Wellness – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 17 Jun 2025 04:39:25 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Layan Life by Anantara ศูนย์รวมเวลเนสบนเกาะภูเก็ตที่มีโปรแกรมตั้งแต่ 3-10 วัน https://thestandard.co/layan-life-by-anantara/ Tue, 17 Jun 2025 04:37:31 +0000 https://thestandard.co/?p=1085809 ศูนย์เวลเนส Layan Life by Anantara ที่อนันตรา ลายัน ภูเก็ต พร้อมโปรแกรมดูแลสุขภาพครบวงจร

ทุกวันนี้การเดินทางเพื่อหลบไปพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายและจิต […]

The post Layan Life by Anantara ศูนย์รวมเวลเนสบนเกาะภูเก็ตที่มีโปรแกรมตั้งแต่ 3-10 วัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศูนย์เวลเนส Layan Life by Anantara ที่อนันตรา ลายัน ภูเก็ต พร้อมโปรแกรมดูแลสุขภาพครบวงจร

ทุกวันนี้การเดินทางเพื่อหลบไปพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายและจิตใจกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว เพราะสำหรับบางคน การออกไปเที่ยวให้คุ้มจนกลับมาแล้วสลบเหมือดอาจไม่ใช่ทาง แถมยังทำให้ตื่นเช้ามาแล้วไม่แจ่มใสอีก จึงไม่แปลกที่ใครหลายๆ คนเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการเดินทางที่ได้ใช้เวลากับตัวเองมากกว่า ทั้งการนอนพักให้เต็มที่ กินอาหารดีๆ ให้เต็มอิ่ม รวมถึงมีเวลาออกกำลังกายหรือฟื้นฟูร่างกายและจิตใจแบบลึกซึ้ง

 

วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และนอนพักผ่อนให้สมองปลอดโปร่งที่ Wellness Resort ณ อนันตรา ลายัน ภูเก็ต รีสอร์ท ซึ่งมีศูนย์ดูแลสุขภาพ Layan Life by Anantara อยู่ด้านในเป็นของตัวเอง รับรองว่าทุกคนจะต้องอยากแวะไปสัมผัสแน่นอนถ้ารู้ว่าที่นี่มีโปรแกรมและเครื่องมือช่วยดูแลสุขภาพให้ครบครันมากแค่ไหน

 

ศูนย์เวลเนส Layan Life by Anantara ที่อนันตรา ลายัน ภูเก็ต พร้อมโปรแกรมดูแลสุขภาพครบวงจร ศูนย์เวลเนส Layan Life by Anantara ที่อนันตรา ลายัน ภูเก็ต พร้อมโปรแกรมดูแลสุขภาพครบวงจร

 

Why here

 

Layan Life by Anantara เป็นศูนย์ดูแลสุขภาพที่เปิดให้มาใช้บริการได้ทั้งผู้เข้าพักในรีสอร์ตและบุคคลภายนอก ด้วยเหตุนี้ อุปกรณ์และโปรแกรมต่างๆ จึงค่อนข้างครบครัน มีตั้งแต่ศาสตร์การบำบัดแบบไทยไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทันสมัยต่างๆ เข้ามาผสมเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกคนมากที่สุด ตั้งแต่นักกีฬา คนทั่วไป หรือคนที่มีปัญหาสุขภาพและต้องการตัวช่วย นอกจากเครื่องมือ ที่นี่จึงมีผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ รอให้คำปรึกษาและดูแลเราอย่างเต็มที่ รวมถึงมีการออกแบบโปรแกรมทั้งเรื่องโภชนาการและการออกกำลังกายให้เฉพาะบุคคลเลยด้วย

 

อีกทั้งศูนย์แห่งนี้อยู่ในรีสอร์ตของอนันตรา บรรยากาศจึงเน้นความผ่อนคลาย เป็นส่วนตัว ห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ และมีครบทุกอย่างให้ทุกคนสามารถใช้เวลาดูแลตัวเองอยู่ภายในรีสอร์ตได้แบบไม่เบื่อ เนื่องจาก Layan Life มีโปรแกรมดูแลสุขภาพหลากหลายรูปแบบ เลือกได้ตั้งแต่ 3-10 วัน หรือใครจะมาใช้บริการเฉพาะโปรแกรม หรือทำทรีตเมนต์พิเศษอย่างเดียวก็ได้นะ เช่น การดริปวิตามิน การนวด Deep Tissue สำหรับนักกีฬา หรือการนวดเพื่อความผ่อนคลายและความสวยงามต่างๆ

 

ซึ่งโปรแกรมไฮไลต์ที่เราชอบมากที่สุดขอยกให้ ‘เครื่องบำบัดด้วยความเย็น (Ice Pod)’ ที่ให้เราเข้าไปอยู่ในตู้อุณหภูมิต่ำเพื่อกระตุ้นระบบไหลเวียนเลือดและลดการอักเสบของร่างกาย คล้ายกับ Ice Bath ที่กำลังฮิตกันอยู่ตอนนี้ แต่ว่าเครื่องนี้จะทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนยืนอยู่ในขั้วโลกเหนือแทนการแช่น้ำเย็น

 

 

Worth it

 

เราชอบ Layan Life by Anantara ตรงที่ถึงแม้จะอยู่ในรีสอร์ต แต่ที่นี่กลับเป็นศูนย์เวลเนสอย่างจริงจังที่ค่อนข้างครบครันมาก ทั้งเครื่องมือ โปรแกรม และผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งทุกคนไม่จำเป็นต้องใช้เวลาที่นี่นานๆ ก็ได้ ใครมีเวลาแค่ไหนก็เลือกทำแค่นั้น หรือจะแวะมาทำทรีตเมนต์หรือการบำบัดสั้นๆ แล้วออกไปเที่ยวต่อก็ไม่มีปัญหา

 

นอกจากนี้ในศูนย์ยังมีฟิตเนส ห้องออกกำลังกาย โยคะ และพิลาทีส ออนเซน บ่อน้ำร้อนและน้ำเย็น รวมถึงมีพื้นที่กิจกรรม Active Zone สำหรับสายกิจกรรมเรียกเหงื่อด้วย เช่น สนามเทนนิส เวทีมวย หน้าผาจำลอง ยิงธนู ซิปไลน์ พายเรือคายัค แพดเดิ้ลบอร์ด และวินด์เซิร์ฟ

 

เอาเป็นว่าใครอยากพักผ่อนแบบได้ใช้เวลากับตัวเอง ได้ทำกิจกรรมฟื้นฟูตัวเองทั้งภายในและภายนอก หรือใครแค่อยากเดินทางมาพักผ่อนเงียบๆ ทำสปาชิลๆ แล้วออกไปเดินเล่นริมชายทะเล เราอยากให้ลองแวะมาพักที่นี่ดูสักครั้ง เพราะทุกคนอาจติดใจจนอยากกลับมาอีกทุกปีๆ

 

ศูนย์เวลเนส Layan Life by Anantara ที่อนันตรา ลายัน ภูเก็ต พร้อมโปรแกรมดูแลสุขภาพครบวงจร

 

Layan Life by Anantara

Location: ภูเก็ต

Budget: เริ่มต้นประมาณ 12,000++ บาทต่อคืน หรือสอบถามรีสอร์ตสำหรับโปรแกรมเข้าพักราคาพิเศษ

Contact: www.anantara.com/en/layan-phuket

Map: 

 

The post Layan Life by Anantara ศูนย์รวมเวลเนสบนเกาะภูเก็ตที่มีโปรแกรมตั้งแต่ 3-10 วัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025 อีเวนต์พักกายและใจ เติมพลังชีวิตในกิจกรรม 1-Day Retreat https://thestandard.co/life/the-standard-life-wellness-day-2025 Sun, 18 May 2025 02:45:19 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1075390 THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025

อีเวนต์แรกของ THE STANDARD LIFE ที่ชวนทุกคนมาฟื้นฟูทั้ง […]

The post THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025 อีเวนต์พักกายและใจ เติมพลังชีวิตในกิจกรรม 1-Day Retreat appeared first on THE STANDARD.

]]>
THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025

อีเวนต์แรกของ THE STANDARD LIFE ที่ชวนทุกคนมาฟื้นฟูทั้งกาย ใจ และจิตวิญญาณให้กลับมาสมดุล ใน ‘THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025’ งานที่พาทุกคนหนีจากความวุ่นวายให้ใจได้พักผ่อน ผ่านกิจกรรม Wellness แบบองค์รวมตลอด 1 วันเต็ม

 

THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025

 

THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025 จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา ในคอนเซปต์ Move Your Body, Heal Your Mind, Balance Your Soul ภายในงานจึงเต็มไปด้วยคนรักสุขภาพที่สนใจการดูแลตัวเองอย่างยั่งยืนและชื่นชอบการเปิดประสบการณ์ใหม่ผ่านกิจกรรมและการพูดคุย รวมถึงการทดลองใช้นวัตกรรมต่างๆ ที่มีส่วนช่วยในการดูแลสุขภาพ

 

งานนี้จึงเต็มไปด้วยกิจกรรมมากมาย ได้แก่ Movement Session พาเคลื่อนไหวร่างกายเป็นการอุ่นเครื่องเบาๆ ด้วยกิจกรรมโยคะและมัทฉะ โดย Brew Yoga Thailand และ MTCH™

 

 

LIFE Conversation เวทีทอล์กโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและอินฟลูเอ็นเซอร์สายสุขภาพ ได้แก่ หมอเพื่อน-พญ.กอบกุลยา จึงประเสริฐศรี, หมอโอ๊ค-นพ.สมิทธิ์ อารยะสกุล, คุณดุจดาว วัฒนปกรณ์ และ คุณยิปซี-คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ โดยพวกเขามาแชร์มุมมองเกี่ยวกับการใช้ชีวิตอย่างไรให้มีความสุข สมดุล และไม่แก่

 

LIFE Workshop เคลื่อนไหวกับนักกายภาพบำบัด เรียนรู้หลักโภชนาการที่ถูกต้อง พร้อมชิมเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจากชีวาศรม หัวหิน และคลาสบำบัดด้วยเสียงจากชามทิเบตและคริสตัล พร้อมไพ่ออราเคิล โดย alo x Balance & Co และ

 

THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025 THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025

 

นอกจากนี้ยังมีโซน TEST & TRY ให้ทุกคนได้ลองสัมผัสนวัตกรรมด้านสุขภาพและความงามก่อนใครด้วย

 

THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025 ตั้งใจเปิดประสบการณ์ใหม่และชวนทุกคนมาดูแลสุขภาพตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ รวมถึงเป็นการสร้างคอมมูนิตี้สำหรับผู้ที่มีความสนใจเดียวกันด้วย โดยงานนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2568 เวลา 09.00-18.00 น. ที่ Gaysorn Urban Resort ชั้น 19, Gaysorn Village

 

THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025

 

ถ้าใครไม่อยากพลาดงานดีๆ เช่นนี้อีก สามารถกดติดตาม THE STANDARD LIFE ได้ทุกช่องทาง

 

FB: www.facebook.com/thestandardlifeth

IG: www.instagram.com/thestandard.life/

TikTok: www.tiktok.com/@thestandardlife

 

ภาพ: THE STANDARD TEAM

The post THE STANDARD LIFE Wellness Day 2025 อีเวนต์พักกายและใจ เติมพลังชีวิตในกิจกรรม 1-Day Retreat appeared first on THE STANDARD.

]]>
LIST: 12 ร้านอาหารเฮลตี้ สำหรับคนมองหามื้อดีๆ กินแล้วสบายใจ https://thestandard.co/life/healthy-restaurants-bangkok-2025 Sat, 10 May 2025 00:00:20 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1072973 healthy-restaurants-bangkok-2025

ใครอยากให้รางวัลตัวเองในวันที่ทั้งหิวทั้งเหนื่อย แต่ก็ไ […]

The post LIST: 12 ร้านอาหารเฮลตี้ สำหรับคนมองหามื้อดีๆ กินแล้วสบายใจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
healthy-restaurants-bangkok-2025

ใครอยากให้รางวัลตัวเองในวันที่ทั้งหิวทั้งเหนื่อย แต่ก็ไม่อยากรู้สึกผิดด้วยการเติมแคลอรีที่ไม่ดีต่างร่างกาย หรือคนไหนที่เป็นแฟนคลับชอบกินอาหารเฮลตี้อยู่แล้ว วันนี้เรามีลิสต์ 12 ร้านอาหารเพื่อสุขภาพมาแนะนำ เผื่อว่าเพื่อนๆ สายฟิตคนไหนกำลังมองหาร้านใหม่ๆ เมนูใหม่ๆ เอาไว้แวะไปเติมเอเนอร์จี้ทั้งก่อนและหลังออกกำลังกาย

 

เพราะฉะนั้น ถ้าใครรู้ตัวว่าอยากฟิตแต่ขาดอาหารดีๆ ไม่ได้ ลองมาดูกันเลยว่าร้านอาหารเฮลตี้ทั่วกรุงเทพฯ ที่เราเลือกมาแนะนำจะมีที่ไหนบ้าง!

