China – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 04 Nov 2025 10:56:18 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 พาณิชย์ลุ้นดีลขายข้าวจีน 5 แสนตัน ‘ศุภจี’ เยือนเซี่ยงไฮ้ รุกขยายตลาด Soft Power อาหาร ไลฟ์สไตล์ https://thestandard.co/china-rice-soft-power-expansion/ Tue, 04 Nov 2025 10:56:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1139710 พาณิชย์ลุ้นดีลขายข้าวจีน 5 แสนตัน ‘ศุภจี’ เยือน เซี่ยงไฮ้ รุกขยายตลาด Soft Power อาหาร ไลฟ์สไตล์

รัฐบาลปิดดีลข้าวสิงคโปร์สำเร็จ กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าเจ […]

The post พาณิชย์ลุ้นดีลขายข้าวจีน 5 แสนตัน ‘ศุภจี’ เยือนเซี่ยงไฮ้ รุกขยายตลาด Soft Power อาหาร ไลฟ์สไตล์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พาณิชย์ลุ้นดีลขายข้าวจีน 5 แสนตัน ‘ศุภจี’ เยือน เซี่ยงไฮ้ รุกขยายตลาด Soft Power อาหาร ไลฟ์สไตล์

รัฐบาลปิดดีลข้าวสิงคโปร์สำเร็จ กระทรวงพาณิชย์เดินหน้าเจรจาขายข้าว G to G จีน 5 แสนตัน ต่อเนื่อง คาดชัดเจนปีนี้ พร้อมนำทัพผู้ประกอบการไทยบุกงาน CIIE ที่เซี่ยงไฮ้ ขยายตลาด Soft Power อาหาร ไลฟ์สไตล์

 

ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า หลังจากที่เอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ได้หารือกับนายกรัฐมนตรี เพื่อเสริมความสัมพันธ์ครบรอบโอกาส 50 ปี ไทย-จีน

 

และขณะประชุมเอเปค นายกรัฐมนตรี ก็ได้เจอกับ หลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรี จีน ซึ่ง ท่านอนุทินได้คุยทั้งระดับนายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดี จีน

 

ล่าสุด กระทรวงพาณิชย์ตรวจในระบบสั่งซื้อข้าวไทยของจีน มีการส่งเรื่องนี้ขึ้นไปแล้ว จึงคิดว่าไม่น่าติดอะไร

 

ทั้งนี้ ขั้นตอนการขายข้าวและจำนวนนั้น ศุภจี เผยว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจา กรณีข้าว G to G ปริมาณ 5 แสนตัน เพราะยังไม่ได้เห็นเอกสารจากทางการจีน ซึ่งเข้าใจว่าขณะนี้เรื่องนี้ได้ส่งไปยังปักกิ่งแล้ว

 

ส่วนจะมีความชัดเจนภายในปี 2568 หรือไม่ ศุภจี ยืนยันว่า ‘แน่นอน’ แต่รูปแบบการขายข้าวจะเป็นล็อตเดียวหรือไม่นั้น ก็ต้องรอหารือและเจรจาอีกครั้ง

 

ศุภจี ระบุว่า คืนนี้ (4 พ.ย.) มีกำหนดการเดินทางเยือนนครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมงานแสดงสินค้า China International Import Expo (CIIE) ซึ่งเป็นงานมหกรรมนำเข้า ระดับนานาชาติที่สำคัญที่สุดงานหนึ่งของจีน ประเทศไทยได้รับเกียรติเป็น ‘Honorable Country’ หรือประเทศเกียรติยศในการจัดงาน CIIE 2025 ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และศักยภาพของประเทศไทยสู่สายตานานาชาติ

 

ในงาน CIIE คณะผู้แทนไทยจะนำผู้ประกอบการไทยกว่า 60 – 80 ราย เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าและศักยภาพของไทยใน ‘Thai Pavilion’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงสินค้าและนวัตกรรม

 

โดยเน้นสินค้ากลุ่ม Soft Power อาทิ อาหาร ไลฟ์สไตล์ แฟชั่น และธุรกิจบริการเกี่ยวกับความคิดสร้างสรรค์ รวมถึงสินค้าเกษตรและอาหารแปรรูป

 

การเข้าร่วมงานครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสทางการค้า การลงทุน และการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ประกอบการไทยกับคู่ค้าชาวจีนและจากทั่วโลก

 

ทั้งนี้ เมื่อเดินทางกลับจากภารกิจที่ประเทศจีน จะมีการแถลงรายละเอียดเกี่ยวกับแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของกระทรวงพาณิชย์ ที่ได้มีการเสนอ ครม. ทั้งหมด 20 โครงการ และ 70 กิจกรรม ซึ่งจะเป็นแผนงานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป โครงการและกิจกรรมเหล่านี้ครอบคลุมหลากหลายมิติ เพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ และสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจ จำนวนคำ: 111

 

ครม.ไฟเขียวขายข้าวไทย​- สิงคโปร์​ 100,000​ ตัน สัญญา 5 ปี

 

ด้านสิริพงศ์​ อังคสกุลเกียรติ​ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี​ ว่า​ ที่ประชุมวันนี้​เห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ในเรื่องบันทึกความร่วมมือ เรื่องการค้าข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาล​สิงคโปร์​

 

โดยร่างความร่วมมือดังกล่าวเป็นเรื่องการซื้อข้าว จำนวน 100,000 ตัน ในระยะเวลาสัญญา 5 ปี ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนสิงคโปร์ในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ ก็คาดการณ์ว่าจะเป็นหนึ่งในร่าง ที่มีการลงนามระหว่างไทยและสิงคโปร์

 

นอกจากนี้ครม. ยังเห็นชอบโครงการสลากการกุศลเพิ่มเติม เนื่องจากกระทรวงการคลัง ขอเปลี่ยนวัตถุประสงค์ ในบางรายการของการออกสลาก การกุศลเพิ่มเติม

 

โดยเดิม 7 มกราคม 2568 ครม.มีการออกสลากเพิ่มเติม เพื่อใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษาและสาธารณสุขและลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม จากวงเงิน 10,000 ล้านบาท และที่ผ่านมาดำเนินการไปแล้ว 7 โครงการใช้เงินไปแล้วกว่า 5,308 ล้าน ทำให้ปัจจุบันเหลือวงเงิน 4,691​ ล้านบาทโดยกระทรวงการคลังขอเพิ่มวัตถุประสงค์ในหมวด ศิลปะวัฒนธรรมไทยเพิ่มไปด้วย

The post พาณิชย์ลุ้นดีลขายข้าวจีน 5 แสนตัน ‘ศุภจี’ เยือนเซี่ยงไฮ้ รุกขยายตลาด Soft Power อาหาร ไลฟ์สไตล์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สีจิ้นผิงผลักดัน ‘ข้อเสนอ 5 ประการ’ ในที่ประชุม APEC หนุนสร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิก https://thestandard.co/xi-jinping-5-apec-proposals/ Fri, 31 Oct 2025 09:49:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1138218 สีจิ้นผิงผลักดัน ข้อเสนอ 5 ประการ ในที่ประชุม APEC หนุนสร้าง ประชาคมเอเชียแปซิฟิก

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ผลักดัน ‘ข้อเสนอ 5 ประการ’ […]

The post สีจิ้นผิงผลักดัน ‘ข้อเสนอ 5 ประการ’ ในที่ประชุม APEC หนุนสร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิก appeared first on THE STANDARD.

