Thailand – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 21 Dec 2024 09:49:45 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ครบ 1 ปี สายด่วน 1441 อาชญากรรมออนไลน์ความเสียหายลด 44% เดินหน้าอายัดบัญชีทันที 7 วัน https://thestandard.co/hotline-1441-online-crime-reduces-losses/ Sat, 21 Dec 2024 09:49:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1022128 hotline-1441-online-crime-reduces-losses

วันนี้ (21 ธันวาคม) เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระ […]

The post ครบ 1 ปี สายด่วน 1441 อาชญากรรมออนไลน์ความเสียหายลด 44% เดินหน้าอายัดบัญชีทันที 7 วัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
hotline-1441-online-crime-reduces-losses

วันนี้ (21 ธันวาคม) เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) สายด่วน 1441 เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของศูนย์ AOC ที่ครบ1 ปี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า ศูนย์ AOC เริ่มขึ้นมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ครบ 1 ปีของการดำเนินงาน โดยเหตุผลที่มีศูนย์แห่งนี้ เพราะว่าภัยออนไลน์ที่เข้ามาในตอนนี้เป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยจะต้องใช้หลายภาคส่วนในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นภาคธนาคาร โทรคมนาคม ตำรวจและความมั่นคงอื่นๆ รวมทั้งเรื่องตามแนวชายแดนที่เริ่มกวดขันภัยคุกคามรูปแบบนี้ ซึ่งเป็นภัยรูปแบบใหม่ รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงดีอีเป็นแม่งานในการดูแล จึงมีการจัดตั้งศูนย์ AOC สายด่วน 1441 เพื่อที่จะเป็นวัน One Stop Service ให้กับประชาชนโทรเข้ามาเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น  

 

ซึ่งศูนย์ AOC จะดำเนินรับเรื่องเมื่อเกิดความเสียหายแล้ว โดยจะสามารถประสานหรือโทรสายตรงไปยังธนาคารต่างๆ ทันที และอายัดบัญชี หรือห้ามทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นไปตามพระราชกำหนดว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ จากนั้นศูนย์ยังให้ประชาชนเลือกสถานีตำรวจที่ใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ โดยจะรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นส่งทางระบบออนไลน์เพื่อนำไปสู่การสืบสวนของตำรวจต่อไป โดยประชาชนจะต้องไปแจ้งความอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ครบกระบวนการเพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา 

 

“เมื่อประชาชนที่ถูกหลอกโทรมายังศูนย์ AOC บัญชีของผู้เสียหายโอนไปที่ใดก็จะทำการอายัดทุกที่เพื่อยับยั้งบัญชีทันที ไม่ว่าจะเป็นแถวหนึ่ง แถวสอง หรือแถวสาม จากนั้นศูนย์ AOC จะเก็บรวบรวมไว้เมื่อมีข้อมูลของประชาชนที่โดนหลอกไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบใด และมอบให้ผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมถึงเมื่อธนาคารใดมีการเปิดบัญชีม้าจำนวนมากก็จะส่งข้อมูลไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ดำเนินการกวดขัน ส่วนตำรวจจะส่งข้อมูลสถานที่ต่างๆ ขณะที่ กสทช. จะตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์เพื่อดำเนินการส่งข้อมูลให้ตำรวจต่อไป” 

 

เอกพงษ์ยังย้ำว่า ขณะนี้ศูนย์ AOC ยกระดับการประสานงานความร่วมมือกับ ธปท. ในการตรวจสอบบัญชีม้าที่เข้มขึ้น จากเดิมชื่อ-นามสกุลเดียวกันมีถึง 100 บัญชี จึงจะทยอยระงับ แต่ตอนนี้เมื่อมีชื่อ-สกุลเดียวจะระงับทุกบัญชีทันที ซึ่งเป็นการกำจัดบัญชีม้าออกจากระบบได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ทาง กสทช. ยังมีมาตรการให้คนที่มีซิมมากกว่า 6 เลขหมายหรือเกินกว่าจำนวนที่กำหนดมาชี้แจงถึงเหตุผลในการใช้งาน 

 

“มาตรการดังกล่าวถือเป็นการช่วยกัน อาจไม่ได้เป็นการโค่นต้นไม้ แต่เป็นการลิดกิ่งก้านสาขาไม่ให้การเติบโต แม้แก๊งอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพจะไม่หมด เพราะเกิดขึ้นมาตั้งนาน แต่ตอนนี้ก็มีหนทางเริ่มที่จะจับกุม เพื่อลดความเสียหายของประชาชนให้น้อยลง ซึ่งหนึ่งปีที่ผ่านมาจากการรวบรวมสถิติ ปรากฏว่าคดีและความเสียหายลดลงประมาณ 44% ถือว่ามาก แต่ยังไม่พอใจ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ AOC อยากจะบอกประชาชนว่า เมื่อถูกหลอกแล้วหรือมีแหล่งข้อมูลแล้วสามารถโทรมาที่ศูนย์ AOC ได้” เอกพงษ์กล่าว

 

เอกพงษ์ยังขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในศูนย์ AOC สายด่วน 1441 มี 100 คู่สาย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง อัตราการรับสายเกือบ 100% ซึ่งเมื่อรับเรื่องแล้วจะดำเนินการตามขั้น ที่สำคัญส่งข้อมูลรายละเอียด รวบรวมเป็นข้อมูลให้แต่ละหน่วยงานนำไปป้องกันการหลอกลวงในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกขายทัวร์ ก็ส่งให้สมาคมท่องเที่ยวฯ การหลอกลงทุนทองคำ ส่งเรื่องให้สมาคมทองคำ นำไปข้อมูล เป็นต้น แต่ที่สำคัญตอนนี้มีการส่งให้กับเศรษฐกิจจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงดีอี ไปเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดว่าในจังหวัดนั้นประชาชนถูกหลอกเรื่องอะไร เพื่อนำไปสร้างภูมิคุ้มให้ประชาชน ซึ่งดำเนินการครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว

 

“ส่วนแผนงานเพิ่มศักยภาพของศูนย์ AOC จะเร่งแก้ไขพระราชกำหนดเฟสที่ 2 เพื่อที่จะดูเรื่องการอายัดบัญชีให้เร็วและรีบเอาเงินมาคืนประชาชนให้ได้ โดยมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปดำเนินการหารือและร่วมมือกับ ธปท. รวมถึงธนาคารและบริษัทมือถือจะต้องร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ธนาคารและค่ายมือถือรับทราบแล้วและจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและดูแลประชาชน พร้อมกันนี้ยังยกระดับความร่วมมือด้านนี้กับอาเซียนและประเทศที่พัฒนาแล้ว” เอกพงษ์กล่าวย้ำ 

 

The post ครบ 1 ปี สายด่วน 1441 อาชญากรรมออนไลน์ความเสียหายลด 44% เดินหน้าอายัดบัญชีทันที 7 วัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา Netflix เปิดตัวสุดอลังต้อนรับ ‘Squid Game 2’ ก่อนฉายจริงพร้อมกันทั่วโลก 26 ธ.ค. นี้ https://thestandard.co/squid-game-2-netflix-thailand-launch/ Sat, 21 Dec 2024 07:43:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1022091 squid-game-2-netflix-thailand-launch

