Sport – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 05 Feb 2025 00:55:11 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Race Weekend และกติกาเบื้องต้นในการชม F1 ฤดูกาล 2025 https://thestandard.co/f1-2025-race-weekend-guide/ Wed, 05 Feb 2025 02:00:03 +0000 https://thestandard.co/?p=1038108 Race Weekend F1 2025

F1 เป็นหนึ่งในกีฬาที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีแฟนๆ หน้าใ […]

The post Race Weekend และกติกาเบื้องต้นในการชม F1 ฤดูกาล 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Race Weekend F1 2025

F1 เป็นหนึ่งในกีฬาที่เติบโตอย่างรวดเร็ว และมีแฟนๆ หน้าใหม่เพิ่มขึ้นตลอดในทุกๆ ปี และในปีนี้ก็น่าจะเป็นแบบนั้นเช่นกัน 

 

โดยศึก F1 ในฤดูกาล 2025 ใกล้จะเปิดฉากขึ้นแล้ว และวันนี้ THE STANDARD SPORT ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับ Race Weekend และกติกาทั่วไปเกี่ยวกับ F1 มาฝากแฟนๆ กันด้วย 

 

 

 

ในฤดูกาล 2025 จะเริ่มเปิดฉากเรซแรกตั้งแต่วันที่ 16 มีนาคม ในรายการออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์ ก่อนไปจบฤดูกาลในวันที่ 7 ธันวาคม ที่อาบูดาบีกรังด์ปรีซ์ กินเวลาร่วม 8 เดือน

 

 

 

ในบรรดาการแข่งขันทั้ง 24 สนามในปีนี้ มีสนามที่จัดขึ้นในทวีปยุโรปมากที่สุด 9 สนาม รองลงมาคือทวีปเอเชีย 7 สนาม ทวีปอเมริกา (เหนือ+ใต้) 6 สนาม และทวีปออสเตรเลียอีก 1 สนาม ส่วนอีกหนึ่งสนามคือสนามลูกครึ่งในดินแดนยุโรปตะวันออกและเอเชียตะวันตกอย่างอาเซอร์ไบจาน

 

 

 

แต่ละสนามของ F1 จะมีเอกลักษณ์ที่ต่างกัน บ้างเป็นเรซในรูปแบบเซอร์กิต หรือสนามแข่งขันเต็มรูปแบบ บ้างเป็นสตรีทเซอร์กิตที่เอาถนนมาปรับปรุงเป็นสนามแข่งขัน และบางสนามจะแข่งขันในเวลากลางคืนเรียกว่าไนต์เรซ ซึ่งสนามที่แข่งขันกลางคืนก็มีทั้งสนามแข่งปกติและสตรีทเซอร์กิตด้วย

 

 

 

เอกลักษณ์ของ F1 คือการแข่งขันที่ยาวนานร่วม 8 เดือนเพื่อหาแชมป์โลก โดยแต่ละคนจะต้องเก็บคะแนนสะสมในแต่ละเรซ จนเมื่อครบ 24 สนาม คนที่ได้คะแนนมากที่สุดจะคว้าแชมป์โลกไปครอง

 

 

 

ในแต่ละสัปดาห์ที่มีการแข่งขันในแต่ละสนามจะถูกเรียกว่า Race Weekend ซึ่งนักแข่งจะต้องทำกิจกรรมเกือบๆ จะเหมือนกันในแต่ละสนามคือ ในวันศุกร์จะมีการฝึกซ้อม 1 ชั่วโมง 2 ครั้ง ได้แก่ Free Practice 1-2 ตามด้วยวันเสาร์จะเป็น Free Practice 3 และ Qualify ขณะที่วันอาทิตย์จะเป็นรอบ Main Race

 

 

 

การแข่งขันรอบ Qualify จะจัดขึ้นในช่วงบ่ายของวันเสาร์ แบ่งออกเป็น 3 ช่วง ได้แก่ ช่วง Q1, Q2 และ Q3 ซึ่งใช้เวลา 18 นาที, 15 นาที และ 12 นาที ตามลำดับ นักแข่งที่ช้าที่สุด 5 คนจะถูกคัดออกหลังจากช่วง Q1 ก่อนที่จะมีนักแข่งอีก 5 คนถูกคัดออกจากช่วง Q2 ซึ่งทั้ง 10 คนจะได้ตำแหน่งกริดสตาร์ทจากที่ 20 ขึ้นไปถึงที่ 11 ส่วนนักแข่งที่เหลืออีก 10 คนจะเข้าสู่ช่วง Q3 เพื่อตัดสินตำแหน่งกริดสตาร์ท 10 อันดับแรก โดยนักแข่งที่ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดจะได้ตำแหน่ง Pole Position หรือตำแหน่งหัวแถวในการออกสตาร์ทสำหรับการแข่งขันในวันอาทิตย์

 

 

 

นอกจาก Race Weekend ตามปกติแล้ว F1 จะมีอยู่ 6 สนาม ได้แก่ เซี่ยงไฮ้, ไมอามี, เบลเยียม, สหรัฐอเมริกา, บราซิล และกาตาร์ ซึ่งใน 6 สนามนี้ตาราง Race Weekend จะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย โดยวันศุกร์เริ่มต้นด้วย Free Practice 1 ก่อนที่บ่ายวันศุกร์จะมี Sprint Qualify 1-3 และวันเสาร์จะแข่งขัน Sprint Race เป็นระยะทาง 100 กิโลเมตร โดยจะมีคะแนนแจกเฉพาะผู้ที่ได้อันดับ 1-8 ด้วย

 

 

 

แฟนๆ F1 อาจจะต้องเจอกับปัญหาในการติดตามที่ไม่เหมือนกีฬาชนิดอื่นๆ เนื่องจาก F1 จะแข่งขันอิงตามเวลาท้องถิ่นเป็นหลัก ทำให้แฟนๆ อาจต้องเจอกับเวลาการแข่งขันแต่ละสนามที่ไม่เท่ากัน โดยอาจจะสวิงตั้งแต่บ่ายๆ ไปจนถึงกลางดึกตี 2-3 ตามเวลาประเทศไทย เลยก็มี

 

 

อ้างอิง:

The post Race Weekend และกติกาเบื้องต้นในการชม F1 ฤดูกาล 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
สโมสรเร็กซ์แฮมเผยการออกแบบอัฒจันทร์ใหม่ ความจุ 5,500 ที่นั่ง https://thestandard.co/wrexham-new-stand-design/ Wed, 05 Feb 2025 00:55:11 +0000 https://thestandard.co/?p=1038156 wrexham-new-stand-design

หลังจากที่ ไรอัน เรย์โนลด์ส และ ร็อบ แม็กเอลเฮนนีย์ เข้ […]

The post สโมสรเร็กซ์แฮมเผยการออกแบบอัฒจันทร์ใหม่ ความจุ 5,500 ที่นั่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
wrexham-new-stand-design

หลังจากที่ ไรอัน เรย์โนลด์ส และ ร็อบ แม็กเอลเฮนนีย์ เข้ามาเทกโอเวอร์สโมสรเร็กซ์แฮม ก็มีสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้นกับสโมสรแห่งนี้มากมาย ทั้งความนิยมที่เพิ่มมากขึ้นและสปอนเซอร์ที่หลั่งไหลเข้ามา

 

ล่าสุดแฟนๆ รวมไปถึงชาวเมืองแห่งนี้ก็ยังได้รับข่าวดีอย่างต่อเนื่อง หลังสโมสรประกาศเปิดตัวการออกแบบอัฒจันทร์ Kop Stand ใหม่ของ STōK Cae Ras สนามเหย้าของพวกเขา

 

โดย Kop Stand แห่งใหม่ได้รับการออกแบบโดย Populous บริษัทสถาปนิกกีฬาชื่อดังระดับโลก ผู้เคยสร้างชื่อกับการออกแบบท็อตแนม ฮอตสเปอร์ สเตเดียมมาแล้ว

