LIFE | FOOD & DRINK – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 28 Feb 2025 14:32:17 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 เปิดเมนูค็อกเทลใหม่ที่ Blessing Shophouse บาร์จีนใจกลางย่านอโศก https://thestandard.co/life/blessing-shophouse-2 Sat, 01 Mar 2025 07:00:38 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1047265

ถ้าคืนนี้ใครอยากจิบค็อกเทลและรู้สึกได้รับความโชคดี เราข […]

The post เปิดเมนูค็อกเทลใหม่ที่ Blessing Shophouse บาร์จีนใจกลางย่านอโศก appeared first on THE STANDARD.

]]>

ถ้าคืนนี้ใครอยากจิบค็อกเทลและรู้สึกได้รับความโชคดี เราขอจับมือชวนมานั่งดื่มด้วยกันที่นี่ ‘Blessing Shophouse’ บาร์ค็อกเทลสไตล์จีนโบราณที่ดึงความเป็นมงคลในวัฒนธรรมจีนมาใส่ไว้ในเครื่องดื่มแต่ละแก้ว

 

 

Blessing Shophouse เปิดอยู่ในซอยสุขุมวิท 14 ติดสถานีรถไฟฟ้าอโศก เมื่อเดินเข้ามาในซอย ทุกคนอาจคิดไม่ถึงว่าจะมีบาร์ค็อกเทลทรงดีซ่อนอยู่ เนื่องจากในซอยนี้เป็นที่อยู่อาศัยแบบตึกแถว ทว่าร้านหาเจอไม่ยากหรอก เพราะมีประตูเพียงบานเดียวในซอยนั้นที่ดูเชื้อเชิญให้เปิดเข้าไปขนาดนี้

 

ที่จริงตึกห้องนี้เคยเป็นบ้านอาศัยของครอบครัวเจ้าของบาร์ ซึ่งเคยทำธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ด้านในจึงมีเฟอร์นิเจอร์สไตล์จีนให้เห็นอยู่เต็มร้าน เช่นเดียวกับการตกแต่งที่ดูกลมกลืนและซ่อนดีเทลไว้ทุกจุด ซึ่งทั้งหมดเป็นฝีมือของเจ้าของบาร์ผู้ทำอาชีพสถาปนิกด้วย

 

 

ส่วนรอบนี้ที่เรากลับมานั่งดื่มหน้าบาร์แห่งนี้อีกครั้งก็เพื่อจิบเมนูใหม่ที่ยังคงเอกลักษณ์ของ Blessing Shophouse ไว้ดังเดิม นั่นคือการซ่อนความหมายมงคลเอาไว้ในทุกเมนู โดยแก้วแรกที่บาร์แนะนำคือ Your Highness (390 บาท) ค็อกเทลแนว Fresh & Bless ที่มีส่วนผสมของเตกีลา วอดก้า พีช เลมอน และมะเขือเทศ ใครชอบดื่มแนว Savory หน่อย แก้วนี้ตอบโจทย์

 

Mandarin Pop (420 บาท) แก้วนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเพลง เถียนมี่มี่ จึงทำออกมาเป็นค็อกเทลสไตล์ขนมหวานให้ตักกินทีละคำ บาร์ทำโดยการนำเมลอนแช่แข็งไปปั่น ก่อนผสมกับชาอู่หลงอินฟิวส์รัม น้ำผึ้ง และใส่สาคู

 

 

คนชอบดื่มเข้มต้องสั่ง Talking Plum (440 บาท) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมบ๊วยแผ่นที่เราชื่นชอบกันตอนเด็กๆ โดยร้านนำมาอินฟิวส์กับวอดก้าและเหล้าจีน

 

 

นอกจากนี้บาร์ได้เพิ่มเมนูของกินเล่นเข้ามาด้วย โดยเป็นของว่างสไตล์จีนๆ เช่น หมูแผ่นอบแห้ง (200 บาท), เนื้อแผ่นอบแห้ง (200 บาท), บุกหม่าล่า (120 บาท) หรือ ปาท่องโก๋สาหร่าย (120) ส่วนค็อกเทลเมนูเดิมที่ทุกคนชอบ บาร์ก็ยังเก็บไว้ เช่น Mango Cult (390 บาท), Crystal Clear (420 บาท), Oath (420 บาท) หรือ Five Spice (460 บาท)

 


 

Address: ซอยสุขุมวิท 14 (ด้านหลังร้านสุดาโภชนา)

Open: วันพุธ-อาทิตย์ เวลา 18.00-00.00 น. 