วันนี้ (21 ธันวาคม)​ Netflix เปิดตัวซีรีส์ ‘Squid Game […]

The post โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา Netflix เปิดตัวสุดอลังต้อนรับ ‘Squid Game 2’ ก่อนฉายจริงพร้อมกันทั่วโลก 26 ธ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
squid-game-2-netflix-thailand-launch

วันนี้ (21 ธันวาคม)​ Netflix เปิดตัวซีรีส์ ‘Squid Game ซีซัน 2’ ด้วยการยกตุ๊กตาสังหารโกโกวา หรือ ยองฮี ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ให้แฟนๆ ซีรีส์ชาวไทยได้ชมผ่านขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 21-22 ธันวาคม 2567 โดยจะล่องเรือผ่านเส้นทางต่อไปนี้

 

  • สะพานพระราม 8
  • สะพานพระปิ่นเกล้า
  • วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
  • สะพานพุทธยอดฟ้า
  • ICONSIAM
  • สะพานตากสิน
  • สะพานพระราม 3 หรือสะพานกรุงเทพ
  • สะพานพระราม 9
  • สะพานภูมิพล

 

ทั้งนี้ จะมีโชว์เปิดตัวให้ได้รับชมกัน 2 จุด คือบริเวณท่าเรือวัดอรุณฯ เวลา 11.30-12.30 น. และบริเวณท่าเรือ ICONSIAM เวลา 12.30-13.30 น. และ 17.30-18.30 น. 

 

หลังจากนั้นเรือจะเทียบท่าอวดโฉม ‘โกโกวา’ ขนาดยักษ์ให้แฟนๆ ถ่ายรูปกันที่บริเวณท่าเรือ ICONSIAM ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 (ยกเว้นวันที่ 31 ธันวาคม 2567)

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมก่อนฉายจริงพร้อมกันทั่วโลกวันที่ 26 ธันวาคมนี้ เพื่อฉลองการกลับมาในซีซันที่ 2 Netflix จึงเนรมิตลาน ICONSIAM Park เป็นพื้นที่กิจกรรมให้แฟนซีรีส์เตรียมความพร้อมเพื่อกลับเข้าสู่เกมสุดระทึกกันอีกครั้ง ทั้งการถ่ายภาพทำบัตรประจำตัวผู้เข้าแข่งขัน, ลองท้าแข่งตั๊กจี (Ddakji) กับชายชุดสูท, ถ่ายภาพกับสนามแข่งเกม ‘เออีไอโอยู หยุด’ และการตกแต่งเสื้อยืดสควิดเกมตัวเดียวในโลกในแบบของตนเอง โดยสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 21-22 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00-21.00 น. ณ ICONSIAM Park ชั้น 2 ICONSIAM

 

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

The post โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา Netflix เปิดตัวสุดอลังต้อนรับ ‘Squid Game 2’ ก่อนฉายจริงพร้อมกันทั่วโลก 26 ธ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพอากาศ ส่ง F-16 ขึ้นบินสกัดอากาศยานไม่ทราบฝ่าย แนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก https://thestandard.co/thai-air-force-f16-intercepts-unknown-aircraft/ Sat, 21 Dec 2024 03:39:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1021981 กองทัพอากาศ

วันนี้ (20 ธันวาคม) พล.อ.ท. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอา […]

The post กองทัพอากาศ ส่ง F-16 ขึ้นบินสกัดอากาศยานไม่ทราบฝ่าย แนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพอากาศ

วันนี้ (20 ธันวาคม) พล.อ.ท. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง ขึ้นบินเพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย ซึ่งเรดาร์ของกองทัพอากาศตรวจพบบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีข้อมูลดังนี้

 

 

1. เวลาประมาณ 10.51 น. เรดาร์ของกองทัพอากาศตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา อำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยบินที่ความสูง 4,000-5,000 ฟุต

 

 

2.หน่วยควบคุมการบินสกัดกั้น สั่งให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง วิ่งขึ้นจากกองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานดังกล่าว ที่ความสูง 7,000 ฟุตเหนือพื้นดิน ต่อมาพบว่าอากาศยานดังกล่าวบินออกไปจากพื้นที่และหายไปจากจอเรดาร์ หลังจากนั้นเครื่องบินขับไล่ F-16 ทำการบินภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดน และกลับฐานปฏิบัติการ ณ กองบิน 4 เวลา 12.14 น.

 

 

ทั้งนี้ การส่งเครื่องบินขึ้นพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้น กรณีตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่ายที่มีแนวโน้มเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยนั้น ถือเป็นการแสดงความพร้อมปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศ ในการปกป้องน่านฟ้าและรักษาอธิปไตยของชาติ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนให้มีความสงบและปลอดภัย

The post กองทัพอากาศ ส่ง F-16 ขึ้นบินสกัดอากาศยานไม่ทราบฝ่าย แนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก appeared first on THE STANDARD.

]]>
บอร์ด รฟท. เห็นชอบงบหมื่นล้านบาท จัดหารถโดยสาร พร้อมอะไหล่ 182 คัน หวังปรับปรุงคุณภาพบริการ-ทดแทนรถเดิมที่ใช้งานมากว่า 50 ปี https://thestandard.co/railway-board-approves-funding-passenger-upgrade/ Sat, 21 Dec 2024 03:20:47 +0000 https://thestandard.co/?p=1021961 รถโดยสาร

วานนี้ (20 ธันวาคม) วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประ […]

The post บอร์ด รฟท. เห็นชอบงบหมื่นล้านบาท จัดหารถโดยสาร พร้อมอะไหล่ 182 คัน หวังปรับปรุงคุณภาพบริการ-ทดแทนรถเดิมที่ใช้งานมากว่า 50 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
รถโดยสาร

วานนี้ (20 ธันวาคม) วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการจัดหารถโดยสารทดแทนขบวนรถด่วนพิเศษ และขบวนรถด่วน พร้อมอะไหล่ จำนวน 182 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 10,502,100,000 บาท ว่า

 

ที่ประชุมคณะกรรมการรถไฟฯ เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2567 มีมติเห็นชอบให้การรถไฟฯ ผลักดันโครงการดังกล่าวเพื่อนำมาทดแทนรถโดยสารเดิมที่มีอายุการใช้งานมานานกว่า 50 ปี ถือเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการขนส่งทางรางให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ทั้งในด้านความสะดวกสบาย ความปลอดภัย และการให้บริการ

 

โครงการจัดหารถโดยสารทดแทนรถด่วนพิเศษ และรถด่วน จำนวน 182 คัน พร้อมอะไหล่ สำหรับให้บริการขนส่งผู้โดยสารในขบวนรถด่วนพิเศษและขบวนรถด่วน 14 ขบวน (รวมขบวนสำรอง) เพื่อปรับปรุงคุณภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสารทุกกลุ่ม

