เจริญนครนั้นฮิปขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนอะไรๆ ก็ขยับขยา […]
The post เปิดแล้ว GUMP’s Cross คอมมูนิตี้สเปซแห่งใหม่ย่านเจริญนคร appeared first on THE STANDARD.
]]>เจริญนครนั้นฮิปขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนอะไรๆ ก็ขยับขยายไปเปิดฝั่งนั้นกันเสียหมด ล่าสุด GUMP’s คอมมูนิตี้สเปซชื่อดังจากย่านอารีย์ ก็ปักหลักเปิดบ้านหลังใหม่ ในซอยเจริญนคร 21 ภายใต้ชื่อ GUMP’s Cross
โดย GUMP’s Cross เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง Gump’s Group โดย คุณธิวาภรณ์ พัฒนะรวีโรจน์ ผู้ก่อตั้ง GUMP’S กับ บริษัท นวชีวิน จำกัด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขยายโครงการมายังฝั่งเจริญนคร นำตึกเก่ามารีโนเวตให้กลายเป็นคอมมูนิตี้สเปซไวบ์น่ารัก ภายใต้แนวคิด Crossing Lifestyle Space พื้นที่ส่วนกลางที่เปิดโอกาสให้ผู้คนเข้ามาเชื่อมต่อกันผ่านกิจกรรมที่ตนสนใจ ไม่ว่าจะเป็น ถ่ายรูป เดินเล่น นั่งทำงาน กินของอร่อย หรือพบปะสังสรรค์
สำหรับใครที่อยากแวะมาเช็กอิน ตอนนี้ GUMP’s Cross มีนิทรรศการน่ารักๆ ให้แวะไปเยี่ยมชม เช่น Give Me Museums การปรากฏตัวของ Give Me Museums ในรูปแบบป๊อปอัพอินสตอลเลชัน ที่พาเราเข้าไปอยู่ในโลกของ ‘น้องดื้อ’ ตัวละครเอกของแบรนด์ หรือ Canvas & Co. ป๊อปอัพแกลเลอรีบนชั้น 3 ของ 3 ศิลปินและนักสร้างสรรค์รุ่นใหม่ ในรูปแบบเรียบง่าย ไม่จัดฉาก ไม่ตีกรอบ เปิดพื้นที่ให้ผู้ชมได้ใช้เวลากับงานศิลปะอย่างเป็นธรรมชาติ
นอกจากนี้ Gump’s Cross ยังมีคาเฟ่ ร้านอาหาร รวมถึงร้านค้าแนวไลฟ์สไตล์ไว้ให้บริการ เช่น Pacamara, Karun, Bubb, Viola Flowers, Chubby Boy, Fatboy Bar, Jian Cha หรือ Analog Skyflow เป็นต้น
ใครที่สนใจ แวะไปได้ที่ ซอยเจริญนคร 21 เวลา 09.00-22.00 น.
ภาพ: Courtesy of Brand
The post เปิดแล้ว GUMP’s Cross คอมมูนิตี้สเปซแห่งใหม่ย่านเจริญนคร appeared first on THE STANDARD.
]]>หลบมาพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวายที่ The Villas Kimpton K […]
The post หลบมาพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวายที่ The Villas Kimpton Kitalay Samui appeared first on THE STANDARD.
]]>หลบมาพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวายที่ The Villas Kimpton Kitalay Samui
Kimpton Kitalay Samui อีกหนึ่งหมุดหมายสำหรับคนต้องการการพักผ่อนแบบครบวงจร ไปที่เดียวสามารถพักผ่อนได้หลายวัน แบบไม่ต้องออกไปไหนเลย เพราะที่นี่ถือว่ามีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งห้องอาหารหลากหลายสัญชาติ มีสปา ยิม สระว่ายน้ำ แถมอยู่ติดชายหาดอีก! และอีกหนึ่งข้อดีของที่นี่คือโรงแรมไม่ได้ขนาดใหญ่มาก ทำให้แขกไม่พลุกพล่าน ใครชอบความเป็นส่วนตัวน่าจะถูกใจที่นี่ และสำหรับคนอยากพักผ่อนอย่างสงบ และเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ ด้วยโซน The Villas เป็นห้องพักแนววิลล่า ที่มีหลายขนาด มีสระว่ายน้ำเป็นของตัวเอง แถมเดินลงมาชายหาดได้ทันที ซึ่งตอนนี้เขาเพิ่งอัปเดต ของใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกในห้องใหม่ เช่นเสื้อคลุมอาบน้ำ กระเป๋า หรือ รองเท้าแตะ โดยรอบนี้ได้ร่วมทำกับ PARISSARA ไทยดีไซน์เนอร์ที่นำเอาศิลปะและภูมิปัญญาท้องถิ่นของไทยมาปรับใช้ในงานออกแบบ
อย่างที่เกริ่นไปว่าที่นี่ เป็นพักที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เริ่มตั้งแต่ห้องอาหารที่มีหลากหลายสัญชาติ ไม่ว่าจะเป็น Boho เป็นห้องอาหารไทย รวมถึงมีอาหารใต้ด้วย ต่อมาใครอยากทานอาหารทะเลที่มีความเป็นต่างชาติขึ้นมา แนะนำที่ Fishhouse ซึ่งร้านนี้ได้รางวัล Michelin-guide มาถึงสองปีซ้อน ปิดท้ายด้วยมื้อเย็นสุดโรแมนติกที่ SHIO ร้านที่ทำวัตถุดิบที่ดีมาปรุงเป็นเมนูสไตล์ญี่ปุ่นแบบสดๆ
นอกจากเรื่องกินแล้ว คนอยากพักผ่อนฟื้นฟูร่างกายที่นี่ก็มี Kitavaree Spa & Wellness เป็นสปาส่วนตัวที่มีโปรแกรมให้เราเลือกหลากหลาย แถมบริเวณนั้นยังมี ยิม และ Kid’s Club อีกด้วย มาที่เดียวสามารถพักผ่อนได้ทั้งครอบครัว
และอีกหนึ่งข้อดีของที่นี่คือ เขาอยู่ติดทะเลแบบที่อยากลงไปสัมผัสกับชายหาดเมื่อไหร่ก็เดินลงไปได้เลย ส่วนใครอยากนั่งชิล เขามีสระว่ายน้ำที่เป็นวิวทะเล แถมมีบาร์ใกล้ๆ สามารถมานั่งแช่น้ำได้ทั้งวัน
สำหรับใครที่กำลังสนใจอยากมาพักที่นี่ ประสบการณ์ที่คุณจะได้รับกลับไปคือการพักผ่อนในที่ที่แขกไม่พลุกพล่านจนเกินไป แต่ถ้าใครชื่นชอบความเป็นส่วนตัวมากขึ้นไปอีกเราแนะนำโซน The Villas เป็นที่พักแนววิลล่าที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ เหมาะกับการมาเป็นครอบครัว หรือเกินสองคนขึ้นไป
เราสามารถแช่น้ำชิลๆ อย่างสงบได้ เพราะภายในบริเวณวิลล่ามีสระน้ำส่วนตัว แถมถ้าอยากสัมผัสกับทะเล ก็แค่เดินออกมาหน้าห้องก็ถึงหาดทันที ปิดท้ายสายคอนเทนต์คุณสามารถสั่งอาหารเช้าให้มาเซิร์ฟเป็นเซ็ตแบบลอยน้ำ กินอาหารเช้าไปแช่น้ำไปในเวลาเดียวกันได้เลย
Good for…
ที่นี่น่าจะเป็นที่พักที่เหมาะสำหรับคนต้องการพักผ่อนอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งร่างกาย จิตใจ ได้ดูวิวสวยๆ กินอาหารอร่อย คนไม่วุ่นวาย และสามารถอยู่ที่นี่หลายๆ วันแบบไม่ต้องออกไปไหนเลย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
ภาพ: วริทธิ์ ลิ้มเจริญ / Kimpton Kitalay Samui
The post หลบมาพักผ่อน หลีกหนีความวุ่นวายที่ The Villas Kimpton Kitalay Samui appeared first on THE STANDARD.
]]>อดีตโรงแรมบัดดี้ที่รีโนเวตแลนด์สเคปทั้งหมด พร้อมทั้งเปล […]
The post Kalanan Riverside Resort ที่พักริมน้ำใกล้กรุง ไวบ์เดียวกับละครย้อนยุค appeared first on THE STANDARD.