]]>
สีจิ้นผิงผลักดัน ข้อเสนอ 5 ประการ ในที่ประชุม APEC หนุนสร้าง ประชาคมเอเชียแปซิฟิก

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้ผลักดัน ‘ข้อเสนอ 5 ประการ’ เพื่อส่งเสริมโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจอันเป็นประโยชน์และครอบคลุมในระดับสากล รวมถึงการสร้าง ‘ประชาคมเอเชียแปซิฟิก’ ขณะกล่าวสุนทรพจน์หัวข้อ ‘การสร้างเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกที่เปิดกว้างครอบคลุมทุกฝ่าย’ ณ การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC ครั้งที่ 32 รอบที่ 1 ในเมืองคยองจูของเกาหลีใต้วันนี้ (31 ตุลาคม)

 

สีจิ้นผิงระบุว่า APEC เป็นผู้นำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ผงาดขึ้นสู่แนวหน้าของการพัฒนาแบบเปิดกว้างในระดับโลก และทำให้ภูมิภาคนี้กลายเป็นส่วนที่มีพลวัตมากที่สุดของเศรษฐกิจโลก นับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นมาเมื่อกว่า 30 ปีก่อน

 

ปัจจุบันโลกกำลังเผชิญการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยปรากฏในรอบศตวรรษอย่างรวดเร็ว และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเผชิญปัจจัยความไม่แน่นอนและที่บั่นทอนเสถียรภาพในการพัฒนามากขึ้น ซึ่งท่ามกลางคลื่นลมมรสุมที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเดิมเช่นนี้ เหล่าสมาชิก APEC ต้องร่วมมือกันมากยิ่งขึ้น

 

สีจิ้นผิงเรียกร้องสมาชิก APEC ยึดมั่นพันธกิจตั้งต้นของ APEC เพื่อส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาแบบเปิดกว้างที่ทุกฝ่ายมีโอกาสและก้าวขึ้นเป็นผู้ชนะร่วมกัน พร้อมกระตุ้นความพยายามส่งเสริมโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์และครอบคลุมในระดับสากล รวมถึงการสร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิก

 

โดยสีจิ้นผิงได้ผลักดันข้อเสนอ 5 ประการ ดังนี้

 

ประการที่ 1 สีจิ้นผิงเรียกร้องความพยายามร่วมกัน ‘ปกป้องระบบการค้าพหุภาคี’ กระตุ้นสมาชิก APEC ปฏิบัติตามลัทธิพหุภาคีที่แท้จริง เสริมสร้างอำนาจและประสิทธิภาพของระบบการค้าพหุภาคี โดยมีองค์การการค้าโลก (WTO) เป็นแกนหลัก และปรับปรุงกฎเกณฑ์ทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันชอบธรรมของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น

 

ประการที่ 2 สีจิ้นผิงเรียกร้องการสร้าง ‘สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง’ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กระตุ้นสมาชิก APEC ส่งเสริมการเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน กระชับความร่วมมือทางการคลังและการเงิน ผลักดันการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง ส่งเสริมความสอดคล้องต้องกันและความก้าวหน้าร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างพลังการพัฒนาเขตการค้าเสรีเอเชียแปซิฟิก

 

ประการที่ 3 สีจิ้นผิงเรียกร้อง ‘สมาชิก APEC ทำงานร่วมกัน’ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ความราบรื่นของห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน โดยสมาชิก APEC ควรจับมือเดินไปด้วยกันมากกว่าแยกทางกัน เสริมสร้างจุดเชื่อมโยงมากกว่าตัดขาด ขยายผลประโยชน์ร่วมและสนับสนุนการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานที่เปิดกว้างอย่างแข็งขัน พยายามบรรลุผลลัพธ์อันเป็นรูปธรรมจับต้องได้ในการเชื่อมโยงทางกายภาพ องค์กร และระหว่างประชาชน เพื่อเสริมสร้างรากฐานการพัฒนาแบบเปิดกว้างในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

ประการที่ 4 สีจิ้นผิงเรียกร้องการเดินหน้า ‘การเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลและการเปลี่ยนผ่านสีเขียวหรือที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของการค้า’ กระตุ้นความพยายามทำให้เทคโนโลยีดิจิทัลต่างๆ เป็นตัวเร่งอันแข็งแกร่งสำหรับการค้าข้ามพรมแดน ขจัดอุปสรรคที่เกี่ยวข้องต่างๆ และขยายความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมสีเขียว พลังงานสะอาด และแร่ธาตุสีเขียว

 

ประการที่ 5 สีจิ้นผิงเรียกร้อง ‘ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกทำงานร่วมกัน’ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาอันเป็นประโยชน์และครอบคลุมในระดับสากล กระตุ้นความพยายามร่วมกันยึดมั่นปรัชญาการพัฒนาที่ ‘ประชาชนเป็นศูนย์กลาง’ ให้ความสำคัญกับความไม่สมดุลในการพัฒนา และบ่มเพาะโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุม ยั่งยืน และเป็นประโยชน์กับประชาชนทุกคนในภูมิภาคมากยิ่งขึ้น

 

สีจิ้นผิงกล่าวว่า จีนกำลังทำงานร่วมกับฝ่ายต่างๆ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาที่มีคุณภาพสูงของแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) และมุ่งมั่นบรรลุการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันกับทุกประเทศ โดยจีนมุ่งดำเนินนโยบายรัฐขั้นพื้นฐานของการเปิดกว้างมาโดยตลอด และดำเนินการส่งเสริมเศรษฐกิจโลกที่เปิดกว้างอย่างจริงจัง

 

จีนจะใช้โอกาสจากการที่การประชุมเต็มคณะ ครั้งที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 20 รับรองคำแนะนำสำหรับร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมระยะ 5 ปี ฉบับที่ 15 มาดำเนินการปฏิรูปอย่างรอบด้านและขยายการเปิดกว้างที่มีมาตรฐานสูงยิ่งขึ้น พร้อมสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและโลกผ่านความสำเร็จล่าสุดของการสร้างความทันสมัยแบบจีน

 

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว

อ้างอิง:

  • สำนักข่าวซินหัว

The post สีจิ้นผิงผลักดัน ‘ข้อเสนอ 5 ประการ’ ในที่ประชุม APEC หนุนสร้างประชาคมเอเชียแปซิฟิก appeared first on THE STANDARD.

]]>
Starbucks ยุคใหม่ ลงทุนแบบมีวิสัยทัศน์ เน้นเดลิเวอรี ปั้นรายได้-กำไร โต พร้อมเปิดเงื่อนไขขายหุ้นบางส่วนในจีน https://thestandard.co/starbucks-new-era-vision-delivery/ Fri, 31 Oct 2025 04:37:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1137880 Starbucks ยุคใหม่ ลงทุนแบบมีวิสัยทัศน์ เน้นเดลิเวอรี ปั้นรายได้-กำไร โต พร้อมเปิดเงื่อนไขขายหุ้นบางส่วนใน จีน

Starbucks เดินหน้าขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูกิจการทั่วโลก หลัง […]

The post Starbucks ยุคใหม่ ลงทุนแบบมีวิสัยทัศน์ เน้นเดลิเวอรี ปั้นรายได้-กำไร โต พร้อมเปิดเงื่อนไขขายหุ้นบางส่วนในจีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Starbucks ยุคใหม่ ลงทุนแบบมีวิสัยทัศน์ เน้นเดลิเวอรี ปั้นรายได้-กำไร โต พร้อมเปิดเงื่อนไขขายหุ้นบางส่วนใน จีน

Starbucks เดินหน้าขับเคลื่อนแผนฟื้นฟูกิจการทั่วโลก หลังรายงานผลประกอบการไตรมาสล่าสุด สิ้นสุดเดือนกันยายน 2025 สาขาเดิม (same-store sales) กลับมาสร้างยอดขายเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบ 18 เดือน สะท้อนให้เห็นสัญญาณบวกต่อแผนพลิกฟื้นธุรกิจของเชนกาแฟรายใหญ่ที่สุดในโลกที่กำลังเจอความท้าทายอย่างหนักหน่วง ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือดแถมยังต้องแบกรับต้นทุนสูง

 

ในฝั่งตลาดจีน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่ทำรายได้อันดับสอง รองจากสหรัฐฯ เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน โดยยอดขายเทียบเคียงระหว่างสาขาเดิมในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 2% จากปีก่อนหน้า แม้ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อใบเสร็จลดลง 7% เนื่องจากจีนยังอยู่ในภาวะที่ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่าย แต่ก็ยังสร้างรายได้อยู่ที่ 831.6 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 6% จากปีก่อนหน้า

 

ขณะเดียวกัน ยังเดินหน้ากลยุทธ์ ‘Back to Starbucks’ เพื่อปรับโครงสร้างธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในจีน ในไตรมาสล่าสุดได้ปิดร้านไป 40 แห่ง เนื่องจากได้ประเมินแล้วว่าร้านบางแห่งไม่สามารถรักษามาตรฐานการบริการและเป็นสาขาที่ไม่ทำกำไรให้กับบริษัท

 

แคเธอรีน พาร์ก รองประธานฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ ระบุว่า ธุรกิจในจีนมีความยืดหยุ่นสูง และสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับเมนูกาแฟลาเต้ ได้รับการตอบรับดี ทั้งช่องทางหน้าร้านและเดลิเวอรี

 

จากนั้น ‘ไบรอัน นิโคล’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Starbucks ได้กล่าวชื่นชมทีมงานในจีนที่สามารถพลิกฟื้นยอดขายในตลาดที่มีการแข่งขันสูง โดยเฉพาะจากคู่แข่งอย่าง Luckin Coffee คู่แข่งรายนี้มีสาขาในจีนมากกว่า 26,000 แห่ง ขณะที่ Starbucks มีสาขาในจีนอยู่ 8,011 แห่ง

