News – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 21 Dec 2024 09:49:45 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ครบ 1 ปี สายด่วน 1441 อาชญากรรมออนไลน์ความเสียหายลด 44% เดินหน้าอายัดบัญชีทันที 7 วัน https://thestandard.co/hotline-1441-online-crime-reduces-losses/ Sat, 21 Dec 2024 09:49:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1022128 hotline-1441-online-crime-reduces-losses

วันนี้ (21 ธันวาคม) เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระ […]

The post ครบ 1 ปี สายด่วน 1441 อาชญากรรมออนไลน์ความเสียหายลด 44% เดินหน้าอายัดบัญชีทันที 7 วัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
hotline-1441-online-crime-reduces-losses

วันนี้ (21 ธันวาคม) เอกพงษ์ หริ่มเจริญ ผู้ตรวจราชการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (AOC) สายด่วน 1441 เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของศูนย์ AOC ที่ครบ1 ปี เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า ศูนย์ AOC เริ่มขึ้นมาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ครบ 1 ปีของการดำเนินงาน โดยเหตุผลที่มีศูนย์แห่งนี้ เพราะว่าภัยออนไลน์ที่เข้ามาในตอนนี้เป็นภัยคุกคามรูปแบบใหม่ โดยจะต้องใช้หลายภาคส่วนในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นภาคธนาคาร โทรคมนาคม ตำรวจและความมั่นคงอื่นๆ รวมทั้งเรื่องตามแนวชายแดนที่เริ่มกวดขันภัยคุกคามรูปแบบนี้ ซึ่งเป็นภัยรูปแบบใหม่ รัฐบาลมอบหมายให้กระทรวงดีอีเป็นแม่งานในการดูแล จึงมีการจัดตั้งศูนย์ AOC สายด่วน 1441 เพื่อที่จะเป็นวัน One Stop Service ให้กับประชาชนโทรเข้ามาเมื่อเกิดความเสียหายขึ้น  

 

ซึ่งศูนย์ AOC จะดำเนินรับเรื่องเมื่อเกิดความเสียหายแล้ว โดยจะสามารถประสานหรือโทรสายตรงไปยังธนาคารต่างๆ ทันที และอายัดบัญชี หรือห้ามทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลา 7 วัน ซึ่งเป็นไปตามพระราชกำหนดว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ จากนั้นศูนย์ยังให้ประชาชนเลือกสถานีตำรวจที่ใกล้เคียงพื้นที่เกิดเหตุ โดยจะรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นส่งทางระบบออนไลน์เพื่อนำไปสู่การสืบสวนของตำรวจต่อไป โดยประชาชนจะต้องไปแจ้งความอีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ครบกระบวนการเพื่อดำเนินคดีตามประมวลกฎหมาย ป.วิอาญา 

 

“เมื่อประชาชนที่ถูกหลอกโทรมายังศูนย์ AOC บัญชีของผู้เสียหายโอนไปที่ใดก็จะทำการอายัดทุกที่เพื่อยับยั้งบัญชีทันที ไม่ว่าจะเป็นแถวหนึ่ง แถวสอง หรือแถวสาม จากนั้นศูนย์ AOC จะเก็บรวบรวมไว้เมื่อมีข้อมูลของประชาชนที่โดนหลอกไม่ว่าจะด้วยวิธีการแบบใด และมอบให้ผู้เกี่ยวข้องไปดำเนินการ รวมถึงเมื่อธนาคารใดมีการเปิดบัญชีม้าจำนวนมากก็จะส่งข้อมูลไปยังธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ดำเนินการกวดขัน ส่วนตำรวจจะส่งข้อมูลสถานที่ต่างๆ ขณะที่ กสทช. จะตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์เพื่อดำเนินการส่งข้อมูลให้ตำรวจต่อไป” 

 

เอกพงษ์ยังย้ำว่า ขณะนี้ศูนย์ AOC ยกระดับการประสานงานความร่วมมือกับ ธปท. ในการตรวจสอบบัญชีม้าที่เข้มขึ้น จากเดิมชื่อ-นามสกุลเดียวกันมีถึง 100 บัญชี จึงจะทยอยระงับ แต่ตอนนี้เมื่อมีชื่อ-สกุลเดียวจะระงับทุกบัญชีทันที ซึ่งเป็นการกำจัดบัญชีม้าออกจากระบบได้อย่างมหาศาล นอกจากนี้ทาง กสทช. ยังมีมาตรการให้คนที่มีซิมมากกว่า 6 เลขหมายหรือเกินกว่าจำนวนที่กำหนดมาชี้แจงถึงเหตุผลในการใช้งาน 

 

“มาตรการดังกล่าวถือเป็นการช่วยกัน อาจไม่ได้เป็นการโค่นต้นไม้ แต่เป็นการลิดกิ่งก้านสาขาไม่ให้การเติบโต แม้แก๊งอาชญากรรมออนไลน์ มิจฉาชีพจะไม่หมด เพราะเกิดขึ้นมาตั้งนาน แต่ตอนนี้ก็มีหนทางเริ่มที่จะจับกุม เพื่อลดความเสียหายของประชาชนให้น้อยลง ซึ่งหนึ่งปีที่ผ่านมาจากการรวบรวมสถิติ ปรากฏว่าคดีและความเสียหายลดลงประมาณ 44% ถือว่ามาก แต่ยังไม่พอใจ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ AOC อยากจะบอกประชาชนว่า เมื่อถูกหลอกแล้วหรือมีแหล่งข้อมูลแล้วสามารถโทรมาที่ศูนย์ AOC ได้” เอกพงษ์กล่าว

 

เอกพงษ์ยังขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในศูนย์ AOC สายด่วน 1441 มี 100 คู่สาย ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง อัตราการรับสายเกือบ 100% ซึ่งเมื่อรับเรื่องแล้วจะดำเนินการตามขั้น ที่สำคัญส่งข้อมูลรายละเอียด รวบรวมเป็นข้อมูลให้แต่ละหน่วยงานนำไปป้องกันการหลอกลวงในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการหลอกขายทัวร์ ก็ส่งให้สมาคมท่องเที่ยวฯ การหลอกลงทุนทองคำ ส่งเรื่องให้สมาคมทองคำ นำไปข้อมูล เป็นต้น แต่ที่สำคัญตอนนี้มีการส่งให้กับเศรษฐกิจจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงดีอี ไปเรียนผู้ว่าราชการจังหวัดว่าในจังหวัดนั้นประชาชนถูกหลอกเรื่องอะไร เพื่อนำไปสร้างภูมิคุ้มให้ประชาชน ซึ่งดำเนินการครอบคลุมทั่วประเทศแล้ว

 

