Thailand – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 30 Jul 2025 06:36:51 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ผบ.ทอ. ยืนยันพบโดรนผิดปกติ เหนือกองบิน 21 อุบลฯ-หลายพื้นที่ สั่ง ทอ.เปิดปฏิบัติการ Anti Drone ยิงตก ชี้ยังไม่พบกล้องสอดแนม-อาวุธ https://thestandard.co/unusual-drones-ubon-airbase/ Wed, 30 Jul 2025 06:36:51 +0000 https://thestandard.co/?p=1101708 ผู้บัญชาการทหารอากาศแถลงข่าวกรณีพบ โดรน ใกล้กองบิน 21 อุบลราชธานี

วันนี้ (30 กรกฎาคม) พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชา […]

The post ผบ.ทอ. ยืนยันพบโดรนผิดปกติ เหนือกองบิน 21 อุบลฯ-หลายพื้นที่ สั่ง ทอ.เปิดปฏิบัติการ Anti Drone ยิงตก ชี้ยังไม่พบกล้องสอดแนม-อาวุธ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผู้บัญชาการทหารอากาศแถลงข่าวกรณีพบ โดรน ใกล้กองบิน 21 อุบลราชธานี

วันนี้ (30 กรกฎาคม) พล.อ.อ. พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีโดรนจำนวนมากพยายามเข้ามาในพื้นที่กองบิน 21 จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ยอมรับว่ามีโดรนมาบินใกล้กองบิน 21 จังหวัดอุบลราชธานี จริง แล้วก็ยังมีอีกหลายที่ เท่าที่พบขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และกองทัพอากาศก็ได้มีระบบการตรวจจับอากาศยานไร้คนขับ (Anti Drone) 

 

พล.อ.อ. พันธ์ภักดียืนยันว่า โดรนดังกล่าวยังไม่ได้มีการโจมตีเข้ามา ที่กองบิน 21 แต่อย่างใด ส่วนจะเป็นโดรนสอดแนมหรือไม่นั้น เท่าที่ดูไม่มีกล้องถ่ายและไม่ได้ติดตั้งอะไรเพิ่ม ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบสาเหตุอยู่ ซึ่งพบว่าที่อื่นๆ ก็มี และพื้นที่กรุงเทพ ก็มีโดรนผิดปกติจำนวนมากเช่นกัน แต่ยังตรวจสอบไม่ได้เพราะอาจจะเป็นโดรนปกติ ขอยืนยันว่ากองทัพอากาศจะดูแลอย่างเต็มที่ ไม่ต้องเป็นห่วง

The post ผบ.ทอ. ยืนยันพบโดรนผิดปกติ เหนือกองบิน 21 อุบลฯ-หลายพื้นที่ สั่ง ทอ.เปิดปฏิบัติการ Anti Drone ยิงตก ชี้ยังไม่พบกล้องสอดแนม-อาวุธ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพไทยผิดหวังรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อเท็จจริง ยันมีหลักฐานไทยถูกโจมตีก่อน ชี้กองทัพกัมพูชาขาดวินัย-ทอดทิ้งทหารให้รบโดยลำพัง https://thestandard.co/thai-cambodia-border-dispute-truth-denial/ Wed, 30 Jul 2025 05:21:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1101646 กองทัพไทยแถลงตอบโต้กัมพูชา ปมเหตุปะทะชายแดนภูมะเขือ

วันนี้ (30 กรกฎาคม) พล.ต. วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการ […]

The post กองทัพไทยผิดหวังรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อเท็จจริง ยันมีหลักฐานไทยถูกโจมตีก่อน ชี้กองทัพกัมพูชาขาดวินัย-ทอดทิ้งทหารให้รบโดยลำพัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพไทยแถลงตอบโต้กัมพูชา ปมเหตุปะทะชายแดนภูมะเขือ

วันนี้ (30 กรกฎาคม) พล.ต. วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย ออกมาแสดงความผิดหวังต่อคำแถลงของกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ซึ่งได้ออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 โดยชี้แจงและแสดงจุดยืนต่อกรณีดังกล่าว ดังนี้

 

  1. ประเทศไทยยึดถือข้อเท็จจริง และไม่กล่าวหาโดยไร้หลักฐาน: จากข้อมูลที่กองทัพไทยเปิดเผยต่อสาธารณชนในการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงของกัมพูชา ยืนยันว่าทหารกัมพูชาได้เปิดฉากการยิงเข้ามายังที่มั่นทหารไทยบริเวณภูมะเขือ และช่องอานม้า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.30 น. มิได้เกิดจากการกล่าวหาโดยปราศจากมูลความจริง หากแต่ตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่หน้าแนวการวางกำลังของทหาร ซึ่งได้รับการตรวจสอบโดยหลายหน่วยงาน มีบันทึกเหตุการณ์ การสื่อสาร และพยานแวดล้อมที่ยืนยันชัดเจน

  

การที่ฝ่ายกัมพูชาปฏิเสธข้อเท็จจริงดังกล่าว มิใช่เพียงการเพิกเฉยต่อหลักฐานที่ปรากฏ แต่ยังบั่นทอนความเชื่อมั่นของกลไกสันติภาพในเวทีโลก ทั้งนี้ กองทัพไทยพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อกลไกผู้สังเกตการณ์ที่เป็นกลาง และยืนยันข้อเท็จจริงบนหลักฐานที่ตรวจสอบได้ เพื่อพิสูจน์ให้ประชาคมโลกเห็นว่า กองทัพไทยปฏิบัติตามคำมั่นอย่างเคร่งครัด ไม่ใช่แค่ออกมาพูดว่า ‘มุ่งมั่นและแน่วแน่’ แต่พิสูจน์ได้ด้วยการกระทำ