 

เปิดเงื่อนไขขายหุ้นบางส่วนในธุรกิจจีน

 

ท่ามกลางกระบวนการฟื้นฟู Starbucks ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาขายหุ้นบางส่วนในตลาดจีน เพื่อดึงพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เข้ามาร่วมลงทุน โดยบริษัทวาง 3 เงื่อนไขสำคัญ ได้แก่

 

1. ผู้ร่วมทุนต้องมีการลงทุนล่วงหน้าที่ชัดเจน

 

2. Starbucks ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนที่มากกว่า

 

3. บริษัทจะได้รับค่าลิขสิทธิ์ (royalty) ต่อเนื่องในอนาคต

 

ซีอีโอ Starbucks ย้ำว่า จะไม่ขายกิจการทั้งหมด แต่จะคงถือหุ้นส่วนใหญ่ไว้เพื่อรักษาอิทธิพลในการบริหาร ซึ่งหลังจากที่ประกาศออกไปก็มีพันธมิตรหลายราย แสดงความสนใจในดีลดังกล่าว

 

สอดรับกับรายงานจากบลูมเบิร์กระบุว่า Boyu Capital บริษัทเอกชนด้านการลงทุนของจีน เป็นผู้มีโอกาสในการคว้าดีลนี้สูงสุด โดยมูลค่าอาจสูงกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์ เลยทีเดียว แต่ทาง Boyu Capital ยังไม่ได้ออกมาเปิดเผยต่อเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ

 

ตลาดสหรัฐฯ เริ่มฟื้นตัว–ดันเดลิเวอรีโตแตะพันล้านดอลลาร์

 

ข้ามมาที่ตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเป็นฐานธุรกิจหลักของ Starbucks เริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้นเช่นกัน ในไตรมาสล่าสุดยอดขายของสาขาเดิมกลับมาทรงตัว ซึ่งนับเป็นการสิ้นสุดภาวะยอดขายซบเซาต่อเนื่องกว่า 7 ไตรมาสติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อบิลของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น แม้จำนวนลูกค้าจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม

 

ทั้งนี้ อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญคือการเติบโตของช่องทางเดลิเวอรี ทั้ง Uber Eats, DoorDash และ Grubhub สร้างยอดขายรวมตลอดปีอยู่ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก ถือว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 30% ในไตรมาสสุดท้ายเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

 

ไบรอัน นิโคล ระบุว่า แม้ตลาดสหรัฐฯ จะโตช้ากว่าตลาดจีน แต่ผู้บริโภคกาแฟในสหรัฐฯ เริ่มปรับตัวหันมาใช้บริการเดลิเวอรีกันมากขึ้น โดยมองว่าช่องทางนี้จะช่วยเพิ่มรายได้ในระยะยาว เพราะมูลค่าออเดอร์เฉลี่ยของลูกค้าที่สั่งเดลิเวอรีสูงเกือบสองเท่า ถ้าเทียบกับการซื้อหน้าร้าน และคำสั่งซื้อกว่า 40% ของออเดอร์ สั่งทั้งกาแฟและเบเกอรีเข้ามาควบคู่กัน

 

โดยตลอดทั้งปี บริษัทได้เดินหน้าตามแผนปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ และปิดสาขาทั่วโลกไปกว่า 627 แห่ง ซึ่งกว่า 90% อยู่ในอเมริกาเหนือ และปลดพนักงานฝั่งสำนักงานออก 900 คน เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ และในช่วงเวลาเดียวกันยังลงทุนปรับปรุงร้าน พร้อมกับปรับเมนูให้เรียบง่ายขึ้น และเพิ่มงบจ้างบาริสต้าเข้ามาทำให้คุณภาพของกาแฟและการบริการดีขึ้นกว่าเดิม

 

อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างส่งผลให้กำไรสุทธิไตรมาสล่าสุดลดลง 85% เหลือ 133 ล้านดอลลาร์ และกำไรสุทธิทั้งปีหดตัวครึ่งหนึ่งเหลือ 1,800 ล้านดอลลาร์ ขณะที่อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 9 4% ลดลง 5% จากปีก่อน สาเหตุหลักมาจากราคาวัตถุดิบ โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟและภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ปรับตัวสูงขึ้น

 

แคธี สมิธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน ยอมรับว่าในระยะสั้นกำไรของบริษัทจะฟื้นตัวช้ากว่ายอดขาย เนื่องจากอยู่ระหว่างการลงทุนเพื่อปรับโครงสร้างต่างๆ แต่เชื่อว่าแผนดังกล่าวจะสร้างผลตอบแทนในระยะยาว

 

ธุรกิจยุคใหม่ ลงทุนแบบมีวิสัยทัศน์ เน้นเดลิเวอรี ปั้นสมดุลเร่ง ‘โต-ทำกำไร’

 

ซีอีโอ Starbucks ทิ้งท้ายว่า Starbucks กำลังเดินเข้าสู่บทใหม่ของการพลิกฟื้นกิจการ ต่อจากนี้จะเดินหน้าใช้เงินลงทุนอย่างมีวิสัยทัศน์ และลดต้นทุนในการขยาย แต่จะหันมาขยายช่องทางการขายใหม่ๆ ทั้งในร้านเดิมและเดลิเวอรี เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตและความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว

 

ทั้งนี้ ปัจจุบัน สหรัฐฯ และจีนยังคงเป็นสองตลาดหลักที่ทำรายได้กว่า 61% ของยอดขายทั้งหมดจากทั่วโลก ซึ่งสาขาเกือบ 41,000 แห่ง โดยมองว่าการปรับโครงสร้างธุรกิจในสองตลาดหลักนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้แบรนด์เติบโตได้ในทศวรรษหน้า

 

อ้างอิง:

The post Starbucks ยุคใหม่ ลงทุนแบบมีวิสัยทัศน์ เน้นเดลิเวอรี ปั้นรายได้-กำไร โต พร้อมเปิดเงื่อนไขขายหุ้นบางส่วนในจีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เจิ้งลี่เหวิน’ หญิงนักปฏิรูป ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋งคนใหม่ สีจิ้นผิงแสดงความยินดี ท่ามกลางข้อกล่าวหาจีน ‘แทรกแซง’ การเลือกตั้ง https://thestandard.co/cheng-li-wun-kmt-new-leader/ Mon, 20 Oct 2025 03:31:22 +0000 https://thestandard.co/?p=1132652 ‘เจิ้งลี่เหวิน’ หญิงนักปฏิรูป ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง คนใหม่

พรรคก๊กมินตั๋งได้ เจิ้งลี่เหวิน (Cheng Li-wun) นักการเม […]

The post ‘เจิ้งลี่เหวิน’ หญิงนักปฏิรูป ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋งคนใหม่ สีจิ้นผิงแสดงความยินดี ท่ามกลางข้อกล่าวหาจีน ‘แทรกแซง’ การเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘เจิ้งลี่เหวิน’ หญิงนักปฏิรูป ขึ้นเป็น หัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง คนใหม่

พรรคก๊กมินตั๋งได้ เจิ้งลี่เหวิน (Cheng Li-wun) นักการเมืองหญิงเจ้าของฉายา ‘นักปฏิรูป’ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ด้าน สีจิ้นผิง ผู้นำจีนแผ่นดินใหญ่แสดงความยินดี พร้อมเรียกร้องการ ‘รวมชาติ’ จากฝ่ายค้านไต้หวัน ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่า จีนแทรกแซงการเลือกตั้งครั้งนี้

 

วันที่ 18 ตุลาคม 2025 เฉิงลี่หวุน ได้รับการโหวตเลือกให้เป็นหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋งคนใหม่ด้วยคะแนน 50.2% ซึ่งเอาชนะ ห่าวหลุงปิน (Hau Lung-bin) อดีตนายกเทศมนตรีไทเปวัย 73 ปี และแคนดิเดตอีก 4 คน โดยเธอจะดำรงตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 พฤศจิกายนที่กำลังจะถึง

 

ทั้งนี้ เฉิงลี่หวุนกล่าวในสุนทรพจน์รับชัยชนะว่า การเลือกตั้งครั้งนี้คือการรวมทุกคนให้เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน นี่ไม่ใช่การรวมก๊กมินตั๋ง แต่เป็นการรวมคนในไต้หวันเข้าไว้ด้วยกัน

 