“ส่วนแผนงานเพิ่มศักยภาพของศูนย์ AOC จะเร่งแก้ไขพระราชกำหนดเฟสที่ 2 เพื่อที่จะดูเรื่องการอายัดบัญชีให้เร็วและรีบเอาเงินมาคืนประชาชนให้ได้ โดยมอบหมายให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ไปดำเนินการหารือและร่วมมือกับ ธปท. รวมถึงธนาคารและบริษัทมือถือจะต้องร่วมรับผิดชอบหรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ธนาคารและค่ายมือถือรับทราบแล้วและจะดำเนินการอย่างไรเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและดูแลประชาชน พร้อมกันนี้ยังยกระดับความร่วมมือด้านนี้กับอาเซียนและประเทศที่พัฒนาแล้ว” เอกพงษ์กล่าวย้ำ 

 

The post ครบ 1 ปี สายด่วน 1441 อาชญากรรมออนไลน์ความเสียหายลด 44% เดินหน้าอายัดบัญชีทันที 7 วัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
OpenAI เปิดตัว o3 โมเดลที่ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ กว่าเดิม พร้อมแข่งกับ Gemini 2.0 ของ Google https://thestandard.co/openai-o3-vs-google-gemini-2/ Sat, 21 Dec 2024 07:50:19 +0000 https://thestandard.co/?p=1022104 openai-o3-vs-google-gemini-2

OpenAI ประกาศเปิดตัว o3 และ o3-mini ตระกูลโมเดลที่บริษั […]

The post OpenAI เปิดตัว o3 โมเดลที่ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ กว่าเดิม พร้อมแข่งกับ Gemini 2.0 ของ Google appeared first on THE STANDARD.

]]>
openai-o3-vs-google-gemini-2

OpenAI ประกาศเปิดตัว o3 และ o3-mini ตระกูลโมเดลที่บริษัทอ้างว่ามีการ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ ซึ่งปัจจุบันบริษัทกำลังทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัยกับกลุ่มนักวิจัยอยู่ โดย Sam Altman ให้ข้อมูลว่า o3-mini จะเปิดตัวภายในสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า และ o3 ในช่วงเวลาถัดไปหลังจากนั้น

 

การแถลงเปิดตัว o3 และ o3-mini ที่เพิ่งเกิดขึ้นมาในช่วงราว 3 เดือนนับตั้งแต่ OpenAI ออกโมเดลตระกูล o1 ที่มีการคิดอย่างมีเหตุผล โดยตัวโมเดลใช้เวลาประมวลผลที่นานกว่าเพื่อแก้โจทย์ที่ซับซ้อน โดยเฉพาะในด้านของวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ หรือการเขียนโค้ด

 

ทาง OpenAI ระบุว่า o3 และ o3-mini จะมีความสามารถและฉลาดกว่าตระกูล o1 ที่ออกมาก่อนหน้านี้

 


 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


 

TechCrunch รายงานว่า โมเดลที่มีการ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ อย่างเช่น o3 ช่วยให้ AI สามารถตรวจเช็กคำตอบกับตนเองและลดอาการหลอนหรือข้อผิดพลาดในคำตอบของตนให้น้อยที่สุด ซึ่งข้อผิดพลาดดังกล่าวมักพบได้ใน AI ประเภททั่วไป

 

ขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงนี้นำมาสู่ความล่าช้าบ้างใน o3 แต่ก็แลกมากับความน่าเชื่อถือของคำตอบที่มากขึ้นในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ซับซ้อน เช่น วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์

 

o3 ได้รับการเทรนนิ่งผ่านการเรียนรู้แบบ ‘Reinforcement Learning’ หรือการเรียนรู้ด้วยวิธีลองผิดลองถูก โดยมีรางวัลและการลงโทษเป็นตัวกำหนดการเรียนรู้ เพื่อให้ AI คิดก่อนตอบและวางแผนล่วงหน้า ก่อนจะดำเนินการเป็นลำดับขั้นเพื่อหาวิธีแก้ปัญหา

 

อย่างไรก็ตาม o3 และ o3-mini ไม่ได้ทำให้อาการหลอนของ AI หายไปทั้งหมด เพียงแต่ลดความเป็นไปได้ที่ข้อผิดพลาดเหล่านั้นจะเกิดขึ้น

 

การมาของ o3 และ o3-mini อยู่ในช่วงที่การแข่งขันในสังเวียน AI ยกระดับขึ้น โดยในช่วงต้นเดือนธันวาคมนี้ ทาง Google มีการเปิดตัว Gemini 2.0 ที่ทางบริษัทเสิร์ชเอนจินยักษ์ใหญ่เคลมว่าเป็น ‘โมเดลที่มีการคิดอย่างถี่ถ้วนมากที่สุด’ ซึ่งมุ่งเป้าสำหรับการใช้งานรับมือกับเนื้อหาที่ซับซ้อน และต้องการจะอยู่แถวหน้าของการแข่งเพื่อชิงตำแหน่ง ‘ผู้นำ’ อุตสาหกรรม AI

 

อ้างอิง:

 

The post OpenAI เปิดตัว o3 โมเดลที่ ‘คิดอย่างมีเหตุผล’ กว่าเดิม พร้อมแข่งกับ Gemini 2.0 ของ Google appeared first on THE STANDARD.

]]>
โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา Netflix เปิดตัวสุดอลังต้อนรับ ‘Squid Game 2’ ก่อนฉายจริงพร้อมกันทั่วโลก 26 ธ.ค. นี้ https://thestandard.co/squid-game-2-netflix-thailand-launch/ Sat, 21 Dec 2024 07:43:38 +0000 https://thestandard.co/?p=1022091 squid-game-2-netflix-thailand-launch

วันนี้ (21 ธันวาคม)​ Netflix เปิดตัวซีรีส์ ‘Squid Game […]

The post โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา Netflix เปิดตัวสุดอลังต้อนรับ ‘Squid Game 2’ ก่อนฉายจริงพร้อมกันทั่วโลก 26 ธ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
squid-game-2-netflix-thailand-launch

วันนี้ (21 ธันวาคม)​ Netflix เปิดตัวซีรีส์ ‘Squid Game ซีซัน 2’ ด้วยการยกตุ๊กตาสังหารโกโกวา หรือ ยองฮี ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกล่องแม่น้ำเจ้าพระยา ให้แฟนๆ ซีรีส์ชาวไทยได้ชมผ่านขบวนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 21-22 ธันวาคม 2567 โดยจะล่องเรือผ่านเส้นทางต่อไปนี้

 

  • สะพานพระราม 8
  • สะพานพระปิ่นเกล้า
  • วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
  • สะพานพุทธยอดฟ้า
  • ICONSIAM
  • สะพานตากสิน
  • สะพานพระราม 3 หรือสะพานกรุงเทพ
  • สะพานพระราม 9
  • สะพานภูมิพล

 

ทั้งนี้ จะมีโชว์เปิดตัวให้ได้รับชมกัน 2 จุด คือบริเวณท่าเรือวัดอรุณฯ เวลา 11.30-12.30 น. และบริเวณท่าเรือ ICONSIAM เวลา 12.30-13.30 น. และ 17.30-18.30 น. 

