Thailand – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 09 May 2025 11:03:56 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 DSI ลงนามด่วนถึง ‘ผบ.ตร.-ปลัด มท.’ ร่วมมือสอบสวนเอาผิดข้อหาฟอกเงิน คดีฮั้วเลือกตั้ง สว. https://thestandard.co/dsi-police-chief-senator-case/ Fri, 09 May 2025 11:03:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1072905

มีรายงานว่า วานนี้ (8 พฤษภาคม) พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบ […]

The post DSI ลงนามด่วนถึง ‘ผบ.ตร.-ปลัด มท.’ ร่วมมือสอบสวนเอาผิดข้อหาฟอกเงิน คดีฮั้วเลือกตั้ง สว. appeared first on THE STANDARD.

]]>

มีรายงานว่า วานนี้ (8 พฤษภาคม) พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงนามคำสั่งด่วนที่สุดที่ ยธ 0825/1573 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์การประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษและการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ เรียน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

 

ด้วยกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568

 

กรมสอบสวนคดีพิเศษขอเรียนมายังท่านว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีภารกิจที่ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษข้างต้นทั่วประเทศ ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 ตามมาตรา 22 และมาตรา 22/1 กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงขอรับการสนับสนุน และขอให้ท่านให้ความช่วยเหลือต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินคดีพิเศษ ทั้งนี้ ขอให้ท่านแจ้ง พนักงานสอบสวน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการตามที่ได้รับการประสานงานต่อไป

 

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันเดียวกัน พ.ต.ต. ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงนามคำสั่งด่วนที่สุดที่ ยธ 0825/1574 เรื่อง ขอความอนุเคราะห์การประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษและการให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ เรียน ปลัดกระทรวงมหาดไทย

 

ด้วยกรมสอบสวนคดีพิเศษอยู่ระหว่างดำเนินการสอบสวนคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (1) แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 กรณีการสมคบกันในความผิดฐานฟอกเงินของบุคคลหรือคณะบุคคลที่กระทำความผิดตามมาตรา 209 แห่งประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นคดีพิเศษที่ 24/2568

 

กรมสอบสวนคดีพิเศษขอเรียนมายังท่านว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีภารกิจที่ต้องดำเนินการสืบสวนสอบสวนพยานที่เกี่ยวข้องกับคดีพิเศษข้างต้นทั่วประเทศ ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการประสานการปฏิบัติงานป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 มาตรา 22 และมาตรา 22/1 กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงขอรับการสนับสนุน และขอให้ท่านให้ความช่วยเหลือต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินคดีพิเศษ ทั้งนี้ขอให้ท่านแจ้ง อธิบดีกรมการปกครอง และผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อดำเนินการตามที่ได้รับการประสานงานต่อไป

 

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม เช่นกัน ไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังสือด่วนที่สุดที่ มท 0307.1/25786 ถึง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เรื่อง การประสานความร่วมมือในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 

 

ด้วยปรากฏเป็นข่าวว่าได้มีการรายงานข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอตามลำดับชั้นการบังคับบัญชา โดยนายอำเภอได้รายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ และผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญได้รายงานข้อมูลต่อปลัดกระทรวงมหาดไทย กรณีเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2568 มีกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกวุฒิสภา จากอดีตผู้สมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา นั้น

 

กรมการปกครองขอเรียนว่า กรมการปกครองมีภารกิจเกี่ยวกับการรักษาความสงบเรียบร้อย การอำนวยความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน ความมั่นคงภายใน และการสืบสวนสอบสวนคดีอาญาในหน้าที่พนักงานฝ่ายปกครอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังกล่าวเป็นเพียงการรายงานต่อผู้บังคับบัญชาให้ทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในท้องที่อำเภอภายในเขตจังหวัดตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น 

 

ซึ่งกรมการปกครองยินดีให้ความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษในการดำเนินการตามมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 กำหนด หากกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือพนักงานสอบสวนคดีพิเศษมีความจำเป็นต้องประสานขอความร่วมมือและขอรับการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในคดีพิเศษกับกรมการปกครองหรือพนักงานฝ่ายปกครอง ขอให้พิจารณาดำเนินการ ดังนี้

 

  1. ให้มีหนังสือและเอกสารหลักฐานยืนยันการเป็นผู้ได้รับแต่งตั้งให้มีอำนาจและหน้าที่สืบสวนสอบสวนคดีพิเศษ ตามพระราชบัญญัติการสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และเป็นพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบในคดีพิเศษที่จะขอให้กรมการปกครองและพนักงานฝ่ายปกครองให้ความร่วมมือและสนับสนุนในคดีนั้น เพื่อสั่งการให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง สำหรับในกรุงเทพมหานครให้แจ้ง อธิบดีกรมการปกครอง สำหรับในเขตจังหวัด ให้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด พิจารณาสั่งการดังกล่าวต่อไป

 

  1. การปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมการปกครองได้มีหนังสือลับด่วนที่สุดที่ มท 0307.3/ว 12837 ลงวันที่ 12 เมษายน 2568 กำชับให้พนักงานฝ่ายปกครองให้ความสำคัญกับสิทธิเสรีภาพของประชาชน สิทธิเสรีภาพในชีวิตและร่างกาย สิทธิของบุคคลในคดีอาญา และเสรีภาพในเคหสถานตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 โดยให้พนักงานฝ่ายปกครองถือปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาและกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด รวมถึงขอบเขตความรับผิดชอบของพนักงานฝ่ายปกครองตามกฎหมายด้วย

