News – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Wed, 16 Apr 2025 14:29:29 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 หุ้นกลุ่มธนาคาร – ปรับลดคาดการณ์กำไรจากสงครามการค้า แต่คงคาดการณ์ DPS https://thestandard.co/market-focus-bank-8/ Wed, 16 Apr 2025 13:23:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1065128

เกิดอะไรขึ้น:   การประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโ […]

The post หุ้นกลุ่มธนาคาร – ปรับลดคาดการณ์กำไรจากสงครามการค้า แต่คงคาดการณ์ DPS appeared first on THE STANDARD.

]]>

เกิดอะไรขึ้น:

 

การประกาศใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ของสหรัฐฯ ส่งผลทำให้ INVX คาดว่า ธปท. จะปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลงอีก 3 ครั้ง ซึ่งหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายจะปรับลดลง 100 bps มาอยู่ที่ 1.25% (ปรับลงครั้งละ 25 bps ในเดือนกุมภาพันธ์ เมษายน มิถุนายน และตุลาคม) ในปี 2568 เปลี่ยนจากสมมติฐานเดิมที่คาดว่าจะปรับลดลง 50 bps มาอยู่ที่ 1.75% ปัจจุบันใช้สมมติฐานว่าจะมีการปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้หลัก) และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำลดลงในอัตราเท่ากันที่ 50 bps ในปี 2568 

 

ทั้งนี้หลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ในเดือนตุลาคม 2567 ธนาคารส่วนใหญ่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลดลง 12.5 bps (20 bps สำหรับ BBL) อัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ลดลง 5 bps (20 bps สำหรับ BBL) และอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำลดลง 10-35 bps (15-30 bps สำหรับ BBL) และหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 25 bps ในเดือนกุมภาพันธ์ ธนาคารส่วนใหญ่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ลดลง 10 bps (7.5 bps สำหรับ BBL) และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากไว้เท่าเดิม 

 

InnovestX Research ปรับประมาณการ NIM ของกลุ่มธนาคารลดลง 5 bps โดยปัจจุบันคาดว่า NIM ของกลุ่มธนาคารจะลดลง 19 bps ในปี 2568 และ 11 bps ในปี 2569 โดยคาดว่า NIM ของกลุ่มธนาคารจะลดลงไตรมาสละ 4-8 bps QoQ ในปี 2568 ขณะที่คาดว่า TISCO และ KKP จะแตกต่างจากธนาคารขนาดใหญ่ตรงที่จะมี NIM ที่กว้างขึ้นในปี 2568 และปี 2569 เนื่องจากมีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้ออัตราดอกเบี้ยคงที่สัดส่วนสูง

 

นอกจากนี้ INVX ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของ GDP ไทยปี 2568 ลดลงจาก 2.5% มาอยู่ที่ 1.4% ดังนั้น InnovestX Research จึงปรับประมาณการ credit cost ปี 2568 และปี 2569 ของธนาคารส่วนใหญ่ (ยกเว้น TISCO) เพิ่มขึ้นปีละ 5 bps เพื่อสะท้อนความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่สูงขึ้นจากสงครามการค้าและเหตุการณ์แผ่นดินไหว แม้ BBL เป็นธนาคารที่มี LLR coverage สูงที่สุดที่ 318% ณ สิ้นปี 2567 

 

แต่คาดว่า BBL จะตั้งสำรอง Management Overlay เพิ่มในปี 2568 เนื่องจากธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อในประเทศจีนซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากสงครามการค้าสัดส่วนสูงที่สุด (ราว 10% ของสินเชื่อรวม) 

 

ท่ามกลางความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า ทำให้มีความกังวลเกี่ยวกับ KBANK มากที่สุด เนื่องจาก KBANK มีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับกลุ่ม SME สูงสุดและมี LLR Coverage ต่ำที่สุดในบรรดาธนาคารขนาดใหญ่ เหตุการณ์แผ่นดินไหวทำให้ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ในภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากจะทำให้ความต้องการคอนโดมิเนียมสูงปรับตัวลดลง KKP มีสัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ 6% ณ สิ้นปี 2567  ซึ่งคาดว่าสูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร ปัจจุบันคาดว่า Credit Cost ของกลุ่มธนาคารจะลดลง 12 bps อันเป็นผลมาจากการตั้งสำรอง Management Overlay น้อยลง

 

ทั้งนี้ InnovestX Research ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อกลุ่มธนาคารลดลงจาก 1% มาอยู่ที่ 0% สำหรับปี 2568 และจาก 2% มาอยู่ที่ 1% สำหรับปี 2569 เนื่องจากสงครามการค้าจะส่งผลทำให้การลงทุนภาคเอกชนชะลอตัวลง โดยปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2568 ลดลงจาก 3% มาอยู่ที่ 1% สำหรับ BBL, จาก 3% มาอยู่ที่ 0% สำหรับ KTB (สอดคล้องกับเป้าของธนาคาร) และจาก 1% มาอยู่ที่ 0% สำหรับ SCB, BAY และ TISCO ในขณะที่คงประมาณการการเติบโตของสินเชื่อปี 2568 ของ KBANK, TTB และ KKP ไว้ที่ 0% โดยปัจจุบันคาดว่าธนาคารส่วนใหญ่จะมีการเติบโตของสินเชื่อปี 2568 ที่ 0% โดยคาดว่า BBL จะเป็นธนาคารเพียงแห่งเดียวที่ขยายสินเชื่อได้เล็กน้อยที่ 1% ในปี 2568 

 

อย่างไรก็ตาม โดยรวมส่งผลให้ปรับประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารลดลง 6% ในปี 2568 และ 9% ในปี 2569 โดยปัจจุบันคาดว่ากำไรของกลุ่มธนาคารจะลดลง 3% ในปี 2568 และเพิ่มขึ้น 1% ในปี 2569 

 

แต่คงประมาณการเงินปันผล โดยคาดว่าธนาคารต่างๆ จะยังจ่ายเงินปันผลเท่าเดิม แม้ว่ากำไรจะลดลง ทั้งนี้เป็นเพราะธนาคารต่างๆ มีอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนที่แข็งแกร่งและมีความต้องการเงินทุนน้อยลงท่ามกลางสินเชื่อที่ชะลอตัว

 

กระทบอย่างไร:

 

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นกลุ่มธนาคาร (SETBANK) ปรับลง 2.50% และราคาหุ้น BBL ปรับลง 4.1% ขณะที่ SET Index ปรับลง 3.8% สู่ 1,128.66 จุด 

 

กลยุทธ์การลงทุนและคำแนะนำ:

 

แม้ปรับประมาณกำไรลดลง แต่ InnovestX Research ยังคงราคาเป้าหมาย (ซึ่งอิงกับ PBV ที่ได้จาก Gordon Growth Model) ไว้เหมือนเดิม เนื่องจากคาดว่าธนาคารต่างๆ จะยังจ่ายเงินปันผลเท่าเดิม และยังคงเลือก BBL เป็นหุ้นเด่นของกลุ่มธนาคาร เนื่องจากมีเกราะป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวสูงที่สุด เพราะมี LLR Coverage สูงที่สุด และ Valuation ถูกที่สุดในกลุ่มธนาคาร

 

ปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตาม คือ ความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่ทั่วถึง, ความเสี่ยงด้าน NIM จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก, ความเสี่ยงด้าน ESG จากการให้บริการแก่ลูกค้าอย่างเป็นธรรม และความเสี่ยงด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

 

หุ้นกลุ่มธนาคาร – ปรับลดคาดการณ์กำไรจากสงครามการค้า แต่คงคาดการณ์ DPS 

https://www.innovestx.co.th/cafeinvest/research/industry-analysis/industry-analysis/bank-update-20250416 

The post หุ้นกลุ่มธนาคาร – ปรับลดคาดการณ์กำไรจากสงครามการค้า แต่คงคาดการณ์ DPS appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: วงจรเงินทอนราชการไทย ต้นตอตึก สตง. สร้างไม่เสร็จเสียที? | NEWS DIGEST #154 https://thestandard.co/news-digestg-16042025/ Wed, 16 Apr 2025 13:07:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1065125

จากตอนแรกที่มีการพุ่งเป้าไปที่วัสดุการก่อสร้างโดยเฉพาะเ […]

The post ชมคลิป: วงจรเงินทอนราชการไทย ต้นตอตึก สตง. สร้างไม่เสร็จเสียที? | NEWS DIGEST #154 appeared first on THE STANDARD.

]]>

จากตอนแรกที่มีการพุ่งเป้าไปที่วัสดุการก่อสร้างโดยเฉพาะเหล็กว่าอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ตึกแห่งนี้ถล่ม สู่การออกแบบ ไปจนถึงบริษัททุนจีน แต่ดูเหมือนว่า ‘วงจรอุบาทว์เรียกรับเงินทอนในระบบราชการไทย’ อาจเป็นต้นเหตุที่แท้จริงของการถล่มของตึก สตง.

The post ชมคลิป: วงจรเงินทอนราชการไทย ต้นตอตึก สตง. สร้างไม่เสร็จเสียที? | NEWS DIGEST #154 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Linkin Park เตรียมขึ้นโชว์เปิดสนามนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2024/25 https://thestandard.co/linkin-park-ucl-final-2024-25/ Wed, 16 Apr 2025 12:44:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1065121

วงดนตรีร็อกระดับตำนาน Linkin Park เตรียมสร้างความมันให้ […]

The post Linkin Park เตรียมขึ้นโชว์เปิดสนามนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2024/25 appeared first on THE STANDARD.

]]>

วงดนตรีร็อกระดับตำนาน Linkin Park เตรียมสร้างความมันให้กับแฟนเพลงและแฟนบอลด้วยการขึ้นโชว์เปิดสนาม ‘Kick Off Show’ ในเกม นัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2024/25 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 มิถุนายน 2025 ณ สนาม Allianz Arena เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี

 

โดยการแสดงครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของรอบชิงชนะเลิศที่แฟนๆ ทั่วโลกต่างจับตา โดย Linkin Park ภายใต้การนำของนักร้องนำคนใหม่ Emily Armstrong ยังคงสานต่อเอกลักษณ์ของวง พร้อมเพิ่มกลิ่นอายใหม่ๆ ที่น่าตื่นเต้น

 

ไม่เพียงแค่นั้น Linkin Park ยังเตรียมเปิดตัวเพลงรีมิกซ์ใหม่ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับงานนี้โดยเฉพาะ โดยเพลงดังกล่าวจะมีการผสมเสียงบรรยากาศของยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกเข้าไปด้วย และจะเล่นสดเป็นครั้งแรกในโชว์ก่อนเกมเริ่ม

 

โดยวง Linkin Park กล่าวถึงการได้ขึ้นแสดงในพิธีเปิดสนามนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกว่า “กับอัลบั้มใหม่และทัวร์คอนเสิร์ตที่กำลังเกิดขึ้น เรารู้สึกซาบซึ้งมากกับพลังและความตื่นเต้นจากแฟนๆ เราแทบรอไม่ไหวที่จะได้ส่งต่อพลังและความรู้สึกแบบเดียวกันนั้นในพิธีเปิดนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกที่จัดโดย Pepsi”

 

“นี่จะเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่อย่างสิ้นเชิงสำหรับพวกเราในฐานะวงดนตรี และเราตื่นเต้นมากที่จะได้เล่นเพลงที่เราชื่นชอบทั้งจากยุคก่อนและยุคปัจจุบัน ให้กับผู้ชมหลายพันคนในสนาม และอีกหลายล้านคนทั่วโลกได้ฟัง”

 

ก่อนหน้านี้ Linkin Park เพิ่งเปิดตัวอัลบั้มใหม่ FROM ZERO ซึ่งเป็นอัลบั้มแรกในรอบ 7 ปีของวง พร้อมเดินสายแสดงคอนเสิร์ตในหลายอีเวนต์ใหญ่ รวมถึงการขึ้นโชว์เปิดสุดมันในรูปแบบเดียวกันที่รอบชิงชนะเลิศ Worlds 2024 ของเกม League of Legends ณ สนาม The O2 Arena ประเทศอังกฤษ เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2024 

 

อ้างอิง:

The post Linkin Park เตรียมขึ้นโชว์เปิดสนามนัดชิงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2024/25 appeared first on THE STANDARD.

]]>
กัณวีร์มอง ทักษิณใช้ตำแหน่งอะไรนัดหารือ มิน อ่อง หล่าย ที่ประเทศไทย ชี้อาจเป็นเหตุรัฐบาลไทยลอยตัวเหนือความรับผิดชอบ https://thestandard.co/kannavee-thaksin-role-min-aung-hlaing/ Wed, 16 Apr 2025 12:32:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1065117

วันนี้ (16 เมษายน) กัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พร […]

The post กัณวีร์มอง ทักษิณใช้ตำแหน่งอะไรนัดหารือ มิน อ่อง หล่าย ที่ประเทศไทย ชี้อาจเป็นเหตุรัฐบาลไทยลอยตัวเหนือความรับผิดชอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (16 เมษายน) กัณวีร์ สืบแสง สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยว่า เราจำเป็นต้องติดตามการเดินทางเยือนประเทศไทยของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในวันพรุ่งนี้ (17 เมษายน) นี้ ซึ่งนอกจากจะมีการพบปะหารือกับ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แล้ว นายกรัฐมนตรีมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียน เปิดเผยด้วยว่า จะมีการพบกับ พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลเมียนมา เพื่อหารือถึงการอำนวยความสะดวกในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมต่อเมียนมา เช่น ความช่วยเหลือด้านการแพทย์ รวมถึงการพบปะหารือกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียน ที่กรุงเทพฯ

 

หัวข้อการพบปะหารือกับ นายกรัฐมนตรีของไทยกับมาเลเซีย ที่ระบุว่าเป็นการเยือนไทยเพื่อประชุมหารือติดตามความคืบหน้าต่างๆ แบบ Working Visit ในเรื่องต่างๆ รวมถึงความรับมือมาตรการภาษีของสหรัฐฯ อาจไม่น่าสนใจเท่ากับการพบกันของ อันวาร์, พล.อ. มินอ่อง หล่าย และทักษิณ

 

เท่าที่ทราบกำหนดการพบปะของทั้งสามคน ยังไม่ได้เปิดเผยกำหนดการ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยเฉพาะกำหนดการพบของนายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศ โดยอ้างว่ากำหนดการอื่นเป็นการพบส่วนตัวของผู้นำมาเลเซีย จึงไม่ทราบ