 

หลังจากนั้นเรือจะเทียบท่าอวดโฉม ‘โกโกวา’ ขนาดยักษ์ให้แฟนๆ ถ่ายรูปกันที่บริเวณท่าเรือ ICONSIAM ตั้งแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 (ยกเว้นวันที่ 31 ธันวาคม 2567)

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมก่อนฉายจริงพร้อมกันทั่วโลกวันที่ 26 ธันวาคมนี้ เพื่อฉลองการกลับมาในซีซันที่ 2 Netflix จึงเนรมิตลาน ICONSIAM Park เป็นพื้นที่กิจกรรมให้แฟนซีรีส์เตรียมความพร้อมเพื่อกลับเข้าสู่เกมสุดระทึกกันอีกครั้ง ทั้งการถ่ายภาพทำบัตรประจำตัวผู้เข้าแข่งขัน, ลองท้าแข่งตั๊กจี (Ddakji) กับชายชุดสูท, ถ่ายภาพกับสนามแข่งเกม ‘เออีไอโอยู หยุด’ และการตกแต่งเสื้อยืดสควิดเกมตัวเดียวในโลกในแบบของตนเอง โดยสามารถร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันที่ 21-22 ธันวาคม 2567 เวลา 11.00-21.00 น. ณ ICONSIAM Park ชั้น 2 ICONSIAM

 

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา

The post โกโกวายักษ์ กลางแม่น้ำเจ้าพระยา Netflix เปิดตัวสุดอลังต้อนรับ ‘Squid Game 2’ ก่อนฉายจริงพร้อมกันทั่วโลก 26 ธ.ค. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นโรไวรัสระบาดจริงหรือไม่? รับมือกับข่าวโรคระบาดอย่างไรไม่ให้ตื่นตระหนก https://thestandard.co/norovirus-outbreak-how-to-handle-news/ Sat, 21 Dec 2024 06:36:24 +0000 https://thestandard.co/?p=1022081 norovirus-outbreak-how-to-handle-news

ทุกครั้งที่เราได้ยิน ‘ข่าวการระบาด’ ของโรคที่ไม่คุ้นหู […]

The post นโรไวรัสระบาดจริงหรือไม่? รับมือกับข่าวโรคระบาดอย่างไรไม่ให้ตื่นตระหนก appeared first on THE STANDARD.

]]>
norovirus-outbreak-how-to-handle-news

ทุกครั้งที่เราได้ยิน ‘ข่าวการระบาด’ ของโรคที่ไม่คุ้นหู

 

โรคนั้นอาจเป็นโรคที่ไม่เคยพบมาก่อน (โรคอุบัติใหม่) โรคที่ไม่ได้ยินมานานแล้ว (โรคอุบัติซ้ำ) หรือโรคที่พบบ่อยแต่ไม่ค่อยเป็นข่าว (โรคประจำถิ่น) แต่เราก็มักจะนึกถึงฝันร้ายโควิด-19 เมื่อ 5 ปีก่อน เกิดเป็นความกังวลว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเช่นนั้นอีก ซึ่งในความเป็นจริงอาจจะไม่เป็นเช่นนั้นก็ได้ เราจะรับมือกับข่าวโรคระบาดอย่างไรไม่ให้ตื่นตระหนก

 

ในฐานะแพทย์ระบาดวิทยา ขอแนะนำให้ใช้ ‘คำถาม 3 ข้อ’ ในการรับมือกับข่าวโรคระบาด และยกตัวอย่างข่าว ‘โนโรไวรัสระบาด’ ที่กำลังเป็นที่สนใจของประชาชนในขณะนี้

 

ถามตัวเองก่อน 3 ข้อ

 

ก่อนที่สิ่งที่เรารับรู้จะกลายเป็นความกังวล ผมอยากให้ตั้งสติด้วยคำถามที่ผมประยุกต์มาจากขั้นตอนการทำงานของทีมตระหนักรู้สถานการณ์ (Situation Awareness Team: SAT) ของหน่วยงานด้านสาธารณสุข ซึ่งทำหน้าที่เฝ้าระวัง เตือนภัย ประเมินสถานการณ์ และรายงานโรคและภัยสุขภาพในพื้นที่ที่รับผิดชอบ สรุปเป็นคำถาม 3 ข้อ ดังนี้

 

  1. ข่าวจริงหรือไม่? เป็นการตรวจสอบความถูกต้องของข่าว เริ่มจากตรวจสอบ ‘แหล่งข่าว’ คือมีที่มาชัดเจน เป็นบุคคลหรือหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ หน่วยงานรัฐ สำนักข่าว เพราะบางครั้งอาจเป็นข่าวลือ จากนั้นตรวจสอบ ‘ข้อเท็จจริง’ โดยอาจเปรียบเทียบ (รีเช็ก) กับแหล่งข่าวอื่น หรือสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรคนั้นๆ 

 

เมื่อตรวจสอบแล้วว่าเป็นข่าวจริง ก็ไปต่อกันที่ข้อถัดไป

 

  1. เราเสี่ยงแค่ไหน? เป็นการประเมินความเสี่ยงจากโรคนั้นๆ พิจารณาจาก ความเสี่ยง = โอกาสที่จะเกิด x ความรุนแรง แปลให้เข้าใจง่ายคือ ความเสี่ยงขึ้นกับว่าโรคนี้มีโอกาสเกิดขึ้นกับเราหรือไม่ และถ้าเกิดแล้วเราจะป่วยรุนแรงหรือไม่

 

ปัจจัยแรก เรามีโอกาสป่วยเป็นโรคนั้นหรือไม่ การตอบคำถามนี้เราควรมีความรู้เกี่ยวกับ ‘โรค’ ก่อน จากนั้นเปรียบเทียบกับ ‘ตัวเรา’ ว่าเกี่ยวข้องกับโรคนั้นเพียงใด

 

เราควรมีความรู้เกี่ยวกับโรคใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. เชื้อโรค เกิดจากเชื้ออะไร ติดต่อผ่านทางไหน มีพาหะนำโรคหรือไม่ 2. คน เกิดขึ้นกับใคร ที่ไหน และเมื่อไร เช่น กลุ่มอายุใดที่พบผู้ป่วยมากที่สุด มีรายงานผู้ป่วยในประเทศไทยหรือไม่ เมื่อเดือนอะไร 3. สิ่งแวดล้อม เกิดในสภาพแวดล้อมแบบใด เช่น ฤดูอะไรที่พบผู้ป่วยมากที่สุด หลังจากเกิดภัยพิบัติอะไรแล้วพบผู้ป่วยมากขึ้น

 

ตัวอย่างการเปรียบเทียบกับตัวเรา เช่น เรามีพฤติกรรมเสี่ยงที่เป็นช่องทางให้เชื้อเข้าสู่ตัวเราหรือไม่ เรามีอายุอยู่ในกลุ่มที่พบผู้ป่วยจำนวนมากหรือไม่ เราอยู่ในพื้นที่ที่มีรายงานโรคหรือไม่ เป็นต้น