 

  1. พฤติกรรมของทหารกัมพูชาสะท้อนปัญหาภายในกองทัพตนเอง: การที่ทหารกัมพูชาบางหน่วยยังคงใช้อาวุธหลังการหยุดยิง สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพของการบังคับบัญชา และภาวะขาดวินัยในหมู่ทหารระดับผู้ปฏิบัติการ โดยการออกมาปฏิเสธความรับผิดชอบของรัฐบาลกัมพูชา ตอกย้ำว่า กองทัพกัมพูชาไม่สามารถควบคุมกำลังพลของตนเองได้ เข้าข่ายภาวะ ‘ล้มเหลวในการบังคับบัญชา’ หรือหากเลวร้ายกว่านั้น อาจเป็นการที่มีผู้มีเจตนาปล่อยให้เกิดความรุนแรงเพื่อหวังผลทางการเมืองบางประการ 

 

  1. ไทยยืนยันเจตนารมณ์สันติภาพ โดยเปิดรับการตรวจสอบจากกลไกที่เป็นกลาง: กองทัพไทยพร้อมให้ความร่วมมือกับกลไกระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ ทั้งในด้านการตรวจสอบข้อเท็จจริง การเข้าถึงพื้นที่ และการเปิดเผยข้อมูล โดยไม่มีสิ่งใดต้องปกปิด โดยฝ่ายไทยมั่นใจในความโปร่งใสของตนเอง และเชื่อมั่นว่าความจริงจะเป็นเครื่องยืนยันถึงความรับผิดชอบและความตั้งใจที่แท้จริง

 

  1. เรียกร้องให้กัมพูชาทบทวนตนเอง โดยหยุดกล่าวหาผู้อื่นโดยไม่แก้ปัญหาภายใน: ก่อนที่รัฐบาลกัมพูชาจะกล่าวหาประเทศอื่นว่าบิดเบือนความจริง ควรหันกลับไปตรวจสอบตนเอง ว่าเหตุใดคำสั่งหยุดยิงจึงไม่สามารถหยุดเสียงปืนในแนวหน้าได้ หากไม่สามารถควบคุมทหารให้ยุติการสู้รบหลังคำสั่งหยุดยิงได้


ย่อมหมายความว่า รัฐบาลขาดอำนาจในการควบคุมบังคับบัญชากองทัพของตนเองอย่างสิ้นเชิง หมายถึงความอ่อนแอและไร้เสถียรภาพของกองทัพ นำไปสู่ความไร้ศักดิ์ศรีของการเป็นชายชาติทหาร จึงขอเรียกร้องให้สังคมโลกประณามและจับตามองว่ากองทัพกัมพูชาเป็นกองทัพที่สร้างภัยคุกคามทั้งต่อภูมิภาคและประชาคมโลก

 

  1. เหตุการณ์ที่ทหารกัมพูชาใช้อาวุธประจำกายและอาวุธประจำหน่วยขนาดเล็กยิงเข้ามายังที่มั่นทหารไทยเมื่อคืนนี้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า ทหารกัมพูชาในแนวหน้าถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามลำพังในพื้นที่ห่างไกลโดยขาดการดูแล ส่งกำลังบำรุง จากกองทัพ โดยมีทหารกัมพูชาหลายนาย ยอมวางอาวุธและเข้ามอบตัวต่อทหารไทยในเวลาต่อมา

 

พฤติกรรมดังกล่าว มิใช่แค่ละเมิดคำสั่ง แต่ยังสะท้อน ‘สัญญาณอันตราย’ ว่ากองทัพกัมพูชาขาดความสามารถในการจัดการกำลังพลในยามวิกฤต ในขณะที่รัฐบาลกัมพูชากล่าวอ้างถึง ‘ความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่’ เพื่อสันติภาพในทุกบรรทัดของแถลงการณ์ 

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ชี้ให้เห็นว่าเป็นการปฏิบัติที่ไม่ได้หวังผลทางยุทธวิธี แต่เป็นการ ‘เรียกร้อง’ จากความรู้สึกถูกทอดทิ้ง ไม่มีเสบียง ไม่มีการหมุนเวียนกำลัง และขาดสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานในการดำรงชีพ สะท้อนว่ากองทัพกัมพูชาคือระบบอำนาจนิยมที่สร้างจากความหวาดกลัวและไร้มนุษยธรรม 

 

กองทัพไทยขอเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาและกองทัพกัมพูชา ‘หันกลับไปดูแลทหารของตัวเอง’ ก่อนที่จะกล่าวหาใครๆ ว่าบิดเบือนความจริง พฤติกรรมการแสดงออกที่เกิดขึ้น แสดงว่าพวกเขาเหนื่อยล้า หวาดกลัว หิวโหย และต้องการให้ ‘ผู้บังคับบัญชาของตนดูแลและแสดงความรับผิดชอบ’ มากกว่าออกมาแก้ตัว และโกหกซ้ำซาก

 

กองทัพไทย ขอยืนยันอีกครั้งว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นต่อกระบวนการสันติภาพโดยแท้จริง พร้อมดำเนินการอย่างโปร่งใส มีวินัย และยึดมั่นในพันธสัญญาที่ให้ไว้ต่อประชาคมระหว่างประเทศ ขอเรียกร้องให้กัมพูชากลับมาทบทวนตนเองอย่างจริงจัง และยุติพฤติกรรมการปฏิเสธความจริง ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการฟื้นฟูสันติภาพอย่างยั่งยืน