]]>อดีตโรงแรมบัดดี้ที่รีโนเวตแลนด์สเคปทั้งหมด พร้อมทั้งเปลี่ยนแบรนด์ให้กลายเป็น ‘กาลนาน’ รีสอร์ตใกล้กรุงที่ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านพักริมน้ำต่างจังหวัด ทั้งๆ ที่ขับรถออกนอกกรุงไม่กี่นาที ตื่นเช้ามองเห็นวิถีชีวิตริมคลอง เห็นพระพายเรือรับบิณฑบาต ช่วงบ่ายนอนรับลมเย็นๆ คลอเสียงเรือแล่นผ่านไปมา ใครอยากผ่อนคลายก็มีสปาให้ผ่อนปรนความตึงเครียด ใกล้ๆ กันยังสามารถขับรถไปเกาะเกร็ดหรือนั่งเรือเที่ยวริมคลองได้ด้วย สิ่งที่เราชอบมากอีกอย่างของที่นี่คือบรรยากาศห้องพักที่ให้ความรู้สึกราวกับเป็นตัวเอกในเรื่อง ‘หนึ่งในร้อย’
ในบรรดาโลเคชันถ่ายทำทั้งหมด หลายคนไม่รู้ว่าบางฉากในห้องนอนของอนงค์ ตัวเอกในละครเรื่อง ‘หนึ่งในร้อย’ นั่นถูกถ่ายทำที่ Kalanan (กาลนาน) รีสอร์ทแบรนด์ไทยในเครือ Buddy Group ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้ว อดีตโรงแรมบัดดี้เดิมในละแวกนนทบุรีที่รีโนเวตใหม่ทั้งส่วนของห้องพักและพื้นที่แลนด์สเคป กว้างขวางขึ้น ดูดีขึ้น เป็นสัดเป็นส่วนขึ้น แต่ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายย้อนยุคที่ชวนให้นึกถึงบรรยากาศในละครเรื่อง ปริศนา หรือ หนึ่งในร้อย ที่เพิ่งออกอากาศไปล่าสุด
Kalanan เปิดให้บริการทั้งหมด 82 ห้องพัก มีทั้งห้องพักในตัวอาคารไปจนถึงวิลล่าแบบ 3 ห้องนอน ห้องพักหลักๆ มีทั้งหมด 4 รูมไทป์ ได้แก่ Deluxe, Grand Deluxe, Family Room และ Villa โดยแต่ละห้องจะมีวิวแตกต่างกันไป เช่น วิวสวน วิวคลอง วิวแม่น้ำ วิวสระว่ายน้ำ เป็นต้น ด้านในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดี และเครื่องนอนคุณภาพ บางห้องมีระเบียงไว้นั่งเล่น นั่งชมวิวได้เพลินๆ ด้านในแม้จะให้บรรยากาศแบบวินเทจแต่เครื่องอำนวยความสะดวกครบครัน
ที่นี่มีห้องอาหาร 2 ห้อง ได้แก่ ‘สองฝั่งคลอง’ ซึ่งเปิดให้บริการเฉพาะช่วงเย็นถึงดึก และ ‘ฟ้าประภา’ ห้องอาหารบริเวณชั้น 1 ที่เสิร์ฟอาหารแบบ All-Day-Dining นำเสนอประสบการณ์การกินอาหารไทยท่ามกลางวิวท้องน้ำเจ้าพระยา บรรยากาศอบอุ่นผ่อนคลาย นอกจากนี้ ยังมีบาร์น้ำ 2 แห่ง อยู่ริมสระว่ายน้ำ ทั้งคู่สามารถสั่งเครื่องดื่มแก้วโปรดมาชิมได้ตลอดเวลา
มาพักผ่อนยัง Kalanan ทั้งที เราไม่อยากให้คุณพลาดสิ่งเหล่านี้
ไม่ต้องเป็นคนต่างจังหวัด ที่ต้องการหาที่พักแรมใกล้ก็กรุง ก็สามารถแวะมาพักที่นี่ได้ เราว่า กาลนาน เหมาะกับทริปแบบครอบครัว หรือคนที่อยากหนีบรรยากาศเมืองใหญ่ออกมาใช้ชีวิตให้ช้าลงในช่วงเสาร์อาทิตย์ ที่นี่ราคาไม่แพง ขับรถมาสะดวก แค่ 30 นาทีจากเขตเมือง ก็สามารถออกมาใกล้ชิดกับธรรมชาติได้แล้ว
Kalanan Riverside Resort
Location: อ.ปากเกร็ด, นนทบุรี
Budget: เริ่มต้นที่ 2,405 บาท
Facebook: www.facebook.com/kalananriverside
Instagram: www.instagram.com/kalananriverside
Website: www.kalananriverside.com
Map:
The post Kalanan Riverside Resort ที่พักริมน้ำใกล้กรุง ไวบ์เดียวกับละครย้อนยุค appeared first on THE STANDARD.
]]>บ้านไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นพื้นที่สร้ […]
The post Design for Well-being เพราะบ้านที่ดีคือบ้านที่ทำให้มีความสุขได้ทุกวัน appeared first on THE STANDARD.
]]>บ้านไม่ได้เป็นเพียงแค่ที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นพื้นที่สร้างความทรงจำ เป็นแหล่งพักพิงและพื้นที่ปลอดภัยให้เราหลบซ่อนตัวจากโลกภายนอก ทำหน้าที่ฮีลใจช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างเข้มแข็ง ฯลฯ แล้วบ้านแบบไหนกันที่ทำให้เราอยู่ดีมีสุข และสุขภาพดี สามารถเป็นตัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่?
หลายครั้งที่เราเข้าไปพักผ่อนยังรีสอร์ท หรือเดินเข้าไปยังโครงการบ้านตัวอย่างแล้วพบว่า “บ้านหลังนี้อยู่สบายจัง” อันที่จริงความรู้สึกนี้ไม่เกิดขึ้นจากความบังเอิญ แต่เป็นผลลัพธ์จากการออกแบบที่เรียกว่า ‘Thoughtful Design’ หรือ ‘การออกแบบอย่างใส่ใจ’
Thoughtful Design คือ การออกแบบบ้านที่คำนึงถึงความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยเป็นหลัก ไม่ใช่เพียงแค่สร้างให้สวยงามดูดี แต่ต้องเป็น ‘บ้านที่เข้าใจชีวิต’ สามารถตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้สมบูรณ์แบบ แนวคิดนี้ถูกนำมาใช้กับการออกแบบบ้านยุคใหม่ ซึ่งตัวอย่างที่เห็นชัดที่สุด คือ ‘บ้านกลางกรุง’ และ ‘THE PALAZZO’ สองโครงการบ้านหรูของ AP ที่ยึดถือแนวคิดนี้ดั่ง DNA ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบพื้นที่อยู่อาศัยด้วยหลัก Majesty Space, การวางผังและการออกแบบมิติความสูงในบ้านที่เอื้อต่อการพักผ่อนและปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว หรือแม้แต่การผสานธรรมชาติเข้ากับพื้นที่อยู่อาศัยผ่านหลัก Biophilic Design ให้บ้านเปิดรับแสง ลม และความร่มรื่นอย่างพอดี ฯลฯ ทั้งหมดล้วนเกิดจาก Thoughtful Design การออกแบบด้วยความใส่ใจ ด้วยการคิดจาก inside หรือ insight ของผู้ใช้งานจริงเพื่อสร้างพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย เป็นส่วนตัว และอยู่สบายเป็นอันดับแรก ก่อนต่อยอดสู่ความสวยงามในทุกมุมมอง
นอกจากนี้ Thoughtful Design ยังหมายถึงการเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม การคำนึงถึงความเกี่ยวเนื่องของพื้นที่ ทุกองค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชันการใช้งาน ความสะดวกสบาย ความปลอดภัย หรือแม้แต่ความรู้สึกทางอารมณ์ ล้วนถูกนำมาพิจารณา
หลักการของ Thoughtful Design มีง่ายๆ 5 ข้อ คือ
บ้านในอุดมคติของแต่ละคนอาจแตกต่างกัน แต่บ้านที่ดีควรสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามไลฟ์สไตล์ของเจ้าของ ไม่ว่าจะเป็นมุมพักผ่อนที่เชื่อมต่อธรรมชาติ พื้นที่ทำงานที่เงียบสงบ หรือโซนครอบครัวที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
การออกแบบที่ใส่ใจช่วยให้ผู้อยู่อาศัยใช้พื้นที่ได้อย่างสมดุลและเต็มไปด้วยความสุข ความยืดหยุ่นเป็นหัวใจสำคัญ เช่น ห้องนั่งเล่นที่สามารถปรับเป็นพื้นที่ทำงานชั่วคราว พื้นที่ว่างที่ปรับเปลี่ยนเป็นมุมพักผ่อนหรือห้องออกกำลังกาย หรือแม้แต่ห้องที่สามารถดัดแปลงเป็นสตูดิโอส่วนตัว
นอกจากความยืดหยุ่นแล้ว การจัดวางพื้นที่ก็มีผลต่อคุณภาพการใช้ชีวิต การออกแบบที่ดีต้องคำนึงถึงการเชื่อมโยงของพื้นที่ เช่น ห้องครัวที่อยู่ใกล้ห้องอาหารเพื่อความสะดวก, ทุกห้องนอนมีห้องน้ำภายในตัวเพื่อความส่วนตัวและการใช้งานที่ราบรื่น และ การออกแบบให้พื้นที่บางส่วนของชั้นที่ 2 สามารถเชื่อมโยงกับพื้นที่ชั้นที่ 1 ได้ เป็นต้น
การนำธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่อยู่อาศัยเป็นอีกสิ่งที่ทำให้เราอยู่ดีมีสุข และหนึ่งในวิธีที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุดคือการออกแบบบ้านให้เปิดรับแสงธรรมชาติอย่างเต็มที่ หน้าต่างบานใหญ่ ประตูบานเลื่อนกระจก หรือช่องแสงบนหลังคา ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า แต่ยังนำพาความอบอุ่นและความสดใสเข้ามาสู่ภายในบ้าน แสงธรรมชาติมีผลโดยตรงต่ออารมณ์และวงจรการนอนหลับ ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าและมีชีวิตชีวา
การเลือกใช้สีก็มีส่วนสำคัญ โทนสีอบอุ่น เช่น สีเขียว สีฟ้า สีน้ำตาล หรือสีเอิร์ธโทน จะช่วยให้รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และสบายตา สีเหล่านี้ยังสามารถนำมาใช้ร่วมกับวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ หิน หรือผ้าฝ้าย เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้การตกแต่งด้วยพืชสีเขียวก็เป็นอีกหนึ่งวิธี ต้นไม้และดอกไม้ไม่เพียงแต่เพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน แต่ยังช่วยฟอกอากาศ ลดความเครียด และสร้างความรู้สึกใกล้ชิดกับธรรมชาติ คุณอาจเลือกวางกระถางต้นไม้ในมุมต่างๆ หรือการสร้างสวนแนวตั้ง เป็นไอเดียที่น่าสนใจในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับบ้าน
Thoughtful Design ไม่ได้เป็นเพียงแค่เทรนด์ในการออกแบบบ้าน แต่เป็นปรัชญาที่ให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของผู้คน เมื่อบ้านถูกสร้างขึ้นด้วยความเข้าใจในความต้องการอย่างแท้จริง ผลลัพธ์ที่ได้คือพื้นที่ที่เติมเต็มความสุข ความสบาย และความปลอดภัย ทำให้ทุกวันของการอยู่อาศัยเป็นประสบการณ์ที่ดี
เพราะบ้านเมื่อถูกออกแบบอย่างเข้าใจชีวิต ความสุขก็เกิดขึ้นได้ในทุกมิติของการอยู่อาศัย
[Content in Partnership with AP]
ภาพ: AP, THE STANDARD TEAM, Shutterstock
The post Design for Well-being เพราะบ้านที่ดีคือบ้านที่ทำให้มีความสุขได้ทุกวัน appeared first on THE STANDARD.
]]>สงกรานต์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรกันบ้าง? ทุกคนพักผ่อนกันเต็ […]
The post CALENDAR: กิจกรรมน่าสนใจสัปดาห์นี้ (17-23 เมษายน 2568) appeared first on THE STANDARD.
]]>สงกรานต์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรกันบ้าง? ทุกคนพักผ่อนกันเต็มที่ เล่นน้ำสนุกกันจนลืมวันเวลาไปเลยหรือเปล่า
แม้จะถึงเวลากลับมาใช้ชีวิตกันอีกแล้ว แต่เราเชื่อว่าทุกคนต้องกลับมาพร้อมพลังงานดีๆ และเต็มไปด้วยความสุขจากการได้หยุดพักผ่อนกันยาวแน่นอน ทว่าหากใครยังไม่พร้อมนอนอยู่บ้านเฉยๆ รีบชวนเพื่อนแก๊งเดิมแล้วออกไปบูสต์เอเนอร์จี้ด้วยกิจกรรมประจำสัปดาห์นี้กัน หรือถ้าใครมองหากิจกรรมฮีลร่างกายและจิตใจให้พร้อมกลับมาลุยกันต่ออีกครั้ง เราก็มีเวิร์กช็อปดีๆ มาฝาก
เพราะฉะนั้นอย่ามัวรอช้า รีบมาดูกันเลยดีกว่าว่าสัปดาห์นี้จะมีอะไรรอทุกคนอยู่บ้าง
ความเหลื่อมล้ำก็มีในโลกดิจิทัลด้วยเหรอ? นิทรรศการที่พาทุกคนไปสำรวจความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นโดยที่เราอาจไม่รู้ตัว ในนิทรรศการมีกิจกรรมให้ลองลงมือได้ฟรี เช่น Digital Age แบบทดสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณอยู่ในช่วง Generation ไหน Digital Literacy แบบทดสอบที่วัดกันไปเลยว่าทุกคนรู้ทันโลกดิจิทัลและใช้เทคโนโลยีกันเก่งแค่ไหน เพื่อวัดภูมิคุ้มกันจากการโดนหลอกในโลกอินเทอร์เน็ต
When: วันนี้
Where: ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้น 4
More Info: THE STANDARD LIFE
กลิ่นนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนจับต้องไม่ได้ แต่ Copenn. เสกกลิ่นให้จับต้องได้ที่นิทรรศการนี้ ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในตึกย่านเจริญกรุง ให้ทุกคนจินตนาการและออกแบบกลิ่นหอมที่อบอวลไปทั่วบริเวณผ่านการวิเคราะห์และตีความเพื่อให้ได้โทนสี วัตถุ เสียง รูปร่างและบรรยากาศบรรจบกันอย่างงดงามบนเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกตั้งโชว์ไว้
When: วันนี้ – 4 พฤษภาคม 2568
Where: ถนนเจริญกรุง
More Info: Copenn.
โปรเจกต์ดีๆ จาก เบสท์ วรรจธนภูมิ ลายสุวรรณชัย ที่สร้างปรากฏการณ์ในวงการบันเทิงมาแล้วหลายต่อหลายครั้งไม่ว่าจะเป็น สารคดี School Town King, พาใจกลับบ้าน นิทรรศการสุดโด่งดัง ครั้งนี้ทุกคนจะได้เห็นการเติบโตครั้งใหม่ผ่านภาพยนตร์ที่ประกอบไปด้วยประวัติส่วนตัว ความเจ็บปวด ความกลัวที่แฝงอยู่ในใจ พร้อมกับพูดคุยแลกเปลี่ยนกับเขาอย่างจริงจัง
When: 19-20 เมษายน 2568
Where: BTS สถานีราชเทวี
More Info: GalileOasis
สิ่งใดจริง สิ่งใดปลอม หาคำตอบได้ที่นิทรรศการร้านหนังสือจอมปลอมที่นำเสนอหนังสือเสียดสีสังคมเกี่ยวกับโลกทุนนิยมและผลกระทบจากการโดนโลกทุนนิยมรังแก ทั้งหมดได้ถูกบันทึกความทรงจำ ความใคร่รู้อยู่ในหนังสือปลอมๆ พวกนั้นเรียบร้อยแล้ว
When: วันนี้ – 3 มิถุนายน 2568
Where: โล้วเฮียบเส็ง ท่าเตียน MRT สถานีสนามไชย
More Info: Sigmund Fraud
หมดสงกรานต์ใครอยากพักร่างกายและจิตใจเรามี 3 เวิร์กช็อปสุดพิเศษส่งท้ายเดือนให้ได้ผ่อนคลายจาก Slowcombo ได้แก่
สามารถจองเพื่อเข้าร่วมกิจกรรมได้กับทาง Slowcombo
When: 19-27 เมษายน 2568
Where: ชั้น 2 โครงการ Slowcombo สามย่าน
More Info: Slowcombo
จบไปแล้วกับเทศกาลสงกรานต์ใครที่รู้สึกยังเข้าถึงวัฒนธรรมไทยยังไม่เต็มที่ เราขอแนะนำทุกคนสัมผัสเสน่ห์ของงานศิลป์ไทยที่ The Signature นิทรรศการที่รวบรวมความเป็นไทยไว้ไม่ว่าจะเป็น งานศิลปะ งานประติมากรรม ของเก่าแสนล้ำค่า อย่างครบเครื่องไว้ในที่เดียว
When: วันนี้ – 30 เมษายน 2568
Where: เจริญกรุง 24
More Info: River City Bangkok
ใครที่ไม่อยากพลาดมื้อพิเศษโดย 5 เชฟที่ใครต่อใครก็อยากลิ้มลองฝีมือ ต้องรีบจองที่นั่งสำหรับมื้อนี้ที่เป็นการฉลองอายุครบ 1 ปีของร้านอาหารไทย Kwann ซึ่งมีเชฟโจ-ณพล จันทรเกตุ เป็นพ่อครัวอยู่เบื้องหลัง
สำหรับมื้อนี้ทุกคนจะได้พบกับอาหาร 5 คอร์ส จากฝีมือของเชฟโจแห่งร้าน Kwann ตามมาด้วยเชฟหนุ่มแห่ง Samuay & Sons, เชฟปริญญ์แห่งสำรับสำหรับไทย, เชฟชาลีแห่ง 100 Mahaseth และเชฟ Hanief แห่งร้าน Zao โดยมื้อนี้จัดเพียงคืนเดียวเท่านั้น ราคา 5,500 บาทสุทธิต่อคน สามารถจองที่นั่งได้ผ่านเบอร์โทรศัพท์ 08 0076 4370 หรือ [email protected]
When: 27 เมษายน 2568 เวลา 18.00 น.