 

ปัจจัยที่ 2 ถ้าป่วยแล้ว เราจะป่วยรุนแรงหรือไม่ พิจารณาจาก ‘อัตราป่วยตาย’ ว่าในคนป่วย 100 ราย พบเสียชีวิตกี่ราย เช่น โควิด-19 ในช่วงแรกมีอัตราป่วยตาย 2% บางโรคมีอัตราป่วยตายสูงกว่านั้น เช่น อีโบลา 25-90% และพิจารณาจาก ‘กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรง’ ว่ากลุ่มใดที่ต้องนอนโรงพยาบาล/เสียชีวิตบ้าง ซึ่งมักเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว เพราะมีภูมิคุ้มกันต่ำกว่าคนทั่วไป

 

นอกจากนี้ยังอาจพิจารณาจาก ‘การรักษา’ ว่ามียารักษาเฉพาะ เช่น ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านไวรัสหรือไม่

 

เมื่อพิจารณาทั้งสองปัจจัยแล้วก็จะสามารถสรุปได้ว่า เรามีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง-สูง

 

  1. เราควรทำอะไร? เป็นการระบุวิธีการป้องกันการป่วยและอาการรุนแรง ระดับความเข้มขึ้นกับความเสี่ยงที่เราประเมินได้ โดยการปฏิบัติตัวแบ่งเป็น 3 ขั้นตอน ได้แก่ 

 

  1. การป้องกันโรค มีวัคซีนป้องกันโรคหรือไม่ มีการปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคอะไรบ้าง ซึ่งจะขึ้นกับวิธีการติดต่อ เช่น โรคติดต่อทางเดินหายใจ ป้องกันด้วยการสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือเป็นประจำ 2. การสังเกตอาการ อาการของโรคมีอะไรบ้าง อาการแบบใดที่ควรไปพบแพทย์ เพื่อจะได้รีบไปโรงพยาบาล และ 3. การรักษาโรค หากไม่มียารักษาเฉพาะก็จะเป็นยารักษาตามอาการ

 

ยกตัวอย่างข่าวโนโรไวรัสระบาด

 

โนโรไวรัส เป็นไวรัสชนิดหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วง มักพบการระบาดในฤดูหนาว หลายคนมักจะเชื่อมโยงโรคอุจจาระร่วงกับฤดูร้อน เพราะอากาศร้อนทำให้อาหารบูดเสียง่าย ซึ่งเป็นผลมาจาก ‘แบคทีเรีย’ เติบโตได้เร็วขึ้นเมื่ออุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น ทว่าตรงกันข้ามกับ ‘ไวรัส’ ที่มีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานขึ้นเมื่ออุณหภูมิลดต่ำลง จึงพบโรคอุจจาระร่วงในช่วงนี้ได้เช่นกัน

 

ข่าวโนโรไวรัสระบาดมี 2 ข่าวหลักด้วยกัน คือ การระบาดของโนโรไวรัสที่ประเทศจีน และการระบาดของโรคอุจจาระร่วงในงานกีฬาสีที่จังหวัดระยอง มีนักเรียนป่วยมากกว่า 1,400 ราย

 

เริ่มจากคำถามข้อแรก 1. ข่าวจริงหรือไม่? วิธีการตรวจสอบข่าวที่ผมใช้บ่อยคือการค้นหาในเว็บไซต์ Google ด้วยคำค้น ชื่อโรค ตามด้วยชื่อสถานที่ และเวลา และหากเป็นการระบาดในต่างประเทศควรใช้ภาษาอังกฤษ เช่น Norovirus China 2024 พบว่า

 

– การระบาดของโนโรไวรัสในหลายพื้นที่ของประเทศจีน เป็น ‘ข่าวจริง’ และศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งประเทศจีนได้ออกคำแนะนำแนวทางการป้องกันการติดเชื้อโนโรไวรัสในโรงเรียนและสถานที่สำคัญ เช่น ศูนย์เด็กเล็ก และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ

 

– การระบาดของโรคอุจจาระร่วงในงานกีฬาสีที่จังหวัดระยองจากโนโรไวรัส เพจกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ชี้แจงเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ว่าเป็น ‘ข่าวปลอม’ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สาเหตุจากเชื้ออีโคไล และโคลิฟอร์มแบคทีเรีย (แบคทีเรียที่พบในแหล่งน้ำ ดิน และอุจจาระ)

 

ทว่าเมื่อสืบค้นข่าวย้อนหลังกลับไปเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6 เคยแถลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ว่า เกิดจากการติดเชื้อโนโรไวรัสที่ปนเปื้อนมากับน้ำและน้ำแข็ง ซึ่งหากอ้างอิงตามข่าวนี้ก็ไม่น่าจะใช่ ‘ข่าวปลอม’ แต่อย่างใด ดังนั้นกระทรวงสาธารณสุขจึง

ควรอธิบายเพิ่มเติมว่าเพราะอะไรที่ทำให้ข้อเท็จจริงถึงไม่ตรงกัน 

 

  1. เราเสี่ยงแค่ไหน? โนโรไวรัสก่อให้เกิดโรคอุจจาระร่วง สามารถติดต่อได้ง่าย เนื่องจากไวรัสจำนวนไม่ถึง 100 ตัวสามารถก่อให้เกิดโรคได้ ติดต่อผ่านการปนเปื้อนของอาหารและน้ำ พื้นผิวที่ปนเปื้อนอาเจียนหรืออุจจาระ และมีรายงานว่าติดต่อผ่านอากาศได้ โดยละอองขนาดเล็กเกิดจากการอาเจียนแรงหรือแรงดันน้ำหลังกดชักโครก แต่ไม่ใช่วิธีการติดต่อหลัก

 

เด็กและผู้ใหญ่สามารถติดเชื้อโนโรไวรัสได้ ผู้ป่วยจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ถ่ายเหลว ไข้ต่ำๆ มักหายได้เองภายใน 1-3 วัน แต่บางรายอาจมีอาการรุนแรงจากการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ ได้แก่ เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ การรักษาเป็นการรักษาตามอาการ ไม่มียาต้านไวรัส ดังนั้นอาการและความรุนแรงของโนโรไวรัสจึงใกล้เคียงกับโรคอุจจาระร่วงทั่วไป

 

เมื่อพิจารณาจากความสามารถในการติดเชื้อ และช่วงนี้เป็นฤดูหนาว ซึ่งอากาศเย็นต่อเนื่องหลายวัน ผมจึงประเมิน ‘โอกาสที่จะเกิด’ อยู่ในระดับปานกลาง ส่วน ‘ความรุนแรง’ อยู่ในระดับต่ำ ประมวลเป็นความเสี่ยง = โอกาสที่จะเกิด x ความรุนแรง ในระดับปานกลาง

 