 

นอกจากจะมีอัฒจันทร์ใหม่แล้ว สโมสรเร็กซ์แฮมยังยืนยันว่าการปรับปรุงสนามครั้งนี้ พวกเขาจะปรับปรุงตามข้อกำหนดของยูฟ่าด้วย เพื่อหวังนำการแข่งขันระดับนานาชาติมาสู่เมืองแห่งนี้ในอนาคต

 

อ้างอิง:

 

wrexham wrexham wrexham wrexham

 

ภาพ: Wrexham AFC / Facebook

The post สโมสรเร็กซ์แฮมเผยการออกแบบอัฒจันทร์ใหม่ ความจุ 5,500 ที่นั่ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ไทเกอร์ วูดส์ เผยข่าวเศร้า หลังแม่จากไปในวัย 78 ปี https://thestandard.co/tiger-woods-mom-78/ Wed, 05 Feb 2025 00:26:14 +0000 https://thestandard.co/?p=1038141 tiger-woods-mom-78

ไทเกอร์ วูดส์ อดีตมือวางอันดับ 1 ของโลก วัย 49 ปี เปิดเ […]

The post ไทเกอร์ วูดส์ เผยข่าวเศร้า หลังแม่จากไปในวัย 78 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
tiger-woods-mom-78

ไทเกอร์ วูดส์ อดีตมือวางอันดับ 1 ของโลก วัย 49 ปี เปิดเผยข่าวเศร้าบนโซเชียลมีเดียส่วนตัว หลัง กุลธิดา วูดส์ แม่ของเขาจากไปในวัย 78 ปี โดยไทเกอร์ไม่ได้เปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิต ซึ่งกุลธิดาเพิ่งไปร่วมชมการแข่งขันของเขาที่ฟลอริดาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

 

ไทเกอร์กล่าวว่า ความสำเร็จส่วนตัวของเขาคงไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากปราศจากแม่ ซึ่งไปชมการแข่งขันของเขาเป็นประจำ และอยู่ข้างๆ เขาเมื่อเขาคว้าแชมป์เดอะมาสเตอร์สเป็นสมัยที่ 5 และเป็นแชมป์เมเจอร์ที่ 15 เมื่อปี 2019 หลังจากห่างจากการคว้าแชมป์เมเจอร์มา 11 ปี

 

ไทเกอร์กล่าวว่า “ผมรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และอยากแจ้งว่า คุณแม่กุลธิดา วูดส์ ที่รักของผม เสียชีวิตลงเมื่อช่วงเช้าของวันนี้

 

“แม่ของผมเป็นคนที่เข้มแข็งไม่มีใครเหมือน จิตวิญญาณของเธอเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ แม่เป็นคนที่เย็บผ้าเก่งมาก เป็นคนร่าเริง และเป็นแฟนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผม หากไม่มีแม่ ความสำเร็จของผมคงไม่อาจเกิดขึ้นได้

 

“แม่เป็นที่รักของใครหลายคน โดยเฉพาะแซมและชาร์ลี หลานสองคนของเธอ ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจ คำอธิษฐาน และความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับผมและครอบครัว…รักนะแม่”

 

อ้างอิง:

The post ไทเกอร์ วูดส์ เผยข่าวเศร้า หลังแม่จากไปในวัย 78 ปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทีมใหญ่พรีเมียร์ลีก ‘ซื้อ-ขาย-ยืม’ ใครกันบ้าง? ในตลาดนักเตะเดือนมกราคม 2024/25 https://thestandard.co/premier-league-transfer-window-2025/ Tue, 04 Feb 2025 07:12:10 +0000 https://thestandard.co/?p=1037945 แรชฟอร์ดย้ายยืมตัวแอสตันวิลล่า

ปิดลงไปแล้วกับตลาดนักเตะประจำเดือนมกราคม 2024/25 โดยสโม […]

The post ทีมใหญ่พรีเมียร์ลีก ‘ซื้อ-ขาย-ยืม’ ใครกันบ้าง? ในตลาดนักเตะเดือนมกราคม 2024/25 appeared first on THE STANDARD.

]]>
แรชฟอร์ดย้ายยืมตัวแอสตันวิลล่า

ปิดลงไปแล้วกับตลาดนักเตะประจำเดือนมกราคม 2024/25 โดยสโมสรในพรีเมียร์ลีกใช้เงินไป 372.8 ล้านปอนด์ในการเซ็นสัญญากับผู้เล่นใหม่ในช่วงตลาดรอบนี้ 

 

และท่ามกลางดีลเล็ก-ดีลใหญ่ที่เกิดขึ้นมากมาย THE STANDARD SPORT ขอพาแฟนบอลไปดูบทสรุปของตลาดนักเตะรอบนี้ เพื่อดูว่าบรรดาบิ๊กทีมพรีเมียร์ลีกมีการเสริมทัพกันอย่างไรบ้าง (คัดเฉพาะนักเตะจากชุดทีมหลัก ไม่รวมดาวรุ่งที่ถูกปล่อยยืมตัว)

 

ข้อมูลอัปเดต ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 เวลา 12.00 น.

 

📍อาร์เซนอล

 

ขาเข้า = ไม่มี

 

ขาออก:

  • อายเดน เฮเวน – ย้ายไปแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  • จอช โรบินสัน – ย้ายไปวีแกน แอธเลติก
  • มัลดินี คาชูร์รี – ย้ายไปยืมตัวกับบรอมลีย์
  • มาร์คินญอส – ย้ายไปยืมตัวกับครูเซโร
  • ไบรอัน โอคอนโว – ย้ายไปยืมตัวกับฮิตชิน ทาวน์

 

📍แอสตัน วิลลา

 

ขาเข้า:

  • มาร์คัส แรชฟอร์ด – ยืมตัวจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
  • ดอนเยลล์ มาเลน – ย้ายมาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (20 ล้านปอนด์)
  • มาร์โก อาเซนซิโอ – ยืมตัวจากปารีส แซงต์ แชร์กแมง
  • อักเซล ดิซาซี – ยืมตัวจากเชลซี
  • อันเดรส การ์เซีย – ย้ายมาจากเลบันเต (ไม่เปิดเผยค่าตัว)

 

ขาออก:

  • จอห์น ดูรัน – ย้ายไปอัล นาสเซอร์ (64 ล้านปอนด์)
  • เจเดน พิโลจน์ – ย้ายไปอิปสวิช ทาวน์ (20 ล้านปอนด์)
  • ดิเอโก คาร์ลอส – ย้ายไปเฟเนบาห์เช (10 ล้านปอนด์)
  • ลูวิส ด็อบบิน – ย้ายไปยืมตัวกับนอริช ซิตี้
  • หลุย แบร์รี – ย้ายไปยืมตัวกับ ฮัลล์ ซิตี้
  • เอมิเลียโน บูเอนเดีย – ย้ายไปยืมตัวกับเลเวอร์คูเซน
  • คอสตา เนเดลจ์โควิช – ย้ายไปยืมตัวกับแอร์เบ ไลป์ซิก
  • ซามูเอล อีลิง-จูเนียร์ – ย้ายไปยืมตัวกับมิดเดิลสโบรห์
  • ซิล สวินเกลส์ – ย้ายไปยืมตัวกับบริสตอล โรเวอร์ 
  • ทราวิส แพตเตอร์สัน – ย้ายไปยืมตัวกับเอ็มเค ดอนส์

 

📍เชลซี

 

ขาเข้า:

แอรอน แอนเซลมิโน, กาเบรียล สโลนินา, เทรโวห์ ชาโลบาห์ และ เดวิด ดาโทร โฟฟานา ทั้ง 4 คนกลับจากการยืมตัว

 

ขาออก:

