Tech – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 21 Dec 2024 07:50:19 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 OpenAI เปิดตัว o3 โมเดลที่ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ กว่าเดิม พร้อมแข่งกับ Gemini 2.0 ของ Google https://thestandard.co/openai-o3-vs-google-gemini-2/ Sat, 21 Dec 2024 07:50:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1022104 openai-o3-vs-google-gemini-2

OpenAI ประกาศเปิดตัว o3 และ o3-mini ตระกูลโมเดลที่บริษั […]

The post OpenAI เปิดตัว o3 โมเดลที่ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ กว่าเดิม พร้อมแข่งกับ Gemini 2.0 ของ Google appeared first on THE STANDARD.

]]>
openai-o3-vs-google-gemini-2

OpenAI ประกาศเปิดตัว o3 และ o3-mini ตระกูลโมเดลที่บริษัทอ้างว่ามีการ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำลังทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยกับกลุ่มนักวิจัยอยู่ โดย Sam Altman ให้ข้อมูลว่า o3-mini จะเปิดตัวภายในสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า และ o3 ในช่วงเวลาถัดไปหลังจากนั้น

 

การแถลงเปิดตัว o3 และ o3-mini ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในช่วงราว 3 เดือนนับตั้งแต่ OpenAI ออกโมเดลตระกูล o1 ที่มีการคิดอย่างมีเหตุผล โดยตัวโมเดลใช้เวลาประมวลผลที่นานกว่าเพื่อแก้โจทย์ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะในด้านของวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือการเขียนโค้ด

 

ทาง OpenAI ระบุว่า o3 และ o3-mini จะมีความสามารถและฉลาดกว่าตระกูล o1 ที่ออกมาก่อนหน้านี้

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

TechCrunch รายงานว่า โมเดลที่มีการ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ อย่างเช่น o3 ช่วยให้ AI สามารถตรวจเช็กคำตอบกับตนเองและลดอาการหลอนหรือข้อผิดพลาดในคำตอบของตนให้น้อยที่สุด ซึ่งข้อผิดพลาดดังกล่าวมักพบได้ใน AI ประเภททั่วไป

 

ขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้นำมาสู่ความล่าช้าบ้างใน o3 แต่ก็แลกมากับความน่าเชื่อถือของคำตอบที่มากขึ้นในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ซับซ้อน เช่น วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

 

o3 ได้รับการเทรนนิ่งผ่านการเรียนรู้แบบ ‘Reinforcement Learning’ หรือการเรียนรู้ด้วยวิธีลองผิดลองถูก โดยมีรางวัลและการลงโทษเป็นตัวกำหนดการเรียนรู้ เพื่อให้ AI คิดก่อนตอบและวางแผนล่วงหน้า ก่อนจะดำเนินการเป็นลำดับขั้นเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา

 

อย่างไรก็ตาม o3 และ o3-mini ไม่ได้ทำให้อาการหลอนของ AI หายไปทั้งหมด เพียงแต่ลดความเป็นไปได้ที่ข้อผิดพลาดเหล่านั้นจะเกิดขึ้น

 

การมาของ o3 และ o3-mini อยู่ในช่วงที่การแข่งขันในสังเวียน AI ยกระดับขึ้น โดยในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ทาง Google มีการเปิดตัว Gemini 2.0 ที่ทางบริษัทเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่เคลมว่าเป็น ‘โมเดลที่มีการคิดอย่างถี่ถ้วนมากที่สุด’ ซึ่งมุ่งเป้าสำหรับการใช้งานรับมือกับเนื้อหาที่ซับซ้อน และต้องการจะอยู่แถวหน้าของการแข่งเพื่อชิงตำแหน่ง ‘ผู้นำ’ อุตสาหกรรม AI

 

อ้างอิง:

 

The post OpenAI เปิดตัว o3 โมเดลที่ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ กว่าเดิม พร้อมแข่งกับ Gemini 2.0 ของ Google appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ไขคำตอบ คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? | KEY MESSAGES #173 https://thestandard.co/can-humans-fall-in-love-with-ai/ Sat, 21 Dec 2024 05:55:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1022059 can-humans-fall-in-love-with-ai

คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? คำถามนี้อาจฟังดูเหมือนเป็นฉาก […]

The post ชมคลิป: ไขคำตอบ คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? | KEY MESSAGES #173 appeared first on THE STANDARD.

]]>
can-humans-fall-in-love-with-ai

คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? คำถามนี้อาจฟังดูเหมือนเป็นฉากที่อยู่ในหนัง Sci-Fi ห่างไกลกับความเป็นจริงมาก หรือไม่ก็เป็นเพียงแค่ภาพจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น แต่จะเป็นอย่างไรถ้าวันนี้ฉากเหล่านั้นกลายเป็นจริงขึ้นมา

 

แต่คำถามก็คือ คนเราจะรักหรือมีความสัมพันธ์กับ AI แทนคนจริงๆ ได้ไหม แล้วทำไมคนกลุ่มหนึ่งถึงเลือกเช่นนั้น อะไรบ้างที่มนุษย์ต้องแลก ไขคำตอบพร้อมกันในรายการ KEY MESSAGES

 

เรื่อง: ปภัสรา เพ็ชร์ณรงค์

ตัดต่อ: ธนวัฒน์ กางกรณ์

The post ชมคลิป: ไขคำตอบ คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? | KEY MESSAGES #173 appeared first on THE STANDARD.