  1. เราควรทำอะไร? โนโรไวรัสยังไม่มีวัคซีนป้องกัน จึงต้องเน้นที่สุขอนามัยส่วนบุคคล 

 

โรคนี้ติดต่อผ่านอาหารและน้ำ จึงควรยึดหลัก ‘กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ’ และ ‘สุก ร้อน สะอาด’ คืออาหารต้องปรุงสุก หากปรุงไว้นานเกิน 2 ชั่วโมงควรนำมาอุ่นร้อน น้ำและน้ำแข็งต้องสะอาด ที่สำคัญคือต้องล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่ เนื่องจากแอลกอฮอล์ไม่สามารถฆ่าเชื้อโนโรไวรัสได้

 

การรักษาเหมือนโรคอุจจาระร่วงทั่วไป คือ ดื่มน้ำเกลือแร่ชดเชย ยารักษาตามอาการ เช่น ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน ยาแก้ปวดท้อง อาการจะดีขึ้นเองภายใน 1-3 วัน อาการที่ควรไปพบแพทย์คือ ถ่ายอุจจาระมากหรือเป็นมูกเลือด อาเจียนบ่อย ดื่มน้ำเกลือแร่ไม่ได้ อ่อนเพลีย

 

โดยสรุปเมื่อได้ยินข่าวการระบาดของโรค ผมแนะนำให้รับมือด้วยการถามตัวเองก่อน 3 ข้อ คือ 1. ข่าวจริงหรือไม่ เพราะบางครั้งอาจเป็นข่าวปลอม 2. เราเสี่ยงแค่ไหน ขึ้นกับโอกาสที่จะเกิด x ความรุนแรง ทำให้เราไม่กังวลมากเกินไป แต่ก็ไม่ชะล่าใจ และ 3. เราควรทำอะไรเพื่อป้องกันโรค ส่วนโนโรไวรัสไม่ใช่โรคอุบัติใหม่ เป็นโรคประจำถิ่นที่มักพบการระบาดในช่วงฤดูหนาว การป้องกันและการรักษาเหมือนกับโรคอุจจาระร่วงอื่น ที่ต้องเน้นย้ำคือต้องล้างมือเป็นประจำด้วยสบู่เท่านั้น

 

อ้างอิง:

The post นโรไวรัสระบาดจริงหรือไม่? รับมือกับข่าวโรคระบาดอย่างไรไม่ให้ตื่นตระหนก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ตลาดส่งออกทุเรียนไปจีนยังหอมหวาน ไทย-เวียดนามส่งเท่าไรก็ไม่พอ | THE STANDARD WEALTH https://thestandard.co/morning-wealth-21122024/ Sat, 21 Dec 2024 06:00:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1021794 morning-wealth-21122024

ไทยยังครองแชมป์ส่งออกทุเรียนสดไปจีนมากที่สุดเป็นอันดับ […]

The post ชมคลิป: ตลาดส่งออกทุเรียนไปจีนยังหอมหวาน ไทย-เวียดนามส่งเท่าไรก็ไม่พอ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
morning-wealth-21122024

ไทยยังครองแชมป์ส่งออกทุเรียนสดไปจีนมากที่สุดเป็นอันดับ 1 แม้โดยภาพรวมการส่งออกทุเรียนไทยไปจีนปี 2567 เติบโต 12% ลดลงจากปีก่อนที่โต 30% เพราะมีเวียดนามเข้ามาเป็นคู่แข่งส่งออกทุเรียนมากขึ้น 

 

ติดตาม รายการ Morning Wealth ทุกวัน จันทร์ – ศุกร์ เวลา 7.00-8.00 ทาง Facebook และ YouTube ของ THE STANDARD WEALTH

 

อัปเดตข่าวสารจากสำนักข่าวเศรษฐกิจ ธุรกิจ และการลงทุน โดยทีมข่าว THE STANDARD ได้ที่ https://thestandard.co/wealth/

The post ชมคลิป: ตลาดส่งออกทุเรียนไปจีนยังหอมหวาน ไทย-เวียดนามส่งเท่าไรก็ไม่พอ | THE STANDARD WEALTH appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ไขคำตอบ คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? | KEY MESSAGES #173 https://thestandard.co/can-humans-fall-in-love-with-ai/ Sat, 21 Dec 2024 05:55:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1022059 can-humans-fall-in-love-with-ai

คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? คำถามนี้อาจฟังดูเหมือนเป็นฉาก […]

The post ชมคลิป: ไขคำตอบ คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? | KEY MESSAGES #173 appeared first on THE STANDARD.

]]>
can-humans-fall-in-love-with-ai

คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? คำถามนี้อาจฟังดูเหมือนเป็นฉากที่อยู่ในหนัง Sci-Fi ห่างไกลกับความเป็นจริงมาก หรือไม่ก็เป็นเพียงแค่ภาพจินตนาการของผู้เขียนเท่านั้น แต่จะเป็นอย่างไรถ้าวันนี้ฉากเหล่านั้นกลายเป็นจริงขึ้นมา

 

แต่คำถามก็คือ คนเราจะรักหรือมีความสัมพันธ์กับ AI แทนคนจริงๆ ได้ไหม แล้วทำไมคนกลุ่มหนึ่งถึงเลือกเช่นนั้น อะไรบ้างที่มนุษย์ต้องแลก ไขคำตอบพร้อมกันในรายการ KEY MESSAGES

 

เรื่อง: ปภัสรา เพ็ชร์ณรงค์

ตัดต่อ: ธนวัฒน์ กางกรณ์

The post ชมคลิป: ไขคำตอบ คนเราตกหลุมรัก AI ได้ไหม? | KEY MESSAGES #173 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Eat-fluencer เทรนด์การกินที่สุดของคนไทยในปี 2024 ที่ชุบชีวิตเมนูเก่าเขย่าเมนูธรรมดา ดันยอด ‘ชาชีส-เค้กกล้วยหอม-ไข่พะโล้’ พุ่งกระฉูด https://thestandard.co/line-man-eat-fluencer/ Sat, 21 Dec 2024 05:47:05 +0000 https://thestandard.co/?p=1022054 Eat-fluencer

LINE MAN แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย สรุปเทรนด์การ […]

The post Eat-fluencer เทรนด์การกินที่สุดของคนไทยในปี 2024 ที่ชุบชีวิตเมนูเก่าเขย่าเมนูธรรมดา ดันยอด ‘ชาชีส-เค้กกล้วยหอม-ไข่พะโล้’ พุ่งกระฉูด appeared first on THE STANDARD.