 

ตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย และแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566-2570 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ซึ่งจะเพิ่มบทบาทการให้บริการขนส่งผู้โดยสาร ตลอดจนการใช้ประโยชน์ของโครงสร้างพื้นฐานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 

จากสถิติก่อนและหลังการให้บริการขบวนรถโดยสารชุดล่าสุดที่การรถไฟฯ จัดหาและนำมาให้บริการเมื่อปี 2560 นั้น มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจากปี 2559 กว่า 7 แสนคน และในปี 2567 มีจำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 1.84 ล้านคน แต่ก็ยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้บริการของผู้โดยสารในปัจจุบัน

 

สำหรับขบวนรถโดยสารชุด 182 คัน เป็นขบวนรถโดยสารปรับอากาศทั้งขบวน และมีการเพิ่มจำนวนรถโดยสารชนิดนอนปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 2-3 คัน รวมถึงการเพิ่มชนิดรถโดยสารประเภทนั่งปรับอากาศ จำนวน 2-3 คัน มาให้บริการเป็นทางเลือกตามความต้องการของผู้ใช้บริการอีกด้วย ซึ่งจะรองรับจำนวนผู้ใช้บริการต่อตู้ได้เพิ่มขึ้น

 

รวมถึงยังสามารถเพิ่มความเร็วสูงสุดจากเดิม 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เป็น 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ผู้ใช้บริการเดินทางถึงจุดหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนด้านความปลอดภัย มีการเพิ่มระบบ CCTV ภายในห้องโดยสาร และบันไดประตูปิด-เปิดอัตโนมัติ

 

นอกจากนี้ ยังรองรับการให้บริการทั้งสถานีชานชาลาต่ำและชานชาลาสูง พร้อมลิฟต์ในการให้บริการสำหรับผู้พิการในกรณีสถานีมีชานชาลาต่ำอีกด้วย ที่สำคัญยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถลดการใช้พลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงต่อคันได้มากถึงร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับขบวนรถเดิม

 

ทั้งนี้ การรถไฟฯ มีแผนการพ่วงขบวนรถด่วนพิเศษและขบวนรถด่วนที่จะนำมาทดแทน จำนวน 12 ขบวน ประกอบด้วย

 

  • ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13/14 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่
  • ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพอภิวัฒน์-เชียงใหม่
  • ขบวนรถด่วนที่ 67/68 กรุงเทพอภิวัฒน์-อุบลราชธานี
  • ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 กรุงเทพอภิวัฒน์-สุไหงโก-ลก
  • ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพอภิวัฒน์-ตรัง
  • ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพอภิวัฒน์-นครศรีธรรมราช

 

สำหรับขั้นตอนจากนี้จะนำเสนอรายงานต่อกระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาทำความเห็นเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการดังกล่าว การรถไฟฯ จะประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นข้อเสนอประกวดราคา และน่าจะพิจารณาผลการคัดเลือกได้ภายในปี 2569 คาดว่าจะสามารถรับรถงวดแรกได้ประมาณช่วงต้นปี 2571

 

สอดคล้องกับโครงการทางคู่ 7 เส้นทาง ระยะทาง 993 กิโลเมตร และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ 2 เส้นทาง ระยะทาง 678 กิโลเมตร รวมถึงการซื้อรถจักรใหม่ 50 คัน และโครงการทางคู่ระยะที่ 2 อีก 7 เส้นทาง ระยะทางรวม 1,488 กิโลเมตร

The post บอร์ด รฟท. เห็นชอบงบหมื่นล้านบาท จัดหารถโดยสาร พร้อมอะไหล่ 182 คัน หวังปรับปรุงคุณภาพบริการ-ทดแทนรถเดิมที่ใช้งานมากว่า 50 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
บขส. แนะวิธีตรวจสอบข้อมูล ‘จุดขึ้นรถ’ ในตั๋วโดยสารสำหรับรถเสริมช่วงเทศกาลปีใหม่ https://thestandard.co/transport-co-check-new-year-additional-bus-pickup-info/ Sat, 21 Dec 2024 03:14:16 +0000 https://thestandard.co/?p=1021957 transport-co-check-new-year-additional-bus-pickup-info

วันนี้ (21 ธันวาคม) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) แนะนำผู้โ […]

The post บขส. แนะวิธีตรวจสอบข้อมูล ‘จุดขึ้นรถ’ ในตั๋วโดยสารสำหรับรถเสริมช่วงเทศกาลปีใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
transport-co-check-new-year-additional-bus-pickup-info

วันนี้ (21 ธันวาคม) บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) แนะนำผู้โดยสารตรวจสอบข้อมูลในตั๋วโดยสาร ก่อนออกเดินทางในเทศกาลปีใหม่ 2568 โดยเฉพาะ ‘จุดขึ้นรถ’ สำหรับรถเสริม (รถทะเบียน 30) ทุกเส้นทาง

 

  • เที่ยวเสริม (รถทะเบียน 30) เส้นทางภาคเหนือ-อีสาน ตั๋วโดยสารเที่ยวเวลาที่ลงท้ายด้วยเลข 7 ให้ขึ้นรถที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

 

  • เที่ยวเสริม (รถทะเบียน 30) เส้นทางภาคเหนือ-อีสาน ตั๋วโดยสารเที่ยวเวลาที่ลงท้ายด้วยเลข 8 ให้ขึ้นรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2

 

  • เที่ยวเสริม (รถทะเบียน 30) เส้นทางภาคใต้ทุกเส้นทาง ทุกเที่ยวเวลา ให้ไปขึ้นรถที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพฯ (ถนนบรมราชชนนี) สายใต้ใหม่

 

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ช่องจำหน่ายตั๋วโดยสาร บขส. ทั่วประเทศ หรือ Social Booking (จองตั๋ว) โทร. 0 2936 3660 หรือ www.facebook.com/BorKorSor99 และ LINE Account: https://lin.ee/VDgDC0K (ID: @TCL99)

 

ทั้งนี้ เฉพาะผู้โดยสารที่จองตั๋วรถเสริมกับบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เท่านั้น

 

The post บขส. แนะวิธีตรวจสอบข้อมูล ‘จุดขึ้นรถ’ ในตั๋วโดยสารสำหรับรถเสริมช่วงเทศกาลปีใหม่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศาลปกครองกลางพิพากษาคดีค้างค่าปรับใบสั่งจราจรให้ต่อภาษีประจำปีได้ และต้องได้ป้ายการเสียภาษี ชี้การชำระภาษีรถกับการทำผิดกฎจราจรไม่เชื่อมโยงกัน https://thestandard.co/thailand-vehicle-tax-renewal-ruling/ Sat, 21 Dec 2024 02:50:23 +0000 https://thestandard.co/?p=1021927 ค่าปรับใบสั่งจราจร

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาตาม […]

The post ศาลปกครองกลางพิพากษาคดีค้างค่าปรับใบสั่งจราจรให้ต่อภาษีประจำปีได้ และต้องได้ป้ายการเสียภาษี ชี้การชำระภาษีรถกับการทำผิดกฎจราจรไม่เชื่อมโยงกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ค่าปรับใบสั่งจราจร