  • เซซาเร คาซาเดย์ – ย้ายไปโตริโน (12.5 ล้านปอนด์)
  • เรนาโต เวย์กา – ย้ายไปยืมตัวกับยูเวนตุส
  • ชูเอา เฟลิกซ์ – ย้ายไปยืมตัวกับเอซี มิลาน (รอเปิดตัว)
  • เบน ชิลเวลล์ – ย้ายไปยืมตัวกับคริสตัล พาเลซ
  • คาร์นีย์ ชุควูเมกา – ย้ายไปยืมตัวกับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์
  • ฮาร์วีย์ เวล – ย้ายไปควีนส์ พาร์ก เรนเจอร์ส (ไม่เปิดเผยค่าตัว)
  • อเล็กซ์ มาตอส – ย้ายไปยืมตัวกับออกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด
  • ไค เครมป์ตัน – ย้ายไปบอร์นมัธ (ไม่เปิดเผยค่าตัว)
  • เซน ซิลคอตต์-ดูเบอร์รี – ย้ายไปบอร์นมัธ (ไม่เปิดเผยค่าตัว)
  • จิมมี-เจย์ มอร์แกน – ย้ายไปยืมตัวกับจิลลิ่งแฮม
  • เคเล็บ ไวลีย์ – ย้ายไปยืมตัวกับวัตฟอร์ด

 

📍ลิเวอร์พูล

 

ขาเข้า = ไม่มี

 

ขาออก:

  • สเตฟาน บายเซติช – ย้ายไปยืมตัวกับลาส ปัลมาส
  • รีส วิลเลียมส์ – ย้ายไปยืมตัวกับมอร์แคมป์
  • มาร์เซโล ปิตาลูกา – ย้ายไปฟลูมิเนนเซ (ไม่เปิดเผยค่าตัว)
  • คาลวิน แรมซีย์ – ย้ายไปยืมตัวกับคิลมาร์น็อก
  • โทมัส ฮิลล์ – ย้ายไปฮาโรเกต (ไม่เปิดเผยค่าตัว)
  • เคด กอร์ดอน – ย้ายไปยืมตัวกับพอร์ตสมัท
  • โดมินิก คอร์เนสส์ – ย้ายไปยืมตัวกับจิลลิ่งแฮม

 

📍แมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

ขาเข้า:

  • โอมาร์ มาร์มูช – ย้ายมาจากไอน์ทรัคท์ แฟรงก์เฟิร์ต (59 ล้านปอนด์)
  • นิโก กอนซาเลซ – ย้ายมาจากเอฟซี ปอร์โต (50 ล้านปอนด์)
  • อับดูโคดีร์ คูซานอฟ – ย้ายมาจากล็องส์ (33.5 ล้านปอนด์)
  • วิตอร์ เฮส – ย้ายมาจากพัลเมรัส (29.6 ล้านปอนด์)
  • เคลาดิโอ เอเชเวร์รี – ย้ายมาจากริเวอร์ เพลต (หลังเซ็นสัญญาไว้ตั้งแต่เดือนมกราคม 2024 ด้วยราคา 12.5 ล้านปอนด์)

 

ขาออก:

  • ไคล์ วอล์กเกอร์ – ย้ายไปยืมตัวกับเอซี มิลาน (พ่วงออปชันซื้อขาด 5 ล้านยูโร)
  • อีซา กาโบเร – ย้ายไปยืมตัวกับแวร์เดอร์ เบรเมน
  • โจชัว วิลสัน-เอสบรานด์ – ย้ายไปยืมตัวกับสโต๊ก ซิตี้
  • เจค็อบ ไรท์ – ย้ายไปยืมตัวกับนอริช ซิตี้
  • จูมา บาห์ – ย้ายไปยืมตัวกับล็องส์

 

📍แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

 

ขาเข้า:

  • อายเดน เฮเวน – ย้ายมาจากอาร์เซนอล
  • แพทริก ดอร์กู – ย้ายมาจากเลชเช (30 ล้านปอนด์)
  • โจ ฮิวกิลล์ – กลับจากยืมตัวที่วีแกน

 

ขาออก:

  • มาร์คัส แรชฟอร์ด – ย้ายไปยืมตัวกับแอสตัน วิลลา
  • อันโทนี – ย้ายไปยืมตัวกับเรอัล เบติส
  • อีธาน เอนนิส – ย้ายไปยืมตัวกับดอนคาสเตอร์
  • อีธาน วิลเลียมส์ – ย้ายไปยืมตัวกับเชลแนม ทาวน์
  • แดน กอร์ – ย้ายไปยืมตัวกับร็อตเธอร์แฮม ยูไนเต็ด

 

📍นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด

 

ขาเข้า = ไม่มี

 

ขาออก:

  • ลอยด์ เคลลี – ย้ายไปยืมตัวกับยูเวนตุส
  • ไอแซ็ก เฮย์เดน – ย้ายไปยืมตัวกับพอร์ตสมัท
  • ชาร์ลี แมคอาร์เธอร์ – ย้ายไปยืมตัวกับคาร์ไลล์ ยูไนเต็ด
  • อเล็กซ์ เมอร์ฟี – ย้ายไปยืมตัวกับโบลตัน

 

📍ท็อตแนม ฮอตสเปอร์

 

ขาเข้า:

  • อันโตนิน คินสกี – ย้ายมาจากสลาเวีย ปราก (12.5 ล้านปอนด์)
  • เควิน ดันโซ – ยืมตัวมาจากล็องส์ (มีเงื่อนไขบังคับซื้อขาด 20.9 ล้านปอนด์)
  • มาติส แตล – ยืมตัวมาจากบาเยิร์น มิวนิก
  • เดน สการ์เลตต์ – กลับจากยืมตัวที่ออกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด

 

ขาออก:

  • ยังมินฮยอก – ย้ายไปยืมตัวกับควีนส์ พาร์ก เรนเจอร์ส
  • แมทธิว เคร็ก – ย้ายไปยืมตัวกับแมนส์ฟิลด์ ทาวน์
  • อัลฟี ดอร์ริงตัน – ย้ายไปยืมตัวกับอเบอร์ดีน
  • วิลล์ แลงค์เชียร์ – ย้ายไปยืมตัวกับเวสต์บรอมวิช อัลเบียน

 

อ้างอิง:

The post ทีมใหญ่พรีเมียร์ลีก ‘ซื้อ-ขาย-ยืม’ ใครกันบ้าง? ในตลาดนักเตะเดือนมกราคม 2024/25 appeared first on THE STANDARD.

]]>
อัปเดตสถานการณ์ Top 4 บรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป (4 กุมภาพันธ์ 2025) https://thestandard.co/top-4-big-5-leagues-04022025/ Tue, 04 Feb 2025 06:44:26 +0000 https://thestandard.co/?p=1037934

🔥 เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการแข่งขันลุ้นแชมป์ลีกของบรร […]

The post อัปเดตสถานการณ์ Top 4 บรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป (4 กุมภาพันธ์ 2025) appeared first on THE STANDARD.

]]>

🔥 เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ สำหรับการแข่งขันลุ้นแชมป์ลีกของบรรดาสโมสรจาก 5 ลีกยักษ์ใหญ่แห่งยุโรปประจำฤดูกาล 2024/25

 

THE STANDARD SPORT ถือโอกาสนี้พาแฟนบอลไปเช็กอันดับบนตารางคะแนนประจำวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 ของทั้ง 5 ลีกจากยุโรป ให้เห็นว่าปัจจุบันชาร์ตอันดับ Top 4 สถานการณ์ลุ้นแชมป์ของแต่ละลีกเป็นอย่างไรบ้าง

 

 

ภาพประกอบ: พิชามญชุ์ วรรณสาร

The post อัปเดตสถานการณ์ Top 4 บรรดา 5 ลีกใหญ่ยุโรป (4 กุมภาพันธ์ 2025) appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘North London Forever’ ประวัติศาสตร์เพลงชาติของชาว N5 https://thestandard.co/north-london-forever/ Mon, 03 Feb 2025 10:06:30 +0000 https://thestandard.co/?p=1037691 North London Forever

เกมจบลงไปแล้วด้วยชัยชนะที่สวยงามที่สุดเท่าที่เหล่า Goon […]

The post ‘North London Forever’ ประวัติศาสตร์เพลงชาติของชาว N5 appeared first on THE STANDARD.