The post กองทัพไทยผิดหวังรัฐบาลกัมพูชาปฏิเสธข้อเท็จจริง ยันมีหลักฐานไทยถูกโจมตีก่อน ชี้กองทัพกัมพูชาขาดวินัย-ทอดทิ้งทหารให้รบโดยลำพัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมบัญชีกลาง ออกหนังสือด่วนที่สุด แจงระเบียบฯ ช่วยประชาชนพื้นที่ชายแดนได้ แม้ศูนย์พักพิงไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ https://thestandard.co/thailand-border-aid-regulation-update/ Wed, 30 Jul 2025 05:21:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1101641 กรมบัญชีกลาง

วันนี้ (30 กรกฎาคม) กรมบัญชีกลาง ได้เผยแพร่หนังสือด่วนท […]

The post กรมบัญชีกลาง ออกหนังสือด่วนที่สุด แจงระเบียบฯ ช่วยประชาชนพื้นที่ชายแดนได้ แม้ศูนย์พักพิงไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กรมบัญชีกลาง

วันนี้ (30 กรกฎาคม) กรมบัญชีกลาง ได้เผยแพร่หนังสือด่วนที่สุด ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 ถึงอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ลงนามโดย แพตริเซีย มงคลวนิช อธิบดีกรมบัญชีกลาง ซึ่งเป็นการตอบข้อหารือถึงแนวทางการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 โดยมีรายละเอียดดังนี้ 

 

ตามหนังสือที่อ้างถึงแจ้งว่า สถานการณ์การปะทะกันของกองกำลังไทย – กัมพูชา อันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 บริเวณชายแดนไทย – กัมพูชา ซึ่งสถานการณ์ได้ยกระดับความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เกิดการปะทะกันบริเวณแนวชายแดนในหลายพื้นที่ มีแนวโน้มว่าอาจจะยืดเยื้อและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าว พบว่า 

 

ส่งผลกระทบในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์ เบื้องต้นได้รับผลกระทบ 14 อำเภอ 75 ตำบล 960 หมู่บ้าน มีประชาชนได้รับผลกระทบ 189,679 ครัวเรือน 523,007 คน ผู้เสียชีวิต 14 ราย ผู้บาดเจ็บ 37 ราย

 

ต่อมามีการจัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับการอพยพของประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ 5 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 229 แห่ง แบ่งเป็น พื้นที่ที่มีสถานการณ์ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดบุรีรัมย์ และพื้นที่ที่ไม่มีสถานการณ์ ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมศูนย์พักพิงชั่วคราวเพื่อรองรับผู้อพยพ 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว โดยมีผู้อพยพรวม 127,001 คน

มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กรณีภัยอันเนื่องมาจากการกระทำของกองกำลังจากนอกประเทศ จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี (อำเภอนาจะหลวย อำเภอน้ำขุ่น และอำเภอน้ำยืน) จังหวัดศรีสะเกษ (อำเภอกันทรลักษ์) จังหวัดสุรินทร์ (อำเภอกาบเชิง อำเภอบัวเชด อำเภอปราสาท อำเภอพนมดงรัก อำเภอเมืองสุรินทร์ อำเภอลำดวน อำเภอศรีณรงค์ และอำเภอสังขะ) และจังหวัดบุรีรัมย์ (อำเภอบ้านกรวด และอำเภอละหานทราย)

 

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยพิจารณาแล้วเห็นว่า สถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งได้มีการยกระดับความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง เกิดการปะทะกันบริเวณแนวชายแดนในหลายพื้นที่ มีแนวโน้มว่าอาจจะยืดเยื้อและขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่มีสถานการณ์ดังกล่าวไปยังพื้นที่ปลอดภัยและสถานที่ชั่วคราว (ศูนย์พักพิงหรือศูนย์พักพิงชั่วคราว) เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิตและร่างกายของประชาชน

 

ทั้งนี้ ทำเลที่ตั้งของสถานที่ดังกล่าวต้องคำนึงถึงการตั้งอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ไม่มีอันตรายจากภัยคุกคามต่าง ๆ และอาจไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน แต่มีลักษณะเป็นพื้นที่เกี่ยวพันต่อเนื่องที่ได้รับการพิจารณาเมื่อเกิดภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน

 

จึงขอหารือว่า ผู้มีอำนาจประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ตามระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 ข้อ 20 สามารถดำเนินการประกาศให้พื้นที่ที่ได้จัดตั้งเป็นพื้นที่ปลอดภัยและสถานที่ชั่วคราว (ศูนย์พักพิงหรือศูนย์พักพิงชั่วคราว) สำหรับประชาชนผู้ซึ่งได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินอันเป็นผู้ประสบภัยพิบัติ เป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินได้หรือไม่ อย่างไร ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

 

ขณะที่ กรมบัญชีกลางพิจารณาแล้ว ขอเรียนว่า โดยที่ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 ข้อ 5 กำหนดนิยาม ‘ภัยพิบัติ’ หมายความว่า สาธารณภัย อันได้แก่ อัคคีภัย วาตภัย อุทกภัย … กองกำลังจากนอกประเทศ ตลอดจนภัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติ หรือมีบุคคลหรือสัตว์ทำให้เกิดขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายแก่ชีวิตร่างกายของประชาชนหรือทำให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินของประชาชน และ ‘ผู้ประสบภัยพิบัติ’ หมายความว่า ผู้ได้รับความเดือดร้อนหรือเสียหายจากภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน แต่ไม่รวมถึงส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐ

 