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2567 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาตามคดีหมายเลขดำที่ 2120/2567 คดีหมายเลขแดงที่ 2682/2567 ลงวันที่ 18 ธันวาคม 2567 เกี่ยวกับการต่อภาษีรถยนต์ที่ค้างค่าปรับใบสั่งตามกฎหมายจราจร ระหว่าง อำนาจ แก้วประสงค์ ผู้ฟ้องคดี กับผู้ถูกฟ้องคดี ประกอบด้วย กรมการขนส่งทางบก จำเลยที่ 1, อธิบดีกรมการขนส่งทางบก จำเลยที่ 2, สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 ที่ จำเลยที่ 3, ฝ่ายทะเบียน สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 5 จำเลยที่ 4, นายทะเบียนตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 จำเลยที่ 5 และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จำเลยที่ 6 ผู้ถูกฟ้องคดี 

 

เรื่องคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าเกินสมควร และการกระทำละเมิดของหน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอันเกิดจากการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่เกินสมควร คดีนี้อธิบดีศาลปกครองกลางมีคำสั่งให้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีโดยเร่งด่วนตามข้อ 49/2 วรรคหนึ่ง แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2543

 

ตามฟ้องโจทก์ระบุว่า นายทะเบียน กรมการขนส่งทางบก ไม่ออกป้ายภาษีวงกลมให้ โดยส่งมอบแค่ใบเสร็จชำระค่าภาษีประจำปีแล้วประทับตราว่าใช้แทนเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีไม่เกิน 30 วันให้แทน พร้อมเอกสารที่พรินต์จากเครื่องคอมพิวเตอร์ แสดงรายละเอียดข้อมูลการกระทำความผิดตามกฎหมายจราจร โดยอ้างข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับกรมการขนส่งทางบกเพียงฝ่ายเดียว เป็นการละเลยและไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการของพระราชบัญญัติการจราจรทางบก ดังนั้นจึงไม่มีอำนาจในการชะลอการออกป้ายภาษีวงกลมให้กับเจ้าของรถที่ค้างชำระค่าปรับจราจร

 


ทั้งนี้ ศาลปกครองกลางยังสั่งให้กรมการขนส่งทางบกจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีด้วย

The post ศาลปกครองกลางพิพากษาคดีค้างค่าปรับใบสั่งจราจรให้ต่อภาษีประจำปีได้ และต้องได้ป้ายการเสียภาษี ชี้การชำระภาษีรถกับการทำผิดกฎจราจรไม่เชื่อมโยงกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
องค์กรสิ่งแวดล้อมชื่นชมรัฐบาลไทยออกกฎหมายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก ชี้ต้องบังคับใช้จริงจัง https://thestandard.co/plastic-waste-import-ban-thailand/ Sat, 21 Dec 2024 02:48:42 +0000 https://thestandard.co/?p=1021905 ขยะพลาสติก

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกำหน […]

The post องค์กรสิ่งแวดล้อมชื่นชมรัฐบาลไทยออกกฎหมายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก ชี้ต้องบังคับใช้จริงจัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ขยะพลาสติก

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2567 กระทรวงพาณิชย์ออกประกาศกำหนดให้เศษพลาสติกภายใต้พิกัดศุลกากรประเภท 39.15 เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร นับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป

 

องค์กรภาคประชาสังคมด้านสิ่งแวดล้อมที่ทำงานเพื่อยุติมลพิษพลาสติกในประเทศไทยขอชื่นชมมาตรการดังกล่าว และมีความเห็นว่า การห้ามนำเข้าขยะพลาสติกเป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องดำเนินการอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้ประเทศไทยกลายเป็นแหล่งรองรับขยะพลาสติกจากต่างชาติ และป้องกันผลกระทบจากมลพิษพลาสติกภายในประเทศไม่ให้รุนแรงยิ่งขึ้น โดยจะช่วยตัดวงจรอุปทานของโรงงานจัดการขยะและรีไซเคิลพลาสติกนำเข้าอันตราย นอกจากนี้ นโยบายดังกล่าวยังเป็นการปกป้องระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนภายในประเทศ รวมไปถึงรายได้และวิถีชีวิตของกลุ่มซาเล้งและคนเก็บขยะ

 

ปัญหาการนำเข้าขยะพลาสติกกลายเป็นวาระระดับชาติเมื่อปี 2561 หลังประเทศจีนประกาศห้ามนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอีกหลายชนิดเข้าประเทศตั้งแต่สิ้นปี 2560 เป็นต้นไป ส่งผลให้ประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกา และประเทศในสหภาพยุโรป ที่เคยส่งออกขยะไปประเทศจีน ส่งออกขยะมาที่ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นจำนวนมาก รวมถึงประเทศไทยด้วย

 

ขยะพลาสติกที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยส่งผลให้เกิดการขยายตัวของโรงงานคัดแยกและรีไซเคิลพลาสติกขึ้นมาก โรงงานจำนวนไม่น้อยเป็นการลงทุนจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากทุนจีน ทั้งยังพบว่าโรงงานเหล่านี้มักประกอบกิจการโดยผิดกฎหมาย และไม่คำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน การที่รัฐบาลไทยประกาศห้ามนำเข้าเศษพลาสติกหรือขยะพลาสติกดังกล่าว ภาคประชาสังคมเห็นว่าเป็นมาตรการที่จะป้องกัน ‘การส่งออกมลพิษจากประเทศพัฒนาแล้วมายังประเทศไทย’ ซึ่งพฤติการณ์ส่งออกขยะข้ามแดนจากกลุ่มประเทศเหล่านี้เสมือนเป็นรูปแบบหนึ่งของการสร้าง ‘อาณานิคมขยะ’ เพื่อรองรับของเสียที่ประเทศของตนไม่ต้องการ

 

กฎหมายห้ามนำเข้าขยะพลาสติกมีผลในปี 2568

 

ตั้งแต่ปี 2561 ภาคประชาสังคมหลายองค์กรได้ร่วมกันเคลื่อนไหวคัดค้านการส่งออกขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์มายังประเทศไทย รวมถึงประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง รัฐบาลไทยได้จัดตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ขึ้นมาตั้งแต่ปี 2561 เพื่อกำหนดมาตรการห้ามนำเข้าขยะพลาสติกและขยะอิเล็กทรอนิกส์ และแก้ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงยังมีการจับกุมผู้นำเข้าขยะพลาสติกและโรงงานรีไซเคิลพลาสติกที่กระทำผิดกฎหมายจำนวนมากในระหว่างปี 2561-2562

 

อย่างไรก็ตาม การประกาศห้ามนำเข้าขยะพลาสติกประสบปัญหาและเสียงคัดค้านจากผู้นำเข้าและผู้ประกอบการรีไซเคิลพลาสติก ทำให้การดำเนินมาตรการห้ามนำเข้าขยะพลาสติกล่าช้าออกไป จนกระทั่งในปี 2564 องค์กรภาคประชาสังคม 72 องค์กร ร่วมกันออกแถลงการณ์กระตุ้นให้รัฐบาลไทยเร่งออกกฎหมายห้ามนำเข้าขยะพลาสติกโดยเด็ดขาด