]]>
North London Forever

เกมจบลงไปแล้วด้วยชัยชนะที่สวยงามที่สุดเท่าที่เหล่า Gooners จะจินตนาการได้ แต่ความงดงามนั้นไม่ได้จบลงที่ชัยชนะเหนือคู่ปรับอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ขาดลอยถึง 5-1 เท่านั้น

 

หลังเสียงนกหวีดสุดท้ายจากผู้ตัดสินดังขึ้น เสียงเพลงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นมา

 

North London forever

Whatever the weather 

These streets are our own

 

สำหรับคนที่อาจสงสัยว่านี่คือเพลงอะไร? มาทำความรู้จักบทเพลงนี้เพิ่มเติมอีกสักนิด

 

 

ความจริงบทเพลงประจำทีมนั้นไม่ได้เป็นของแปลกใหม่สำหรับเกมฟุตบอลแต่อย่างใด เพราะมีหลายสโมสรที่แฟนบอลจะร่วมกันร้องเพลงไปด้วยกัน

 

ยกตัวอย่างที่ชัดๆ ในฟุตบอลอังกฤษก็อย่างเพลง Forever Blowing Bubbles ที่เป็นเพลงประจำสโมสรของเวสต์แฮม ยูไนเต็ด (พร้อมกับการเป่าฟองสบู่เต็มสนาม), Wise Men Say เพลงฮิตตลอดกาลที่แฟนบอลซันเดอร์แลนด์หยิบยกมาใช้เป็นเพลงประจำสโมสร หรือ Blue Moon ที่เป็นเพลงของแมนเชสเตอร์ ซิตี้

 

และบทเพลงอันโด่งดังที่ทุกคนรู้จักกันดีคือ You’ll Never Walk Alone ผลงานของ Gerry and the Pacemakers ที่เป็นทั้งเพลงประจำสโมสรและเป็นสโลแกนของทีมลิเวอร์พูลด้วย

 

เพลงประจำทีมแบบนี้จะเรียกว่าเป็น ‘Anthem’ หรือเป็นเหมือนเพลงชาติของสโมสร ซึ่งจะมีความแตกต่างจากเพลงเชียร์อื่นๆ (Chant) ที่มีทั้งเพลงที่ร้องปลุกใจทีม หรือเพลงที่ร้องเพื่อเชิดชูนักเตะฮีโร่ผู้เป็นขวัญใจของพวกเขา โดยส่วนใหญ่จะร้องกันในช่วงก่อนที่ทีมจะลงสนามเพื่อส่งมอบกำลังใจให้กับนักฟุตบอลที่กำลังจะลงไปทำหน้าที่สู้แทนทุกคน

 

บรรยากาศในช่วงเวลานั้นไม่ต่างอะไรกับ Magic Moment เวลาต้องมนตร์ที่ทุกคนจะร้อยหัวใจออกมาเป็นท่วงทำนองและเนื้อร้องเดียวกัน

 

แต่ก็ไม่ใช่ทุกทีมจะมีเพลงประจำสโมสรแบบนี้

 

หนึ่งในนั้นก็คือทีม ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล ที่แม้จะเป็นหนึ่งในสโมสรเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ยาวนาน แต่เรื่องน่าแปลกใจคือพวกเขาไม่เคยมีเพลงที่จะเรียกได้ว่าเป็นบทเพลงประจำสโมสรที่ทุกคนจะร้องไปด้วยกันเหมือนชาวบ้านเขา

 

จะว่าไม่มีก็ไม่เชิง

 

ในช่วงปีทศวรรษที่ 1960-1970 ซึ่งเป็นช่วงที่วงการฟุตบอลอังกฤษมีความตื่นตัวในเรื่องของการนำบทเพลงมาร้องเป็นเพลงประจำสโมสร (ลิเวอร์พูลกับเพลง You’ll Never Walk Alone ก็โคจรมาพบกันในยุคนี้) อาร์เซนอลก็มีซิงเกิลกับเขาเหมือนกัน

 

แต่เพลง Good Old Arsenal ผลงานของ จิมมี ฮิลล์ ซึ่งถูกปล่อยในเดือนพฤษภาคม 1971 ไม่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลชาว Gooners มากนักในตอนแรก ด้วยเหตุผลง่ายๆ ก็ไม่เพราะน่ะ เพียงแต่ในเวลาต่อมากลับเป็นที่ยอมรับของแฟนบอลรุ่นใหม่ๆ ที่ช่วยกันร้องจนกลายเป็นหนึ่งในเพลงประจำสโมสรเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้รับการจดจำในวงกว้างขนาดนั้น

 

มาในปี 2000 อาร์เซนอลออกซิงเกิลใหม่เอง โดยเพลงเอกคือ Arsenal Number One ซึ่งเป็นผลงานการแต่งเพลงร่วมกันของ เจฟฟ์ มอร์โรว์ กับ เดวิด ดีน อดีตผู้บริหารคนสำคัญของสโมสรที่ช่วยเขียนเนื้อร้อง นอกจากนี้ในซิงเกิลนี้ยังมีเพลง Our Goal ที่ได้ ฟาเบียน ไรต์ ศิลปินชื่อดังของชาวอังกฤษ มาร่วมร้องเพลงกับ เอียน ไรต์ ตำนานหัวหอกขวัญใจชาว N5 ตลอดกาล

 

แต่ก็เหมือนเดิม เพลงไม่ได้ฮิตอะไร

 

ในช่วงปี 2006 ที่สโมสรย้ายสนามแข่งจากไฮบิวรีมาสู่เอมิเรตส์สเตเดียม ก็มีความพยายามจะดันเพลงใหม่ The Wonder of You ซึ่งเป็นผลงานเพลงของ เอลวิส เพรสลีย์ ตำนานอมตะของวงการเพลง มาเป็นเพลงประจำสโมสร แต่เรื่องก็จบแบบเดิม

 

อย่างไรก็ดี ชาว Gooners ได้ค้นพบเพลงที่เพราะและเหมาะสำหรับการร้องสร้างบรรยากาศในสนามจนได้

 

และทุกอย่างเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง

 

 

 

กำเนิด The Angel (NLD Forever)

 

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นในปี 2022 ด้วยความไม่ได้ตั้งใจของใครเลย แต่เกิดจากโชคชะตาล้วนๆ

 

เมื่อเผอิญมีแฟนบอลอาร์เซนอลได้ฟังเพลง The Angel ซึ่งเป็นผลงานของ หลุยส์ ดันฟอร์ด ศิลปินท้องถิ่นที่เป็นชาวลอนดอนเหนือโดยกำเนิดเข้า

 

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการอัดคลิปร้องเพลงขำๆ ของดันฟอร์ด ที่ร้องเพลงในผับย่านอิสลิงตัน แต่ท่วงทำนองของเพลงนั้นไพเราะเสนาะหู และเนื้อเพลงนั้นจับใจจนเพื่อนที่เป็นคนอัดคลิปเอาไว้เกิดไอเดียว่า “เพลงนี้มันน่าจะเป็นเพลงประจำทีมของเรานะ”

 

คลิปนั้นกลายเป็นไวรัล และเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงที่ถูกพูดถึงกันปากต่อปากในหมู่ชาว Gooners จนเอามาร้องกันเองในสนาม และเกิดความพยายามโปรโมตให้เพลงนี้ดังขึ้นมาให้ได้

 

