มีฐานะร่ำรวยและเข้าถึงง่าย พร้อมทั้งครอบครองจีวรของพระสงฆ์หลายสิบผืน รวมถึงโทรศัพท์มือถือ 4-5 เครื่องที่ใช้เป็นแหล่งเก็บรวบรวมหลักฐานทั้งหมด 

 

ปัจจุบันเธอได้แสดงความสำนึกผิดและพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างเต็มที่

 

วิกฤตศรัทธาจากความสัมพันธ์ฉาวกับพระชั้นผู้ใหญ่

 

จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (บก.ปปป.) และกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ทำให้ได้พบหลักฐานสำคัญคือ 

 

‘คลิปวิดีโอและภาพถ่ายกว่า 80,000 ไฟล์’ ในโทรศัพท์มือถือของสีกากอล์ฟ ซึ่งแสดงความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับพระสงฆ์หลายรูป

 

จากการพิสูจน์ตัวบุคคล สามารถระบุพระสงฆ์ที่เกี่ยวข้องได้แล้ว 8 รูป ซึ่งล้วนเป็นพระชั้นผู้ใหญ่ในวัดสำคัญ รวมถึงเจ้าคณะจังหวัดถึง 2 รูป ซึ่งมี 3 รูปที่มีหลักฐานชัดเจนถึงขั้นอาบัติปาราชิก ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงที่สุดทางพระวินัย ทำให้ขาดจากความเป็นภิกษุทันที 

 

โดยมีภาพใบหน้าปรากฏขณะมีเพศสัมพันธ์ในจีวร นอกจากนี้ยังมีผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดใหญ่ฝั่งธนบุรี และพระชั้นผู้ใหญ่อื่นๆ จากวัดสำคัญในภาคกลางและภาคตะวันออกที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย

 

ผลกระทบต่อพุทธศาสนาและกฎหมาย

 

  • พระสงฆ์ที่มีหลักฐานชัดเจนถึงขั้นอาบัติปาราชิก กำลังถูกดำเนินการให้ลาสิกขาโดยสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ทันที
  • พระสงฆ์บางรูปที่พบหลักฐานแต่ยังไม่มีคำสั่งลงโทษ ได้รับคำแนะนำให้ลาสิกขาเอง เพื่อลดผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของศาสนา
  • เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบเส้นทางการโอนเงินจำนวนมากจากพระสงฆ์หลายรูปมายังสีกากอล์ฟ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา แม้จะยังไม่มีผู้เสียหายแจ้งความ แต่ตำรวจมั่นใจว่าสามารถดำเนินคดีได้

 

‘อาบัติ’ ในโลกจริง

 

จากหลักฐานที่ปรากฏ ทำให้สังคมได้เห็นถึงการละเมิดพระวินัยขั้นร้ายแรง ซึ่งรวมถึง อาบัติปาราชิก ของพระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ การที่พระสงฆ์ ซึ่งควรเป็นผู้ถือศีลบริสุทธิ์และเป็นแบบอย่างทางจิตวิญญาณ กลับเข้าไปพัวพันกับความสัมพันธ์เชิงชู้สาว การใช้ชีวิตที่ฟุ่มเฟือย และอาจเข้าข่ายการกรรโชกทรัพย์ สะท้อนให้เห็นถึง ความเปราะบางของวินัยสงฆ์ และขาดกลไก การตรวจสอบภายในที่มีประสิทธิภาพ

 

เหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า กิเลสตัณหา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ ทรัพย์สิน หรืออำนาจ ยังคงสามารถครอบงำจิตใจผู้ที่ควรจะละวางได้ แม้จะอยู่ในผ้าเหลืองก็ตาม ความเสียหายที่เกิดขึ้นไม่ใช่เพียงแค่การที่พระต้องลาสิกขา แต่คือการกัดกร่อนศรัทธาและความเชื่อมั่นที่สาธุชนมีต่อสถาบันศาสนา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญทางจิตใจของสังคมไทย

 

‘อาบัติ’ ในภาพยนตร์

 

ภาพยนตร์เรื่องอาบัติ (2558) เคยเป็นประเด็นถกเถียงตั้งแต่ก่อนเข้าฉาย เนื่องจากเนื้อหา ที่ตีแผ่พฤติกรรมไม่เหมาะสมของพระสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการประพฤติผิดศีลธรรมทางเพศ 

 

ภาพยนตร์เล่าเรื่องราวของพระหนุ่มที่เข้ามาบวชในวัดชนบท และต้องเผชิญกับอดีตบาปของพระรูปอื่น รวมถึงเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่เกิดจากการกระทำผิดศีลธรรมเหล่านั้น

 

ในเวลานั้น หลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ บ่อนทำลายศรัทธาและนำเสนอภาพที่ไม่เหมาะสม ของพระพุทธศาสนา จนกระทั่งต้องมีการปรับแก้ชื่อและเนื้อหาบางส่วนก่อนได้รับอนุญาตให้ฉาย 

 

เมื่อพิจารณาจากกรณีสีกากอล์ฟ ในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ภาพยนตร์พยายามนำเสนอเมื่อเกือบสิบปีก่อนนั้น ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันหรือการบิดเบือน แต่เป็นภาพสะท้อนของปัญหาที่มีอยู่จริง ในวงการสงฆ์ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

The post สรุปปมสัมพันธ์ลับ ‘สีกากอล์ฟ’ สะเทือนวงการผ้าเหลือง บทเรียนวงการสงฆ์สะท้อน ‘อาบัติ’ ในโลกความจริง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพบกชี้แจงคลิปทหารไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ยืนยันเป็นการเข้าใจผิดขณะเตรียมพื้นที่ ไม่มีการรุกล้ำดินแดน https://thestandard.co/thai-army-border-standoff-vid/ Wed, 09 Jul 2025 11:40:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1094933

จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ ‘Army Military Force’ โพสต์คลิปวิดีโอ […]

The post กองทัพบกชี้แจงคลิปทหารไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ยืนยันเป็นการเข้าใจผิดขณะเตรียมพื้นที่ ไม่มีการรุกล้ำดินแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>