 

ต่อมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติห้ามนำเข้าขยะพลาสติก โดยจะมีผลหลังจากวันที่ 31 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป ปัจจุบันมติ ครม. ดังกล่าวกลายเป็นกฎหมายโดยประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้เศษพลาสติกเป็นสินค้าที่ต้องขออนุญาตในการนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2567 ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568

 

ย้ำ ต่อไปนี้ต้องบังคับใช้อย่างจริงจัง

 

ภาคประชาสังคมเห็นว่า หลังจากที่กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในปีหน้าแล้ว รัฐบาลไทยจะต้องดำเนินการให้มีการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าวอย่างเคร่งครัดและจริงจัง

 

เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง ผู้อำนวยการมูลนิธิบูรณะนิเวศ (EARTH) กล่าวว่า การห้ามนำเข้าขยะพลาสติกของประเทศควรเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564 แต่คณะอนุกรรมการผ่อนผันให้กับบริษัทผู้นำเข้าและผู้ประกอบการรีไซเคิลได้มีเวลาปรับตัวเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งก็ครบกำหนดแล้ว แม้การออกกฎหมายจะล่าช้าไปบ้าง แต่การประกาศใช้กฎหมายนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก และประเทศไทยถือเป็นผู้นำในภูมิภาคอาเซียนที่มีกฎหมายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก

 

“ดังนั้นภาคประชาสังคมจะต้องติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่องต่อไปว่าผลการบังคับใช้กฎหมายนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป และจะยังมีการลักลอบนำเข้าเหมือนขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่กฎหมายห้ามนำเข้าแล้ว แต่ก็ยังมีการลักลอบนำเข้าอีกจำนวนมากหรือไม่” เพ็ญโฉมระบุ

 

ปุณญธร จึงสมาน นักวิจัยโครงการพลาสติก มูลนิธิความยุติธรรมเชิงสิ่งแวดล้อม (EJF) ระบุว่า เมื่อมีกฎหมายแล้ว หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมศุลกากร กรมโรงงานอุตสาหกรรม และกรมควบคุมมลพิษ ที่เป็นหน่วยงานหลัก จะต้องร่วมมือกันในการป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าขยะพลาสติกภายใต้พิกัดศุลกากรประเภท 39.15 จะต้องพัฒนาระบบและแนวทางการทำงาน เพื่อการติดตามและตรวจจับการนำเข้าขยะผิดกฎหมาย รวมไปถึงการส่งคืนแก่ประเทศต้นทาง

 

“นอกจากนี้ กฎหมายปัจจุบันไม่ได้มีการควบคุมการส่งผ่าน นั่นหมายความว่าประเทศไทยอาจยังถูกใช้เป็นทางผ่านในการส่งขยะพลาสติกไปประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องป้องกันไม่ให้เกิด”

 

ขณะที่ พิชามญช์ุ รักรอด หัวหน้าโครงการรณรงค์ยุติมลพิษพลาสติก กรีนพีซ ประเทศไทย กล่าวว่า กฎหมายฉบับปัจจุบันเป็นการห้ามนำเข้าสินค้าภายใต้พิกัดศุลกากรประเภท 39.15 เพียงพิกัดเดียว แต่ที่ผ่านมาพบว่ามีการนำเข้าขยะพลาสติกโดยสำแดงภายใต้พิกัดศุลกากรอื่น เช่น สำแดงว่าเป็นกระดาษ รัฐบาลไทยควรประเมินและตรวจหาพิกัดศุลกากรที่มีความเสี่ยงในประเด็นนี้ เพื่อพิจารณาขยายขอบเขตของการห้ามนำเข้าหากเหมาะสม ในการทำงานเหล่านี้ภาครัฐควรเปิดให้ภาคประชาสังคมเข้ามามีส่วนร่วมและมีการสื่อสารการดำเนินงานต่อสาธารณชนอย่างโปร่งใส

 

ภาคประชาสังคมเห็นว่าการห้ามนำเข้าขยะพลาสติกในปี 2568 ทำให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในผู้นำของภูมิภาคอาเซียนในการแก้ไขปัญหาอาณานิคมขยะ ประเทศไทยควรใช้โอกาสและบทบาทนี้ในการผลักดันการควบคุมและยับยั้งปัญหาการค้าขายขยะข้ามพรมแดนในระดับภูมิภาคและในระดับโลก โดยสามารถส่งมอบประสบการณ์และองค์ความรู้ให้กับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

 

รวมไปถึงพัฒนาแนวทางในการควบคุมการนำเข้าขยะมาในภูมิภาคอาเซียน และการควบคุมการค้าขายและเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนภายในภูมิภาคเองด้วย นอกจากนั้น ประเทศไทยควรมีบทบาทในการผลักดันการควบคุมการส่งออกขยะพลาสติกตั้งแต่ต้นทาง เพื่อลดภาระของประเทศผู้นำเข้าและประเทศที่ขยะถูกส่งผ่านในการติดตามตรวจสอบ แล้วไปควบคุมประเทศผู้ส่งออกให้มากขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวถูกหยิบยกขึ้นมาแล้วในการเจรจาเพื่อจัดตั้งมาตรการที่มีผลผูกพันทางกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยมลพิษพลาสติก หรือ ‘สนธิสัญญาพลาสติกโลก’

The post องค์กรสิ่งแวดล้อมชื่นชมรัฐบาลไทยออกกฎหมายห้ามนำเข้าขยะพลาสติก ชี้ต้องบังคับใช้จริงจัง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปภ. คาด เริ่มโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ ครัวเรือนละ 9,000 บาท รอบแรกภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 67 https://thestandard.co/disaster-relief-southern-thailand-9000baht/ Fri, 20 Dec 2024 08:23:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1021894 disaster-relief-southern-thailand-9000baht

วันนี้ (20 ธันวาคม) ภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันแล […]

The post ปภ. คาด เริ่มโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ ครัวเรือนละ 9,000 บาท รอบแรกภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 67 appeared first on THE STANDARD.