เรื่องรู้ไปถึงหูของ มิเกล อาร์เตตา บอสใหญ่ของทีมที่กำลังสร้างทีมใหม่ขึ้นมา และคิดถึงการมีเพลงประจำสโมสรที่จะช่วยสร้างบรรยากาศดีๆ ให้เกิดขึ้นก่อนการแข่งขันได้

 

อาร์เตตามองหาเพลงที่ว่านี้อยู่นานจนได้ฟัง The Angel และรู้สึกชอบอย่างมาก ถึงขั้นเอาเพลงนี้มาเปิดให้ลูกทีมฟังในระหว่างการประชุมทีม เพราะอยากจะรู้ความเห็นจากทีมว่าชอบเพลงนี้เหมือนกับเขาบ้างหรือเปล่า

 

ตามเรื่องราวที่เปิดเผยในสารคดี All or Nothing ที่เปิดเผยเบื้องลึกของอาร์เซนอลในช่วงฤดูกาล 2021/22 ในระหว่างโค้งสุดท้ายของฤดูกาลที่ทีมเหลือเกมในบ้านอีกแค่ 2 นัด อาร์เตตาคิดว่าเป็นโอกาสเหมาะที่จะเปิดตัวเพลงนี้

 

“ผมตามหาเพลงเพลงหนึ่งมาหลายเดือนแล้ว เพลงประจำทีมที่จะเปิดในช่วงก่อนคิกออฟ เพื่อที่จะทำให้ทุกคนรู้สึกว่าพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ และเป็นเพลงที่มี DNA ของสโมสรอยู่ในนั้น”

 

อาร์เตตาบอกลูกทีมทุกคนต่อว่า “เพลงนี้เป็นของ หลุยส์ ดันฟอร์ด เขาแต่งเพลงเกี่ยวกับถนนหนทางในลอนดอนเหนือ

 

“เขาเป็นคนท้องถิ่นที่นี่ เป็นแฟนตัวยงของอาร์เซนอล และเพลงนี้ก็เหมือนเกิดมาเพื่อเรา มาในช่วงเวลาที่ถูกต้องเหมาะสมทุกอย่างในความเห็นของผม ในช่วงที่จะเป็นก้าวต่อไปของเอมิเรตส์ เพราะผมอยากให้เราได้ลงเล่นในบรรยากาศที่มหัศจรรย์”

 

จากนั้นอาร์เตตาก็ถามทุกคนว่า ชอบเพลงนี้ไหม คิดอย่างไรถ้าเราจะเปิดเพลงนี้ให้ร้องไปด้วยกันก่อนเกม?

 

คำตอบไม่ต้องเดากันให้ยาก เพราะเพลงนี้ถูกเปิดและร้องด้วยกันโดยเหล่า Gooners ในวันที่อาร์เซนอลพบกับลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งดันฟอร์ดได้รับเชิญมาเป็นแขกในวันแสนพิเศษนี้ด้วย หลังจากที่อาร์เตตาได้เชิญมาเยี่ยมชมการฝึกซ้อมและพบกับเหล่านักเตะในทีมก่อนหน้าเกมการแข่งขัน

 

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเพลง The Angel หรือที่เรียกติดปากกันไปแล้วว่าเพลง North London Forever ก็กลายเป็นเพลงที่แฟนอาร์เซนอลทุกคนจะร้องด้วยกันก่อนเกมจนเป็นธรรมเนียม 

 

แม้ว่าในความจริงแล้วเพลงจะไม่ได้พูดอะไรถึงทีมเลยก็ตาม เพราะดันฟอร์ดตั้งใจจะพูดถึงย่านไฮบิวรี ที่ตั้งของสนามเก่า โดยคำว่า Stadium ที่ปรากฏในเนื้อท่อนแรกหมายถึงสนามเดิมที่อยู่ในย่านชุมชนที่เขาเติบโตขึ้นมาแค่นั้น 

 

เพียงแต่แฟนอาร์เซนอลเลือกที่จะรักเพลงนี้ไปแล้ว และมันก็กลายเป็นเพลงประจำสโมสรไปเรียบร้อย โดยที่เพลงนี้จะเพราะเป็นพิเศษในเกมสำคัญๆ เช่น เกมนอร์ทลอนดอนดาร์บี้กับท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 

 

หรือเกมเมื่อคืนที่พวกเขาถล่มทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้อย่างราบคาบ และส่งคำเตือนถึงลิเวอร์พูลว่าการลุ้นแชมป์ที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้

 

North London forever

Whatever the weather

These streets are our own

And my heart will leave you never

My blood will forever

Run through the stone

 

อ้างอิง:

The post ‘North London Forever’ ประวัติศาสตร์เพลงชาติของชาว N5 appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จัก 10 ทีมในศึก F1 ฤดูกาล 2025 https://thestandard.co/f1-2025-teams-preview/ Mon, 03 Feb 2025 02:00:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1036754 f1-2025-teams-preview

ศึก F1 สนามแรกจะเปิดฉากอีกครั้งในช่วงกลางเดือนนี้แล้ว แ […]

The post รู้จัก 10 ทีมในศึก F1 ฤดูกาล 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
f1-2025-teams-preview

ศึก F1 สนามแรกจะเปิดฉากอีกครั้งในช่วงกลางเดือนนี้แล้ว และเพื่อเป็นการอุ่นเครื่อง THE STANDARD SPORT ได้สรุปมาให้แล้วว่าแต่ละทีมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรกันบ้างก่อนศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกจะเปิดฉากฤดูกาลใหม่

 

alpine

 

Alpine

ทีมสัญชาติฝรั่งเศส ซึ่งจบอันดับ 6 ในตารางคะแนนรวมประเภทผู้ผลิตเมื่อฤดูกาลก่อน ในปีนี้มีการเปลี่ยนนักขับ 1 คน โดยดัน แจ็ค ดูฮาน นักขับออสซี ขึ้นมาขับคู่กับ ปิแอร์ แกสลีย์ นักขับฝรั่งเศส

 

Aston Martin

 

Aston Martin

หนึ่งใน 2 ทีมสัญชาติอังกฤษประจำการแข่งขัน F1 ในปีก่อนจบอันดับ 5 แต่ในปีนี้น่าสนใจ หลังได้นักออกแบบรถระดับตำนานอย่าง เอเดรียน นิวอี ไปร่วมทีม ขณะที่นักขับยังเป็นหน้าเดิม คือ เฟร์นานโด อลอนโซ จอมเก๋าชาวสเปน กับ แลนซ์ สโตรลล์ จากแคนาดา

 

Ferrari

 

Ferrari

ตำนานของวงการจากอิตาลีที่ปีก่อนจบอันดับ 2 ในประเภททีมผู้ผลิต โดยในฤดูกาลใหม่พวกเขามีการเปลี่ยนแปลงนักขับมาใช้ เซอร์ลูอิส แฮมิลตัน แชมป์โลก 7 สมัยชาวอังกฤษ คู่กับ ชาร์ลส์ เลอแคลร์ นักขับชาวโมนาโก

 

Haas

 

Haas

ทีม F1 หนึ่งเดียวนอกยุโรปที่มีฐานตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา แม้จะมีบทบาทเป็นไม้ประดับในฤดูกาลที่แล้ว แต่ในฤดูกาลนี้พวกเขามีการเปลี่ยนนักขับใหม่ โดยมีทั้ง โอลิเวอร์ แบร์แมน ดาวรุ่งชาวอังกฤษ และ เอสเตบัน โอคอน นักขับประสบการณ์ที่มาจากอัลพีน

 

Stake F1

 

Stake F1

ทีมบ๊วยจากฤดูกาล 2024 ซึ่งเก็บได้ 4 คะแนนในฤดูกาลก่อน ปีนี้ทีมจากสวิตเซอร์แลนด์มีการเปลี่ยนแปลงนักขับทั้ง 2 ตำแหน่ง โดยจะเป็น นิโก อูร์เคนแบร์ก นักขับเยอรมันจากทีมฮาส และ กาเบรียล บอร์โตเลโต นักขับดาวรุ่งจากบราซิล