ทั้งนี้ ข้อ 20 กำหนดให้เมื่อภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้นในท้องที่ใดให้ผู้มีอำนาจดำเนินการประกาศในท้องที่นั้นเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน โดยต้องกำหนดพื้นที่และระยะเวลาของการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัตินั้นด้วย

 

กรณีตามข้อหารือ เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่า เมื่อจังหวัดได้พิจารณาประกาศให้ท้องที่ใดเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินแล้ว และมีความจำเป็นต้องมีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่ได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ ไปยังพื้นที่ปลอดภัยและสถานที่ชั่วคราว (ศูนย์พักพิงหรือศูนย์พักพิงชั่วคราว) ที่มีลักษณะเป็นพื้นที่เกี่ยวพันต่อเนื่อง เพื่อป้องกันอันตรายที่จะเกิดแก่ชีวิตและร่างกายของประชาชน ซึ่งทำเลที่ตั้งของสถานที่ดังกล่าวไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ได้มีการประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือฯ

 

กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องของการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติ ซึ่งจังหวัดย่อมสามารถดำเนินการได้ตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และหลักเกณฑ์การใช้จ่ายเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2563 ไม่ใช่กรณีที่ต้องประกาศให้พื้นที่ซึ่งเป็นที่ตั้งศูนย์พักพิงหรือศูนย์พักพิงชั่วคราวเป็นเขตการให้ความช่วยเหลือฯ แต่อย่างใด

The post กรมบัญชีกลาง ออกหนังสือด่วนที่สุด แจงระเบียบฯ ช่วยประชาชนพื้นที่ชายแดนได้ แม้ศูนย์พักพิงไม่ได้อยู่ในพื้นที่ภัยพิบัติ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘วิษณุ’ ขึ้นให้การศาลฎีกา คดีทักษิณ ชั้น 14 เผยเบื้องหลังการเตรียมรับตัว เจ้าตัวแนะอดีตนายกฯให้บวชหลังจบเรื่อง https://thestandard.co/thaksin-case-visanu-testimony/ Wed, 30 Jul 2025 05:08:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1101619 วิษณุ เครืองาม ขึ้นให้การศาลฎีกาในคดีทักษิณ ชินวัตร

วันนี้ (30 กรกฎาคม) เวลา 09.30 น. ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาขอ […]

The post ‘วิษณุ’ ขึ้นให้การศาลฎีกา คดีทักษิณ ชั้น 14 เผยเบื้องหลังการเตรียมรับตัว เจ้าตัวแนะอดีตนายกฯให้บวชหลังจบเรื่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
วิษณุ เครืองาม ขึ้นให้การศาลฎีกาในคดีทักษิณ ชินวัตร

วันนี้ (30 กรกฎาคม) เวลา 09.30 น. ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองนัดไต่สวน คดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 อัยการสูงสุดและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โจทก์ และ จำเลย มาศาล 

 

ส่วนจำเลยได้รับอนุญาตจากศาลไม่มาฟังการพิจารณา 

 

ศาลไต่สวนพยานจำเลยปาก ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร. วิษณุ เครืองาม โดยศาลอนุญาตให้โจทก์ (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ชักถามพยานเพิ่มเติมได้ตามที่เห็นสมควร 

 

ดร. วิษณุ ได้ส่งเอกสารประกอบการเบิกความล่วงหน้าต่อศาล 1 ฉบับ ทำให้วันนี้เป็นการที่ศาลซักถามเพิ่มเติมตามแต่ละข้อสงสัย โดยทางดร. วิษณุ ได้มีการแก้ข้อมูลในส่วนของเอกสาร 2 จุดก่อนจะเริ่มเบิกความ 

 

ดร. วิษณุ กล่าวย้อนไปตั้งแต่ก่อนที่จำเลย (ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) เดินทางกลับประเทศไทยวันที่ 22 สิงหาคม 2566 ว่า ได้มีการประชุมกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมเพื่อเตรียมพร้อมในการรับตัวนักโทษ

 

ที่ต้องมีการเตรียมพร้อม ด้วยเหตุผล 3 ข้อ คือหนึ่งจำเลยเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีถือเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองของประเทศไทย สองจำเลยน่าจะมีผู้ที่เห็นต่างถึงขั้นเป็นศัตรู และสามคาดว่าน่าจะมีการเจ็บป่วยเนื่องจากสูงอายุ

 

ดร. วิษณุ ได้เบิกความต่อศาลว่าได้เดินทางไปพิจารณาสถานที่กักขังของนักโทษหลายรายเพื่อประกอบการตัดสินใจแต่ไม่ได้มีการเตรียมการสำหรับการย้ายตัวไปรักษาพยาบาลนอกทัณฑสถาน แต่ทั้งนี้มีการหารือว่าหากมีการเจ็บป่วยจะต้องส่งตัวไปที่โรงพยาบาลใด

 

ซึ่งเบื้องต้นตั้งหลักให้เป็นโรงพยาบาลของรัฐบาลแต่หากมีอาการป่วยจำเพาะที่ต้องการหมอเฉพาะทางให้พิจารณาส่งไปตามโรงพยาบาลที่มีข้อตกลงร่วม (MOU)

 

ดร. วิษณุ ยังได้ระบุว่าได้รับข้อมูลการเดินทางกลับของทักษิณจากสื่อมวลชนซึ่งทำให้มีการเตรียมพร้อมเก้อหลายครั้ง จนกระทั่งได้รับการยืนยันจากเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูงและสถานทูต จึงทราบว่าจะเป็นวันที่ 22 สิงหาคม 2566

 

