News – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 06 May 2025 13:50:12 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 อัศวิน หัวเรือใหญ่ Big C รับ นักท่องเที่ยวจีนหายไปกระทบยอดขายสาขาในย่านท่องเที่ยว https://thestandard.co/bigc-chinese-tourist-impact/ Tue, 06 May 2025 13:50:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1071813 bigc-chinese-tourist-impact

อัศวิน หัวเรือใหญ่ Big C เผยนักท่องเที่ยวจีนหายไป กระทบ […]

The post อัศวิน หัวเรือใหญ่ Big C รับ นักท่องเที่ยวจีนหายไปกระทบยอดขายสาขาในย่านท่องเที่ยว appeared first on THE STANDARD.

]]>
bigc-chinese-tourist-impact

อัศวิน หัวเรือใหญ่ Big C เผยนักท่องเที่ยวจีนหายไป กระทบยอดขายบิ๊กซี สาขาจุดแลนด์มาร์กใจกลางเมือง พร้อมประเมินเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า ฉุดกำลังซื้อในประเทศ เดินหน้าบุกหนักตลาดต่างประเทศ

 

อัศวิน เตชะเจริญวิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ฉายภาพว่า ภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้คนในประเทศ ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี โดยเฉพาะในเดือนเมษายนที่ผ่านมา บรรยากาศการจับจ่ายไม่ค่อยคึกคักถ้าเทียบกับปีก่อน ส่วนหนึ่งพ่อแม่ ผู้ปกครองก็เก็บเงินไว้ซื้อของให้ลูกในช่วงก่อนเปิดเทอม

 

อีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญคือ สถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กำลังปั่นป่วนจากภาษีสหรัฐฯที่ยังไม่รู้ว่าจะจบลงในรูปแบบไหน และยังไม่มีความชัดเจน สำหรับไทยเราเป็นประเทศขนาดกลาง แต่ทุกๆ อย่างก็ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจโลก ถ้าตกลงกันเรื่องภาษีได้

 

“ประเมินว่าครึ่งปีหลังน่าจะได้รับสัญญาณบวก แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ ครึ่งปีหลังจนถึงครึ่งปีหน้าก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดมีผลต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ทุกคนเตรียมพร้อมกับความยากลำบากที่จะเกิดขึ้น ทำให้มีการลดการใช้จ่าย ต้องยอมรับว่ากระทบค้าปลีกทั้งตลาด ทั้งบิ๊กซีและคู่แข่ง” อัศวิน ย้ำ

 

พร้อมกล่าวต่อไปว่า ‘บิ๊กซี’ ในบางสาขาที่เน้นจับนักท่องเที่ยวโดยตรง เช่น ราชดำริ และรัชดา นั้นได้รับผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง จากเดิมแล้วในช่วงเริ่มต้นเดือนพฤษภาคม นักท่องเที่ยวจีนจะเข้ามาจำนวนมาก แต่ปัจจุบันหายไปค่อนข้างมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะนโยบายของจีนที่กระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ

 

ความท้าทายรอบด้านที่เกิดขึ้น ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นแบบไหนยังมีการลงทุนต่อเนื่อง เพียงแต่ในปีนี้จะไปบุกหนักตลาดในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะเวียดนาม และมองหาโอกาสขยายไปยังตลาดใหม่ๆ จากเดิมที่ได้ขยายไปฮ่องกง, กัมพูชา, สปป.ลาว และเวียดนามแล้ว

 

พร้อมปรับกลยุทธ์ทั้งในแง่ของการหาสินค้า ราคาคุ้มค่าและการบริการเข้ามาตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยล่าสุดได้จัดแคมเปญ ‘ช้อปครบคุ้ม รับเปิดเทอมที่บิ๊กซี นำสินค้า Back to School กว่า 7,000 รายการมาลดราคาสูงสุด 50% คาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้มากกว่า 500 ล้านบาท และยังช่วยลดค่าครองชีพของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

 

ส่วนสาขาในแหล่งท่องเที่ยว ก็จะพยายามหาลูกค้าประเทศใหม่ๆ เข้ามาทดแทนจีน ส่วนการขยายสาขายังเดินหน้าตามแผนเดิม ที่ผ่านมามีการขยายสาขาใหม่ๆ และรีโนเวตสาขาเดิมอยู่เป็นระยะๆ

The post อัศวิน หัวเรือใหญ่ Big C รับ นักท่องเที่ยวจีนหายไปกระทบยอดขายสาขาในย่านท่องเที่ยว appeared first on THE STANDARD.

]]>
AIS ไตรมาสแรก ‘ยังเจ๋ง’ กำไร 1 หมื่นล้าน ยืนหยัดท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน 5G แตะ 12.7 ล้านราย เน็ตบ้านพุ่ง 5.1 ล้านครัวเรือน https://thestandard.co/ais-q1-profit-2025/ Tue, 06 May 2025 13:43:25 +0000 https://thestandard.co/?p=1071810 ais-q1-profit-2025

AIS ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 โดยมีรายได้รวม […]

The post AIS ไตรมาสแรก ‘ยังเจ๋ง’ กำไร 1 หมื่นล้าน ยืนหยัดท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน 5G แตะ 12.7 ล้านราย เน็ตบ้านพุ่ง 5.1 ล้านครัวเรือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ais-q1-profit-2025

AIS ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2568 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 56,311 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 10,584 ล้านบาท ท่ามกลางความท้าทายของภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ผันผวนและการเปลี่ยนแปลงของบริบทโลกในมิติต่างๆ บริษัทยังคงสามารถรักษาระดับผลการดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลมาจากการให้ความสำคัญกับคุณภาพและการส่งมอบบริการดิจิทัลที่ตรงตามความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม

 

ในปี 2568 AIS ยังคงมุ่งปรับตัวการดำเนินธุรกิจให้สอดรับการเปลี่ยนแปลง พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแรง ทั้งโครงข่ายมือถือ 5G เน็ตบ้าน ระบบคลาวด์ และดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงการมุ่งเน้นคุณภาพและการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพตามวิสัยทัศน์การเป็นองค์กรเทคโนโลยีโทรคมนาคมอัจฉริยะ

 

ด้านธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ มีผู้ใช้บริการรวมอยู่ที่ 45.7 ล้านเลขหมาย โดยผู้ใช้งาน 5G เพิ่มขึ้นเป็น 12.7 ล้านเลขหมาย เติบโตขึ้น 708,500 เลขหมายจากไตรมาส 4/2567 พื้นที่ให้บริการ 5G มีความครอบคลุมมากกว่า 95% ของประชากรไทย จากการขยายโครงข่ายอัจฉริยะอย่างต่อเนื่องเพื่อยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้แก่ลูกค้า

 

สำหรับธุรกิจบรอดแบนด์ มีจำนวนลูกค้าเน็ตบ้าน AIS 3BB FIbre3 เติบโตขึ้น 59,700 ราย ทำให้มีผู้ใช้บริการรวมอยู่ที่ 5.1 ล้านราย โดยยังคงมุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านบรอดแบนด์ไฟเบอร์ให้ครอบคลุมการใช้งานในทุกบ้าน ทุกธุรกิจ ทั้งแพ็กเกจ Super FAST แพ็กเกจ HOME FibreLAN รวมถึงขีดความสามารถจากนวัตกรรมเน็ตบ้านที่จะยกระดับบ้านให้เป็น Smart Home ด้วยอุปกรณ์ IoT ต่างๆ

 

ส่วนธุรกิจบริการลูกค้าองค์กร มีอัตราการเติบโตรายได้อยู่ที่ 12% ซึ่งปัจจุบันมีความพร้อมรองรับการขยายตัวของการลงทุนด้านดิจิทัลในไทย ด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล โดยเฉพาะบริการ AI และคลาวด์ รวมถึงการเตรียมเปิดบริการผ่านการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์ระดับโลกอย่าง Oracle Cloud และ GSA Data Center ภายในครึ่งปีแรกนี้

The post AIS ไตรมาสแรก ‘ยังเจ๋ง’ กำไร 1 หมื่นล้าน ยืนหยัดท่ามกลางเศรษฐกิจผันผวน 5G แตะ 12.7 ล้านราย เน็ตบ้านพุ่ง 5.1 ล้านครัวเรือน appeared first on THE STANDARD.