“พรรคก๊กมินตั๋งจะทำให้บ้านของเราเป็นที่พักพิงแข็งแกร่งที่สุด สำหรับทุกคนที่เผชิญมรสุมชีวิต เพราะเราจะปกป้องสันติภาพทั่วช่องแคบไต้หวัน” เฉิงลี่หวุนย้ำว่า ภายใต้การนำของเธอ ไต้หวันจะต้องไม่เป็น ‘ผู้สร้างปัญหา’ และ ‘ผู้สังเวยทางภูมิรัฐศาสตร์’

 

ขณะเดียวกัน สีจิ้นผิงได้ส่งข้อความแสดงความยินดีต่อการเลือกผู้นำคนใหม่ในครั้งนี้ ว่า ทั้งพรรคคอมมิวนิสต์และก๊กมินตั๋ง ควรเสริมสร้างรากฐานทางการเมือง รวมคนในไต้หวันเพื่อสร้างการแลกเปลี่ยน และความร่วมมือ รวมถึงผลักดัน ‘การรวมชาติ’ ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ซึ่งไม่ได้พูดถึงโดยตรง แต่ใช้คำว่า คนในช่องแคบไต้หวันคือคนจีน

 

อย่างไรก็ตาม มีข้อกล่าวหาว่า จีนแผ่นดินใหญ่เข้ามาแทรกแซงการเลือกตั้ง โดยเลือกสนับสนุนเฉิง แต่หาทางบ่อนทำลายห่าว ซึ่ง ไช่หมิงเยน (Tsai Ming-yen) หัวหน้าสำนักงานความมั่นคงในไต้หวันระบุว่า พบคลิปวิดีโอใน TikTok มากกว่า 1,000 วิดีโอ ที่โพสต์เรื่องเลือกตั้งหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง แต่ครึ่งหนึ่งมาจากนอกไต้หวัน ซึ่งคาดว่า เป็นกระบวนการจากจีนแผ่นดินใหญ่

 

ขณะที่ อู๋เจิง (Wu Cheng) โฆษกพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้าไต้หวัน (Democratic Progressive Party: DPP) ออกมาเตือนว่า การแทรกแซงของจีนมีความชัดเจนมาก และพรรคก๊กมินตั๋งควรจับตามอง โดยหวังว่า หัวหน้าพรรคคนใหม่จะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของไต้หวันมากกว่าผลประโยชน์ของพรรค

 

รู้จัก ‘เฉิงลี่หวุน’ นักปฏิรูปแห่งพรรคก๊กมินตั๋ง

 

เฉิงเป็นนักการเมืองหญิงวัย 55 ปี มีพื้นเพครอบครัวจากมณฑลยูนนาน จีนแผ่นดินใหญ่ โดยเธอสำเร็จการศึกษาด้านกฎหมายที่ National Taiwan University ในระดับชั้นปริญญาตรี และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก University of Cambridge ในระดับชั้นปริญญาเอก

 

อันที่จริง เฉิงเริ่มเส้นทางการเมืองจากการเป็นสมาชิกพรรค DPP ในระหว่างปี 1996-2000 ก่อนจะลาออก หลังมีการเปิดโปงว่า คนในพรรคล่วงละเมิดทางเพศพนักงานในร้านอาหาร

 

หลังจากไม่ประสบความสำเร็จในการลงเลือกตั้งเป็นผู้แทนประจำเกาสง เธอเข้าร่วมกับพรรคก๊กมินตั๋งอย่างเป็นทางการในปี 2005 โดยเส้นทางทางการเมืองของเธอเติบโตอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เช่น เป็นสส. หลายสมัย ไปจนถึงรองเลขาธิการพรรคก๊กมินตั๋ง

 

เฉิงขึ้นชื่อว่าเป็น ‘หญิงนักปฏิรูป’ เธออยู่ฝ่ายค้านในพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งตั้งปณิธานว่า จะเปลี่ยนพรรคจาก ‘แกะ’ ให้กลายเป็น ‘สิงโต’ และกอบกู้จิตวิญญาณที่แท้จริงของพรรค พร้อมสู้กับพรรค DPP

 

ว่าที่หัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋งคนใหม่มีจุดยืนสนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น สนับสนุนฉันทมติปี 1992 ที่เน้นย้ำหลักการ ‘จีนเดียว’ หรือทำแคมเปญกระตุ้นให้คนไต้หวันออกมาพูดอย่างเต็มปากว่า ‘ฉันคือคนจีน’

 

นอกจากนี้ เฉิงยังต่อต้านนโยบายเพิ่มงบประมาณทางทหาร 5% ของ ไล่ชิงเต๋อ ผู้นำไต้หวัน โดยให้เหตุผลว่า หากแข่งขันในประเด็นนี้ ไต้หวันจะเป็นฝ่ายแพ้เสมอ

 

ภาพ: CNA

 

อ้างอิง:

The post ‘เจิ้งลี่เหวิน’ หญิงนักปฏิรูป ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋งคนใหม่ สีจิ้นผิงแสดงความยินดี ท่ามกลางข้อกล่าวหาจีน ‘แทรกแซง’ การเลือกตั้ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
เอกอัครราชทูตจีนชู ‘ธรรมาภิบาลโลก’ ของ สีจิ้นผิง ย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีนเพื่อส่งเสริมสันติภาพโลก https://thestandard.co/china-global-governance-peace-xi/ Sun, 19 Oct 2025 07:06:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1132490 เอกอัครราชทูตจีนชู ‘ธรรมาภิบาลโลก’ ของสีจิ้นผิง ย้ำ ความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อส่งเสริมสันติภาพโลก

จางเจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเ […]

The post เอกอัครราชทูตจีนชู ‘ธรรมาภิบาลโลก’ ของ สีจิ้นผิง ย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีนเพื่อส่งเสริมสันติภาพโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
เอกอัครราชทูตจีนชู ‘ธรรมาภิบาลโลก’ ของสีจิ้นผิง ย้ำ ความสัมพันธ์ไทย-จีน เพื่อส่งเสริมสันติภาพโลก

จางเจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ชูแนวคิดธรรมาภิบาลโลกของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง พร้อมย้ำหลักการ 5 ข้อ เพื่อสร้างสันติภาพของโลก และเน้นย้ำความสำคัญของความสัมพันธ์ไทย-จีน ในการขับเคลื่อนความร่วมมือไปสู่เป้าหมายเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนทั้งสองประเทศ

 

ในการกล่าวปาฐกถาหัวข้อ “ความสัมพันธ์ไทย-จีน กับธรรมาภิบาลโลก” ที่มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคมที่ผ่านมา เอกอัคราชทูตจาง ชี้ว่า จีนและไทยเป็น ‘เพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดี’ ซึ่งทั้งสองชาติต่างมีความต้องการที่จะรักษาสันติภาพ เสถียรภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก

 

โดย ‘ธรรมาภิบาลโลก’ มีความเกี่ยวข้องกับสันติภาพของมนุษยชาติและอนาคตของโลกทั้งใบ ดังนั้นจีนชี้ว่าความร่วมมือกับไทยในเรื่องธรรมาภิบาลโลกจึงมีความสำคัญยิ่ง ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศปัจจุบันที่มีความผันผวน

 

ทูตจางกล่าวว่า ในปีนี้เป็นวาระครบรอบ 80 ปีแห่งชัยชนะสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์โลก และการก่อตั้งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของอนาคตร่วมกันของไทยและจีน

 

โอกาสนี้ทูตจางยังได้ยกดำริของประธานาธิบดีสีจิ้นผิงที่ได้เสนอความคิดริเริ่มเรื่องธรรมาภิบาลโลก (GGI) มากล่าวโดยเน้นหลักการสำคัญ 5 มิติ ได้แก่ การธำรงไว้ซึ่งความเท่าเทียมทางอธิปไตย หลักนิติธรรมระหว่างประเทศ ระบบพหุภาคีนิยม แนวทางที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และหลักการที่ปฏิบัติได้จริงของธรรมาภิบาลโลก

 

ในส่วนของการยึดมั่นในระบบพหุนิยมของโลกนั้น ทูตจางยังได้กล่าวถึงความสำคัญขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (SCO) และความร่วมมือในกรอบ BRICS ว่าช่วยสร้างการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนให้แก่ประเทศสมาชิกและหุ้นส่วนด้วย

 

สำหรับเป้าหมายสูงสุดของธรรมาภิบาลโลกนั้น จางเจี้ยนเว่ยกล่าวว่า คือการทำให้ประชาชนของทุกประเทศมีความสุข ความมั่นคง และมีชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งจีนยึดแนวคิดการพัฒนาเพื่อประชาชน อาศัยประชาชน และเพื่อประโยชน์ของประชาชน เน้นการพัฒนาเศรษฐกิจที่สร้างความผาสุกและความมั่นคงแก่ประชาชนทั่วโลก