 


 

Plantiful

 

Plantiful

 

ร้านอาหาร Plant-based ที่ตอนนี้มีทั้งหมด 2 สาขา คือในซอยสุขุมวิท 61 และเกษรอมรินทร์ ที่นี่เน้นทำวัตถุดิบโฮมเมดและใช้วัตถุจากธรรมชาติเท่านั้น โดยอาหารส่วนใหญ่เป็นเมนูนานาชาติที่นำมาดัดแปลงใหม่ให้ดีต่อสุขภาพแต่หน้าตายังน่ากิน เช่น บิบิมบับ เบอร์ริโต้ แครอตเค้ก ส่วนราคาอาหารเริ่มต้นที่ประมาณ 200-300 บาท 

 

📍 Plantiful 

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.

ADDRESS: เอกมัยและเกษรอัมรินทร์ 

 


 

Broccoli Revolution

 

Broccoli Revolution

 

อีกร้านอาหาร Plan-based ที่เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก เพราะ Broccoli Revolution เปิดมานานจนหลายคนมีเมนูประจำที่ไปกี่ทีก็ต้องสั่งซ้ำๆ โดยเมนูของร้านก็มีให้เลือกหลากหลาย ทั้งอาหารสไตล์เอเชียและยุโรป เช่น เบอร์เกอร์ เบอร์ริโต้ ลาซานญ่า ข้าวซอย ผัดไทย ส่วนราคาอาหารเริ่มต้นที่ 170-200 บาท 

 

📍Broccoli Revolution

OPEN: เปิดทุกวัน เวลาทำการขึ้นอยู่กับแต่ละสาขา

ADDRESS: มีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ ทองหล่อ เจริญกรุง และเพลินจิต

 


 

Veggiology

 

Veggiology

 

สายน้ำผักผลไม้สกัดเย็นต้องมาที่นี่ อีกทั้งร้านยังพ่วงเมนูอาหารและขนมมาให้สั่งได้พร้อมๆ กันด้วย โดยคาเฟ่นี้เปิดอยู่ในย่านสุขุมวิท เน้นใช้ผักผลไม้ออร์แกนิกที่อุดหนุนจากเกษตรกรมาเปลี่ยนเป็นเมนูต่างๆ ให้พวกเราได้เติมสารอาหาร และนอกจากน้ำผักผลไม้สกัดเย็นที่มีให้เลือกมากกว่า 30 เมนู (ราคา 180-290 บาท) ก็ยังมีเมนูคาเฟ่ต่างๆ เช่น สลัชชี่ สมูทตี้โบวล์ สลัด ชา กาแฟ และเมนูอาหารสำหรับคนหิวด้วย

 

📍VEGGIOLOGY : Cold pressed juice & more

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.

ADDRESS: ซอยสุขุมวิท 41 

 


 

Veganerie Concept

 

Veganerie Concept

 

ที่นี่โดดเด่นทั้งเมนูอาหารและของหวาน ส่วนใหญ่เป็นอาหารไทยและต่างชาติที่พวกเรารู้จัก เช่น สเต๊ก มักกะโรนีชีส ข้าวซอย, บะหมี่ เฟรนช์ฟรายส์ สมูทตี้ โดยราคาอาหารเริ่มต้นที่ประมาณ 200 บาท

 

📍Veganerie Concept 

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น.

ADDRESS: มีทั้งหมด 7 สาขา ได้แก่ สยามพารากอน, สีลม, ลาซาล, วงเวียนใหญ่, นานา, พร้อมพงษ์ และสนามบินสุวรรณภูมิ

 


 

Pimp My Salad

 

Pimp My Salad

 

ร้านอาหารเพื่อสุขภาพจากประเทศสิงคโปร์ที่มาส่งต่อรสชาติสนุกๆ ให้ชาวกรุงเทพฯ อยู่ในย่านสาทร ที่นี่จะเน้นเมนูโบวล์เป็นหลัก โดยมีให้เลือกทั้งเมนูที่ร้านจัดมาให้แล้ว หรือใครจะเลือกวัตถุดิบสร้างเมนูของตัวเองก็ได้เช่นกัน (Build your own bowl) เพราะร้านมีวัตถุดิบให้เลือกหลากหลาย ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน และพืชผักต่างๆ ที่รับรองว่าแวะมาที่นี่จะได้กินสารอาหารครบทุกหมู่ นอกจากนี้ยังมีเมนูจำพวกแซนด์วิช สมูทตี้ หรือของหวานที่ดีต่อสุขภาพขึ้นมาหน่อยด้วย สำหรับราคาอาหารเริ่มต้นที่ประมาณ 280 บาท

 

📍Pimp My Salad  

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 08.00-22.00 น.

ADDRESS: ซอยสาทร 8

 


 

PAAK

 

PAAK

 

ร้านน้ำผักผลไม้สกัดเย็นที่ตอนนี้มีพิกัดอยู่ทั่วกรุงเทพฯ ให้เราทั้งกดสั่งเดลิเวอรีหรือเดินไปเลือกผักเพื่อปั่นเป็นเมนูสมูทตี้เองก็ได้ โดยสิ่งที่ทำให้หลายคนชอบ PAAK ก็คือร้านใช้เมนูสลัดจริงๆ มาเป็นแรงบันดาลใจในการคิดเมนู อย่างเช่น Hail Caesar (220 บาท) สมูทตี้ที่ดื่มแล้วเหมือนกินซีซาร์สลัด หรือหากใครอยากลองครีเอตเครื่องดื่มสูตรเฉพาะของตัวเองก็ทำได้เช่นกัน โดยราคาเริ่มต้นที่ 150 บาท

 

📍 PAAK 

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 08.00-23.00 น.

ADDRESS: มี 7 สาขา ได้แก่ THE COMMONS ศาลาแดง, สยามพารากอน, เอ็มสเฟียร์, เอ็มควอเทียร์, เอ็มโพเรียม, ซอยเอกมัย 6 และซอยสุขุมวิท 50 (สามารถสั่งเดลิเวอรีได้)

 


 

Carrots: The Vegan Bistro

 

Carrots: The Vegan Bistro

 

ร้านอาหารวีแกนสีสันจี๊ดจ๊าดที่มีเมนูครบทั้งกาแฟ เค้ก พิซซ่า ไวน์ และอาหารสำหรับคนที่อยากเติมพลัง โดยเมนูมีทั้งอาหารเอเชียและตะวันตก เมนูที่ควรลองคือ พิซซ่าโฮมเมด ซูชิ เบเกิลแซนด์วิช หรืออาหารจานหลักต่างๆ ที่รับรองกินหมดแล้วมีแรงไปยิมต่อแน่นอน โดยราคาอาหารเริ่มต้นที่ประมาณ 220 บาท 

 

📍 Carrots: The Vegan Bistro  

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 08.00-23.00 น.

ADDRESS: เอกมัย ในโครงการ Ekkamai Lifestyle Mall

 


 

Vistro

 

Vistro

 

ร้านอาหารสุขภาพขวัญใจชาววีแกนย่านสุขุมวิท ที่นี่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างชาติ เพราะเมนูหลากหลายทั้งเอเชียและตะวันตก มีครบตั้งแต่ของกินเล่น จานหลัก มื้อสาย ไปจนถึงของหวานและไอศกรีม โดยราคาอาหารเริ่มต้นที่ 100-400 บาท 

 

📍 Vistro Bangkok  

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 10.30-22.30 น.

ADDRESS: ซอยสุขุมวิท 24

 


 

SATI

 

SATI

 

ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่โดยอดีตเชฟจากครัวไฟน์ไดนิ่งที่ถอนตัวออกมาเปิดร้านนี้ด้วยแพสชันส่วนตัวล้วนๆ เนื่องจากตัวเขาเองก็ชอบออกกำลังกายและอยากให้คนดูแลสุขภาพได้กินอาหารดีๆ ให้คุ้มกับค่าเหงื่อที่เสียไปในทุกครั้งที่เข้ายิม เมนูอาหารของ SATI จึงเน้นเมนูที่ทุกคนคุ้นเคย แต่นำมาทำใหม่แบบสร้างสรรค์ เฮลตี้ รสชาติดี และโภชนาการถึง ราคาเริ่มต้นประมาณ 180 บาท

 

📍 @satifood_  

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 10.30-20.00 น.

ADDRESS: ในโครงการ PARK X EKKAMAI

 


 

So Vegan Thailand

 

So Vegan Thailand

 

ร้านอาหารเจและมังสวิรัติที่มีหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ ด้วยความหลากหลายและราคาที่เป็นมิตรทำให้ร้านนี้ได้รับความนิยมมานาน เป็นร้านที่หลายคนนึกถึงเมื่ออยากกินข้าวแกงรสชาติดีในราคาจับต้องได้ แถมวัตถุดิบยังมีคุณภาพ อีกทั้งเมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารไทย ราคาเริ่มต้นประมาณ 60 บาท เช่น ส้มตำ ผัดกะเพรา ข้าวมันเห็ดทอด ก๋วยเตี๋ยว ลาบ ยำ ผัดไทย

 

📍 So Vegan Thailand – โซวีแกน

OPEN: เปิดทุกวัน เวลาทำการขึ้นอยู่กับแต่ละสาขา

ADDRESS: มีทั้งหมด 12 สาขา สามารถดูได้ที่ https://linktr.ee/soveganthailand

 


 

Rolls and Co. 

 

Rolls and Co.

 

ร้านสลัดโรลสำหรับคนที่อยากได้มื้อเบาๆ หรือเมนูที่กินง่ายๆ แบบด่วนๆ ที่นี่มีเฉพาะเมนูโรล แต่ไส้มีให้เลือกหลากหลายมาก เช่น หมูย่าง, ไก่ย่าง, กุ้ง, แซลมอน และผักสดต่างๆ มาพร้อมซอสหลายรสชาติหลายสไตล์ โดยตอนนี้มีหน้าร้าน 2 สาขา คือที่ True Digital Park และ Park Silom หรือใครอยู่ใกล้ที่ไหนจะกดสั่งเดลิเวอรีก็ได้เช่นกัน ส่วนราคาเริ่มต้นประมาณ 55 บาทต่อชิ้น หรือ 180 บาทต่อเซ็ต

 

📍 @rolls.and.co

OPEN: เปิดทุกวัน เวลาทำการขึ้นอยู่กับแต่ละสาขา

ADDRESS: มีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์​ พาร์คสีลม และทรู ดิจิทัล พาร์ค

 


 

KYND Kulture

 

KYND Kulture

 

คาเฟ่ Plant-based ในย่านเอกมัยที่มีครบทุกอย่าง ทั้งอาหารจานหลัก ขนม เครื่องดื่ม แถมบรรยากาศยังชิลสุดๆ แถมเมนูก็หน้าตาน่ากิน ไม่ชวนนึกถึงอาหารเฮลตี้ที่ดูฝืดคอ เมนูแนะนำอย่างเช่น Strawberry Paradise (250 บาท) ขนมปังที่ท็อปด้วยซอสเพสโต สตรอว์เบอร์รี และมะเขือเทศ หรือ Krazy Spicy Caviar (260 บาท) เมนูที่รสชาติจัดจ้านเผ็ดร้อน ตัดหวานอมเปรี้ยวของมะเขือเทศ ทำให้เมนูนี้น่าจะเหมาะกับคนไทยมากๆ

 

📍 KYND Kulture

OPEN: เปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น.

ADDRESS: ซอยเอกมัย 6 ในโครงการ EKM6

The post LIST: 12 ร้านอาหารเฮลตี้ สำหรับคนมองหามื้อดีๆ กินแล้วสบายใจ appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จักกับ SATI Food ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่โดยเชฟสายฟิตเนส https://thestandard.co/life/sati-food-health-restaurant Thu, 01 May 2025 11:31:11 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1070333 sati-food-health-restaurant

ต่อให้เป็นสายสุขภาพหรือไม่ก็ตาม ร้าน ‘SATI (สติ)’ ในย่า […]

The post รู้จักกับ SATI Food ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่โดยเชฟสายฟิตเนส appeared first on THE STANDARD.