 

กัณวีร์ระบุว่า อย่างที่ทราบว่าการมาไทยครั้งที่ 2 ของ พล.อ. มิน อ่อง หล่าย ที่เพิ่งเดินทางมาเยือนไปไม่นาน ครั้งแรกเมื่อวันที่ 4-5 เมษายนที่ผ่านมา ที่ไทยเราเปิดประตูต้อนรับผู้นำเผด็จการทหารเมียนมาเป็นประเทศที่ 4 นอกจากจีน รัสเซีย และเบลารุส

 

“ไม่รู้ว่า พล.อ. มิน อ่อง หล่าย จะติดใจอะไรนักหนาจึงอยากมาไทย หรือมีดีลอะไรกันระหว่างทักษิณ พ่อของนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าได้พบกับ มิน อ่อง หล่าย ในการประชุม BIMSTEC ที่ผ่านมาด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าใช้สถานะอะไรในการพูดคุย และหากการเชิญกันมาพบที่ไทย เป็นการชักนำของพ่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งกล้าให้สัมภาษณ์เปิดเผยกันขนาดนี้ ก็ต้องกล้าเปิดเผยสถานที่พบ สถานที่พูดคุย และผลการพูดคุยให้ชัดๆ กันไปเลย”

 

กัณวีร์ยืนยันว่า ไม่เห็นด้วยกับการที่ไทยจะให้พื้นที่ทางการเมืองกับผู้นำเผด็จการทหารเมียนมาที่เข่นฆ่าประชาชน ละเมิดสิทธิมนุษยชน หลังการรัฐประหาร หรือแม้กระทั่งหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว ก็ยังไม่หยุดยิง และหากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อยากแสดงบทบาทผู้นำอาเซียน ทำไมไม่ใช้พื้นที่ตัวเองในการพูดคุยไป จะมาใช้พื้นที่ประเทศไทยทำไม หรือทำไมไม่ไปเมียนมาไปเลย

 

“เมื่อทุกฝ่ายกล้ามาพบกันในไทยจริง ก็ต้องกล้าเปิดเผยว่าคุยอะไรกัน ทำให้เห็นภาพกันไปเลย อย่ามาทำลับๆ ล่อๆ แล้วไปตกลงดีลอะไรกันอีก โดยที่ประชาชนไม่รู้”

 

กัณวีร์ระบุว่า ด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ไทยขาดจุดยืนทางการทูตอย่างรับไม่ได้ โดยเฉพาะวิ่งตามใครก็ไม่รู้ที่ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล ขาดสิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบ (Accountability) 

 

“หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป รัฐบาลชุดนี้จะเคลมได้ว่า คนที่นัดคุยทั้งหมดไม่มีหน้าที่ใดๆ เพราะเป็นแค่ ‘สทร.’ และรัฐบาลก็ลอยตัว มันคือการขาดความรับผิดชอบของรัฐบาลทั้งหมดที่คนไทยต้องไม่ไว้วางใจการทำงานของรัฐบาลชุดนี้” กัณวีร์ระบุ

The post กัณวีร์มอง ทักษิณใช้ตำแหน่งอะไรนัดหารือ มิน อ่อง หล่าย ที่ประเทศไทย ชี้อาจเป็นเหตุรัฐบาลไทยลอยตัวเหนือความรับผิดชอบ appeared first on THE STANDARD.

]]>
อนุทินไม่ประเมินการเมืองหลังสงกรานต์ รอปี 2570 ให้ประชาชนตัดสินว่าไปต่อหรือพอแค่นี้ ชี้ยังเคารพทักษิณ เป็นผู้บังคับบัญชาของนักการเมืองทุกคน https://thestandard.co/anutin-2570-political-decision/ Wed, 16 Apr 2025 12:08:36 +0000 https://thestandard.co/?p=1065113

วันนี้ (16 เมษายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ […]

The post อนุทินไม่ประเมินการเมืองหลังสงกรานต์ รอปี 2570 ให้ประชาชนตัดสินว่าไปต่อหรือพอแค่นี้ ชี้ยังเคารพทักษิณ เป็นผู้บังคับบัญชาของนักการเมืองทุกคน appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (16 เมษายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ปีนี้น่าชื่นใจ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัยทางถนนในช่วงสงกรานต์รายงานมาทุกวัน จะเห็นว่าสถิติของการเกิดทั้งอุบัติเหตุและยอดการเสียชีวิตนั้นลดลง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ววันต่อวันก็ลดลง ภาพรวมก็ลดลงหลาย 10% 

 

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ยังเป็นแชมป์อยู่คือ เมาสุรา ขับรถเร็ว หากไปดูสถิติในเชิงวิเคราะห์แล้วรถมอเตอร์ไซค์ได้แชมป์ไปกว่า 80% ของอุบัติเหตุ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องขอความร่วมมือ จริงๆ หากขับมอเตอร์ไซค์ต้องมีสติตลอดเวลา ไม่มึนเมา ไม่ดื่ม ใส่หมวกกันน็อก สถิติการเกิดอุบัติเหตุก็จะน้อยลงอย่างมาก 

 

“ปีนี้เราเข้มงวดมาก ให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ผ่านนายอำเภอทุกคน เข้มงวดในถนนสายใน สายรอง ซึ่งต้องขอกราบขอบพระคุณจริงๆ ที่ทำให้อุบัติเหตุลดน้อยลง และประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี แสดงว่า คำว่าดื่มไม่ขับ เริ่มเห็นผล ไม่ใช่เมาไม่ขับ ดื่มก็ต้องไม่ขับ และการมีสติ ก็จะเกิดขึ้นตลอดเวลา” อนุทินกล่าว  

 

สำหรับประชาชนที่กำลังเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร อนุทินระบุว่า ต้องขอเน้นย้ำอย่างเดิมว่าขอให้ใจเย็นๆ ดื่มไม่ขับ ไม่ต้องรีบ ไหนๆ เราใช้เวลามีความสุขเต็มที่ ปีนี้มีวันหยุดหลายวันด้วย ค่อยๆ ขับ 

 

ส่วนการเมืองหลังปีใหม่ไทยนี้ อนุทินกล่าวว่าไม่ได้ประเมินอะไร เพราะไม่มีอะไรตอนนี้ จะไม่มีอะไร และไม่เคยมีอะไร เราทำงานรับใช้บ้านเมือง พอปี 2570 ก็ไปเลือกตั้งกันแล้วก็ว่ากันใหม่ ตรงนั้นจะเป็นจุดที่ประชาชนจะตัดสินใจ จะให้ทำงานรับใช้บ้านเมืองต่อไป ไปต่อหรือพอแค่นี้  

 

ส่วนกรณีที่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคภูมิใจไทยก็คือพรรคภูมิใจไทย อนุทินในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยบอกว่า ภูมิใจไทย ก็คือภูมิใจไทย ถูกต้องแล้ว ท่านพูดไม่ผิด เป็นพรรคการเมืองที่ก่อตั้งมาสู่ปีที่ 17 ก็ต้องกราบขอบพระคุณ  

 

“ภูมิใจไทยก็คือภูมิใจไทย มีความเป็นตัวของตัวเอง อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองก็สุดซอย อะไรที่เป็นโทษกับบ้านเมือง ก็คอยป้องกันเฝ้าระวังไม่ให้มันเกิด” อนุทินกล่าว

