Science – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 04 Jan 2025 08:23:47 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 จับตา 12 มกราคม ดาวอังคารอยู่ในตำแหน่งใกล้โลกที่สุดตั้งแต่ปี 2022 https://thestandard.co/mars-closest-approach-january-12/ Sat, 04 Jan 2025 08:23:47 +0000 https://thestandard.co/?p=1027032 ดาวอังคาร

วันที่ 12 มกราคม 2025 เวลา 20.38 น. (ตามเวลาประเทศไทย) […]

The post จับตา 12 มกราคม ดาวอังคารอยู่ในตำแหน่งใกล้โลกที่สุดตั้งแต่ปี 2022 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดาวอังคาร

วันที่ 12 มกราคม 2025 เวลา 20.38 น. (ตามเวลาประเทศไทย) ดาวอังคาร อยู่ในตำแหน่งใกล้โลกที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2022 เป็นช่วงเวลาเหมาะสมที่สุดสำหรับการสังเกตด้วยตาเปล่า

 

เนื่องจากดาวอังคารและโลกต่างโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะวงรีเล็กน้อย ทำให้มีช่วงเวลาที่ดาวเคราะห์ทั้งสองจะอยู่ใกล้กันและห่างกันที่สุดในแต่ละคาบการโคจร โดยปรากฏการณ์ดาวอังคารใกล้โลกจะเกิดขึ้นทุกๆ 25 เดือน หรือช่วงเวลาประมาณ 2 ปีเศษ

 

สำหรับวันที่ 12 มกราคม ดาวอังคารอยู่ห่างจากโลกไป 96,084,099 กิโลเมตร ก่อนค่อยๆ โคจรเข้าสู่ตำแหน่งตรงกันข้ามกับดวงอาทิตย์ หรือเรียกว่าจุด Opposition ซึ่งหมายถึงการเรียงตัวในแนวเส้นตรงของดวงอาทิตย์ โลก และดาวอังคาร ในวันที่ 16 มกราคมของปีเดียวกัน

 

ในช่วงเวลาดังกล่าว ดาวอังคารจะมีค่าความสว่างที่แมกนิจูดระดับ -1.38 (ยิ่งตัวเลขน้อยแปลว่ายิ่งสว่าง) เป็นดาวเคราะห์สว่างอันดับสาม ตามหลังดาวศุกร์และดาวพฤหัสบดี โดยจะเห็นเป็นดาวสีแดงเล็กๆ บนท้องฟ้าทิศตะวันออกในช่วงค่ำ ก่อนตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกในช่วงเช้ามืด

 

หลังจากนี้ดาวอังคารจะค่อยๆ โคจรไปสู่ตำแหน่งไกลโลกที่สุดในวันที่ 9 มกราคม 2026 ที่ระยะห่างประมาณ 359 ล้านกิโลเมตร และกลับมาสู่ตำแหน่งใกล้โลกที่สุดอีกครั้งในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2027 ที่ระยะห่างประมาณ 101 ล้านกิโลเมตร

 

โดยปกติแล้วจะมีภารกิจสำรวจดาวอังคารออกเดินทางในช่วงเวลาใกล้เคียงกับการเข้ามาใกล้โลกที่สุด เนื่องจากสามารถลดระยะเวลาและเชื้อเพลิงที่ใช้ในการนำส่งได้ อย่างไรก็ตาม ภารกิจศึกษาสภาพอวกาศในวงโคจรรอบดาวอังคารของ NASA อย่าง EscaPADE ได้ถูกเลื่อนการนำส่งจากช่วงปลายปี 2024 ออกไปเป็นช่วงกลางปี 2025 แทน

 

ภาพ: NASA / JPL 

อ้างอิง:

The post จับตา 12 มกราคม ดาวอังคารอยู่ในตำแหน่งใกล้โลกที่สุดตั้งแต่ปี 2022 appeared first on THE STANDARD.

]]>
4 มกราคม โลกโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของปี 2025 https://thestandard.co/4-jan-2025-perihelion-and-aphelion/ Tue, 31 Dec 2024 06:47:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1025994 ดวงอาทิตย์

4 มกราคม 2025 เป็นวันที่โลกโคจรอยู่ใกล้ ดวงอาทิตย์ ที่ส […]

The post 4 มกราคม โลกโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ดวงอาทิตย์

4 มกราคม 2025 เป็นวันที่โลกโคจรอยู่ใกล้ ดวงอาทิตย์ ที่สุดในรอบปี ด้วยระยะห่างประมาณ 147,103,686 กิโลเมตร ณ จุดเพอริฮีเลียน (Perihelion) เวลา 20.28 น. ตามเวลาประเทศไทย

 

เนื่องจากโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรี เช่นเดียวกับทุกวัตถุในระบบสุริยะ จึงทำให้มีช่วงเวลาที่โลกเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของปีในช่วงต้นเดือนมกราคม และอยู่ในตำแหน่งไกลสุดจากดวงอาทิตย์ในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี

 

ในปี 2025 โลกจะโคจรเข้าสู่สุดอะฟีเลียน (Aphelion) หรืออยู่ไกลดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 4 กรกฎาคม เวลา 02.54 น. ที่ระยะห่างประมาณ 152,087,738 กิโลเมตร และจะค่อยๆ ลดระยะห่างจากดาวฤกษ์หนึ่งเดียวในระบบสุริยะลง ก่อนไปถึงจุด Perihelion อีกครั้งในวันที่ 4 มกราคม 2026

 