จากกรณีเฟซบุ๊กเพจ ‘Army Military Force’ โพสต์คลิปวิดีโอ และภาพ ทหารเขมร ปะทะคารมกับทหารพรานของไทย บริเวณ ด่านอานเสะ สุรินทร์ ติดกับจังหวัดพระวิหารพยายามรุกล้ำดินแดนฝั่งไทย และยกพวกเข้าไปขัดขวางทหารไทยที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยฝ่ายทหารเขมรพูดจาหยาบคาย ข่มขู่ และพยายามยั่วยุ ทหารไทย อยู่ตลอด ระหว่างปะทะคารมกัน ตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

 

ล่าสุดวันนี้ (9 กรกฎาคม) เวลา 16.30 น. พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม เวลา 09.00 น. โดยสื่อของฝ่ายกัมพูชาได้นำเสนอคลิปวิดีโอการโต้เถียงระหว่างเจ้าหน้าที่ทหารไทยและทหารกัมพูชา

 

จากการตรวจสอบของหน่วยที่เกี่ยวข้องพบว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นบริเวณช่องอานม้า ตำบลโซง อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของกองร้อยทหารพราน 2310 โดยกำลังพลประมาณ 7 นาย ได้จัดเตรียมสถานที่ เพื่อรองรับกิจกรรมภายในของหน่วย และกิจกรรมการตรวจเยี่ยมของผู้บังคับบัญชา

 

คาดว่าฝ่ายกัมพูชาเห็นว่าฝ่ายทหารไทยมีการปฏิบัติต่างไปจากวันปกติทั่วไป จึงอยากเข้ามาสังเกตการณ์ใกล้ๆ แต่เมื่อเข้าใกล้พื้นที่มากกว่าขอบเขตที่กำหนด ทหารไทยจึงแสดงตนเข้าชี้แจง และขอให้อยู่ในระยะที่เหมาะสม เป็นเหตุให้เกิดการโต้เถียงกันด้วยวาจาตามที่ปรากฏข่าว แต่ทั้งสองฝ่ายได้มีการอธิบายทำความเข้าใจกันจนเป็นที่เข้าใจกันทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้บริเวณที่ฝ่ายไทยจัดกิจกรรมมิได้เป็นการรุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้างแต่อย่างใด

The post กองทัพบกชี้แจงคลิปทหารไทยปะทะคารมกับทหารกัมพูชา ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ยืนยันเป็นการเข้าใจผิดขณะเตรียมพื้นที่ ไม่มีการรุกล้ำดินแดน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจไซเบอร์ ประชุมร่วม ปปง. เดินหน้ายึดทรัพย์ ‘ก๊ก อาน’ เจ้าของคาสิโนในปอยเปต-เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กว่า 1 พันล้านบาท https://thestandard.co/cyber-police-amlo-kok-an-assets/ Wed, 09 Jul 2025 11:33:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1094929

วันนี้ (9 กรกฎาคม) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรร […]

The post ตำรวจไซเบอร์ ประชุมร่วม ปปง. เดินหน้ายึดทรัพย์ ‘ก๊ก อาน’ เจ้าของคาสิโนในปอยเปต-เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กว่า 1 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (9 กรกฎาคม) กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือตำรวจไซเบอร์ ได้ประชุมร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อเดินหน้ายึดทรัพย์สินของ ก๊ก อาน เจ้าของอาคารคาสิโน 25 ชั้นในปอยเปต และเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่คาดว่ามีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านบาท 

 

การประชุมใช้เวลานานเกือบ 2 ชั่วโมง ได้มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบเส้นทางการเงินของก๊ก อาน โดยพบว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีของชาลอต นางแบบชื่อดัง และคดีอื่น ๆ อีก 3 คดี ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญนำไปสู่การออกหมายจับในประเทศไทยในข้อหาเป็นผู้มีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

 

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อประกอบสำนวนคดี เมื่อเสร็จสิ้นจะส่งให้อัยการพิจารณา หากอัยการมีความเห็นสั่งฟ้องศาล ทางตำรวจจะประสานกับกองการต่างประเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อยื่นเรื่องให้องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (อินเตอร์โพล) ออกหมายแดง เพื่อติดตามจับกุมก๊ก อาน

 

สุทธิศักดิ์ สุมน ผู้อำนวยการกองกฎหมาย ปปง. เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สินและการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ของก๊ก อาน พบว่ามีมูลค่ามากกว่า 1,000 ล้านบาท และเชื่อว่ายังมีทรัพย์สินอื่น ๆ อีกจำนวนมากที่ต้องสืบหาเพิ่มเติม รวมถึงทรัพย์สินที่เป็นสกุลเงินดิจิทัลและทรัพย์สินที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่ง ปปง. มีอำนาจในการตรวจสอบ อายัด และนำทรัพย์สินเหล่านี้มาขายทอดตลาดเพื่อคืนให้กับผู้เสียหาย

 

ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเส้นทางการเงินในอดีตของก๊ก อานที่ได้รับจากการประชุมร่วมกับ ปปง. จะถูกนำไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเชื่อมโยงกับบุคคลใดในประเทศไทยหรือกัมพูชาหรือไม่ เจ้าหน้าที่เชื่อว่าก๊กอานได้ถือครองทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์จำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ หากประเทศเหล่านั้นอยู่ในความร่วมมือของอินเตอร์โพล ก็มีแนวโน้มที่จะขอความร่วมมือในการตรวจสอบและอายัดทรัพย์สิน ส่วนจะมีคนไทยหรือผู้ใดรับผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง จะมีการขยายผลต่อไป

 

สำหรับกรณีของจุรี หรือ เชอร์รี่ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าเป็นลูกสาวของก๊ก อาน และมีข้อมูลว่าสวมสิทธิ์บัตรประชาชนคนไทย ข้อมูลของตำรวจยังขัดแย้งกับฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร ซึ่งจะต้องมีการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสืบค้นข้อมูลว่าคนไทยที่ถูกสวมสิทธิ์ยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ หรือเป็นการปลอมแปลงเอกสารสิทธิ์

 

ในวันพรุ่งนี้ (10 กรกฎาคม) พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ จะแถลงสรุปผลการตรวจค้น 20 จุด และรายละเอียดเพิ่มเติมในคดี ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในช่วงบ่าย ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับความคืบหน้าของคดีนี้ต่อไป