The post DSI ลงนามด่วนถึง ‘ผบ.ตร.-ปลัด มท.’ ร่วมมือสอบสวนเอาผิดข้อหาฟอกเงิน คดีฮั้วเลือกตั้ง สว. appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภารกิจ สตง. ใกล้จบ กทม. เหลือค้นหา 7 ราย คาดเคลียร์พื้นที่เสร็จสิ้นสัปดาห์หน้า https://thestandard.co/bangkok-audit-office-collapse-search/ Fri, 09 May 2025 07:52:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1072803 state-audit-office-rescue-mission

วันนี้ (9 พฤษภาคม) รศ. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุ […]

The post ภารกิจ สตง. ใกล้จบ กทม. เหลือค้นหา 7 ราย คาดเคลียร์พื้นที่เสร็จสิ้นสัปดาห์หน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
state-audit-office-rescue-mission

วันนี้ (9 พฤษภาคม) รศ. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย สุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร (สปภ.กทม.) แถลงความคืบหน้าภารกิจค้นหาผู้ประสบเหตุและการรื้อถอนซากอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เขตจตุจักร

 

โดยคาดว่าจะสามารถเคลียร์พื้นที่การค้นหาได้ทั้งหมดภายในสัปดาห์หน้า สำหรับจำนวนผู้ที่ยังติดค้าง ล่าสุดลดลงเหลือ 7 ราย หลังจากญาติของผู้สูญหาย 1 ราย ได้ประสานขอถอนแจ้งความ เนื่องจากเป็นความเข้าใจผิด โดยผู้สูญหายเพียงมานัดพบบริเวณหน้าอาคาร ไม่ได้เข้าไปทำงานภายในอาคารที่เกิดเหตุ

 

รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า ภารกิจในวันนี้มุ่งเน้นการเร่งดำเนินการในพื้นที่โซน B และปล่องลิฟต์ที่เหลืออีก 2 ปล่อง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในวันนี้อย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่ทีมสุนัข K9 ตรวจพบกลิ่นในโซน B เมื่อวานนี้ (8 พฤษภาคม) จากการตรวจสอบยืนยันแล้วว่าเป็นกลิ่นอาหารเน่าเสีย ไม่พบร่างหรือชิ้นส่วนของผู้ประสบเหตุแต่อย่างใด

 

แม้ภายหลังการคืนพื้นที่ให้กับ สตง. แล้ว รองผู้ว่าฯ ทวิดา ยืนยันว่าทีมกรุงเทพมหานครและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะยังคงอยู่อำนวยความสะดวกในการสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจตามที่ได้รับการร้องขอ เช่น การจัดหาเครื่องจักร กล้องวงจรปิด และระบบไฟฟ้า

 

นอกจากนี้ การไฟฟ้าได้เข้าอำนวยความสะดวกในการขนย้ายอุปกรณ์ของหน่วยงานเอกชนบางส่วนที่เริ่มทยอยออกจากพื้นที่ตึกถล่ม เพื่อความปลอดภัยและป้องกันปัญหากระแสไฟฟ้ารั่ว สำหรับการขนย้ายซากปูนโดยรถบรรทุก ตั้งแต่เมื่อวานจนถึงวันนี้ สามารถขนย้ายไปแล้ว 129 เที่ยว และงานซ่อมแซมเครื่องจักรต่างๆ ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ภารกิจดำเนินไปได้อย่างไม่สะดุด โดย กทม. ยังคงมีความหวังและมุ่งมั่นที่จะนำร่างผู้ประสบเหตุที่เหลือกลับสู่ครอบครัวให้ได้

The post ภารกิจ สตง. ใกล้จบ กทม. เหลือค้นหา 7 ราย คาดเคลียร์พื้นที่เสร็จสิ้นสัปดาห์หน้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ เผย นายกฯ ห่วงเหตุไม่สงบชายแดนใต้ สั่งเร่งคลี่คลายสถานการณ์ กำชับดูแลประชาชน-เจ้าหน้าที่ https://thestandard.co/kittirat-pm-south-crisis/ Fri, 09 May 2025 07:41:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1072788

วันนี้ (9 พฤษภาคม) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บั […]

The post พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ เผย นายกฯ ห่วงเหตุไม่สงบชายแดนใต้ สั่งเร่งคลี่คลายสถานการณ์ กำชับดูแลประชาชน-เจ้าหน้าที่ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (9 พฤษภาคม) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้เข้าพบ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยนายกรัฐมนตรีได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และได้สอบถามถึงมาตรการเชิงรุก รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ในพื้นที่ และแนวทางการป้องกันเหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ระบุว่า ในการหารือได้มีการนำเสนอแผนการป้องกันชุมชน การดูแลความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ รวมถึงแผนการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยถึงการใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

 

“ท่านนายกรัฐมนตรีกำชับว่าอยากให้เร่งจัดการสถานการณ์ให้เกิดความสงบโดยเร็วที่สุด เนื่องจากมีความห่วงใยในสวัสดิภาพของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ หากหน่วยงานใดมีความต้องการเครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติม ขอให้แจ้งเข้ามาเพื่อดำเนินการจัดหา” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าว

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ยังเปิดเผยด้วยว่า คาดว่าจะมีการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อบูรณาการการทำงานและแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเร็วๆ นี้ ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี

The post พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ เผย นายกฯ ห่วงเหตุไม่สงบชายแดนใต้ สั่งเร่งคลี่คลายสถานการณ์ กำชับดูแลประชาชน-เจ้าหน้าที่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ผบ.ตร. รับทราบ กรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์ รพ.ตำรวจ https://thestandard.co/police-chief-orders-investigation-thaksin-14th-floor-case/ Fri, 09 May 2025 06:31:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1072760 พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ

วันนี้ (9 พฤษภาคม) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บั […]

The post ผบ.ตร. รับทราบ กรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์ รพ.ตำรวจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ

วันนี้ (9 พฤษภาคม) พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยถึงกรณีที่แพทยสภามีมติลงโทษ ว่ากล่าวตักเตือน และ พักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์ที่เกี่ยวข้องกับการรักษาตัวของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ทั้งหมด 3 ท่าน ซึ่งต่อมามีรายงานข่าวว่า 2 ใน 3 ของแพทย์ที่ถูกลงโทษเป็นแพทย์จากโรงพยาบาลตำรวจ

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ระบุว่า ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวจากทางสื่อมวลชนเท่านั้น แต่ยังไม่ได้รับเอกสารอย่างเป็นทางการ แต่ได้สั่งการให้กองวินัยเตรียมพร้อมตรวจสอบข้อเท็จจริงหากมีการแจ้งเรื่องมาอย่างเป็นทางการ

 

ทั้งนี้ตามขั้นตอนปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อมีการแจ้งเรื่องเข้ามายังฝ่ายวินัย จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง แม้ขณะนี้จะยังไม่มีการแจ้งเข้ามาอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ให้ทางกองวินัยรับทราบและเตรียมพร้อมในการเสนอความเห็นแล้ว

 

ผบ.ตร. อธิบายเพิ่มเติมว่า หากเป็นแพทย์ตำรวจที่ถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรมนั้น ในส่วนของวิชาชีพแพทย์จะต้องหยุดปฏิบัติงานด้านการรักษาพยาบาลทันที และอาจมีการระงับค่าตอบแทนพิเศษสำหรับตำแหน่งในวิชาชีพนั้นๆ ส่วนในด้านวินัยตำรวจ จะต้องมีการพิจารณาต่อไปว่ามีความผิดทางวินัยในข้อใดบ้าง ตามพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ และกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่าด้วยการบริหารวินัย

 

“ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติไม่นิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เมื่อมีการพักใบอนุญาต จะต้องมีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ทางการแพทย์ทันที แต่ในฐานะที่เป็นข้าราชการตำรวจ หากมีการกระทำผิดวินัยอย่างใดอย่างหนึ่งก็ต้องมีการตรวจสอบ” พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ กล่าว

 

ส่วนประเด็นว่าจะมีการดำเนินคดีอาญาหรือไม่นั้น ผบ.ตร. ระบุว่า จะต้องมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเข้ามาจึงจะสามารถดำเนินการได้ แต่ในส่วนของเรื่องวินัยนั้นจะต้องพิจารณาตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ ยังกล่าวด้วยว่า ไม่ได้รู้สึกหนักใจในเรื่องนี้ เนื่องจากเป็นกระบวนการที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ได้ส่งตัวทักษิณมารักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งโรงพยาบาลตำรวจก็ต้องปฏิบัติไปตามหน้าที่ 

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อแพทยสภามีผลการพิจารณาออกมาเช่นนี้ ก็จะต้องนำผลดังกล่าวมาประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป

The post ผบ.ตร. รับทราบ กรณีแพทยสภาลงโทษหมอ ปม ‘ทักษิณ’ รักษาตัวชั้น 14 สั่งกองวินัยเตรียมสอบ หากเป็นแพทย์ รพ.ตำรวจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCG ผู้นำแห่งวงการปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ: จากวิกฤตโลกเดือดสู่การเป็นผู้นำแห่งภูมิภาค [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/scg-low-carbon-cement/ Fri, 09 May 2025 06:00:30 +0000 https://thestandard.co/?p=1071843 SCG ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ

โลกร้อนสู่โลกเดือด: อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ต้องปรับตัว&nbs […]

The post SCG ผู้นำแห่งวงการปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ: จากวิกฤตโลกเดือดสู่การเป็นผู้นำแห่งภูมิภาค [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
SCG ปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ

โลกร้อนสู่โลกเดือด: อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ต้องปรับตัว 

 

ปี 2023 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์สิ่งแวดล้อม เมื่อเลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส ประกาศว่าโลกไม่ได้อยู่ในยุค ‘ภาวะโลกร้อน’ อีกต่อไป แต่เข้าสู่ยุค ‘ภาวะโลกเดือด’ (Global Boiling) ภัยพิบัติที่รุนแรงขึ้น อุณหภูมิทะลุสถิติ น้ำท่วมและความแห้งแล้งที่ไม่เป็นไปตามฤดูกาล ล้วนสะท้อนว่าภูมิอากาศของโลกไม่เสถียรอีกต่อไป

 

 

ในสมการของวิกฤตโลกร้อน อุตสาหกรรมการก่อสร้างกลายเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะกระบวนการผลิตปูนซีเมนต์ซึ่งใช้ความร้อนสูงถึง 1,500 องศาเซลเซียสในการเผาหินปูน กระบวนการนี้ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในปริมาณมาก หากรวมการผลิตปูนทั่วโลก จะพบว่าคิดเป็น 7-8% ของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั้งหมดบนโลกใบนี้

 

นี่คือจุดที่อุตสาหกรรมก่อสร้างกำลังเผชิญแรงกดดันไม่ใช่แค่จากผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับ ESG แต่รวมถึงภาครัฐของประเทศมหาอำนาจที่กำลังจัดระเบียบโลกใหม่ผ่านมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมเชิงรุก

 

กฎเกณฑ์ใหม่ของโลกที่เป็นความท้าทายและโอกาส

 