]]>
sati-food-health-restaurant

ต่อให้เป็นสายสุขภาพหรือไม่ก็ตาม ร้าน ‘SATI (สติ)’ ในย่านเอกมัย ก็เป็นร้านที่น่าลองสักครั้งอยู่ดี เพราะนี่คือร้านอาหารเฮลตี้โดยเชฟดีกรีมิชลินที่ถอนตัวออกมาเปิดร้านอาหารสุขภาพด้วยแพสชันส่วนตัวล้วนๆ

 

SATI เรียกตัวเองว่าเป็นร้านอาหารสำหรับกินเร็วๆ (Fast dining) หรือจะบอกว่าเป็นร้าน Fast Food ก็คงใช่ แต่หากเป็น Fast Food แนวใหม่จากมุมมองของ เชฟเดวิด ฮาร์ดวิก อดีตหัวหน้าพ่อครัวร้านไฟน์ไดนิ่งผู้ชื่นชอบการเล่นกีฬาแบบจริงจังมากๆ และเชฟเชื่อว่าอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีต้องไม่ใช่แค่ดีต่อสุขภาพ แต่ต้องเข้าถึงง่าย ว่องไว และมีคุณภาพสมกับราคาที่ทุกคนต้องจ่ายด้วย

 

SATI Food ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่

 

ด้วยเหตุนี้เชฟเดวิดจึงเปิดร้านอาหารแห่งนี้ขึ้นมาพร้อมกับตั้งชื่อว่า SATI (สติ) เพื่อให้ทุกคนเลือกกินอาหารอย่าง Mindful (มีสติ) ไปด้วยกัน เพราะในฐานะคนที่เข้าออกยิมบ่อยพอๆ กับห้องครัว เชฟเดวิดจึงอยากทำอาหารแบบที่คนดูแลสุขภาพต้องการ ซึ่งเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับสายกีฬา คนเข้ายิม หรือคนหิวที่ต้องการพลังงานแบบด่วนๆ แต่ไม่อยากกิน Fast Food ที่ไม่ดีต่อร่างกาย

เมนูอาหารของ SATI จะเน้นเมนูที่ทุกคนคุ้นเคย แต่นำมาทำใหม่แบบสร้างสรรค์ เฮลตี้ รสชาติดี และโภชนาการถึง อย่างเช่น Pad Kapow Beef (250 บาท), Kimchi Noodle Soup (180 บาท), Chicken Riceberry (220 บาท), Choco Banana Smoothie (150/210 บาท) หรือ Brownie Chocolate (150 บาท)

 

SATI Food ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่

SATI Food ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่

SATI Food ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่

SATI Food ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่

 

ส่วนเรื่องรสชาติไม่ต้องพูดถึง ระดับอดีตเชฟจากครัวไฟน์ไดนิ่งไม่ทำให้ทุกคนเบ้ปากแน่นอน เพราะเราเองก็ลองมาแล้ว บอกเลยว่ามีทั้งความจี๊ดจ๊าด ไม่จืดชืด แถมยังสารอาหารครบถูกใจคนเข้ายิม นอกจากนี้ร้านยังมีบริการทำ Meal Plan วางแผนมื้ออาหารสำหรับคนออกกำลังกายด้วยนะ ถ้าใครเป็นสายฟิตอยากตามไปชิมดูก่อนก็ได้ แล้วถ้าหากติดใจขึ้นมาค่อยว่ากันอีกที

 

SATI เปิดอยู่ที่ตึก PARK X EKKAMAI ชั้นล่างติดริมถนน สามารถนั่งกินที่ร้านหรือสั่งเดลิเวอรีก็ได้ โดยร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.30-20.00 น.

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.instagram.com/satifood_/

 

ภาพ: SATI Food

The post รู้จักกับ SATI Food ร้านอาหารสุขภาพน้องใหม่โดยเชฟสายฟิตเนส appeared first on THE STANDARD.

]]>
8 เทศกาลดนตรีทั่วโลกที่มีกิจกรรม Wellness สำหรับคนอยากปาร์ตี้ แต่สุขภาพต้องดีด้วย https://thestandard.co/life/global-music-wellness-festivals Sun, 27 Apr 2025 23:00:55 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1068741 global-music-wellness-festivals

หมดยุคของการปาร์ตี้แบบหลุดโลกและแบกร่างพังๆ กลับบ้านแล้ […]

The post 8 เทศกาลดนตรีทั่วโลกที่มีกิจกรรม Wellness สำหรับคนอยากปาร์ตี้ แต่สุขภาพต้องดีด้วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
global-music-wellness-festivals

หมดยุคของการปาร์ตี้แบบหลุดโลกและแบกร่างพังๆ กลับบ้านแล้วนะ เพราะคนส่วนใหญ่ในยุคสมัยนี้หันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น และไม่ใช่แค่ด้านร่างกาย แต่รวมถึงจิตใจด้วย อาจเพราะทุกคนได้ค้นพบว่าเราจะสนุกกับปาร์ตี้และทุกเทศกาลได้อย่างยั่งยืนจริงๆ (มีแรงไปไหวแบบไม่สนอายุ) ก็ต่อเมื่อร่างกายและจิตใจเราต้องแข็งแรงด้วย!

 

จึงเป็นเรื่องน่าสนใจอีกเหมือนกัน เมื่อหลายเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ เริ่มใส่มุม Wellness ลงไปในอีเวนต์แบบกลมกลืน ส่วนคนรักเสียงเพลงและความสนุกอย่างพวกเราก็ยังได้ปลดปล่อยและสนุกไปกับสิ่งที่ชอบแบบไม่ต้องฝืน

 

วันนี้เราจึงมีเทศกาลสนุกๆ ทั่วโลกที่มาพร้อมกิจกรรม Wellness มาเล่าให้ทุกคนฟัง เผื่อใครอยากรู้ว่าเทศกาลดนตรีในประเทศอื่นๆ จะสนุกและน่าเก็บเงินบินไปจอยมากแค่ไหน

 

Wonderfruit

 

Wonderfruit

Photo Credit: Wonderfruit

 

Wonderfruit

Photo Credit: Wonderfruit

 

เทศกาลแรกไม่ได้จัดที่ไหนไกล เพราะ Wonderfruit เป็นของคนไทยนั่นเอง ถ้าใครยังไม่เคยไปเข้าร่วมงานนี้ เราอยากบอกว่านี่คือหนึ่งในเทศกาลดนตรีและไลฟ์สไตล์ที่หลายคนบอกว่าดีที่สุดในเอเชีย เพราะเป็นงานที่รวมดนตรี ศิลปะ และไลฟ์สไตล์เข้าไว้ด้วยกัน แถมหลังๆ มานี้ Wonderfruit ก็เน้นกิจกรรมเกี่ยวกับความยั่งยืนและด้านสุขภาพด้วย อาทิ มีการจัดคลาสโยคะ คลาสนั่งสมาธิ คลาสฝึกการหายใจ การทำ Sound bath การรักษาด้วยพลังธรรมชาติ หรือแม้กระทั่ง Ecstatic dance ซึ่งเป็นการเต้นอย่างอิสระเพื่อให้ทุกคนได้ปลดปล่อยร่างกายตัวเองไปตามธรรมชาติ

 

More Info: Wonderfruit 

 


 

Coachella

 

Coachella

Photo Credit: Coachella

 

เทศกาลดนตรีระดับโลกที่มีคนมาเข้าร่วมกว่า 120,000 คน ตลอดระยะเวลา 6 วันของ 2 ช่วงสุดสัปดาห์ โดยจัดขึ้นทุกช่วงเดือนเมษายน ณ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ความเก๋ของเทศกาลนี้คือบรรยากาศที่รวมตัวคนสนใจในเรื่องเดียวกัน ทั้งการแต่งตัว ฟังเพลง และงานศิลปะ อีกทั้งเป็นเทศกาลรวมตัวศิลปินระดับโลกมาโชว์บนหลายเวทีตลอดทั้งวัน 

 

ที่สำคัญในงานนี้ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำมากมาย ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือกิจกรรมด้าน Wellness อาทิ คลาสโยคะ การนวด การทำสมาธิ การทำ Sound healing รวมถึงโซนอาหาร Plant-based และเครื่องดื่มสุขภาพ

 

More Info: https://www.coachella.com/

 


 

Lightning in a Bottle

 

storiesbysay / Lightning in a Bottle

Photo Credit: storiesbysay / Lightning in a Bottle

 

storiesbysay / Lightning in a Bottle

Photo Credit: storiesbysay / Lightning in a Bottle

 

เทศกาลดนตรีสไตล์โบฮีเมียนที่เป็นการรวมตัวกันของคนรักในเสียงเพลงอิเล็กทรอนิกส์และเพลงอินดี้ โดยจัดในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ทุกช่วงเดือนพฤษภาคม นอกจากนี้ภายในเทศกาลยังมีงานศิลปะแนวอินเตอร์แอคทีฟขนาดใหญ่ เวิร์กช็อป และคลาส Wellness ให้ผู้มาเทศกาลเข้าร่วม โดยจะเป็นแนวเชื่อมต่อร่างกายกับจิตใจและจิตวิญญาณ

 

กิจกรรมที่มีอาทิ โยคะ การฝึกลมหายใจ การทำ Sound healing การเต้นแบบอิสระ หรือการบำบัดพลังงาน นอกจากนี้ยังมีงานทอล์กหรือเวิร์กช็อปเกี่ยวกับจิตใจด้วย และเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน ทุกคนก็จะไปรวมตัวปลดปล่อยตัวเองด้วยเสียงเพลงกันต่อ

 

More Info: https://www.libfestival.org/

 


 

Meadows in the Mountains

 

Anne Harbers / Meadows in the Mountains

Photo Credit: Anne Harbers / Meadows in the Mountains

 

เทศกาลดนตรีในประเทศบัลแกเรียที่จัดบนเทือกเขาในหมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางธรรมชาติที่เห็นแล้วน่าอิจฉา ทว่าเทศกาลนี้ไม่มีศิลปินดังเหมือนกับงานอื่นๆ เพราะเน้นศิลปินใต้ดินหรือวงดนตรีที่แนวเพลงค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ โซล ฟังก์ เพลงแอมเบียนต์ หรือแนวดนตรีทดลอง

 

ทุกคนจะได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติพร้อมมีเสียงเพลงคลอสบายๆ ตื่นนอนมาชมพระอาทิตย์ และทำกิจกรรมฮีลร่างกายและจิตใจต่างๆ เช่น โยคะ ทำสมาธิ เต้นอิสระ การเดินป่า ทำ Sound healing ฝึกลมหายใจ หรือกิจกรรมบำบัดจิตวิญญาณ

 

More Info: https://meadowsinthemountains.com/

 


 

Shambhala Music Festival

 

twenty2 / Shambhala Music Festival

Photo Credit: twenty2 / Shambhala Music Festival 

 

twenty2 / Shambhala Music Festival

Photo Credit: twenty2 / Shambhala Music Festival 

 

นี่คือหนึ่งในเทศกาลดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่สนุกที่สุด แถมยังเป็นเทศกาลที่ดีต่อโลกมากๆ อีกด้วย เพราะงานนี้มีการปฏิบัติเพื่อความยั่งยืนอย่างจริงจังแทบทุกแง่มุม โดย Shambhala มักจัดทุกฤดูร้อนและจัดงานท่ามกลางป่าเขาในรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ภายในงานจะมีทั้งคอนเสิร์ต ดีเจ งานศิลปะ และประสบการณ์ด้านจิตวิญญาณ อาทิ โยคะ กิจกรรมฝึกความสงบภายใน การบำบัดพลังงาน การนวด หรือการเชื่อมโยงจิตใจและร่างกาย

 

More Info: https://www.shambhalamusicfestival.com/

 


 

Rainforest World Music Festival 

 

Rainforest World Music Festival

Photo Credit: Rainforest World Music Festival 

 

เทศกาลดนตรีนานาชาติที่จัดขึ้น ณ เกาะบอร์เนียว ประเทศมาเลเซีย ความน่าสนใจของงานนี้คือเป็นเทศกาลดนตรีพื้นเมืองที่รวมดนตรีร่วมสมัยจากหลายประเทศทั่วโลก เช่น แอฟริกา เอเชีย ลาตินอเมริกา หรือแถบยุโรป โดยจะมีการจัดคอนเสิร์ตตอนกลางคืน และทำกิจกรรมต่างๆ ในช่วงกลางวัน อาทิ เวิร์กช็อปศิลปะและวัฒนธรรม กิจกรรมที่พาเราไปใกล้ชิดธรรมชาติ หรือคลาสโยคะ Sound healing เดินสมาธิในป่า และการนวดแผนโบราณ

 

More Info: https://rwmf.net/

 


 

Boom Festival

 

Boom Festival

Photo Credit: Boom Festival  

 

เทศกาลดนตรีในประเทศโปรตุเกสที่จัดขึ้นริมทะเลสาบทุกๆ 2 ปีครั้ง เป็นเทศกาลที่เน้นดนตรีแนวไซเคเดลิก (Psychedelic) และดนตรีแอมเบียนต์ (Ambient) ซึ่งเพลงส่วนใหญ่จะเน้นเพื่อการปลดปล่อยและเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณภายใน

และนอกจากงานศิลปะไฟยามค่ำคืนที่มีทั้ง Art Installation และ Interactive art ให้ผู้เข้างานได้มีส่วนร่วม ในเทศกาลนี้แน่นอนว่ายังมีกิจกรรม Wellness ต่างๆ ด้วย อาทิ พื้นที่ดูแลสุขภาพจิตใจและร่างกาย คลาสโยคะ การทำ Sound healing การฝึกลมหายใจ การเต้นแบบอิสระ และการทำสมาธิ โดยกิจกรรมทั้งหมดจะห้อมล้อมด้วยธรรมชาติริมน้ำ เป็นคอมมูนิตี้ขนาดย่อมๆ ของผู้คนที่อยากพักผ่อนจิตใจและร่างกายตัวเองพร้อมมีเสียงเพลงช่วยบำบัด