]]>
OpenAI พา ChatGPT เข้าสู่ WhatsApp เปิดให้แชตฟรีทั่วโลก ชาวอเมริกันโทรคุยได้ 15 นาทีต่อเดือน https://thestandard.co/openai-makes-chatgpt-available-for-phone-chats/ Thu, 19 Dec 2024 04:53:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1021334 ChatGPT AI

OpenAI กำลังนำ ChatGPT มาสู่ WhatsApp เป็นครั้งแรก และเ […]

The post OpenAI พา ChatGPT เข้าสู่ WhatsApp เปิดให้แชตฟรีทั่วโลก ชาวอเมริกันโทรคุยได้ 15 นาทีต่อเดือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ChatGPT AI

OpenAI กำลังนำ ChatGPT มาสู่ WhatsApp เป็นครั้งแรก และเปิดให้ใช้งานฟรี โดยฟีเจอร์ใหม่นี้จะให้ผู้คนส่งข้อความถึง ChatGPT โดยตรง และแชตกับ ChatGPT ได้เหมือนคุยกับมนุษย์

 

OpenAI เปิดเผยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (18 ธันวาคม) ว่า ผู้ใช้สามารถเข้าถึงวิธีง่ายๆ ที่สะดวก และเสียค่าใช้จ่ายน้อยในการทดลองใช้งาน เพียงโทรไปที่หมายเลข 1-800-CHATGPT (1-800-242-8478) เพื่อพูดคุยกับแชตบอตของ ChatGPT ได้ฟรี โดยจำกัดเวลา 15 นาทีต่อเดือน ผู้คนสามารถโต้ตอบกับ AI ได้จากทุกที่บนโลก 

 

WhatsApp เป็นหนึ่งในแอปส่งข้อความที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลก โดยมีผู้ใช้มากกว่า 2.7 พันล้านคน และคาดว่าจะทะลุ 3 พันล้านคนในปีหน้า ถือเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่ OpenAI จะต้องเข้าถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ Meta AI ได้รับความนิยมมากขึ้น

 

ข่าวนี้ตามมาหลังจากที่ OpenAI เผยแพร่ข้อมูลอัปเดตมากมายในงาน ‘12 Days of Shipmas’ วันที่ 10 ของ OpenAI การประกาศที่น่าจับตามองที่สุดคือการเปิดตัว Sora อย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างวิดีโอด้วย AI ที่ได้รับความนิยมของ OpenAI

 

อาจดูแปลกที่ ChatGPT ซึ่งมีเวอร์ชันเว็บ แอปพลิเคชันมือถือบน iOS และ Android และแอปพลิเคชันเดสก์ท็อปสำหรับ macOS และ Windows จะต้องมีหมายเลขโทรศัพท์เพื่อถามคำถามกับ ChatGPT แต่ OpenAI อธิบายว่า ฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีการเชื่อมต่อข้อมูลอย่างต่อเนื่อง

 

OpenAI กล่าวว่า ฟีเจอร์ดังกล่าวช่วยให้เข้าถึง ChatGPT ได้มากขึ้น ท้ายที่สุดแล้ว การโทรไปยังหมายเลขโทรศัพท์มักจะไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถเข้าถึงได้สำหรับผู้ที่มีอินเทอร์เน็ตจำกัดหรือผู้ที่ไม่ได้อยู่ใกล้การเชื่อมต่อ WiFi อย่างไรก็ตาม ใครที่ต้องการโทรไปยัง ChatGPT สามารถทำได้เพียง 15 นาทีต่อเดือน

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บริษัทเทคโนโลยีใช้การโทรหรือส่งข้อความเพื่อขยายฐานผู้ใช้ในประเทศต่างๆ ก่อนหน้านี้ Facebook เสนอช่องทางให้ผู้ใช้ในฟิลิปปินส์ใช้ SMS เพื่อโพสต์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นประโยชน์ในการขยายการเข้าถึง Facebook ในฟิลิปปินส์ ซึ่งคนส่วนใหญ่มีโทรศัพท์มือถือ แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องเป็นสมาร์ทโฟนก็ตาม ปัจจุบันชาวฟิลิปปินส์เป็นผู้ใช้เครือข่ายโซเชียลรายใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่ง

 

เมื่อไม่นานมานี้ OpenAI จ้างประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดคนแรก ซึ่งบ่งชี้ถึงแผนการใช้จ่ายโฆษณามากขึ้นเพื่อขยายฐานผู้ใช้ ในเดือนตุลาคม บริษัทเปิดตัวฟีเจอร์การค้นหาภายใน ChatGPT ซึ่งทำให้บริษัทสามารถแข่งขันกับ Google, Bing ของ Microsoft และ Perplexity ได้ดีขึ้น

 

ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเติบโตเชิงรุกของ OpenAI เนื่องจากบริษัทกำลังต่อสู้กับ Anthropic ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Amazon, xAI ของ Elon Musk, Google, Meta, Microsoft และ Amazon ในตลาด Generative AI ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งคาดว่าจะทำรายได้ทะลุ 1 ล้านล้านดอลลาร์ภายใน 1 ทศวรรษ

 

OpenAI ปิดรอบการระดมทุนล่าสุดในเดือนตุลาคมที่ผ่านมาด้วยมูลค่า 1.57 แสนล้านดอลลาร์ บริษัทได้รับสินเชื่อหมุนเวียน 4 พันล้านดอลลาร์ ทำให้มีสภาพคล่องรวมมากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์

 

อ้างอิง:

 

The post OpenAI พา ChatGPT เข้าสู่ WhatsApp เปิดให้แชตฟรีทั่วโลก ชาวอเมริกันโทรคุยได้ 15 นาทีต่อเดือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมาร์ทโฟนราคาประหยัดทำยอดขายพุ่งทะลุสถิติในเวียดนาม หลังรัฐบาลสั่งยุติ 2G บีบประชาชนเปลี่ยนมือถือครั้งใหญ่ https://thestandard.co/vietnam-budget-smartphone-sales-surge-2g-shutdown/ Wed, 18 Dec 2024 09:50:20 +0000 https://thestandard.co/?p=1021042 vietnam-budget-smartphone-sales-surge-2g-shutdown

ยอดขายสมาร์ทโฟนราคาประหยัดในเวียดนามพุ่งสูงสุดนับตั้งแต […]

The post สมาร์ทโฟนราคาประหยัดทำยอดขายพุ่งทะลุสถิติในเวียดนาม หลังรัฐบาลสั่งยุติ 2G บีบประชาชนเปลี่ยนมือถือครั้งใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
vietnam-budget-smartphone-sales-surge-2g-shutdown

ยอดขายสมาร์ทโฟนราคาประหยัดในเวียดนามพุ่งสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2022 หลังรัฐบาลประกาศยุติการให้บริการเครือข่าย 2G ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้ประชาชนนับล้านต้องเปลี่ยนมาใช้สมาร์ทโฟนเป็นครั้งแรก