 

ส่วนที่การให้สัมภาษณ์ของทักษิณถูกมองในทำนองว่าเสียงของรัฐบาลเพียงพอ อาจจะไม่ต้องพึ่งเสียงจากพรรคภูมิใจไทยนั้น อนุทินระบุว่า ไม่มี ท่านไม่ได้พูดอย่างนั้นเลย ท่านบอกอยู่กันไป เข้าใจกันดี มีอะไรก็พูดคุยกัน อย่างไรพวกเราก็ยังเคารพนับถือ ผู้ใหญ่ โดยเฉพาะท่านทักษิณ พูดง่ายๆ ว่าท่านก็เป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของนักการเมืองแทบทุกคน เราก็ยังมีความรัก และเคารพท่านอยู่

The post อนุทินไม่ประเมินการเมืองหลังสงกรานต์ รอปี 2570 ให้ประชาชนตัดสินว่าไปต่อหรือพอแค่นี้ ชี้ยังเคารพทักษิณ เป็นผู้บังคับบัญชาของนักการเมืองทุกคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ขยายดีลหยุดยิง-แก้น้ำท่วม จับตาอันวาร์, มิน อ่อง หล่าย, ทักษิณ พบกันที่ไทย 17 เมษายนนี้ https://thestandard.co/key-meeting-on-ceasefire-flooding-solutions/ Wed, 16 Apr 2025 11:59:03 +0000 https://thestandard.co/?p=1065109 มิน อ่อง หล่าย

อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนป […]

The post ขยายดีลหยุดยิง-แก้น้ำท่วม จับตาอันวาร์, มิน อ่อง หล่าย, ทักษิณ พบกันที่ไทย 17 เมษายนนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
มิน อ่อง หล่าย

อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียนปี 2025 มีกำหนดเดินทางเยือนไทยวันพรุ่งนี้ (17 เมษายน) โดยสื่อท้องถิ่นมาเลเซียและสื่อต่างประเทศหลายสำนักรายงานว่า อันวาร์จะพบหารือกับ พลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ประธานสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ของเมียนมาที่กรุงเทพฯ ด้วย ซึ่งจะถือเป็นการเจรจาหารือกันครั้งแรกระหว่างประธานอาเซียนและผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา นับตั้งแต่เหตุการณ์รัฐประหารเมื่อ 4 ปีก่อน

 

สื่อนอกยังรายงานอีกว่า ในโอกาสนี้ อันวาร์ ยังเตรียมเข้าพบ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ ทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน โดยจะมุ่งเน้นไปที่การหารือเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ และพื้นที่บางส่วนของมาเลเซีย 

 

เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ทั้งอันวาร์ มิน อ่อง หล่าย และทักษิณ จะเจรจาหารือร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย หรือการพบกันจะเกิดขึ้นในลักษณะที่จัดแยกกัน เพื่อขับเคลื่อนหนึ่งในวาระสำคัญของอาเซียน

 

ประเด็นน่าจับตามอง

 

ศ. ดร.สุรชาติ บำรุงสุข ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยุทธศาสตร์ทหาร และความมั่นคง มองว่า การพบกันครั้งนี้มีเรื่องที่น่าจับตามอง 3 เรื่อง 

 

เรื่องแรกคือ การขยายระยะเวลาหยุดยิง เพราะทุกฝ่ายต้องการให้รัฐบาลทหารขยายระยะเวลาหยุดยิงออกไปอีก เพื่อเป็นช่องทางส่งความช่วยเหลือไปให้ผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ 

 

เรื่องสองคือ สิ่งที่รัฐบาลทหารต้องการความช่วยเหลือและแรงสนับสนุนจากอาเซียน อาจารย์คาดว่าน่าจะเป็นเรื่องการจัดการเลือกตั้งขึ้นในอนาคต ซึ่งอาจเป็นช่วงปลายปี 2025 หรือช่วงต้นปี 2026 โดยที่ผ่านมาไม่มีแนวโน้มตอบรับจากอาเซียน ท่ามกลางความกังวลเรื่องความโปร่งใสและการสะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชนชาวเมียนมา

 

และเรื่องสามคือ อาเซียนต้องให้รัฐบาลทหารเมียนมาลดการใช้อาวุธในการปราบปรามผู้เห็นต่าง และผลักดันฉันทมติ 5 ข้อ

 

ส่วนความเป็นไปได้ในการประชุม 3 ฝ่ายนั้น อาจารย์มองว่า มันเป็นไปในตัวของมันเองอยู่แล้ว แต่เราไม่ใช้คำว่าประชุม 3 ฝ่าย เพราะอาจจะทำให้เกิด ‘ความคาดหวังทางการทูต’ ว่าอะไรคือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น ถ้ามองจากการพูดคุยปัจจุบัน ทุกฝ่ายพยายามไม่ให้เป็นเวทีทางการ เพราะการประชุม 3 ฝ่าย จะเกิดสภาวะ ‘เวทีทางการ’ ทันที ดังนั้นครั้งนี้จึงเป็น ‘เวทีไม่เป็นทางการครั้งแรก’ ของประธานอาเซียน ซึ่งวางน้ำหนักไว้ที่อันวาร์มากกว่าเรา เพราะทักษิณมีลักษณะเป็นเพียง ‘คนกลาง’ มากกว่า และเป็นไปในลักษณะการทูต Track 2 มากกว่าที่จะเดินหน้าในนามรัฐบาลไทย

 

อาจารย์สุรชาติยังเน้นย้ำว่า สิ่งที่ทุกฝ่ายคาดหวังคือ อยากให้ทักษิณผลักดันการเปิดเส้นทางการช่วยเหลือให้มากยิ่งขึ้น ขยายเวลาการหยุดยิง และอยากให้อันวาร์และทักษิณพูดคุยกัน เพื่อหาทางโน้มน้าวให้มิน อ่อง หล่าย หยุดหรือลดปฏิบัติการทางทหารลง เพราะสถานการณ์ภัยพิบัติแบบนี้ สงครามที่ใช้อาวุธปราบปรามนั้นไม่เป็นประโยชน์ เพราะคนที่บาดเจ็บคือคนเมียนมาเอง

 

อย่างน้อยการประกาศขยายระยะเวลาหยุดยิงออกไปและเปิดเส้นทางการให้ความช่วยเหลือ อาจเป็นเงื่อนไขที่ดีในเบื้องต้น สำหรับการเปิดเจรจาระหว่างรัฐบาลทหารและกลุ่มชาติพันธุ์ในสังคมเมียนมา

 

ข้อแนะนำสำหรับอาเซียนและรัฐบาลไทย

 

ขณะที่ รศ. ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหารมูลนิธิอาเซียน และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองว่า การที่อันวาร์ อิบราฮิม ในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ เจอกับพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลงต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในเมียนมาในวิถีทางอื่น เนื่องจากว่าที่ผ่านมา ได้เห็นชัดแล้วว่าการมีซึ่งฉันทมติ 5 ข้อในอาเซียนต่อเมียนมา ‘ไม่เห็นผล’

 