More Info: https://www.boomfestival.org/

 


 

Love Trails Festival

 

Tanya Raab / Love Trails Festival

Photo Credit: Tanya Raab / Love Trails Festival 

 

Tanya Raab / Love Trails Festival

Photo Credit: Tanya Raab / Love Trails Festival 

 

คนรักการวิ่งเทรลต้องไปงานนี้สักครั้งแล้ว เพราะนี่คือเทศกาลที่ผสมผสานระหว่างการวิ่งเทรล ดนตรี และปาร์ตี้เพื่อสุขภาพ โดยงานจัดขึ้นท่ามกลางธรรมชาติทางตอนใต้ของเวลส์ ประเทศอังกฤษ และในปีนี้จะจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคม

 

เราว่าเทศกาลนี้ไม่เหมือนใครตรงที่เป็นการรวมตัวกันของสายวิ่งโดยเฉพาะ ซึ่งงานมีเทรลให้เลือกหลายระยะทาง รวมถึงมีกิจกรรมอื่นๆ อาทิ การเดินป่า พายเรือคายัค เล่นเซิร์ฟ การปีนผา ​ก่อนในช่วงค่ำจะเปลี่ยนบรรยากาศเป็นปาร์ตี้ดนตรีสด พร้อมกับมีสปากลางแจ้งให้ผ่อนคลายร่างกาย ซาวน่าแห้ง การแช่น้ำเย็นเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังวิ่ง หรือกิจกรรมเบาๆ อย่าง Sound baths โยคะ การฝึกสมาธิ หรือการนวดก็มีเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนอกจากเป็นการฮีลร่างกายและจิตใจก็ยังช่วยฟื้นฟูและเพิ่มประสิทธิภาพให้วิ่งด้วย

 

More Info: https://www.lovetrailsfestival.co.uk/

The post 8 เทศกาลดนตรีทั่วโลกที่มีกิจกรรม Wellness สำหรับคนอยากปาร์ตี้ แต่สุขภาพต้องดีด้วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
คลินิกเสริมความงามแบบไม่ยัดเยียด จริงใจในการรักษา ฝันแสนเรียบง่ายของหมอริทที่หวังเปลี่ยนแปลงวงการ https://thestandard.co/the-ritz-clinic-2/ Fri, 15 Mar 2024 02:00:54 +0000 https://thestandard.co/?p=908813 THE RITZ CLINIC

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ ‘คลินิกเสริมความงาม’ ส่วนใหญ่ใน […]

The post คลินิกเสริมความงามแบบไม่ยัดเยียด จริงใจในการรักษา ฝันแสนเรียบง่ายของหมอริทที่หวังเปลี่ยนแปลงวงการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
THE RITZ CLINIC

เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ ‘คลินิกเสริมความงาม’ ส่วนใหญ่ในประเทศไทยถูกฉาบเคลือบด้วยภาพจำแสนเลวร้ายแบบเหมารวม ทั้งการยัดเยียดขายคอร์ส ขายโปรแกรมลูกค้าแบบ Hard Sell ที่มุ่งแต่จะขาย หวังแต่จะเอาเงิน แต่ในระยะยาวกลับไม่ดูแลลูกค้าและคนไข้อย่างเอาใจใส่อย่างที่ควรจะเป็น ในวงเล็บที่ว่า ไม่ใช่คลินิกเสริมความงามทุกแห่งจะมีแนวทางการดำเนินงานตามภาพจำเชิงลบแบบนี้ แต่ก็พลอยถูกเหมารวมไปด้วย

 

ด้วยชนักติดหลังในประเด็นเดียวกัน ด้วยเพนพอยต์ที่ประสบพบเจอไม่ต่างกัน จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ นพ.เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช หรือที่หลายๆ คนรู้จักและคุ้นเคยในชื่อ ‘หมอริท’ ตัดสินใจเปิดคลินิกเสริมความงาม ‘THE RITZ CLINIC’ โดยปัจจุบันได้เดินหน้าเข้าสู่ปีที่ 5 ของการให้บริการแล้ว

 

ความตั้งใจของ นพ.เรืองฤทธิ์ ไม่ใช่แค่ล้างมุมมองเชิงลบที่ผู้คนมีต่อคลินิกเสริมความงามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ยังหมายรวมถึงความพยายามที่จะสร้างแรงกระเพื่อมที่นำไปสู่การสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการคลินิกเสริมความงามด้วย (ทั้งๆ ที่เจ้าตัวบอกว่าควรจะเป็นเรื่องธรรมดาด้วยซ้ำ)

 

ควบคู่ไปกับการให้บริการลูกค้า ดูแลคนไข้อย่างจริงใจ และสร้างผลลัพธ์ปลายทางของการดูแลรักษาเพื่อให้คนไข้ที่เข้ามารับบริการที่ THE RITZ CLINIC พึงพอใจที่สุด

 

THE RITZ CLINIC

 

เด็กต่างจังหวัด ค่านิยมการเป็นหมอ และความรักในการได้ช่วยเหลือผู้อื่น ความในใจของ นพ.เรืองฤทธิ์

เราเชื่อว่าช่วงชีวิตวัยเด็กของผู้อ่าน THE STANDARD จำนวนไม่น้อยน่าจะถูกปลูกฝังด้วยค่านิยมเรื่องอาชีพที่เหมือนกันๆ โดยเฉพาะค่านิยมเรื่อง ‘การเป็นหมอ’ ที่พ่อแม่ ผู้ใหญ่ มักจะติดตั้งโปรแกรมให้กับลูกๆ หลานๆ ของตัวเองว่าเป็นอาชีพที่สูงส่ง นำพามาซึ่งเกียรติยศ ความมั่นคงทางอาชีพและรายได้ในระยะยาว ซึ่งในมุมหนึ่งก็เป็นข้อเท็จจริง แต่ขณะเดียวกัน ข้อเท็จจริงดังกล่าวย่อมแลกมาด้วยมวลความกดดันก้อนมหาศาลที่อาจจะกดทับใครหลายคน พร้อมๆ กับความทุ่มเท ความเสียสละ ที่ยากเกินกำลังที่ใครบางคนจะแบกรับ

 

เรื่องเดียวกันนี้ก็เป็นเรื่องที่ นพ.เรืองฤทธิ์ ต้องประสบพบเจอในช่วงวัยเด็กเหมือนๆ กัน ซึ่งแม้แต่เจ้าตัวที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘หมอ’ ในปัจจุบันพร้อมคำนำหน้านายแพทย์ ก็ยังลังเลชั่งใจด้วยซ้ำว่า จริงๆ แล้วเขาอยากเป็นหมอด้วยตัวเอง หรือเพียงเพราะถูกปลูกฝังค่านิยมดังกล่าวกันแน่

 

“ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า การที่เด็กต่างจังหวัดสักคนกล้าตอบคำถามผู้ใหญ่อย่างเต็มปากเต็มคำชัดเจนว่า ‘โตขึ้นอยากเป็นหมอ’ มันคือที่สุดของเด็กต่างจังหวัดในยุคสมัยของริทเลยก็ว่าได้

 

“ถ้าถามริทตรงๆ เอาจริงๆ เราก็ไม่แน่ใจตัวเองว่าเราอยากเป็นหมอจริงๆ หรือเราถูกปลูกฝังมาเรื่อยๆ ว่าเราอยากเป็นหมอกันแน่ ทั้งนี้ทั้งนั้น พื้นฐานตัวเราเองเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่น ชอบแก้ไขปัญหาให้คนอื่นให้ได้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว”

 

ขีดเส้นใต้แบบย้ำๆ ตรงคำว่า ‘ชอบช่วยเหลือ ชอบแก้ไขปัญหาให้คนอื่น’ ที่หมอริทบอกกับ THE STANDARD ซึ่งอาจอนุมานได้ว่า ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้เขามีความสุขกับการได้ดูแลรักษาคนไข้ ได้ช่วยเหลือคนไข้ที่เดินทางมาหาด้วยความต้องการในการเข้ารับการรักษาที่ต่างกันออกไป

 

ไม่แปลกใจที่เมื่อราวๆ 10 ปีที่แล้วเจ้าตัวจะตัดสินใจหันหลังให้กับวงการบันเทิงในช่วงที่กำลังรุ่งโรจน์จนถึงขีดสุด เดินหน้าตามความตั้งใจจนสามารถจบการศึกษาระดับปริญญาตรีที่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และระดับปริญญาโทที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์นานาชาติจุฬาภรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ภาควิชาตจวิทยา (MSc Cosmetic Dermatology) หลักสูตรนานาชาติ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้สำเร็จ

  

 

‘THE RITZ CLINIC’ กับ 5 ปีของจุดเล็กๆ ที่มุ่งหวังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้วงการคลินิกเสริมความงามไทย

ในช่วงปี 2562 หรือเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ประเทศไทย (และอีกหลายประเทศทั่วโลก) กำลังเผชิญกับวิกฤตโควิด นพ.เรืองฤทธิ์ ได้ตัดสินใจก้าวออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง เลือกเดิมพันครั้งใหญ่ด้วยการทำในสิ่งที่สวนทางกับภาพรวมของเศรษฐกิจ ณ เวลานั้น นั่นคือการเปิด THE RITZ CLINIC คลินิกเสริมความงามภายใต้การบริหารงานของตัวเองอย่างเป็นทางการครั้งแรก

 

โดยสร้างจุดตัดความแตกต่างด้วย 2 Key Purposes หลักในการบริหารงาน ประกอบไปด้วย

  1. นวัตกรรมและเทคโนโลยี
  2. การดูแลคนไข้ด้วยความจริงใจ

 

ปัจจุบัน THE RITZ CLINIC กำลังเดินหน้าสู่ปีที่ 5 และขยายไปสู่สาขาที่ 8 ของการให้บริการ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา การจะยืนหยัดในอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง ขึ้นชื่อเรื่องความเคี่ยว ปราบเซียน คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน แต่ทั้งหมดทั้งมวลล้วนแล้วแต่เป็นผลจาก ‘ความตั้งใจดี’ ของ นพ.เรืองฤทธิ์ ที่ทั้งใส่ใจและจริงใจในการให้บริการ และรักษาคนไข้ทุกคนที่ผลักประตูเข้ามายังคลินิกของเขา เลือกไม่ทำในสิ่งที่คลินิกเสริมความงามหลายแห่งมักทำกัน นั่นคือการ Hard Sell ยัดเยียดขายคอร์ส

 

“ทุกวันนี้เราทำคลินิกเป็นงานหลักราวๆ 80-90% เราตัดสินใจเปิดให้บริการ THE RITZ CLINIC มาตั้งแต่ช่วงโควิดในปี 2562 ปัจจุบันเข้าสู่ปีที่ 5 ของการให้บริการแล้ว โดยคอนเซปต์ของการให้บริการจะยึดถือ 2 เรื่องเป็นหัวใจสำคัญ ประการแรกเลยคือ นวัตกรรมและเทคโนโลยี เนื่องด้วยเรามองว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา เกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาแต่ละอย่างให้ดีขึ้น โดยเฉพาะในวงการการแพทย์ที่ทำให้เกิดการรักษารูปแบบใหม่ๆ มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา

 

 

“ประการถัดมาคือ การดูแลลูกค้าด้วยความจริงใจ ซึ่งที่ THE RITZ CLINIC เราจะให้ ‘แพทย์’ เป็น ‘ผู้ประเมิน’ ว่าคนไข้แต่ละคนควรจะได้รับการรักษาแบบใด เพื่อจุดประสงค์อะไร ไม่ใช่เป็นใครก็ไม่รู้ที่จะมาบอกคนไข้ว่าคุณต้องทำตามโปรแกรมนี้นะ 1 2 3 4 เราจะให้คนไข้ทุกคนได้วางแผนการรักษาร่วมกับแพทย์

 

“ก่อนหน้านี้เรามักเจอปัญหาภาพจำของคลินิกเวชกรรมความงามจำนวนไม่น้อยที่มาด้วยภาพลักษณ์สีเทาๆ ไม่ตรงไปตรงมา การดึงคนไข้เข้ามาในคลินิกแล้วมัดมือชกเขารูดบัตรเครดิตทั้งๆ ที่เขายังไม่รู้ตัวเลยว่ารูดซื้ออะไรไป ซึ่งเพนพอยต์ในมุมนี้เป็นสิ่งที่เราตั้งธงไว้ในใจตั้งแต่แรกเลยว่า ถ้าเรามีโอกาสทำคลินิกเวชกรรมความงามเป็นของตัวเอง เราจะไม่มีวันทำในวิถีทางดังกล่าวเป็นอันขาด

 

“เราจะบอกทีมงานของเราทุกคนตั้งแต่วันแรกเสมอว่า อย่าไปสนใจใคร อย่าไปมองเพื่อนรอบบ้านเรา ใครจะทำอย่างไร ใช้วิธีการไหน ไม่ต้องไปสนใจเขา เราทำของเราด้วยวิธีการและโจทย์แบบ THE RITZ CLINIC (เน้นให้ทีมแพทย์วางแผนการรักษากับคนไข้ ไม่ใช่การเน้นขายคอร์สเพื่อแสวงหากำไร) ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ของเรา”