 

ข้อมูลจาก Counterpoint Research ระบุว่า 51% ของยอดขายโทรศัพท์มือถือในไตรมาส 3 เป็นรุ่นราคาไม่เกิน 200 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,900 บาท) จากผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Xiaomi, OPPO และ Samsung

 

การยกเลิกเครือข่าย 2G ของเวียดนามเป็นส่วนหนึ่งของแผนผลักดันการใช้งานเทคโนโลยี 4G และ 5G โดยภาครัฐร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรคมนาคมดำเนินการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ทั้งการแจ้งเตือนผ่านระบบรอสาย รวมถึงประกาศผ่านลำโพงสาธารณะ ซึ่งเป็นวิธีที่รัฐบาลคอมมิวนิสต์นิยมใช้สื่อสารกับประชาชน โดยในกรุงฮานอยจะติดตั้งลำโพงตามเสาไฟฟ้า ส่วนในโฮจิมินห์ซิตี้จะใช้รถประกาศเคลื่อนที่ คล้ายกับช่วงการระบาดของโรคโควิดที่ใช้วิธีนี้ในการแจ้งเตือนด้านสาธารณสุข

 

ผู้ให้บริการโทรคมนาคมรายใหญ่อย่าง Viettel, FPT, VNPT และ MobiFone ต่างทยอยออกแคมเปญส่งเสริมการขาย ทั้งการแลกซื้อเครื่องใหม่และแจกเวาเชอร์แพ็กเกจอินเทอร์เน็ต โดยเน้นพื้นที่ยากจนและห่างไกล

 

Counterpoint Research ระบุว่า สัดส่วนสมาร์ทโฟน 4G จะยังคงสูงต่อเนื่องในอีกหลายเดือนข้างหน้า และผู้ผลิตจะเร่งระบายสต็อกสมาร์ทโฟน 4G ในกลุ่มเครื่องราคาประหยัด โดยพบว่า 83% ของยอดขายในไตรมาสที่ผ่านมาเป็นเครื่องราคาไม่เกิน 600 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 21,000 บาท)

 

กระทรวงสารสนเทศและการสื่อสารเวียดนามเผยว่า ประเทศที่มีประชากรกว่า 100 ล้านคนแห่งนี้แทบไม่มีโทรศัพท์ 2G เหลืออยู่แล้ว จากที่เคยมีถึง 18 ล้านเครื่องในเดือนมกราคม แม้จะเผชิญความท้าทายในการเปลี่ยนผ่านผู้ใช้งานในพื้นที่ภูเขาและชนบท รวมถึงผู้ใช้ที่มีอคติและไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการเปลี่ยนผ่าน โดยเฉพาะในช่วงที่ไต้ฝุ่นยางิพัดถล่มในเดือนกันยายน ซึ่งยังมีผู้ใช้งาน 2G อยู่ถึง 1.8 ล้านคน

 

ทั้งนี้ เวียดนามถือเป็นประเทศล่าสุดที่ยุติการใช้งาน 2G หลังจากที่ญี่ปุ่นยกเลิกไปตั้งแต่ปี 2012 และสิงคโปร์ในปี 2017 โดยเทคโนโลยีนี้เริ่มใช้ครั้งแรกในฟินแลนด์เมื่อปี 1991 ล่าสุดเวียดนามตั้งเป้าจะยุติการให้บริการ 3G ภายในเดือนกันยายน 2028 ซึ่งปัจจุบันยังมีผู้ใช้งานอยู่ 38.2 ล้านคนทั่วประเทศ

The post สมาร์ทโฟนราคาประหยัดทำยอดขายพุ่งทะลุสถิติในเวียดนาม หลังรัฐบาลสั่งยุติ 2G บีบประชาชนเปลี่ยนมือถือครั้งใหญ่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนเร่งเกม AI พัฒนาโมเดลฝ่าวิกฤตชิป ดันโมเดลโอเพนซอร์สแข่งและเตรียมแซงสหรัฐฯ https://thestandard.co/chinese-ai-models-versus-usa/ Wed, 18 Dec 2024 04:36:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1020870

ความพยายามที่ว่าจีนจะก้าวขึ้นมาครองโลกของปัญญาประดิษฐ์ […]

The post จีนเร่งเกม AI พัฒนาโมเดลฝ่าวิกฤตชิป ดันโมเดลโอเพนซอร์สแข่งและเตรียมแซงสหรัฐฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ความพยายามที่ว่าจีนจะก้าวขึ้นมาครองโลกของปัญญาประดิษฐ์ (AI) อาจอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เมื่อผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและนักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีเผยว่า โมเดล AI ของจีนได้รับความนิยมอย่างมากและกำลังพัฒนาได้ทันหรือแซงหน้าโมเดลของสหรัฐฯ ในแง่ของประสิทธิภาพไปแล้ว

 

AI กลายเป็นประเด็นการต่อสู้ระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยทั้งสองฝ่ายถือว่า AI เป็นเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ระดับประเทศ ซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงจำกัดการเข้าถึงของจีนในชิปล้ำสมัยที่ออกแบบมาเพื่อช่วยขับเคลื่อนการพัฒนา AI ด้วยความกลัวที่ว่าเทคโนโลยีดังกล่าวอาจคุกคามความมั่นคงของชาติสหรัฐฯ

 

บริษัท AI ของจีนกำลังพัฒนาโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (Large Language Models: LLM) ซึ่งเป็นโมเดลพื้นฐานการประมวลผลของ Generative AI เหมือนกับบริษัทชั้นนำของสหรัฐฯ บางแห่ง ซึ่งใช้ข้อมูลจำนวนมหาศาลในการฝึกอบรมและรองรับแอปพลิเคชัน เช่น แชตบอต โดยบริษัทจีนจำนวนมากเหล่านี้กำลังพัฒนาโมเดล LLM แบบโอเพนซอร์ส ซึ่งเปิดให้นักพัฒนาสามารถดาวน์โหลดและนำไปต่อยอดได้ฟรีโดยไม่ต้องขออนุญาตจากผู้สร้าง

 