The post ตำรวจไซเบอร์ ประชุมร่วม ปปง. เดินหน้ายึดทรัพย์ ‘ก๊ก อาน’ เจ้าของคาสิโนในปอยเปต-เครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กว่า 1 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
กสศ. เร่งจัดสรรทุนเสมอภาครอบแรก ให้นักเรียนยากจนพิเศษ 8 แสนคน ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค. นี้ https://thestandard.co/equity-fund-disbursement-students/ Wed, 09 Jul 2025 08:35:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1094775 ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. แถลงข่าวโอนทุนเสมอภาครอบแรกให้เด็กยากจนทั่วประเทศ

วานนี้ (8 กรกฎาคม) ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื […]

The post กสศ. เร่งจัดสรรทุนเสมอภาครอบแรก ให้นักเรียนยากจนพิเศษ 8 แสนคน ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการ กสศ. แถลงข่าวโอนทุนเสมอภาครอบแรกให้เด็กยากจนทั่วประเทศ

วานนี้ (8 กรกฎาคม) ดร.ไกรยส ภัทราวาท ผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 21-24 กรกฎาคม 2568 กสศ. จะจัดสรรเงินอุดหนุนนักเรียนยากจนพิเศษอย่างมีเงื่อนไข หรือทุนเสมอภาค ให้แก่นักเรียนยากจนพิเศษกลุ่มที่ได้รับทุนต่อเนื่อง (รอบที่ 1) ตั้งแต่ช่วงชั้นอนุบาล 1 ถึง มัธยมศึกษาปีที่ 3 ในสถานศึกษามากกว่า 30,000 แห่งทั่วประเทศใน 6 สังกัด จำนวนราว 800,000 คน งบประมาณ 1,536 ล้านบาท ได้แก่ 

 

  • สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) 
  • กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) 
  • กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (บช.ตชด.) 
  • สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พ.ศ.) 
  • สำนักงานคณะกรรมการการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.)
  • สำนักการศึกษา กรุงเทพมหานคร (กทม.)

 

สำหรับนักเรียนกลุ่มใหม่ที่โรงเรียนจะคัดกรองเข้ามา กสศ. เปิดระบบให้ครูประจำชั้นที่ดำเนินการเยี่ยมบ้านในช่วงเปิดเทอม 1/2568 สามารถบันทึกข้อมูลแบบขอรับเงินอุดหนุนนักเรียน หรือ นร/กสศ.01 ระหว่างวันที่ 7-21 กรกฎาคม 2568 ผ่านเว็บไซต์ https://cct.eef.or.th/ หากมีข้อสงสัย คุณครูสามารถสอบถามได้ที่ 0 2079 5475 กด 1 หรือแอด LINE เพิ่มเพื่อนที่ LINE @cctthailand โดยนักเรียนกลุ่มใหม่นี้ กสศ. จะประกาศรายชื่อนักเรียนที่ผ่านเกณฑ์การคัดกรองในวันที่ 21 สิงหาคม 2568

 

“ในช่วงเปิดเทอมทุกปีเป็นฤดูกาลลงพื้นที่เยี่ยมบ้านของคุณครูประจำชั้นเพื่อสำรวจความเป็นอยู่ของลูกศิษย์ กสศ. ได้เปิดระบบให้คุณครูสามารถกรอกข้อมูลสถานะครัวเรือนของนักเรียนที่คุณครู พบว่าสมาชิกครัวเรือนมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อเดือนต่ำกว่าเส้นความยากจนของประเทศที่ 3,043 บาท เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกศิษย์ได้รับการพิจารณาสนับสนุนทุนเสมอภาค ซึ่งแทบทุกปีจะมีครัวเรือนมากกว่า 2 ล้านครัวเรือนได้รับการเสนอข้อมูลผ่านระบบเข้ามาให้ กสศ. และหน่วยงานต้นสังกัดทั้ง 6 หน่วยงานได้พิจารณาจัดสรรทุนเสมอภาค หากนักเรียนอยู่ในครัวเรือนยากจนหรือยากจนพิเศษ น้องๆ ก็จะได้รับการสนับสนุนเงินปัจจัยพื้นฐานนักเรียนยากจนและทุนเสมอภาค อย่างต่อเนื่อง 3 ปีการศึกษา ในวงเงินตั้งแต่ 1,000-7,200 บาทต่อปีการศึกษา ตามระดับการศึกษา ระดับความยากจนของครัวเรือน และตามที่ กสศ. และหน่วยงานต้นสังกัดทั้ง 6 สังกัดได้รับการจัดสรรงบประมาณจากทางรัฐบาลมาในแต่ละปี”

 

ดร.ไกรยส กล่าวว่า กสศ. ร่วมมือกับ 6 หน่วยงานต้นสังกัดสถานศึกษากว่า 30,000 แห่ง เพื่อสำรวจ 2 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ นำมาสู่ระบบฐานข้อมูลนักเรียนยากจนพิเศษทั้ง 1.3 ล้านคน เกิดระบบการช่วยเหลือนักเรียน ระบบการชี้เป้าและส่งต่อการสนับสนุนโอกาสทางการศึกษาในระดับสูงกว่าการศึกษาภาคบังคับ จากแหล่งทุนต่างๆ ทั้ง ภาครัฐ เอกชน มูลนิธิ และประชาชน เช่น กสศ. ส่งข้อมูลนักเรียนทุนเสมอภาคที่ยืนยันสิทธิ์ในระบบ TCAS ให้มหาวิทยาลัยเพื่อพิจารณาส่งเสริมหรือดูแลนักเรียนกลุ่มนี้ได้รับทุนการศึกษาต่อเนื่อง และรวบรวมแหล่งทุนการศึกษาภายใต้โครงการส่องทางทุน เพื่อช่วยผลักดันให้นักเรียนยากจนและด้อยโอกาสที่ต้องการศึกษาในระดับสูงกว่าภาคบังคับได้เข้าถึงแหล่งทุนการศึกษากว่า 156 แหล่งทุน และมีทุนการศึกษาจำนวนกว่า 451 ประเภททุนการศึกษา

 