แม้จะเป็นวันที่โลกเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด แต่ระยะห่างจากดาวฤกษ์ของโลกไม่ได้มีผลต่อการเกิดฤดูกาลบนโลก เนื่องจากโลกของเราอยู่ในจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดประมาณ 2 สัปดาห์หลังจากวันเหมายัน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ประเทศในแถบซีกโลกเหนือเข้าสู่ฤดูหนาว และโคจรถึงจุดไกลดวงอาทิตย์ที่สุดของปีเพียง 2 สัปดาห์หลังจากวันครีษมายัน ช่วงเวลาที่ซีกโลกเหนือเข้าสู่ฤดูร้อน

 

สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฤดูกาลต่างๆ บนโลก มาจากแกนโลกที่เอียงทำมุม 23.5 องศา ส่งผลให้พื้นที่บนโลกได้รับแสงอาทิตย์ในแต่ละช่วงเวลาไม่เท่ากัน กลายเป็นฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงของรอบปี

 

ภาพ: NASA 

อ้างอิง:

The post 4 มกราคม โลกโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักบินอวกาศจีนทำลายสถิติทำงานนอกสถานีอวกาศนานสุด 9 ชั่วโมง https://thestandard.co/chinese-astronauts-broke-record/ Tue, 31 Dec 2024 06:39:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1025991 นักบินอวกาศจีน

สองนักบินอวกาศจีนทำลายสถิติการปฏิบัติงานภายนอกยานอวกาศ […]

The post นักบินอวกาศจีนทำลายสถิติทำงานนอกสถานีอวกาศนานสุด 9 ชั่วโมง appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักบินอวกาศจีน

สองนักบินอวกาศจีนทำลายสถิติการปฏิบัติงานภายนอกยานอวกาศ หรือทำ EVA (Extravehicular Activity) นานที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยเวลารวม 9 ชั่วโมง 6 นาที

 

วันที่ 17 ธันวาคม Cai Xuzhe ผู้บัญชาการภารกิจเสินโจว-19 และ Song Lingdong ลูกเรือปฏิบัติงานของภารกิจ เดินทางออกจากโมดูลการทดลอง Wentian บนสถานีอวกาศเทียนกงของจีน เพื่อเริ่มการทำภารกิจภายนอกสถานีอวกาศ

 

นักบินอวกาศทั้งสองสวมใส่ชุดอวกาศ Feitian ที่ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องนักบินอวกาศจากสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายของอวกาศ ทั้งอุณหภูมิสุดขั้ว การควบคุมอุณหภูมิความร้อนจากร่างกาย ไปจนถึงการปกป้องร่างกายนักบินจากรังสีและเศษวัตถุต่างๆ ในวงโคจรรอบโลก โดยมีระบบพยุงชีพที่คอยปรับความดันและให้อากาศหายใจกับนักบินอวกาศติดตั้งอยู่บริเวณด้านหลังชุด

 

ทั้งสองคนเริ่มต้นการทำ EVA เวลา 11.51 น. ตามเวลาประเทศไทย เพื่อติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันขยะอวกาศให้กับภายนอกโมดูลเทียนเหอ เช่นเดียวกับการตรวจสอบและซ่อมแซมอุปกรณ์ภายนอกสถานีอวกาศเทียนกง ก่อนเดินทางกลับเข้าสู่ภายในสถานีอวกาศเมื่อเวลา 20.57 น. รวมใช้เวลาอยู่นอกยานอวกาศ 9 ชั่วโมง 6 นาที

 

ช่วงเวลาดังกล่าว ทำลายสถิติเดิมของ James Voss และ Susan Helms สองนักบินอวกาศ NASA ผู้ใช้เวลาออกไปทำ EVA รวม 8 ชั่วโมง 56 นาที เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2001 ทำให้สองนักบินอวกาศจีนทั้ง Cai Xuzhe และ Song Lingdong เป็นมนุษย์กลุ่มแรกที่ใช้เวลารวมกันมากกว่า 9 ชั่วโมงนอกยานหรือสถานีอวกาศของพวกเขา

 

เสินโจว-19 เป็นภารกิจที่นำพาลูกเรือกลุ่มล่าสุดขึ้นไปปฏิบัติงานบนสถานีอวกาศเทียนกงของจีน โดยเริ่มต้นการทำงานนาน 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม โดยมี Cai Xuzhe, Song Lingdong และ Wang Haoze เป็นสามนักบินอวกาศที่ประจำการอยู่ในปัจจุบัน

 

ภาพ: CMSE

อ้างอิง:

The post นักบินอวกาศจีนทำลายสถิติทำงานนอกสถานีอวกาศนานสุด 9 ชั่วโมง appeared first on THE STANDARD.

]]>
จับตาดาวหาง C/2024 G3 (ATLAS) ใกล้โลกที่สุดในรอบ 160,000 ปี กลางเดือนมกราคม 2025 https://thestandard.co/c-2024-g3-atlas-jan-2025/ Sat, 28 Dec 2024 09:12:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1025114

จับตาดาวหาง C/2024 G3 (ATLAS) โคจรเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ที […]

The post จับตาดาวหาง C/2024 G3 (ATLAS) ใกล้โลกที่สุดในรอบ 160,000 ปี กลางเดือนมกราคม 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>

จับตาดาวหาง C/2024 G3 (ATLAS) โคจรเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 13 มกราคม 2025 ซึ่งอาจสว่างจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากพลาดแล้วต้องรออีกประมาณ 160,000 ปี ก่อนจะกลับมาอีกครั้ง

 

ดาวหางดวงนี้ถูกตรวจพบครั้งแรกเมื่อวันที่ 5 เมษายน โดยเครือข่ายกล้องโทรทรรศน์ Asteroid Terrestrial-impact Last Alert System หรือ ATLAS อันเป็นที่มาของชื่อดาวหางดวงนี้ เช่นเดียวกับดวงต่างๆ ที่เข้ามาเฉียดใกล้โลกในช่วงก่อนหน้านี้

 