Tiezhen Wang วิศวกรด้านแมชชีนเลิร์นนิง กล่าวว่าใน Hugging Face ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโอเพนซอร์สที่ทำหน้าที่คล้ายห้องสมุดขนาดใหญ่ที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ AI เอาไว้มากมาย เช่น AI Model, Codes และ Datasets ต่างๆ ซึ่งนักพัฒนา AI สามารถเข้ามาแบ่งปันหรือหยิบยืมข้อมูลเหล่านี้จาก Hugging Face ไปใช้ต่อได้

 

ปัจจุบันพบว่า LLM ของจีนมียอดดาวน์โหลดสูงสุด โดย Qwen ซึ่งเป็นกลุ่มโมเดล AI ที่สร้างขึ้นโดย Alibaba ยักษ์ใหญ่ด้านอีคอมเมิร์ซของจีนเป็นหลักสูตรที่มียอดดาวน์โหลดสูงสุดใน Hugging Face

 

Wang แสดงความเห็นว่า Qwen ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วเนื่องจากมีประสิทธิภาพที่โดดเด่นในเกณฑ์มาตรฐานที่มีการแข่งขันสูง เขากล่าวเสริมว่า Qwen มีโมเดลการออกใบอนุญาตที่เอื้ออำนวยอย่างมาก ซึ่งหมายความว่าบริษัทต่างๆ สามารถใช้ Qwen ได้โดยไม่ต้องตรวจสอบทางกฎหมายอย่างละเอียดถี่ถ้วน

 

นอกจากนี้ DeepSeek ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพสัญชาติจีนยังสร้างกระแสด้วยโมเดลที่ชื่อว่า DeepSeek-R1 เมื่อเร็วๆ นี้ โดย DeepSeek กล่าวว่าโมเดล R1 ของตนแข่งขันกับ o1 ของ OpenAI ซึ่งเป็นโมเดลที่ออกแบบมาเพื่อใช้หาเหตุผลหรือแก้ปัญหาที่ซับซ้อนมากขึ้น

 

บริษัทจีนเหล่านี้อ้างว่าโมเดลของตนสามารถแข่งขันกับข้อเสนอโอเพนซอร์สอื่นๆ อาทิ Llama ของ Meta รวมถึง LLM แบบปิด เช่นจาก OpenAI ได้ในหลายมิติ

 

ไม่ใช่แค่บริษัทจีนเท่านั้นที่เปิดตัว LLM แบบโอเพนซอร์ส แต่บริษัทแม่ของ Facebook อย่าง Meta รวมถึง Mistral ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพในยุโรป ก็มีโมเดล AI แบบโอเพนซอร์สเช่นกัน

 

แต่ด้วยอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่ตกอยู่ภายใต้ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน LLM แบบโอเพนซอร์สจึงสร้างข้อได้เปรียบอีกอย่างให้กับบริษัทจีน นั่นคือทำให้โมเดลของตนสามารถนำไปใช้ได้ทั่วโลก

 

ในปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้เพิ่มข้อจำกัดในการส่งออกอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์และชิปขั้นสูงไปยังจีน แต่ภายใต้ข้อจำกัดเหล่านี้ บริษัทจีนก็ยังคงสามารถเปิดตัวโมเดล AI ขั้นสูงได้

 

อีกทั้งบริษัทจีนยังได้เร่งความพยายามในการสร้างทางเลือกอื่นที่มีประสิทธิภาพเพื่อทดแทน NVIDIA โดย HUAWEI ถือเป็นผู้เล่นชั้นนำรายหนึ่งที่น่าจับตาของจีน ขณะเดียวกันบริษัทอย่าง Baidu และ Alibaba ก็ได้ลงทุนการออกแบบเซมิคอนดักเตอร์เช่นกัน

 

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าช่องว่างในแง่ของการประมวลผลฮาร์ดแวร์ขั้นสูงจะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีหน้า เนื่องจาก NVIDIA จะเปิดตัวระบบที่ใช้ Blackwell ซึ่งถูกจำกัดการส่งออกไปยังจีน แต่ไม่ว่าชิปของ NVIDIA จะถูกแบนในจีนหรือไม่ นั่นก็ไม่สามารถกีดกันจีนจากการลงทุนและสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ของตนได้

 

อ้างอิง:

The post จีนเร่งเกม AI พัฒนาโมเดลฝ่าวิกฤตชิป ดันโมเดลโอเพนซอร์สแข่งและเตรียมแซงสหรัฐฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bluebik กางแผนธุรกิจปี 68 ชี้ AI Transformation ในกลุ่มลูกค้าองค์กรมาแรง ตั้งเป้าธุรกิจโต 20% https://thestandard.co/bluebik-ai-transformation-2024-business-growth-20-percen/ Mon, 16 Dec 2024 09:41:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1020097 bluebik-ai-transformation-2024-business-growth-20-percen

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ Bluebik เปิดแผนธ […]

The post Bluebik กางแผนธุรกิจปี 68 ชี้ AI Transformation ในกลุ่มลูกค้าองค์กรมาแรง ตั้งเป้าธุรกิจโต 20% appeared first on THE STANDARD.

]]>
bluebik-ai-transformation-2024-business-growth-20-percen

บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ Bluebik เปิดแผนธุรกิจปี 2568 ชูกลยุทธ์หลักที่ผนวกรวมทุกบริการของบริษัทเข้ากับ AI (AI Bundled Services) เพื่อตอบรับกับเทรนด์การใช้เทคโนโลยี AI ในองค์กรที่กำลังอยู่ในช่วงขยายตัว และจะขยายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในอีก 3-5 ปีนับจากนี้ 

 

โดยภาคธุรกิจจะเร่งเปลี่ยนผ่านกระบวนการดำเนินธุรกิจด้วย AI หรือ AI Transformation เพื่อลดต้นทุนพร้อมเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้ผลประกอบการของบริษัทในปี 2568 เติบโตตามเป้าที่ 20%

 

“Digital Transformation ต่อจากนี้ 3-5 ปีจะถูกขับเคลื่อนด้วย AI หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า AI Transformation ซึ่งธุรกิจแทบทุกประเภทจะถูกขับเคลื่อนด้วย AI ที่จะฉลาดขึ้น มีต้นทุนต่ำลง และถูกนำไปใช้มากยิ่งขึ้น” พชร อารยะการกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูบิค กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าว