]]>
disaster-relief-southern-thailand-9000baht

วันนี้ (20 ธันวาคม) ภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 เห็นชอบหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 เพิ่มเติม พร้อมอนุมัติกรอบวงเงิน 5,039.793 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝนปี 2567 จำนวนรวม 559,977 ครัวเรือน ในพื้นที่ 16 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชัยนาท, บุรีรัมย์, สมุทรสาคร, สิงห์บุรี, กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, ประจวบคีรีขันธ์, ตรัง, พัทลุง, ยะลา, สงขลา, สตูล และสุราษฎร์ธานี 

 

ปภ. ประสานการทำงานอย่างใกล้ชิดกับ 16 จังหวัดข้างต้นให้เร่งดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนได้รับความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด โดยข้อมูลล่าสุดวันนี้ มีประชาชนยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือเข้าระบบมาแล้วกว่า 7 แสนครัวเรือน ซึ่ง ปภ. กำชับให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อำเภอ และจังหวัด เร่งตรวจสอบและยืนยันความถูกต้องของข้อมูลตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนด โดยขณะนี้มีข้อมูลครัวเรือนที่ผ่านการประชาคมหมู่บ้าน ผ่านการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) การประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) และส่งข้อมูลมาให้ ปภ. แล้วจำนวน 1,978 ครัวเรือน 

 

โดย ปภ. จะเร่งนำข้อมูลส่งให้ธนาคารออมสินโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัย ซึ่งคาดว่าจะโอนเงินช่วยเหลือให้ผู้ประสบภัยภาคใต้รอบแรกได้ภายในสิ้นเดือนธันวาคม 2567

 

ปภ. ขอเน้นย้ำให้ 16 จังหวัดที่ได้รับการจัดสรรเงินช่วยเหลือ เร่งดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลผู้ลงทะเบียนยื่นคำร้องขอรับความช่วยเหลือตามขั้นตอนและหลักเกณฑ์ที่กำหนด และขอให้จังหวัดประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบตรวจสอบข้อมูลดำเนินการตรวจสอบข้อมูลอย่างรอบคอบ ไม่ให้มีการลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือซ้ำซ้อน โดยผู้ที่จะได้รับเงินช่วยเหลือตามมติ ครม. ในครั้งนี้ จะต้องเข้าเงื่อนไขที่ ครม. กำหนด คือ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดชัยนาท, บุรีรัมย์, สมุทรสาคร และสิงห์บุรี จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงวันที่ 20 พฤษภาคม – 2 พฤศจิกายน 2567 และประชาชนในพื้นที่ 12 จังหวัดภาคใต้ กระบี่, ชุมพร, นครศรีธรรมราช, นราธิวาส, ปัตตานี, ประจวบคีรีขันธ์, ตรัง, พัทลุง, ยะลา, สงขลา, สตูล และสุราษฎร์ธานี จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในห้วงวันที่ 3 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไปเท่านั้น 

 

ทั้งนี้ ปภ. ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตรวจสอบเลขบัญชีว่ามีการผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนแล้วหรือไม่ หากยังไม่ได้ดำเนินการ ขอให้รีบติดต่อธนาคารทันที จะได้ไม่มีความขัดข้องในการโอนเงินเข้าบัญชีผู้ประสบภัย เพื่อให้ประชาชนได้รับเงินช่วยเหลือโดยรวดเร็ว

ท้ายนี้ ขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ประชาชนให้จัดเตรียมเอกสารหลักฐานเพื่อลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือโดยเร็ว โดยสามารถดำเนินการลงทะเบียนได้ผ่าน 2 ช่องทาง ทั้งแบบ Onsite ยื่นด้วยตนเอง ณ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ประสบภัย และแบบ Online ผ่านเว็บไซต์ https://flood67.disaster.go.th

The post ปภ. คาด เริ่มโอนเงินเยียวยาน้ำท่วมภาคใต้ ครัวเรือนละ 9,000 บาท รอบแรกภายในสิ้นเดือน ธ.ค. 67 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตำรวจไซเบอร์ทลายเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท พร้อมรวบนักร้องนำวงเมทัลไทยรับหน้าที่ดูแลเงิน https://thestandard.co/cyber-police-bust-online-gambling-50m-metal-singer-involved/ Fri, 20 Dec 2024 06:13:52 +0000 https://thestandard.co/?p=1021805 cyber-police-bust-online-gambling-50m-metal-singer-involved

วันนี้ (20 ธันวาคม) พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการ […]

The post ตำรวจไซเบอร์ทลายเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท พร้อมรวบนักร้องนำวงเมทัลไทยรับหน้าที่ดูแลเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
cyber-police-bust-online-gambling-50m-metal-singer-involved

วันนี้ (20 ธันวาคม) พล.ต.ท. ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ‘ตร.ไซเบอร์ทลายเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท รวบนักร้องนำวงเมทัลไทย หวังรวยลัดดูแลเงินให้เว็บ’

 

สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ กองกำกับการ 1 กองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ดำเนินการสืบสวนเพื่อจับกุมเครือข่ายพนันออนไลน์ lenhuay365 และ ufabet9 ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิด โดยเป็นเว็บไซต์ที่มีการเผยแพร่และให้บริการเกี่ยวกับการเล่นพนันออนไลน์ เช่น หวย, สล็อต, พนันฟุตบอล, ยิงปลา และบาคาร่า มีรูปแบบการโอนเงินเพื่อเข้าเล่นพนันออนไลน์ผ่านระบบบัญชีธนาคารในประเทศโดยอัตโนมัติ โดยการแจ้งถอนเงินผ่านเว็บไซต์โดยตรง และมีแอดมินของเว็บไซต์คอยช่วยเหลือ เช่น กรณีปัญหาเกี่ยวกับการสมัคร การทำธุรกรรมทางการเงิน และการให้คำแนะนำเชิญชวนให้เล่นการพนันออนไลน์ ซึ่งเว็บไซต์ดังกล่าวมีเส้นทางการเงินในรูปแบบบัญชีม้า เพื่อเป็นการเข้า-ออกของเส้นทางการเงิน

 

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนติดตามนานกว่า 1 เดือน จนกระทั่งรวบรวมพยานหลักฐานนำไปสู่การขอออกหมายค้นและหมายจับบัญชีม้าดังกล่าว ซึ่งพบว่าเป็นชาวไทยทั้งหมดมากกว่า 60 บัญชี ซึ่งใช้ในการโอนและรับเงินในเว็บหวยและพนันออนไลน์ดังกล่าว โดยมีเงินหมุนเวียนมากกว่า 50 ล้านบาท และขออนุมัติศาลออกหมายจับบุคคล จำนวน 7 หมายจับ โดยเป็นบัญชีม้าหลักในการรับเงิน

 

และวานนี้ (19 ธันวาคม) ตรวจค้น 3 จุดหลัก ดังนี้

  1. คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม.
  2. บ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กทม.
  3. บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่นวมินทร์-ลาดพร้าว 101 ถนนโพธิ์แก้ว แขวงนวมินทร์ เขตบึงกุ่ม กทม.