อย่างไรก็ตาม ดร. วิษณุ ไม่ได้เดินทางไปรับที่สนามบินแต่ได้มาพบทักษิณที่สถานพยาบาล ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ซึ่งได้เข้าไปพร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ได้พูดคุยกับทักษิณเป็นระยะเวลา 20 นาที ณ ขณะนั้นยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดถึงการพักโทษหรือการย้ายตัวคุมขัง แต่ทักษิณสอบถามตนเองเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษ ซึ่งต่อมาทักษิณได้ขอยื่นพระราชทานอภัยโทษโดยไม่ผ่านตนเองที่ตอนนั้นเป็นรักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

 

นอกจากนี้ยังได้พูดถึงปัญหาสุขภาพของทักษิณ และการออกกำลังกายในครั้งที่อยู่ต่างประเทศ โดยตนเองได้ให้คำแนะนำว่าหลังจากเสร็จสิ้นกระบวนการต่างๆตามกฎหมาย อยากให้ทักษิณได้บวชเข้าสู่ทางธรรม ซึ่งทักษิณแจ้งว่ามีปัญหาส่วนตัวเล็กน้อยจึงไม่สะดวก

 

ในช่วงกลางดึกของวันที่ 22 สิงหาคม ที่มีการย้ายตัวทักษิณเข้ารักษาตัวด่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ ตนเองได้ทราบข้อมูลภายหลังจากการส่งตัวแล้วจากปลัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งตนได้สอบถามว่าย้ายตัวไปโรงพยาบาลใด ทางปลัดฯจึงระบุว่าเป็นโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งก่อนหน้าทักษิณระบุว่าต้องการไปโรงพยาบาลเอกชน ซึ่งตามระเบียบเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว

 

ดร. วิษณุ ใช้เวลาเบิกความต่อศาลในฐานะพยานฝั่งจำเลย 34 นาทีรวมทั้งการตอบคำถามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ 

 

ทั้งนี้ ศาลนัดฟังคำสั่งการบังคับโทษเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ในวันที่ 9 กันยายน 2568 เวลา 10.00 น. และให้ออกหมายเรียกผู้บัญชาการเรือนจำคนปัจจุบันมา พร้อม ทักษิณ ชินวัตร จำเลยเข้าฟังคำสั่งศาล

 

วิษณุ เครืองาม ขึ้นให้การศาลฎีกาในคดีทักษิณ ชินวัตร

The post ‘วิษณุ’ ขึ้นให้การศาลฎีกา คดีทักษิณ ชั้น 14 เผยเบื้องหลังการเตรียมรับตัว เจ้าตัวแนะอดีตนายกฯให้บวชหลังจบเรื่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพภาคที่ 2 เผย กัมพูชายังไม่หยุดยิง พบคุกคาม ใช้โดรนสำรวจ-เพิ่มกำลัง-ใช้อาวุธโจมตี 4 พื้นที่ https://thestandard.co/cambodia-continues-border-attacks/ Wed, 30 Jul 2025 04:27:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1101595

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปส […]

The post กองทัพภาคที่ 2 เผย กัมพูชายังไม่หยุดยิง พบคุกคาม ใช้โดรนสำรวจ-เพิ่มกำลัง-ใช้อาวุธโจมตี 4 พื้นที่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์การสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ณ เวลา 10.00 น.

 

ภายหลังการเจรจาหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย ห้วงคืนวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ปรากฏการคุกคามของกองกำลังประเทศกัมพูชาใน 4 เหตุการณ์ ดังนี้

 

1. พื้นที่ช่องคานม้า ตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังของกำลังประเทศกัมพูชา และตรวจพบการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) บินตรวจการณ์การวางกำลังของฝ่ายเรา จากนั้นในห้วงกลางคืนมีการปะทะกันด้วยปืนเล็ก

 

2. พื้นที่ภูมะเขือ ตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังของกำลังประเทศกัมพูชา และตรวจพบการใช้อากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ตรวจการณ์การวางกำลังของฝ่ายเรา จากนั้นในห้วงกลางคืนมีการปะทะกันด้วยปืนเล็ก

 

3. พื้นที่ผามออีแดง กำลังประเทศกัมพูชาใช้อาวุธยิงสนับสนุน (ค.100) โจมตีเข้ามายังฐานปฏิบัติการฝ่ายเรา แต่ฝ่ายเราไม่มีการตอบโต้แต่อย่างใด (กำลังพลปลอดภัย)

 

4. พื้นที่ปราสาทตาเมือนธมและปราสาทตาควาย ตรวจพบการเพิ่มเติมกำลังของกำลังประเทศกัมพูชา

The post กองทัพภาคที่ 2 เผย กัมพูชายังไม่หยุดยิง พบคุกคาม ใช้โดรนสำรวจ-เพิ่มกำลัง-ใช้อาวุธโจมตี 4 พื้นที่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทบ. แถลงประณามกัมพูชา ละเมิดตกลงหยุดยิง โจมตีไทยต่อเนื่อง 3 จุด พร้อมเดินหน้ามาตรการเด็ดขาดโต้กลับ ป้องอธิปไตย-ความปลอดภัยคนไทย https://thestandard.co/thai-army-condemns-cambodia-ceasefire-breach/ Wed, 30 Jul 2025 04:08:55 +0000 https://thestandard.co/?p=1101578

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ที่กองทัพบก พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษ […]