 

นอกจากนี้พชรยังชี้ด้วยว่า ปัจจุบันเทรนด์การใช้ AI ในภาคธุรกิจยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น หมายความว่า AI Transformation ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยรายงานล่าสุดของ Gartner ระบุว่า ความต้องการใช้ AI สำหรับองค์กรทั่วโลกเติบโตเฉลี่ย 16.9% ต่อปี (ตั้งแต่ปี 2566-2570) และจะมีมูลค่าพุ่งแตะ 4.43 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2570

 

บลูบิค กรุ๊ป ประเมินว่าองค์กรที่เริ่มปรับใช้ AI ได้ก่อนและใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถสร้างความได้เปรียบที่เหนือกว่าคู่แข่ง ซึ่งในท้ายที่สุดก็จะเป็นปัจจัยกดดันให้ธุรกิจต้องหันมาปรับใช้ AI อย่างมีกลยุทธ์

 

“AI เป็นเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามาเปลี่ยนกระบวนการทำงานของธุรกิจยุคใหม่ แต่จากการศึกษาแนวโน้มเทคโนโลยีและธุรกิจ บลูบิคพบว่าการจะทำ AI Transformation ไม่ใช่เรื่องง่ายและมีอุปสรรคหลายอย่างที่ทำให้บางครั้งโครงการที่จะนำ AI มาใช้ไม่ประสบความสำเร็จ” พชรกล่าวเสริม

 

อุปสรรคที่บลูบิคมองเห็นจากประสบการณ์การทำงานกับลูกค้ามีทั้งการลงทุนด้าน AI ที่ไม่สอดรับกับกลยุทธ์องค์กร, การขาดโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที, การพัฒนาโมเดล AI ที่ไม่เหมาะสม, การขาดมาตรการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ และแนวทางนำ AI มาปรับใช้ให้เกิดขึ้นจริงในองค์กร

 

เมื่อเห็นความท้าทายที่หลายองค์กรเจอกับการนำ AI มาใช้ในธุรกิจ บลูบิคจึงมองว่ากลยุทธ์ Bundled Services จะช่วยจัดการกับอุปสรรคและทำให้แผนงานด้าน AI Transformation ประสบความสำเร็จ โดยกลยุทธ์ Bundled Services ของบลูบิคมี 5 แกนหลัก ประกอบด้วย

 

  1. วางกลยุทธ์ AI ให้สอดรับกับเป้าหมายของแต่ละองค์กร ตั้งแต่กลยุทธ์ธุรกิจ กลยุทธ์ด้านข้อมูล ไปจนถึงกลยุทธ์ด้าน AI 

 

  1. พัฒนาแพลตฟอร์มและโครงสร้างพื้นฐานให้สามารถรองรับการทำงานและการใช้งานโมเดล AI 

 

  1. พัฒนาระบบ ERP โดยนำ AI มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ทำให้การนำข้อมูลมาใช้ประมวลผล วิเคราะห์ และประกอบการตัดสินใจ แม่นยำยิ่งขึ้น

 

  1. การบริหารจัดการแนวทางการสื่อสารและจัดการความเปลี่ยนแปลงโครงการขนาดใหญ่ด้าน AI ที่ผลักดันให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและพนักงานนำเทคโนโลยีไปใช้จริงทั้งองค์กร รวมถึงให้โครงการบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจ

 

  1. พัฒนาแนวทางด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ด้วยโซลูชัน AI ให้สามารถช่วยตรวจจับภัยคุกคามและป้องกันความเสียหายจากภัยไซเบอร์ได้อย่างครอบคลุม

 

สำหรับประเด็นการเติบโตในปีหน้าที่ตั้งเป้าไว้ 20% แม้สภาพเศรษฐกิจโดยรวมจะยังไม่ฟื้น แต่บลูบิคมองว่าการทำ Digital Transformation เป็นเรื่องจำเป็นที่หลายองค์กรอยากจะทำ และบลูบิคก็เป็นผู้ให้บริการสัญชาติไทยแบบครบวงจรรายเดียวของประเทศ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งต่างชาติ พชรยังเห็นโอกาสการขยายตลาดจากการที่บลูบิคมีราคาที่ต่ำกว่า

 

ฐานลูกค้าใหม่ที่บริษัทจะมุ่งไปอยู่ในส่วนของตลาดขนาดกลาง รวมถึงจะขยายการให้บริการในตลาดที่มีศักยภาพสูง ต้องการพัฒนาแพลตฟอร์มขนาดใหญ่และใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น ภาครัฐ อุตสาหกรรมการผลิต และตลาดต่างประเทศ อาทิ ประเทศเวียดนาม 

The post Bluebik กางแผนธุรกิจปี 68 ชี้ AI Transformation ในกลุ่มลูกค้าองค์กรมาแรง ตั้งเป้าธุรกิจโต 20% appeared first on THE STANDARD.

]]>
บริษัทบิ๊กเทคแห่บริจาคเงินเข้ากองทุนพิธีสาบานตนของทรัมป์ หวังรื้อฟื้นความสัมพันธ์ https://thestandard.co/big-tech-donates-trump-inauguration-2025/ Sun, 15 Dec 2024 12:07:11 +0000 https://thestandard.co/?p=1019811 big-tech-donates-trump-inauguration-2025

CNBC รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง มาร์ก ซักเคอ […]

The post บริษัทบิ๊กเทคแห่บริจาคเงินเข้ากองทุนพิธีสาบานตนของทรัมป์ หวังรื้อฟื้นความสัมพันธ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
big-tech-donates-trump-inauguration-2025

CNBC รายงานว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของ Meta, เจฟฟ์ เบโซส์ ผู้ก่อตั้ง Amazon และ แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI ต่างประกาศบริจาคเงินจำนวนมากให้กับกองทุนพิธีสาบานตนของ โดนัลด์ ทรัมป์ แม้พวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับบุคคลที่กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐฯ มาก่อนหน้านี้ก็ตาม 