ข้อมูลจากการสังเกตการณ์ล่าสุดของดาวหาง ATLAS พบว่าจะเข้ามาเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 13 มกราคม 2025 ที่ระยะห่างประมาณ 13,500,000 กิโลเมตร ซึ่งการโคจรเข้าใกล้เช่นนี้มีความเป็นไปได้ที่ดาวหางดวงนี้อาจแตกหรือสลายไประหว่างการเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด

 

แต่หากดาวหาง C/2024 G3 (ATLAS) รอดพ้นจากการบินผ่านใกล้ดวงอาทิตย์มาได้ จะเข้ามาใกล้โลกที่สุดในวันที่ 14 มกราคม 2025 ที่ระยะห่างประมาณ 140,000,000 กิโลเมตร โดยมีโอกาสที่ฝุ่นก๊าซของดาวจะฟุ้งสว่างมากขึ้นจนอาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลกในช่วงวันที่ 18-25 มกราคม 2025 บนท้องฟ้าทางทิศตะวันตก ไม่นานหลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า

 

อย่างไรก็ตาม ดาวหางดวงนี้มีมุมเงยค่อนข้างต่ำ (ประมาณ 5 องศาจากดวงอาทิตย์) จึงอาจเป็นอุปสรรคในการมองเห็นด้วยตาเปล่าได้

 

นอกจากนี้ ค่าความสว่างสูงสุดของดาวหาง ATLAS อาจอยู่เพียงระดับแมกนิจูด -1.3 (ยิ่งค่าตัวเลขน้อยยิ่งสว่าง) กอปรกับตำแหน่งการสังเกตที่มีความเหมาะสมกับผู้คนในซีกฟ้าใต้มากกว่า ทำให้เป็นไปได้ว่าดาวหางดวงนี้อาจไม่ได้ตระการตาดั่งเช่นดาวหางจื่อจินซาน-แอตลัส เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2024

 

หลังจากเฉียดเข้าใกล้โลกที่สุด ดาวหาง C/2024 G3 (ATLAS) จะถูกเหวี่ยงเข้าสู่วงโคจรที่มีความรีสูงขึ้น ออกสู่บริเวณหมู่เมฆออร์ตที่สุดขอบระบบสุริยะ ซึ่งเป็นแหล่งก่อกำเนิดดาวหางคาบการโคจรยาวหลายดวง ก่อนมีกำหนดโคจรกลับเข้ามาเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์อีกครั้งในช่วง 450,000 ปีจากนี้

 

ภาพ: M. Mattiazzo

อ้างอิง:

The post จับตาดาวหาง C/2024 G3 (ATLAS) ใกล้โลกที่สุดในรอบ 160,000 ปี กลางเดือนมกราคม 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยาน Parker Solar Probe ติดต่อกลับโลก หลังบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ https://thestandard.co/parker-solar-probe-closest-sun/ Sat, 28 Dec 2024 09:08:10 +0000 https://thestandard.co/?p=1025108

ยาน Parker Solar Probe ติดต่อกลับโลกอีกครั้ง หลังสร้างส […]

The post ยาน Parker Solar Probe ติดต่อกลับโลก หลังบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ยาน Parker Solar Probe ติดต่อกลับโลกอีกครั้ง หลังสร้างสถิติใหม่เป็นยานอวกาศที่เดินทางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด และเป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งมีความเร็วมากที่สุดในประวัติศาสตร์

 

วันที่ 24 ธันวาคม เวลา 18.53 น. ยาน Parker Solar Probe ของ NASA เดินทางเข้าไปเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดที่ระยะห่างประมาณ 6,100,000 กิโลเมตรจากพื้นผิว หรือชั้นโฟโตสเฟียร์ (Photosphere) ของดาวฤกษ์หนึ่งเดียวในระบบสุริยะ พร้อมบันทึกข้อมูลผ่านอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ต่างๆ จากในชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์

 

ในระหว่างเข้าสู่จุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดของวงโคจร หรือจุด Perihelion ยานอวกาศลำนี้ทำความเร็วมากถึง 692,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือประมาณ 0.064% ของความเร็วแสง นับเป็นวัตถุที่มนุษย์สร้างขึ้นซึ่งมีความเร็วมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำลายสถิติเดิมของภารกิจตนเองในการบินเข้าใกล้ครั้งก่อนหน้านี้

 

ขณะที่ Parker Solar Probe บินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ยานอวกาศไม่ได้มีการติดต่อและส่งข้อมูลกลับโลกตามเวลาจริง โดยสัญญาณแรกจากยานลำนี้ถูกส่งกลับมายังศูนย์ควบคุมภารกิจเมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 27 ธันวาคม เพื่อยืนยันว่า Parker Solar Probe ประสบความสำเร็จในการเฉียดเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ และยังคงปฏิบัติงานได้ตามปกติ ก่อนส่งข้อมูลทางวิทยาศาสตร์กลับมาเพิ่มเติมในช่วงต้นปี 2025

 

Nicky Fox รองผู้อำนวยการฝ่ายภารกิจสำรวจวิทยาศาสตร์ของ NASA เปิดเผยว่า “การเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ได้มากเช่นนี้เป็นช่วงเวลาประวัติศาสตร์สำหรับความพยายามของมนุษย์ในการไขปริศนาของดาวฤกษ์ที่อยู่ใกล้โลกที่สุด เพื่อทำความเข้าใจถึงผลกระทบของดวงอาทิตย์ต่อระบบสุริยะ เช่นเดียวกับผลกระทบที่มีต่อเทคโนโลยีต่างๆ บนโลก ไปจนถึงดาวฤกษ์ทั้งหลายในเอกภพแห่งนี้”

 