 

เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์จับกุมตัวผู้ต้องหาได้ 1 ราย คือ ศิวัชกรินทร์ อายุ 37 ปี นักร้องนำวงเมทัลไทยวงหนึ่ง ชาวอำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ บุคคลตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ลงวันที่ 16 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นตัวการในการดูแลบัญชี ระบบเว็บ และถอนเงินจากตู้ ATM ตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ กทม. โดยถูกจับกุมตัวได้ที่ห้องพักในคอนโดแห่งหนึ่ง ย่านรามคำแหง ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. ผลการตรวจค้นในห้องพักพบของกลาง และตรวจยึดรถ Benz A200 สีดำ, คอมพิวเตอร์, iPhone 1 เครื่อง และสมุดบัญชีธนาคาร 58 บัญชี

 

ในปัจจุบันกลุ่มธุรกิจผิดกฎหมาย เช่น พนันออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ มีความพยายามหลบเลี่ยงการสืบสวนจับกุมโดยใช้ระบบต่างๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาต ทำให้เอื้อต่อกลุ่มผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง ซึ่งนโยบายของผู้บัญชาการตำรวจไซเบอร์ให้สืบสวนจับกุมไปให้ถึงต้นตอแบบขุดรากถอนโคน และในการสืบสวนครั้งนี้พบกลุ่มบัญชีม้าแล้วและยังจะต้องสืบสวนเพื่อขยายผลหาตัวคนร้ายที่แท้จริงต่อไป

The post ตำรวจไซเบอร์ทลายเว็บพนันออนไลน์ เงินหมุนเวียนกว่า 50 ล้านบาท พร้อมรวบนักร้องนำวงเมทัลไทยรับหน้าที่ดูแลเงิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เจาะเบื้องหลังแคมเปญ ‘วันดี ๆ กับกระดาษดี ๆ’ และวิธีสร้างข้อความฮีลใจผ่านความเชื่อ Better Paper, Better World ของ Double A [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/double-a-better-paper-better-world/ Fri, 20 Dec 2024 06:00:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1021340

‘เหนื่อยล้า กดดัน หมดพลัง’ ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกั […]

The post เจาะเบื้องหลังแคมเปญ ‘วันดี ๆ กับกระดาษดี ๆ’ และวิธีสร้างข้อความฮีลใจผ่านความเชื่อ Better Paper, Better World ของ Double A [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘เหนื่อยล้า กดดัน หมดพลัง’ ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นกับคนยุคนี้โดยเฉพาะกับเหล่า New Gen ที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางความกดดันและคาดหวังของสังคม ต้องเติบโตบนโลกที่เต็มไปด้วยอุปสรรคที่ควบคุมไม่ได้ ทำให้คน New Gen รู้สึกว่าตัวเองยังไม่เก่งพอ และจะทำไม่ได้ตามที่ตัวเองและโลกคาดหวัง แม้หัวใจพวกเขาจะเต็มเปี่ยมไปด้วยการอยากเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้นก็ตาม

 

จากผลสำรวจอินไซต์ผู้บริโภคปี 2025-2026 เพื่อสร้างสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์ของ WGSN พบว่า ปี 2025 ลูกค้าจะรู้สึกเหนื่อยล้า ต้องการกำลังใจ คำถามคือแล้วแบรนด์จะรับมืออย่างไร?

 

หนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจคือ สิ่งที่ผู้บริโภคต้องการจากแบรนด์คือการสื่อสารที่โปร่งใสและจริงใจ และหวังเพียงว่าแบรนด์จะทำหน้าที่เป็นผู้ซัพพอร์ตความรู้สึกแทนที่จะควบคุมความคิด 

 

หนึ่งในแบรนด์ที่ทำหน้าที่นี้ได้อย่างดีคือ ‘Double A’ กับแคมเปญ ‘วันดี ๆ กับกระดาษดี ๆ’

 

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะแบรนด์เข้าใจว่าการเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับความรู้สึกของกลุ่มเป้าหมายไม่ใช่แค่เทรนด์แต่เป็นสิ่งที่แบรนด์ควรทำ ไม่ว่าจะเป็นการทำให้พวกเขาเห็นว่าแบรนด์มีความเชื่อเดียวกัน และพวกเขาสามารถมีส่วนร่วมกับแบรนด์ผ่านประสบการณ์ดีๆ สุดท้ายคือแบรนด์ได้สร้างอิมแพ็กต์ที่ดีต่ออนาคตของพวกเขา 

 

“เราจะคอยส่งพลังใจ ชื่นชมในความพยายาม และทำให้เขารู้ว่าพวกเขามีคุณค่าในตัวเอง” นี่คือสารตั้งต้นที่แสนจะจริงใจของ Double A ก่อนจะพัฒนามาเป็นแคมเปญ ‘วันดี ๆ กับกระดาษดี ๆ’ เพื่อสื่อสารกับคน New Gen และคนวัยทำงานซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์ว่า ‘ข้อความสร้างพลังใจดีๆ สามารถเปลี่ยนวันทั้งวันให้กลายเป็นวันดี ๆ ได้’  

 

double-a

 

ส่งต่อ ‘ความเข้าใจ’ ผ่านแคมเปญ ‘วันดี ๆ กับกระดาษดี ๆ’

 

ความพยายามที่จะเข้าใจและเข้าใกล้ New Gen ทำให้พบอินไซต์ที่น่าสนใจ ‘ความกดดัน’ จากสภาพเศรษฐกิจ สังคม ชีวิตการทำงาน ครอบครัว ไปจนถึงเรื่องส่วนตัว ล้วนบีบคั้นให้คนยุคใหม่พากันตั้งคำถามต่อคุณค่าและความสามารถของตัวเอง

“ฉันดีพอหรือยัง?”

“เรายังพยายามไม่มากพอหรือเปล่า?”

“คุณค่าของฉันอยู่ตรงไหน?” 

 

ความไม่มั่นใจที่ก่อตัวกลายเป็นตัวทำลาย ‘Better Day’ ของพวกเขา สิ่งที่พวกเขาต้องการไม่ใช่โลกที่ดีขึ้นในพริบตา แต่ต้องการเพียงแค่กำลังใจดีๆ ที่จะช่วยเติมเต็มพลัง 

 

แบรนด์หยิบอินไซต์ที่พบมาบรรจบเข้ากับไอเดียสุดครีเอตที่ต้องการเชื่อมโยงแบรนด์กับ New Gen ด้วยการสร้าง Conversational Marketing ที่มีความหมายและมีอิมแพ็กต์ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ข้อความดีๆ สามารถเปลี่ยนวันทั้งวันให้กลายเป็นวันดี ๆ ได้

 

Double A คิกออฟแคมเปญ ‘วันดี ๆ กับกระดาษดี ๆ’ ด้วยการใช้ Contextual Marketing หรือการตลาดแบบใส่ใจ มาออกแบบสื่อ Digital Out of Home ด้วย Wording Contextual ข้อความสั้นๆ เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยความใส่ใจ กระจายพลังใจไปตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็น BTS และ MRT หรือป้าย Digital Billboard ตามท้องถนน 

 

double-a

 

ความทรงพลังของแคมเปญในเฟสแรกถูกคิดมาอย่างถี่ถ้วน ตั้งแต่การหยิบอินไซต์ความกังวลของคนแต่ละ Gen มาเป็นตัวตั้ง เลือกสื่อที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ก่อนจะคัดสรรข้อความง่ายๆ แต่อ่านแล้วใจฟูสุดๆ เพื่อให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและสถานที่นั้นๆ  

 