สำหรับทุนเสมอภาคของ กสศ. เป็นเงินอุดหนุนอย่างมีเงื่อนไข สำหรับเด็กเยาวชนในครัวเรือนที่มีความยากจนระดับที่รุนแรง ในระดับที่แม้จะมีนโยบายเรียนฟรี แต่ยังมีอุปสรรคทำให้เด็กไม่สามารถมาเรียนได้ เช่น ไม่มีค่าเดินทาง ไม่มีค่าอาหาร ความห่างไกล ทุรกันดาร ขาดแคลนของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวัน และอุปกรณ์การเรียน กสศ. จึงจัดสรรทุนเสมอภาคเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการศึกษาในรายการที่นอกเหนือจากรัฐจัดสรรให้ เช่น ค่าเดินทางไปโรงเรียน ค่าอาหาร โดยนักเรียนผู้รับทุนต้องรักษาอัตราการมาเรียนไม่ให้น้อยกว่าร้อยละ 85 และมีพัฒนาการที่สมวัยตามเกณฑ์มาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข

 

ผลลัพธ์ของโครงการตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ช่วยป้องกันไม่ให้นักเรียนยากจนพิเศษหลุดออกจากระบบก่อนสำเร็จการศึกษาภาคบังคับ ผ่านอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษา และอัตราการศึกษาต่อในช่วงชั้นรอยต่อของการศึกษา (อ.3, ป.6, ม.3) 

 

ล่าสุดในปี 2567 มีนักเรียนกลุ่มยากจนพิเศษจำนวนรวม 1.34 ล้านคน ได้รับเงินอุดหนุนทุนเสมอภาคเพื่อบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องด้านการศึกษา พบอัตราการคงอยู่ในระบบการศึกษาอยู่ที่ร้อยละ 97.88

 

นอกจากนี้ กสศ. ยังพัฒนาต้นแบบระบบสารสนเทศเพื่อการคัดกรองความเสี่ยงของนักเรียนที่ครอบคลุมทุกมิติ (OBEC CARE) นำร่องใน 29 เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา จำนวน 1,136 โรงเรียน ใช้ข้อมูลต่อยอดในการส่งเสริมพัฒนาและการดูแลช่วยเหลือนักเรียนกว่า 280,000 คน และการจัดทำมาตรการป้องกันการเสี่ยงหลุดออกจากระบบการศึกษาเชิงรุกที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งเตรียมพร้อมขยายทั่วประเทศในปีการศึกษา 2568

The post กสศ. เร่งจัดสรรทุนเสมอภาครอบแรก ให้นักเรียนยากจนพิเศษ 8 แสนคน ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
แม่ทัพภาคที่ 2 เผย ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มคลี่คลาย นัดเจรจาไร้อาวุธสัปดาห์ละ 3 วัน ขอ ‘ฮุน เซน-ฮุน มาเนต’ รักษาสุขภาพ https://thestandard.co/thai-cambodia-border-situation-improving/ Wed, 09 Jul 2025 05:42:51 +0000 https://thestandard.co/?p=1094650 ชายแดนไทย-กัมพูชา

วันนี้ (9 กรกฎาคม) พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 […]

The post แม่ทัพภาคที่ 2 เผย ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มคลี่คลาย นัดเจรจาไร้อาวุธสัปดาห์ละ 3 วัน ขอ ‘ฮุน เซน-ฮุน มาเนต’ รักษาสุขภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชายแดนไทย-กัมพูชา

วันนี้ (9 กรกฎาคม) พล.ท. บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่จังหวัดสุรินทร์, ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี เพื่อนำสิ่งของพระราชทานมามอบให้ทหารที่มาปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดน พร้อมฝากให้กำลังพลปฏิบัติหน้าที่ด้วยความปลอดภัย ขอให้ผู้บังคับบัญชาดูแลความเป็นอยู่ของกำลังพลและดูแลสุขภาพตามที่ผู้บัญชาการทหารบกย้ำ เนื่องจากอยู่ในช่วงหน้าฝน

 

พล.ท. บุญสิน ยังระบุถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า จากสถานการณ์ช่องบก 28 พฤษภาคม 2568 จนถึงวันนี้สถานการณ์ดีขึ้นโดยมีการปรับกำลังที่ช่องบก รวมถึงมีมาตรการด้านเสริมการทำงานทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ แต่สถานการณ์จะดีขึ้นอีกหรือไม่ขึ้นอยู่กับนโยบายของผู้นำกัมพูชาได้ เพราะฝ่ายไทยไม่มีปัญหาใดๆ โดยเฉพาะในประเด็น 3 ปราสาทกับ 1 พื้นที่ ที่ทางกัมพูชาได้ยื่นเรื่องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ   

 

ส่วนประเด็นการสร้างรั้วแนวปราสาทตาเมือนธมว่า ต้องให้ระดับสูงพูดคุยกันก่อนจนเกิดความเข้าใจร่วมกันทั้งสองฝ่ายในเรื่องของเขตแดน มิเช่นนั้นอาจเกิดความขัดแย้งได้ เพราะทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาได้พูดคุยกันมาตลอด ซึ่งบางครั้งไม่เข้าใจกันเรื่องเส้นทางลาดตระเวน หรือทหารเปลี่ยนผลัดใหม่ก็ต้องเร่งทำความเข้าใจ จนทุกวันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

 

ทั้งนี้ผู้บังคับหน่วยระดับกองพันกองร้อยของทั้งสองฝ่ายก็ประสานพูดคุยกันจนทำให้สถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ขณะนี้รอสัญญาณความพร้อมในการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค (RBC) ไทย-กัมพูชา จากผู้นำทางฝ่ายกัมพูชา เพราะในส่วนของไทย ตนในฐานะประธาน RBC มีความพร้อมทุกวัน หากจะประชุมวันพรุ่งนี้ก็พร้อมเสมอ ซึ่งในการประชุมจะมีการปรับกำลังหรือถอนกำลัง หรือจะมีการเปิดด่านก็ให้เป็นไปตามขั้นตอน

 

“เรารอแค่ทางกัมพูชาเป็นหลัก หากแจ้งกลับมาพรุ่งนี้ก็พร้อม หรือวันนี้ก็พร้อม เพราะเป็นประธานเอง ไม่ยากอะไร”

 