Where: สุขุมวิท 13
More Info: Kwann Restaurant
The post CALENDAR: กิจกรรมน่าสนใจสัปดาห์นี้ (17-23 เมษายน 2568) appeared first on THE STANDARD.
]]>เป็นเวลากว่าทศวรรษที่นักพักผ่อนทั่วโลกต่างปักหมุดหมายมา […]
The post Kamalaya จุดหมายของนักท่องเที่ยวรักสุขภาพที่ควรไปสักครั้งในชีวิต appeared first on THE STANDARD.
]]>เป็นเวลากว่าทศวรรษที่นักพักผ่อนทั่วโลกต่างปักหมุดหมายมาเยือนสมุย เพื่อฟื้นฟูกายใจ ด้วยท้องทะเลสีฟ้าคราม ธรรมชาติสวยงาม แวดล้อมด้วยมวลพลังงานดี เหมาะแก่การพักฟื้น เราไม่แน่ใจว่าด้วยสภาพทางภูมิศาสตร์ ซึ่งเป็นฮวงจุ้ยทางธรรมชาติหรือเปล่า ที่ทำให้สมุยกักเก็บมวลพลังงานดีเอาไว้ จนกลายเป็นสถานที่ตั้งของ Wellness Sanctuary ในไทยหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือ Kamalaya รีสอร์ตบนผาสูง Wellness Sanctuary และ Holistic Spa ที่เราสามารถเอ่ยได้เต็มปากว่าเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน ทั้งยังครบองค์มากที่สุดในสมุย
หากตัดเรื่องมวลพลังงานดีจากถ้ำโบราณ หรือ Arjan Cave (ชื่อปัจจุบัน) อดีตสถานที่วิปัสสนาและปฏิบัติธรรมของหลวงปู่เพชร หลวงปู่แดง และหลวงปู่มหาสำเริง จนกลายเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของคนในพื้นที่ และทำให้ John และ Karina สองผู้ก่อตั้ง Kamalaya เลือกพื้นที่ตรงนี้ทำสถานพักผ่อน แค่ทำเลที่ตั้งบนผาสูงไล่ระดับจนไปถึงหน้าหาดที่มีเวิ้งอ่าวเป็นของตนเอง ก็เพียงพอให้ Kamalaya เป็นรีสอร์ตเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนแล้ว ที่นี่โอบล้อมด้วยวิวทิวทัศน์อันงดงามของแหลมเส็ด ด้านล่างมีชายหาดส่วนตัวทอดยาว เหมาะแก่การอาบแดดและเล่นน้ำ ด้านบนเป็นผาสูง มีต้นไม้ใหญ่ดั้งเดิมขึ้นอยู่เต็มพื้นที่ ผนวกกับการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมที่เป็นหัวใจหลักของ Kamalaya ยิ่งทำให้ที่นี่เหมาะแก่การมาพักกายใจด้วยประการทั้งปวง
การบำบัดของ Kamalaya เป็นการดูแลแบบ Holistic Spa นำเสนอวิธีแก้ปัญหาสุขภาพแบบองค์รวมที่เหมาะกับคนเมือง คนทำงานหนักเป็นเวลานาน มีความวิตกกังวล หรือความเครียดสะสมในชีวิต โดยนำเอาองค์ความรู้แบบตะวันออกมาผสานเข้ากับการวิจัยทางการแพทย์แบบตะวันตก
แขกที่มาพักจะได้รับการดูแลทั้งสุขภาพกายและสุขสภาพจิตควบคู่กันไป เริ่มตั้งแต่พื้นฐานอย่าง Digital Detox งดใช้โทรศัพท์มือถือในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อลดความเครียดและประจุพลังงานลบที่เกิดจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ช่วงแรกคุณอาจรู้สึกอึดอัด แต่หลังจากนั้นไม่นานจะพบว่าการมองฟ้ามองฝน รับพลังงานธรรมชาติ ก็ทำให้เพลิดเพลินไม่ใช่น้อย
ทุกคนจะได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ก่อนพบกับนักธรรมชาติบำบัด เพื่อประเมินและจัดตารางการรักษาตามโปรแกรมให้เข้ากับแขกแต่ละคน ที่นี่มีคลาสออกกำลังและฮีลใจให้เข้ารวมกว่า 60 คลาสต่อสัปดาห์ ไม่ว่าจะเป็นคลาสโยคะหลากรูปแบบ, คลาสฝึกจิตนั่งสมาธิ, ออกกำลังกายแบบ Aqua Aerobics, อาบเสียงกับ Sound Healing อีกทั้งการเทรนแบบส่วนตัว ร่วมถึงทรีตเมนต์ต่างๆ ที่ทาง Kamalaya เตรียมไว้เพื่อดูแลอีกหลายสิบตัว
ถ้าถามว่าอะไรควรค่ามากที่สุดของ Kamalaya เรากล้าบอกได้เลยว่า คือโปรแกรมบำบัดที่มีให้เลือกมากกว่า 20 โปรแกรม มีตั้งแต่การดูแลรักษาร่างกาย การลดน้ำหนัก รักษาการนอนไม่หลับ ไปจนถึงบำบัดความเครียดสะสมจากการทำงานโดยไม่รู้ตัว ฯลฯ โดยโปรแกรมเด่นๆ ที่เราว่าเหมาะกับคนเมือง ได้แก่
การใช้ชีวิตในสังคมปัจจุบันทำให้เราเกิดความตึงเครียดทั้งร่างกายและจิตใจโดยไม่รู้ตัว หลายคนมีสมดุลในร่างกายเสีย นอนหลับยากขึ้นบ้าง ผดผื่นขึ้นอย่างไร้ที่มาบ้าง มีปัญหาสุขภาพจิตบ้าง โปรแกรมของ Kamalaya จะเป็นการปรับสมดุลในร่างกายใหม่ ไม่ได้ทำให้คุณหายจากโรค เราอยากให้มนุษย์ทำงานที่เคร่งเครียดและทำงานหนักลองเข้าโปรแกรมของ Kamalaya และคุณจะพบว่าตัวเองในเวอร์ชันที่ดีกว่ามีสภาพหน้าตาเป็นอย่างไร
Location: ถนนแหลมเส็ด เกาะสมุย
Budget: เริ่มต้นที่ 6,900 บาทต่อคืน พักขั้นต่ำ 3 คืน หรือ 7 คืน แล้วแต่ช่วงเวลา ราคานี้ยังไม่รวมโปรแกรมทรีตเมนต์
Facebook: www.facebook.com/kamalayakohsamui
Instagram: www.instagram.com/kamalayakohsamui
Website: www.kamalaya.com
Map:
The post Kamalaya จุดหมายของนักท่องเที่ยวรักสุขภาพที่ควรไปสักครั้งในชีวิต appeared first on THE STANDARD.
]]>Expo 2025 Osaka, Kansai Japan กำลังจะเปิดม่านอย่างเป็นท […]
The post ย้อนดู 6 นวัตกรรมจาก World Expo ที่เปลี่ยนโลกเราตลอดกาล appeared first on THE STANDARD.