โลกกำลังสร้างกฎเกณฑ์ใหม่เพื่อบรรเทาสถานการณ์อันน่าวิตกเกี่ยวกับโลกเดือดโดยประเทศในยุโรปออกมาตรการ CBAM หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism ที่จะเก็บค่าธรรมเนียมจากสินค้านำเข้าที่ปล่อยคาร์บอนในกระบวนการผลิตสูง เช่น ปูนซีเมนต์ เหล็กกล้า อะลูมิเนียม ฯลฯ เพื่อกระตุ้นให้ประเทศคู่ค้าปรับเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว

 

ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกาก็เตรียมผ่านร่างกฎหมาย Clean Competition Act (CCA) ที่กำหนดกลไกราคาคาร์บอนทั้งในประเทศและข้ามพรมแดน สะท้อนเป้าหมายที่ชัดเจนว่า ภายในปี 2030 สหรัฐจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 50-52% และเข้าสู่ Net Zero ภายในปี 2050

 

 

ในระดับนโยบายของไทย เราได้แสดงพันธสัญญาต่อประชาคมโลกภายใต้แผน Nationally Determined Contribution (NDC) ว่าจะลดก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20-25% ภายในปี 2030 โดยการควบคุมภาคพลังงานและภาคอุตสาหกรรมเป็นหลัก ซึ่งหมายความว่า ผู้ผลิตไทยทุกคน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ต้องเผชิญทั้งกฎภายในและแรงกดดันจากนอกประเทศไปพร้อมกัน

 

ผลกระทบเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องนามธรรมอีกต่อไป แต่มันจะสะท้อนออกมาเป็น ‘ต้นทุนจริง’ ที่ผู้ผลิตต้องแบกรับในทุกการส่งออกหรือแข่งขันในตลาดโลก

 

SCG: เมื่อการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่ภาระ แต่คือความพร้อม

 

ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ SCG คือ องค์กรที่ไม่เพียงแค่ ‘ตั้งรับ’ กับการเปลี่ยนแปลง แต่ลงมือ ‘สร้างการเปลี่ยนแปลง’ ด้วยตัวเอง

 

SCG วางรากฐานการพัฒนา Low Carbon Cement มานาน ก่อนที่มาตรการ CBAM หรือ CCA จะถูกประกาศ ใช้งบประมาณจำนวนมากกับการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตที่ลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมวางแผนยุทธศาสตร์ทั้งในด้านการผลิต พลังงาน และห่วงโซ่อุปทาน เพื่อเตรียมความพร้อมเชิงโครงสร้าง

 

และวันนี้ SCG ไม่ได้เป็นเพียงผู้นำในไทยเท่านั้น แต่ยังก้าวสู่การเป็น ‘ผู้นำด้านปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำของอาเซียน’ อย่างเต็มตัว

 

นวัตกรรมคาร์บอนต่ำ จากวิสัยทัศน์และเทคโนโลยี

 

การเปลี่ยนแปลงของ SCG ไม่ใช่เพียงคำพูดในนโยบาย แต่แปรเปลี่ยนเป็นนวัตกรรมและโครงการที่จับต้องได้ เช่น

 

  • SCG LC3 Structural Cement: ปูนคาร์บอนต่ำที่ลดการปล่อย CO2 ได้ถึง 38% โดยยังคงความแข็งแรงและประยุกต์ใช้ได้หลากหลาย

 

 

  • SCG 3D Printing: เทคโนโลยีการพิมพ์ขึ้นรูปสามมิติด้วยปูนคาร์บอนต่ำ สร้างโครงสร้างที่มีความซับซ้อนสูง ตอบโจทย์งานออกแบบและลดเศษวัสดุ

 

 

  • TORA S-One: เครื่องพ่นฉาบปูนดีเซลที่ตราเสือร่วมพัฒนากับคูโบต้า ที่เพิ่มความเร็วการทำงานถึง 40% แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานฝีมือ

 

 

  • SCG International: พัฒนาโซลูชัน Supply Chain แบบครบวงจรที่ลดการปล่อยคาร์บอนในทุกขั้นตอน

 

 

  • Saraburi Sandbox: โครงการต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ ที่แสดงให้เห็นถึงการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมกรีนของ SCG และการจับมือพันธมิตร มาประยุกต์ใช้ในบริบทจริง เป็นแหล่งเรียนรู้และแรงบันดาลใจสำหรับภาคอุตสาหกรรม สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

 

ทั้งหมดนี้คือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า SCG ไม่ได้รอให้ตลาดสั่ง แต่เลือก ‘เดินนำตลาด’ ด้วยนวัตกรรมที่ออกแบบจากข้อมูลจริงและผลกระทบจริง

 

INTERCEM Asia 2025: เวทีโลกที่ SCG ยืนหนึ่งในฐานะเจ้าบ้าน

 

SCG ยังเตรียมประกาศความพร้อมในระดับโลก ด้วยการเป็นเจ้าภาพร่วมงาน INTERCEM Asia 2025 งานประชุมด้านอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ระดับโลกที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งมีผู้ร่วมงานกว่า 1,000 คนจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตปูน นักลงทุน หน่วยงานรัฐ และนักวิชาการ

 

 

ในปีนี้งานจัดขึ้นภายใต้ธีม ‘การเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ’ ซึ่งถือเป็นจุดตัดที่สำคัญของอุตสาหกรรม

 

การที่ SCG ได้เป็นเจ้าภาพร่วม ไม่ใช่แค่โอกาสแสดงนวัตกรรม แต่เป็นการประกาศจุดยืนในฐานะผู้นำระดับภูมิภาค ที่พร้อมสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับอุตสาหกรรมทั้งในแง่เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