]]>
เงินเฟ้อไทยพลิก ‘ติดลบ’ ครั้งแรกในรอบ 13 เดือน แทบรั้งท้ายอาเซียน สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ? https://thestandard.co/thai-inflation-negative-2025/ Tue, 06 May 2025 13:10:12 +0000 https://thestandard.co/?p=1071799 thai-inflation-negative-2025

อัตราเงินเฟ้อไทยเมษายนพลิก ‘ติดลบ’ ครั้งแรกในรอบ 13 เดื […]

The post เงินเฟ้อไทยพลิก ‘ติดลบ’ ครั้งแรกในรอบ 13 เดือน แทบรั้งท้ายอาเซียน สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ? appeared first on THE STANDARD.

]]>
thai-inflation-negative-2025

อัตราเงินเฟ้อไทยเมษายนพลิก ‘ติดลบ’ ครั้งแรกในรอบ 13 เดือน! ต่ำกว่าเป้าแบงก์ชาติ 3 เดือนติด แต่กระทรวงพาณิชย์ยืนยัน ไทย ‘ยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด’ ธนาคารโลก (World Bank) มอง เงินเฟ้อไทยแทบรั้งท้ายอาเซียนสะท้อน อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ

 

วันนี้ (6 พฤษภาคม) พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ เผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของไทย (Headline CPI) เดือนเมษายน 2568 เท่ากับ 100.14 เมื่อเทียบกับเดือนเมษายน 2567 ซึ่งเท่ากับ 100.36 ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลงหรือ ‘ติดลบ’ 0.22% (YoY) โดยมาจากปัจจัยหลัก ดังนี้

 

  • การลดลงของราคาสินค้าในกลุ่มพลังงาน ได้แก่ แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน และค่ากระแสไฟฟ้า ตามสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลก 
  • มาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพของภาครัฐ
  • การลดลงของราคาผักสด และไข่ไก่ เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนน้อยกว่าปีก่อน

 

อย่างไรก็ตาม พูนพงษ์กล่าวว่า ราคาสินค้าอาหารบางชนิดปรับตัวสูงขึ้น อาทิ เนื้อสุกร อาหารสำเร็จรูป และเครื่องประกอบอาหาร สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

 

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งเป็นอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เมื่อหักอาหารสดและพลังงานออก สูงขึ้น 0.98% (YoY) เร่งตัวขึ้นจากเดือนมีนาคม 2568 ที่สูงขึ้น 0.86% (YoY)

 

เปิดตัวเลขเงินเฟ้อย้อนหลัง: พบติดลบครั้งแรกรอบ 13 เดือน

 

  • มกราคม 2567: -1.11%
  • กุมภาพันธ์ 2567: -0.77%
  • มีนาคม 2567: -0.47%
  • เมษายน 2567: 0.19%
  • พฤษภาคม 2567: 1.54%
  • มิถุนายน 2567: 0.62%
  • กรกฎาคม 2567: 0.83%
  • สิงหาคม 2567: 0.35%
  • กันยายน 2567: 0.61%
  • ตุลาคม 2567: 0.83%
  • พฤศจิกายน 2567: 0.95%
  • ธันวาคม 2567: 1.23%
  • มกราคม 2568: 1.32%
  • กุมภาพันธ์ 2568: 1.08%
  • มีนาคม 2568: 0.84%
  • เมษายน 2568: -0.22%

 

ส่องเงินเฟ้อไทย ‘ติดลบ’ ครั้งแรกในรอบ 13 เดือน

 


 

เงินเฟ้อทั่วไปไทย vs. ต่างประเทศ World Bank มองอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ 

 

ข้อมูลล่าสุดเดือนมีนาคม 2568 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป

ของไทยสูงขึ้น 0.84% (YoY) ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 24 จาก 134 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข (ได้แก่ บรูไน สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สปป.ลาว) 

 

  • 🇧🇳บรูไน -0.5%
  • 🇹🇭ไทย 0.84%
  • 🇸🇬สิงคโปร์ 0.9%
  • 🇮🇩อินโดนีเซีย 1.03%
  • 🇲🇾มาเลเซีย 1.4%
  • 🇵🇭ฟิลิปปินส์ 1.8%
  • 🇻🇳เวียดนาม 3.13%
  • 🇱🇦สปป.ลาว 11.2%

 

ในรายงานภาวะเศรษฐกิจรายเดือนของไทย (Thailand Monthly Economic Monitor) ของธนาคารโลก (World Bank) ฉบับล่าสุด เมื่อวันที่ 22 เมษายนระบุว่า อัตราเงินเฟ้อไทยเมื่อเดือนมีนาคม ยังคงเป็นระดับต่ำในกลุ่มอาเซียน โดยการลดลงดังกล่าวเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย โดยได้รับแรงหนุนจากต้นทุนเชื้อเพลิง ค่าสาธารณูปโภค และค่ารักษาพยาบาลที่ลดลง ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ลดลง 0.9% ซึ่งสะท้อนถึงอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ 

 

เงินเฟ้อไทยแทบ ‘รั้งท้าย’ อาเซียน

 


 

เปิดแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เผยจ่อปรับค่ากลางเงินเฟ้อทั้งปีลง

 

พูนพงษ์กล่าวถึงแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2568 คาดว่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงกับเดือนเมษายน 2568 และมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2

 

โดยมีปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ได้แก่

  • ราคาน้ำมันดิบดูไบในตลาดโลกต่ำกว่าปีก่อนหน้าอย่างมีนัยสำคัญ และจะส่งผลให้ราคาแก๊สโซฮอล์ภายในประเทศปรับตัวลดลงทิศทางเดียวกัน
  • ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดราคาค่ากระแสไฟฟ้างวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2568 ลง 17 สตางค์ เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย
  • ฐานราคาผักสดในปีก่อนหน้าที่อยู่ระดับสูง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ ขณะที่ในปี 2568 สภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการเพาะปลูกมากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตเข้าสู่ระบบเพิ่มขึ้น
  • การจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดของผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ

 

สำหรับปัจจัยสนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ได้แก่

  • ราคาน้ำมันดีเซลในประเทศปัจจุบันเท่ากับ 31.94 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน
  • ราคาสินค้าเกษตรบางชนิดและเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มสูงกว่าปีก่อนหน้า เช่น มะพร้าว มะขามเปียก กาแฟ เกลือป่น น้ำมันพืช และเนื้อสุกร 

 

พูนพงษ์ยังกล่าวว่า เตรียมปรับค่ากลางของประมาณการเงินเฟ้อทั่วไปของไทยปีนี้ลง โดยขอดูสถานการณ์เดือนหน้าก่อน หรือเมื่อข้อมูลมีความชัดเจนมากขึ้น

 

ยืนยัน ‘ไทย’ ไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด

 

พูนพงษ์กล่าวว่า ไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยหากพิจารณาจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) เดือนปัจจุบันยังคงอยู่ที่ 0.98% หมายความว่า ถ้าตัดกลุ่มพลังงาน ซึ่งมีสัดส่วนถึง 12% ในตะกร้าเงินเฟ้อเดือนนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวกอยู่ สะท้อนว่า ไทยยังไม่เข้าสู่ภาวะเงินฝืด