ส่วนการที่อันวาร์ มีความประสงค์อยากขยายระยะเวลาหยุดยิงต่อไปอีกกับพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดี และชัดเจนมากขึ้น เพราะการที่ประธานอาเซียนตัดสินใจไปพบปะพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ด้วยตัวเองเป็นการพิสูจน์ว่าในฐานะประธานอาเซียนก็เห็นความสำคัญถึงประเด็นนี้ และต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงจริง

 

ขณะที่อันวาร์ หากมีการพบปะพลเอกอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ก็ควรจะต้องมีการมีปฏิสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ (Constructive Engagement) ในเวลาเดียวกัน อันวาร์ก็ควรต้องมีการถอยออกจากความขัดแย้งหรือความสัมพันธ์เชิงลบอย่างมีเป้าหมายและสร้างสรรค์ (Constructive Disengagement) ด้วย โดยการยื่นคำขาดในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ว่า การหารือร่วมกันต้องเป็นรูปธรรมอย่างไร และหากพลเอกอาวุโสมินอ่อง หล่าย ไม่ปฏิบัติตามจะมีมาตรการอย่างไร เช่น การถูกโดดเดี่ยวในเวทีอาเซียน เป็นต้น 

 

ขณะที่เมื่อถามถึงโอกาสความเป็นไปได้ที่ประเด็นความขัดแย้งนี้จะบรรลุผลสำเร็จมากขึ้นหรือไม่ หากทักษิณ ชินวัตร ในฐานะที่ปรึกษาประธานอาเซียนจะเข้ามามีบทบาท อาจารย์ปิติให้ความเห็นส่วนตัวว่า ‘ยังมองไม่เห็นโอกาสนั้น’ 

 

ส่วนข้อแนะนำกับรัฐบาลไทย ในมุมอาจารย์ปิตินั้น ที่จริงแล้วเมื่อครั้งที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม BIMSTEC ไทยควรแสดงบทบาทตั้งแต่ครั้งนั้นที่พลเอกอาวุโสมิน อ่อง หล่าย เดินทางมาร่วมประชุมที่ไทย โดยไทยอาจจะยกระดับด้วยการยื่นคำขาด หาข้อแลกเปลี่ยนว่าถ้าหากจะเดินทางมาร่วมประชุมจริง อาจต้องมีการจัดการปัญหาภายในที่คาราคาซังก่อน หรือแม้แต่เมื่อมาประชุมแล้ว อาจต้องมีการคุยส่วนตัวเพื่อหารือถึงทางออกที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งไทยสามารถใช้เวทีประชุมนี้ให้เกิดประโยชน์ได้ 

 

แฟ้มภาพ: Getty Images / Reuters

อ้างอิง:

The post ขยายดีลหยุดยิง-แก้น้ำท่วม จับตาอันวาร์, มิน อ่อง หล่าย, ทักษิณ พบกันที่ไทย 17 เมษายนนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทำไมจีนพร้อมเล่นเกมลากยาวในสงครามการค้า https://thestandard.co/why-china-is-prepared-for-a-prolonged-trade-war/ Wed, 16 Apr 2025 11:44:07 +0000 https://thestandard.co/?p=1065105 สงครามการค้า

ฟังจากทีมงานของทรัมป์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว ต่างมองว่า […]

The post ทำไมจีนพร้อมเล่นเกมลากยาวในสงครามการค้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
สงครามการค้า

ฟังจากทีมงานของทรัมป์ที่ออกมาให้สัมภาษณ์แล้ว ต่างมองว่าจีนคงจะทนเจ็บไม่ได้และอีกเดี๋ยวคงวิ่งมาเจรจา แต่ทั้งหมดนี้เป็นการประเมินที่ผิดพลาดและประเมินไพ่ของตัวเองสูงเกินไป

 

ทรัมป์และทีมมองว่า เศรษฐกิจจีนตอนนี้อ่อนแอมาก จีนเผชิญแรงกดดันไม่ไหว และจีนส่งออกไปสหรัฐฯ มากกว่าสหรัฐฯ ส่งออกไปจีนถึง 5 เท่าตัว ถ้าจีนจะไม่ขายของให้สหรัฐฯ โรงงานจีนจะปิดตัวมากมาย คนงานจีนจะตกงานมหาศาล พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่รักษาอำนาจได้ด้วยความสำเร็จทางเศรษฐกิจ ก็จะอยู่ไม่ได้อีกต่อไป

 

แต่สหรัฐฯ ไม่รู้ว่ากำลังเล่นกับไฟ เล่นกับศักดิ์ศรีและพลังชาตินิยมของคนจีน คนจีนมีประวัติศาสตร์ถูกฝรั่งรังแก ที่คนจีนเรียกกันว่าเป็นศตวรรษแห่งความอัปยศอดสู (One Hundred Years of Humiliation) และคนจีนให้ความสำคัญกับการรักษาหน้าเป็นอันดับ 1 พร้อมตายดีกว่าถูกหยามหน้า

 

เศรษฐกิจจีนซบเซาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว โดนอีกสักดอกก็ทนกันต่อไป ล็อกดาวน์โควิดสองปีก็ทนกันมาได้ (บางคนบอกได้ซ้อมปิดประเทศเตรียมตัวมาแล้ว) แถมกลายเป็นว่าแรงกดดันต่อรัฐบาลจีนกลับลดลง เพราะคนจีนมองว่าที่เศรษฐกิจไม่ดีเพราะถูกสหรัฐฯ รังแก ไม่ใช่เพราะการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาลจีน

 

ครั้งนี้จึงแตกต่างอย่างมากจากสงครามการค้ารอบแรก ตอนนั้นเศรษฐกิจจีนกำลังขาขึ้น คนจีนยังทนเจ็บไม่ได้ ต่างเรียกร้องให้รัฐบาลจีนรีบไปเจรจาหาทางออก และสมัยนั้นยังคิดว่าสามารถเจรจาได้ อีกไม่นานเดี๋ยวทรัมป์ก็ไป โลกก็จะกลับมาเหมือนเดิม

 

แต่หลังจากทรัมป์ไป รัฐบาลไบเดนไม่ได้ยกเลิกกำแพงภาษีต่อสินค้าจีนเลย แถมยังกีดกันเทคโนโลยีจีนเพิ่มเติมยิ่งกว่าทรัมป์อีก และทรัมป์ก็ยังหวนกลับมาอีกรอบพร้อมซัดจีนหนักแบบนี้ คนจีนจึงมองว่านี่เป็นศึกระยะยาวแล้ว ไม่จบง่ายๆ ขืนไปเจรจาไปง้อเขาตอนนี้ เขาก็ซัดเราไม่จบอยู่ดี สู้เรากอดคอระเบิดกันไปทั้งคู่ให้ดูกันไปว่าฝ่ายสหรัฐฯ จะทนเจ็บไหวไหม

 

ฝั่งสหรัฐฯ ยังมองว่าจีนจะเจ็บหนักชนิดทนไม่ได้ แต่อาจไม่ทราบว่าจีนได้ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไปพอสมควร จีนเจ็บหนักนั้นหนักแน่ แต่หนักน้อยกว่าสงครามการค้ารอบแรก เพราะจีนพึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง (จากร้อยละ 24 ของการส่งออกทั้งหมด เหลือร้อยละ 14.8) และปัจจุบันการส่งออกไปสหรัฐฯ คิดเป็นประมาณร้อยละ 2 ของ GDP จีน

 