คนวัยทำงาน นักเรียน นักศึกษาที่เดินทางด้วย BTS และ MRT เป็นประจำ คงจะเคยเห็นประโยคฮีลใจอย่าง “ชีวิตมีทางออกมากกว่า 1 ทางเสมอ”, “ออกจากสถานียิ้มให้ตัวเองสักทีนะ”, “จะเลือกทางไหนก็ขอให้ราบรื่น” หรือ “มีขาลง เดี๋ยวชีวิตก็มีขาขึ้น”

 

ส่วนใครที่เดินทางบนท้องถนนเป็นหลัก คงจะสะดุดกับข้อความน่ารักๆ เช่น “ขอให้งานวันนี้มีแต่ไฟเขียว”, “ติดขัดบ้าง…ค่อยเป็นค่อยไปนะ” หรือ “ถึงจะไปช้าๆ แต่ก็ไม่หยุดอยู่กับที่” 

 

หรือบางคนเดินเข้าร้านเครื่องเขียน อาจเคยเห็นป้าย PoPs ที่ส่งพลังใจและสร้างรอยยิ้มเล็กๆ ให้กับเขาในวันนั้น เช่น “เก่งมากวันนี้ คุณทำเต็มที่แล้ว”, “เธอเก่งในแบบของเธอนะ” หรือ “วันที่ดีเริ่มต้นด้วยรอยยิ้ม” 

 

จะเห็นว่าทุกประโยคถูกล้อและเชื่อมโยงไปกับบริบทของสถานที่ กลยุทธ์นี้ไม่เพียงสร้างโมเมนต์ร่วมให้กับคนที่อ่านข้อความได้อยู่หมัด แต่ยังซัดเข้าไปที่จิตใจ กระตุกให้พวกเขาหันกลับมามองเห็นเรื่องดีๆ เล็กๆ น้อยๆ ที่ซ่อนอยู่รอบตัว เหนือสิ่งอื่นใดที่ทำให้พวกเขารู้ว่า ไม่ว่าวันนี้จะเหนื่อยหนักแค่ไหน Double A จะคอยส่งกำลังใจดีๆ เคียงข้างเขาตลอดทั้งวัน 

 

ขยายพลังงานดีๆ ให้เข้าถึงทุก Gen ผ่าน ‘Experimental Film’

 

แบรนด์เล่นกับพลังของ Better Paper, Better World ต่อ ด้วยการออกแบบ Experimental Film การทดลองที่อยากเปลี่ยน 1 วันของใครสักคนให้ดีขึ้นด้วยกระดาษ 1 แผ่น โดยมี Gen Z, X และ Y เป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่ต้องใช้ชีวิตด้วยความกดดันหลากหลายรูปแบบ 

 

 

สิ่งที่สะท้อนว่าแบรนด์เข้าใจอินไซต์ของคน Gen ต่างๆ จริง คือการเลือกโลเคชัน อย่าง Gen Z ก็เลือกเป็นสถานศึกษาและแหล่งรวมตัวของคน Gen นี้ ส่วน Gen X และ Y ตัวแทนของคนวัยทำงาน จึงเลือกโลเคชั่นในโซน Office Building 

 

แต่หัวใจสำคัญของ Experimental Film คือการใช้ ‘ข้อความ’ ที่มีความหมายและมีอิมแพ็กต์ โดยหยิบอินไซต์ เช่น ความเก่งไม่พอ ความไม่มั่นใจที่เข้ามาทำร้าย Better Day ของคนแต่ละ Gen สื่อให้เห็นว่าในวันที่เหนื่อยล้า เราอาจต้องการแค่กำลังใจดีๆ ให้กันและกัน ที่ช่วยเติมเต็มพลัง เติมเต็มความรู้สึกให้กันและกัน 

 

double-a

 

ถึงโปรดักชันจะเรียบง่ายแต่ทัชใจคนดูอย่างมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากสีหน้า แววตา รอยยิ้ม ของคนที่เปิดอ่านข้อความจากกระดาษ A4 ธรรมดาๆ เพียงแผ่นเดียว สำหรับบางคนนี่อาจเป็นข้อความธรรมดาๆ ที่ได้ยินจนเบื่อ แต่บางคน ประโยคเรียบง่ายอย่าง “รู้ใช่ไหม ว่าคุณอาจจะเก่งกว่าที่ตัวเองคิด”, “เหนื่อยใช่ไหม วันนี้เธอเก่งมากเลย”, “เป็นตัวเองในแบบที่อยากเป็น” หรือ “วันนี้ทำเต็มที่แล้ว เก่งมาก!”



ที่มันทัชใจอาจเป็นเพราะบางประโยค…เราเฝ้ารอจะได้ยินจากใครสักคนก็เป็นได้

 

พลังของ Better Paper, Better World

 

นอกจากพลังงานดีๆ ที่แบรนด์ส่งผ่านข้อความดีๆ บนกระดาษดีๆ จะทำหน้าที่ผ่านแคมเปญนี้ได้อย่างสมบูรณ์ เพราะเชื่อว่าใครที่ได้ดู Experimental Film ไม่ว่าจะเวอร์ชัน Gen ไหนคงได้รับคลื่นพลังงานบวกเหล่านั้นไปด้วย รวมไปถึงสื่อ OOH ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ 

 

เหนือสิ่งอื่นใดมันตอกย้ำ ‘พลังของกระดาษ’ ที่เป็นได้มากกว่าวัตถุที่ใช้จดบันทึกหรือวาดเขียน แต่ยังทำหน้าที่บางอย่างที่เทคโนโลยีไหนก็ทดแทนไม่ได้ นั่นคือพลังที่ทำงานกับอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ 

 

นั่นเป็นเหตุที่ว่าทำไม Double A จึงไม่หยุดที่จะสร้างกระดาษให้มีคุณค่าต่อผู้คนและสิ่งแวดล้อม เพราะ Better Paper สามารถสร้าง Better Day, Better Life, Better People, Better Society ไปจนถึง Better Future และที่สำคัญกว่านั้นคือ ‘Better World’ พลังที่สามารถเปลี่ยนโลกของใครหลายคนให้ดีขึ้นได้ 

 

ว่าแล้วก็อยากที่จะหยิบกระดาษสักแผ่น เขียนข้อความดีๆ ส่งกำลังใจให้กับคนรอบข้างดูบ้าง หรือถ้าไม่รู้จะเขียนให้ใคร เขียนมันให้กับตัวเอง หยิบมาอ่านทุกครั้งที่พลังใจเริ่มลด แต่ถ้าอยากทดลองว่า ข้อความดีๆ ของคุณจะสร้างวันดี ๆ ให้คนใกล้ตัวได้เหมือนกับ Experimental Film ของ Double A หรือเปล่า จะฝากใครสักคนไปยื่นให้ ย่องไปแปะไว้บนโต๊ะ เสียบไว้ในหนังสือเรียน แล้วแอบส่องดูปฏิกิริยา ถ้าไม่ยิ้มออกมาก็ต้องมีน้ำตารื้นกันบ้างละ รับรอง! 

The post เจาะเบื้องหลังแคมเปญ ‘วันดี ๆ กับกระดาษดี ๆ’ และวิธีสร้างข้อความฮีลใจผ่านความเชื่อ Better Paper, Better World ของ Double A [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>