 

เปิดนิยามภาวะเงินฝืด

 

โดยตามนิยามของธนาคารกลางยุโรป (ECB) การจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืดได้ต้องเข้าเงื่อนไข 4 ข้อ ได้แก่ 

  1. อัตราเงินเฟ้อติดลบเป็นเวลานานพอสมควร (Prolonged Period) 
  2. อัตราเงินเฟ้อติดลบกระจายในหลายๆ หมวดสินค้าและบริการ
  3. การคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะยาวต่ำกว่าเป้าหมายระยะปานกลางอย่างมีนัย 
  4. อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจติดลบ และอัตราว่างงานมีแนวโน้มสูงขึ้น

 

ส่องคาดการณ์เงินเฟ้อไทยปี 2568

 

ปัจจุบัน สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) โฆษกกระทรวงพาณิชย์ คาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปของไทยปี 2568 อยู่ที่ 0.3-1.3% โดยมีค่ากลางอยู่ที่ 0.8% เช่นเดียวกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง

 

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่ากรอบเป้าหมายจากราคาน้ำมันดิบโลกและมาตรการภาครัฐ ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาค่าครองชีพและลดต้นทุนของภาคธุรกิจ

 

อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มทรงตัวและเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางยังยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย ทั้งนี้ นโยบายกีดกันทางการค้าและการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่การผลิตโลกอาจส่งผลต่อแนวโน้มเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า

 

โดยคาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 ของธปท.อยู่ที่ 0.5% ใน Reference Scenario ซึ่งเป็นฉากทัศน์ที่การเจรจาทางการค้ามีความยืดเยื้อและภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ใกล้เคียงกับอัตราปัจจุบัน และ 0.2% ใน Alternative Scenario ซึ่งเป็นฉากทัศน์ที่สงครามการค้ารุนแรงมากและภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ อยู่ในอัตราที่สูง

 

เปิดคาดการณ์เงินเฟ้อไทยปี 2568

 


 

รู้จักตะกร้า CPI ไทยมีสินค้ามีอะไรบ้าง? 

 

ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ Consumer Price Index (CPI) เป็นตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ใช้วัดระดับราคาสินค้าและบริการที่ผู้บริโภคซื้อในช่วงเวลาหนึ่ง โดยเปรียบเทียบกับช่วงเวลาอื่นๆ เพื่อดูว่าอัตราเงินเฟ้อ (Inflation) เพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร

 

โดยดัชนีราคาผู้บริโภคคำนวณจากราคาของสินค้าและบริการใน ตะกร้าสินค้า (Basket of Goods) ซึ่งเป็นสินค้าที่ผ่านการสำรวจของกระทรวงพาณิชย์ว่าสินค้าชนิดใดที่ประชาชนมีการบริโภคเป็นสัดส่วนใหญ่

 

ตามข้อมูลที่กระทรวงพาณิชย์เปิดเผย แบ่งออกเป็น 7 หมวดหมู่ ได้แก่ 

  1. อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ คิดเป็นสัดส่วน 39.00%
  2. เคหสถาน คิดเป็นสัดส่วน 24.69%
  3. พาหนะ การขนส่ง และการสื่อสาร คิดเป็นสัดส่วน 22.57%
  4. การตรวจรักษาและบริการส่วนบุคคล คิดเป็นสัดส่วน 6.38%
  5. การบันเทิง การอ่าน การศึกษา ฯลฯ คิดเป็นสัดส่วน 4.02%
  6. เครื่องนุ่งห่มและรองเท้า คิดเป็นสัดส่วน 2.10%
  7. ยาสูบและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คิดเป็นสัดส่วน 1.24%

 

ทั้งนี้ สินค้าในตะกร้ามีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชน โดยรายการสินค้าที่ถูกปรับเปลี่ยนในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคครั้งล่าสุด ตัวอย่างเช่น 

 

โดยเมื่อต้นปี 2568 มีรายการเพิ่มใหม่ ได้แก่ ส้มโอ ปลาแซลมอน น้ำปลาร้า (ปรุงสำเร็จ) และชุดสุกี้พร้อมทาน รถพลังงานไฟฟ้า (EV) ชุดตรวจโควิด (ATK) ถุงยางอนามัย ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า (คลีนซิ่ง) ค่าสมาชิกฟิตเนส ค่าสมาชิกดูหนังฟังเพลงออนไลน์ ค่าคนดูแลผู้สูงอายุ และค่ารักษาพยาบาลสัตว์ (โปรแกรมวัคซีนรักษาสัตว์รวม)

 

โดยเมื่อต้นปี 2568 มีรายการตัดออก ได้แก่ เป็ดพะโล้ เส้นหมี่ แหนม และลูกอม แบตเตอรี่สำรอง มุ้ง ค่าอะไหล่รถยนต์ กระเป๋าถือ ค่าแรงช่างไฟฟ้า ค่าแรงช่างประปา ค่าโดยสารรถสามล้อเครื่อง และค่าสมาชิกเคเบิลทีวี

 

รู้จักตะกร้า CPI ไทยมีสินค้าอะไรบ้าง?

 

ภาพประกอบ: ธิดามาศ เขียวเหลือ

The post เงินเฟ้อไทยพลิก ‘ติดลบ’ ครั้งแรกในรอบ 13 เดือน แทบรั้งท้ายอาเซียน สะท้อนอุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอ? appeared first on THE STANDARD.

]]>
สมรสเท่าเทียมสู่ ‘Rainbow Economy’ คาด Bangkok Pride 2025 ฟื้นนักท่องเที่ยวกลับมา 3 แสนคน กระตุ้นเศรษฐกิจ 4.5 พันล้านบาท https://thestandard.co/bangkok-pride-2025-tourism/ Tue, 06 May 2025 12:59:50 +0000 https://thestandard.co/?p=1071795 bangkok-pride-2025-tourism

รัฐ-เอกชน ดัน Bangkok Pride Festival ดึงดูดนักท่องเที่ย […]

The post สมรสเท่าเทียมสู่ ‘Rainbow Economy’ คาด Bangkok Pride 2025 ฟื้นนักท่องเที่ยวกลับมา 3 แสนคน กระตุ้นเศรษฐกิจ 4.5 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
bangkok-pride-2025-tourism

รัฐ-เอกชน ดัน Bangkok Pride Festival ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกเข้าไทย ปักหมุด Global Festival at Global Destination ‘ส.อ.ท.’ ดันขึ้นแท่นอุตสาหกรรมใหม่ คาดปีนี้กระตุ้นเศรษฐกิจ 4.5 พันล้านบาท ดึงนักท่องเที่ยว 3 แสนคน เอกชนชี้ สมรสเท่าเทียมสร้าง ‘Rainbow Economy’ เผยหากกฎหมายรับรองเพศสภาพผ่าน เพิ่มการจ้างงานอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 76,000 ตำแหน่ง

 

พิมพ์ใจ ลี้อิสสระนุกูล ประธานสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และซอฟต์พาวเวอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. มองเห็นศักยภาพของความคิดสร้างสรรค์ในฐานะกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยสามารถยกระดับและเพิ่มมูลค่าให้อุตสาหกรรมดั้งเดิม (First Industries) ที่ร่วมสมัยและตอบโจทย์ตลาดต่อยอดไปสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมใหม่ (Next-Gen Industries)

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

 


 

“ปีนี้เป็นปีที่กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลแล้ว กลุ่ม LGBTQIA+ ถือเป็นกำลังสำคัญที่สะท้อนถึงพลัง ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในระดับองค์กรและระดับอุตสาหกรรม ที่ถือเป็นอุตสาหกรรมใหม่ สะท้อนให้เห็นมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญ”

 