]]>Expo 2025 Osaka, Kansai Japan กำลังจะเปิดม่านอย่างเป็นทางการในวันที่ 13 เมษายนนี้ นอกจากงานสถาปัตยกรรมสุดตระการตา และ Pavilion ดีไซน์สวย ที่ออกแบบอย่างสร้างสรรค์ ไฮไลต์สำคัญอีกอย่าง คือ ‘นวัตกรรม’ และ ‘เทคโนโลยีล้ำสมัย’ ที่แต่ละประเทศขนมาประชัน เพื่อร่วมกันหาคำตอบให้กับปัญหาระดับโลกที่มนุษยชาติกำลังเผชิญ
ตลอดประวัติศาสตร์ของงาน World Expo เราได้เห็นการเปิดตัวของนวัตกรรมระดับตำนานมากมาย หลายสิ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และอีกหลายอย่างจุดประกายอนาคตให้โลก ก่อนที่ Expo 2025 จะเริ่มต้น เราขอพาคุณไปรู้จักนวัตกรรมไอคอนิกจากเวทีโลก ที่เคยอวดโฉมครั้งแรกในงาน World Expo ที่เปลี่ยนวิถีชีวิตมนุษยชาติ และทำให้โลกไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
หอไอเฟล ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นประตูทางเข้างาน Paris Expo 1889 และเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี การปฏิวัติฝรั่งเศส ทว่าชาวปารีเซียงกลับมองว่า สิ่งก่อสร้างนี้ ‘ช่างไร้รสนิยม’ แต่กาลเวลาพิสูจน์แล้วว่า หอเหล็กสูงตระหง่านแห่งนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของฝรั่งเศสที่โด่งดังไปทั่วโลก และเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่มีคนถ่ายรูปมากที่สุด
ในงาน Philadelphia Expo 1876 มีการจัดแสดงเทคโนโลยีแสงสว่างด้วยไฟฟ้าเป็นครั้งแรกต่อสาธารณชน โดยมีการสาธิตหลอดไฟอาร์ค (Arc Lights) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีแสงสว่างที่ใช้ไฟฟ้าในยุคนั้น งานนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคไฟฟ้า และสร้างแรงบันดาลใจให้เอดิสันพัฒนาหลอดไฟฟ้าขึ้น
ในงาน St. Louis Expo 1904 มีผู้ขายไอศกรีมรายหนึ่งประสบปัญหา ‘ถ้วยหมด’ ขณะขายไอศกรีม จึงหันไปขอความช่วยเหลือจากผู้ขายขนมวาฟเฟิลที่อยู่ใกล้กัน ฝ่ายวาฟเฟิลจึงรีบม้วนขนมเป็นทรงกรวยเพื่อใช้แทนถ้วย และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ ไอศกรีมโคน (Ice Cream Cone) ที่โด่งดังไปทั่วโลก
แม้จะมีข้อถกเถียงว่าใครเป็นคนคิดก่อนกัน แต่การเปิดตัวในงาน Expo ครั้งนั้นก็ทำให้ ‘ไอศกรีมโคน’ กลายเป็นของกินยอดฮิต และยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความสร้างสรรค์แบบอร่อย ๆ มาจนถึงทุกวันนี้
บริษัท RCA (Radio Corporation of America) เปิดตัวการสาธิตโทรทัศน์ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก โดยจัดแสดงในอาคาร ‘Television Pavilion’ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการ ‘World of Tomorrow’ การสาธิตนี้ประกอบด้วยการถ่ายทอดสดภาพและเสียงจากสตูดิโอของ NBC ที่ตั้งอยู่ในอาคาร Empire State Building ไปยังหน้าจอโทรทัศน์ภายในงาน
การสาธิตดังกล่าวถือเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยีโทรทัศน์สู่สาธารณชนอย่างเป็นทางการ และจุดประกายให้อุตสาหกรรมโทรทัศน์เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นอกจากนี้ ยังมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันเบสบอล Major League Baseball ครั้งแรกผ่านทางโทรทัศน์ในงานนี้อีกด้วย
อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (Alexander Graham Bell) ได้เปิดตัวโทรศัพท์ต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกในงาน Centennial Exposition ปี 1876 ที่เมืองฟิลาเดลเฟีย สหรัฐอเมริกา โดยสาธิตการทำงานของโทรศัพท์ต้นแบบ ซึ่งสามารถส่งเสียงพูดผ่านสายไฟได้สำเร็จ การสาธิตนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสื่อสารทางไกลด้วยเสียง และเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนแปลงวิธีการสื่อสารของมนุษยชาติ
ในงาน Expo 1970 ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น NASA ได้จัดแสดงโครงการอวกาศของสหรัฐฯ อย่างยิ่งใหญ่ โดยนำเสนอเทคโนโลยีจากยาน Mercury, Gemini ไปจนถึง Apollo และ Space Shuttle นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงชุดนักบินอวกาศจำลองที่ นีล อาร์มสตรอง ใช้ในการเหยียบดวงจันทร์ เครื่องยนต์ Titan I ที่ใช้ขับดันจรวด Saturn V และแผงบังคับการของยาน Apollo ที่ใช้ฝึกซ้อมจริง
การจัดแสดงเหล่านี้ไม่เพียงแต่แสดงถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอวกาศในขณะนั้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดแนวคิดการท่องเที่ยวอวกาศ ปัจจุบันแนวคิดดังกล่าวกลายเป็นความจริง โดยมีบริษัทเอกชนอย่าง Virgin Galactic, SpaceX และ Blue Origin ที่เริ่มให้บริการการท่องเที่ยวอวกาศเชิงพาณิชย์
ภาพ: Getty Image
อ้างอิง
The post ย้อนดู 6 นวัตกรรมจาก World Expo ที่เปลี่ยนโลกเราตลอดกาล appeared first on THE STANDARD.
]]>4 ชั่วโมงที่ต้องใช้แรงเยอะมาก! ช่วงเวลาที […]
The post 4 HOURS LIFE with Milli ที่ช่วงนี้ถึงจะทำงานหนัก แต่ก็อยากต่อยมวยทุกวัน! appeared first on THE STANDARD.
]]>4 ชั่วโมงที่ต้องใช้แรงเยอะมาก!
ช่วงเวลาที่ผ่านมาถ้าเราพูดถึงชื่อของ MILLI (มิลลิ) ภาพที่หลายคนนึกถึงคงจะเป็นศิลปินวัยรุ่นมากความสามารถ ที่ไม่ว่าจะไปโชว์ที่ไหน พลังของเธอจะมีแบบล้นๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง สาวคนนี้มีงานอดิเรกที่ชอบทำอยู่บ่อยๆ นั่นคือการต่อยมวย! ซึ่งเริ่มจากที่เธอชื่นชอบศิลปะการต่อสู้ จึงเริ่มฝึกต่อยมวยตั้งแต่สมัยอยู่มหาวิทยาลัย MILLI เองมองว่าการต่อยมวยเป็นเหมือนการที่เธอได้ปลดปล่อย ได้ระบายความเครียดออกมา แต่ MILLI บอกกับเราว่า เธอจริงจังกับมวยจนถึงขั้นว่าผลงานเพลงล่าสุดของเธอเกี่ยวกับมวย และความฝันของเธอคือการได้ขึ้นชกสักครั้ง
แต่ในไลฟ์สไตล์ของ MILLI นอกจากต่อยมวยและดนตรีแล้ว เธอยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายที่น่าสนใจและน่าไปตาม ตั้งแต่หาของอร่อย แซ่บๆ กิน ไปเล่นกีฬาเอ็กซ์ตรีม หรือนัดเพื่อนออกไปปาร์ตี้
4 HOURS LIFE with ในครั้งนี้ เราเลยอยากชวนทุกคนมาใช้เวลากับ MILLI ในสถานที่และกิจกรรมต่างๆ ที่ใช้เอเนอร์จี้ล้นๆ ในแบบ MILLI กัน
ที่นี่คือยิมมวยของพี่หลุยส์ ธชา หนึ่งในผู้ก่อตั้งค่าย YUPP! แต่ยิมแห่งนี้ยังประกอบไปด้วยหุ้นส่วนอีกหลายคนรวมไปถึง มิลลิด้วย ! ที่นี่จะสอนมวยสากลเป็นหลัก แต่ก็มีมวยไทยด้วย ที่นี่ถือเป็นยิมมวยที่กว้างขวาง สิ่งอำนวยความสะดวกครบ แถมเขายังใส่ใจในทุกรายละเอียด ว่าท่าสวยมั้ย ต่อยยังไงให้ดี จนมิลลิประทับใจมาก และอยากมาต่อยทุกวัน
Open: เวลา 09.00-21.30 น. ปิดวันอาทิตย์
Address: พระราม 9 ซอย 41
Map: https://maps.app.goo.gl/M7gApGCaNLvhLPfCA?g_st=com.google.maps.preview.copy
เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่มิลลิเริ่มอินกับการต่อยมวยอย่างจริงจัง เธอก็เริ่มดูแลด้านการกินมากขึ้น มีการซ่อมอย่างต่อเนื่อง มิลลิแอบบอกกับเราว่า “วันเกิดหนูที่ผ่านมา หนูนั่งดูมวยจนหลับไปเลย” มิลลิบอกว่ามันเพลินมากที่ได้ดูท่าชกสวยๆ จนนำมาสู่การออกผลงานใหม่ที่เกี่ยวกับมวย ! ชื่อเพลงว่า One Punch เป็นการนำคอมโบท่าต่อยมวยที่มิลลิซ้อมมาแต่งเป็นท่อนฮุกของเพลง ฟังแบบนี้แล้วอยากรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดฟังเพลงใหม่ทันที !