 

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนถึงการปรับกลยุทธ์ของเหล่าผู้นำบิ๊กเทคในการรับมือกับสภาพการเมือง ณ​ ปัจจุบัน

 

เริ่มต้นจาก แซม อัลต์แมน ที่ประกาศว่าเขาจะบริจาคเงินส่วนตัวจำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับกองทุนของทรัมป์

 

“ประธานาธิบดีทรัมป์จะพาประเทศของเราเข้าสู่ยุค AI และผมก็พร้อมที่จะสนับสนุนประธานาธิบดีในการทำให้สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำ” อัลต์แมนกล่าว

 

การประกาศของอัลต์แมนมาในช่วงที่บริษัทของเขาเองก็กำลังมีข้อพิพาทกับ อีลอน มัสก์ ในประเด็นโครงสร้างองค์กรของ OpenAI ที่กำลังจะเปลี่ยนจากองค์กรไม่แสวงผลกำไรสู่บริษัทที่แสวงผลกำไร ซึ่งมัสก์ก็ได้ยื่นฟ้อง OpenAI ในข้อหาละเมิดสัญญา และตอนนี้มัสก์ก็กำลังเป็นบุคคลที่สนิทชิดเชื้อและเริ่มมีบทบาททางการเมืองในคณะทำงานของทรัมป์แล้ว

 

ในเวลาเดียวกัน Meta ก็ยืนยันการบริจาคเงินจำนวน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับกองทุนของทรัมป์ ซึ่งการบริจาคเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ซักเคอร์เบิร์กได้รับประทานอาหารเย็นร่วมกับทรัมป์

 

ส่วน Amazon ก็มีความเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกัน โดยประกาศแผนที่จะบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการรายงานของ The Wall Street Journal

 

ในอดีตทรัมป์เคยโจมตีบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ อย่างเช่น Amazon และ Meta อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นการแข่งขันที่อาจเข้าข่ายการผูกขาดและไม่มีความเป็นธรรม ซึ่งคณะทำงานของทรัมป์ก็พร้อมที่จะดำเนินการทางกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในรัฐบาลชุดใหม่ และอาจกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทเหล่านี้

 

ย้อนกลับไปในสมัยแรกที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่ง เขาเคยวิจารณ์ Amazon ว่าเป็นบริษัทที่พยายามหลบเลี่ยงภาษี หรือในฝั่งของ Facebook ที่มี Meta เป็นบริษัทแม่ ก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นแพลตฟอร์มที่พยายามปิดกั้นการมองเห็นของเนื้อหาแนวอนุรักษนิยม จนถึงกระทั่งเรียก Facebook รวมทั้งสื่อบางสำนักว่าเป็นศัตรูของประชาชน

 

กลับมาในปัจจุบัน เมื่อทรัมป์กำลังจะขึ้นดำรงตำแหน่งในสมัยที่ 2 บิ๊กเทคบางรายก็พยายามหาทางรื้อฟื้นความสัมพันธ์

 

นอกจากนี้ยังมีความเคลื่อนไหวจากซีอีโอของหลายบริษัท เช่น ทิม คุก (Apple), สัตยา นาเดลลา (Microsoft) และ ซันดาร์ พิชัย (Google) ที่ต่างแสดงความยินดีกับทรัมป์หลังจากที่เขาชนะการเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

 

อ้างอิง:

 

The post บริษัทบิ๊กเทคแห่บริจาคเงินเข้ากองทุนพิธีสาบานตนของทรัมป์ หวังรื้อฟื้นความสัมพันธ์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
OpenAI แฉกลับ อีลอน มัสก์ เคยผลักดันให้บริษัทเน้น ‘แสวงผลกำไร’ แม้ตอนนี้จะพยายามขวางสุดตัวก็ตาม https://thestandard.co/openai-elon-musk-profit-push-controversy/ Sun, 15 Dec 2024 09:15:35 +0000 https://thestandard.co/?p=1019792 openai-elon-musk-profit-push-controversy

ความขัดแย้งระหว่างสตาร์ทอัพผู้สร้าง ChatGPT อย่าง OpenA […]

The post OpenAI แฉกลับ อีลอน มัสก์ เคยผลักดันให้บริษัทเน้น ‘แสวงผลกำไร’ แม้ตอนนี้จะพยายามขวางสุดตัวก็ตาม appeared first on THE STANDARD.

]]>
openai-elon-musk-profit-push-controversy

ความขัดแย้งระหว่างสตาร์ทอัพผู้สร้าง ChatGPT อย่าง OpenAI และมหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกอย่าง อีลอน มัสก์ มีพื้นฐานอยู่บนประเด็นความไม่ลงรอยทางวิสัยทัศน์ของทั้งสองฝ่าย ท่ามกลางความพยายามของ OpenAI ที่กำลังจะเปลี่ยนสถานะจาก ‘องค์กรไม่แสวงผลกำไร’ ไปสู่ ‘ธุรกิจที่ดำเนินกิจการเพื่อผลกำไร’ ซึ่งเป็นสิ่งที่มัสก์ที่เป็นผู้ร่วมก่อตั้งในปี 2015 เห็นว่าทิศทางอนาคตของ OpenAI กำลังขัดกับเจตจำนงการก่อตั้งบริษัทตั้งแต่แรก

 

การไม่ลงรอยกันของทั้งสองฝ่ายเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อมัสก์เปลี่ยนจากคำวิจารณ์ธรรมดามาเป็นการยื่นคำฟ้องร้องในชั้นศาล โดยกล่าวอ้างว่านอกจาก OpenAI จะให้ค่าผลกำไรมากกว่าการสร้างผลประโยชน์เชิงบวกกับสังคมแล้ว บริษัทยังพยายามสร้างสภาพแวดล้อมที่ปิดกั้นการแข่งขัน เช่น การห้ามนักลงทุนสนับสนุนเงินทุนให้บริษัทอื่น อย่างเช่น ในกรณี xAI ของมัสก์ เพื่อรักษาอำนาจของตนเองไว้

 

ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา มัสก์ขอให้ศาลตัดสินให้ OpenAI ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนสถานะไปสู่ ‘ธุรกิจที่แสวงผลกำไร’ ได้