วาดดาว-อรรณว์ ชุมาพร ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท นฤมิตไพรด์ จำกัด ในฐานะผู้จัดงาน Bangkok Pride Festival กล่าวว่า หากดูจากความสำเร็จของการจัดงาน Bangkok Pride Festival ในปีที่ผ่านมา นอกจากแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็ง ความหลากหลาย ความรักที่ไม่มีข้อจำกัด ยังสร้างคอมมูนิตี้ LGBTQIA+ สู่เศรษฐกิจ อุตสาหกรรมซีรีส์วาย อุตสาหกรรมภาพยนตร์ การท่องเที่ยว ดังนั้นปีนี้รูปแบบของการจัดงานต่อยอดภายใต้ธีม Born This Way: การต่อสู้ที่เดินต่อไปจากสมรสเท่าเทียม สู่การรับรองอัตลักษณ์

 

วาดดาว-อรรณว์ ชุมาพร ประธานและผู้ก่อตั้ง บริษัท นฤมิตไพรด์ จำกัด

 

วาดดาวระบุอีกว่า ปีนี้คาดหวังว่าจะมีคนเข้ามาร่วมขบวนพาเหรดกับทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมากกว่า 300,000 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2023 ที่มีคนเข้าร่วมขบวนพาเหรด 100,000 คน และปี 2024 เพิ่มเป็นกว่า 250,000 คน และที่สำคัญจะเกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากกฎหมายสมรสเท่าเทียมในไทย ที่คาดว่าภายใน 2 ปี จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติได้ถึง 4 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่า 67 ล้านบาทต่อปี

 

อีกทั้งหากกฎหมายรับรองเพศสภาพผ่าน จะสามารถเพิ่มการจ้างงานใหม่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกว่า 76,000 ตำแหน่ง

 

“ปีนี้คาดว่างานนี้จะกระตุ้นเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 4.5 พันล้านบาท เราอยากให้ Bangkok Pride Festival 2025 เป็นมากกว่าเทศกาลแห่งชาติ เป็น Pride Destination ด้วยขบวนไพรด์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก และไทยจะเป็นอันดับ 1 ในเอเชียที่คนอยากมาร่วมขบวนไพรด์พาเหรดมากที่สุด”

 

วาดดาวระบุอีกว่า หลังไทยมีกฎหมายสมรสเท่าเทียม ปัจจุบันมีคู่รักจดทะเบียนสมรสมากถึง 15,231 คู่รัก ซึ่ง 11,478 คู่เป็นคู่หญิง-หญิง นี่จึงสะท้อนถึงการเปิดกว้างทั้งกฎหมายของไทย และในขณะเดียวกันก็เกิด ‘Rainbow Economy’ สร้างเศรษฐกิจใหม่ เป็นกลไกกระตุ้นเศรษฐกิจที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกอีกด้วย

 

ด้านฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า นอกจากปีนี้จะจัดที่กรุงเทพฯ จะต่อยอดการท่องเที่ยวไปยังเมืองรองทั่วประเทศ เช่น พัทยา, ชลบุรี, เชียงใหม่ และภูเก็ต

 

ทั้งนี้ ปี 2568 ททท. ตั้งเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศสำหรับตลาดระยะไกล (Long-haul) ไว้ที่ 10.6 ล้านคน แบ่งเป็นสัดส่วนตลาดนักท่องเที่ยวชาวยุโรป 7 ล้านคน, ชาวอเมริกัน 1.4 ล้านคน, ตะวันออกกลาง 1 ล้านคน และแอฟริกา 1.6 แสนคน

 

สรัลธร อัศเวศน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานบริหารธุรกิจ ศูนย์การค้า บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า กลุ่มสยามพิวรรธน์มีนโยบายส่งเสริมความหลากหลายและเห็นคุณค่าของความแตกต่าง ปีนี้จึงพร้อมสนับสนุนจัดงานในระดับ Global Festival at Global Destination ที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวสู่ Pride Parade ขบวนสีรุ้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศตลอดเส้นทางถนนพระรามที่ 1 ในวันที่ 1 มิถุนายน 2025 ซึ่งงานจะเริ่มตั้งแต่ 30 พฤษภาคม – 30 มิถุนายน 2025

 

สำหรับไทย ถือเป็นชาติแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ประกาศใช้กฎหมายสมรสเท่าเทียมอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 23 มกราคม 2025 การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงเป็นชัยชนะความหลากหลาย แต่ยังกลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อนาคตคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นถึง 4 ล้านคนต่อปี และสร้างรายได้เข้าประเทศมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์

The post สมรสเท่าเทียมสู่ ‘Rainbow Economy’ คาด Bangkok Pride 2025 ฟื้นนักท่องเที่ยวกลับมา 3 แสนคน กระตุ้นเศรษฐกิจ 4.5 พันล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิชัยยังไม่เคาะ เก็บ VAT ธุรกิจรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท ชี้ต้อง ‘ทบทวน’ ทั้งหมด https://thestandard.co/pichai-vat-review-small-business-threshold/ Tue, 06 May 2025 11:57:53 +0000 https://thestandard.co/?p=1071760 พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง ให้สัมภาษณ์เรื่องแนวคิดการปรับปรุงการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT จาก ธุรกิจรายย่อย

วันนี้ (6 พฤษภาคม) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรั […]

The post พิชัยยังไม่เคาะ เก็บ VAT ธุรกิจรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท ชี้ต้อง ‘ทบทวน’ ทั้งหมด appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรัฐมนตรีคลัง ให้สัมภาษณ์เรื่องแนวคิดการปรับปรุงการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม VAT จาก ธุรกิจรายย่อย

วันนี้ (6 พฤษภาคม) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง แนวคิดการปรับปรุงการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยจะให้ธุรกิจที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปีแต่เกิน 1.5 ล้านต่อปีเสีย VAT 1% ว่า ต้องมีการ ‘ทบทวน’ ทั้งหมดทุกเรื่อง

 

สำหรับผลกระทบต่อธุรกิจรายย่อยในภาวะเศรษฐกิจแบบปัจจุบัน พิชัย โบกมือ ไม่ตอบคำถาม 

 

ส่วนกรอบเวลาว่าจะมีการทบทวนเสร็จเมื่อไร พิชัยกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่เคาะ ยังต้องดูทั้งหมดก่อน

The post พิชัยยังไม่เคาะ เก็บ VAT ธุรกิจรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท ชี้ต้อง ‘ทบทวน’ ทั้งหมด appeared first on THE STANDARD.

]]>
เมื่อเสียงปืนลั่น เสียงสันติภาพแผ่วลงหรือไม่? ประมวลสถานการณ์และจุดยืนต่อเหตุรุนแรงชายแดนภาคใต้ https://thestandard.co/violence-southern-thailand-peace-process/ Tue, 06 May 2025 11:50:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1071781 เหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและกระบวนการสันติภาพที่หยุดชะงักมาเกือบหนึ่งปี

ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 เหตุความสงบและคลื่นความ […]

The post เมื่อเสียงปืนลั่น เสียงสันติภาพแผ่วลงหรือไม่? ประมวลสถานการณ์และจุดยืนต่อเหตุรุนแรงชายแดนภาคใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เหตุความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและกระบวนการสันติภาพที่หยุดชะงักมาเกือบหนึ่งปี

ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2568 เหตุความสงบและคลื่นความรุนแรงถาโถมเข้าสู่พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกครั้ง ความขัดแย้งที่ไม่เคยจางหายกลับถูกตอกย้ำด้วยสถานการณ์น่าสะเทือนใจ ‘เหตุไม่สงบ’ เริ่มรุนแรงขึ้นจนเข้าขั้น ‘การก่อการร้าย’ โดยไม่ได้จำกัดอยู่เพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเท่านั้น แต่เสมือนว่าพุ่งเป้าไปที่พลเรือนและกลุ่มเปราะบาง ที่ตกเป็นเหยื่อของความขัดแย้งที่ฝังลึก