 

ทูตจีนกล่าวว่า ตลอดครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาที่ไทยและจีนมีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการต่อกัน จีนและไทยได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด มีความเคารพซึ่งกันและกัน และเป็นแบบอย่างของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เท่าเทียมและเกื้อกูล

 

พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการสร้างสรรค์ในโครงการริเริ่ม ‘แถบและเส้นทาง (BRI)’ และเป็นพลังสำคัญในการส่งเสริมธรรมาภิบาลโลก คำว่า “จีน-ไทย ใช่อื่นไกลพี่น้องกัน” ไม่ใช่แค่คำขวัญ แต่เป็นสัญลักษณ์ของมิตรภาพอันยั่งยืน และเท่าเทียม

 

ทูตจีนย้ำช่วงท้ายว่า แนวคิดธรรมาภิบาลโลก เปิดพื้นที่ใหม่ให้ความร่วมมือระหว่างจีนและไทยก้าวหน้าอย่างมั่นคง เป็นพลังขับเคลื่อนในการสร้างธรรมาภิบาลด้วยการปฏิบัติอย่างจริงจัง เพื่อสร้างมาตุภูมิที่สวยงามและสงบสุขต่อไป

 

สำหรับพิธีกล่าวปาฐกถาเนื่องในโอกาสฉลองความสัมพันธ์ไทย-จีนครบ 50 ปีครั้งนี้ จัดโดยสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน ร่วมกับสถาบันสื่อและบริหารธุรกิจไทย-จีน มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และ China Media Group (CMG) โดยนอกจากเอกอัครราชทูตจางเจี้ยนเว่ยที่เป็นองค์ปาฐกแล้ว พิธีนี้ยังมีผู้ขึ้นกล่าวหลายคน ได้แก่ ชิบ จิตนิยม รองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศของวุฒิสภา, ดร.กำพล มหานุกูล นายกสมาคมผู้สื่อข่าวไทย-จีน และดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และมีผู้บริหาร คณาจารย์ สื่อมวลชน นักศึกษาของมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ และผู้เรียนหลักสูตรผู้บริหารธุรกิจไทย–จีน (บทจ.) ร่วมฟัง ณ ห้องประชุมปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ด้วย

The post เอกอัครราชทูตจีนชู ‘ธรรมาภิบาลโลก’ ของ สีจิ้นผิง ย้ำความสัมพันธ์ไทย-จีนเพื่อส่งเสริมสันติภาพโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
พรรคคอมมิวนิสต์จีนขับนายพลระดับสูง 9 คน ชี้ละเมิดวินัยพรรค และก่ออาชญากรรมทางการเงินอย่างร้ายแรง https://thestandard.co/china-generals-purged-corruption/ Sun, 19 Oct 2025 05:33:57 +0000 https://thestandard.co/?p=1132454 พรรคคอมมิวนิสต์จีนขับ นายพลระดับสูง 9 คน ชี้ละเมิด วินัยพรรค และก่ออาชญากรรมทางการเงินอย่างร้ายแรง

พรรคคอมมิวนิสต์จีน ขับนายพลระดับสูง 9 คน ระบุละเมิดวินั […]

The post พรรคคอมมิวนิสต์จีนขับนายพลระดับสูง 9 คน ชี้ละเมิดวินัยพรรค และก่ออาชญากรรมทางการเงินอย่างร้ายแรง appeared first on THE STANDARD.

]]>
พรรคคอมมิวนิสต์จีนขับ นายพลระดับสูง 9 คน ชี้ละเมิด วินัยพรรค และก่ออาชญากรรมทางการเงินอย่างร้ายแรง

พรรคคอมมิวนิสต์จีน ขับนายพลระดับสูง 9 คน ระบุละเมิดวินัยพรรค และก่ออาชญากรรมทางการเงินอย่างร้ายแรง ถือเป็นการกวาดล้างภาคส่วนกองทัพครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมจีนระบุว่า นายพลระดับสูง 9 คน ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่ระดับสูงในคณะกรรมาธิการทหารกลาง (Central Military Commission: CMC) และทหารบางส่วน ละเมิดวินัยของพรรคคอมมิวนิสต์ร้ายแรง โดยก่อทุจริตจำนวนเงินมหาศาล และมีความผิดก่ออาชญากรรมทางการเงิน ได้แก่

 

1.เหอเว่ยตง (Hei Weidong) รองประธาน CMC

 

2. เมียวฮวา (Miao Hua) ผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของ CMC

 

3. เหอหงจวิน (He Hongjun) รองผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของ CMC

 

4. หวังซิวปิน (Wang Xiubin) รองผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการร่วม CMC

 

5. หลินเซียงหยาง (Lin Xiangyang) ผู้บัญชาการกองทัพภาคตะวันออก

 

6. ฉินซู่ถง (Qin Shutong) ผู้บัญชาการฝ่ายการเมืองกองทัพบก

 

7. หยวนฮวาจื้อ (Yuan Huazhi) ผู้บัญชาการฝ่ายการเมืองกองทัพเรือ

 

8. หวังโฮวปิน (Wang Houbin) ผู้บัญชาการกองกำลังจรวด

 

9. หวังชุนหนิง (Wang Chunning) ผู้บัญชาการกองกำลังตำรวจ

 

ในบรรดาผู้มีความผิด 9 คน เหอเว่ยตงถูกจับตามองมากที่สุด เนื่องจากเขามีความสำคัญทางการเมืองจีนมาก เป็นคนใกล้ตัวของสีจิ้นผิง มียศสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในกองทัพจีน และอยู่ในโปลิตบูโร (Politburo) โดยครั้งหนึ่ง กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคยระบุว่า อดีตนายพลนี้มีบทบาทสำคัญในแผนการซ้อมรบขู่ไต้หวัน หลัง แนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เยือนไต้หวันในเดือนสิงหาคม 2022

 

อนึ่ง มีผู้พบเห็นอดีตรองประธาน CMC ครั้งสุดท้ายในเดือนมีนาคม และหายตัวไปตลอดเกือบทั้งปี ซึ่งคาดว่า เขาถูกควบคุมตัวสอบสวนกับคดีทุจริตครั้งนี้

 

จากปรากฏการณ์ครั้งนี้ ทำให้เหอเว่ยตงเป็นนายพลคนแรกใน CMC ที่ถูกปลดออกจากตำแหน่งในรอบหลายทศวรรษ นับตั้งแต่เหตุการณ์การปฏิวัติวัฒนธรรมปี 1966-1967 โดยกระทรวงกลาโหมจีนเรียกว่า การปราบปรามครั้งนี้ ถือเป็น ‘ความสำเร็จ’ ต่อแคมเปญต้านคอร์รัปชันของพรรคคอมมิวนิสต์และกองทัพ

 

เชื่อกันว่า ประกาศดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการสับเปลี่ยนตำแหน่งของสมาชิก CMC ซึ่งเกิดขึ้นไม่กี่วันก่อนการประชุมเต็มคณะสมัยที่ 4 (Fourth Plenum) โดยมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าร่วมมากกว่า 300 คน เพื่อหารือหรือทบทวนแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

 

ทั้งนี้ เหวินตี้ซุง (Wen-Ti Sung) นักวิชาการจาก Global China Hub มองว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวสะท้อนว่า สีจิ้นผิง กำลัง ‘ล้างบาง’ ครั้งใหญ่ ซึ่งการปลด เหอเว่ยตง และ เมียวฮวา หมายความว่า ผู้นำจีนกำลังเลือกสมาชิก CMC คนใหม่ในเร็วๆ นี้

 

ภาพ: XC2000 / Shutterstock

 

อ้างอิง:

The post พรรคคอมมิวนิสต์จีนขับนายพลระดับสูง 9 คน ชี้ละเมิดวินัยพรรค และก่ออาชญากรรมทางการเงินอย่างร้ายแรง appeared first on THE STANDARD.