หลังจากนี้ยาน Parker Solar Probe มีกำหนดบินเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 22 มีนาคม และ 19 มิถุนายน 2025 ก่อนสิ้นสุดภารกิจด้วยการถูกเผาไหม้จากความร้อนของดวงอาทิตย์ เมื่อไม่มีเชื้อเพลิงคอยปรับทิศให้แผ่นกันความร้อนปกป้องอุปกรณ์ต่างๆ บนยานได้อีก

 

ภาพ: NASA / JHUAPL

อ้างอิง:

The post ยาน Parker Solar Probe ติดต่อกลับโลก หลังบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในประวัติศาสตร์ได้สำเร็จ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้าวกระโดดสู่ดวงดาวและยุคใหม่ของการสำรวจอวกาศ สรุปเหตุการณ์สำคัญอวกาศปี 2024 https://thestandard.co/space-exploration-2024-key-events/ Thu, 26 Dec 2024 13:14:28 +0000 https://thestandard.co/?p=1024317

ปี 2024 เป็นอีกหนึ่งศักราชแห่งภารกิจการออกสำรวจอวกาศ ทั […]

The post ก้าวกระโดดสู่ดวงดาวและยุคใหม่ของการสำรวจอวกาศ สรุปเหตุการณ์สำคัญอวกาศปี 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ปี 2024 เป็นอีกหนึ่งศักราชแห่งภารกิจการออกสำรวจอวกาศ ทั้งการนำส่งยานอวกาศลำใหม่ นานาภารกิจออกเดินทางไปลงดวงจันทร์ รวมถึงการพาจรวดยักษ์กลับมาสู่ฐานปล่อยได้อีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นการพัฒนาอีกขั้นในด้านเทคโนโลยีอวกาศของมนุษยชาติ

 

พาย้อนดูเหตุการณ์สำคัญของวงการอวกาศตลอดหนึ่งรอบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ในปีที่มีการนำส่งจรวดขึ้นสู่วงโคจรรอบโลกมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ (255 เที่ยวบิน) และปีที่มีมนุษย์มากถึง 58 คน เดินทางไปถึงอวกาศได้สำเร็จ มีอะไรเกิดขึ้นบ้างกับการสำรวจอวกาศในปี 2024

 

จรวด Starship กลับมาลงจอดฐานปล่อย

 

วันที่ 13 ตุลาคม SpaceX ทดสอบปล่อยยาน Starship เที่ยวบินที่ 5 พร้อมประสบความสำเร็จในการนำบูสเตอร์ Super Heavy จรวดส่วนแรกที่ใช้ในการนำส่ง Starship ขึ้นสู่อวกาศ เดินทางกลับมาลงจอด ณ ฐานปล่อยอย่างปลอดภัย

 

การนำจรวดสูง 70 เมตร ที่ทะยานขึ้นไปถึงขอบอวกาศ เดินทางกลับมาสู่ฐานปล่อยอย่างปลอดภัย โดยใช้แขนกล ‘Mechazilla’ ที่ทำหน้าที่เป็นเหมือนตะเกียบคีบจรวดได้สำเร็จนั้น เป็นก้าวสำคัญสำหรับการพัฒนายาน Starship ให้สามารถนำกลับมาใช้งานใหม่ได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งอาจส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการนำส่งวัตถุขึ้นสู่อวกาศมีราคาถูกลง และสามารถนำส่งสิ่งต่างๆ เดินทางสู่เป้าหมายที่ไกลขึ้นได้กว่าเดิม

 

ทั้งนี้ SpaceX ประสบความสำเร็จในการทดสอบยาน Starship รวมทั้งสิ้น 4 เที่ยวบินในปี 2024 โดยมีกำหนดการทดสอบครั้งถัดไปในวันที่ 11 มกราคม 2025 เพื่อพัฒนายานให้พร้อมสำหรับภารกิจขึ้นบินจริง อาทิ การนำส่งนักบินอวกาศไปลงดวงจันทร์กับภารกิจอาร์ทีมิส 3 ในปี 2027 และภารกิจทดสอบเดินทางไปดาวอังคารแบบไม่มีมนุษย์โดยสารไปด้วย ก่อนเตรียมความพร้อมสำหรับการพามนุษย์เดินทางไปยังดาวเคราะห์ดวงอื่นในอนาคต

 

NASA ส่งยานไปค้นหาชีวิตใต้มหาสมุทรดวงจันทร์ดาวพฤหัสบดี

 

วันที่ 14 ตุลาคม NASA ส่งยานอวกาศ Europa Clipper ขึ้นบินไปกับจรวด Falcon Heavy ของบริษัท SpaceX เพื่อเริ่มต้นการเดินทางนานกว่า 5 ปีครึ่ง ไปสำรวจดวงจันทร์ยูโรปาของดาวพฤหัสบดี

 

นักดาราศาสตร์ค่อนข้างมั่นใจว่าดวงจันทร์ยูโรปามีมหาสมุทรขนาดใหญ่ซ่อนตัวอยู่ใต้เปลือกน้ำแข็ง ที่แม้ว่าตัวดาวจะมีขนาดเล็กกว่าดวงจันทร์ของโลกเล็กน้อย แต่อาจมีมวลน้ำมากกว่ามหาสมุทรบนโลก ซึ่งภารกิจของ Europa Clipper คือการยืนยันว่ามีน้ำอยู่ใต้พื้นผิวดาวดวงนี้ พร้อมกับตรวจดูว่ามีองค์ประกอบหรือสภาพที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของสิ่งมีชีวิตหรือไม่

 