พล.ท. บุญสิน กล่าวถึงกรณีที่กัมพูชาลาดตระเวนและมีการประชาสัมพันธ์เรื่องกระแสรักชาติว่า ถือเป็นเรื่องปกติ และทางไทยเองก็เชิญชวนให้ประชาชนมาเที่ยวชมปราสาทตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งมีหลายปราสาท ตั้งแต่ผามออีแดงจังหวัดศรีสะเกษ โดยยืนยันว่า 3 ปราสาท กับ 1 พื้นที่ที่เป็นประเด็น คนไทยสามารถมาได้ทั้งหมดเพราะเป็นเขตของไทยอยู่แล้ว และขอขอบคุณประชาชนที่ได้ร่วมกันมาท่องเที่ยวปราสาท ซึ่งกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้นานแล้ว โดยเฉพาะปราสาทตาเมือนธม รวมถึงปราสาทที่อยู่ใกล้เคียง 

 

พล.ท. บุญสิน ยังย้ำถึงกรณีที่จะครบวาระเกษียณในเดือนตุลาคมนี้ว่า ไม่มีปัญหา เพราะเชื่อมั่นว่า ผู้บังคับบัญชาจะคัดเลือกผู้มีความรู้ ความสามารถ มาเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 คนต่อไป ขณะที่ นโยบายปราบปรามคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์ ปัจจุบันปัญหานี้ลดไปมาก มีความเข้มงวดในมาตรการเข้า-ออกด่าน 

 

พล.ท. บุญสิน ระบุด้วยว่า ไม่กังวลประเด็นเสถียรภาพของรัฐบาล เพราะทหารทำหน้าที่ดูแลความมั่นคงของประเทศอยู่แล้ว ส่วนการเมืองก็เป็นระบบต้องแก้ไขตามระบอบประชาธิปไตย และในส่วนของทหารพร้อมทำงานแม้ว่าจะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี ขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายชัดเจนและทำเพื่อประเทศชาติ ทหารก็พร้อมจะตอบสนองอยู่แล้ว พร้อมระบุว่า กรณีที่กองทัพไทยขอการสนับสนุนกระสุนจากคณะที่ปรึกษาทางการทหารสหรัฐฯประจำประเทศไทย (จัสแมกไทย) ไม่เป็นความจริง ยืนยันไทยมีกระสุนเพียงพอ พร้อมที่จะปกป้องประเทศชาติ

 

ส่วนจะมีประเด็นอะไรฝากถึง สมเด็จ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและอดีตนายกรัฐมนตรี และ ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา หรือไม่ พล.ท. บุญสิน ย้ำว่า อยากให้ดูแลสุขภาพ และยังต้องการให้รัฐบาลทั้งสองประเทศแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปด้วยดี เพื่อความอยู่เย็นเป็นสุขของพี่น้องประชาชนทั้งไทยและกัมพูชา 

 

พล.ท. บุญสิน ยังเปิดเผยถึงกรณีนัดพบพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา ว่า พื้นที่สามเหลี่ยมมรกตมีการนัดพบกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อเจรจาสัปดาห์ละ 3 วัน โดยปราศจากอาวุธ ประกอบด้วย วันจันทร์ พุธ ศุกร์ ซึ่งทุกวันนี้ยังมีการนัดพบกันอยู่ ปัจจุบันสถานการณ์มีความคลี่คลายไปในเชิงบวกในทุกจุดของชายแดน 

 

ส่วนจะมีการริเริ่มสร้างศาลาตรีมุขเวอร์ชันสองเลยใช่หรือไม่ พล.ท. บุญสิน กล่าวว่า คงต้องรอสถานการณ์ดีขึ้น ความสัมพันธ์ดีขึ้น ก็จะมีการพัฒนา แต่ก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลทั้งสองประเทศ ซึ่งอาจมีการปรับปรุงเป็นแหล่งท่องเที่ยวก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาล 

 

พล.ท. บุญสิน กล่าวอีกว่า หากเกิดสถานการณ์ขึ้นจะจบภายใน 3 วัน หรืออาจจะเร็วกว่านั้น ซึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยบอกเหตุหลายอย่าง และการเตรียมพร้อมจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเราไม่อยากให้ใช้ความรุนแรงซึ่งกันและกัน มองว่าช่วงนี้เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น ย้ำว่ามั่นใจทุกอย่างจะจบก่อนตนเกษียณ ภายใน 2 เดือน

 

The post แม่ทัพภาคที่ 2 เผย ชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มคลี่คลาย นัดเจรจาไร้อาวุธสัปดาห์ละ 3 วัน ขอ ‘ฮุน เซน-ฮุน มาเนต’ รักษาสุขภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผบช.สอท. สั่งลุยค้นบ้านเป้าหมายในกรุงเทพฯ เพิ่ม หลังพบเชื่อมโยง ‘ก๊ก อาน’ ผู้ต้องหาคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ https://thestandard.co/kok-an-case-bangkok-raids/ Wed, 09 Jul 2025 05:20:33 +0000 https://thestandard.co/?p=1094637

วันนี้ (9 กรกฎาคม) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำ […]

The post ผบช.สอท. สั่งลุยค้นบ้านเป้าหมายในกรุงเทพฯ เพิ่ม หลังพบเชื่อมโยง ‘ก๊ก อาน’ ผู้ต้องหาคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (9 กรกฎาคม) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ชุดพนักงานสอบสวนไซเบอร์เข้าตรวจสอบบ้านเป้าหมายอีกหนึ่งหลังในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ซึ่งเชื่อว่ามีความเชื่อมโยงกับ ก๊ก อาน (Kok An) ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ หลังจากปฏิบัติการ ปิดตึกบัญชีม้า ล่านายทุนเขมร เมื่อวานนี้ (8 กรกฎาคม)

 

พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ปฏิบัติการดังกล่าวดำเนินการตั้งแต่เวลา 05.00 น. ถึง 17.00 น. ของวานนี้ เพื่อทลายเครือข่ายของ ก๊ก อาน บุคคลที่ใกล้ชิดกับผู้นำประเทศเพื่อนบ้าน (สมเด็จฮุนเซน) จากปฏิบัติการ สามารถตรวจค้นเป้าหมายได้ครบ 19 จุด และสามารถยึดรถหรูพร้อมเงินสดกว่า 27 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากการตรวจค้นเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ได้พบข้อมูลว่ายังมีเป้าหมายอีกหนึ่งจุดในกรุงเทพฯ ที่อยู่ใกล้เคียงกับจุดที่เข้าตรวจค้นไปแล้ว และมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับ ก๊ก อาน อย่างชัดเจน