 

เสียงปืนปะทุ คร่าผู้บริสุทธิ์

 

เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2568 ขณะที่รถกระบะของตำรวจอำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา นำพระภิกษุและสามเณรออกบิณฑบาต คนร้ายสองคนขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ก่อนกราดยิงเข้ากระจกฝั่งซ้าย ทำให้สามเณรรูปหนึ่ง อายุ 16 ปี มรณภาพขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล และสามเณรรายอื่นได้รับบาดเจ็บอีก 5 รูป

ต่อมาเมื่อ 2 พฤษภาคม 2568 เกิดเหตุคนร้ายยิงประชาชนชาวไทยพุทธในพื้นที่อำเภอจะแนะ และอำเภอตากใบ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย และบาดเจ็บ 3 ราย โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตของเหตุการณ์ดังกล่าว มีหญิงชราอายุ 76 ปี ซึ่งพิการทางสายตา และเด็กหญิงอายุเพียง 9 ขวบ รวมอยู่ด้วย

 

สถานการณ์ยิ่งทวีความรุนแรง เมื่อมีรายงานการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดสืบสวนคดีความมั่นคง กองกำกับการสืบสวน ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เหตุเกิดบริเวณบ้านไอร์ซือเระ ตำบลช้างเผือก อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้บาดเจ็บ จำนวน 3 ราย และต่อมาเจ้าหน้าที่ 1 รายได้เสียชีวิตลง

 

BRN ย้ำไม่มีนโยบาย ‘พุ่งเป้าพลเรือน’

 

ในวันที่ 3 พฤษภาคม สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ พร้อมทั้งยืนยันเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการที่จะดำเนินมาตรการทุกวิถีทางเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ 

 

“สมช. ตระหนักดีว่า เพียงคำพูดไม่อาจทำให้บาดแผลที่เกิดขึ้นหายไป แต่ขอให้คำมั่นว่าภาครัฐจะทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอย่างถึงที่สุด และจะมุ่งผลักดันมาตรการคุ้มครองและปกป้องประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างเต็มกำลังความสามารถ” ส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ระบุ

 

ในอีกด้านหนึ่ง ขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) ซึ่งถูกเพ่งเล็งอย่างกว้างขวางว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อการสูญเสียชีวิตของพลเรือนผู้บริสุทธิ์ พร้อมทั้งยืนยันว่าเป้าหมายของการต่อสู้ของพวกเขาไม่ใช่การทำร้ายพลเรือน 

 

“BRN ขอเน้นย้ำว่า เราไม่มีนโยบายโจมตีเป้าหมายพลเรือน และยังคงยึดมั่นในหลักการของการต่อสู้ที่ให้เกียรติต่อชีวิต ศักดิ์ศรี และสิทธิมนุษยชนของทุกฝ่าย เป็นนโยบายการต่อสู้เพื่อเสรีภาพและศักดิ์ศรีของประชาชนมลายูปาตานี”

 

แถลงการณ์ของ BRN ยังระบุว่า จะยึดมั่นในสิทธิแห่งการกำหนดอนาคตตนเองของประชาชนมลายูปาตานี และจะเดินหน้าต่อสู้ต่อไปโดยเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากล และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ มุ่งเน้นการสร้างพื้นที่ทางการเมืองที่ยุติธรรมและครอบคลุม เพื่อให้ประชาชนสามารถกำหนดอนาคตของตนเองได้โดยปราศจากการกดขี่จากรัฐไทย

 

พร้อมเจรจาใต้เงื่อนไข รัฐไทยไม่แบ่งแยก

 

จากห่วงโซ่ของสถานการณ์ภาคใต้อันร้อนระอุ รัฐบาลไทยภายใต้การนำของ แพทองธาร ชินวัตร กำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนักจากสังคมทุกภาคส่วน โดยเฉพาะความคืบหน้าและประสิทธิภาพของกระบวนการเจรจาพูดคุยเพื่อสันติภาพ 

 

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงเงื่อนไขในการพูดคุยไว้ว่า “ต้องหยุดความรุนแรงจริงๆ ไม่ใช่เกมการเมือง”

 

รองนายกฯ ย้ำว่าไทยยินดีที่จะเจรจาพูดคุยภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญไทย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รัฐเป็นรัฐเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้น “การจะเจรจาเพื่อเป็นรัฐปาตานี หรือรัฐอะไรก็ตาม เราไม่พร้อมเจรจาด้วย” 

 

ขณะที่ พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มองกรณีที่ผู้สูญเสียเป็นชาวไทยพุทธจำนวนมาก ว่าขอให้มีการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ก่อน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของศาสนา แต่การกระทำกับกลุ่มเปราะบางเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง พร้อมย้ำว่า หลักการสูงสุดในการแก้ปัญหาคือ “ต้องเอาความปลอดภัยและอยู่ดีกินดีของประชาชนเป็นหลัก”

 

นอกจากนี้ภูมิธรรมยังมอบหมาย พล.อ. ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งเคยเป็นรองผู้บัญชาการทหารบก และอดีตเลขา สมช. ให้ลงพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 และหน่วยงานในพื้นที่ในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดการดำเนินการ ซึ่งที่ผ่านมาส่วนใหญ่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) เป็นผู้รับผิดชอบ 

 

สำหรับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า รัฐบาลไม่สนับสนุนความรุนแรงทุกรูป พร้อมมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องให้กำกับดูแลประเด็นนี้อย่างเข้มข้นแล้ว ทั้งนี้ ยังขอสื่อมวลชนช่วยในเรื่องแบ่งคำพูด เชื้อชาติ ศาสนา เพราะทุกคนก็คือคนที่มีครอบครัว ไม่ควรมาแบ่งแยก และความรุนแรงก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทุกชีวิตที่เสียไป มีคุณค่าและมีความหมายต้องช่วยกัน ทำความเข้าใจในเรื่องนี้ 

 

อย่างไรก็ตาม บิดาของนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ได้แสดงออกถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน และความพร้อมที่จะร่วมมือกันขับเคลื่อนกระบวนการพูดคุยสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งดูมีแนวโน้มดีขึ้น ก่อนเหตุรุนแรงจะหวนมาปะทุหนักข้ออีกครั้งหลังเดือนรอมฎอนผ่านพ้นไป

 

ฝ่ายค้านชี้ ความรุนแรงจะตอกย้ำอคติ

 

ด้านพรรคประชาชน แกนนำหลักของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ออกจดหมายเปิดผนึกในนามพรรค ซึ่งแสดงออกถึงการสนับสนุนให้เปิดพื้นที่เพื่อเจรจา โดยในช่วงหนึ่งใช้คำว่า “ขบวนการที่คิดว่ากำลังต่อสู้เพื่อพี่น้องมลายูมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร องค์กรไหน”

 

พรรคประชาชนชี้ว่า การสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์เป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักศาสนา กฎหมาย และมนุษยธรรมระหว่างประเทศ อีกทั้งยังส่งผลร้ายแรงต่อการสร้างสันติภาพและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ ความรุนแรงต่อพลเรือนจะสร้างความเกลียดชังและอคติต่อชาวมลายูมุสลิม บดบังความเข้าใจในความอยุติธรรมที่พวกเขาเคยได้รับ ผลักสังคมไปสู่การตอบโต้ที่ไม่สิ้นสุด และบ่อนทำลายความชอบธรรมทางการเมืองของการต่อสู้ 

 

“พรรคประชาชนจึงเรียกร้องให้หยุดการสังหารพลเรือนโดยทันที ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขสำคัญต่อการพูดคุยสันติภาพ และขบวนการต่อสู้ต้องแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองและแสดงความพร้อมที่จะใช้กระบวนการทางการเมืองในการแก้ไขปัญหา”