สหรัฐฯ ตั้งอัตราภาษีต่อสินค้าจีนร้อยละ 145 ทำให้สินค้าจีนไม่สามารถขายในสหรัฐฯ ได้ แต่จีนก็คงพยายามระบายสินค้าเหล่านี้ภายในประเทศ และพยายามส่งออกไปยังประเทศกำลังพัฒนาทดแทน คงพอจะดูดซับได้ส่วนหนึ่ง จีนคงออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพราะฉะนั้นเจ็บนั้นเตรียมใจพร้อมเจ็บ แต่รัฐบาลจีนบอกฟ้าไม่ถล่มแน่นอน

 

ทีมงานของทรัมป์ชอบให้สัมภาษณ์ว่า คนซื้อมีอำนาจต่อรอง ส่วนคนขายไม่มีอำนาจต่อรองหรอก เพราะไม่ขายให้สหรัฐฯ แล้วจะทำอย่างไร จะปิดโรงงาน จะให้คนตกงาน จะให้สหรัฐฯ หันไปสั่งเจ้าใหม่ จีนก็จะเสียลูกค้าไปตลอดกาล แล้วของส่วนใหญ่ที่จีนผลิต คนอื่นก็ทำแทนได้ ไม่ได้ต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงอะไร แม้กระทั่งแร่แรร์เอิร์ธที่บอกว่าจีนผลิตได้มากกว่าร้อยละ 90 นั้น คนอื่นจะผลิตก็ทำได้ ไม่ใช่เรื่องยากเย็น

 

แต่นี่ก็เป็นการประเมินที่ผิดพลาด เพราะคนขายมีอำนาจต่อรองแน่ถ้าคนขายพร้อมยอมพังพินาศไปด้วยกันกับคนซื้อ สินค้าจากจีนที่ขายในสหรัฐฯ นั้น ไม่ได้หาแหล่งทดแทนได้ทันทีหรือได้ง่ายดาย ดังนั้น จะเกิดช็อกแน่นอนต่อผู้บริโภคสหรัฐฯ สินค้าขาดแคลน ราคาข้าวของสูงขึ้น แรร์เอิร์ธที่บอกว่าจริงๆ ใครก็ผลิตได้ แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะลงทุนตั้งโรงงานและดำเนินการผลิต ระยะสั้นจะวิบัติหายนะแน่สำหรับสหรัฐฯ

 

สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในสหรัฐฯ ล้วนมาจากจีน ดังที่ทรัมป์สุดท้ายต้องออกมายกเว้นกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จากภาษีร้อยละ 145 ไปก่อน (ก่อนที่วันต่อมาทรัมป์บอกเตรียมจะกลับมาจัดเก็บใหม่ แค่จะย้ายหมวด) อีกกลุ่มที่จะกระทบมากคือยา เพราะวัตถุดิบในการผลิตยาในสหรัฐฯ นำเข้าจากจีนมากกว่าร้อยละ 90 ราคายาและความปั่นป่วนต่อระบบสาธารณสุขของสหรัฐฯ จะตามมาแน่ 

 

คำถามที่จีนถามกลับคือ สหรัฐฯ แน่ใจนะว่าจะทนไหว จีนไม่มีการเลือกตั้ง แต่สหรัฐฯ มีการเลือกตั้ง การเลือกตั้งมิดเทอมก็ใกล้เข้ามา คนจีนตลาดหุ้นตก ก็มีกองทุนรัฐบาลเข้าไปซื้อพยุง และเงินเก็บคนจีนก็ไม่ได้อยู่ในตลาดหุ้น แต่คนสหรัฐฯ นั้น เงินเก็บเกษียณอยู่ในตลาดหุ้น รับได้ไหมกับความปั่นป่วนในตลาด นี่ยังไม่นับตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ปั่นป่วนอีก แต่ทั้งหมดนี้ ไว้รอตลาดสินค้าราคาถูกใน Walmart ปั่นป่วนก่อน นั่นแหละจะวุ่นวายของจริง

 

รอบนี้ ทรัมป์เล่นเกมเกินตัว หากทรัมป์ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีสิ่งที่เรียกร้องจากจีนชัดเจน และให้เกียรติจีน จีนคงไม่กล้าทนเจ็บและยอมมาเจรจา แต่ทรัมป์ก่อนหน้านี้ซัดจีนด้วยภาษีร้อยละ 20 ไปแล้วสองรอบ และซัดรอบใหญ่อีกครั้งพร้อมกันกับซัดทั่วโลก เพราะทรัมป์หวังเล่นเกมทุบแรง บีบให้ทุกคนวิ่งมาสวามิภักดิ์ แต่จีนดันเตรียมแผนสู้กลับ และปลุกพลังทั้งชาติให้เตรียมใจรับความยากลำบากและตั้งท่าลากเกมยาว ไม่ต่อสายคุย

 

นโยบายการขึ้นกำแพงภาษีของทรัมป์นั้น จุดประสงค์คือต้องการให้โรงงานกลับมาตั้งฐานการผลิตในสหรัฐฯ แต่นโยบายนี้จะประสบความสำเร็จได้ นอกจากคุณจะต้องตั้งกำแพงภาษีแล้ว คุณยังต้องมีนโยบายสนับสนุนให้อุตสาหกรรมย้ายฐานกลับมา มีคนบอกว่าทรัมป์และทีมเป็นนักธุรกิจ นักลงทุน นักกลยุทธ์ แต่ไม่มีใครเคยทำอุตสาหกรรมการผลิต จึงไม่มีใครเข้าใจซัพพลายเชน การขึ้นกำแพงภาษีจีนและทั่วโลก ทำให้การนำเข้าเครื่องจักร วัตถุดิบมาใช้ในการผลิตสูงขึ้น แล้วสหรัฐฯ จะได้เปรียบในการเป็นฐานการผลิตได้อย่างไร


และถ้าจะเล่นจีนแรงขนาดนี้ ก่อนอื่นคุณต้องค่อยๆ ปรับหาตลาดสินค้าใหม่ทดแทนหรือพยายามรื้อฟื้นการผลิตสินค้าในประเทศทดแทนก่อน แต่นี่คุณหยุดการนำเข้าสินค้าจีนทันที โดยยังไม่ทันมีอะไรมาแทน จีนเจ็บเพราะขายของไม่ได้ แต่คุณก็เจ็บหนักเพราะไม่มีข้าวของที่คุณจำเป็นต้องใช้

 

ทรัมป์เองคงคิดว่าอย่างไรเดี๋ยวก็ต้องเจรจา เพราะทนกันไม่ได้ทั้งคู่หรอก แต่ครั้งนี้เหมือนจีนจะลากเกมยาวเพื่อประกาศให้โลกรู้ว่า จีนทนได้ โลกปัจจุบันมีพระอาทิตย์สองดวงแล้ว ไม่ใช่สหรัฐฯ ทุบโต๊ะแล้วทุกคนต้องหมอบอีกต่อไป และคุณอาจคิดว่าผมเจ็บหนักกว่า แต่ผมจะแสดงให้คุณเห็นว่าผมทนได้นานกว่าคุณ

 

ดังที่มีภาพการ์ตูนล้อเลียนที่คมคายออกมา ทรัมป์ถือไพ่แล้วบอกสีจิ้นผิงว่า ไพ่ทั้งหมดอยู่ในมือผม ขณะที่สีจิ้นผิงตอบว่า ไพ่ที่คุณถือ Made in China 

 

ภาพ: Vincent Thian / Pool, Leah Millis via Reuters, e X p o s e via Shutterstock

The post ทำไมจีนพร้อมเล่นเกมลากยาวในสงครามการค้า appeared first on THE STANDARD.