 

คำมั่นจากผู้นำ: ความยั่งยืนไม่ใช่ตัวเลือก แต่คือหัวใจของธุรกิจ

 

“เอสซีจี ตระหนักดีว่าการเปลี่ยนผ่านสู่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำไม่ใช่เพียงความท้าทาย แต่เป็นโอกาสเชิงกลยุทธ์ในการยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันและก้าวสู่ความเป็นผู้นำในเวทีโลก” สุรชัย นิ่มละออ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจเอสซีจี ซีเมนต์แอนด์กรีนโซลูชันส์

 

 

ข้อความนี้ไม่ใช่เพียงคำกล่าวเชิงสร้างภาพลักษณ์ แต่สะท้อนความมุ่งมั่นในระดับนโยบายขององค์กรที่เลือกจะ ‘นำการเปลี่ยนผ่าน’ แทนที่จะรอให้ตลาดบังคับ

 

ในวันที่ต้นทุนคาร์บอนกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ธุรกิจต้องคำนวณ SCG กำลังแสดงให้เห็นว่าความยั่งยืนไม่ใช่ภาระ แต่คือโอกาส และนั่นคือสิ่งที่นักลงทุน ผู้ประกอบการ และสังคมจะสามารถเชื่อมั่นได้จากแบรนด์นี้

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 

The post SCG ผู้นำแห่งวงการปูนซีเมนต์คาร์บอนต่ำ: จากวิกฤตโลกเดือดสู่การเป็นผู้นำแห่งภูมิภาค [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ประชาชนแห่เก็บเมล็ดข้าวเปลือก หลังเสร็จสิ้นพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 2568 https://thestandard.co/royal-ploughing-ceremony-2568/ Fri, 09 May 2025 05:29:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1072731

วันนี้ (9 พฤษภาคม) ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เวลา 08.27 น […]

The post ประชาชนแห่เก็บเมล็ดข้าวเปลือก หลังเสร็จสิ้นพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (9 พฤษภาคม) ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เวลา 08.27 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พุทธศักราช 2568 โดยมี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต เฝ้ารับเสด็จและร่วมพระราชพิธี

 

ในปีนี้ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นผู้อ่านกราบบังคมทูล ความว่า โหรหลวงได้ให้คำพยากรณ์ว่า พระยาแรกนาตั้งสัตยาธิษฐานหยิบผ้านุ่ง หยิบผ้านุ่งได้ 5 คืบ พยากรณ์ว่า “น้ำในปีนี้จะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนาจะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี”

 

การเสี่ยงทายพระโคกินเลี้ยง ประกอบไปด้วยของกิน 7 สิ่ง โดยปีนี้พระโคกินน้ำ หญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอควร พร้อมด้วยธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหารจะอุดมสมบูรณ์ดี และกินเหล้า การคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง

 

ทั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธี เกษตรกรและประชาชนที่เดินทางมาร่วมงานเพื่อรอชมพระราชพิธี ต่างกรูเข้าไปเก็บเมล็ดข้าวเปลือกและต้นกล้าที่พระยาแรกนาขวัญหว่านไถบริเวณลานแรกนา เพื่อความเป็นสิริมงคลในการประกอบอาชีพ โดยส่วนใหญ่ตั้งใจที่จะนำเมล็ดพันธุ์ข้าวไปใส่ในไร่นาของตนเอง เนื่องจากพระราชพิธีนี้มีความสำคัญต่อขวัญและกำลังใจของผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรม

 

The post ประชาชนแห่เก็บเมล็ดข้าวเปลือก หลังเสร็จสิ้นพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ 2568 appeared first on THE STANDARD.

]]>
กกต.-DSI ส่งหมายเรียก สว. ‘จิระศักดิ์-วุฒิชาติ’ คดีฮั้วเลือก สว. ทั้งสองปิดบ้านเงียบ https://thestandard.co/senator-election-collusion-case-thailand/ Fri, 09 May 2025 05:04:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1072715 คดีฮั้วเลือก สว.

วันนี้ (9 พฤษภาคม) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการการเ […]

The post กกต.-DSI ส่งหมายเรียก สว. ‘จิระศักดิ์-วุฒิชาติ’ คดีฮั้วเลือก สว. ทั้งสองปิดบ้านเงียบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
คดีฮั้วเลือก สว.

วันนี้ (9 พฤษภาคม) เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) นำหมายเรียกเข้าชี้แจงข้อกล่าวหาในคดีฮั้วเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ไปยังบ้านพักของ จิระศักดิ์ ชูความดี สมาชิกวุฒิสภา และ วุฒิชาติ กัลยาณมิตร สมาชิกวุฒิสภา และ อดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย สองผู้ถูกกล่าวหา

 

มีรายงานว่าเมื่อเวลา 10.00 น. คณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางไปยังบ้านพักของ จิระศักดิ์ ในซอยวิภาวดี 62 เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นหนึ่งใน 6 จุดเป้าหมายในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อเจ้าหน้าที่กดกริ่งเรียกสองครั้ง แต่ไม่มีผู้ใดออกมาจากบ้าน ประตูบ้านถูกปิดเงียบ เจ้าหน้าที่จึงได้นำหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาติดไว้ที่ประตูรั้วหน้าบ้าน โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องร่วมเป็นพยาน

 

จากนั้น คณะเจ้าหน้าที่ได้เดินทางต่อไปยังบ้านพักของวุฒิชาติ ในซอยลาดพร้าว 23 เขตจตุจักร ซึ่งเป็นเป้าหมายที่สอง เพื่อนำหนังสือชี้แจงข้อกล่าวหาไปมอบให้เช่นกัน แต่ก็ไม่พบตัววุฒิชาติ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการติดหนังสือดังกล่าวไว้ที่ประตูรั้วหน้าบ้านพัก