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

อย่างไรก็ดี OpenAI ออกมาโต้กลับว่า การกระทำของมัสก์คือความพยายามที่จะขัดขวางการแข่งขันในระหว่างที่ตนพัฒนา xAI ให้เก่งขึ้น พร้อมกันนี้ OpenAI ยังเขียนจดหมายแถลงการณ์บนเว็บไซต์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อชี้แจงข้อกล่าวหาเรื่องการเปลี่ยนโครงสร้างองค์กรให้กลายเป็นบริษัทที่แสวงผลกำไรว่า แท้จริงแล้วมัสก์เองนั่นแหละที่เป็นผู้ผลักดันโครงสร้างดังกล่าวตั้งแต่แรกในปี 2017

 

“อีลอน มัสก์ ไม่เพียงแค่ต้องการ แต่คือผู้สร้างโครงสร้างองค์กรแสวงผลกำไร” จดหมายแถลงการณ์ของ OpenAI ระบุ

 

นอกจากนี้ในจดหมายแถลงการณ์ยังมีภาพอีเมลฉบับปี 2015 ที่ อีลอน มัสก์ เขียนถึง แซม อัลต์แมน ซีอีโอของ OpenAI คนปัจจุบัน ว่า โครงสร้างองค์กรไม่แสวงผลกำไร “อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสม” เนื่องจากบริษัทจำเป็นที่จะต้องดึงดูดเงินลงทุนเพื่อให้สามารถพัฒนาเทคโนโลยี AI ให้บรรลุเป้าหมายของบริษัทที่ต้องการทำให้ AI เป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษยชาติ ซึ่งในปี 2017 ก็เป็นช่วงเวลาที่ OpenAI และ อีลอน มัสก์ ตกลงกันว่าบริษัทควรจะเน้นการทำกำไร

 

แต่แล้วเมื่อการตกลงเสร็จสิ้น มัสก์ก็มีอีกหนึ่งคำขอนั่นคือการให้อำนาจเขาในการควบคุม OpenAI ผ่านการให้สิทธิ์ถือครองหุ้นส่วนใหญ่ แต่เมื่อผู้บริหารรายอื่นไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ มัสก์จึงขอเลือกเดินออกมาและพูดว่า OpenAI กำลังเดินหน้าไปสู่ความล้มเหลว

 

ตัดกลับมาที่ช่วงเวลาปัจจุบัน แนวโน้มกลับกลายเป็นว่า OpenAI เปรียบได้กับหนึ่งในผู้นำอุตสาหกรรม บริษัทจึงมองว่าสถานการณ์ดังกล่าวผนวกกับการที่มัสก์มีสตาร์ทอัพ AI ของตนเอง ทำให้เขาต้องขอร้องให้ศาล ‘ยับยั้งไม่ให้ OpenAI ทำตามเป้าหมายที่บริษัทวางเอาไว้’

 

OpenAI มองว่ามัสก์ควรจะแข่งขันในตลาดอย่างเท่าเทียมแทนการใช้อำนาจศาล

 

“คุณ (อีลอน มัสก์) ไม่สามารถฟ้องร้องเพื่อให้ได้มาซึ่งเทคโนโลยี Artificial General Intelligence (AGI) เรา (บริษัท) ทั้งเคารพและขอบคุณสำหรับการมีส่วนร่วมในช่วงแรกของมัสก์กับ OpenAI แต่ตอนนี้เขา (อีลอน มัสก์) ควรจะแข่งขันในตลาดมากกว่าในศาล” ส่วนหนึ่งของจดหมายแถลงการณ์ OpenAI ระบุ

 

อ้างอิง:

 

The post OpenAI แฉกลับ อีลอน มัสก์ เคยผลักดันให้บริษัทเน้น ‘แสวงผลกำไร’ แม้ตอนนี้จะพยายามขวางสุดตัวก็ตาม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Apple Watch Ultra เตรียมเชื่อมต่อดาวเทียม พร้อมฟีเจอร์วัดความดันโลหิต คาดได้เห็นปี 2025 https://thestandard.co/apple-watch-ultra-satellite-blood-pressure-2025/ Sat, 14 Dec 2024 08:00:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1019540 apple-watch-ultra-satellite

Apple กำลังวางแผนเพิ่มฟีเจอร์เชื่อมต่อดาวเทียมและระบบวั […]

The post Apple Watch Ultra เตรียมเชื่อมต่อดาวเทียม พร้อมฟีเจอร์วัดความดันโลหิต คาดได้เห็นปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
apple-watch-ultra-satellite

Apple กำลังวางแผนเพิ่มฟีเจอร์เชื่อมต่อดาวเทียมและระบบวัดความดันโลหิตใน Apple Watch รุ่นใหม่ โดยมุ่งเน้นกลุ่มนักปีนเขาและผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพ

 

Bloomberg รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าววงในที่เปิดเผยว่า Apple Watch Ultra รุ่นปี 2025 จะมาพร้อมความสามารถในการเชื่อมต่อดาวเทียม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งข้อความในพื้นที่ห่างไกลผ่านดาวเทียมของ Globalstar, Inc. ได้

 

ส่วนฟีเจอร์วัดความดันโลหิตนั้นมีแผนจะเปิดตัวในปี 2025 เช่นกัน แม้ว่าก่อนหน้านี้จะถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิมที่วางไว้ในปีที่แล้ว

 

เทคโนโลยีนี้เป็นส่วนสำคัญในวิสัยทัศน์ของ Apple ภายใต้การนำของ Tim Cook ซีอีโอ ที่ต้องการเสริมความแข็งแกร่งด้านสุขภาพและความปลอดภัย โดยวางตำแหน่งนาฬิกาและโทรศัพท์ของตนเป็นอุปกรณ์ช่วยชีวิต

 

Apple เริ่มใช้เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านดาวเทียมครั้งแรกใน iPhone 14 เมื่อปี 2022 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดต่อบริการฉุกเฉินได้แม้อยู่ในพื้นที่ห่างไกล

 