 

ส่วนรายละเอียดของการลงพื้นที่ครั้งนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ในขณะนี้ ขอเวลาให้เจ้าหน้าที่รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วนก่อน จากนั้นจะให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง

The post ผบช.สอท. สั่งลุยค้นบ้านเป้าหมายในกรุงเทพฯ เพิ่ม หลังพบเชื่อมโยง ‘ก๊ก อาน’ ผู้ต้องหาคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทยเสนอ ‘ชุดไทย’ ขึ้นทะเบียนมรดกโลกยูเนสโก ปี 2569 ย้ำยึดหลักข้อเท็จจริง-เคารพวัฒนธรรมหลากหลาย https://thestandard.co/chud-thai-unesco-heritage/ Wed, 09 Jul 2025 04:41:04 +0000 https://thestandard.co/?p=1094618 chud-thai-unesco-heritage

วานนี้ (8 กรกฎาคม) ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม […]

The post ไทยเสนอ ‘ชุดไทย’ ขึ้นทะเบียนมรดกโลกยูเนสโก ปี 2569 ย้ำยึดหลักข้อเท็จจริง-เคารพวัฒนธรรมหลากหลาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
chud-thai-unesco-heritage

วานนี้ (8 กรกฎาคม) ประสพ เรียงเงิน ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้แจ้งยืนยันว่า รายการ ‘ชุดไทย: ความรู้ งานช่างฝีมือ และแนวปฏิบัติการแต่งกายชุดไทยประจำชาติ’ (Chud Thai: The Knowledge, Craftsmanship and Practices of the Thai National Costume) จะถูกบรรจุเข้าสู่การพิจารณาในที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ (Intergovernmental Committee for the Safeguarding of the Intangible Cultural Heritage) สมัยที่ 21 ในปี 2569

 

การเสนอดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายส่งเสริม Soft Power และอนุรักษ์มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมดำเนินการมาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2552 โดยปัจจุบันประเทศไทยมีรายการมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมที่ขึ้นบัญชีในระดับชาติแล้ว 396 รายการ และ ‘ชุดไทยพระราชนิยม’ ได้รับการขึ้นทะเบียนระดับชาติตั้งแต่ปี 2566 ก่อนที่คณะรัฐมนตรีจะมีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2567 ให้เสนอต่อยูเนสโกในระดับนานาชาติ

 

ประสพระบุว่า ชุดไทยเป็นเครื่องแต่งกายประจำชาติที่สะท้อนอัตลักษณ์และความวิจิตรของวัฒนธรรมไทย ผ่านงานช่างฝีมือจากหลากหลายภูมิภาค ถ่ายทอดผ่านลวดลาย เทคนิคการตัดเย็บ และการใช้ผ้าไทยในรูปแบบต่าง ๆ โดยเฉพาะ ‘ชุดไทยพระราชนิยม’ ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงศึกษาค้นคว้าและออกแบบขึ้นเมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2503 เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ความเป็นไทยสู่สายตาชาวโลก

 

ปัจจุบันชุดไทยพระราชนิยมได้รับการนำมาใช้ในหลายโอกาส ไม่ว่าจะเป็นงานพระราชพิธี งานพิธีการสำคัญ รวมถึงงานมงคลสมรส โดยแสดงถึงคุณค่าแห่งภูมิปัญญาไทย และยังเป็นแรงบันดาลใจต่อการออกแบบสร้างสรรค์ชุดไทยยุคใหม่อย่างต่อเนื่อง

 

สำหรับกระแสข่าวที่ระบุว่า ประเทศกัมพูชาเตรียมเสนอ ‘ประเพณีแต่งงาน’ เป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ และอาจมีการสอดแทรก ‘ชุดไทย’ นั้น กรมส่งเสริมวัฒนธรรมได้ตรวจสอบแล้ว พบว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากยูเนสโกอยู่ระหว่างการให้แต่ละประเทศปรับแก้แบบเสนอข้อมูลสำหรับรอบปี 2025-2026 และยังไม่มีหลักฐานว่ากัมพูชาจะอ้างอิงหรือสอดแทรก ‘ชุดไทย’ ในรายการที่เตรียมเสนอแต่อย่างใด

 

ประสพย้ำว่า การเสนอขึ้นทะเบียนกับยูเนสโกไม่ใช่การประกาศความเป็นเจ้าของทางวัฒนธรรม หากแต่เป็นการแสดงถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดในชุมชน และยูเนสโกส่งเสริมให้แต่ละประเทศยื่นเสนอวัฒนธรรมของตนอย่างโปร่งใส เคารพซึ่งกันและกัน และสามารถร่วมเสนอในลักษณะพหุภาคี (Multinational Nomination) ได้ หากมีรากวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกัน

 

เขายังยกตัวอย่างกรณี ‘ชุดแต่งกายเคบายา’ (Kebaya) ที่ถูกเสนอร่วมกันโดยสิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย บรูไน และไทย หรือ ‘โขน’ ของไทย และ ‘ลครโขล‘ ของกัมพูชา ที่เสนอแยกกันในปี 2561 โดยไม่เกิดความขัดแย้ง สะท้อนถึงแนวทางความร่วมมือบนพื้นฐานของมิตรภาพทางวัฒนธรรม

 

“การขึ้นทะเบียนชุดไทย จึงไม่ใช่การปิดกั้น แต่คือการเปิดประตู เพื่อถ่ายทอดความภาคภูมิใจในอัตลักษณ์ของเราให้กลายเป็นสมบัติร่วมของมนุษยชาติ” ประสพกล่าว พร้อมยืนยันว่ากระบวนการพิจารณาของยูเนสโกมีความโปร่งใส ตรวจสอบเนื้อหาอย่างละเอียด และส่งเสริมการอยู่ร่วมกันอย่างสง่างามในความหลากหลายทางวัฒนธรรม

 

ท้ายที่สุด กระทรวงวัฒนธรรมเชิญชวนประชาชนร่วมส่งแรงสนับสนุนให้ ‘ชุดไทย’ และ ‘มวยไทย’ ซึ่งอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาในปี 2569 และ 2571 ตามลำดับ ได้รับการขึ้นทะเบียนในระดับนานาชาติ เพื่อยกระดับ Soft Power ไทยบนเวทีโลกอย่างสร้างสรรค์