]]>
รมว.คลัง หารือผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ รับมือการขึ้นภาษีทรัมป์ จับตาสถานการณ์ต่อเนื่อง https://thestandard.co/central-bank-meeting-on-trumps-tax-policy/ Wed, 16 Apr 2025 11:16:23 +0000 https://thestandard.co/?p=1065089 รมว.คลัง

วันนี้ (16 เมษายน) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรั […]

The post รมว.คลัง หารือผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ รับมือการขึ้นภาษีทรัมป์ จับตาสถานการณ์ต่อเนื่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
รมว.คลัง

วันนี้ (16 เมษายน) พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประชุมร่วมกับ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายกำกับสถาบันการเงิน ธปท. เพื่อหารือและรับฟังข้อมูลการเจรจากับสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

 

จากนั้น พิชัยแถลงผลการประชุมโดยระบุว่า ที่ประชุมได้พิจารณาผลที่จะเกิดขึ้นและสิ่งที่สหรัฐฯต้องการ วันนี้จึงได้มาติดตามความคืบหน้า แต่ยังไม่ทราบว่าจะจบลงอย่างไร เพราะสถานการณ์สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกวัน สิ่งที่เราต้องดู การปรับการค้า การนำเข้า การส่งออก กติกาที่เปลี่ยนไป วันนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน โดยเฉพาะในเรื่องของตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตรและเรื่องค่าเงิน เป็นไปในทิศทางที่คาดเดาได้ลำบาก

 

พิชัยกล่าวว่า วันนี้จึงต้องมานั่งพูดคุยกันว่า จะมีกรณีใดเกิดขึ้นกับประเทศไทยบ้าง เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะกระทบกับภาคธุรกิจและภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะผู้ส่งออก ดังนั้นจะต้องหามาตรการที่เหมาะสมและวางแนวทางในการรับมือกรณีที่ร้ายแรง เพราะเหตุการณ์ที่น่าจะเกิดขึ้นมีผลต่อผู้ส่งออก ซึ่งการส่งออกคงชะลอลง และมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน หนี้ที่ครบกำหนดชำระ รวมถึงการนำเข้า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ มีปัญหาที่ตรงกัน คือ เรื่องของสภาพคล่อง ดังนั้นวันนี้จึงยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะดำเนินมาตรการใดคงต้องมอนิเตอร์ติดตามต่อไป

 

“วันนี้คงไม่มีใครบอกได้ว่า หยิบมาตรการไหนดี ซึ่งมาตรการต่างๆ ในอดีตมีเยอะ แต่สิ่งที่เราจะทำ เราจะทำงานใกล้ชิดมากขึ้น แลกเปลี่ยนข้อมูลกัน และจะเจอกันบ่อยขึ้น เพื่อดูว่า เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป มีอะไรบ้างกระทบต่อตลาดเงิน ตลาดทุน สิ่งต่างๆ เหล่านี้ต้องดู เพื่อหามาตรการชัดเจนและมากำหนดร่วมกันที่จะแก้ไข” พิชัยกล่าว

 

พิชัยกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ธปท. จะติดตามสถานการณ์ต่อไปด้วย ทั้งเรื่องดอกเบี้ย อัตราการแลกเปลี่ยนและปัญหาเกี่ยวกับสภาพคล่อง เพื่อนำข้อมูลมาประกอบในการเสนอมาตรการต่างๆ

 

ส่วนเรื่องดอกเบี้ยจะมีส่วนช่วยเรื่องสภาพคล่องหรือไม่ พิชัยกล่าวว่า เรื่องดอกเบี้ยนโยบายเป็นเรื่องไม่ควรไปพูดถึงแต่ทาง ธปท. ก็ต้องมีการมอนิเตอร์ ซึ่งจะมีการประชุมอาทิตย์หน้าด้วย

 

เมื่อถามว่า จะเดินทางไปเจรจากับสหรัฐฯเมื่อใดนั้น พิชัยระบุว่า ขอเตรียมตัวให้ชัดๆ และจะเปิดเผยวันเดินทางอีกครั้งหนึ่ง 

 

ส่วนจะนำผลการหารือของ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาอาเซียนทั้งหมด มาเป็นส่วนหนึ่งในประเด็นที่จะนำไปเจรจาหรือไม่ พิชัยระบุว่า คงไม่ เพราะการคุยรอบแรกคงไม่มีการพูดคุยถึงขนาดนั้น แต่ในอาเซียนด้วยกันคงจะมีการแลกเปลี่ยนร่วมกัน เพราะปัญหาของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน พร้อมยกตัวอย่างว่า สินค้าบางอย่างที่ส่งออกไปสหรัฐฯ จะส่งออกไปอาเซียนก่อนจะส่งไปสหรัฐฯต่อ จึงต้องดูเรื่องพวกนี้ด้วยและพูดคุยกันเพื่อเก็บข้อมูลทั้งหมด โดยจะต้องแก้ในส่วนของเราก่อน

 

พิชัยระบุอีกว่า ความสนใจของสหรัฐ ฯ อยู่ที่เรื่อง มาตรการกีดกันทางการค้าที่มิใช่ภาษี (Non-Tariff Barriers: NTB) ที่ไม่เอื้อต่อการนำเข้าและส่งออก ซึ่ง Non-Tariff เป็นเรื่องกว้าง แต่เรื่องภาษีศุลกากร (Tariff) เป็นเรื่องเล็ก เพราะเป็นไปตามกลไกอยู่แล้ว ฉะนั้นแต่ละประเทศต้องปรับไปตามนั้น และต้องมาดูแลแก้ไข ซึ่งจะมีการเชิญอีกหลายหน่วยงานมาพูดคุยเพิ่มเติม

The post รมว.คลัง หารือผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ รับมือการขึ้นภาษีทรัมป์ จับตาสถานการณ์ต่อเนื่อง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาษีทรัมป์พ่นพิษถึงวงการคาสิโน ‘มาเก๊า’ หรือลาสเวกัสตะวันออก เสี่ยงงบขาดดุล จีนออกโรงเตือน 6 ทุนยักษ์เร่งกระจายความเสี่ยง https://thestandard.co/trump-tariffs-macau-casino/ Wed, 16 Apr 2025 10:08:23 +0000 https://thestandard.co/?p=1065075

เกิดอะไรขึ้นกับ ‘มาเก๊า’ ศูนย์กลางการพนันอันดับหนึ่งของ […]

The post ภาษีทรัมป์พ่นพิษถึงวงการคาสิโน ‘มาเก๊า’ หรือลาสเวกัสตะวันออก เสี่ยงงบขาดดุล จีนออกโรงเตือน 6 ทุนยักษ์เร่งกระจายความเสี่ยง appeared first on THE STANDARD.