 

การดำเนินการครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากกรณีที่ ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะประธานกรรมการสืบสวนและไต่สวน ได้ลงนามในหนังสือเรียกชี้แจงข้อกล่าวหาต่อ สว. ประมาณ 60 คน เมื่อวานนี้ (8 พฤษภาคม) เพื่อให้เข้ามาชี้แจงกรณีที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำการเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 หลังจากมีพยานหลักฐานบ่งชี้ว่าไม่ได้ถูกเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภาโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรืออาจมีการตกลงร่วมกันเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง (ฮั้ว)

 

เจ้าหน้าที่ กกต. ระบุว่า ในวันนี้จะมีการนำหนังสือเรียกชี้แจงข้อกล่าวหาไปมอบให้กับ สว. ที่ถูกกล่าวหาประมาณ 60 คน ทั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่นๆ เพื่อเชิญตัวมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดย สว. ที่ได้รับหนังสือดังกล่าวจะต้องเดินทางเข้าให้การชี้แจงต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งตามวันและเวลาที่กำหนดต่อไป

The post กกต.-DSI ส่งหมายเรียก สว. ‘จิระศักดิ์-วุฒิชาติ’ คดีฮั้วเลือก สว. ทั้งสองปิดบ้านเงียบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วันพืชมงคล 2568 พระยาแรกนาเสี่ยงทายได้ผ้านุ่ง 5 คืบ พระโคกินน้ำ-หญ้า-เหล้า ทำนายน้ำจะพอดี อาหารจะสมบูรณ์ ค้าขาย ตปท. ดีขึ้น เศรษฐกิจรุ่งเรือง https://thestandard.co/royal-ploughing-ceremony-2025/ Fri, 09 May 2025 04:20:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1072700 วันพืชมงคล 2568

วันนี้ (9 พฤษภาคม) ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เวลา 08.27 น […]

The post วันพืชมงคล 2568 พระยาแรกนาเสี่ยงทายได้ผ้านุ่ง 5 คืบ พระโคกินน้ำ-หญ้า-เหล้า ทำนายน้ำจะพอดี อาหารจะสมบูรณ์ ค้าขาย ตปท. ดีขึ้น เศรษฐกิจรุ่งเรือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
วันพืชมงคล 2568

วันนี้ (9 พฤษภาคม) ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เวลา 08.27 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พุทธศักราช 2568 โดยมี แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี คณะทูตานุทูต เฝ้ารับเสด็จและร่วมพระราชพิธี

 

เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงมณฑลพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ ประยูร  อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์  ซึ่งทำหน้าที่พระยาแรกนายาตราขบวน พร้อมด้วยเทพีคู่หาบทอง หาบเงิน ออกจากโรงพิธีพราหมณ์ 

 

เมื่อถึงหน้าพระที่นั่ง พระยาแรกเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายบังคม แล้วออกไปประกอบพิธีแรกนา เจ้าหน้าที่จูงพระโคเทียมแอก พระยาแรกนาเจิมพระโคและคันไถ แล้วจึงไถดะไปโดยรี 3 รอบ โดยขวาง 3 รอบ หว่านธัญพืช โหรหลวงลั่นฆ้องชัย แล้วไถกลบอีก 3 รอบ เจ้าพนักงาน ปลดพระโคออกจากแอก พระยาแรกนาและเทพีกลับไปยังโรงพิธีพราหมณ์ พราหมณ์เชิญของกินเสี่ยงทาย 7 สิ่ง ตั้งเลี้ยงพระโค 

 

จากนั้น อภัย สุทธิสังข์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กราบบังคมทูลถวายคำพยากรณ์การเสี่ยงทายผ้าของพระยาแรกนา สำหรับนุ่งไปประกอบพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และการเสี่ยงทาย พระโคกินเลี้ยง

 

การนี้ พระยาแรกนาหยิบเสี่ยงทายผ้านุ่ง 5 คืบ พยากรณ์ว่า น้ำจะมีปริมาณพอดี ข้าวกล้าในนา จะได้ผลบริบูรณ์ และผลาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี การเสี่ยงทายพระโคกินเลี้ยง พระโคกิน น้ำ หญ้า พยากรณ์ว่า น้ำท่าจะบริบูรณ์พอควร ธัญญาหาร ผลาหาร ภักษาหาร มังสาหาร จะอุดมสมบูรณ์ดี และพระโคกินเหล้า พยากรณ์ว่า การคมนาคมสะดวกยิ่งขึ้น การค้าขายกับต่างประเทศดีขึ้น ทำให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง  

 

ต่อจากนั้น รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กราบบังคมทูลเบิกผู้เข้ารับพระราชทานโล่รางวัลในงานพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ประจำปี 2568 ประกอบด้วย ปราชญ์เกษตรของแผ่นดิน จำนวน 3 สาขา เกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 16 สาขาอาชีพ ผู้แทนสถาบันเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 12 กลุ่ม และผู้แทนสหกรณ์ดีเด่นแห่งชาติ จำนวน 7 สหกรณ์ 

 

จากนั้นพระยาแรกนายาตราขบวนพร้อมด้วยเทพี ออกจากโรงพิธีพราหมณ์ เมื่อถึงหน้าพระที่นั่ง พระยาแรกนา เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายบังคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วเสด็จออกพลับพลาพิธี ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังแปลงนาสาธิต สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ทอดพระเนตรพระยาแรกนาหว่านข้าวในแปลงนาสาธิต สำหรับปลูกไว้เก็บเมล็ดพันธุ์ เพื่อใช้ในการพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีต่อๆ ไป

 

สำหรับพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ เป็นพิธีการที่กระทำขึ้นเพื่อความเป็นสิริมงคลและส่งเสริม บำรุงขวัญเกษตรกร ให้เกิดความมั่นใจในการเพาะปลูก ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนหกของทุกปีอันถือเป็นเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นฤดูกาลแห่งการทำนา โดยการจัดพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญในปีนี้ ฤกษ์การไถหว่านอยู่ระหว่างช่วงเวลา 08.09-09.09 น.