Apple Watch Ultra จะเป็นสมาร์ทวอทช์รุ่นบุกเบิกที่มีความสามารถในการเชื่อมต่อดาวเทียม ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องพึ่งพาอุปกรณ์สื่อสารผ่านดาวเทียมแบบแยกชิ้น เช่น Garmin inReach อีกต่อไป

 

Apple และ Globalstar ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดย Apple ลงทุนประมาณ 1.5 พันล้านดอลลาร์ ใน Globalstar เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และถือหุ้น 20% ในบริษัท

 

Apple มุ่งหวังที่จะกระตุ้นยอดขายสมาร์ทวอทช์ด้วยฟีเจอร์ใหม่ๆ หลังจากที่ยอดขายชะลอตัวลง โดยรายได้จากธุรกิจ Wearables, Home and Accessories ซึ่งรวมถึงนาฬิกานั้น มีแนวโน้มลดลงในช่วงสองปีที่ผ่านมา

 

ฟังก์ชันเชื่อมต่อดาวเทียมจะเป็นจุดขายสำคัญของ Apple Watch Ultra ซึ่งมีราคา 799 ดอลลาร์ แทนที่จะเลือกรุ่นที่ราคาถูกกว่า

 

ขณะที่ฟีเจอร์วัดความดันโลหิตได้รับการออกแบบให้ทำงานในลักษณะเดียวกับเครื่องตรวจจับภาวะหยุดหายใจขณะหลับของ Apple โดยจะแจ้งเตือนผู้ใช้หากพบความเสี่ยงของภาวะความดันโลหิตสูงแทนที่จะแสดงค่าที่เฉพาะเจาะจง

 

ทั้งนี้ Samsung Electronics คู่แข่งรายใหญ่ของ Apple วางจำหน่ายอุปกรณ์ที่วัดความดันโลหิตแล้ว แต่ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำและจำเป็นต้องเปรียบเทียบกับเครื่องวัดแบบดั้งเดิม

 

อ้างอิง:

The post Apple Watch Ultra เตรียมเชื่อมต่อดาวเทียม พร้อมฟีเจอร์วัดความดันโลหิต คาดได้เห็นปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาเลเซียตั้ง ‘สำนักงาน AI แห่งชาติ’ หวังเป็นศูนย์กลาง AI ระดับภูมิภาค https://thestandard.co/malaysia-national-ai-office-regional-hub/ Fri, 13 Dec 2024 08:08:21 +0000 https://thestandard.co/?p=1019263 มาเลเซียตั้ง ‘สำนักงาน AI แห่งชาติ’ หวังเป็นศูนย์กลาง AI ระดับภูมิภาค

มาเลเซียเปิดตัวสำนักงานปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (NAIO) เพื […]

The post มาเลเซียตั้ง ‘สำนักงาน AI แห่งชาติ’ หวังเป็นศูนย์กลาง AI ระดับภูมิภาค appeared first on THE STANDARD.

]]>
มาเลเซียตั้ง ‘สำนักงาน AI แห่งชาติ’ หวังเป็นศูนย์กลาง AI ระดับภูมิภาค

มาเลเซียเปิดตัวสำนักงานปัญญาประดิษฐ์แห่งชาติ (NAIO) เพื่อกำกับดูแลและกำหนดนโยบายของภาคส่วน AI ในประเทศซึ่งกำลังเติบโต โดยตั้งเป้าผลักดันให้มาเลเซียกลายเป็นศูนย์กลาง AI ระดับภูมิภาค

 

แถลงการณ์จาก โกบินด์ ซิงห์ เดโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลของมาเลเซีย ระบุว่า สำนักงานด้าน AI นี้เป็นแผนริเริ่มเชิงกลยุทธ์ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงฯ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อสร้างมาเลเซียให้เป็นผู้นำด้าน AI ระดับภูมิภาค และเป็นผู้ขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลระดับโลก

 

โกบินด์เผยว่า สำนักงานนี้ตั้งเป้าจะแก้ไขปัญหาความท้าทายระดับท้องถิ่นและระดับโลก พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยจะเน้นงานส่งเสริมนวัตกรรม ยกระดับความร่วมมือข้ามภาคส่วน ตลอดจนบูรณาการ AI เข้ากับกรอบการทำงานของรัฐบาล อุตสาหกรรม และสังคม

 

โกบินด์ยังระบุว่า สำนักงานนี้จะเป็นผู้นำความพยายามด้านการวิจัย การประยุกต์ใช้ และการใช้งานเชิงพาณิชย์เกี่ยวกับ AI เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลและปรับปรุงบริการสาธารณะ โดยสำนักงานจะทำงานเพื่อรับประกันว่าทุกภาคส่วนของสังคมจะได้รับประโยชน์จาก AI

 

“ลองนึกภาพประเทศที่มี AI ช่วยให้ชาวประมงระบุตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับการจับปลา หรือเกษตรกรสามารถปรับปรุงการใช้ที่ดินให้เหมาะสมและเพิ่มผลผลิตให้กับไร่นา ขณะที่หน่วยงานท้องถิ่นสามารถจัดการกับภัยพิบัติทางธรรมชาติแบบเชิงรุกได้ นี่คือนวัตกรรมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่สำนักงานมุ่งทำ”

 

มาเลเซียกลายเป็นจุดหมายการลงทุนชั้นนำระดับภูมิภาคสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงจำนวนมากตลอดช่วงปีที่ผ่านมา โดยดึงดูดการลงทุนในด้านศูนย์ข้อมูล คลาวด์ และโครงการ AI

 

ข้อมูลจากองค์กรพัฒนาการลงทุนแห่งมาเลเซียเผยว่า มูลค่าการลงทุนในภาคส่วนข้อมูลและการสื่อสารของประเทศช่วง 9 เดือนแรก (เดือนมกราคม-กันยายน) ของปี 2024 อยู่ที่ 7.11 หมื่นล้านริงกิต (ราว 5.41 แสนล้านบาท)

 

ภาพ: Xinhua News Agency

 

อ้างอิง:

  • Xinhua News Agency

The post มาเลเซียตั้ง ‘สำนักงาน AI แห่งชาติ’ หวังเป็นศูนย์กลาง AI ระดับภูมิภาค appeared first on THE STANDARD.

]]>