ยานอวกาศ Europa Clipper จะไม่ได้โคจรรอบดวงจันทร์ยูโรปาโดยตรง เนื่องจากตัวดาวโคจรอยู่ค่อนข้างใกล้กับดาวพฤหัสบดี ซึ่งมีแถบรังสีที่ส่งผลต่ออุปกรณ์สำรวจบนยานได้ แต่ใช้การโคจรรอบดาวพฤหัสบดีและบินเข้าเฉียดสำรวจในระยะใกล้หลายๆ ครั้งแทน โดยมีกำหนดเดินทางไปถึงดาวพฤหัสบดีในวันที่ 11 เมษายน 2030 และเริ่มการศึกษาดวงจันทร์ยูโรปาไปจนถึงเดือนกันยายน 2034

 

ถนนทุกสายมุ่งสู่ดวงจันทร์ (อีกครั้ง)

 

ปี 2024 เป็นศักราชที่ภารกิจไปดวงจันทร์เกิดความคึกคักไม่แพ้กับปี 2023 ไม่ว่าจะเป็นภารกิจของสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น รวมถึงความร่วมมือของไทยกับนานาประเทศ ที่น่าจับตาอย่างยิ่ง

 

ภารกิจการสำรวจดวงจันทร์มีทั้งความพยายามนำส่งยาน Peregrine ของบริษัท Astrobotic ไปในช่วงต้นเดือนมกราคม ก่อนประสบปัญหาเชื้อเพลิงรั่วจนไม่สามารถลงจอดได้ ก่อนที่ยานอวกาศ SLIM ขององค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น (JAXA) จะลงจอดบนพื้นผิวอย่างนุ่มนวลได้สำเร็จเมื่อวันที่ 19 มกราคม ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ 5 ที่สามารถส่งยานไปลงดวงจันทร์ได้

 

ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ยาน Nova-C ลงจอดบนดวงจันทร์ ส่งผลให้บริษัท Intuitive Machines กลายเป็นบริษัทเอกชนเจ้าแรกที่นำยานอวกาศไปลงจอดบนดวงจันทร์ได้สำเร็จ

 

นอกจากนี้ ยานอวกาศ Chang’e 6 ของจีน ได้สร้างประวัติศาสตร์เก็บตัวอย่างดินจากด้านไกลดวงจันทร์เดินทางกลับโลกได้สำเร็จเป็นครั้งแรก หลังลงจอดบนดวงจันทร์เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน และเดินทางกลับถึงโลกในวันที่ 25 มิถุนายน

 

สำหรับภารกิจ Chang’e 7 ที่มีกำหนดออกเดินทางในปี 2026 จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัด ‘สภาพอวกาศ’ ชื่อ Moon Aiming Thai-Chinese Hodoscope (MATCH) จากการพัฒนาโดยนักวิจัยไทย ร่วมกับองค์การบริหารอวกาศแห่งชาติจีน (CNSA) นับเป็นอุปกรณ์วิทยาศาสตร์ตัวแรกของไทยที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจในวงโคจรรอบดวงจันทร์

 

ในเวลาเดียวกัน ประเทศไทยได้ลงนามเข้าร่วมโครงการสถานีวิจัยนานาชาติบนดวงจันทร์ (ILRS) ภายใต้การนำของจีนและรัสเซีย เมื่อวันที่ 6 เมษายน เช่นเดียวกับลงนามในข้อตกลงอาร์ทีมิส (Artemis Accords) ภายใต้การนำของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม กลายเป็นประเทศแรกในโลกที่มีส่วนร่วมกับสองข้อตกลงดังกล่าว

 

มนุษย์ไปอวกาศได้มากขึ้นกว่าเดิม

 

แม้ภารกิจส่งนักบินอวกาศเดินทางกลับไปดวงจันทร์ในภารกิจอาร์ทีมิส 2 ที่วางแพลนไว้ในเดือนกันยายน 2025 จะถูกเลื่อนกำหนดส่งไปเป็นเดือนเมษายน 2026 เพื่อให้มีเวลาตรวจสอบความปลอดภัยได้เพิ่มเติม จะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายในแง่มุมของภารกิจส่งมนุษย์ไปสำรวจอวกาศจากปีนี้

 

แต่ปี 2024 ยานอวกาศ Starliner ของบริษัท Boeing ประสบความสำเร็จในการนำส่ง Butch Wilmore และ Suni Williams สองนักบินอวกาศ NASA เดินทางไปปฏิบัติงานบนสถานีอวกาศนานาชาติได้สำเร็จเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ที่สหรัฐฯ มียานอวกาศสำหรับมนุษย์อย่างน้อย 2 ประเภทที่พร้อมให้บริการนำ-ส่งนักบินอวกาศของตนเอง

 

แม้ภารกิจดังกล่าวจะเผชิญกับปัญหาเกี่ยวกับระบบขับดัน ทำให้ NASA ตัดสินใจนำยานกลับโลกโดยไม่มีลูกเรือโดยสารมาด้วย แต่ตัวยาน Starliner ยังสามารถกลับโลกได้อย่างปลอดภัย โดยที่สองนักบินอวกาศ NASA ยังคงปฏิบัติภารกิจบนสถานีอวกาศนานาชาติได้ตามปกติ พร้อมกับมียาน Crew Dragon เดินทางไปรอรับทั้งคู่กลับโลกในช่วงต้นปี 2025

 

นอกจากนี้ยังมีภารกิจ Polaris Dawn ที่เป็นการปฏิบัติภารกิจภายนอกยานอวกาศ หรือการทำ Spacewalk โดยลูกเรือที่เป็นพลเรือนเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 กันยายน พร้อมทำสถิติเดินทางไปถึงความสูง 1,700 กิโลเมตรจากพื้นโลก เป็นการส่งมนุษย์เดินทางไกลจากโลกที่สุด นับตั้งแต่ภารกิจอพอลโล 17 ที่ไปสำรวจดวงจันทร์เมื่อเดือนธันวาคม 1972

 