 

นอกจากจริงใจ ไม่ยัดเยียด ผลิตภัณฑ์และเครื่องมือที่ใช้ก็ต้องได้รับการรับรองมาตรฐานขั้นสูงเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ในเชิงภาพรวม เราจะเห็นว่าตลาดคลินิกเวชกรรมความงามในประเทศไทยถือเป็นตลาดขาขึ้น สังเกตได้จากจำนวนคลินิกความงามที่ผุดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก และพฤติกรรมของผู้คนในโลกยุคปัจจุบันที่หันมาใส่ใจความสวยความงาม มีมุมมองเรื่องการทำหัตถการทั้งเพื่อความสวยและการชะลอวัยที่เปลี่ยนแปลงไป

 

ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเคยออกมาประเมินว่า ธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยในปี 2566 น่าจะมีมูลค่าตลาดถึงราวๆ 71,000-72,000 ล้านบาท ขยายตัวราว 2.3-3.6% (YoY) จากปีก่อนหน้า ซึ่งแม้จะยังไม่สูงเท่าช่วงก่อนโควิด แต่ก็ยังคงเป็นอัตราการเติบโตที่น่าสนใจอยู่ดี

 

อย่างไรก็ดี หากมองไปยังอนาคตข้างหน้า อุตสาหกรรมนี้ก็นับว่าเต็มไปด้วย ‘ความท้าทาย’ มากมายหลายประการ ทั้งปัญหาการขาดแคลนบุคลากรการแพทย์ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่แลกมาด้วยต้นทุนมหาศาล และความสามารถในการดึงลูกค้ามาใช้บริการให้ได้มากครั้งและสม่ำเสมอ

 

โดยทิ้งท้ายไว้ว่า การเติบโตของผู้ประกอบการแต่ละรายในตลาดนี้ขึ้นอยู่กับ ‘ความสามารถในการตอบโจทย์ลูกค้า’ ทั้งด้านค่าบริการ รสนิยม คุณภาพและมาตรฐานในการให้บริการ รวมถึงผลลัพธ์หรือความพึงพอใจในผลงานของแพทย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ THE RITZ CLINIC ให้ความสำคัญเป็นอย่างมากนับตั้งแต่วันแรกที่เปิดให้บริการ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงทำให้พวกเขาสามารถขยายสาขาได้อย่างแข็งแกร่ง และมีคนไข้ประจำที่ไว้วางใจในทีมแพทย์กลับมาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอ

 

“เครื่องมือแพทย์ทุกชิ้น ผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่จะเข้ามาใช้งานใน THE RITZ CLINIC เราจะเป็นคนเลือกด้วยตัวเอง ผ่านการทดลองด้วยตัวเองเท่านั้น โดยยึดมาตรฐานของสหรัฐฯ เป็นตัวตั้ง นอกจากนี้ก็จะให้ความสำคัญกับบริษัทผู้ผลิตและตัวแทนจัดจำหน่ายด้วย

 

“อย่างตัวแทนจัดจำหน่ายในประเทศไทยที่เราไว้วางใจคือ Allergan Aesthetics ซึ่งทาง THE RITZ CLINIC ก็ใช้ผลิตภัณฑ์ของเขาในทุก SKU เพราะบริษัทแห่งนี้เป็นบริษัทที่ได้รับมาตรฐานโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ​ ทั้งยังเป็นที่ยอมรับของคุณหมอทั่วโลก ทำให้เราและ THE RITZ CLINIC รู้สึกสบายใจที่จะเลือกใช้งานและดูแลคนไข้ ซึ่งผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือความพึงพอใจที่คนไข้ของเราฟีดแบ็กมายังการรักษาของเรา” นพ.เรืองฤทธิ์ บอกกับเรา

 

THE RITZ CLINIC

 

เขาเล่าต่อว่า เทรนด์ของผู้บริโภคส่วนใหญ่ในปัจจุบันคาดหวังที่จะได้ ‘ผลลัพธ์ของการรักษา’ ที่เห็นผลได้รวดเร็ว ปลอดภัย ได้มาตรฐาน นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ THE RITZ CLINIC เข้มงวดมากๆ กับการทำงานร่วมกับพาร์ตเนอร์แต่ละราย รวมไปถึง Allergan Aesthetics ที่พวกเขาทำงานอย่างใกล้ชิดร่วมกันมาโดยตลอด

 

“เทรนด์ส่วนใหญ่ของผู้บริโภคในปัจจุบันคือต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว อยากเห็นผลทันที ซึ่งก็จะตอบโจทย์ได้ด้วยการทำหัตถการในกลุ่มการฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็ม โดยที่ฟิลเลอร์ในไทยก็มีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อมาก แต่ THE RITZ CLINIC จะเลือกเฉพาะฟิลเลอร์ที่ผ่านมาตรฐานการรับรองโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ มาใช้กับคนไข้ที่เข้ามาใช้บริการที่คลินิกของเราเท่านั้น ยี่ห้ออื่นๆ เราไม่ใช้เลย

 

“สิ่งเหล่านี้เลยทำให้ลูกค้าของ THE RITZ CLINIC รับรู้ได้ทันทีว่า มาตรฐานการให้บริการของเรา ตลอดจนเครื่องไม้เครื่องมือที่เรานำมาให้บริการกับพวกเขา อยู่ในระดับที่มีความปลอดภัย มีคุณภาพสูง เชื่อใจได้ ที่สำคัญยังเห็นผลได้ทันทีที่ฉีด อย่างตัวฟิลเลอร์ที่เราใช้ก็ได้รับฟีดแบ็กว่าอยู่ได้นาน ถูกใจกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นมาก”

 

ฝันเล็กๆ ของหนึ่งในชิ้นส่วนฟันเฟืองที่อยาก Set Normal วงการคลินิกเสริมความงามไทย

อย่างที่ได้เกริ่นไปในช่วงต้นๆ ว่า หนึ่งในความตั้งใจในการทำคลินิก THE RITZ CLINIC ของ นพ.เรืองฤทธิ์ นอกเหนือจากการให้บริการที่ดี มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน ก็คือการล้มล้างมุมมองเชิงลบที่ผู้คนมีต่อวงการคลินิกเสริมความงามในประเทศไทยให้ได้สำเร็จ โดยการสร้างมาตรฐานใหม่เป็นแบบอย่างให้กับคลินิกความงามในไทย

 

“ริทเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความฝันมาก เราจะเป็นคนที่ฝันใหญ่ไว้ก่อน แต่ไปถึงไหมนั่นอีกเรื่องหนึ่ง ที่ผ่านมามีคนเคยมายื่นข้อเสนอซื้อคลินิกเราด้วยเงินมูลค่ามหาศาล ชนิดที่ว่าไม่ต้องทำงานอีกเลยก็ได้ตลอดชีวิตนี้ สบายแล้ว แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจบอกปัดไป เพราะมองว่าเรายังทำตามฝันที่วางไว้ไม่สำเร็จ คิดว่าถ้าคนอื่นเข้ามาสานต่อสิ่งที่เราเริ่มต้นด้วยตัวเองมาในตอนนี้ แนวทางอาจจะไม่เป็นเหมือนสิ่งที่เราตั้งใจไว้

 

 

“ถึงแม้ว่าเราจะเป็นจุดเล็กๆ ในวงการคลินิกเวชกรรมความงามที่เริ่มเปลี่ยนในวันนี้ (แนวทางการให้บริการที่ไม่ได้มองเรื่องการ Hard Sell ยัดเยียดขายของ) แต่เราคิดว่าวันหนึ่งมันต้องสร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างแน่นอน สิ่งที่เราทำมันไม่ใช่สิ่งที่พิเศษกว่าใครเลย จริงๆ มันควรจะต้องเป็นเรื่องธรรมดา เป็นมาตรฐานปกติของทุกๆ คลินิกเวชกรรมความงาม

 

“เรา Set Normal ให้เสร็จสรรพผ่านวิธีการที่ THE RITZ CLINIC ได้ให้บริการและดูแลรักษาคนไข้ทุกคน ถ้าวันหนึ่งมันเป็นไปได้ ก็คิดว่าเราน่าจะบรรลุถึงเป้าหมายและความฝันของเราแล้ว” นพ.เรืองฤทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย

 

แม้ความฝันและปลายทางของความตั้งใจที่หมอริทวาดเอาไว้อาจจะยังดูห่างไกลออกไปอีกหลายช่วงตัวอยู่พอสมควร

 

แต่ตราบใดที่เขาและ THE RITZ CLINIC ยังคงมุ่งมั่น สัตย์ซื่อ และยึดถือในด้านความจริงใจในการรักษาและให้บริการคนไข้ ที่สุดแล้วแม้ปลายทางของการเดินทางจะยังไม่มีใครรู้ว่าจะมาถึงเมื่อไร แต่ ‘ระหว่างทาง’ ย่อมมีผู้คนที่เชื่อมั่นและไว้วางใจที่จะร่วมออกเดินทางไปกับพวกเขาอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเป็นแน่

 

The post คลินิกเสริมความงามแบบไม่ยัดเยียด จริงใจในการรักษา ฝันแสนเรียบง่ายของหมอริทที่หวังเปลี่ยนแปลงวงการ appeared first on THE STANDARD.

]]>
PYONG Rehabilitation Clinic ฟื้นฟูโรคคนเมืองด้วยศาสตร์แห่งเวชศาสตร์ฟื้นฟู https://thestandard.co/life/pyong-rehabilitation-clinic Tue, 09 Jan 2024 04:58:15 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=885655

ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาแถว Gaysorn Village คงเคยผ่านตากั […]

The post PYONG Rehabilitation Clinic ฟื้นฟูโรคคนเมืองด้วยศาสตร์แห่งเวชศาสตร์ฟื้นฟู appeared first on THE STANDARD.

]]>

ใครที่เดินผ่านไปผ่านมาแถว Gaysorn Village คงเคยผ่านตากับคลินิกเล็กๆ บริเวณชั้น L ที่มีบรรยากาศละม้ายคล้ายคลินิกกายภาพบำบัด แต่พอมองอีกทีป้ายกลับเขียนว่า ‘คลินิกด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู’ ซึ่งเจ้าของไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น ‘เปียง-กันตพงศ์ ทองรงค์’ บล็อกเกอร์สายท่องเที่ยว-ไลฟ์สไตล์ เจ้าของเพจ Pyong Traveller X Doctor ที่สวมหมวกอีกใบเป็นคุณหมอด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟู ประจำอยู่ที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร และ PYONG Rehabilitation Clinic

 

 

Why here?

 

แล้วเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพต่างกันไหม? อันที่จริงเวชศาสตร์ฟื้นฟูไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่เป็นศาสตร์แขนงใหญ่ที่รวมเอาหลายศาสตร์ไว้ด้วยกัน (กายภาพก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย) โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อฟื้นฟูร่างกายผู้ป่วยให้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้มากที่สุดหลังเสร็จขั้นตอนรักษา ซึ่งโรคที่เกี่ยวกับเวชศาสตร์ฟื้นฟูส่วนใหญ่มักเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ที่มีผลพวงจากการรักษา การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา พฤติกรรมการใช้ชีวิต ภาวะเสื่อมถอยของร่างกาย ฯลฯ

 

ฉะนั้น การรักษาของ PYONG Rehabilitation Clinic จึงไม่ได้เน้นรักษาด้วยวิธีการใดวิธีการหนึ่ง แต่เน้นฟื้นฟูด้วยหลากวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยา การทำหัตถการ การใช้เครื่องมือ การออกกำลังกาย การทำกายภาพบำบัด ฯลฯ และที่สำคัญคือมีคุณหมอเฉพาะทางที่มีใบประกอบโรคศิลปะเป็นคนตรวจวินิจฉัยและทำการรักษาด้วยตัวเองทุกขั้นตอน 

 

 

Worth it

 

PYONG Rehabilitation Clinic มีการรักษาเด่นๆ 2 แบบที่เราเห็นว่าน่าสนใจ อย่างแรกเลยคือ

 

Dry Needling การปักเข็มแผนตะวันตกเพื่อลดอาการปวด โดยคุณหมอจะใช้เข็มขนาดเล็กปักเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อบริเวณ Trigger Point หรือจุดกดเจ็บ เพื่อลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียนเลือด ซึ่งเป็นการรักษารูปแบบใหม่ที่กำลังมาแรงในขณะนี้ รักษาไม่นาน และหายได้เร็วกว่าวิธีอื่น 

 

ส่วนอีกโปรแกรมเป็นการรักษาด้วยเครื่อง Peripheral Magnetic Stimulation (PMS) หรือเครื่องกระตุ้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อาศัยหลักการนำคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นที่เส้นประสาทโดยตรง ผ่านร่างกายและผ่านเสื้อผ้าได้ลึกถึง 10 เซนติเมตร โดยไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บหรือระคายเคืองบริเวณผิวหนัง ทำให้อาการปวดจากระบบเส้นประสาทและกล้ามเนื้อลดลง โดยเครื่องนี้เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาออฟฟิศซินโดรม อาการบาดเจ็บจากกีฬา ความเสื่อมของกระดูกสันหลังและคอ เป็นต้น 

 

 

Good for

 

เราว่า PYONG Rehabilitation Clinic ค่อนข้างตอบโจทย์กับคนเมืองที่ต้องการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ที่รบกวนหรือสร้างความกวนใจให้แก่การใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโรคออฟฟิศซินโดรม โรคจากความเสื่อมของกระดูก อาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ซึ่งข้อดีของคลินิกนี้ นอกจากคุณจะได้ตรวจกับคุณหมอเฉพาะทางแล้ว ยังเดินทางสะดวกมาก เพราะสามารถเดินจาก BTS สถานีชิดลมได้แค่ 5 นาที แถมยังรอคิวไม่นาน แค่มาตามเวลานัด สามารถจัดการตารางชีวิตได้ง่าย แต่อาจแลกมาด้วยราคาที่สูงกว่าโรงพยาบาลทั่วไปนิดหน่อย

 


 

PYONG Rehabilitation Clinic

 

Location: ชั้น L, Gaysorn Village, BTS สถานีชิดลม

Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 16.30-20.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-20.00 น. 