]]>
Eat-fluencer

LINE MAN แพลตฟอร์มฟู้ดเดลิเวอรีสัญชาติไทย สรุปเทรนด์การกินของคนไทยแห่งปี 2024 จากฐานข้อมูลผู้ใช้งานกว่า 10 ล้านคน และร้านอาหารกว่า 5 แสนร้าน ยกให้ปีนี้เป็น ‘ปีแห่ง Eat-fluencer’ ที่อินฟลูเอ็นเซอร์ ‘ปลุกเมนูเก่าเขย่าเมนูธรรมดา’ ให้กลับมาฮิตอีกครั้ง ดันยอดออร์เดอร์ ‘ชาชีส-เค้กกล้วยหอม-ไข่พะโล้-ขนมไข่-ข้าวมันไก่-ข้าวขาหมู’ พุ่งจนกลายเป็นเมนูไวรัลแห่งปี

 

เมนูไวรัลแห่งปี! Eat-fluencer แจ้งเกิดเมนูใหม่ ชุบชีวิตเมนูเก่า

 

LINE MAN เผยว่า พฤติกรรมคนไทยคือการกินตามเทรนด์ ซึ่งปีนี้เห็นได้ว่ากระแสในโลกโซเชียลและอินฟลูเอ็นเซอร์มีบทบาทสำคัญในการแจ้งเกิดให้กับเมนูอาหาร โดย Top 6 เมนูไวรัลสุดปังแห่งปีที่มียอดออร์เดอร์เติบโตสูงที่สุดอันดับ 1 ได้แก่ ‘ชาชีส’ ที่ยอดออร์เดอร์บน LINE MAN เติบโตขึ้นถึง 7 เท่า อีกทั้งจำนวนร้านชาชีสบน LINE MAN เพิ่มขึ้นกว่า 4,000 ร้านทั่วประเทศ โดยร้านติดท็อปขายดีที่สุดทั่วประเทศ ได้แก่ ร้าน OWL CHA, BEARHOUSE และ Nose Tea ที่สั่งได้เฉพาะบน LINE MAN ด้วยเช่นกัน

ต่อมาในอันดับ 2 เค้กกล้วยหอม ที่ปลุกกระแสโดยร้าน Bonnana ที่เจ้าของคืออินฟลูเอ็นเซอร์สายกินชื่อดังอย่าง บิว วราภรณ์ จากกระแสนี้ทำให้มีร้านอาหารที่เพิ่มเมนูเค้กกล้วยหอมกว่า 2,000 ร้าน ส่งผลให้ยอดออร์เดอร์เค้กกล้วยหอมทั่วประเทศเติบโต 115%

เมนู ขนมไข่ ขนมย้อนวัยที่กินกันตอนเด็กๆ ถูกปลุกกระแสให้กลับมาอีกครั้งจากขนมไข่ไส้เนย ต้นตำรับจังหวัดสงขลา ฮิตกินกันทั่วบ้านทั่วเมือง มียอดสั่งเติบโตถึง 50% หนึ่งในร้านบน LINE MAN คือร้านรุน ขนมไข่สงขลา

 

เช่นเดียวกับ หมูเด้ง โกลบอลซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่สร้างกระแสอาหารสุดแปลกกับคนไทยที่มองน้องแล้วนึกถึงข้าวขาหมู จนทำให้มียอดค้นหาบน LINE MAN เพิ่มขึ้น 50 % พุ่งแรงแซงเมนูฮิตอย่าง ชาบู-ซูชิ เป็นประวัติการณ์ 

 

นอกจากนี้ เมนูเบสิกคู่คนไทย ข้าวมันไก่ ก็กลับขึ้นมาอยู่ในลิสต์เมนูมาแรงได้อีกครั้ง หลังจากเจ้าแม่แห่งวงการร้านอาหาร ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์ แห่ง iberry Group เปิดร้านอาหารแห่งใหม่ ข้าวมันไก่โต๊ะคิม ยกระดับข้าวมันไก่จานธรรมดาให้อร่อยแบบไม่ธรรมดา บวกกับร้านข้าวมันไก่ระดับพรีเมียมเกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ร้านหมึกมันไก่ ร้านบุญตงเกียรติ และ ร้าน FEI JI (เฟ๋ย จี) ข้าวมันไก่สไตล์สิงคโปร์ ซึ่งเป็นร้านที่สั่งได้เฉพาะบน LINE MAN จนมียอดสั่งข้าวมันไก่ภาพรวมทั่วประเทศเติบโตกว่า 23%

 

ทิ้งท้ายด้วย ไข่พะโล้ เมนูบ้านๆ ที่ถูกชุบชีวิตโดย เอ ศุภชัย ช่วยดันยอดขายร้านข้าวแกงเติบโตแรงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ยอดออร์เดอร์เมนูไข่พะโล้บน LINE MAN โตขึ้นกว่า 2 เท่า ในระยะเวลาเพียงแค่ 1 เดือนช่วงที่มีกระแส (ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน 2567) ต้องยกให้ เอ ศุภชัย เป็นผู้ทรงอิทธิพลด้านการสร้างกระแสเมนูไวรัลแห่งปี ตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 เมนูอาหารของพี่เอสร้างการมีส่วนร่วมบนโลกโซเชียลไปแล้วกว่า 24 ล้านครั้ง

 

‘ไก่ทอด’ ขึ้นแท่นเมนูขายดีที่สุดแห่งปี


ไก่ทอด ขึ้นแท่นเป็นเมนูอาหารที่มียอดสั่งสูงที่สุดบน LINE MAN เสิร์ฟไปแล้วกว่า 21 ล้านชิ้น เทียบเท่าการเสิร์ฟให้กับคน 1 ใน 3 ของทั้งประเทศ ตามมาด้วย ตำปูปลาร้า, ข้าวกะเพราหมูสับ/หมูกรอบ, ข้าวมันไก่ และตำป่า ตามลำดับ เมื่อเจาะลึกที่เมนูไก่ทอด พบว่าไก่ทอดอเมริกัน อย่าง KFC หรือ McDonald’s เป็นเมนูไก่ทอดที่เติบโตสูงสุดถึง 90% ตามมาติดๆ ด้วย ไก่ทอดญี่ปุ่น เช่น ปีกไก่ทอดยามะจังจากร้าน Sekai No Yamachan และไก่ทอดเกาหลี

ด้านเมนูหมวดเครื่องดื่มที่มียอดสั่งสูงสุดในปี 2024 อันดับ 1 ได้แก่ กาแฟดำ ตามมาด้วย ชาเขียวนม, เอสเพรสโซ, ชานม และชาไทย ตามลำดับ โดย ‘ชาเขียวนม’ เป็นเมนูชายอดนิยม และ ‘ชาไทย’ ที่เป็นเมนูเครื่องดื่มที่เติบโตแรงที่สุดในปีนี้ ซึ่งจะเห็นว่าร้านเครื่องดื่มและคาเฟ่ต่างพัฒนาเมนูชาไทยให้มีความหลากหลาย เช่น ชาไทยไข่มุก, ชาไทยลาเต้, ชาไทยปั่น หรือแม้กระทั่งชาไทยน้ำช่อดอกมะพร้าว โดยกระแสความนิยมของชาไทยจากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติในปีนี้กำลังส่งสัญญาณว่าปีหน้าอาจจะกลายเป็นเมนูเครื่องดื่มแห่งปี