]]>
จีนวิจารณ์ ไล่ชิงเต๋อ ‘ขายตัวเอง’ ให้ชาติตะวันตก หลังหนุนทรัมป์ได้โนเบลสันติภาพ หากโน้มน้าว สีจิ้นผิง เลิกใช้กำลังกับไต้หวัน https://thestandard.co/china-criticize-lai-ching-te-prostituting-trump-nobel/ Thu, 09 Oct 2025 04:57:42 +0000 https://thestandard.co/?p=1128441 china-criticize-lai-ching-te-prostituting-trump-nobel

เมื่อวานนี้ (8 ตุลาคม 2025) สำนักกิจการไต้หวันของจีนออก […]

The post จีนวิจารณ์ ไล่ชิงเต๋อ ‘ขายตัวเอง’ ให้ชาติตะวันตก หลังหนุนทรัมป์ได้โนเบลสันติภาพ หากโน้มน้าว สีจิ้นผิง เลิกใช้กำลังกับไต้หวัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
china-criticize-lai-ching-te-prostituting-trump-nobel

เมื่อวานนี้ (8 ตุลาคม 2025) สำนักกิจการไต้หวันของจีนออกแถลงการณ์วิจารณ์ ไล่ชิงเต๋อ ประธานาธิบดีไต้หวันว่า ‘ขายตนเอง’ ให้ชาติตะวันตก กรณีสนับสนุนให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐอเมริกาได้รางวัลโนเบลสันติภาพ หากโน้มน้าวให้ สีจิ้นผิง ผู้นำจีน เลิกใช้กำลังรุกรานไต้หวันได้

 

ทั้งนี้ ไล่ชิงเต๋อ แสดงความคิดเห็นในรายการพอดแคสต์ The Clay Travis and Buck Sexton โดยในตอนหนึ่ง บทสนทนาดำเนินถึงเรื่องเล่าจากทรัมป์ว่า สีจิ้นผิง บอกกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า จีนจะไม่รุกรานไต้หวัน ตราบใดที่ทรัมป์ยังนั่งเก้าอี้ผู้นำอยู่

 

“ผมหวังว่า จะได้รับแรงสนับสนุนจากประธานาธิบดีทรัมป์ ถ้าเขาโน้มน้าวให้ สีจิ้นผิง หยุดใช้กำลังรุกรานไต้หวัน ทรัมป์จะได้รางวัลโนเบลสันติภาพอย่างแน่นอน”

 

นอกจากนี้ ผู้นำไต้หวันยังถูกถามคำแนะนำสำหรับทรัมป์ หากต้องพบกับ สีจิ้นผิง ซึ่ง ไล่ชิงเต๋อแนะนำว่า ทรัมป์ควรจะใส่ใจกับสิ่งที่ สีจิ้นผิง กำลังทำอยู่ เพราะขณะนี้ จีนไม่ได้แค่ซ้อมรบขนานใหญ่ในช่องแคบไต้หวัน แต่กำลังขยายกำลังทางทหารในทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้

 

อย่างไรก็ตาม สำนักกิจการไต้หวันภายใต้จีนออกแถลงการณ์โต้กลับ โดยระบุว่า ไล่ชิงเต๋อ กำลังพูดจา ‘ไร้สาระ’ แสดงตัวตนที่แท้จริงในฐานะผู้สร้างวิกฤต และทำลายสันติภาพ โดยตั้งแต่รับตำแหน่งมา ก็มักจะสร้างข่าวปลอมที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด และ ‘ขายตนเอง’ ให้กับชาติตะวันตก

 

“ไล่ชิงเต๋อ เอาอกเอาใจต่างชาติอย่างไร้หลักการ และขายไต้หวันอย่างไร้ขอบเขต เขาทำลายชีวิตและประชาชน ขายตนเองและร่วมมือกับกองกำลังต่างชาติ”

 

นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุปิดท้ายว่า ไล่ชิงเต๋อ และกองกำลังไต้หวัน เป็นเพียง ‘มด’ ที่เขย่าต้นไม้ใหญ่ เพราะในท้ายที่สุด ทุกฝ่ายจะถูกกวาดลงในถังขยะแห่งประวัติศาสตร์​​ โดยสื่อเป็นนัยว่า ใครก็ตามที่พยายามร่วมมือกับต่างชาติ เพื่อแสวงหาเอกราช จะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน

 

ทั้งนี้ สีจิ้นผิง และ ทรัมป์ จะพบกันในการประชุม APEC 2025 ที่เกาหลีใต้ปลายเดือนตุลาคมนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปี หลังจากทั้งสองผู้นำพบกันตัวต่อตัวครั้งสุดท้ายในการประชุม G20 ที่ญี่ปุ่นในปี 2019 ซึ่งผู้นำสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัวว่า เป็นช่วงเวลาที่ ‘เหมาะเจาะ’ ในการหารือ

 

ภาพ: jamesonwu1972 / Shutterstock

 

อ้างอิง

 

The post จีนวิจารณ์ ไล่ชิงเต๋อ ‘ขายตัวเอง’ ให้ชาติตะวันตก หลังหนุนทรัมป์ได้โนเบลสันติภาพ หากโน้มน้าว สีจิ้นผิง เลิกใช้กำลังกับไต้หวัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ถอดรหัส DNA วัฒนธรรมจีน บทเรียนประวัติศาสตร์การทูต เพื่อเข้าใจแก่นแท้การเจรจากับจีน https://thestandard.co/chinese-diplomacy-dna/ Sun, 05 Oct 2025 05:56:56 +0000 https://thestandard.co/?p=1126701 โจวเอินไหลและคิสซินเจอร์ในการเจรจาทางการทูตจีน-สหรัฐ จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

หัวข้อในเนื้อหานี้   หลักการที่ 1: กลับไปสู่หลักกา […]

The post ถอดรหัส DNA วัฒนธรรมจีน บทเรียนประวัติศาสตร์การทูต เพื่อเข้าใจแก่นแท้การเจรจากับจีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
โจวเอินไหลและคิสซินเจอร์ในการเจรจาทางการทูตจีน-สหรัฐ จุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ

 

เรื่องราวการเจรจาระหว่างนายกรัฐมนตรีโจวเอินไหลของจีนกับเฮนรี คิสซินเจอร์ ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาในปี 1971 ถือเป็นหนึ่งในบทเรียนคลาสสิกทางการทูตในหน้าประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลก การเจรจาครั้งนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนกับสหรัฐอเมริกา หลังจากที่ทั้งสองประเทศไม่มีความสัมพันธ์กันมาหลายทศวรรษ และนำไปสู่การเยือนจีนครั้งประวัติศาสตร์ของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ของสหรัฐฯ และได้พบกับประธานเหมาเจ๋อตง

 

ผศ.ดร.อาร์ม ตั้งนิรันดร ผู้อำนวยการศูนย์จีนศึกษา สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยกเคสนี้มาเล่าในระหว่างการบรรยายพิเศษหัวข้อ ‘ถอดรหัสวัฒนธรรมจีนกับการทูตและการเจรจาธุรกิจ’ ในหลักสูตรผู้บริหารรุ่นใหม่ธุรกิจไทย-จีนรุ่นที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา

 

อาจารย์กล่าวว่า ความท้าทายแรกของการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนในเวลานั้นคือ จะติดต่อกันอย่างไร ในเมื่อทั้งสองประเทศไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน?

 

คำตอบคือการหา ‘ผู้แนะนำ’ ที่เหมาะสม

 

หลังจากสหรัฐฯ พิจารณาอย่างรอบคอบ คิสซินเจอร์ได้เลือกผู้นำปากีสถาน ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสัมพันธ์ดีกับทั้งสหรัฐฯ และจีนในเวลานั้นมาเป็นตัวกลาง นี่แสดงให้เห็นหลักการสำคัญข้อแรกนั่นคือ ในการเจรจากับจีน ผู้แนะนำมีความสำคัญยิ่งยวด

 

คิสซินเจอร์เดินทางลับไปยังจีนโดยผ่านปากีสถานในปีนั้น และได้พบกับโจวเอินไหล ที่นั่นเองที่ทำให้คิสซิงเจอร์ได้เรียนรู้วิธีการเจรจาการทูตกับจีน ซึ่งมีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรในเวลาต่อมา และเป็นบทเรียนสำคัญสำหรับนักการทูตรุ่นหลัง

 

อาจารย์อาร์มอธิบายว่า มีหลักการ 4 ข้อของการเจรจาแบบจีนที่ถอดมาได้จากการสนทนาครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างโจวเอินไหลกับคิสซิงเจอร์

 

หลักการที่ 1: กลับไปสู่หลักการพื้นฐาน 

 

เมื่อคิสซินเจอร์มาถึงปักกิ่ง เขาได้เตรียมเอกสารมาเป็นตั้ง และใช้เวลาครึ่งวันในการบรรยายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ต่างประเทศของสหรัฐฯ สงครามเวียดนาม และสิ่งที่อเมริกาต้องการ

 

โจวเอินไหลนั่งฟังอย่างเงียบๆ โดยไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ จนกระทั่งคิสซินเจอร์พูดจบ ทันใดนั้น โจวกล่าวประโยคที่กลายเป็นตำนานว่า “คุณพูดมานานมากแล้ว แต่ขอให้เราเริ่มจากหลักการพื้นฐาน คุณต้องการโลกแบบไหน?”