 

The post ไทยเสนอ ‘ชุดไทย’ ขึ้นทะเบียนมรดกโลกยูเนสโก ปี 2569 ย้ำยึดหลักข้อเท็จจริง-เคารพวัฒนธรรมหลากหลาย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิแจงไทม์ไลน์แต่งตั้ง-โยกย้ายตำรวจวาระปี 2568 ยังเดินหน้าตามกำหนดเดิม แม้นายกรัฐมนตรีจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ https://thestandard.co/thai-police-reshuffle-not-delayed/ Wed, 09 Jul 2025 04:39:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1094607 ข้าราชการตำรวจ

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ค […]

The post ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิแจงไทม์ไลน์แต่งตั้ง-โยกย้ายตำรวจวาระปี 2568 ยังเดินหน้าตามกำหนดเดิม แม้นายกรัฐมนตรีจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ข้าราชการตำรวจ

เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม ที่ผ่านมา พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ผู้ทรงคุณวุฒิ โพสต์เฟซบุ๊ก ใจความว่า การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ วาระประจำปี 2568 ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ.2567 ข้อ 7 การแต่งตั้ง ตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และจตช. ลงมาถึง ผบก. ให้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม เป็นต้นไป และ ก.ตร.พิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 สิงหาคมของทุกปี

 

ซึ่งการดำเนินการจะเริ่มจาก การประกาศอาวุโส การเสนอชื่อจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด การพิจารณาคณะกรรมการระดับกองบัญชาการ การพิจารณาคณะกรรมการระดับ ตร. และนำเข้าสู่การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อให้ความเห็นชอบ และนายกรัฐมนตรีจะนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งฯ ต่อไป

 

การแต่งตั้งระดับ รอง ผบก. ลงมาถึง สว. ให้ดำเนินการในห้วงระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม เป็นต้นไป และให้ออกคำสั่งแต่งตั้งภายใน 30 พฤศจิกายน ของทุกปี

 

การแต่งตั้งระดับ รอง สว.ถึง ผบ.หมู่ ในอำนาจ ผบ.ตร.หรือ ผบช.ให้ดำเนินการในห้วงเวลาระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป โดยให้ออกคำสั่งให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 มกราคมในปีถัดไป

 

โดยหากเป็นการแต่งตั้งในอำนาจ ผบก. ให้ดำเนินการในห้วงระยะเวลา ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม ออกคำสั่งให้เสร็จภายในเดือน กุมภาพันธ์ ของทุกปี การดำเนินการแต่งตั้ง จึงเป็นความรับผิดชอบของผู้มีหน้าที่และอำนาจในการดำเนินการให้เป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

 

ดังนั้นการเลื่อนระยะเวลาการแต่งตั้งวาระประจำปี จะกระทำมิได้ ยกเว้นจะเป็นไปตามที่กำหนดไว้ในกฎ ก.ตร.

 

“การแต่งตั้งนอกวาระประจำปีจะกระทำมิได้ เว้นแต่เป็นกรณีที่มีเหตุผลความจำเป็นของทางราชการอย่างยิ่ง โดยต้องได้รับความเห็นชอบจาก ก.ตร.”

 

เหตุผลความจำเป็นของทางราชการ หมายความว่า เหตุที่จะต้องดำเนินการคัดเลือกหรือแต่งตั้ง ไม่ว่ากรณีเพื่อประโยชน์ หรือเพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ

 

ดังนั้นขณะนี้ แม้ว่านายกรัฐมนตรีถูกคำสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี รวมถึงการปฎิบัติหน้าที่ประธานก.ตร. แต่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี ก็มีหน้าที่ในฐานะผู้รักษาการที่จะต้องรับผิดชอบปฏิบัติหน้าที่ประธาน ก.ตร. ในการประชุมการแต่งตั้งดังกล่าว

 

เมื่อรองนายกรัฐมนตรีผู้รักษาการแทนนายกรัฐมนตรีสามารถปฏิบัติหน้าที่ประธาน ก.ตร.แทนได้ จึงไม่ใช่เหตุผลความจำเป็นต้องเลื่อนการแต่งตั้งวาระประจำปี 2568 แต่อย่างใด

 

สำหรับการแต่งตั้งวาระประจำปี 2568 ก.ตร. ในการประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 มีมติรับทราบตามที่ ตร. กำหนดหลักเกณฑ์การประเมินเพื่อใช้ประกอบการจัดทำข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ระดับ ผบช. และจตช. ลงมาถึง ผบก. ในกลุ่มผู้มีความรู้ความสามารถร้อยละ 50 ของตำแหน่งว่าง ให้พิจารณาโดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน

 

โดยมีการกำหนดแบบประเมิน (หลักเกณฑ์และตัวชี้วัดต่างๆ) เป็นเครื่องมือให้ผู้บังคับบัญชาคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ให้มีมาตรฐานสำหรับการใช้ดุลยพินิจ

 

  1. การประเมินผลการปฏิบัติราชการดังกล่าว ประกอบด้วย คุณภาพผลการปฏิบัติงาน งานบรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว และการติดตามผลสัมฤทธิ์ของงาน
  2. ศักยภาพ อันได้แก่ ภาวะผู้นำ ความรู้ระเบียบกฎหมาย ความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติงาน การสื่อสาร การพัฒนาตนเอง
  3. อาวุโส การดำรงตำแหน่งระดับปัจจุบัน และอายุราชการรวม
  4. ความประพฤติ การรักษาวินัย และการปฏิบัติตามจริยธรรมตำรวจ

 

ซึ่งแนวทางประเมินนี้เป็นเรื่องใหม่ที่จะนำมาใช้ในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2568 ขอชื่นชมและขอขอบพระคุณ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ที่ได้นำเสนอหลักเกณฑ์และตัวชี้วัดไปใช้ในการพิจารณาดังกล่าวให้ ก.ตร. รับทราบและรับข้อสังเกตต่างๆไปดำเนินการให้ดียิ่งขึ้น อันจะส่งผลทำให้ข้าราชการตำรวจมีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ มีความเจริญก้าวหน้า เติบโตขึ้นดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยงานในระดับต่างๆด้วยความรู้ ความสามารถ ผลการปฏิบัติงาน ก่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ข้าราชการตำรวจทุกคนโดยเท่าเทียมกัน