]]>

เกิดอะไรขึ้นกับ ‘มาเก๊า’ ศูนย์กลางการพนันอันดับหนึ่งของโลก สมญานาม ‘ลาสเวกัสตะวันออก’ กำลังเผชิญกับงบประมาณขาดดุล ล่าสุดผู้นำจีนและมาเก๊าออกโรงเตือน 6 กลุ่มทุนยักษ์ใหญ่วงการคาสิโน Sands China, Wynn Macau, SJM Holdings, MGM China, Galaxy Entertainment และ Melco Resorts ให้เร่งขยายฐานรายได้ออกจากอุตสาหกรรมคาสิโน

 

สำนักข่าว Reuters รายงานว่า ผู้นำของมาเก๊าออกมาระบุว่า มาเก๊าถือเป็นศูนย์กลางการพนันที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กำลังเผชิญความเสี่ยงงบประมาณขาดดุล ซึ่งรายได้ลดลงต่ำกว่า 15,000 ล้านปาตากา (หรือราว 1,880 ล้านดอลลาร์) ต่อเดือน ต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ในไตรมาสแรก 

 

Sam Hou Fai ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ให้ความเห็นดังกล่าวต่อสมาชิกสภานิติบัญญัติท้องถิ่นว่า “หากรายได้จากการพนันยังไม่บรรลุเป้าหมาย รัฐบาลจะประสบกับงบประมาณขาดดุล”

 

ปัจจุบัน มาเก๊าเป็นเขตปกครองพิเศษของจีนและเป็นสถานที่เดียวที่พลเมืองจีนได้รับอนุญาตให้เล่นการพนันในคาสิโนได้ตามกฎหมาย

 

แต่เดิมมาเก๊าอยู่ภายใต้การปกครองของโปรตุเกสจนถึงปี 1999 ปัจจุบันเป็นเขตปกครองตนเองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เศรษฐกิจของมาเก๊าพึ่งพาอุตสาหกรรมคาสิโนเป็นอย่างมาก ซึ่งสร้างรายได้ภาษีให้กับรัฐบาลมากถึงประมาณ 80%

 


ข่าวที่เกี่ยวข้อง: 


 

“ความไม่สมดุลในโครงสร้างการคลังของเรานั้นกำลังเสี่ยงรายได้ลดลงรุนแรง และเราต้องสร้างเสถียรภาพให้เข้มแข็ง เพราะมาเก๊าเป็นเมืองเล็ก แต่รายจ่ายประจำของเรานั้นค่อนข้างมากและจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป” Sam กล่าว

 

ด้านนักวิเคราะห์ กล่าวว่า การชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งในจีนและทั่วโลกสร้างความกังวลอย่างมากกับอุตสาหกรรมคาสิโนในมาเก๊า

 

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากทั่วโลก รวมถึงจีนด้วย”

 

DS kim นักวิเคราะห์จาก JP Morgan ฮ่องกง กล่าวว่า มาเก๊ากำลังเผชิญกับ ‘ผลกระทบระลอกที่ 2’ จากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อในกวางตุ้ง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของจีน และค่าเงินหยวนที่อ่อนค่าลง

 

ปัจจุบัน เขาคาดการณ์ว่ารายได้จากการเล่นคาสิโนของมาเก๊าอาจลดลงถึง 10% ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด เมื่อเทียบกับการคาดการณ์การเติบโตเพียงหลักเดียว

 

ทั้งนี้ รายได้จากการเล่นคาสิโนของมาเก๊าในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 0.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็น 57,700 ล้านปาตากา หรือ 19,200 ล้านปาตากาต่อเดือน เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ตลอดทั้งปีของรัฐบาลที่ 240,000 ล้านปาตากา หรือ 20,000 ล้านปาตากาต่อเดือน

 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางการจีนและมาเก๊าได้สั่งให้ผู้ประกอบการคาสิโนที่ได้รับอนุญาต 6 ราย ได้แก่ Sands China, Wynn Macau, SJM Holdings, MGM China, Galaxy Entertainment และ Melco Resorts เร่งขยายฐานรายได้ออกจากอุตสาหกรรมคาสิโนเพื่อลดความเสี่ยง

 

ภาพ: Seng Chye Teo / Getty Images 

อ้างอิง: 

The post ภาษีทรัมป์พ่นพิษถึงวงการคาสิโน ‘มาเก๊า’ หรือลาสเวกัสตะวันออก เสี่ยงงบขาดดุล จีนออกโรงเตือน 6 ทุนยักษ์เร่งกระจายความเสี่ยง appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองพิสูจน์หลักฐานเตรียมคืนร่างผู้เสียชีวิตเหตุตึก สตง. ถล่มให้ญาติเพิ่มในวันพรุ่งนี้ https://thestandard.co/forensics-bodies-sao-collapse/ Wed, 16 Apr 2025 09:47:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1065072

วันนี้ (16 เมษายน) ในช่วงบ่าย ได้มีการประชุมร่วมกันระหว […]

The post กองพิสูจน์หลักฐานเตรียมคืนร่างผู้เสียชีวิตเหตุตึก สตง. ถล่มให้ญาติเพิ่มในวันพรุ่งนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

วันนี้ (16 เมษายน) ในช่วงบ่าย ได้มีการประชุมร่วมกันระหว่างเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) และกองอำนวยการร่วม สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ เพื่อติดตามความคืบหน้าในการชันสูตรร่างของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) แห่งใหม่ถล่ม ซึ่งขณะนี้สามารถนำร่างออกมาได้แล้วทั้งสิ้น 44 ราย โดยก่อนหน้านี้ได้มีการส่งมอบร่างคืนให้กับญาติไปแล้วจำนวน 15 ราย

 

สำหรับร่างผู้เสียชีวิตที่เหลืออีก 29 ราย ยังคงอยู่ที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อดำเนินการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลอย่างละเอียด

 

พล.ต.ต. วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง ได้เปิดเผยภายหลังการประชุมว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 เมษายน) เวลา 14.00 น. ที่สถาบันนิติเวชวิทยา จะมีการส่งมอบร่างผู้เสียชีวิตที่ผ่านการพิสูจน์อัตลักษณ์และยืนยันตัวบุคคลได้แล้วเพิ่มเติมให้แก่ครอบครัวของผู้เสียชีวิต

 

การยืนยันอัตลักษณ์บุคคลดังกล่าว เป็นผลจากการเปรียบเทียบสารพันธุกรรม (DNA) ที่เก็บไว้ก่อนหน้านี้จากครอบครัวของผู้สูญหายจำนวน 91 ราย ที่ได้เดินทางมาให้ข้อมูลและเก็บตัวอย่าง DNA ไว้

 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานยังคงเร่งดำเนินการตรวจสอบและพิสูจน์อัตลักษณ์ของผู้เสียชีวิตรายอื่นๆ ที่ยังคงเหลืออยู่ เพื่อให้สามารถส่งมอบร่างคืนให้กับครอบครัวได้โดยเร็วที่สุด

 

จากนั้นเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานร่วมกับพนักงานสอบสวน สน.บางซื่อ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบและเก็บตัวอย่างปูนที่พังถล่มลงมา เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์เป็นหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากปูนแต่ละชั้นมีความหนาแน่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกันอย่างไร ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำมาใช้ประกอบสำนวนคดี และเตรียมรายงานในการประชุมติดตามความคืบหน้าคดีในวันพรุ่งนี้

The post กองพิสูจน์หลักฐานเตรียมคืนร่างผู้เสียชีวิตเหตุตึก สตง. ถล่มให้ญาติเพิ่มในวันพรุ่งนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>