Contact: Blessing Shophouse

Budget: 1,000-2,000 บาท

Map: https://maps.app.goo.gl/y72SWy6nw9X8JyEK7 

 

 

The post เปิดเมนูค็อกเทลใหม่ที่ Blessing Shophouse บาร์จีนใจกลางย่านอโศก appeared first on THE STANDARD.

]]>
MAD PIZZA พิซซ่าแป้งเบาสไตล์นโปลีที่ใส่ท็อปปิ้งให้สนุกและจัดจ้าน https://thestandard.co/life/mad-pizza Fri, 28 Feb 2025 03:00:28 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1046396

สายพิซซ่าแป้งบางเหนียวนุ่มสไตล์นโปลีมารวมตัวกันตรงนี้เล […]

The post MAD PIZZA พิซซ่าแป้งเบาสไตล์นโปลีที่ใส่ท็อปปิ้งให้สนุกและจัดจ้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>

สายพิซซ่าแป้งบางเหนียวนุ่มสไตล์นโปลีมารวมตัวกันตรงนี้เลย เพราะนี่คือร้านพิซซ่าน้องใหม่ที่เราว่าใส่ท็อปปิ้งได้จัดจ้านน่าสนใจสมกับชื่อร้านว่า MAD PIZZA แถมยังมีพิซซ่าหน้าแปลกๆ ใหม่ๆ ให้เลือกเยอะ เหมาะกับคนไม่ชอบกินอะไรซ้ำจำเจที่สุด

 

 

The Vibe

 

MAD PIZZA เป็นพิซซ่าช็อปเล็กๆ ในซอยสุขุมวิท 63 ตั้งอยู่ด้านหน้าโครงการ Park Avenue หาเจอไม่ยากเลย ด้วยสีสันของร้านจี๊ดและโดดเด่นกว่าใครในย่านนี้ และเนื่องจากร้านเน้นเสิร์ฟแบบเดลิเวอรีและ Take Away เป็นหลัก ด้านในจึงมีเพียงครัวทำพิซซ่า เคาน์เตอร์สั่งอาหาร ส่วนพื้นที่นั่งกินจะอยู่ด้านนอกร้านเท่านั้น

 

 

The Taste

 

MAD PIZZA เป็นร้านพิซซ่าสไตล์นโปลีที่เน้นแป้งบาง เบา ขอบเหนียวนุ่ม ทำให้กินแล้วไม่รู้สึกหนักท้อง แถมยังกินต่อได้เรื่อยๆ แบบไม่ต้องรู้สึกผิดมาก โดยเจ้าของร้าน MAD PIZZA บอกให้เราฟังว่า ที่เขาเลือกทำพิซซ่าสไตล์นี้ก็เพราะเป็นความชอบส่วนตัวด้วย แต่ก็ยังอยากให้ร้านแตกต่างจากที่อื่นๆ เขาจึงร่วมมือกับเชฟเพื่อทำแป้งพิซซ่าสูตรเฉพาะของร้านขึ้นมา บวกกับท็อปปิ้งพิซซ่าที่เน้นความจัดจ้าน แต่ก็ยังคงมีความออริจินัลอยู่

 

“ร้านเราเสิร์ฟพิซซ่าขนาด 10 นิ้ว ซึ่งผมเชื่อว่ากินคนเดียวก็ยังไหว เพราะแป้งมีความเบา เหนียวนุ่มสไตล์นโปลี แต่บางคนอาจไม่ถูกใจก็มี เพราะแป้งจะมีความนิ่มไม่เหมือนพิซซ่าร้านทั่วไปที่จะแข็งๆ หน่อย เพื่อให้เเดลิเวอรีแล้วรสชาติไม่ Drop แต่ถ้าใครชอบสไตล์ที่เราทำก็จะชอบเลย เพราะกินแล้วไม่หนักท้อง มีความเหนียวนุ่มกำลังดี ซึ่งผมว่ามันเหมาะกับคนยุคนี้ด้วยที่ไม่อยากกินพิซซ่าแล้วรู้สึกแน่นหรือรู้สึกผิด” คุณโบ๊ท เจ้าของร้านแห่งนี้บอกกับเรา

 

 

นอกจากแป้งสูตรลับ อีกสิ่งที่ร้าน MAD PIZZA โดดเด่นก็คือท็อปปิ้งที่แค่ชื่อเรียกก็ชวนสงสัยให้อยากลองสั่งแล้ว เพราะหลายเมนูใช้วัตถุดิบที่ปกติแล้วไม่ค่อยเจอในร้านพิซซ่าทั่วไป แถมยังสั่งแบบ Half-Half (หน้าละครึ่งถาด) ได้สำหรับคนที่เลือกไม่ถูก!