Budget: เริ่มต้น 1,500-4,000 บาทต่อครั้ง (ขึ้นอยู่กับแผนการรักษา)

Facebook: www.facebook.com/pyongrehab

Instagram: www.instagram.com/pyongrehabclinic

Website: www.pyongrehab.com

Map: https://maps.app.goo.gl/RaRXiBFrrvS73dDX8

 

 

The post PYONG Rehabilitation Clinic ฟื้นฟูโรคคนเมืองด้วยศาสตร์แห่งเวชศาสตร์ฟื้นฟู appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชวนไปเล่นพิลาทิสพร้อมปรับสมดุลในร่างกายที่ Figure 8 Pilates ไพรเวตสตูดิโอที่ช่วยให้คุณค้นพบตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/figure-8-pilates/ Fri, 27 Oct 2023 09:00:42 +0000 https://thestandard.co/?p=858391 ครูอิ๊งค์-ดวงพร ต๊ะปัญญา เจ้าของ Figure 8 Pilates

เหตุผลที่การออกกำลังกายแบบไพรเวตเริ่มได้รับความนิยมมากข […]

The post ชวนไปเล่นพิลาทิสพร้อมปรับสมดุลในร่างกายที่ Figure 8 Pilates ไพรเวตสตูดิโอที่ช่วยให้คุณค้นพบตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
ครูอิ๊งค์-ดวงพร ต๊ะปัญญา เจ้าของ Figure 8 Pilates

เหตุผลที่การออกกำลังกายแบบไพรเวตเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น นอกจากเรื่องความเป็นส่วนตัวแล้ว การออกกำลังกายโดยมีครูผู้สอนดูแลอย่างใกล้ชิดยังช่วยให้เห็นผลลัพธ์มากกว่า และลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บขณะออกกำลังกายได้มากขึ้น เพราะคงไม่มีใครอยากบาดเจ็บจนต้องหยุดออกกำลังกาย หรือแย่ไปกว่านั้นอาการบาดเจ็บอาจส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน 

 

ครูอิ๊งค์-ดวงพร ต๊ะปัญญา เจ้าของ Figure 8 Pilates ในฐานะคนที่เคยบาดเจ็บจากการออกกำลังกายผิดท่าจนเกิดอาการปวดหลังและปวดเข่าเรื้อรัง หลังเข้ารับการรักษาและหยุดเล่นกีฬาหนักๆ หมอแนะนำให้เธอเล่นโยคะหรือไม่ก็พิลาทิส ซึ่งเป็นกีฬาที่เธอไม่เคยคิดจะเล่น

 

ครูอิ๊งค์-ดวงพร ต๊ะปัญญา เจ้าของ Figure 8 Pilates

 

“เมื่อก่อนไม่ออกกำลังกายเลย แต่จู่ๆ เป็นภูมิแพ้หนักมากถึงขั้นต้องหาหมอ กินยา หมอแนะนำให้ออกกำลังกายร่วมด้วย เพราะกินยาตลอดคงไม่ดี เลยไปเล่นฟิตเนส ปรากฏว่าภูมิแพ้หายนะ แต่ได้อาการบาดเจ็บมาแทนเพราะดันเล่นผิดท่า คงเพราะชอบออกกำลังกายหนักๆ ด้วย แรกๆ พยายามฝืนเล่นต่อจนอาการเริ่มแย่ เวลาลุกจะปวดหลัง เวลาเดินหรือยืนลงน้ำหนักก็ปวดเข่า หมอบอกว่าเส้นเอ็นอักเสบ ต้องเลิกเล่นกีฬาหนักๆ ถ้าจะออกกำลังกายได้เบาที่สุดคือโยคะหรือพิลาทิส” 

 

นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอยอมเปิดใจเล่นโยคะ “เราเป็นคนตัวอ่อนอยู่แล้ว พอมาเล่นโยคะเลยไม่ต้องปรับตัวมาก เล่นสักพักอาการปวดเข่าและปวดหลังก็ดีขึ้น แต่ยังไม่หายขาด เพื่อนเลยแนะนำให้ไปเล่นพิลาทิส บอกว่าช่วยเรื่องปวดหลังและปวดเข่าได้ และช่วยทำให้แกนกลางลำตัวแข็งแรงด้วย”

 

ครูอิ๊งค์-ดวงพร ต๊ะปัญญา เจ้าของ Figure 8 Pilates 

 

ครูอิ๊งค์บอกว่า เธอเริ่มต้นด้วยการเข้า Group Class ซึ่งจะเล่นกับเครื่อง Reformer ซึ่งเป็นเครื่องที่สามารถบริหารร่างกายได้ทุกส่วน ตั้งแต่หน้าท้อง แกนกลางลำตัว แขน ขา ไปจนถึงไหล่

 

“เข้าหลายคลาสแต่อาการก็ยังเหมือนเดิม ไม่ได้แย่ลงแต่ก็ไม่ได้หายขาด มารู้ทีหลังว่าที่ไม่เห็นผลเพราะโฟกัสกล้ามเนื้อไม่ถูกจุด พอเริ่มโฟกัสถูก แขม่วท้องเป็น อาการก็ดีขึ้น พอเห็นผลก็เริ่มสนุก เลยตัดสินใจไปเรียนพิลาทิสจริงจัง เพราะอยากรู้ว่ากล้ามเนื้อตรงไหนคืออะไร ต้องโฟกัสอย่างไร ก็พบว่ากีฬาพิลาทิสนั้นเป็นกีฬาที่ท้าทายร่างกายตลอดเวลา ระหว่างเรียนเหมือนได้ค้นพบตัวเอง รู้สึกมีความสุขเวลาได้อยู่กับสิ่งนี้ จึงตัดสินใจเปิดไพรเวตสตูดิโอ”

 

 

ครูอิ๊งค์บอกว่าถึงจะเคยเป็นนักการตลาด แต่พอลงมาจับธุรกิจของตัวเอง เธอไม่ได้มองการแข่งขันในตลาดกีฬาพิลาทิสเป็นตัวตั้งว่าจะทำเงินได้หรือไม่ สิ่งเดียวที่โฟกัสคือ ‘ความชอบ’ 

 

“ไม่ได้ศึกษาตลาดหรือมองใครเป็นคู่แข่งเลย คิดอย่างเดียวคือชอบและอยากถ่ายทอดสิ่งที่เรียนมา ตั้งใจเลยว่าจะสอนแบบไพรเวตเท่านั้น เพราะพอนึกย้อนประสบการณ์ที่เคยเจอตอนเรียน Group Class เราไม่อยากให้คนที่เริ่มเล่นพิลาทิสต้องล้มเลิกไปเพราะเล่นแล้วโฟกัสไม่ถูกจุด เนื่องจากเวลาเรียนเป็นคลาส ครูไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง ผู้เรียนอาจโฟกัสผิดจุด ออกแรงผิดท่า เสี่ยงเกิดการบาดเจ็บได้

 

“แต่ถ้าคุณโฟกัสถูกจุด พิลาทิสจะช่วยแก้ปัญหาให้คุณได้ ซึ่งการสอนแบบไพรเวตทำให้เราแก้ปัญหาให้นักเรียนแต่ละคนได้ตรงจุดกว่า เพราะทุกคนมีปัญหาและความต้องการต่างกัน นี่แหละคือความท้าทาย เพราะไม่ใช่แค่ร่างกายแต่ละคนที่ต่างกัน แม้แต่คนเดิมมาแต่ละครั้งก็มีจุดที่ต้องแก้ปัญหาก็ต่างไป เราไม่รู้เลยว่าวันนี้นักเรียนจะมาด้วยอาการอะไร ก่อนหน้านี้ไม่ปวดไหล่ แต่วันนี้ปวด ต้องคิดท่าเพื่อแก้ปัญหากันสดๆ และต้องคิดให้เร็วด้วย”

 

ครูอิ๊งค์-ดวงพร ต๊ะปัญญา เจ้าของ Figure 8 Pilates

 

ครูอิ๊งค์บอกว่า สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มต้นเล่นพิลาทิสจะมาด้วยอาการบาดเจ็บหรือแค่อยากออกกำลังกาย การเริ่มต้นด้วย Private Class มีครูผู้สอนดูแลและบอกจุดโฟกัสกล้ามเนื้อที่ถูกต้องย่อมดีกว่า

 

“อยากให้มองว่าถ้าเริ่มต้นถูกต้อง โฟกัสถูกจุด ร่างกายจะไม่บาดเจ็บ พูดจากใจคนที่เคยเริ่มต้นจาก Group Class และบาดเจ็บเพราะโฟกัสไม่ถูกจุด โชคดีอาจรักษาหาย ถ้าโชคร้ายบาดเจ็บถาวรมันไม่คุ้ม นอกจากจะไม่เสี่ยงบาดเจ็บแล้ว ยังเห็นผลชัดเจนกว่า เมื่อสามารถโฟกัสได้ถูกจุด หายใจได้ถูกต้อง แล้วจะสลับไปเล่น Group Class ก็ได้ถ้าเล่นเป็นกับเครื่อง Reformer แต่ถ้าเป็นเครื่อง Cadillac แนะนำเป็น Private Class ดีกว่า เพราะจำเป็นต้องมีครูคอยดูแลอย่างใกล้ชิดในการทำท่าทางต่างๆ” 

 

ครูอิ๊งค์-ดวงพร ต๊ะปัญญา เจ้าของ Figure 8 Pilates

 

หลังเปิดสาขาแรก RQ Residence สุขุมวิท ซอย 49/9 ไม่นาน Figure 8 Pilates ก็เป็นที่รู้จักในวงกว้าง เมื่อถามว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้คลาสถูกจองเต็มตลอด เธอบอกว่า “ปากต่อปากค่ะ”

 

“เชื่อว่านักเรียนสัมผัสได้ว่าเราจริงใจ อยากให้ทุกคนที่เข้ามาเรียนได้อะไรกลับไป คือถ้าบาดเจ็บมาต้องดีขึ้น อยากมาออกกำลังกายต้องได้ผลลัพธ์ที่ดี พอเห็นผลเขาก็บอกต่อ อีกส่วนคงเพราะเริ่มมีดาราเข้ามาเล่นแล้วถ่ายรูป ทำคลิปโพสท่าสวยๆ ลงโซเชียลก็ยิ่งเป็นที่รู้จัก เราว่ายุคนี้โซเชียลมีเดียมีผลอย่างมาก เมื่อก่อนเวลาจะเลือกเข้าคลาสอะไรจะดูว่าสตูดิโอน่าเชื่อถือหรือไม่ คนสอนเป็นใคร ตอนนี้มีเรื่องของภาพลักษณ์เข้ามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจด้วย เปิดเข้าไปในเพจ ในไอจี ดูว่าที่นี่ใครมาเล่นบ้าง บังเอิญว่าที่นี่เรามีดารามาเล่น เลยช่วยคอนเฟิร์มว่าเราเป็นที่ไว้วางใจ 

 

“และที่มีส่วนเช่นกันคือ คุณครูทุกคนของที่นี่ต้องมีเอเนอร์จี้ในการสอน สามารถส่งต่อพลังในการสอนให้กับนักเรียนได้ เราจะเทรนคุณครูทุกคนให้มีศักยภาพและการสอนที่ดี ถ้าคุณครูไม่มีความสุขในการสอนก็จะไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งดีๆ ให้กับนักเรียนได้” 

 

ล่าสุด Figure 8 Pilates ขยายสาขาที่ 2 เลือกปักหมุดที่โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ โดยยังคงยึดคอนเซปต์เดิมคือ ไม่เปิด Group Class เปิดสอนแค่ Private Class และเพิ่ม Duet Class เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายย่านราชพฤกษ์

 