The post ทบ. แถลงประณามกัมพูชา ละเมิดตกลงหยุดยิง โจมตีไทยต่อเนื่อง 3 จุด พร้อมเดินหน้ามาตรการเด็ดขาดโต้กลับ ป้องอธิปไตย-ความปลอดภัยคนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ที่กองทัพบก พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก อ่านแถลงการณ์กองทัพบก ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเมื่อคืนกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยยังคงใช้อาวุธปืนเล็กยิงก่อกวนตลอดทั้งคืนที่ผ่านมา โดยมีเนื้อหาดังนี้

 

ตามที่รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาได้ตกลงร่วมกันในการประกาศหยุดยิง เพื่อยุติการปะทะทางทหารบริเวณแนวชายแดน โดยข้อตกลงดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตั้งแต่เวลา 24.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 นั้น

 

กองทัพบกขอยืนยันว่า ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด โดยได้ระงับการใช้กำลังทุกรูปแบบ และลดกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ เพื่อเปิดโอกาสให้เกิดบรรยากาศแห่งสันติภาพ ความไว้เนื้อเชื่อใจ และความร่วมมือที่สร้างสรรค์ระหว่างทั้งสองประเทศ

 

อย่างไรก็ตาม กองทัพบกได้รับรายงานจากหน่วยในพื้นที่ว่า ในวันที่ 29-30 กรกฎาคม 2568 กองทัพกัมพูชาได้กระทำการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

1. พื้นที่ช่องคานม้า จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 เวลา 21.30 น. กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงเข้าใส่แนวกำลังฝ่ายไทย เป็นเหตุให้เกิดการปะทะจนถึงเวลา 22.00 น. จึงยุติ

 

2. พื้นที่เขาพระวิหาร บริเวณภูมะเขือและห้วยตามาเรีย จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 22.00 น. กองทัพกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กยิงอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับใช้อาวุธยิงสนับสนุนประเภทเครื่องยิงลูกระเบิด ฝ่ายไทยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิตามหลักสากลในการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเอง การยิงจากฝ่ายกัมพูชายังคงเกิดขึ้นเป็นระยะจนถึงช่วงเช้า วันที่ 30 กรกฎาคม 2568

 

3. พื้นที่ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เวลา 05.17 น. ตรวจพบการยิงเครื่องยิงลูกระเบิดจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในเขตแดนประเทศไทยอย่างชัดเจน

 

การกระทำของกองทัพกัมพูชาในครั้งนี้ ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างร้ายแรง นับเป็นครั้งที่สองภายหลังจากที่ข้อตกลงมีผลบังคับใช้ และสะท้อนถึงพฤติกรรมที่ไม่เคารพต่อพันธกรณีระหว่างประเทศ ตลอดจนเป็นการบ่อนทำลายความพยายามในการคลี่คลายสถานการณ์ด้วยสันติวิธี อีกทั้งยังส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความไว้วางใจที่ควรมีระหว่างสองประเทศ

 

กองทัพบกขอประณามการกระทำอันไม่รับผิดชอบของกองทัพกัมพูชาอย่างถึงที่สุด และขอแจ้งให้ทราบว่า ฝ่ายไทยจะยังคงดำรงตนอยู่บนหลักแห่งความอดกลั้น สันติภาพ และมนุษยธรรมอย่างสูงสุด

 

อย่างไรก็ดี หากมีการละเมิดต่อเนื่อง กองทัพบกจะดำเนินการตามขั้นตอนที่เหมาะสมและจำเป็นอย่างเด็ดขาด เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประชาชนไทยโดยไม่ละเว้น จึงเรียนมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

 

The post ทบ. แถลงประณามกัมพูชา ละเมิดตกลงหยุดยิง โจมตีไทยต่อเนื่อง 3 จุด พร้อมเดินหน้ามาตรการเด็ดขาดโต้กลับ ป้องอธิปไตย-ความปลอดภัยคนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
รัฐบาลเร่งคลี่คลายอุทกภัย 5 จังหวัด พร้อมวางแผนรับมือน้ำหลาก ส.ค.-ก.ย.นี้ https://thestandard.co/govt-flood-relief-5-provinces/ Wed, 30 Jul 2025 03:52:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1101567

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตร […]

The post รัฐบาลเร่งคลี่คลายอุทกภัย 5 จังหวัด พร้อมวางแผนรับมือน้ำหลาก ส.ค.-ก.ย.นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุวิภาที่ผ่านมา ส่งผลให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางด้านตะวันตก แม้พายุได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ และมีร่องมรสุมพาดผ่านในภาคเหนือเป็นเวลาต่อมา

 

รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการดำเนินงานผ่านศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ทั้ง 4 ลุ่มน้ำ ได้แก่

 

  • ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออกและลุ่มน้ำบางปะกง ณ จังหวัดระยอง ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรมสำคัญ โดยเร่งระบายน้ำลงทะเล และซ้อมแผน
  • ลุ่มน้ำโขงเหนือ ณ จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่รองรับน้ำจากเมียนมา ซึ่งแม่น้ำสาย แม่น้ำกก น้ำท่วมฉับพลันบ่อยครั้ง ได้ขุดลอกลำน้ำ เสริมแนวกั้นน้ำ เฝ้าระวังร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อวางแผนป้องกัน
  • ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดหนองคาย ประสานงานการระบายน้ำจากเขื่อนใน สปป.ลาว และเสริมคันกั้นน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงน้ำโขงล้นตลิ่ง
  • ลุ่มน้ำยม-น่าน ณ จังหวัดสุโขทัย น้ำเหนือส่วนมากเคลื่อนผ่านบริเวณนี้ จึงต้องบริหารจราจรน้ำข้ามลุ่มน้ำและข้ามจังหวัด ก่อนเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยได้ลดการปล่อยน้ำเพื่อควบคุมการเคลื่อนของน้ำในพื้นทีสุโขทัยได้อย่างปลอดภัย และรองรับน้ำไว้ใช้หลังฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนเกษตรกรในพื้นที่บางระกำโมเดลที่เสียสละให้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำ

 

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน แพร่ ตาก และสุโขทัย

 

ในส่วนของจังหวัดเชียงราย มี 8 อำเภอได้รับผลกระทบประมาณ 60,000 คน โดยเฉพาะในอำเภอแม่สายที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะคลี่คลายในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม

 

สถานการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พบว่ามีฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน บริเวณจังหวัดตาก โดยเฉพาะที่ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเมยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งในหลายจุด หน่วยงานในพื้นที่ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงภายใน 3-5 วัน

 

จังหวัดน่าน เป็นพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงสุดของประเทศ โดยบริเวณตำบลยอด อำเภอสองแคว มีฝนสะสมมากกว่า 500 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน 12 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 80,000 คน ขณะนี้ระดับน้ำกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ได้ปรับการระบายน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณฝนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในสัปดาห์หน้า

 

จังหวัดแพร่ ได้รับผลกระทบ 8 อำเภอ ขณะที่จังหวัดสุโขทัยได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วม โดยเร่งระบายน้ำทุกจุดเต็มศักยภาพ อีกทั้งได้เตรียมพร้อมพื้นที่ทุ่งบางระกำซึ่งใช้หน่วงน้ำได้ถึง 400 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม

 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้สั่งการให้บูรณาการบริหารจัดการในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอย่างใกล้ชิด โดยเร่งระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาที่รับน้ำมาจากภาคเหนือ ให้สอดคล้องกับน้ำท้ายเขื่อนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา

 

รวมถึงให้ประสานการบริหารระดับน้ำกับพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไปจนถึงเขื่อนพระรามหกและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับน้ำฝนระลอกใหม่ในเดือนสิงหาคม-กันยายน ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำ

 

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการสถานการณ์ร่วมกันอย่างเข้มแข็งตลอดช่วงฤดูฝนปีนี้ ได้แจ้งเตือนภัยครอบคลุมพื้นที่น้ำหลาก อุทกภัย ระดมความช่วยเหลือ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์และข่าวสารผ่านช่องทาง ได้แก่ Application และ Website: Nation Thai Water, LINE ไทยคู่ฟ้า และ ช่องทางแชท Facebook ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งเปิดให้สอบถามและติดตามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วน ปภ.เตือนภัย ที่โทรศัพท์หมายเลข 1748

 

ส่วนจะต้องมีการเตรียมการรับมือพายุลูกใหม่ในช่วงฤดูฝนหรือไม่ ประเสริฐ​กล่าวว่า ขณะนี้ก็อยู่ในช่วงฤดูฝนอยู่แล้ว ต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอด และยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีพายุลูกใหม่ๆ เกิดขึ้นในขณะนี้ แต่ก็มีการเตรียมมาตรการต่างๆ ไว้รอรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว

The post รัฐบาลเร่งคลี่คลายอุทกภัย 5 จังหวัด พร้อมวางแผนรับมือน้ำหลาก ส.ค.-ก.ย.นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
โปรจีโน่ อาฒยา แชร์ข้อความ 5 ภาษา ประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชายแดนไทย https://thestandard.co/atthaya-cambodia-ceasefire-violation/ Wed, 30 Jul 2025 03:06:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1101543

โปรจีโน่-อาฒยา ฐิติกุล โปรกอล์ฟหญิงมือ 2 ของโลก วัย 22 […]

The post โปรจีโน่ อาฒยา แชร์ข้อความ 5 ภาษา ประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชายแดนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>

โปรจีโน่-อาฒยา ฐิติกุล โปรกอล์ฟหญิงมือ 2 ของโลก วัย 22 ปี ออกมาแสดงจุดยืนในประเด็นความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา ด้วยการแชร์โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย 5 ภาษา (ไทย, อังกฤษ, จีน, ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส) ใน Instagram stories ถึงชาวโลก หลังมีรายงานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงที่มีผลบังคับใช้ตั้งแต่เที่ยงคืนวันที่ 28 กรกฎาคม.

 

โดยข้อความระบุว่า “กัมพูชาละเมิดหยุดยิง! กองทัพไทยยืนยันตอบโต้หากถูกล้ำอธิปไตยอีกครั้ง!”

 

ก่อนหน้านี้ไทยและกัมพูชาบรรลุข้อตกลงหยุดยิงโดยไม่มีเงื่อนไข หลังเกิดเหตุปะทะต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วัน โดยมีการเจรจาผ่านฝ่ายกลางที่ประเทศมาเลเซีย และกำหนดให้มีผลตั้งแต่เวลา 00.00 น. ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568

 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงดึกของวันที่ 29 กรกฎาคม และมีรายงานว่า กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง เปิดแนวปะทะพื้นที่ภูมะเขือด้วยอาวุธปืนเล็ก สลับระเบิดขว้าง โดยทหารของไทยยังคงทำหน้าที่ปกป้องตนเอง

 

การออกมาเคลื่อนไหวของโปรจีโน่ในครั้งนี้ จึงถือเป็นหนึ่งในเสียงจากคนไทยที่ได้รับความสนใจจากต่างชาติ โดยเฉพาะในแวดวงกีฬากอล์ฟที่เธอสร้างชื่อเสียงไว้อย่างต่อเนื่อง

The post โปรจีโน่ อาฒยา แชร์ข้อความ 5 ภาษา ประณามกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงชายแดนไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษก ทบ. เผย กัมพูชาละเมิดข้อตกลง ถูกโจมตี ‘ภูมะเขือ-ช่องอานม้า’ ทำให้มีการตอบโต้ตลอดคืน https://thestandard.co/army-spokesperson-border-monitoring-phumakuea/ Wed, 30 Jul 2025 02:54:44 +0000 https://thestandard.co/?p=1101538 โฆษก ทบ.