 

พรรคประชาชนยังมีความเห็นต่อรัฐบาลว่า การที่ความรุนแรงปะทุขึ้นอีกครั้งอาจมีสาเหตุจากความไม่ชัดเจนในยุทธศาสตร์ของรัฐบาลเกี่ยวกับการสร้างความยุติธรรม นิติรัฐ และสันติภาพ โดยเฉพาะการปล่อยให้กระบวนการพูดคุยหยุดชะงักไปเกือบ 1 ปี พรรคประชาชนจึงเรียกร้องให้รัฐบาลกลับมาสานต่อกระบวนการพูดคุยโดยเร็ว โดยต้องรับฟังเสียงประชาชนทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ และจัดเวทีคู่ขนานเพื่อให้ทั้งชาวพุทธและมุสลิมมีส่วนร่วมและเป็นเจ้าของกระบวนการสันติภาพร่วมกัน

 

ขณะเดียวกัน กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม ได้วิจารณ์ทั้งการดำเนินการที่เพิกเฉยของรัฐบาลไทย พร้อมประณามการกระทำของผู้ก่อเหตุร้าย ซึ่งหากเป็น BRN จริง กัณวีร์ชี้ว่า การสังหารผู้บริสุทธิ์คือการทำลายกระบวนการสันติภาพของกลุ่มที่อ้างว่าตนเองเป็นนักรบ จะยิ่งทำให้คนในพื้นที่ระแวง หวาดกลัว และจะไม่มีใครยอมรับ 

 

“รัฐไทยก็ทำให้มืด คู่เจรจาอย่าง BRN ก็ทำให้มืด แล้วประชาชนเจ้าของพื้นที่ที่ต้องอยู่กับปัญหาทุกวัน จะหาแสงสว่างของสันติภาพได้จากไหน สถานการณ์มันกลายเป็นอาชญากรรมสงครามเป็นที่เรียบร้อยแล้ว” กัณวีร์ระบุในช่วงหนึ่ง

 

คนพื้นที่ประสานเสียง ต้องการเจรจา

 

ดร.ชญานิษฐ์ พูลยรัตน์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ให้มุมมองว่า การหยุดชะงักของกระบวนการเจรจาสันติภาพที่ยาวนานเกือบ 1 ปี เป็นปัจจัยสำคัญที่อาจนำไปสู่การปะทุของความรุนแรงระลอกใหม่ ข้อมูลจาก Deep South Watch ที่แสดงให้เห็นถึงสถิติเหตุการณ์ความไม่สงบที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่มีการเริ่มต้นกระบวนการเจรจาในปี 2556 เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่า การพูดคุยเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดความรุนแรง 

 

ดร.ชญานิษฐ์ ยังวิพากษ์วิจารณ์เงื่อนไขของรัฐบาลในการพูดคุยกับ ‘ตัวจริง’ ว่าเป็นอุปสรรคต่อการเริ่มต้นกระบวนการ และตั้งคำถามถึงความพยายามของรัฐบาลในการทำความเข้าใจโครงสร้างและความซับซ้อนของกลุ่มต่างๆ ในพื้นที่ นอกจากนี้เธอยังเตือนถึงอันตรายของกระแสการสร้างความเกลียดชังแบบเหมารวมต่อชาวมุสลิม ซึ่งจะยิ่งทำให้สันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อม

 

“ท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น หากยังไม่เกิดกระบวนการพูดคุยกันอีก อาจแปลความได้ว่าทั้งรัฐบาลไทยและขบวนการติดอาวุธไม่ได้มีเจตจำนงที่จะสร้างสันติภาพอย่างแท้จริง ผลคือความชอบธรรมของทั้งรัฐบาลและขบวนการจะลดลงเรื่อยๆ และทั้งสองฝ่ายก็จะไม่ได้เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างที่พยายามกล่าวอ้างมาโดยตลอด เพราะขณะนี้ประชาชนประสานเสียงต้องการให้เกิดการพูดคุย ฉะนั้นการพูดคุยเร็วเท่าไหร่ยิ่งเป็นผลดีกับทุกฝ่ายมากขึ้นเท่านั้น” นักวิชาการธรรมศาสตร์กล่าว

 

ดร.ชญานิษฐ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งเหตุการณ์ความรุนแรงต่อพลเรือนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ภาคประชาสังคมและประชาชนกลุ่มต่างๆ ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งที่เป็นชาวมลายูและไทยพุทธ ต่างก็แสดงความต้องการไปในทิศทางเดียวกัน คือเรียกร้องให้รัฐบาลและขบวนการกลับสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพโดยเร็ว ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกระบวนการสันติภาพจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเครือข่ายวิชาการ PEACE SURVEY นับตั้งแต่ปี 2559-2566 รวมทั้งสิ้น 7 ครั้ง โดยมีกลุ่มตัวอย่างเป็นทั้งชาวมลายูและคนไทยพุทธ อายุ 18-70 ปี จำนวนรวมกว่า 10,581 คน ทั่วจังหวัดชายแดนภาคใต้ พบว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั้ง 7 ครั้ง สนับสนุนให้ใช้การพูดคุยสันติภาพเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาความรุนแรง และไม่เคยมีผลการสำรวจความคิดเห็นประชาชนครั้งใดเลยที่ได้รับคำตอบว่าสนับสนุนการพูดคุยสันติภาพน้อยกว่าร้อยละ 55 

 

“ความไม่สงบจนเป็นผลให้มีผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตจำนวนไม่น้อยนั้นถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง แม้ว่าหลายฝ่ายคาดการณ์ว่าอาจจะเป็นการกระทำจากขบวนการ BRN แต่ล่าสุดขบวนการ BRN ก็ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจต่อเหตุรุนแรงและยืนยันไม่มุ่งโจมตีพลเรือน แม้ว่าการปะทุขึ้นของความรุนแรงในปี 2547 จะสามารถทำความเข้าใจได้ว่าเป็นผลมาจากประวัติศาสตร์และความรู้สึกที่ได้รับการกดขี่หรือถูกกระทำ แต่ก็คงไม่มีเป้าหมายไหนจะสูงส่งพอที่จะอนุญาตให้คุณทำร้ายคนชรา เด็ก และผู้พิการได้ มันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถยอมรับได้” ดร.ชญานิษฐ์ กล่าว 

 

ทั้งนี้ แม้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ ในทางหนึ่งจะเป็นการต่อสู้กันทางอาวุธ แต่ในอีกมุมก็ยังเป็นพื้นที่ของการต่อสู้ทางการเมืองด้วย เพราะทั้งรัฐไทยและขบวนการติดอาวุธ ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพยายามช่วงชิงความชอบธรรมระหว่างกันด้วย ส่วนตัวมองว่า การที่ขบวนการติดอาวุธทำเช่นนี้ย่อมส่งผลให้ตัวขบวนการฯ ต้องสูญเสียความชอบธรรมทางการเมืองไป ถือเป็นความพ่ายแพ้ทางการเมืองอย่างสำคัญ

The post เมื่อเสียงปืนลั่น เสียงสันติภาพแผ่วลงหรือไม่? ประมวลสถานการณ์และจุดยืนต่อเหตุรุนแรงชายแดนภาคใต้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พาณิชย์เดินเกม Soft Power อาหารไทย พลิกโฉม Thai SELECT ด้วยการให้ ‘เรตดาว’ เน้นสื่อสารง่ายคล้ายมิชลินสตาร์ [PR NEWS] https://thestandard.co/thai-select-star-rating-michelin-soft-power/ Tue, 06 May 2025 11:39:37 +0000 https://thestandard.co/?p=1071770 พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โฉมใหม่ พร้อมระบบดาวเกียรติยศรูปดอกกล้วยไม้

พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผย […]

The post พาณิชย์เดินเกม Soft Power อาหารไทย พลิกโฉม Thai SELECT ด้วยการให้ ‘เรตดาว’ เน้นสื่อสารง่ายคล้ายมิชลินสตาร์ [PR NEWS] appeared first on THE STANDARD.