 

Mclaren

 

McLaren

ทีมแชมป์โลกประเภททีมผู้ผลิตประจำฤดูกาลก่อนจากสหราชอาณาจักร ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และพวกเขาอาจจะเป็นหนึ่งในผู้ลุ้นแชมป์ประเภทบุคคลในฤดูกาลนี้ จากการมีคู่หูนักขับคู่เดิมอย่าง ออสการ์ ปิอัสตรี นักขับออสเตรเลีย และ แลนโด นอร์ริส นักขับสหราชอาณาจักร

 

Mercedes

 

Mercedes

หนึ่งในยอดทีมจากเยอรมนีที่รอวันกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และในปีนี้ทีม ‘ซิลเวอร์ แอร์โรว์’ ก็มาพร้อมกับนักขับใหม่อย่าง คิมี อันโตเนลลี นักขับจากอิตาลี ที่จะมาร่วมงานกับ จอร์จ รัสเซลล์ นักขับสหราชอาณาจักร ที่ต้องขึ้นมาเป็นซีเนียร์ หลัง เซอร์ลูอิส แฮมิลตัน ไปร่วมงานกับเฟอร์รารี

 

Racing Bulls

 

Racing Bulls

เป็นอีกครั้งที่ทีมทีมนี้เปลี่ยนชื่อ โดยเปลี่ยนจากทีม RB มาเรียกชื่อเต็มว่า เรซซิง บูลล์ และพวกเขาก็มีนักขับใหม่อีก 1 คน นั่นคือ ไอแซค ฮัดจาร์ นักขับดาวรุ่งชาวฝรั่งเศส ซึ่งจะมาคู่กับ ยูกิ ซึโนดะ นักขับชาวญี่ปุ่นคนดีคนเดิม

 

Red Bull Racing

 

Red Bull Racing

ทีมแชมป์โลกประเภทบุคคลจากออสเตรีย และยังคงเป็นตัวเต็งแชมป์ในฤดูกาล 2025 แม้ว่าปีก่อนจะเสียแชมป์ประเภททีมผู้ผลิตไป เพราะพวกเขายังมี แม็กซ์ เวอร์สแตพเพน แชมป์โลกชาวดัตช์ นั่งหลังพวงมาลัย แต่เปลี่ยนคู่หูใหม่เป็น เลียม ลอว์สัน ดาวรุ่งชาวนิวซีแลนด์

 

Williams

 

Williams

อีกหนึ่งทีมดังที่มีแฟนๆ ชาวไทยให้กำลังใจเชียร์กันไม่น้อย เนื่องจากมี อเล็กซานเดอร์ อัลบอน นักขับชาวไทยอยู่ในทีม และปีนี้มีการเสริมทัพโดยได้ คาร์ลอส ไซน์ซ นักขับสเปน มาร่วมทีมอีกครั้ง โดยปีก่อนพวกเขาจบอันดับรองบ๊วยก็จริง แต่ในปีนี้อาจมีเซอร์ไพรส์ก็ได้

 

ภาพประกอบ: นิสากร ฤทธาภัย

The post รู้จัก 10 ทีมในศึก F1 ฤดูกาล 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
หมิว พรปวีณ์ แชมป์นี้…แด่หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ https://thestandard.co/pornpawee-champion/ Sun, 02 Feb 2025 12:44:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1037394 pornpawee-champion

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้ หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ […]

The post หมิว พรปวีณ์ แชมป์นี้…แด่หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
pornpawee-champion

ย้อนกลับไปเมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้ หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์ นักแบดมินตันสาวไทย มีอาการบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าในเกมที่เอาชนะ ซิมยูจิน มืออันดับ 19 ของโลกจากเกาหลีใต้ ในรอบ 8 คนสุดท้าย

 

เหตุการณ์นี้ทำให้แฟนแบดมินตันมีความกังวลเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของหมิว แต่ถึงอย่างนั้นในวันต่อมาเธอยังคงมองข้ามความเจ็บปวดแล้วลงสนามไปเอาชนะ พูตี กุสุมา วาดานี มืออันดับ 15 ของโลกจากอินโดนีเซีย 2 เกมรวด ผ่านเข้ารอบชิงฯ ตามแผนเดิมของเธอได้สำเร็จ

 

มาถึงเกมรอบชิงฯ ท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มสนาม หมิวก้าวเข้าสู่เวทีตัดสินแชมป์ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น กับขาขวาที่ยังมีผ้าพันไว้ยึดกล้ามเนื้ออยู่

 

เปิดเกมแรกมาผลในสนามค่อนข้างสูสี แต่จุดสังเกตหลักคือหมิวไม่ได้มี โคมัง อายู คายา เทวี นักกีฬาจากอินโดนีเซียเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียว แต่ยังมีอาการเหนื่อยล้าและอาการบาดเจ็บที่ยังต้องสู้ด้วย และทำให้หมิวเสียเกมแรกไปก่อน 18-21 

 

เกมสองในช่วงครึ่งแรก หมิวยังเป็นฝ่ายตามหลังอยู่ตลอด แต่เธอยังกัดฟันสู้ต่ออย่างสุดฝีมือ จนพลิกสถานการณ์กลับมาปิดเกม 21-16 ปลุกเสียงเชียร์ในสนามนิมิบุตรให้ก้องกังวานอีกครั้ง

 

หมิวสู้ๆ

 

ไทยแลนด์สู้ๆ

 

ถึงตรงนี้หมิวเล่นแบบไม่มีอะไรต้องเสีย ถึงจะเข้าลูปโดนนำแต้มอยู่บ้างระหว่างเกม แต่ใจดวงนี้ของเธอไม่มีถอย

 

หมิวไล่ตบ ไล่หวด โกยแต้มทิ้งคู่แข่งจนเห็นได้ชัดว่านาทีนี้หมิวพร้อมเป็นฝ่ายกุมชัยชนะแล้ว

 

และในที่สุดหมิวก็ทำได้ เธอเอาชนะในเกมที่ 3 ทำให้ชนะไป 2-1 เกม พร้อมทิ้งตัวนอนบนคอร์ตท่ามกลางเสียงเฮของผู้ชม กับสายตาที่สื่อได้ว่า “ชนะแล้วโว้ย” ภายหลังคว้าแชมป์แรกของปี 2025 ต่อหน้าแฟนกีฬาชาวไทยได้สำเร็จ

 

หลังจบเกมหมิวบอกว่า คีย์สำคัญที่นำความสำเร็จมาให้เธอในครั้งนี้คือการได้เรียนรู้ปัญหา แล้วพยายามมองข้ามปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อโฟกัสกับผลงานในสนามให้มากที่สุด เช่นเดียวกับอาการบาดเจ็บ “ถ้ายังไหวก็พร้อมจะสู้ให้ถึงที่สุด”

 

แชมป์ที่หมิวได้ในวันนี้มันไม่ใช่แค่ความสำเร็จเพียงอย่างเดียวที่เธอได้รับ แต่เธอยังได้แสดงให้แฟนกีฬาได้เห็นถึงสปิริตความเป็นนักสู้ในหัวใจของเธอ

 

ก่อนหน้านี้เธอถูกตั้งคำถามจากอาการบาดเจ็บว่า “สู้ต่อหรือพอแค่นี้” แต่สำหรับหมิว เธอไม่เคยลังเล เพราะในหัวใจของเธอมีเพียงคำตอบเดียวคือ “เรายังไหว เราจะสู้ต่อไป!”