มิลลิแอบกระซิบว่าต่อยมวยเสร็จ ต้องกินกะเพราที่นี่คือที่สุด! เพราะข้างๆ ยิมมีร้านกะเพราชื่อกะเพราเสือป่า เป็นกะเพราที่เผ็ดดุดันจากพริกและเครื่องเทศหลากชนิดคั่วมาแบบแห้งๆ หอมกระทะ ที่นี่มีกะเพราหลายชนิดแต่ที่พลาดไม่ได้คือกะเพราเนื้อ เขาใช้เนื้อลูกผสมสองสายพันธุ์คือแองกัสและบราห์มัน เลี้ยงด้วยมะพร้าว ทำให้กลิ่นของเนื้อมีกลิ่นมะพร้าวออกมา ใครชอบกะเพราคั่วแห้งๆ หอมพริกหอมกระทะไม่ควรพลาด !
Open: เวลา 09.00-21.30 น.
Address: พระราม 9 ซอย 41
Budget: ราคา 70-135 บาท
Map: https://maps.app.goo.gl/M7gApGCaNLvhLPfCA?g_st=com.google.maps.preview.copy
นอกจากต่อยมวย มิลลิยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมสุดเดือดนั่นคือการเล่น Wakeboard จุดเริ่มต้นคือมิลลิชอบกีฬา Extreme แนวๆ Skateboard ซึ่งไม่กล้าเล่นเยอะเพราะถ้าหกล้มขึ้นมาอาจจะมีแผลได้ จนมีคนแนะนำกีฬา Wakeboard ในตอนแรกมิลลิคิดว่ากีฬานี้เล่นบนน้ำ ไม่เป็นไรหรอก แต่ลืมไปว่าเมื่อวิ่งด้วยความเร็วแล้วกระทบกับน้ำ ความเจ็บไม่ต่างจากล้มบนพื้นแข็งๆ เลย มิลลิบอกว่า “หนูล้มทีดาวขึ้นเลย” ซึ่งสถานที่ที่มิลลิไปเล่นบ่อยๆ คือ ESC THAI WAKE PARK อยู่ในย่านรังสิต
Open: เวลา 11.00-22.00 น.
Address: รังสิต
Map: https://maps.app.goo.gl/Ja6JPw6KkPuF9Fir6?g_st=com.google.maps.preview.copy
อิซากายะสไตล์อีสานที่มิลลิชอบมาก เป็นร้านแฮงเอาต์ชิลๆ ที่มิลลิชอบมานั่ง ซึ่งเมนูที่มาถึงแล้วต้องสั่งเลยคือลิ้นวัวย่าง มิลลิเลิฟจานนี้สุดๆ กินได้เรื่อยๆ เพราะมันทั้งหอม เท็กซ์เจอร์ดี ยิ่งกินคู่กับวาซาบิยิ่งฟินสุดๆ อีกอย่างที่ขาดไม่ได้เมื่อมิลลิมาที่ร้านนี้คือยุกเกะ ของที่นี่จะไม่เหมือนกับที่เกาหลี เพราะจะมีการเติมพริก เติมเครื่องปรุงแบบไทยๆ ลงไป อารมณ์จะเหมือนกินลาบเนื้อดิบ แต่ถ้าใครชอบเมนูแปลกๆ มิลลิแนะนำก้อยไข่มดแดง มันจะเหมือนมีเมล็ดอะไรสักอย่างในปากที่กัดแล้วมันจะระเบิดในปากเรา เป็นอีกหนึ่งเมนูแปลกที่น่าไปลอง นอกจากนี้ยังมีเมนูประเภทหม้อไฟ หรือของย่างอีกหลายชนิดที่น่าไปลอง ร้านนี้มีหลายสาขาใกล้ที่ไหนไปที่นั่นได้เลย
Open: เวลา 16.00-02.00 น.
Address: ทองหล่อซอย 10
Budget: ราคา 200-500 บาท
Map: https://maps.app.goo.gl/yJ6PWgWEauwisYMu5?g_st=com.google.maps.preview.copy
ถึงแม้จะทำงานหนัก เล่นออกกำลังกายเยอะ แต่มิลลิก็ไม่ลืมที่จะหาเวลาออกมาพักผ่อนเจอเพื่อน แฮงเอาต์อยู่เรื่อยๆ ซึ่งหนึ่งในร้านที่มิลลิไปบ่อยคือ Thaipioka เป็นร้านที่เปิดเพลงดี บรรยากาศดี ยิ่งดึกยิ่งสนุก และเมื่อไปมิลลิก็มีเมนูประจำอยู่ซึ่งเป็นเมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์ของทางร้านนั่นคือ MALI เป็นเมนูหอมๆ เบาๆ มีเบสเป็นจิน หรือถ้าอยากได้สดชื่นขึ้นมาหน่อยมิลลิแนะนำเป็น LYCHEE SPRITZER
Open: ทุกวัน เวลา 19.00-02.00 น.
Address: ทองหล่อซอย 1
Budget: ราคา 400-1,000 บาท
Map: https://maps.app.goo.gl/RwrmybweMT9EX6SU8?g_st=com.google.maps.preview.copy
ไหนๆ ได้มาคุยกับมิลลิทั้งที เห็นมิลลิบอกว่าชอบไปเที่ยว ไปแฮงเอาต์กับกลุ่มเพื่อนอยู่เรื่อยๆ เราเลยอยากได้ลิสต์ร้านเพิ่มเติมที่มิลลิอยากชวนแก๊งเพื่อนสนิทไปแฮงเอาต์ หรืออาจจะเป็นร้านที่ไปบ่อยๆ จนอยากจะไปอีก
ร้านแรกเป็นคาเฟ่น่ารักๆ ชื่อ Crux Cafe ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับหน้าผาจำลองอย่าง Stonegoat ย่านสุขุมวิท 69 นอกจากเมนูเครื่องดื่มภายในร้านที่ทั้งกาแฟและไม่ใช่กาแฟแล้ว ทางร้านยังมีเมนูขนมและอาหารอีกด้วย ใครที่บีนผาจำลองจนเหนื่อยแล้วอยากชาร์จพลังสามารถมาแนะที่ร้านนี้ได้เลย
Open: ทุกวัน เวลา 10.45-20.45 น.
Address: สุขุมวิท 69
Budget: ราคา 100-200 บาท
Map: https://maps.app.goo.gl/i8BxHqyTCT21K4fs8?g_st=com.google.maps.preview.copy
และนี่คือร้านล่าสุดที่มิลลิเพิ่งไปลองชิมแล้วชอบมาก ซึ่งร้านนี้คือ ต๋องเต็มโต๊ะ ร้านอาหารเหนือส่งตรงจากเชียงใหม่ที่มาเปิดสาขาอยู่ในเจริญกรุง 44 หรือ ว่าย่านบางรักนั่นเอง ร้านนี้ใครไปเชียงใหม่ก็ต้องไปลอง ซึ่งเมนูที่มิลลิอยากให้ทุกคนสั่งคือ ปูอ่อง ไส้อั่ว และอีกหนึ่งเมนูที่อยากให้ลองคือจอผักกาด มิลลิกินแล้วถึงกับบอกว่า “จอผักกาดมันเลิศๆๆๆๆ”
Open: ทุกวัน เวลา 10.30-21.00 น.
Address: เจริญกรุง 44
Budget: ราคา 200-400 บาท
Map: https://maps.app.goo.gl/XuTdWmShbrfXowPT6?g_st=com.google.maps.preview.copy
ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์ / ESC THAI WAKE PARK / Crux Cafe / ต๋องเต็มโต๊ะ
The post 4 HOURS LIFE with Milli ที่ช่วงนี้ถึงจะทำงานหนัก แต่ก็อยากต่อยมวยทุกวัน! appeared first on THE STANDARD.
]]>ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับงาน World Expo ครั้งที่ 37 ของโลก […]
The post 13 Pavilions น่าสนใจใน Expo 2025 Osaka, Kansai appeared first on THE STANDARD.