]]>
พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โฉมใหม่ พร้อมระบบดาวเกียรติยศรูปดอกกล้วยไม้

พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้สนับสนุนการพัฒนาและส่งเสริมอาหารไทยและร้านอาหารไทยมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2541 โดยมีตราสัญลักษณ์ Thai SELECT เป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก ว่าร้านอาหารหรือผลิตภัณฑ์ที่ได้รับตรานี้จะมอบประสบการณ์รสชาติไทยแท้ ผ่านกระบวนการปรุงอาหารที่พิถีพิถันตามต้นตำรับ และได้มาตรฐานคุณภาพในระดับสากล

 

 

ด้วยกระแสความนิยมอาหารไทยที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยในต่างประเทศกว่า 18,852 ร้าน โดยในจำนวนนี้ ได้รับตรา Thai SELECT แล้วทั้งสิ้น 1,779 แห่ง และในประเทศไทยเอง ก็มีร้านที่ได้รับตรานี้แล้วถึง 496 แห่ง ขณะเดียวกัน ยังมีผลิตภัณฑ์อาหารไทยสำเร็จรูปที่ได้รับตรา Thai SELECT รวมกว่า 965 รายการ จากผู้ประกอบการ 109 บริษัท ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในมาตรฐานอาหารไทยที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

 

พิชัยกล่าวว่า “กว่า 2 ทศวรรษ ตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ทำหน้าที่ส่งเสริมและสร้างความเชื่อมั่นให้ร้านอาหารและผลิตภัณฑ์อาหารไทยบนเวทีโลก มาถึงวันนี้ กระทรวงพาณิชย์ต้องการยกระดับให้ Thai SELECT ก้าวขึ้นสู่การเป็น Global Brand ที่สื่อสารกับผู้บริโภคทั่วโลกได้อย่างทรงพลัง เราจึงปรับรูปแบบตราและเกณฑ์การมอบตราครั้งสำคัญ โดยใช้ ‘ดาวเกียรติยศรูปดอกกล้วยไม้’ เป็นสัญลักษณ์ เพื่อสะท้อนถึงคุณภาพระดับสากล รสชาติไทยแท้ และประสบการณ์ที่เปี่ยมด้วยเสน่ห์”

 

ร้าน Thai SELECT โฉมใหม่จะถูกแบ่งเป็น 4 ระดับ คือ Thai SELECT 1 ดาว, 2 ดาว, 3 ดาว และ Thai SELECT Casual ครอบคลุมตั้งแต่ร้านเล็ก ราคาย่อมเยา ไปจนถึงร้านหรูระดับพรีเมียมที่มอบประสบการณ์อาหารไทยชั้นเลิศ โดยมีการปรับเกณฑ์ประเมินเข้มข้นขึ้นใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ รสชาติและการนำเสนออาหาร บรรยากาศและประสบการณ์ของผู้บริโภค มาตรฐานสุขอนามัย ความเชี่ยวชาญของเชฟ และคุณภาพวัตถุดิบ

 

ขณะนี้มีร้านอาหารไทยในต่างประเทศ 177 แห่ง ที่ได้รับ ‘ดาวเกียรติยศ’ โดยมี 2 ร้าน ที่คว้าตราระดับสูงสุด Thai SELECT 3 ดาว ได้แก่ ร้าน Plah ที่ประเทศนอร์เวย์ และร้าน Boon Nam ที่ฟินแลนด์ ร้านที่เหลือยังอยู่ในกระบวนการประเมินตามเกณฑ์ใหม่ โดยสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.)

 

พิชัยกล่าวว่า “ก่อนมาเป็นนักการเมือง ผมเดินทางบ่อยและมักแวะชิมอาหารไทยในหลายประเทศ ซึ่งเจอทั้งร้านที่รสชาติดีและไม่ดี ผมจึงอยากให้คนทั่วโลกได้สัมผัสรสชาติอาหารไทยแท้จริง ไม่ใช่แบบที่ถูกดัดแปลงจนเสียเอกลักษณ์ Thai SELECT คือเครื่องยืนยันว่าร้านนั้นๆ ได้มาตรฐานและให้รสชาติไทยจริง ผมยังไปแจกตรา Thai SELECT ให้ร้านในต่างประเทศด้วยตัวเอง และเพื่อให้ต่างชาติเข้าใจง่าย เราจึงปรับสัญลักษณ์เป็นรูปดาวคล้ายกับมาตรฐาน ‘มิชลินสตาร์’ ซึ่งเป็นสิ่งที่คนทั่วโลกคุ้นเคย”

 

พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดตัวตราสัญลักษณ์ Thai SELECT โฉมใหม่ พร้อมระบบดาวเกียรติยศรูปดอกกล้วยไม้

 

นอกจากนี้ พิชัยยังเผยว่า กระทรวงฯ เตรียมเดินหน้ากลยุทธ์การสื่อสาร Thai SELECT อย่างเข้มข้น ด้วยกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในและต่างประเทศ การขยายช่องทางสื่อสารไปยังแพลตฟอร์มใหม่ๆ เช่น การจัดทำ เกมออนไลน์ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ทั่วโลก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันอาหารไทยให้เป็น Soft Power ที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเป็นรูปธรรม ตามนโยบายรัฐบาลที่เน้นสร้างรายได้ผ่านการเพิ่มมูลค่าสินค้าและเสริมภาพลักษณ์ของไทยในฐานะ ‘ครัวของโลก’

 

“ในอนาคต ผมอยากให้คนทั่วโลกรู้ว่า ถ้าจะกินอาหารไทยที่ได้มาตรฐาน ต้องมองหาตราสัญลักษณ์ Thai SELECT ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผมขอเชิญชวนคนไทยเองด้วย ลองไปชิมร้าน Thai SELECT ใกล้บ้าน หรือเวลาเดินทางไปต่างประเทศก็สังเกตร้านที่มีตรานี้ รับรองว่าจะได้สัมผัสรสชาติอาหารไทยแท้ๆ ที่ผ่านการรับรองแล้วว่าดีจริง หากร้านใดรักษาคุณภาพไม่ได้ ก็จะมีการลดดาวลง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้บริโภคจะได้ของดีเสมอ” พิชัยกล่าว

 

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับตรา Thai SELECT หรือสมัครขอรับตราสัญลักษณ์ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.thaiselect.com

The post พาณิชย์เดินเกม Soft Power อาหารไทย พลิกโฉม Thai SELECT ด้วยการให้ ‘เรตดาว’ เน้นสื่อสารง่ายคล้ายมิชลินสตาร์ [PR NEWS] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ส่องจุด (เคย) ฮิตป้าย ‘Bangkok’ แยกปทุมวัน แม้นักท่องเที่ยวจีนน้อยลง แต่ยังมีคนแวะถ่ายรูป https://thestandard.co/bangkok-sign-pathumwan-skywalk-tourist-spot/ Tue, 06 May 2025 11:18:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1071729 นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกับป้าย Bangkok บนสกายวอล์กแยกปทุมวัน แม้จำนวนลดลงแต่ยังคงมีผู้มาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (6 พฤษภาคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำ […]

The post ส่องจุด (เคย) ฮิตป้าย ‘Bangkok’ แยกปทุมวัน แม้นักท่องเที่ยวจีนน้อยลง แต่ยังมีคนแวะถ่ายรูป appeared first on THE STANDARD.