 

คำถามนี้ทำให้คิสซินเจอร์ตกตะลึง อาจารย์อาร์มกล่าวว่า มันสะท้อนวัฒนธรรมการเจรจาของจีนที่มุ่งเน้นไปที่

 

  • ปรัชญาพื้นฐาน มากกว่ารายละเอียดปลีกย่อย
  • วิสัยทัศน์ระยะยาว มากกว่าผลประโยชน์ระยะสั้น
  • มุมมองโลก มากกว่าผลประโยชน์แค่สองประเทศ

 

อาจารย์ยกตัวอย่างเพิ่มเติมว่า เวลาผู้นำไทยพูด จะพูดผ่านมุมมองของไทยเป็นหลัก เช่น พูดว่าประเทศไทยดีแบบไหน เพื่อเชิญชวนนานาชาติมาลงทุน แต่เวลาผู้นำสิงคโปร์พูด เขาจะพูดด้วยมุมมองของเอเชีย ไม่ใช่แค่สิงคโปร์ ส่วนจีนและสหรัฐฯ พูดในบริบทและมุมมองของโลก (สหรัฐฯ ต้องการโลกที่มีเสรีภาพ ส่วนจีนต้องการโลกที่มีความหลากหลาย)

 

สิ่งสำคัญที่อาจารย์อาร์มพยายามชี้ให้เห็นคือ เวลาเจรจากับจีน จะต้องจูนคลื่นให้ตรงกัน โดยเฉพาะการปรับโลกทัศน์หรือมุมมองให้อยู่ในกรอบเดียวกัน ซึ่งจะเป็นรากฐานในการพูดคุยต่อไปได้

 

หลักการที่ 2: ความชัดเจนในประเด็นเป็นเรื่องสำคัญที่สุด 

 

หลังจากถามคำถามเชิงปรัชญา โจวเอินไหลก็พูดตรงไปตรงมาว่า “หากประเด็นไต้หวันไม่ได้รับการแก้ไข ประเด็นอื่นๆ ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องรอง”

 

นี่คือ Core Interest หรือผลประโยชน์แห่งชาติหลักที่จีนไม่ยอมเจรจา มันเป็นเส้นแดงที่จีนขีดไว้ชัดเจน และไม่สามารถต่อรองได้

 

จีนยืนยันตั้งแต่เริ่มต้นการพูดคุยว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน เน้นย้ำในหลักการ ‘จีนเดียว’ ซึ่งหากสหรัฐฯ ไม่ยอมรับหลักการนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องเจรจาเรื่องอื่นใดต่อ

 

โจวเอินไหลแสดงให้เห็นว่าจีนพร้อมที่จะปิดประเทศต่อไป โดยไม่จำเป็นต้องเปิดประเทศก็ได้ หากไม่สามารถตกลงกันได้ในประเด็นพื้นฐานนี้

 

หลักการที่ 3: ความยืดหยุ่นและรักษาหน้า  

 

แม้จีนจะยืนกรานในหลักการพื้นฐาน แต่ก็แสดงความยืดหยุ่นในรายละเอียดบางอย่าง อาจารย์อาร์มกล่าวว่า การพูดคุยระหว่างโจวเอินไหลและคิสซิงเจอร์ลงเอยด้วย ‘First Communiqué’ (แถลงการณ์ฉบับแรก) ที่ระบุว่า

 

  • ทั้งสองฝั่งของช่องแคบไต้หวัน (จีนแผ่นดินใหญ่และไต้หวัน) ต่างเห็นพ้องว่ามี ‘จีนเดียว’ และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน
  • สหรัฐอเมริกาไม่มีข้อโต้แย้งกับความคิดนี้

 

ดร.อาร์มชี้ให้เห็นนัยที่ซ่อนอยู่ในแถลงการณ์ฉบับนี้คือ ไม่มีการระบุชัดว่า ‘จีน’ ที่ถูกต้องคือจีนไหน (ปักกิ่งหรือไทเป) ซึ่งแต่ละฝ่ายสามารถตีความได้ตามที่ตนต้องการ โดยที่ทุกฝ่ายสามารถ ‘รักษาหน้า’ ได้

 

นี่คือ Strategic Ambiguity หรือความคลุมเครือทางยุทธศาสตร์ เพราะจีนสามารถตีความว่า จีนที่ถูกต้องคือปักกิ่ง และไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีน ส่วนสหรัฐฯ ตีความได้ว่า จีนกับไต้หวันเป็นหนึ่งเดียวกัน แต่ยังไม่ชัดเจนว่าจีนไหนเป็นตัวแทนที่ถูกต้อง ส่วนไต้หวันสามารถตีความว่า จีนที่ถูกต้องคือไต้หวัน

 

อาจารย์ชี้ว่า วัฒนธรรมจีนยอมรับความคลุมเครือหากมันช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงความขัดแย้งได้ เพราะการแตกหักในบางเรื่องอาจทำให้เสียประโยชน์ ดังนั้นคำกล่าวของอดีตผู้นำจีนอย่างเติ้งเสี่ยวผิงที่ว่า “ปล่อยให้คนรุ่นหลังตัดสินใจ” ก็สะท้อนปรัชญานี้ได้ดี ซึ่งรวมถึงกรณีไต้หวันที่สามารถรอเวลาให้คนรุ่นหลังแก้ไขได้

 

หลักการที่ 4: การมองระยะยาว (Playing the Long Game) 

 

ดร.อาร์มยกอีกเหตุการณ์ที่โด่งดังในวงเจรจา เมื่อคิสซินเจอร์พยายาม ‘ชวนคุย’ โดยถามโจวเอินไหลเกี่ยวกับการปฏิวัติฝรั่งเศส (ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี 1789)

 

ซึ่งโจวเอินไหลตอบกลับด้วยประโยคที่กลายเป็นตำนานว่า “มันเร็วเกินไปที่จะบอกว่าผลของการปฏิวัติฝรั่งเศสเป็นอย่างไร”

 

อาจารย์อาร์มกล่าวว่า คำตอบนี้สะท้อนให้เห็นมุมมองแบบจีนว่า เขามองประวัติศาสตร์ผ่านกรอบเวลา 4,000 ปี ในขณะที่สหรัฐฯ ที่เพิ่งก่อตั้งประเทศได้ไม่กี่ร้อยปี จะมองผ่านกรอบเวลาอีกแบบหนึ่ง

 

“Chinese negotiators think in decades, not quarters.” คำกล่าวนี้สะท้อนการมองระยะยาว ดังนั้นจีนจึงมีแนวคิดเรี่องความอดทนสูง ดังจะเห็นได้จากการเจรจาการค้ากับโดนัลด์ ทรัมป์ที่จีนสามารถอดทนเพื่อเล่นเกมยาว โดยรอได้ 10, 20 หรือ 30 ปี ในขณะที่ตะวันตกต้องการความชัดเจนและการตัดสินใจทันที และมองในกรอบเวลาไตรมาส ไม่ใช่หลักทศวรรษ

 

องค์ประกอบเสริมของการเจรจากับจีน 

 

ดร.อาร์ม กล่าวว่า การเจรจาเรื่องใดๆ กับจีนยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมาก การใช้ Soft Power ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ซึ่งคิสซินเจอร์เคยบันทึกว่าเขาไม่เคยเจรจากับผู้นำประเทศคนใดที่พูดเรื่องประวัติศาสตร์ 4,000 ปีระหว่างเจรจา แถมมีการอธิบายเรื่องชาจีนและวัฒนธรรมอย่างละเอียด แม้แต่อาหารทุกจานก็มีเรื่องราวและตำนานที่หยิบยกมาเล่าบนโต๊ะ

 

อาจารย์กล่าวเสริมว่า จีนใช้วัฒนธรรมเพื่อสร้างความสัมพันธ์และความไว้วางใจ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกได้รับเกียรติและการเคารพ นอกจากนี้ยังเป็นการสร้าง ‘ความนุ่มนวล’ ที่ห่อหุ้มด้วยความแข็งแกร่ง เพราะแม้ภายนอกจะดูนุ่มนวล แต่จีนก็พร้อมเดินออกจากโต๊ะเจรจาทันทีหากผิดต่อหลักการที่กล่าวมาข้างต้น

 