]]>ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับงาน World Expo ครั้งที่ 37 ของโลก ‘Expo 2025 Osaka, Kansai Japan’ ที่ได้เจ้าภาพจัดงานเป็นจังหวัดโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และพื้นที่แถบคันไซ มาในธีม ‘Designing Future Society for Our Lives’ หรือ ‘การออกแบบสังคมในอนาคต เพื่อชีวิตที่ดีร่วมกัน’ พร้อมกับธีมย่อยอีก 3 หัวข้อ ได้แก่ Saving Lives (การปกป้องชีวิต), Empowering Lives (การส่งเสริมศักยภาพของชีวิต) และ Connecting Lives (การเชื่อมโยงชีวิต) โดยทั้งหมดถูกนำเสนอผ่านคอนเซปต์ ‘People’s Living Lab’ มุ่งเน้นการนำเสนอภาพสังคมอนาคตผ่านการลงมือปฏิบัติจริง
ทว่าก่อนงาน Expo 2025 Osaka, Kansai Japan จะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราอยากพาคุณไปวอร์มอัพ สำรวจ Pavilion หรือศาลาจัดแสดงนิทรรศการจากประเทศต่างๆ ว่าแต่ละชาติสวยงามและน่าสนใจขนาดไหน โดย Pavilion ต่างๆ จะตั้งอยู่ภายใน Grand Ring โครงสร้างไม้ขนาดใหญ่ที่ออกแบบโดย Sou Fujimoto ซึ่งได้โครงสร้างไม้แบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นมาเป็นแบบอย่าง
Expo 2025 Osaka, Kansai จะจัดขึ้นระหว่าง วันที่ 13 เมษายน – 13 ตุลาคม 2025 ณ เกาะ Yumeshima ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดการซื้อบัตรประเภทต่างๆ ได้ที่ www.expo2025.or.jp/en
© Ministry of Economy, Trade and Industry
เปิดตัวด้วยพาวิลเลียนแรกจากประเทศเจ้าภาพ ญี่ปุ่น ที่ได้บริษัท Nikken Sekkei จากโตเกียว เป็นผู้นำในการออกแบบสถาปัตยกรรม และได้ Oki Sato สถาปนิกจากสตูดิโอ nendo มารับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิต (General Producer) นำเสนอภายใต้แนวคิด ‘Between Lives’ โดยมีเนื้อหาเอกเป็นการผลิตพลังงานก๊าซชีวภาพโดยใช้ขยะอาหารจากงาน Expo และเทคโนโลยีรีไซเคิลคาร์บอนล้ำสมัยของญี่ปุ่น เพื่อสร้างวงจรแบบวนซ้ำ และสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้เยี่ยมชมรับเอาพฤติกรรมที่ยั่งยืนเพื่อสังคมที่ยั่งยืน
Japan Pavilion จะเป็นศาลาทรงวงกลมอันสง่างาม สร้างสรรค์จากแผ่นไม้ระแนงที่สามารถหมุนเวียนนำกลับมาใช้ใหม่ ทีมงานผู้ออกแบบได้กล่าวถึงแนวคิดเบื้องหลังว่า ศาลานี้เป็นสัญลักษณ์แห่ง ‘วัฏจักรแห่งชีวิต’ และเป็นการสำรวจ ‘สุนทรียภาพแห่งการไหลเวียน’ อันเป็นเอกลักษณ์ของญี่ปุ่น
https://2025-japan-pavilion.go.jp/en
ศาลาฮังการีสร้างสะพานเชื่อมโยงอดีตและอนาคตผ่านรากฐานแห่งขนบธรรมเนียม แนวคิดหลักของนิทรรศการในศาลาจึงเป็นการนำเสนอแก่นแท้ของวัฒนธรรม นั่นคือ ‘ดนตรีพื้นบ้าน’ โดย Hungary Pavilion จะมีภูมิทัศน์คล้ายคลึงกับทุ่งหญ้าฮังการี โครงสร้างป่าไม้อันเป็นเอกลักษณ์ ส่วนโดมไม้ทำหน้าที่เป็นที่ตั้งของโรงละคร มอบประสบการณ์หลายประสาทสัมผัสให้กับผู้เข้าชม
นอกเหนือจากนิทรรศการ ตัวศาลายังทำหน้าที่เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนทางธุรกิจและวัฒนธรรม โดยชั้นสองจะใช้สำหรับการประชุมและสร้างเครือข่าย รวมถึง Bistro, Wine Bar และร้านขายของที่ระลึก
©Lina Ghotmeh – Architecture
ท้องทะเลมิได้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์อันสวยงามของหมู่เกาะบาห์เรน แต่ยังเป็นสายใยถักทอให้บาห์เรนก้าวข้ามจากท่าเรือการค้าสู่ศูนย์กลางทางการเงินและการท่องเที่ยวที่โดดเด่นแห่งอ่าวอาหรับ Bahrain Pavilion จึงนำเสนอเรื่องราวของบาห์เรนผ่านนิทรรศการ ‘Al Bahrain’ ซึ่งหมายถึง ทะเลสองแห่งของบาห์เรน ผืนน้ำเค็มที่โอบล้อมเกาะน้อยใหญ่ และสายน้ำจืดที่ไหลรินอยู่ใต้ผืนน้ำตื้น
ศาลาบาห์เรนถูกออกแบบโดย Lina Ghotmeh สถาปนิกชาวเลบานอน นำเสนอโครงสร้างไม้แบบแตกแขนงที่ตกแต่งด้วยอะลูมิเนียม จำลองมาจากเรือดาว (dhow) แบบดั้งเดิมของบาห์เรน ซึ่งเป็นเรือที่ใช้ในการค้าสินค้าหนักตามแนวชายฝั่งของอาระเบียตะวันออกและแอฟริกาตะวันออก โดยอาคารจะตั้งหันหน้าไปทางทะเลเพื่อเฉลิมฉลองและสดุดีแก่วิถีริมทะเลของชาวบาห์เรน
พาวิเลียนของสาธารณรัฐเช็ก มาในธีม ‘Talent and Creativity for Life’ หรือ ‘พรสวรรค์และความคิดสร้างสรรค์เพื่อชีวิต’ ได้รับการออกแบบโดย Apropos Architects โดยผสานเทคนิคการสร้างยุคใหม่และดั้งเดิม รูปทรงที่บิดเป็นเกลียวสร้างขึ้นจากไม้ และห่อหุ้มด้วยผนังกระจก สื่อถึงประวัติศาสตร์การทำแก้วของประเทศ
ตัวนิทรรศการจะมาในรูปแบบของ Interactive นำเสนอสาธารณรัฐเช็กในฐานะประเทศแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่มีอิทธิพลต่อระดับโลก โครงสร้างคดเคี้ยวจะพาผู้ชมเดินชมนิทรรศการจากพื้นดินสู่ชั้นบนสุด เพื่อกระตุ้นให้ผู้เข้าชมเคลื่อนไหวและเน้นย้ำถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย
https://expo2025czechia.com/en
หลังคาโค้งยาวคล้ายปีกนก ทำหน้าที่เป็นทางเข้า ‘Visionary Lighthouse’ ได้น่าจะประทับใจ พาวิลเลียนของประเทศคูเวต ที่ออกแบบโดย LAVA (Laboratory for Visionary Architecture) สื่อถึง ‘ประเทศที่มีชื่อเสียงด้าน hospitality’ ภายในศาลา ผู้เข้าชมจะได้สัมผัสประสบการณ์นิทรรศการแบบอิมเมอร์ซีฟที่กล่าวถึงเรื่องราวของคูเวตตั้งแต่อดีตไปจนถึงอนาคต เฉลิมฉลองจิตวิญญาณของผู้คน เทิดทูนผู้มีวิสัยทัศน์ และจุดประกายแรงบันดาลใจให้กับอนาคต
แกนหลักของพาวิลเลียนสวิตเซอร์แลนด์ คือ ‘ชีวิต’ ‘โลก’ และ ‘Augmented Human’ (หุ่นยนต์ และปัญญาประดิษฐ์) Manuel Herz Architekten บริษัทสถาปนิกจึงออกแบบอาคารภายใต้แนวคิด ‘a building that is embedded in nature’ หรือ ‘อาคารที่ผสานรวมกับธรรมชาติ โดยมีเป้าหมายแสดงให้เห็นว่าโลกธรรมชาติและโลกที่มนุษย์สร้างขึ้นสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างไร
ศาลาแห่งนี้จะประกอบด้วยโครงสร้างทรงกลมน้ำหนักเบาที่ล้อมรอบด้วยพืชพรรณและหุ้มด้วยพลาสติกคล้ายแผ่นฟอยล์ วัสดุหุ้มนี้จะถูกนำไปใช้ใหม่เป็นเฟอร์นิเจอร์หลังจบงาน ในขณะที่โครงสร้างเหล็กแบบแยกส่วนก็จะถูกนำกลับมาใช้ใหม่เช่นกัน
พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการจะอยู่บริเวณชั้นล่างทั้งหมด ทำให้ไม่จำเป็นต้องมีทางสัญจรในแนวดิ่ง และช่วยให้สตูดิโอสามารถบรรลุเป้าหมายในการสร้าง The Smallest Ecological Footprint ซึ่งเป็นร่องรอยทางนิเวศน์ที่เล็กที่สุดเมื่อเทียบกับศาลาสวิสครั้งก่อนๆ