]]>
นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกับป้าย Bangkok บนสกายวอล์กแยกปทุมวัน แม้จำนวนลดลงแต่ยังคงมีผู้มาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (6 พฤษภาคม) ช่างภาพข่าว THE STANDARD ลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศบริเวณสกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นที่ตั้งของแลนด์มาร์กจุดถ่ายภาพยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะป้ายข้อความ ‘Bangkok’ ที่เห็นเด่นชัด

 

จุดดังกล่าวเป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นหนึ่งในหมุดหมายสำคัญที่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวชาวจีน นิยมเดินทางมาถ่ายภาพเพื่อเป็นที่ระลึกและเป็นสัญลักษณ์ว่าได้มาเยือนกรุงเทพมหานคร เมืองหลวงของประเทศไทย

 

อย่างไรก็ตาม จากการสังเกตวันนี้ พบว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาในประเทศไทยลดน้อยลงกว่าช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้บรรยากาศโดยรวมบริเวณสกายวอล์กจุดนี้ดูบางตาลงตามไปด้วย ความคึกคักหนาแน่นที่เคยเห็นเป็นประจำลดลงอย่างเห็นได้ชัด

 

แต่บริเวณดังกล่าวก็ไม่ถึงกับเงียบเหงา ยังคงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติกลุ่มอื่นๆ รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวจีนบางส่วน แวะเวียนมาใช้พื้นที่สกายวอล์กและถ่ายภาพกับป้าย ‘Bangkok’ อยู่เป็นระยะ แสดงให้เห็นว่าแม้จำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักจะลดลง แต่จุดถ่ายภาพแลนด์มาร์กแห่งนี้ยังคงได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมในการแวะมาเช็กอินอยู่เสมอ

 

นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกับป้าย Bangkok บนสกายวอล์กแยกปทุมวัน แม้จำนวนลดลงแต่ยังคงมีผู้มาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวถ่ายภาพกับป้าย Bangkok บนสกายวอล์กแยกปทุมวัน แม้จำนวนลดลงแต่ยังคงมีผู้มาเยี่ยมชมอย่างต่อเนื่อง

The post ส่องจุด (เคย) ฮิตป้าย ‘Bangkok’ แยกปทุมวัน แม้นักท่องเที่ยวจีนน้อยลง แต่ยังมีคนแวะถ่ายรูป appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทอ. เผยส่ง F-16 สกัดเครื่องบินไม่ทราบฝ่ายใกล้กาญจนบุรี ยืนยันไม่ล้ำน่านฟ้า https://thestandard.co/rtaf-f16-intercept-aircraft-kanchanaburi/ Tue, 06 May 2025 11:08:29 +0000 https://thestandard.co/?p=1071757 เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทยบินสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่ายบริเวณชายแดนกาญจนบุรี

วันนี้ (6 พฤษภาคม) พล.อ.ท. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอาก […]

The post ทอ. เผยส่ง F-16 สกัดเครื่องบินไม่ทราบฝ่ายใกล้กาญจนบุรี ยืนยันไม่ล้ำน่านฟ้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทยบินสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่ายบริเวณชายแดนกาญจนบุรี

วันนี้ (6 พฤษภาคม) พล.อ.ท. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 12.45 น. หน่วยควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย มีลักษณะคล้ายเครื่องบินโจมตีแบบ K-8 บินเข้าใกล้เขตแดนไทยบริเวณตรงข้ามอำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี

 

จากสถานการณ์ดังกล่าว กองทัพอากาศได้สั่งการให้เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 จำนวน 2 ลำ จากกองบิน 4 จังหวัดนครสวรรค์ ขึ้นบินเพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย และแสดงท่าทีเชิงป้องปราม และหลังจากนั้นได้ปฏิบัติการบินลาดตระเวนรบทางอากาศ ในบริเวณพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี

 

ผลการปฏิบัติไม่พบการล้ำอธิปไตย หรือท่าทีคุกคามจากอากาศยานดังกล่าวแต่อย่างใด

 

กองทัพอากาศขอยืนยันความพร้อมในการค้นหาอากาศยานไม่ทราบฝ่าย และดำเนินมาตรการบินสกัดกั้นตามขั้นตอนอย่างมืออาชีพ ซึ่งเป็นภารกิจสำคัญของกองทัพอากาศ เพื่อปกป้องน่านฟ้าไทยให้ปลอดภัย และดำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของประเทศ ตามหลักกฎหมายและพันธกรณีระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้อง

The post ทอ. เผยส่ง F-16 สกัดเครื่องบินไม่ทราบฝ่ายใกล้กาญจนบุรี ยืนยันไม่ล้ำน่านฟ้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
ธรรมนัสต้อนรับ เอกราช ช่างเหลา เข้าพรรคกล้าธรรม คุยอนุทินแล้ว ยืนยันไม่มีปัญหาภูมิใจไทย https://thestandard.co/thammanat-ekkarat-kla-tham/ Tue, 06 May 2025 10:52:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1071752 thammanat-ekkarat-kla-tham

วันนี้ (6 พฤษภาคม) เวลา 16.10 น. ที่ทำการพรรคกล้าธรรม ร […]

The post ธรรมนัสต้อนรับ เอกราช ช่างเหลา เข้าพรรคกล้าธรรม คุยอนุทินแล้ว ยืนยันไม่มีปัญหาภูมิใจไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
thammanat-ekkarat-kla-tham

วันนี้ (6 พฤษภาคม) เวลา 16.10 น. ที่ทำการพรรคกล้าธรรม ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พะเยา เขต 1 ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม และ ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหัวหน้าพรรคกล้าธรรม ร่วมแสดงความยินดี ก้องเกียรติ เกตุสมบัติ ว่าที่ สส. เขต 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช อย่างเป็นทางการ รวมถึงให้การต้อนรับ เอกราช ช่างเหลา สส. ขอนแก่น เข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม โดยได้สมัครเป็นสมาชิกเมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา

 

ร.อ. ธรรมนัส กล่าวถึงกรณีเอกราชเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรมว่า ตนคุยกับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความแตกแยกระหว่างพรรคกล้าธรรมกับพรรคภูมิใจไทย ถือเป็นการจากกันด้วยดี 

 

แม้กระทั่งวันนี้อนุทินก็โทรศัพท์มาหาว่ารับเอกราชเข้าพรรคกล้าธรรมหรือยัง ก็ได้แจ้งท่านไปแล้วว่าจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ในที่ประชุม ครม. เมื่อสัปดาห์ที่แล้วอนุทินได้สอบถาม ศ. ดร.นฤมล ว่ารับเอกราชเข้าพรรคหรือยัง เพราะเป็นห่วง เอกราชมาด้วยดี และตอนที่จากกันคราวก่อนกับตนก็จากกันด้วยดี   

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการรับรอง สส. เขต 8 นครศรีธรรมราช ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า คาดว่าภายในสัปดาห์นี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรับรอง สส. ซึ่งไม่มีเรื่องร้องเรียนในพื้นที่ ทั้งนี้ หลังจาก กกต. รับรองจะมีการลงพื้นที่เขต 8 นครศรีธรรมราช อีกครั้งหนึ่งเพื่อขอบคุณประชาชน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มีคนมาอยู่กับพรรคกล้าธรรมมากขึ้น ตั้งเป้าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นพรรคขนาดใด ร.อ. ธรรมนัส กล่าวว่า เวลานี้เราเริ่มเฟ้นหาว่าที่ผู้สมัคร สส. แล้ว การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน เราก็ต้องเตรียมตัวไว้

The post ธรรมนัสต้อนรับ เอกราช ช่างเหลา เข้าพรรคกล้าธรรม คุยอนุทินแล้ว ยืนยันไม่มีปัญหาภูมิใจไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>