อีกหนึ่งสถิติที่ถูกทำลายลงในปี 2024 ตกเป็นของ Cai Xuzhe และ Song Lingdong สองนักบินอวกาศจีนบนสถานีอวกาศเทียนกง ผู้ออกไปปฏิบัติภารกิจภายนอกยานเป็นเวลานานกว่า 9 ชั่วโมง 6 นาที ทำลายเวลาเดิมที่ James Voss และ Susan Helms สองนักบินอวกาศ NASA ผู้ทำไว้ 8 ชั่วโมง 56 นาที เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2001 ระหว่างการทำภารกิจนำส่งโมดูลไปเชื่อมต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติ

The post ก้าวกระโดดสู่ดวงดาวและยุคใหม่ของการสำรวจอวกาศ สรุปเหตุการณ์สำคัญอวกาศปี 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>
NASA เลื่อนส่งนักบินอวกาศชุดใหม่ ส่งผลให้ 2 นักบินของยาน Starliner กลับโลกช้าลง https://thestandard.co/nasa-delays-new-astronaut/ Thu, 26 Dec 2024 10:08:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1024154

NASA เลื่อนส่งนักบินอวกาศชุดใหม่ไปสถานีอวกาศนานาชาติ ส่ […]

The post NASA เลื่อนส่งนักบินอวกาศชุดใหม่ ส่งผลให้ 2 นักบินของยาน Starliner กลับโลกช้าลง appeared first on THE STANDARD.

]]>

NASA เลื่อนส่งนักบินอวกาศชุดใหม่ไปสถานีอวกาศนานาชาติ ส่งผลให้ 2 นักบินอวกาศที่ออกเดินทางไปกับยานอวกาศ Starliner ต้องใช้เวลาอยู่นอกโลกนานกว่าเดิมอีก 1 เดือนเป็นอย่างน้อย

 

ตามแผนการเดิม ยาน Crew Dragon ของ SpaceX ในภารกิจ Crew-10 มีกำหนดขึ้นบินในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 แต่เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม NASA ตัดสินใจเลื่อนการออกเดินทางออกไปในช่วงปลายเดือนมีนาคม 2025 แทน เพื่อให้มีเวลาเตรียมความพร้อมของยานอวกาศลำใหม่เพิ่มเติม

 

ภารกิจ Crew-10 ประกอบด้วยผู้บัญชาการ แอนนี แมคเคน กับนักบิน นิโคล อายเยอร์ส จาก NASA โดยมีผู้เชี่ยวชาญภารกิจชาวญี่ปุ่น ทาคุยะ โอนิชิ ของ JAXA และ คิริล เปสคอฟ จากหน่วยงานอวกาศรัสเซีย หรือ ROSCOSMOS โดยลูกเรือทั้ง 4 คนจะขึ้นไปสับเปลี่ยนบทบาทกับนักบินอวกาศภารกิจ Crew-9 ที่รอส่งมอบงาน และเตรียมความพร้อมให้ลูกเรือชุดใหม่เข้ามารับช่วงต่อ

 

ด้วยเหตุเช่นนี้ทำให้การเดินทางกลับโลกของ นิค เฮก กับ อเล็กซานเดอร์ กอร์บูนอฟ รวมถึง บุตช์ วิลมอร์ และ ซูนี วิลเลียมส์ สองนักบินอวกาศที่เดินทางไปสถานีอวกาศกับยาน Starliner ของบริษัท Boeing ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2025 อาจได้ใช้เวลาอยู่บนอวกาศนานถึง 10 เดือนด้วยกัน

 

แต่กระนั้นนักบินอวกาศสามารถอยู่อาศัยบนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นระยะเวลายาวนานได้ โดยมีอากาศหายใจ ระบบพยุงชีพ อาหาร น้ำดื่ม และยานอวกาศ เพื่อรองรับลูกเรือทุกคน ซึ่ง โอเล็ก โคโนเนนโก และ นิโคไล ชุบ สองนักบินอวกาศรัสเซีย สร้างสถิติการอยู่อาศัยบนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นเวลา 373 วัน ก่อนเดินทางกลับโลกเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา 

 

นอกจากนี้ NASA ระบุในแถลงการณ์ว่า มีการนำส่งสิ่งของพิเศษเพื่อให้ลูกเรือได้ร่วมฉลองเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่จากบนสถานีอวกาศนานาชาติได้เช่นกัน พร้อมกันนี้หากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันใดๆ เกิดขึ้น นักบินอวกาศทุกคนสามารถโดยสารยานของตนเองเพื่ออพยพกลับโลกได้โดยทันที ไม่มีการ ‘ติด’ อยู่บนอวกาศแต่อย่างใด

 

ภาพ: NASA

อ้างอิง:

The post NASA เลื่อนส่งนักบินอวกาศชุดใหม่ ส่งผลให้ 2 นักบินของยาน Starliner กลับโลกช้าลง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปข้อมูลการพบแสงประหลาดเหนือท้องฟ้าไทย มาจากเครื่องยนต์จรวดสหรัฐฯ-จีน https://thestandard.co/mysterious-lights-thailand-sky-us-china-rocket-engine/ Thu, 26 Dec 2024 02:18:46 +0000 https://thestandard.co/?p=1023920 แสงประหลาด

ในช่วงหัวค่ำวันที่ 16 และ 21 ธันวาคม มีรายงานการพบเห็นแ […]

The post สรุปข้อมูลการพบแสงประหลาดเหนือท้องฟ้าไทย มาจากเครื่องยนต์จรวดสหรัฐฯ-จีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
แสงประหลาด

ในช่วงหัวค่ำวันที่ 16 และ 21 ธันวาคม มีรายงานการพบเห็นแสงประหลาดสีขาวพร่ามัวเหนือท้องฟ้าหลายพื้นที่ทั่วประเทศไทย นำไปสู่การตั้งคำถามถึงที่มาของแสงปริศนาดังกล่าว