 

อ้างอิง :

The post ก.ตร. ผู้ทรงคุณวุฒิแจงไทม์ไลน์แต่งตั้ง-โยกย้ายตำรวจวาระปี 2568 ยังเดินหน้าตามกำหนดเดิม แม้นายกรัฐมนตรีจะหยุดปฏิบัติหน้าที่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตม. ดอนเมือง จับผู้ต้องหาคนสำคัญเครือข่ายเว็บพนัน HYDRA888 พบเงินหมุนเวียนกว่า 11,520 ล้านบาท https://thestandard.co/hydra888-arrest-donmuang/ Wed, 09 Jul 2025 04:33:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1094609 hydra888-arrest-donmuang

วันนี้ (9 กรกฎาคม) เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอาก […]

The post ตม. ดอนเมือง จับผู้ต้องหาคนสำคัญเครือข่ายเว็บพนัน HYDRA888 พบเงินหมุนเวียนกว่า 11,520 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
hydra888-arrest-donmuang

วันนี้ (9 กรกฎาคม) เจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานดอนเมือง (ตม.ทอ.ดอนเมือง) จับกุม สตีเว่น ชุง เช็ง ล็อค (Steven Choong Seng Lok) อายุ 26 ปี สัญชาติมาเลเซีย ผู้ต้องหาคนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ HYDRA888 

 

การจับกุมเกิดขึ้นเมื่อสตีเว่น เดินทางมาจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย และกำลังผ่านโถงผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานดอนเมือง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.สนามบินดอนเมือง ซึ่งได้รับทราบเบาะแสก่อนหน้านี้ ได้เข้าควบคุมตัวสตีเว่น บริเวณหน้าประตูทางออกเครื่องบินทันที

 

สตีเว่นฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 1300/2567 ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ในข้อหา ร่วมกันจัดให้มีการเล่นการพนันออนไลน์โดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน

 

จากการสืบสวนพบว่า สตีเว่น เป็นเจ้าของบริษัท สปอร์ต แพลนเน็ต แวร์เฮาส์ จำกัด ซึ่งถูกใช้เป็นช่องทางในการหมุนเวียนเงินที่ได้จากเว็บไซต์พนันออนไลน์ HYDRA888 โดยมีมูลค่าการเงินหมุนเวียนตลอดทั้งปีสูงกว่า 11,520 ล้านบาท

 

ภายหลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวสตีเว่น ให้กับกองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 2 (สอท.2) เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

The post ตม. ดอนเมือง จับผู้ต้องหาคนสำคัญเครือข่ายเว็บพนัน HYDRA888 พบเงินหมุนเวียนกว่า 11,520 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
อย. – ปคบ. ทลายโรงงานน้ำกระท่อมเถื่อนสมุทรปราการ ยึดของกลางกว่า 2,000 ขวด https://thestandard.co/illegal-kratom-drink-raid/ Wed, 09 Jul 2025 04:10:23 +0000 https://thestandard.co/?p=1094592 illegal-kratom-drink-raid

วานนี้ (8 กรกฎาคม) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร […]

The post อย. – ปคบ. ทลายโรงงานน้ำกระท่อมเถื่อนสมุทรปราการ ยึดของกลางกว่า 2,000 ขวด appeared first on THE STANDARD.

]]>
illegal-kratom-drink-raid

วานนี้ (8 กรกฎาคม) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ร่วมมือกับ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้บุกเข้าทลายโรงงานลักลอบผลิตและจำหน่ายน้ำหวานผสมใบกระท่อมรายใหญ่

 

เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจสอบอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่ลักลอบผลิตเครื่องดื่มน้ำหวานผสมใบกระท่อม ยี่ห้อ ‘Seven-Eight’ ผลการตรวจสอบพบผลิตภัณฑ์น้ำหวานกว่า 2,000 ขวด จำนวน 13 รสชาติ คิดเป็นมูลค่าความเสียหายรวมกว่า 200,000 บาท

 

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังตรวจพบยาแก้ไอและยาแก้ปวดที่ถูกนำมาผสมกับน้ำกระท่อม ซึ่งเป็นส่วนผสมของเครื่องดื่มที่รู้จักกันในชื่อ ‘4 คูณ 100 โดยสินค้าเหล่านี้มีการโฆษณาและจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และมีการจัดส่งให้ผู้บริโภคในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดใกล้เคียง

 

จากการเข้าตรวจสอบภายในโรงงาน พบชายไทย 4 ราย พร้อมอุปกรณ์การผลิต อาทิ ถังต้มน้ำใบกระท่อมขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการยึดของกลางทั้งหมด และควบคุมตัวผู้กระทำผิดเพื่อสอบสวนขยายผลต่อไป

 

นพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการ อย. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การกระทำความผิดในครั้งนี้มีสองประเด็นหลัก 

 

  1. การผลิตอาหารที่ห้ามผลิตและจำหน่าย ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตามพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522
  2. การจำหน่ายยาที่ไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท ตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510

 

หากประชาชนพบเห็นหรือมีเบาะแสการลักลอบผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์ต้องสงสัยว่าผิดกฎหมายหรือไม่ได้รับอนุญาต สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สายด่วน อย. 1556, อีเมล [email protected], ตู้ ปณ. 1556 ปณฝ.กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี 11004 หรือที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ

 

บุกจับโรงงานน้ำกระท่อมผิดกฎหมายยี่ห้อ Seven-Eight บุกจับโรงงานน้ำกระท่อมผิดกฎหมายยี่ห้อ Seven-Eight บุกจับโรงงานน้ำกระท่อมผิดกฎหมายยี่ห้อ Seven-Eight บุกจับโรงงานน้ำกระท่อมผิดกฎหมายยี่ห้อ Seven-Eight

อ้างอิง :

The post อย. – ปคบ. ทลายโรงงานน้ำกระท่อมเถื่อนสมุทรปราการ ยึดของกลางกว่า 2,000 ขวด appeared first on THE STANDARD.

]]>