“จากสาขาแรกจนถึงวันนี้ก็ประมาณ 4 ปีแล้ว เราเริ่มต้นจากห้องเล็กๆ ชวนคนรู้จักมาเล่น พอเขามาเล่นแล้วประทับใจก็แนะนำต่อ จากห้องเล็กๆ ก็เริ่มขยายเป็นสองห้อง และวันนี้ก็เปิดสาขาสองตามที่ตั้งใจ เลือกมาเปิดที่โรบินสัน ไลฟ์สไตล์ ราชพฤกษ์ โดยยังคงคอนเซปต์เดิม แต่เพิ่มคลาสสำหรับคนที่ต้องการมาเรียนเป็นคู่ด้วย เพราะโซนนี้นอกจากจะมีโรงเรียนนานาชาติแล้วก็ยังมีหมู่บ้านจัดสรรค่อนข้างเยอะ มองกลุ่มเป้าหมายเป็นครอบครัวหรือคุณแม่ที่มีเวลาว่างระหว่างที่ลูกไปโรงเรียน หรือคู่รักและเพื่อนที่อยากมาออกกำลังกายด้วยกัน

 

ครูอิ๊งค์-ดวงพร ต๊ะปัญญา เจ้าของ Figure 8 Pilates

 

“การเล่นพิลาทิสมันคือการดูแลร่างกาย แนะนำว่าควรเรียนต่อเนื่อง ช่วง 3 เดือนแรกเป็นการปรับร่างกาย ประมาณ 6 เดือนร่างกายจะยืดหยุ่นได้ดีขึ้น แกนกลางลำตัวแข็งแรง ได้กล้ามเนื้อมัดเล็ก ส่วนกล้ามเนื้อมัดใหญ่จะได้บางจุด ที่แน่ๆ คือช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพ หน้าท้องแบนราบมากขึ้น ลดความเครียด และฝึกสมาธิ รวมทั้งปรับการหายใจให้ดีขึ้น บำบัดอาการปวดคอ ปวดหลัง และปวดบ่าได้แน่นอน ยิ่งถ้าเล่นสม่ำเสมอทุกอาทิตย์จะแข็งแรงขึ้นแน่ๆ แต่ถ้ามาๆ หายๆ จะเหมือนนับหนึ่งใหม่ทุกครั้ง” 

 

คนที่ยังไม่เคยเล่นก็ไม่ต้องกังวลไป ครูอิ๊งค์บอกว่า “ใครๆ ก็เล่นได้ ยกเว้นเคสที่เพิ่งผ่าตัดมาไม่เกิน 6 เดือนอาจจะต้องปรึกษาแพทย์ ถ้าแพทย์อนุญาตอาจต้องขอดูผลเอ็กซเรย์เพื่อความปลอดภัยว่ามีจุดไหนที่ต้องระวังบ้าง ไม่อยากให้กังวล โดยเฉพาะถ้าเลือกเล่นกับเรา เพราะอย่างที่บอกเราจะดูแลนักเรียนตามสรีระร่างกายของแต่ละคน เพื่อออกแบบท่าทางการเล่นที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บได้ตรงจุด และทำให้คุณบรรลุเป้าหมายได้อย่างแน่นอน”

 

ใครอยากทดลองเล่น ตอนนี้มีโปรโมชันฉลองเปิดสาขา สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ทางเพจ Facebook: Figure eightpilates และ Instagram: Figure8pilates ได้เลย

The post ชวนไปเล่นพิลาทิสพร้อมปรับสมดุลในร่างกายที่ Figure 8 Pilates ไพรเวตสตูดิโอที่ช่วยให้คุณค้นพบตัวเองในเวอร์ชันที่ดีที่สุด [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
เรื่องน้ำดื่มให้ Coway ดูแล ส่วนคุณแค่ Just Drink: เบื้องหลังแนวคิดที่เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การดื่มน้ำของคุณให้ดีกว่าเดิม! [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/coway-just-drink/ Fri, 28 Apr 2023 03:22:14 +0000 https://thestandard.co/?p=782174

ในช่วงหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ผู้บริโภคในไทยให้ความ […]

The post เรื่องน้ำดื่มให้ Coway ดูแล ส่วนคุณแค่ Just Drink: เบื้องหลังแนวคิดที่เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การดื่มน้ำของคุณให้ดีกว่าเดิม! [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในช่วงหลังการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ผู้บริโภคในไทยให้ความสำคัญกับชีวิตสุขภาพดีมากขึ้นผ่านการเลือกอาหาร

 

งานวิจัยจากมินเทลพบว่า แรงจูงใจในการกินอาหารเพื่อสุขภาพของคนไทยนั้นได้เปลี่ยนแปลงไปจากการกินเพื่อป้องกันโรค ผู้บริโภคในปัจจุบันได้รับแรงผลักดันจากปัจจัยอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการเพิ่มสมรรถภาพทางร่างกาย (38%) และการมีสุขภาพจิตที่ดี (28%) ผู้บริโภคจำนวนน้อยกว่า 1 ใน 5 คน (17%) ระบุว่าการป้องกัน/รักษาโรคเรื้อรังเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น

 

ขณะเดียวกันผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ความงามในไทยได้เปลี่ยนความสนใจจากผลิตภัณฑ์แก้ปัญหา มาให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์ที่ดูแลเราได้มากขึ้นในช่วงหลังการระบาดสิ้นสุดลง

 

สิ่งที่น่าสนใจคือผู้บริโภคในไทยกำลังเปลี่ยนจากการใช้ความคิดแบบเร่งด่วนที่พบเห็นได้ทั่วไปในช่วงวิกฤต มาเป็นการวางแผนเพื่ออนาคตและคิดอะไรเป็นระยะยาวมากขึ้นกว่าเดิม

 

งานวิจัยทั้ง 2 ชิ้นชี้ให้เห็นว่า คนไทยนั้นกำลังให้ความสนใจกับเรื่องของสุขภาพมากขึ้น ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นเรื่องของอาหารหรือวิตามินบำรุงเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ‘น้ำ’ ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

 

‘การขาดน้ำ’ ส่งผลเสียมากกว่าที่คิด

 

อย่างที่เรารู้กัน ‘น้ำสะอาด’ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อร่างกายมนุษย์ เพราะน้ำคือส่วนประกอบหลักของร่างกายมนุษย์ ประมาณ 60-70% ของน้ำหนักตัว

 

 

 

ดังนั้นการดื่มน้ำสะอาดสามารถช่วยรักษาระดับน้ำในร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ที่สำคัญน้ำมีบทบาทในการขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกายผ่านการขับถ่าย การดื่มน้ำสะอาดจึงช่วยเสริมสร้างสุขภาพของระบบทางเดินอาหารและไต

 

การดื่มน้ำยังมีความสำคัญมากกว่าที่คิด เมื่อการศึกษาใหม่จากสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Institutes of Health) ซึ่งเผยแพร่เมื่อต้นปี 2023 เผยว่า ผู้ใหญ่ที่ไม่ได้รับน้ำเพียงพออาจแก่เร็วขึ้น มีความเสี่ยงสูงต่อโรคเรื้อรัง และมีโอกาสเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่ดื่มน้ำเพียงพอ

 

ผลวิจัยดังกล่าวอิงจากข้อมูลที่รวบรวมกว่า 25 ปีจากผู้ใหญ่มากกว่า 11,000 คนในอเมริกา ซึ่งนักวิจัยมองว่าระดับโซเดียมในเลือดของผู้เข้าร่วมเป็นเสมือนตัวแทนในการให้ความชุ่มชื้น เนื่องจากความเข้มข้นที่สูงขึ้นเป็นสัญญาณว่าพวกเขามักไม่ได้บริโภคของเหลวเพียงพอ

 

นักวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมที่มีระดับโซเดียมในเลือดสูงจะแก่เร็วกว่าผู้ที่มีระดับโซเดียมในเลือดต่ำ ซึ่งสะท้อนให้เห็นในตัวบ่งชี้สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับอายุ เช่น ความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอล และน้ำตาลในเลือด

 

เช่นเดียวกับที่การออกกำลังกายเป็นประจำและโภชนาการที่เหมาะสมถือเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี นาตาเลีย ดมิเทรีวา หนึ่งในผู้เขียนการศึกษา นักวิจัยจากสถาบันหัวใจ ปอด และเลือดแห่งชาติของ NIH กล่าวว่า “หลักฐานที่เกิดขึ้นใหม่จากการศึกษาของเราและการศึกษาอื่นๆ บ่งชี้ว่าการดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมออาจชะลอกระบวนการชรามากยิ่งขึ้น”

 

สิ่งที่น่าตกใจคือ ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้คนทั่วโลกไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำสำหรับการดื่มน้ำทั้งหมดในแต่ละวัน National Academy of Medicine แนะนำให้ผู้หญิงบริโภคของเหลว 2.7 ลิตรต่อวัน และผู้ชายควรบริโภคของเหลว 3.7 ลิตรต่อวัน ซึ่งคำแนะนำนี้รวมถึงของเหลวและอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เช่น ผลไม้ ผัก และซุป

 

ถึงอย่างนั้น “น้ำเปล่านั้นดีที่สุด” มิตเชลล์ รอสเนอร์ หัวหน้าภาควิชาแพทยศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียกล่าว

 

‘เรื่องน้ำดื่มให้ Coway ดูแล ส่วนคุณแค่ Just Drink’

 

แม้จะรู้ว่าน้ำเป็นสิ่งสำคัญกับสุขภาพ แต่การหาน้ำดื่มสะอาดและมีคุณภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย กลายเป็นที่มาของ Coway ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ที่จะทำให้คุณได้ดื่มน้ำสะอาดและดีต่อสุขภาพอย่างง่ายดาย

 

 

ที่ผ่านมาหลายคนอาจจะเห็นคำว่า ‘Just Drink’ และ ‘แบรนด์ Coway’ แบรนด์จากเกาหลีผ่านหลากหลายสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสื่อออนไลน์ ตลอดจนสื่อนอกบ้านที่เราสามารถพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่ง

 

แต่รู้หรือไม่ว่าภายใต้ความเข้าใจง่ายของแนวคิดนี้นั้น กลับอัดแน่นไปด้วยการบริการ ความสะดวกสบาย และความสะอาดจริง ที่ Coway คิดมาเป็นอย่างดี เพื่อมอบความแปลกใหม่ของการดื่มน้ำให้กับผู้บริโภคทุกคน ทำให้ลูกค้าทุกคนได้ Just Drink จริงๆ

 

สำหรับแบรนด์ การมีสโลแกนที่เข้าใจง่ายถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะนี่จะเป็นการส่งต่อความหมายและความสำคัญของแบรนด์ให้ลูกค้าเข้าใจอย่างชัดเจน ซึ่งทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกเชื่อมโยงและจดจำแบรนด์ได้ง่ายขึ้น

 

ตลอดจนช่วยสร้างความประทับใจรวมไปถึงสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ นอกจากนี้ยังทำให้แบรนด์ดูน่าเชื่อถือและมีความเชื่อมโยงกับลูกค้า

 

ซึ่งสำหรับ Coway นั้น คำว่า ‘Just Drink’ คือแนวคิดใหม่ที่เป็นการสะท้อนความตั้งมั่นที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกค้าทำเพียงแค่อย่างเดียว นั่นคือ ‘แค่ดื่ม’ เพราะ Coway เชื่อว่า ‘เรื่องน้ำดื่มให้ Coway ดูแล ส่วนคุณแค่ Just Drink’

 

 

Coway การเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบันดีขึ้น สะดวกขึ้น

 

Coway นั้นเชื่อในการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ชีวิตของผู้คนยุคปัจจุบันดีขึ้น สะดวกขึ้น นั่นคือความตั้งใจของ Coway ที่มอบให้ผู้บริโภคทุกคนในการใช้ชีวิตบนไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่

 

ด้วยเหตุนี้ Coway จึงนำเสนอระบบแบบใหม่ ด้วยการนำระบบสมัครสมาชิก (Subscribe) เข้ามาเป็นรายแรกและแบรนด์เดียว ที่มุ่งเน้นพัฒนาการบริการให้กับผู้บริโภคทุกคน

 

เพราะ Coway เข้าใจว่าทุกวันนี้ชีวิตของผู้คนมีเรื่องให้ต้องทำอีกเยอะ จึงอยากเป็น One Stop Service ที่แค่สมัครสมาชิก Coway จะดูแลทุกอย่าง รวมถึงระบบการบริการที่ทำให้ผู้บริโภคดื่มน้ำได้ง่ายที่สุดเท่าที่จะง่ายได้

 

 

นั่นคือที่มาของแนวคิดใหม่สำหรับ Coway ที่อยากให้ผู้บริโภคแค่ Just Drink ซึ่งจะเข้ามาช่วยให้ลูกค้าเพลิดเพลินกับน้ำสะอาดและสดชื่นได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่ม และทิ้งความกังวลเรื่องการทำน้ำให้บริสุทธิ์ไว้ข้างหลัง สิ่งที่ต้องทำแค่ Just Drink นอกนั้นทาง Coway ดูแลให้หมด