 

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้กรมการข้าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำเมล็ดพันธุ์ข้าวเปลือกทรงปลูกในฤดูนาปี 2566 โครงการนาทดลองในโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา พันธุ์ข้าวนาสวน จำนวน 6 สายพันธุ์ และพันธุ์ข้าวเหนียว จำนวน 2 สายพันธุ์ น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 2,743 กิโลกรัม จัดเป็นพันธุ์ข้าวทรงปลูกพระราชทาน บรรจุในซองพลาสติกแจกจ่ายให้บรรดาพสกนิกร ประชาชนผู้สนใจ และชาวนาทั่วประเทศรับไปเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคลในการประกอบอาชีพการเกษตร

The post วันพืชมงคล 2568 พระยาแรกนาเสี่ยงทายได้ผ้านุ่ง 5 คืบ พระโคกินน้ำ-หญ้า-เหล้า ทำนายน้ำจะพอดี อาหารจะสมบูรณ์ ค้าขาย ตปท. ดีขึ้น เศรษฐกิจรุ่งเรือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
จเรตำรวจฯ ไทย ถกตำรวจไซเบอร์อินเดีย เผยคดีคอลเซ็นเตอร์อินเดียสูงกว่าไทยเกือบ 10 เท่า เล็งผนึกกำลังปราบปราม https://thestandard.co/thai-india-cyber-crime-call-center-talks/ Fri, 09 May 2025 03:00:00 +0000 https://thestandard.co/?p=1072674 จเรตำรวจ

วานนี้ (8 พฤษภาคม) พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจ […]

The post จเรตำรวจฯ ไทย ถกตำรวจไซเบอร์อินเดีย เผยคดีคอลเซ็นเตอร์อินเดียสูงกว่าไทยเกือบ 10 เท่า เล็งผนึกกำลังปราบปราม appeared first on THE STANDARD.

]]>
จเรตำรวจ

วานนี้ (8 พฤษภาคม) พล.ต.อ. ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและการค้ามนุษย์ เปิดเผยผลการหารือกับหน่วยงานตำรวจไซเบอร์ของอินเดีย

 

พล.ต.อ. ธัชชัย ระบุว่า จากมาตรการกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา โดยเฉพาะเมืองเมียวดีและเขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ ผ่านการตัดระบบสาธารณูปโภคสำคัญทั้งไฟฟ้า อินเทอร์เน็ต และน้ำมัน ตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 

 

ส่งผลให้สามารถระดมกวาดล้างและควบคุมตัวผู้ทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้ถึง 7,514 คน จาก 36 ประเทศ โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจีน (5,414 คน) รองลงมาคืออินโดนีเซีย (653 คน) และอินเดีย (587 คน) จากจำนวนผู้ที่ได้รับการยืนยันว่าทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมด 8,988 คน ได้มีการส่งกลับประเทศต้นทางไปแล้ว 7,514 คน เหลืออีก 1,474 คน อยู่ระหว่างรอการส่งกลับ

 

ล่าสุดเมื่อวันที่ 5-7 พฤษภาคม 2568 พล.ต.อ. ธัชชัย พร้อมด้วย พล.ต.ต. อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รอง ผบช.สอท. ได้เดินทางไปประเทศอินเดียเพื่อหารือประเด็นการต่อต้านการค้ามนุษย์ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เนื่องจากอินเดียเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาไทยจำนวนมาก และคาดว่ายังมีชาวอินเดียอีกไม่น้อยที่ยังคงทำงานให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างเมียนมา กัมพูชา และ สปป.ลาว

 

จากการหารือกับสำนักงานตำรวจข่าวกรอง (Intelligence Bureau) และศูนย์ประสานงานอาชญากรรมไซเบอร์แห่งชาติอินเดีย (Indian Cyber Crime Coordination Centre) พบว่า อินเดียมีสถิติการรับแจ้งความคดีคอลเซ็นเตอร์เฉลี่ยสูงถึงวันละประมาณ 7,000 คดี ขณะที่ประเทศไทยมีประมาณ 800 คดีต่อวัน โดยคดีที่พบบ่อยที่สุดในทั้งสองประเทศคือการหลอกให้ลงทุน (Investment Scam) มูลค่าความเสียหายรวมเฉพาะที่เกิดกับพลเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ตามข้อมูลอินเดีย) ในปี 2567 สูงถึงประมาณ 43,000 ล้านบาท 

 

ส่วนประเทศไทยมีความเสียหายเฉลี่ยปีละประมาณ 30,000 ล้านบาท ศูนย์รับแจ้งความของอินเดียตั้งอยู่ที่กรุงนิวเดลี ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเจ้าหน้าที่จากตำรวจ ธนาคาร และผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ร่วมปฏิบัติงาน

 