‘ผืนแผ่นดินเดียวกัน’ คือแนวคิดหลักของประเทศเนเธอร์แลนด์ในงาน Expo 2025 ศาลาเนเธอร์แลนด์จึงมุ่งหวังเป็นพื้นที่เปิดกว้างให้ผู้คนได้พบปะ เรียนรู้และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กัน เป็นสถานที่ที่เราสามารถรวมพลังเพื่อสร้างสังคมที่แข็งแรงและมีความสุข ส่งมอบเมสเสจแห่งความหวังสู่อนาคตที่ยั่งยืน การออกแบบศาลาเนเธอร์แลนด์จึงนำเสนอ ‘ดวงอาทิตย์ที่สร้างโดยมนุษย์’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรุ่งอรุณใหม่ – อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือและพลังงานสะอาด ไร้ขีดจำกัด และเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ซึ่งทั้งหมดดูแลและรับผิดชอบงานโดยสตูดิโอสถาปัตยกรรมดัตช์ RAU Architects
ศาลาซาอุดีอาระเบีย ออกแบบโดย Foster + Partners ได้รับแรงบันดาลใจจากสถาปัตยกรรมของหมู่บ้านดั้งเดิมในราชอาณาจักร ด้านในแบ่งเป็นกลุ่มอาคารทรงเหลี่ยมหลายหลัง มีลานด้านหน้าปลูกต้นไม้ เสริมด้วยการติดตั้งระบบภาพและเสียงที่พัฒนาขึ้นโดยความร่วมมือกับสตูดิโอออกแบบ 59 Productions และ Squint/Opera
ผู้เข้าชมจะได้เพลิดเพลินไปกับการเดินทางสำรวจซาอุดีอาระเบียทีละเล็กทีละน้อยตั้งแต่รากฐานวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งไปจนถึงแผนการสร้างอนาคตที่ยั่งยืน
‘ภูมิพิมาน ดินแดนแห่งภูมิคุ้มกัน’ คือชื่อธีมของศาลาไทยในงาน Expo 2025 นำเสนอภาพของประเทศไทยในฐานะดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ ที่หล่อเลี้ยงผู้คนให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง พร้อมเชื่อมต่อชาวโลกด้วยภูมิปัญญา วิถีชีวิต และทรัพยากรที่ยั่งยืน
ออกแบบโดย A49 ได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด ‘รอยยิ้ม’ ตัวศาลาออกแบบให้กลมกลืนทั้งสุนทรียะและอัตลักษณ์ไทย โดยนำองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมไทยโบราณ เช่น จอมแห หลังคาแบบไทย ลายจักสาน และการย่อมุมไม้ มาใช้สื่อสาร
นิทรรศการภายในจะสะท้อนความสามารถของไทยในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ที่พร้อมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน ผ่านพลังแห่ง ‘ภูมิ’ ที่เป็นมากกว่าความหมายของแผ่นดิน แต่คือภูมิปัญญาและความแข็งแรงที่เราแบ่งปันได้
https://thailandpavilionworldexpo2025.com
นำเสนอแนวคิด ‘ศิลปะฟื้นชีวิต’ (Art regenerates Life) ผ่านงานออกแบบร่วมสมัยโดย Mario Cucinella Architects ตีความ ‘นครในอุดมคติ’ ในมุมมองใหม่ พื้นที่ของศาลาแบ่งออกเป็นสามส่วน ได้แก่ โรงละคร, เมืองในอุดมคติ และสวนอิตาลี
โดยแต่ละศาลา นำเสนอศิลปะในความหมายกว้าง ตั้งแต่งานหัตถศิลป์ แฟชั่น ดีไซน์ ไปจนถึงวิศวกรรม นวัตกรรม และงานวิจัย เพื่อแสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีล้ำสมัยสามารถอยู่ร่วมกับรากฐานของวัฒนธรรมได้อย่างกลมกลืน
แนวคิดหลักของศาลาเยอรมนีคือ ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ และใช้ชื่อว่า ‘Wa! Germany’ คำว่า ‘Wa’ ในภาษาญี่ปุ่นมีความหมายสามประการ คือ วงกลม, ความสามัคคี และว้าว
ศาลาเยอรมนี ถูกออกแบบให้เป็นนิทรรศการมีชีวิต ว่าด้วยการก่อสร้างอย่างยั่งยืนและหมุนเวียน โดยผสาน สถาปัตยกรรม ภูมิทัศน์ และการจัดแสดง เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน พร้อมนำเสนอแนวทางสู่ อนาคตแบบหมุนเวียน ผ่านประสบการณ์ที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใครสำหรับผู้เข้าชม
ศาลาสิงคโปร์มีชื่อว่า The Dream Sphere จะมีลักษณะเป็นทรงกลมสีแดงคล้ายเกล็ด ซึ่งออกแบบโดยสตูดิโอสถาปนิกสิงคโปร์ DP Architects
ภายในทรงกลมที่ไม่มีหน้าต่างนี้ จะมีการจัดแสดงสื่อผสมหลากหลายรูปแบบโดยศิลปินชาวสิงคโปร์ โดยเน้นเรื่องอาหาร วัฒนธรรม และศิลปะ เพื่อสื่อถึงจิตวิญญาณของประเทศและส่งเสริมการท่องเที่ยว
ในวัฒนธรรมญี่ปุ่นตำนานด้ายแดงกล่าวถึงการผูกพันสองชีวิตด้วยด้ายวิเศษที่มองไม่เห็นและแข็งแกร่ง เชื่อมโยงอยู่ที่นิ้วก้อยของแต่ละคน แนวคิดหลักของศาลาฝรั่งเศสคือบทเพลงแห่งความรัก และก็มาพร้อม ‘ด้ายแดง’ ของตนเอง
ฝรั่งเศสต้องการนำเสนอมุมมองใหม่ต่ออนาคต อนาคตที่นำทางด้วยความรักในหลากหลายรูปแบบ เช่น รักตนเอง, รักผู้อื่น และรักธรรมชาติ ตั้งแต่ทางเข้าม่านด้ายแดงหน้าที่ค่อยๆ เปิดเผยบรรยากาศด้านในคล้ายกับม่านบนเวทีแสดงละครที่กำลังเปิดรับผู้ชม ขณะเดียวกันด้านข้างเปรียบเสมือนม่านละครที่จะยังคงปิดสนิท และจะมีสวนที่ค่อยๆ เผยตัวออกมาในช่วงท้ายของการเยี่ยมชมจากนิทรรศการ
ภาพ: Courtesy of Brand
The post 13 Pavilions น่าสนใจใน Expo 2025 Osaka, Kansai appeared first on THE STANDARD.
]]>ค่ำคืนที่ผ่านมา (วันที่ 9 เมษายน) ณ กรุงมาดริด ประเทศสเ […]
The post Singapore Changi Airport ขึ้นแท่น ‘สนามบินที่ดีที่สุดในโลก’ ปี 2025 โดย Skytrax appeared first on THE STANDARD.
]]>ค่ำคืนที่ผ่านมา (วันที่ 9 เมษายน) ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน Skytrax ได้จัดการประกาศรางวัล World’s Best Airport 2025 และผลก็ไม่ผิดคาด Singapore Changi Airport คว้าอันดับหนึ่ง ขึ้นแท่น ‘สนามบินที่ดีที่สุดในโลก’ เบียดแชมป์เก่า Hamad International Airport ลงไปอยู่อันดับ 2 ขณะที่ Tokyo Haneda Airport ยังคงรักษาอันดับ 3 ไว้อย่างเหนียวแน่น
เป็นประจำทุกปีที่ Skytrax สถาบันการจัดอันดับมาตรฐานสายการบินนานาชาติ จะเผยลิสต์สนามบินที่ดีที่สุดในโลก หรือ The World’s Best Airports ออกมา ผ่านการโหวตจากผู้เดินทางที่ใช้สนามบินจากทั่วโลกจาก 550 สนามบิน สำหรับในปี 2025 เป็นคะแนนการโหวตจากผู้โดยสารที่เดินทางตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2024 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยประเมินประสบการณ์ของลูกค้าตั้งแต่การเช็กอิน การมาถึง การเปลี่ยนเครื่อง การช้อปปิ้ง การรักษาความปลอดภัย การตรวจคนเข้าเมือง ไปจนถึงการออกเดินทางที่ประตูขึ้นเครื่อง
นอกจาก 3 อันดับแรกที่ครองชาร์จมานานหลายปี ลำดับอื่นๆ ใน 10 อันดับแรกยังคงไม่ทิ้งหนีห่างกันไม่มาก มีสนามบิน Rome Fiumicino และ Hong Kong ที่ขยับเลื่อนอันดับมาสู่ท็อป 10 ส่วนทางด้านประเทศไทย ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ในปีนี้ทำผลงานได้ดี คว้าอันดับที่ 39 มาได้ ขยับขึ้นจากอันดับที่ 58 ในปี 2024
สำหรับ 10 อันดับสนามบินที่ดีที่สุดในโลก ดูได้จากลิสต์ด้านล่าง ส่วนอันดับอื่นๆ สามารถเข้าไปชมได้ที่ www.worldairportawards.com/worlds-top-100-airports-2025
ภาพ: Shutterstock
The post Singapore Changi Airport ขึ้นแท่น ‘สนามบินที่ดีที่สุดในโลก’ ปี 2025 โดย Skytrax appeared first on THE STANDARD.
]]>