สำหรับท็อปสินค้าขายดีบน LINE MAN MART

 

ต้นหอม, ผักชี, พริก และชุดเครื่องต้มยำ ติดอันดับสินค้าขายดีแห่งปี สอดคล้องกับกระแสการทำอาหารไทยที่บ้านที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกัน เทรนด์ Pet Parent หรือการเลี้ยงสัตว์เป็นสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้สินค้ากลุ่มสัตว์เลี้ยงเติบโตตามไปด้วย โดย ทรายแมว กลายเป็นสินค้าสัตว์เลี้ยงที่มียอดออร์เดอร์สูงสุด ตามมาด้วยอาหารแมว, อาหารสุนัข, อาหารหนู และอาหารเม่นแคระ แสดงให้เห็นว่าแนวโน้มการเลี้ยงสัตว์ของคนไทยมีการเติบโตอย่างชัดเจน

 

The post Eat-fluencer เทรนด์การกินที่สุดของคนไทยในปี 2024 ที่ชุบชีวิตเมนูเก่าเขย่าเมนูธรรมดา ดันยอด ‘ชาชีส-เค้กกล้วยหอม-ไข่พะโล้’ พุ่งกระฉูด appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนไทยเทใจให้ AI ผลวิจัยชี้ 98% พร้อมใช้วางแผนเที่ยว-จองที่พัก นำเทรนด์ Work from Hotel ทั่วโลก https://thestandard.co/thailand-leads-ai-tourism-innovation-2024/ Sat, 21 Dec 2024 05:24:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1022050 Work from Hotel

ผลสำรวจล่าสุดจาก SiteMinder’s Changing Traveller Report […]

The post คนไทยเทใจให้ AI ผลวิจัยชี้ 98% พร้อมใช้วางแผนเที่ยว-จองที่พัก นำเทรนด์ Work from Hotel ทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Work from Hotel

ผลสำรวจล่าสุดจาก SiteMinder’s Changing Traveller Report 2025 เผยให้เห็นว่าคนไทยก้าวขึ้นแท่นผู้นำเทรนด์การท่องเที่ยวยุคใหม่ โดยเฉพาะการเปิดใจให้กับเทคโนโลยี AI ในการวางแผนและจองที่พัก ด้วยตัวเลขสูงถึง 98% ซึ่งนำหน้าประเทศอื่นๆ ทั่วโลก

 

ขณะที่ประเทศในแถบตะวันตกอย่าง แคนาดา, ออสเตรเลีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส และสหราชอาณาจักร ยังคงลังเลกับการใช้ AI โดยมีเพียง 62-63% เท่านั้น

 

นอกจากนี้ คนไทยยังแสดงให้เห็นถึงความ ‘Work Hard Travel Harder’ ด้วยสัดส่วน 68% ที่วางแผนจะทำงานไปด้วยระหว่างการเข้าพัก สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกที่ 41% อย่างมีนัยสำคัญ และทิ้งห่างจากภูมิภาคอเมริกาเหนือ (34%) และยุโรป (31%) แบบไม่เห็นฝุ่น สะท้อนให้เห็นถึงความยืดหยุ่นในการทำงานของคนไทยที่สามารถผสมผสานการทำงานและการพักผ่อนได้อย่างลงตัว

 

ด้านแผนการเดินทางในปี 2568 พบว่าคนไทย 83% พร้อมบินลัดฟ้าไปต่างแดน โดยเฉพาะกลุ่ม Millennial ที่สูงถึง 87% ส่วนจุดหมายในฝันอันดับ 1 คือญี่ปุ่น (56%) ตามด้วยจีน (32%) และเกาหลีใต้ (23%) สะท้อนให้เห็นถึงความนิยมในการท่องเที่ยวแถบเอเชียตะวันออกที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศ จังหวัดเชียงใหม่ครองใจนักเดินทางด้วย 59% ตามมาด้วยพัทยา-ชลบุรี (57%) และหาดใหญ่-สงขลา (34%)

 

อีกหนึ่งเทรนด์ที่น่าจับตามองคือการท่องเที่ยวเพื่อเข้าร่วมอีเวนต์ต่างๆ โดย 78% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยมีแผนจะเดินทางเพื่อร่วมงานอีเวนต์ในปี 2568 โดยเฉพาะคอนเสิร์ตและเทศกาลดนตรี (47%) งานรวมญาติ/งานเฉลิมฉลอง (35%) และงานสัมมนา (31%) แสดงให้เห็นว่าคนไทยให้ความสำคัญกับประสบการณ์การท่องเที่ยวที่มีจุดประสงค์เฉพาะมากขึ้น

 

ที่น่าสนใจคือคนไทยกลายเป็น ‘สายเปย์’ ตัวจริง โดย 97% ยินดีจ่ายเพิ่มเพื่อสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โดยเฉพาะอาหารเช้า (67%) และห้องชมวิว (44%) อีกทั้งยังใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย 94% ที่พร้อมควักกระเป๋าเพิ่มสำหรับที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเป็นประเทศที่รักสัตว์เลี้ยงที่สุดในโลก โดย 76% ให้ความสำคัญกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 30%

 

ในด้านพฤติกรรมการจองที่พัก พบว่า 55% ของนักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ (OTA) ในการจองที่พักเพิ่มขึ้น 9% จากปีที่ผ่านมา และสูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกถึง 13% อย่างไรก็ตาม 65% ยอมรับว่าจะยกเลิกการจองทันทีหากพบว่าประสบการณ์การจองไม่ราบรื่น โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่สูงถึง 72% สะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังต่อประสบการณ์ดิจิทัลที่ไร้รอยต่อ

 

สุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท SiteMinder กล่าวว่า “ผลสำรวจแสดงให้เห็นว่านักท่องเที่ยวชาวไทยมีการผสมผสานเทคโนโลยีและความยืดหยุ่นในการทำงานเข้ากับการพักผ่อน ทำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำเทรนด์โลกในการผสมผสานการพักผ่อน การทำงาน และเครื่องมือดิจิทัลเข้าด้วยกันอย่างลงตัว”

 

รายงานยังชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างของพฤติกรรมการเข้าพักในแต่ละเจเนอเรชัน โดยกลุ่ม Gen Z และ Millennial มักเลือกพักในเครือโรงแรมและรีสอร์ตขนาดใหญ่ ขณะที่ Gen X ชื่นชอบที่พักแบบ B&B และ Baby Boomer มองหาโฮสเทล โมเทล หรือโรงแรมราคาประหยัด สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของความต้องการที่ผู้ประกอบการต้องปรับตัวเพื่อรองรับ

 

ผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่าโลกของการท่องเที่ยวกำลังเปลี่ยนไป และคนไทยกำลังนำหน้าการเปลี่ยนแปลงนี้ด้วยการผสมผสานระหว่างความทันสมัยของเทคโนโลยี ความยืดหยุ่นในการทำงาน และความใส่ใจในคุณภาพชีวิต 