สำหรับคนอินเดียที่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มักถูกหลอกผ่านเพจรับสมัครงานปลอม โดยอ้างว่าจะจ้างมาทำงานในประเทศไทยพร้อมออกค่าเดินทางให้ เมื่อถึงไทยจะถูกลักลอบพาข้ามแดนไปยังเมียวดี หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษในเมียนมา หรือถูกพาจากสนามบินไปข้ามแดนทำงานในกัมพูชา (ปอยเปต พนมเปญ สีหนุวิลล์ บาเวต) หรือ สปป.ลาว (เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ) คนกลุ่มนี้จะถูกบังคับให้หลอกลวงคนในประเทศอินเดียด้วยกันเอง โดยพบว่ามีการใช้บัญชีธนาคารและเครือข่ายโทรศัพท์ของไทยในการก่อเหตุ

 

ทางศูนย์ไซเบอร์อินเดียยังได้นำเสนอคดี Digital Arrest หรือการปลอมเป็นตำรวจอินเดียวิดีโอคอลข่มขู่เหยื่อเพื่อรีดไถทรัพย์สิน ซึ่งคล้ายกับกรณีร้อยเวรปอยเปตในประเทศไทย

 

พล.ต.อ. ธัชชัย กล่าวว่า การเยือนอินเดียครั้งนี้ทำให้เห็นว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีลักษณะคล้ายคลึงกันและน่าจะมีความเชื่อมโยงกันในหลายประเทศ ทั้งนี้ ทางการอินเดียได้ชื่นชมมาตรการของรัฐบาลไทยที่สั่งตัดสาธารณูปโภคในพื้นที่เมืองเมียวดีและเขตเศรษฐกิจพิเศษของเมียนมา ซึ่งส่งผลให้การกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีประสิทธิภาพอย่างมาก ช่วยเหลือประชาชนกว่า 36 ประเทศ และทำให้สถิติการถูกหลอกลวงในอินเดียลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

ในอนาคตตำรวจไทยและอินเดียจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดและจริงจังในการป้องกันและปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนทั้งสองประเทศต่อไป

The post จเรตำรวจฯ ไทย ถกตำรวจไซเบอร์อินเดีย เผยคดีคอลเซ็นเตอร์อินเดียสูงกว่าไทยเกือบ 10 เท่า เล็งผนึกกำลังปราบปราม appeared first on THE STANDARD.

]]>
กทม. ชวนคนกรุง สร้างอาชีพอบรมหลักสูตรยอดฮิตฟรี ในงาน BANGKOK EXPO 2025 วันที่ 15-18 พ.ค. นี้ https://thestandard.co/bangkok-expo-2025-free-career-training/ Fri, 09 May 2025 02:42:04 +0000 https://thestandard.co/?p=1072668 BANGKOK EXPO 2025

วันนี้ (9 พฤษภาคม) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เชิญชวนประชาชนผ […]

The post กทม. ชวนคนกรุง สร้างอาชีพอบรมหลักสูตรยอดฮิตฟรี ในงาน BANGKOK EXPO 2025 วันที่ 15-18 พ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
BANGKOK EXPO 2025

วันนี้ (9 พฤษภาคม) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เชิญชวนประชาชนผู้สนใจพัฒนาทักษะและสร้างโอกาสทางอาชีพ เข้าร่วมกิจกรรมฝึกอบรมอาชีพฟรี ในงาน BANGKOK EXPO 2025 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-18 พฤษภาคม 2568 ตั้งแต่เวลา 12.00-20.00 น. ที่อาคารพิพิธภัณฑ์สวนป่าเบญจกิติ (สามารถเดินทางโดยรถไฟฟ้า MRT ลงสถานีศูนย์ฯ สิริกิติ์)

 

ภายในงานจะพบกับกิจกรรม ‘สร้างงาน ฝึกทักษะ สร้างอาชีพ’ ที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้และฝึกฝนอาชีพยอดนิยมหลากหลายแขนง โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น และไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อน ผู้ผ่านการอบรมจะได้รับเกียรติบัตรเป็นที่ระลึกเพื่อนำไปต่อยอดในการประกอบอาชีพได้

 

หลักสูตรที่น่าสนใจและเปิดให้ฝึกอบรมฟรี ได้แก่:

 

  • สายบริการและอาหาร: บาริสต้า-บาร์เทนเดอร์, เชฟชุมชน-เบเกอรี
  • สายความงามและสุขภาพ: ตัดแต่งขนสุนัข, นวดไทยผ่อนคลาย, ทำเล็บเจล, แต่งหน้าอาชีพ
  • สายช่างเทคนิค: ช่างล้างแอร์ชุมชน, ช่างติดตั้งโซลาร์เซลล์
  • สายเทคโนโลยีดิจิทัล: เทคนิคการขายออนไลน์กับ Generative AI

 

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมในหลักสูตรช่างล้างแอร์ชุมชน, ช่างติดตั้งโซลาร์เซลล์ และเทคนิคการขายออนไลน์กับ Generative AI สามารถลงทะเบียนเรียนล่วงหน้าได้ผ่านทางลิงก์: https://docs.google.com/forms/d/1YfTGyycbvehKgKq2G99Kyz8XIyCbaKoLYIrILV_4zoU/edit

 

ส่วนหลักสูตรอื่นๆ ผู้สนใจสามารถลงทะเบียนได้ที่หน้างาน BANGKOK EXPO 2025 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

 

นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับประชาชนที่กำลังมองหาช่องทางในการพัฒนาตนเอง สร้างทักษะใหม่ หรือต้องการเปลี่ยนสายงาน เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาชีพในอนาคต

The post กทม. ชวนคนกรุง สร้างอาชีพอบรมหลักสูตรยอดฮิตฟรี ในงาน BANGKOK EXPO 2025 วันที่ 15-18 พ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>