 

สิ่งที่เราได้เห็นจากหมิวในแมตช์นี้ไม่ใช่แค่เรื่องชัยชนะในสนาม แต่มันคือบทพิสูจน์หัวจิตหัวใจแห่งความทุ่มเทของนักกีฬาที่เธอฝากไว้ในความทรงจำของแฟนกีฬาว่า “หัวใจเธอมันแข็งแกร่งกว่าทุกความเจ็บปวด 🏸🔥💪

 

ทุกความพยายามที่เธอแสดงให้เห็นตลอดการแข่งขันรายการนี้มันบอกกับเราว่า เธอคู่ควรกับตำแหน่งแชมป์มากแค่ไหน แชมป์ที่อาจแลกมากับอาการบาดเจ็บ แต่นี่คือแชมป์ที่ได้มาจากสปิริตนักสู้อย่างแท้จริง

 

และนี่คือเรื่องราวของหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ ‘หมิว-พรปวีณ์ ช่อชูวงศ์’

The post หมิว พรปวีณ์ แชมป์นี้…แด่หัวใจที่ไม่ยอมแพ้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เทรด ‘เอดี-ลูกา’ บิ๊กดีลที่ว่ากันว่าจากดีลนี้มีแต่ผู้ชนะ (?) https://thestandard.co/ad-luka-big-trade-deal/ Sun, 02 Feb 2025 12:39:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1037391 ad-luka-big-trade-deal

ข่าวใหญ่ในวงการอเมริกันเกมส์ที่ขโมยพื้นที่บนหน้าสื่อสหร […]

The post เทรด ‘เอดี-ลูกา’ บิ๊กดีลที่ว่ากันว่าจากดีลนี้มีแต่ผู้ชนะ (?) appeared first on THE STANDARD.

]]>
ad-luka-big-trade-deal

ข่าวใหญ่ในวงการอเมริกันเกมส์ที่ขโมยพื้นที่บนหน้าสื่อสหรัฐอเมริกาไปทั้งหมด แม้ว่าข่าวดังกล่าวจะเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางดึกตามเวลาท้องถิ่น แต่นั่นคือข่าวเทรดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงเทรดเดดไลน์ปีนี้เลยก็ว่าได้ นั่นคือข่าวการเทรด 3 ทางระหว่างลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส-ดัลลัส แมฟเวอริกส์-ยูทาห์ แจ๊ส ที่ทำให้ ลูกา ดอนซิช ไปอยู่กับเลเกอร์ส และส่ง แอนโทนี เดวิส ไปยังแมฟส์แทน

 

เทรดนี้ถูกรายงานโดย แชมส์ ชาราเนีย กระบี่มือ 1 ด้านข่าวบาสเกตบอลจาก ESPN ที่ขึ้นมาแทน อาเดรียน วอจนารอฟสกี ในปีนี้เป็นปีแรก โดยในตอนแรกที่แชมส์รายงานเทรดนี้ผ่านโพสต์ส่วนตัว แต่หลายคนที่เห็นถึงกับไม่เชื่อข่าวดังกล่าว และมีคนคิดว่าบัญชี X ของเขาถูกแฮ็กด้วยซ้ำ

 

แต่เมื่อนักข่าวดังจาก ESPN รายนี้มาโพสต์ซ้ำถึงรายละเอียดของเทรดดังกล่าว ทุกคนก็เริ่มยอมรับความจริง และสื่อต่างๆ ก็เริ่มตีข่าวเทรดนี้ออกไป แม้ก่อนหน้านี้ไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ว่าทั้งสองฝ่ายต้องการจะเทรดผู้เล่นระดับออลสตาร์ของตัวเองออกไปเลยก็ตาม

 

รายละเอียดของเทรดนี้แบบสรุปก็คือ ลอสแอนเจลิส เลเกอร์ส จะได้ตัว ลูกา ดอนซิช, แม็กซี เคลเบอร์ และ มาร์คีฟฟ์ มอร์ริส มาร่วมทีม ด้านดัลลัส แมฟเวอริกส์ จะได้ตัว แอนโทนี เดวิส, แม็กซ์ คริสตี รวมไปถึงดราฟต์รอบแรกปี 2029 ของเลเกอร์สและยูทาห์ แจ๊ส จะได้ตัว เจเลน ฮูด ชิฟิโน, ดราฟต์รอบที่ 2 ของแอลเอ คลิปเปอร์ส ปี 2025 และดราฟต์รอบที่ 2 ของแมฟเวอริกส์ในปี 2025

 

นั่นหมายความว่า ลูกาจะกลายเป็นคู่หูคนใหม่ของ เลอบรอน เจมส์ ขณะที่เอดีจะได้ไปร่วมงานกับ ไครี เออร์วิง ที่ดัลลัส และแจ๊สที่มองมาจากดาวอังคารก็รู้ว่ากำลังสร้างทีมใหม่ก็ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ คือผู้เล่นที่ไม่ค่อยจะมีใครพูดถึงในดีลนี้อย่าง ฮูด ชิฟิโน กับดราฟต์อีก 2 ครั้งไปตุนไว้

 

มองตามหน้ากระดาษแล้ว ทุกฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ 

 

โดยรายงานจาก มาร์ก สไตน์ ผู้สื่อข่าวชื่อดังอีกรายในวงการ NBA เปิดเผยว่า ในเทรดนี้ ลูกา ดอนซิช ไม่ได้มีความต้องการหรือเป็นผู้ร้องขอที่จะเทรด ทว่าเป็นทางแมฟส์เองที่ติดต่อไปยังเลเกอร์ส เพื่อแจ้งว่าพวกเขาต้องการตัวเดวิส

 

สไตน์ยังรายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ตัวจริงๆ เพราะแม้แต่ เลอบรอน เจมส์ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการดึงตัวผู้เล่นในทีมเลเกอร์ส ก็ยังออกไปดินเนอร์ตามปกติเมื่อเทรดนี้เกิดขึ้น นั่นหมายความว่ามีคนเพียงหยิบมือเท่านั้นที่รู้ว่าจะมีเทรดนี้เกิดขึ้นจริงๆ

 

ขณะที่ เจค ฟิชเชอร์ ผู้สื่อข่าว NBA อาวุโสจาก Yahoo Sports รายงานว่า ดัลลัสได้ติดต่อไปยังหลายทีมในช่วงสัปดาห์นี้เพื่อหาทางพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องเพดานเงินเดือนของทีม ที่อาจเกิดเป็นการเทรด 3 ทาง โดยฟิชเชอร์อธิบายว่า “ทีมต่างๆ รู้สึกได้ว่าแมฟเวอริกส์ใกล้จะเทรด แต่ ‘ไม่มีใครรู้เลย’ ว่าเทรดนั้นจะเกิดขึ้นกับ ลูกา ดอนซิช”

 

ในขณะที่สไตน์อธิบายเพิ่มเติมในรายการ DLLS Dallas Mavericks Podcast ว่าทั่วทั้งองค์กรของดัลลัสต่างก็ ‘ตกตะลึง’ เพราะฝ่ายบริหารปิดปากเงียบ

 

ในวงการอเมริกันเกมส์มีคำพูดที่ว่า “เกมบุกไว้ขายตั๋ว เกมรับไว้คว้าแชมป์” (Offense sells tickets, but defense wins championships.) และหนึ่งคนที่เชื่อในเรื่องนั้นคือ นิโก แฮร์ริสัน ผู้จัดการทั่วไป (GM) ของแมฟเวอริกส์

 

โดยแฮร์ริสันกล่าวว่า “ผมเชื่อว่าเกมรับช่วยให้คว้าแชมป์ได้ ผมเชื่อว่าการได้เซ็นเตอร์ระดับ All-Defensive และผู้เล่นระดับ All-NBA ที่มีมายด์เซ็ตในการเล่นเกมรับจะทำให้เรามีโอกาสที่ดีขึ้นที่จะคว้าแชมป์”

 