 

 

 

สิ่งที่ทำให้ Coway แตกต่างจากเครื่องกรองน้ำยี่ห้ออื่นคือ ความมุ่งมั่นของ Coway ในการสร้างความพึงพอใจให้กับผู้คนผ่านรูปแบบการสมัครสมาชิกที่ไม่เหมือนใคร เพียงสมัครสมาชิก คุณจะได้รับบริการและการบำรุงรักษาเป็นประจำทุกๆ 2 เดือน เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องกรองน้ำของคุณอยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ

 

ซึ่งนี่คือ 3 เหตุผลที่ทำให้ Coway แตกต่างจากเครื่องกรองน้ำแบบเดิมๆ ได้แก่

 

  1. Just Drink สะอาดจริง: เพราะ Coway มีนวัตกรรมเครื่องกรองน้ำดื่มสุดสะอาดที่ลูกค้าไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรองเอง และไม่ต้องจำวันเปลี่ยนไส้กรอง เพราะ Coway มีบริการให้ทั้งหมด

 

  1. Just Drink สะดวกจริง: เพราะ Coway มีบริการติดตั้งให้ฟรี ซ่อมฟรี แถมยังมี Expert Care เข้ามาดูแลให้ทุกๆ 2 เดือน ไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดอายุสัญญา

 

 

  1. Just Drink บริการดีจริง: เพราะ Coway มีพนักงานที่เข้าใจเรื่องการดูแลอย่างลึกซึ้ง ชื่อ Cody มาดูแลความสะอาดให้ และเปลี่ยนไส้กรองให้ตลอดอายุสัญญา

 

ดังที่กล่าวไปแล้วว่า ด้วยเทรนด์สุขภาพที่มาแรง คนยุคใหม่เลยเริ่มหันมาใส่ใจตัวเองมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือเรื่องน้ำดื่มสะอาด ทำให้แบรนด์ Coway อยากมีส่วนช่วยให้คนได้เข้าถึงน้ำสะอาดที่มาพร้อมกับบริการซึ่งอยากทำให้คนได้สัมผัสประสบการณ์การดื่มน้ำยุคใหม่แค่ ‘Just Drink’

 

มาร่วมบอกลาเครื่องกรองน้ำเครื่องเก่าของคุณ แล้วเข้าสู่ยุคของการดื่มน้ำสะอาดอย่างง่ายดาย ที่มาพร้อมกับดีไซน์สวยแบบที่ไม่ต้องซ่อนใต้ซิงก์อีกต่อไป เพราะสามารถใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ได้ เพียงสมัครสมาชิกตอนนี้และให้ Coway เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การดื่มน้ำของคุณไปตลอดกาล! ได้ที่ https://bit.ly/3UPn8SR

 

อ้างอิง:

The post เรื่องน้ำดื่มให้ Coway ดูแล ส่วนคุณแค่ Just Drink: เบื้องหลังแนวคิดที่เข้ามาเปลี่ยนประสบการณ์การดื่มน้ำของคุณให้ดีกว่าเดิม! [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
เผยความลับของ ‘มะเขือเทศ’ ที่แฟนมะเขือเทศตัวจริงอาจไม่เคยรู้ [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/tomato-secrets-roza/ Thu, 30 Mar 2023 05:00:16 +0000 https://thestandard.co/?p=770408

เคยสงสัยไหมว่า ‘มะเขือเทศ’ ผลไม้ที่เราเห็นกันอยู่เป็นปร […]

The post เผยความลับของ ‘มะเขือเทศ’ ที่แฟนมะเขือเทศตัวจริงอาจไม่เคยรู้ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

เคยสงสัยไหมว่า ‘มะเขือเทศ’ ผลไม้ที่เราเห็นกันอยู่เป็นประจำในเมนูอาหารคาว-หวานและเครื่องดื่มที่คุ้นเคย แท้จริงแล้วมะเขือเทศมีประโยชน์อย่างไรบ้าง ยังมีความลับน่ารู้เกี่ยวกับมะเขือเทศที่เราเคยรู้กัน เช่น มะเขือเทศต่างสายพันธุ์ ก็มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายต่างกันแล้ว หรือที่ใครบอกว่ากินมะเขือเทศจะช่วยให้ผิวสวย ระบบไหลเวียนโลหิตดี ลดระดับไขมันในเลือด ต้องกินแบบไหนถึงจะได้ประโยชน์สูงสุดกันแน่

 

 

ขอคัด 5 ความลับคุณประโยชน์ ‘มะเขือเทศ’ ที่คนรักสุขภาพต้องรู้ 

 

  1. ปรุงด้วยความร้อนได้ไลโคปีนสูงสุด
    อย่างที่รู้กันว่า ‘ไลโคปีน’ เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก และในมะเขือเทศ 100 กรัม จะมีปริมาณไลโคปีนสูงถึง 0.9-9.30 มิลลิกรัม แต่ถ้าจะกินมะเขือเทศให้ได้ไลโคปีนสูงสุดต้องกินโดยผ่านความร้อน เพราะเมื่อมะเขือเทศผ่านความร้อน ผนังเซลล์ของมะเขือเทศจะแตกออก เมื่อกินจะทำให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดี 

 

  1. ดื่มน้ำมะเขือเทศตอนท้องว่างหรือหลังอาหารทันที
    ลำดับการดื่มน้ำมะเขือเทศเกี่ยวข้องโดยตรงกับสารอาหารที่ร่างกายจะได้รับ ถ้าอยากให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากมะเขือเทศแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย ควรดื่มน้ำมะเขือเทศตอนท้องว่าง โดยหยดน้ำมันลงในน้ำมะเขือเทศจะทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น หรือไม่ก็ดื่มหลังอาหารทันที เพราะไขมันในอาหารจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมไลโคปีนได้ดียิ่งขึ้น

 

 

  1. ผลิตภัณฑ์มะเขือเทศให้ไลโคปีนมากกว่ากินมะเขือเทศสด
    มะเขือเทศเป็นหนึ่งในผลไม้ที่ลบล้างความเชื่อที่ว่าของสดดีกว่าของที่ปรุงแล้ว นอกจากตัวอย่างของการนำไปปรุงสุกอย่างที่บอกไปในข้อแรก การผลิตผลิตภัณฑ์มะเขือเทศยังทำให้ไลโคปีนเปลี่ยนรูปแบบจากออลทรานส์ (All-trans-isomers) เป็นชนิดซิส (Cis-isomers) หรือชนิดที่ละลายได้ดีขึ้น เทียบซอสมะเขือเทศ จะมีปริมาณไลโคปีน 6.20 กรัมต่อ 100 กรัม ส่วนมะเขือเทศสดจะมีไลโคปีนเพียง 0.88-4.20 กรัมต่อ 100 กรัม 

 

  1. ลองจับคู่มะเขือเทศกับกิมจิหรือโยเกิร์ต
    มีงานวิจัยพบว่าในมะเขือเทศอุดมไปด้วยกรดกลูตามิก หนึ่งในกรดอะมิโนที่เพิ่มรสชาติอูมามิให้กับมะเขือเทศ ยังมีประโยชน์ช่วยปกป้องลำไส้ ถ้าอยากกินให้อร่อยและได้ประโยชน์จากกรดกลูตามิกแบบเต็มๆ ลองจับคู่มะเขือเทศดิบกับกิมจิ หรือจะใส่ลงไปในโยเกิร์ตกินเป็นมื้อเช้าก็เป็นทางเลือกที่ดี 

 

  1. มะเขือเทศปั่น เมนูเติมกาบาได้มากขึ้น 1.7 เท่า
    ‘กาบา’ กรดอะมิโนอีกชนิดที่พบในมะเขือเทศ มีสรรพคุณช่วยรักษาสมดุลของระบบสารสื่อประสาท ช่วยให้ผ่อนคลาย จริงๆ แล้วไม่ว่าจะกินมะเขือเทศรูปแบบไหนก็ได้รับกาบาเหมือนกัน แต่ถ้าอยากได้กาบาเพิ่มขึ้น 1.7 เท่า ควรนำมะเขือเทศไปปั่น จะช่วยให้ร่างกายดูดซึมกาบาได้สูงกว่ากินดิบ ถ้ากลัวว่ากลิ่นจะแรงเกินไป แนะนำให้ปั่นพร้อมน้ำแข็งจะช่วยลดกลิ่นของมะเขือเทศได้

 

 

ถ้าคุณคิดว่านี่คือความลับทั้งหมดของมะเขือเทศแล้ว ลองเปิดใจและเปิดเข้าไปที่เว็บไซต์ www.rozatomatomuseum.com เพราะเราจะพาคุณวาร์ปสู่โลกมะเขือเทศอันน่าอัศจรรย์ สารพันประโยชน์ของผลไม้สีแดงที่อัดแน่นไปด้วยคุณประโยชน์มหาศาล สนุกไปกับวิวัฒนาการการนำมะเขือเทศสดๆ มาทำเป็นผลิตภัณฑ์จากมะเขือเทศ ไปจนถึงเมนูอร่อยๆ จากผลิตภัณฑ์มะเขือเทศ ที่รับรองว่าทุกสูตร ‘อร่อยได้ ประโยชน์ด้วย’

 

ลืมภาพเว็บไซต์ให้ความรู้ที่มีตัวหนังสือยาวพรืดไปได้เลย เพราะเว็บไซต์ #RozaTomatoMuseum ที่เรากำลังจะชวนทุกคนให้คลิกเข้าไปผจญภัยค้นหาความลับสนุกๆ ในโลกมะเขือเทศนี้ต่างจากเว็บไซต์เดิมๆ ที่เราเคยคลิก

 

ถึงจะเป็นเว็บไซต์ที่ให้ความรู้เกี่ยวกับมะเขือเทศ แต่กลับทำให้เราสนุกตั้งแต่คลิกแรก! ไม่ว่าจะเป็นการดีไซน์ตัวการ์ตูนแสนน่ารัก มีการนำแอนิเมชันมาใส่ให้ดูสนุก เวิร์กสุดๆ คือสรุปเรื่องประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ สุขภาพ และการเกษตรให้เข้าใจง่าย ไม่เหมือนกำลังอ่านเนื้อหาวิชาการเลยสักนิด

 

แถมมีลูกเล่นในทุกชั้นเหมือนกำลังเล่นเกม เช่น ทำขวดซอสมะเขือเทศเป็น 3D ให้เราหมุนๆ ดูรอบขวด หรือตอนดูฟาร์มแค่คลิกเมาส์ก็เห็นฟาร์มมะเขือเทศได้แบบ 360 Interactive เห็นได้รอบฟาร์ม ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในฟาร์มมะเขือเทศจริง อยากให้ลองเข้าไปกดเล่นกันดู เพราะกว่าจะรู้ตัวก็คลิกเพลินๆ ลงมาถึงชั้น 5 แบบไม่รู้ตัว

 

 

อย่างชั้นที่ 1 พาเราไปรู้จักจุดเริ่มต้นของตำนานมะเขือเทศ ก่อนจะเข้าสู่ชั้น 2 ไปล้วงลึกความลับกว่าจะเป็นซอสมะเขือเทศโรซ่าสักขวด ต้องผ่านกระบวนการพิถีพิถันและความใส่ใจขนาดไหน พร้อมสำรวจฟาร์มโรซ่าแบบ 360 Interactive จุดเริ่มต้นความอร่อยไม่เหมือนใคร 

 

สายสุขภาพน่าจะชอบชั้นที่ 3 เพราะนอกจากจะได้สนุกกับเรื่องราวของนวัตกรรมการผลิตและงานดีไซน์ขวด ยังอัดแน่นไปด้วยเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ ‘ไลโคปีน’ และไขข้อข้องใจว่า ‘ซอสมะเขือเทศ’ จะให้ไลโคปีนที่มากกว่าการกินมะเขือเทศสดได้อย่างไร ส่วนชั้น 4 มีแจกสูตรลับเมนูอร่อยที่มีมะเขือเทศเข้มข้นผสมไลโคปีนเป็นส่วนประกอบด้วยละ 

 

ปิดท้ายความสนุกด้วยการวัดคะแนนแฟนพันธุ์แท้เรื่องมะเขือเทศกันที่ชั้น 5 มาวัดกันไปเลยว่าใครความจำดีสุดก็ลุ้นรับรางวัลจากโรซ่า ส่งตรงความอร่อยได้ ประโยชน์ด้วย ถึงบ้าน เพื่อเอาไปพิสูจน์ความอร่อยด้วยตัวเอง แล้วจะเข้าใจว่าทำไม ‘เรื่องมะเขือเทศต้องโรซ่า’

 

 

ถ้าอยากรู้ว่าโลกมะเขือเทศมีความลับอะไรซ่อนอยู่ คลิกเข้าไปที่เว็บไซต์ https://bit.ly/3Z0f41X ตอนนี้เลย! 

 

อ้างอิง:

The post เผยความลับของ ‘มะเขือเทศ’ ที่แฟนมะเขือเทศตัวจริงอาจไม่เคยรู้ [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>