 

จากการตรวจสอบข้อมูลผ่านภาพถ่ายและวิดีโอที่ปรากฏบนโซเชียลมีเดีย พบว่าเหตุการณ์ทั้งสองเป็นช่วงเวลาที่มีการเดินเครื่องยนต์ของจรวด โดยแสงดังกล่าวสะท้อนเข้ากับแสงจากดวงอาทิตย์ ส่งผลให้ผู้คนบนโลกสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้

 

สำหรับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม เกิดขึ้นเวลาประมาณ 19.00 น. เป็นแสงที่มีลักษณะคล้ายกับดาวหางสว่าง ปรากฏเคลื่อนที่ไปทางทิศเหนือ โดยจากการตรวจสอบข้อมูลการปล่อยจรวด พบว่าสอดคล้องกับภารกิจนำส่งดาวเทียมชุดแรกของเครือข่ายดาวเทียม SatNet Guowang โดยจรวด Long March 5B จากฐานปล่อยดาวเทียม Wenchang ของประเทศจีน

 

แม้เวลาการปล่อยจรวด Long March 5B เกิดขึ้นในช่วงเวลา 17.00 น. แต่จากการตรวจสอบ พบว่าภารกิจดังกล่าวใช้จรวดส่วนบน Yuanzheng-2 เพื่อนำพาดาวเทียมเข้าสู่วงโคจรต่ำรอบโลก หรือ Low Earth Orbit ซึ่งใช้เวลาประมาณ 90 นาทีในการโคจรรอบโลกครบ 1 รอบ สอดคล้องกับช่วงเวลาที่พบเห็นแสงปริศนาดังกล่าวเหนือท้องฟ้าประเทศไทย

 

ด้านเหตุการณ์วันที่ 21 ธันวาคม เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 19.40 น. พบเห็นแสงสีขาวที่ถูกห้อมล้อมด้วยฝ้าอยู่รอบๆ คล้ายการเดินเครื่องยนต์ของจรวดเช่นเดียวกับวันที่ 16 ธันวาคม

 

จากการตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติม พบว่าบริษัท SpaceX นำส่งจรวด Falcon 9 ขึ้นบินในภารกิจ Bandwagon-2 สำหรับการนำส่งดาวเทียมจากหน่วยงานต่างๆ เข้าสู่วงโคจรต่ำรอบโลกเมื่อเวลา 18.34 น. โดยจรวดส่วนที่ 2 ของ Falcon 9 เดินเครื่องยนต์หลายครั้งหลังจากออกเดินทางขึ้นสู่วงโคจร เพื่อนำส่งดาวเทียมของลูกค้าเข้าสู่วงโคจรที่ต้องการ สอดคล้องกับช่วงเวลาและรูปร่างของแสงที่ปรากฏเหนือท้องฟ้าไทย

 

นอกจากนี้ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (NARIT) สมาคมดาราศาสตร์ไทย และนักดาราศาสตร์สมัครเล่นที่ติดตามการนำส่งวัตถุขึ้นสู่วงโคจร รายงานสอดคล้องกันว่า แสงประหลาดที่มองเห็นในวันที่ 16 ธันวาคม มาจากจรวด Long March 5B ของจีน และในวันที่ 21 ธันวาคม มาจากจรวด Falcon 9 โดยไม่ใช่ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น ฝนดาวตก ดาวหาง หรือดาวเคราะห์น้อยพุ่งใส่ชั้นบรรยากาศโลก

 

ทั้งนี้ การมองเห็นลำแสงจากเครื่องยนต์ของจรวดไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ โดยเฉพาะภารกิจที่มีการเดินเครื่องยนต์ในช่วงเวลาหัวค่ำ และมีวิถีโคจรผ่านน่านฟ้าของไทย อย่างเช่นเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม เมื่อจรวด Ariane 5 นำส่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศเจมส์ เว็บบ์ ก็มีรายงานการพบเห็นช่วงเวลาที่จรวดเดินเครื่องยนต์จากพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทยเช่นกัน

 

สำหรับในปี 2024 มีการนำส่งจรวดขึ้นสู่วงโคจรรวมทั้งสิ้น 255 เที่ยวบิน (สถิติ ณ วันที่ 25 ธันวาคม) นับเป็นศักราชที่นำส่งจรวดสำหรับภารกิจไปโคจรรอบโลกได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ ทำให้มีโอกาสมองเห็นแสงจากเครื่องยนต์จรวดได้มากกว่าเดิม โดยจรวดส่วนที่ 2 เหล่านี้มักอยู่สูงมากกว่า 100 กิโลเมตรจากพื้นดิน และไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อผู้สังเกตจากพื้นโลก

 

ภาพ: NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ

อ้างอิง:

The post สรุปข้อมูลการพบแสงประหลาดเหนือท้องฟ้าไทย มาจากเครื่องยนต์จรวดสหรัฐฯ-จีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
21 ธันวาคม วันเหมายัน กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี https://thestandard.co/winter-solstice-21-dec-2024/ Fri, 20 Dec 2024 02:33:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1021692 วันเหมายัน

วันที่ 21 ธันวาคมนี้ เป็นวันเหมายัน (อ่าน เห-มา-ยัน) หร […]

The post 21 ธันวาคม วันเหมายัน กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
วันเหมายัน

วันที่ 21 ธันวาคมนี้ เป็นวันเหมายัน (อ่าน เห-มา-ยัน) หรือ Winter Solstice มีกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี เช่นเดียวกับเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะปรากฏอ้อมไปทางทิศใต้มากที่สุด

 

เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเนื่องจากการเอียงทำมุม 23.5 องศาของแกนโลกระหว่างโคจรรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้แต่ละพื้นที่บนโลกได้รับแสงอาทิตย์ไม่เท่ากัน เกิดเป็นฤดูกาลต่างๆ โดยในช่วงวันที่ 20-23 ธันวาคมของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่แกนโลกในซีกโลกเหนือเอียงออกจากดวงอาทิตย์มากสุด ส่งผลให้ประเทศทางซีกโลกเหนือนับวันเหมายัน เป็นวันที่เข้าสู่ฤดูหนาว 

 

โดยวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคมนี้ ประเทศไทยดวงอาทิตย์จะขึ้นจากขอบฟ้าเวลา 06.36 น. และตกเวลาประมาณ 17.55 น. ทำให้มีเวลาช่วงกลางวันเพียง 11 ชั่วโมง 19 นาที โดยวันดังกล่าวจะสังเกตเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันออกเฉียงไปทางใต้มากที่สุด และตกทางทิศตะวันตกเฉียงไปทางใต้มากที่สุดของปี

 

ในเวลาเดียวกัน ประเทศที่อยู่ในซีกโลกใต้จะเป็นช่วงเวลาที่แกนโลกเอียงเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในรอบปี และนับเป็นวันเข้าสู่ฤดูร้อน โดยจะสลับกันอีกครั้งในวันครีษมายัน หรือ Summer Solstice ระหว่างวันที่ 20-23 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันที่ประเทศซีกโลกเหนือเข้าสู่ฤดูร้อน และซีกใต้เข้าสู่ฤดูหนาวแทน

 

สำหรับปรากฏการณ์ถัดไปที่มีความเกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตกของดวงอาทิตย์ คือวันวสันตวิษุวัต ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 20 มีนาคม 2025 เป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันออกและตกทางทิศตะวันตกพอดี โดยกลางวันและกลางคืนจะยาวนานเท่ากัน ณ เส้นศูนย์สูตร และเป็นวันเปลี่ยนฤดูกาลเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วงของประเทศทางซีกโลกเหนือ และเปลี่ยนสู่ฤดูใบไม้ผลิของประเทศในซีกโลกใต้

 

ภาพ: NASA’s Goddard Space Flight Center

อ้างอิง:

 

The post 21 ธันวาคม วันเหมายัน กลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยาน Parker Solar Probe เตรียมทำสถิติบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด 24 ธันวาคมนี้ https://thestandard.co/parker-solar-probe-closest-flyby/ Fri, 20 Dec 2024 00:44:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1021682 ยาน Parker Solar Probe

วันที่ 24 ธันวาคมนี้ ยานอวกาศ Parker Solar Probe ของ NA […]

The post ยาน Parker Solar Probe เตรียมทำสถิติบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด 24 ธันวาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ยาน Parker Solar Probe

วันที่ 24 ธันวาคมนี้ ยานอวกาศ Parker Solar Probe ของ NASA เตรียมสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เป็นภารกิจที่เดินทางเข้าไปเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด นับตั้งแต่ที่มนุษย์เคยส่งยานอวกาศเดินทางไปสำรวจตลอดช่วงเกือบ 70 ปีที่ผ่านมา

 

ด้วยระยะห่างเพียง 6,160,000 กิโลเมตรจากพื้นผิวดวงอาทิตย์ หรือชั้นบรรยากาศโพโตสเฟียร์ (Photosphere) ยาน Parker Solar Probe จะเผชิญกับอุณหภูมิสูงกว่า 930 องศาเซลเซียส ขณะพุ่งเข้าไปสำรวจในชั้นโคโรนาของดวงอาทิตย์ เพื่อเพิ่มความเข้าใจที่เรามีเกี่ยวกับดาวฤกษ์หนึ่งเดียวในระบบสุริยะดวงนี้

 

ก่อนที่ยาน Parker Solar Probe จะเริ่มออกเดินทางไปสำรวจในวันที่ 12 สิงหาคม 2018 สถิติเดิมของยานอวกาศที่เข้าไปเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ตกเป็นของยาน Helios 2 ที่ทำไว้ 42,730,000 กิโลเมตร ในเดือนเมษายน 1976 ส่วนการเฉียดใกล้ครั้งก่อนหน้านี้ของยาน Parker Solar Probe อยู่ที่ระยะห่าง 7,260,000 กิโลเมตรด้วยกัน

 

ในเวลาเดียวกัน ยาน Parker Solar Probe จะทุบสถิติเป็นยานอวกาศที่เดินทางได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยความเร็วสูงถึง 690,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือสามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ได้ใน 3 วินาที

 

ยานอวกาศลำนี้ใช้เทคนิค Gravity Assist หรือการบินเฉียดผ่านดาวศุกร์ เพื่อนำแรงโน้มถ่วงของดาวเคราะห์ฝาแฝดโลกช่วยลดจุด Perihelion หรือจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดลง โดยหลังการเฉียดใกล้ในวันคริสต์มาสอีฟ 2024 NASA มีแผนให้ Parker Solar Probe บินเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์อีกอย่างน้อย 2 ครั้ง ได้แก่ วันที่ 22 มีนาคม และ 19 มิถุนายน 2025

 

หลังการเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ครั้งสุดท้าย คาดการณ์ว่าภารกิจของยานอวกาศลำนี้จะสิ้นสุดลง เนื่องจากไม่เหลือเชื้อเพลิงให้ใช้ในการปรับตำแหน่งของ Parker Solar Probe ให้แผ่นกันความร้อนคอยปกป้องยานได้อีกต่อไป จนถูกแรงดันและความร้อนจากดวงอาทิตย์หลอมละลายไปจนเกือบหมดในท้ายที่สุด

 

ภาพ: NASA / Johns Hopkins APL / Steve Gribben

อ้างอิง:

 

The post ยาน Parker Solar Probe เตรียมทำสถิติบินเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด 24 ธันวาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>