รายงานเพิ่มเติมจาก ทิม แมคแมน หนึ่งในผู้สื่อข่าวชื่อดัง ยังรายงานว่า ดัลลัสกังวลเกี่ยวกับสภาพร่างกายของลูกา ซึ่งเป็นปัญหาหลักในการเป็นผู้เล่นของเขา และยังกังวลเกี่ยวกับสัญญาฉบับต่อไปของเขา ซึ่งน่าจะเป็นสัญญาระดับ Supermax ที่น่าจะเป็นตัวเลขมหาศาลด้วย

 

การเทรดลูกาพ้นทีมไปจึงน่าจะเป็นสิ่งที่แมฟส์และแฮร์ริสันพอใจอย่างมาก แม้ว่าแฟนๆ ของดัลลัสส่วนมากจะไม่ได้คิดเช่นนั้นก็ตาม

 

ด้าน แอนโทนี เดวิส ที่ย้ายมาสู่ดัลลัส เขาเองก็น่าจะมีความสุขกับการได้ลงเล่นกับทีมใหม่ เพราะก่อนหน้านี้เขาไม่แฮปปี้มากนักที่เลเกอร์ส ให้เขาสวมบทเซ็นเตอร์ โดยเคยออกมากล่าวว่า เขาอยากเล่นกับเซ็นเตอร์อาชีพมากกว่า ดังนั้นการมาที่ดัลลัส ซึ่งมี แดเนียล แกฟฟอร์ด เป็นเซ็นเตอร์ ก็น่าจะทำให้เขาแฮปปี้มากขึ้น


อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดัลลัสต้องแลกไปกับดีลนี้คืออายุของทีมที่อาจสั้นลง เพราะต้องอย่าลืมว่า ลูกาอยู่ในวัยเพียง 25 ปี และหลายฝ่ายเชื่อว่าเขาน่าจะพีคได้กว่านี้ แต่เมื่อต้องเปลี่ยนตัวหลักของทีมเป็นเดวิสที่อายุ 31 ปี ทำให้ตอนนี้ทีมถูกแบกด้วย 3 แกนหลักที่อายุเกิน 30 โดยอีก 2 คนก็มีทั้ง ไครี เออร์วิง ที่อายุ 32 ปี และ เคลย์ ธอมป์สัน ที่อายุ 34 ปี

 

และที่น่าเป็นห่วงไปกว่านั้นคือทั้งสามมีประวัติการบาดเจ็บมาแล้วทั้งหมด โดยเฉพาะตัวเดวิสเองที่นับได้ว่าเป็นผู้เล่นที่เจ็บง่ายคนหนึ่งด้วย ดังนั้นแม้ดัลลัสเชื่อว่าพวกเขา ‘ชนะ’ เหนือเทรดนี้ แต่ก็เป็นชัยชนะที่มีความเสี่ยงสูงมาก

 

ด้านแอลเอ พวกเขาได้ลูกาไปร่วมทีม ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในคนที่แฮปปี้ที่สุดก็น่าจะเป็นตัวลูกาเองที่จะได้เล่นกับ เลอบรอน เจมส์ ซึ่งเขาเองก็มองเป็นไอดอล และตัวเจมส์ก็เคยชมลูกาอยู่ไม่น้อย

 

แต่อย่าลืมว่าช่วงที่ผ่านมาเลเกอร์สกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีภายใต้การเล่นของเดวิส และเมื่อเดวิสหายไปจากทีม นั่นหมายความว่าเกมป้องกันจะหายไปด้วย ซึ่งนี่เป็นเรื่องที่น่าห่วงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะลูกาในซีรีส์ชิงชนะเลิศกับบอสตัน เซลติกส์ เมื่อปีก่อน ถูกทีมแชมป์เล่นงานใส่จุดนี้ทั้งซีรีส์ 

 

นอกจากนี้ต้องอย่าลืมว่าลูกาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่มีอาการบาดเจ็บเล่นงานบ่อยๆ และปัจจุบันเขาก็ยังบาดเจ็บอยู่ โดยตามรายงานระบุว่าเขาจะกลับมาได้หลังจากออลสตาร์เบรก และเรื่องอาการบาดเจ็บนี้เองก็เป็นหนึ่งในเหตุผล (ตามรายงาน) ที่แมฟส์เทรดเขาออกมาด้วย

 

ดังนั้นการได้ลูกาสำหรับเลเกอร์สก็อาจเป็นชัยชนะของพวกเขาและแฟนๆ ที่ได้ผู้นำทีมอายุน้อยที่อาจมาสานงานต่อจาก เลอบรอน เจมส์ ได้ หาก ‘คิง’ วางมือไป แต่พวกเขาก็ต้องแบกรับความเสี่ยงที่มองไม่เห็นเอาไว้เช่นกัน 

 

ถึงตรงนี้ อภิมหาบิ๊กเทรดนี้อาจจะเป็นเทรดที่ถูกฝ่ายได้ประโยชน์จากมันและทุกคนมองว่าเป็นชัยชนะของตัวเองก็จริง แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่จะตัดสินว่าเทรดนี้คือเทรดที่ถูกต้องหรือไม่คือผลงานในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง และตอนนี้อาจเร็วเกินไปก็ได้ที่จะตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะตัวจริงจากเทรดนี้

 

อ้างอิง:

The post เทรด ‘เอดี-ลูกา’ บิ๊กดีลที่ว่ากันว่าจากดีลนี้มีแต่ผู้ชนะ (?) appeared first on THE STANDARD.

]]>
แอสตัน วิลลา บรรลุข้อตกลงยืมตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด จากแมนฯ ยูไนเต็ด https://thestandard.co/aston-villa-signs-rashford-on-loan/ Sun, 02 Feb 2025 08:16:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1037346 aston-villa-signs-rashford-on-loan

ใกล้ได้เห็นข้อสรุปอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อล่าสุด ฟาบริ […]

The post แอสตัน วิลลา บรรลุข้อตกลงยืมตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด จากแมนฯ ยูไนเต็ด appeared first on THE STANDARD.

]]>
aston-villa-signs-rashford-on-loan

ใกล้ได้เห็นข้อสรุปอย่างเป็นทางการแล้ว เมื่อล่าสุด ฟาบริซิโอ โรมาโน เหยี่ยวข่าววงการฟุตบอลคนดังเปิดเผยว่า แอสตัน วิลลา บรรลุข้อตกลงในการดึง มาร์คัส แรชฟอร์ด แนวรุกของแมนฯ ยูไนเต็ด มาร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัวครึ่งฤดูกาล ซึ่งอาจรวมถึงการซื้อขาดด้วยราคา 40 ล้านปอนด์ กับสัญญา 3 ปีครึ่ง หากการย้ายทีมถาวรเกิดขึ้นจริง พร้อมแบกรับค่าเหนื่อยของแรชฟอร์ดราว 70% 

 

ขณะที่ BBC Sport เปิดเผยว่า อูไน เอเมรี ผู้จัดการทีมแอสตัน วิลลา เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับดีลของแรชฟอร์ดเป็นพิเศษ เนื่องจากก่อนหน้านี้พวกเขาต้องเสีย จอน ดูรัน กองหน้าของทีม ที่ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับอัล นาสเซอร์ ด้วยค่าตัว 77 ล้านยูโร 

 

สำหรับแรชฟอร์ด ไม่ได้ลงเล่นให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด เลยตั้งแต่โดน รูเบน อโมริม กุนซือของทีม ดร็อปในเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาลงสนามให้ทัพปีศาจแดง 426 นัด ยิงไป 138 ประตู คว้าแชมป์ยูโรปาลีก 1 สมัย รวมถึงเอฟเอคัพและลีกคัพอย่างละ 1 สมัย 

 

อ้างอิง:

The post แอสตัน วิลลา บรรลุข้อตกลงยืมตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด จากแมนฯ ยูไนเต็ด appeared first on THE STANDARD.

]]>