วันนี้ (30 กรกฎาคม) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เป […]

The post โฆษก ทบ. เผย กัมพูชาละเมิดข้อตกลง ถูกโจมตี ‘ภูมะเขือ-ช่องอานม้า’ ทำให้มีการตอบโต้ตลอดคืน appeared first on THE STANDARD.

]]>
โฆษก ทบ.

วันนี้ (30 กรกฎาคม) พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมช่วงกลางคืน มีเหตุใช้อาวุธปะทะกัน 2 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่ช่องอานม้า เวลา 21.30 น. มีเหตุการณ์ทหารกัมพูชาได้มีการใช้อาวุธปืนเล็กยิงเข้ามายังที่ตั้งทหารไทย

 

ทำให้ทหารไทยต้องยิงตอบโต้กลับไป และเกิดการยิงตอบโต้กันไปมา ใช้เวลา 30 นาที เสียงปืนจึงได้สงบลง และที่บริเวณพื้นที่ภูมะเขือ เวลา 22.00 น. ฝ่ายกัมพูชาใช้ทั้งอาวุธปืนเล็ก และปืน ค. ยิงใส่ที่ตั้งทหารไทย ทำให้ทหารไทยต้องยิงตอบโต้กลับไป จึงทำให้เกิดการยิงตอบโต้กันไปมาตลอดเกือบทั้งคืน

 

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเป็นการแสดงถึงท่าทีที่ไม่ตั้งใจจริงของกัมพูชา เจตนาที่จะละเมิดในข้อตกลงที่รัฐบาลทั้งสองประเทศตกลงกันแล้ว ซึ่งฝ่ายไทยเองปฏิบัติตามพันธกรณีที่รัฐบาลทั้งสองตกลงกันแล้วอย่างเคร่งครัด จึงขอประณามต่อการกระทำดังกล่าวอีกเป็นครั้งที่ 2 เชื่อว่าจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของกัมพูชาอย่างรุนแรงในสายตาของชาวโลกต่อการกระทำในลักษณะเช่นนี้

 

ขณะที่ พ.อ. ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดน ช่วงเช้าของวันที่ 30 กรกฎาคม 2568 แม้จะมีข้อตกลงหยุดยิง แต่ทางฝ่ายกัมพูชายังไม่หยุด โดยได้รับแจ้งจากหน่วยในพื้นที่ภูมะเขือ ตั้งแต่เวลาประมาณ 04.15-05.25 น. ยังมีการยิงก่อกวนเข้ามาอย่างต่อเนื่องถึงเช้า ทหารไทยจะจำเป็นต้องตอบโต้ตามสถานการณ์

 

ทั้งนี้ เรียงไทม์ไลน์ช่วงกัมพูชาใช้อาวุธปืนยิงฝั่งไทยตั้งแต่ช่วงกลางคืนที่ผ่านมา (29 ก.ค.) ดังนี้

 

  • เวลา 22.24 น. กองทัพบก แจ้ 2 จุด ภูมะเขือ อานม้า
  • เวลา 23.27 น. กองทัพบก แก้ไขเป็นที่ภูมะเขือที่เดียว
  • เวลา 01.43 น. กองทัพบกขออภัย สรุป 2 พื้นที่ ภูมะเขือและช่องอานม้า (ปะทะแค่ 30 นาที)
  • เวลา 04.15-05.25 กองทัพบกเผย ภูมะเขือยังมียิงก่อกวนเข้ามาต่อเนื่อง

The post โฆษก ทบ. เผย กัมพูชาละเมิดข้อตกลง ถูกโจมตี ‘ภูมะเขือ-ช่องอานม้า’ ทำให้มีการตอบโต้ตลอดคืน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2568 https://thestandard.co/thailand-royal-pardon-announcement-2025/ Wed, 30 Jul 2025 01:27:49 +0000 https://thestandard.co/?p=1101502 พระราชทานอภัยโทษ

วานนี้ (29 กรกฎาคม) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชกฤษ […]

The post ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
พระราชทานอภัยโทษ

วานนี้ (29 กรกฎาคม) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2568 โดยมีรายละเอียดระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า

 

ทรงพระราชดำริเห็นว่า ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2568 เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป

 

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 และมาตรา 179 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 261 ทวิ วรรคสอง แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติม โดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2517 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้

 

สำหรับพระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 เป็นต้นไป

 

ทั้งนี้ นักโทษเด็ดขาดที่ได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกานี้ ไม่ว่าความผิดคดีเดียวหรือหลายคดี จะต้องได้รับโทษจำคุกมาแล้วถึงวันที่พระราชกฤษฎีกานี้ใช้บังคับ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ ตามคำพิพากษาถึงที่สุด หรือไม่น้อยกว่า 8 ปี แล้วแต่ระยะเวลาใดจะเป็นคุณมากกว่า ในกรณีต้องจำคุกหลายคดี ให้ถือเอากำหนดโทษในคดีที่มีโทษสูงที่สุดเป็นเกณฑ์พิจารณา

 

โดยมี ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ 

 

อ่านประกาศฉบับเต็ม https://ratchakitcha.soc.go.th/documents/80356.pdf 

The post ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ.2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>