 

The post คนไทยเทใจให้ AI ผลวิจัยชี้ 98% พร้อมใช้วางแผนเที่ยว-จองที่พัก นำเทรนด์ Work from Hotel ทั่วโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
คนอเมริกัน 51% ที่ยังไม่แต่งงาน เล็งย้ายเข้าไปอยู่กับคู่ของตัวเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย https://thestandard.co/americans-cohabiting-to-save-costs/ Sat, 21 Dec 2024 04:02:08 +0000 https://thestandard.co/?p=1022000 americans-cohabiting-to-save-costs

Eharmony แอปหาคู่ของสหรัฐฯ เผยนิยามของการออกเดตในปี 202 […]

The post คนอเมริกัน 51% ที่ยังไม่แต่งงาน เล็งย้ายเข้าไปอยู่กับคู่ของตัวเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
americans-cohabiting-to-save-costs

Eharmony แอปหาคู่ของสหรัฐฯ เผยนิยามของการออกเดตในปี 2025 ว่าจะเป็นปีแห่งการ ‘แหกกฎ’

 

หนึ่งในประเด็นร้อนของชีวิตคู่ที่เป็นเรื่องถกเถียงกันในสังคมก็คงจะหนีไม่พ้น ‘การอยู่ก่อนแต่ง’ แต่ Eharmony เผยว่า 51% ของชาวอเมริกันมีความเห็นว่า หากการย้ายเข้าไปใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ตนเองไว้ใจก่อนที่จะมีพิธีสมรสกันอย่างเป็นทางการจะช่วยให้ตนประหยัดเงิน นั่นก็เป็นสิ่งที่คนกลุ่มนี้ยินดีจะทำ

 

CNBC อ้างอิงข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญทางการเงินว่า กฎทั่วไปของการใช้ชีวิตคือค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยไม่ควรมีสัดส่วนเกิน 30% ของรายได้ แต่ในปัจจุบันเงินที่คนอเมริกันหลายรายใช้จ่ายกับที่อยู่อาศัยมีอัตราส่วนเกิน 30%

 

เมื่อค่าใช้จ่ายเพิ่มสูง หากการย้ายเข้าไปใช้ชีวิตคู่ก่อนแต่งงานจะช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลสนับสนุนว่าทำไมชาวอเมริกันเกินครึ่งถึงเลือกทำเช่นนี้

 

อย่างไรก็ตาม Jessica Small นักให้คำปรึกษาด้านการแต่งงานและนักบำบัด ย้ำกับ CNBC ว่า การเลือกที่จะย้ายเข้าไปอยู่กับใครสักคนถือเป็นก้าวสำคัญ และไม่ควรตัดสินใจเพียงเพราะเหตุผลทางการเงิน

 

“ความสัมพันธ์จะเดินหน้าได้ดีที่สุดเมื่อมันเกิดจาก ‘ความต้องการ’ มากกว่า ‘ความจำเป็น’ ที่อาจต้องฝืน” Jessica กล่าว

 

คำถามที่ว่า ‘คู่ของคุณชอบใช้เงินไปกับมื้อเย็นหรูหราในคืนวันธรรมดามากกว่าคุณหรือเปล่า?’ หรือ ‘คุณทั้งคู่จะแบ่งค่าใช้จ่ายกันอย่างไร?’ เรื่องเหล่านี้ควรคุยกันให้ชัดเจนก่อนที่ทั้งคู่จะย้ายมาอยู่ด้วยกัน เพื่อให้เข้าใจความคาดหวังซึ่งกันและกัน

 

หลายครั้ง Jessica กล่าวว่า เรื่องสำคัญที่คนมักมองข้ามก่อนตัดสินใจคบหากันก็คือ การไม่คุยความคาดหวังของแต่ละฝ่ายตั้งแต่แรก และเมื่อย้ายมาอยู่ร่วมกันแล้ว หลายคู่ก็เกิดปัญหาความไม่ลงรอยกัน

 

“การถามคำถามเหล่านี้ด้วยกัน นั่นจะเปิดโอกาสให้ทั้งคู่มั่นใจได้ว่าทั้งสองฝ่ายมีความสอดคล้องกัน และมีความคาดหวังที่เข้าใจกัน” Jessica กล่าวทิ้งท้าย

 

อ้างอิง:

https://www.cnbc.com/2024/12/18/51percent-of-singles-would-fast-track-moving-in-with-a-partner-to-save-money.html

The post คนอเมริกัน 51% ที่ยังไม่แต่งงาน เล็งย้ายเข้าไปอยู่กับคู่ของตัวเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพอากาศ ส่ง F-16 ขึ้นบินสกัดอากาศยานไม่ทราบฝ่าย แนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก https://thestandard.co/thai-air-force-f16-intercepts-unknown-aircraft/ Sat, 21 Dec 2024 03:39:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1021981 กองทัพอากาศ

วันนี้ (20 ธันวาคม) พล.อ.ท. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอา […]

The post กองทัพอากาศ ส่ง F-16 ขึ้นบินสกัดอากาศยานไม่ทราบฝ่าย แนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก appeared first on THE STANDARD.

]]>
กองทัพอากาศ

วันนี้ (20 ธันวาคม) พล.อ.ท. ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง ขึ้นบินเพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย ซึ่งเรดาร์ของกองทัพอากาศตรวจพบบริเวณชายแดนไทย-เมียนมา โดยมีข้อมูลดังนี้

 

 

1. เวลาประมาณ 10.51 น. เรดาร์ของกองทัพอากาศตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา อำเภอพบพระ จังหวัดตาก โดยบินที่ความสูง 4,000-5,000 ฟุต

 

 

2.หน่วยควบคุมการบินสกัดกั้น สั่งให้เครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 เครื่อง วิ่งขึ้นจากกองบิน 4 อำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานดังกล่าว ที่ความสูง 7,000 ฟุตเหนือพื้นดิน ต่อมาพบว่าอากาศยานดังกล่าวบินออกไปจากพื้นที่และหายไปจากจอเรดาร์ หลังจากนั้นเครื่องบินขับไล่ F-16 ทำการบินภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดน และกลับฐานปฏิบัติการ ณ กองบิน 4 เวลา 12.14 น.

 

 

ทั้งนี้ การส่งเครื่องบินขึ้นพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้น กรณีตรวจพบอากาศยานไม่ทราบฝ่ายที่มีแนวโน้มเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทยนั้น ถือเป็นการแสดงความพร้อมปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศ ในการปกป้องน่านฟ้าและรักษาอธิปไตยของชาติ เพื่อสร้างความอุ่นใจให้พี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนให้มีความสงบและปลอดภัย

The post กองทัพอากาศ ส่ง F-16 ขึ้นบินสกัดอากาศยานไม่ทราบฝ่าย แนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก appeared first on THE STANDARD.

]]>