หนึ่งในตัวอย่าง Soft Power ที่จีนนำมาใช้ในการสานสัมพันธ์ ก็คือ การทูตแพนด้า ซึ่งเริ่มต้นจากที่โจวเอินไหลถามภริยาของนิกสันเมื่อเห็นกล่องไม้ขีดไฟรูปแพนด้าวางบนโต๊ะว่าต้องการแพนด้าจริงๆ ไหม จากนั้นจีนก็ส่งแพนด้าให้สหรัฐฯ จริงๆ

 

การประยุกต์ใช้กับการเจรจาธุรกิจ 

 

บทเรียนการเจรจาการทูตกับจีนที่กล่าวมาข้างต้นสามารถประยุกต์ใช้ในวงเจรจาธุรกิจได้ หากเราไม่เคยพบหรือรู้จักคู่เจรจา เราจำเป็นต้องหาผู้แนะนำที่มีความสัมพันธ์ดีกับทั้งสองฝ่าย โดยควรเป็นคนที่ฝ่ายจีนให้ความเคารพและไว้วางใจ

 

ต่อมาเป็นเรื่องหลักการพื้นฐานคือ ‘การรักษาหน้า’ ซึ่งหมายรวมถึงการต้อนรับขับสู้อย่างดี การแสดงความเคารพต่อแขก การหาทางออกที่ทุกฝ่าย ‘ไม่เสียหน้า’ และการหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าโดยตรงหากไม่จำเป็น

 

ต่อมาคือเราต้องเข้าใจว่าความนิ่งและการฟังเป็นสิ่งที่อยู่ในวัฒนธรรมจีน ซึ่งอาจจะแตกต่างจากการสนทนากับคนตะวันตกที่มีการโต้ตอบเสมอ คนจีนจะฟังก่อน เพื่อเข้าใจว่าอีกฝ่ายว่าต้องการอะไร จากนั้นก็มีการสังเกตจุดอ่อนและจุดแข็ง เพื่อที่จะเตรียมตัว ก่อนโต้ตอบอย่างมีกลยุทธ์ หากเราเข้าใจวัฒนธรรมการเจรจาแบบจีน ก็จะทำให้มีโอกาสเจรจาลุล่วงสูง

 

อาจารย์ย้ำว่า เราอย่าเริ่มต้นเจรจากับจีนด้วยรายละเอียดยืดยาว แต่ให้พูดถึงเป้าหมายร่วมและประโยชน์ต่อภาพใหญ่ จากนั้นก็สร้างความชัดเจนใน Core Interest ว่าสิ่งไหนเป็นเส้นแดงที่ต่อรองไม่ได้ แต่เรื่องรองๆ ลงมาหากสามารถต่อรองได้ ก็หาทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ หรือก็คือการยอมรับในความคลุมเครือที่สร้างสรรค์

 

นอกจากนี้คนจีนก็ให้ความสำคัญกับการมองระยะยาว พร้อมที่จะลงทุนเวลาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ โดยคิดถึงผลประโยชน์ในอีก 10-20 ปีข้างหน้า ดังนั้นการเจรจากับคนจีนโดยมองไปถึงอนาคตยาวๆ จะทำให้อีกฝ่ายเกิดความไว้วางใจ และการสานสัมพันธ์กันในระยะยาวก็จะเป็นผลดีต่อการทำธุรกิจในอนาคตด้วย

 

ภาพ:  White House via CNP / Getty Images

The post ถอดรหัส DNA วัฒนธรรมจีน บทเรียนประวัติศาสตร์การทูต เพื่อเข้าใจแก่นแท้การเจรจากับจีน appeared first on THE STANDARD.

]]>
สถานทูตจีนยืนยัน ไม่ได้ส่งอุปกรณ์ทางทหารให้กัมพูชา เพื่อใช้สู้กับไทย พร้อมเรียกร้องให้หยุดเผยแพร่ข่าวเท็จ https://thestandard.co/china-nomilitaryaid-thaicambodia-clash/ Fri, 03 Oct 2025 02:38:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1125905 China-NoMilitaryAid-ThaiCambodia-Clash

โฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทยตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวาน […]

The post สถานทูตจีนยืนยัน ไม่ได้ส่งอุปกรณ์ทางทหารให้กัมพูชา เพื่อใช้สู้กับไทย พร้อมเรียกร้องให้หยุดเผยแพร่ข่าวเท็จ appeared first on THE STANDARD.

]]>
China-NoMilitaryAid-ThaiCambodia-Clash

โฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทยตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวานนี้ (2 ตุลาคม) โดยเน้นย้ำว่า นับตั้งแต่การเกิดเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ในฐานะเพื่อนบ้านฉันท์มิตรของไทยและกัมพูชา จีนได้พยายามทำงานเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ด้วยวิธีของตนเอง จีน ‘ไม่ได้ส่งอุปกรณ์ทางทหารใดๆ ให้กับกัมพูชา เพื่อใช้ในเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา’ อุปกรณ์ทางทหารจากจีนที่กัมพูชามีอยู่ในปัจจุบัน ล้วนมาจากโครงการความร่วมมือระหว่างจีน-กัมพูชา ‘ที่มีอยู่แล้ว’

 

จีนไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัวในความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และได้สนับสนุนอาเซียนที่ส่งเสริมการแก้ปัญหาทางการเมืองตาม ‘วิถีอาเซียน’ จีนยินดีที่จะสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับไทย กัมพูชา มาเลเซีย และประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค และแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในการเสริมสร้างการหยุดยิงอย่างยั่งยืนและฟื้นฟูความสงบสุขของบริเวณชายแดน

 

โฆษกสถานทูตจีนประจำประเทศไทยยังเรียกร้องให้ บุคคลที่เกี่ยวข้องคำนึงถึงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค และความผาสุขของประชาชน และทำสิ่งที่เป็นบวกและสร้างสรรค์มากขึ้น เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ระหว่างไทยและกัมพูชา แทนที่จะเผยแพร่ข่าวเท็จอย่างมีเจตนาเลวร้ายและปลุกปั่นให้เกิดความวุ่นวาย 

 

แฟ้มภาพ: Cha29 / Shutterstock

 

อ้างอิง:

  • สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย

The post สถานทูตจีนยืนยัน ไม่ได้ส่งอุปกรณ์ทางทหารให้กัมพูชา เพื่อใช้สู้กับไทย พร้อมเรียกร้องให้หยุดเผยแพร่ข่าวเท็จ appeared first on THE STANDARD.

]]>
สีจิ้นผิงวางพวงมาลาช่วงวันชาติจีน 2025 มุ่งมั่นเดินหน้าสร้าง ‘ความทันสมัยแบบจีน’ https://thestandard.co/xi-jinping-china-national-day-2025/ Wed, 01 Oct 2025 06:44:34 +0000 https://thestandard.co/?p=1125121 วันชาติจีน 2025

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พร้อมด้วยคณะผู้นำพรรคคอมมิวนิ […]

The post สีจิ้นผิงวางพวงมาลาช่วงวันชาติจีน 2025 มุ่งมั่นเดินหน้าสร้าง ‘ความทันสมัยแบบจีน’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
วันชาติจีน 2025

สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พร้อมด้วยคณะผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ได้เข้าร่วมพิธีวางพวงมาลาเพื่อรำลึกถึงวีรชนผู้เสียสละชีวิต ณ จัตุรัสเทียนอันเหมิน ใจกลางกรุงปักกิ่งของจีน เมื่อวานนี้ (30 กันยายน) ซึ่งเป็นหนึ่งวันก่อนถึง ‘วันชาติจีน’ ในวันนี้ (1 ตุลาคม) 

 

มีการจัดพิธีเชิญธงชาติจีนขึ้นสู่ยอดเสา เนื่องในวาระครบรอบ 76 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน (PRC) ซึ่งถือเป็นวันชาติจีน โดยมีประชาชนเดินทางมาร่วมรับชมพิธีการดังกล่าวกันอย่างเนืองแน่น

 

โดยสีจิ้นผิงยังได้กล่าวสนับสนุนประชาชนชาวจีนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบและก้าวไปข้างหน้าด้วยความมุ่งมั่น เพื่อผลักดันการสร้าง ‘ความทันสมัยแบบจีน’ อย่างต่อเนื่อง

 

 

ภาพ: สำนักข่าวซินหัว

อ้างอิง: 

  • สำนักข่าวซินหัว

The post สีจิ้นผิงวางพวงมาลาช่วงวันชาติจีน 2025 มุ่งมั่นเดินหน้าสร้าง ‘ความทันสมัยแบบจีน’ appeared first on THE STANDARD.

]]>