 

“พิซซ่าร้านเราจะเน้นทำรสจัด หน้าพิซซ่าแบบดั้งเดิมเราก็มี แต่จะไม่ทำรสชาติแบบออริจินัล ที่นี่เราจะใส่พริกให้ถูกปากคนไทยมากขึ้น ใส่ความจัดจ้านลงไป”

 

เพราะฉะนั้นเมนูที่ทุกคนชอบอย่าง Pepperoni หรือ Truffle ที่ร้านนี้ก็มีเช่นกัน ทว่ารสชาติรับรองแทบไม่ต้องมองหาซองเครื่องปรุง แต่ให้มองหาชื่อเมนูเหล่านี้แทน

 

 

เริ่มจาก Red Hot Chilli Pepperoni (340 บาท) พิซซ่าหน้าเปปเปอโรนีเบสซอสมะเขือเทศที่เพิ่มพริกมาให้แล้ว ท็อปด้วยชีสมอสซาเรลลาทำจากนมควาย หรือในวันที่ไม่อยากกินรสจัดมาก ต้องสั่ง Artichoke Me Sausage (365 บาท) พิซซ่าหน้าอาร์ติโชกเป็นเมนูที่เราชอบ เพราะไม่ค่อยได้เจอที่ไหน เมนูนี้จะมีความเปรี้ยวของอาร์ติโชกตัดกับรสชาติของไส้กรอก แฮมและเห็ด

 

 

เมนูใหม่สุดๆ อย่าง Lamb Bizkit (370 บาท) เหมาะกับคนไม่กินเนื้อวัวหรือเนื้อหมู เพราะร้านใช้เนื้อแกะและทาด้วยซอสสูตรพิเศษ แต่ถ้าหากพิซซ่าหน้า Angry Fish (310 บาท) จะเป็นเมนูที่ไม่ใส่ชีส เราว่ามีความเบาขึ้นกว่าเดิมอีก ใครสั่งถาดนี้อาจกินหมดคนเดียวได้จริงๆ โดยเป็นพิซซ่าเบสซอสมะเขือเทศ ท็อปด้วยปลาแอนโชวี พริก กระเทียม และใบโหระพา

 

และด้วยความที่แป้งดีแต่คนไม่ค่อยชอบกินขอบ MAD PIZZA จึงมีดิปมาให้จิ้มกินกับแป้งด้วย ซึ่งก็คือ Mad Hot Sauce (40 บาท)  ซอสรสเผ็ดสมชื่อแบบที่ยิ่งกินยิ่งติดใจ

 

 

Good for

 

ใครชอบสั่งพิซซ่าไปปาร์ตี้กับเพื่อน หรือเป็นสายแป้งบางนุ่มกินแล้วสบายท้อง เราอยากให้ลองชิมพิซซ่าของร้าน MAD PIZZA ดู เพราะอย่างเราเองที่เป็นสายแป้งบางยังติดใจ กินแล้วไม่หนักท้องจนต้องรีบวิ่งไปยิมด้วย แถมร้านยังมีท็อปปิ้งสนุกๆ ให้เลือกเพียบ หลายคนต้องยกให้เป็นร้านโปรดแห่งใหม่แน่ๆ

 


 

MAD PIZZA

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น.

Contact: @madpizza.bkk

Address: โครงการ Park Avenue ชั้น 2 สุขุมวิท 63

Budget: 300-500 บาท

The post MAD PIZZA พิซซ่าแป้งเบาสไตล์นโปลีที่ใส่ท็อปปิ้งให้สนุกและจัดจ้าน appeared first on THE STANDARD.

]]>
4 HOURS LIFE with Ching’s Family Farm ไร่กาแฟบนดอยมณีพฤกษ์ที่ปลูกกาแฟจนได้แชมป์ https://thestandard.co/life/4-hours-life-with-chings-family-farm Thu, 27 Feb 2025 10:36:59 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1046030

‘ดอยมณีพฤกษ์’ สำหรับนักท่องเที่ยวอาจไม่โด่งดังและน่าไปเ […]

The post 4 HOURS LIFE with Ching’s Family Farm ไร่กาแฟบนดอยมณีพฤกษ์ที่ปลูกกาแฟจนได้แชมป์ appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘ดอยมณีพฤกษ์’ สำหรับนักท่องเที่ยวอาจไม่โด่งดังและน่าไปเยือนเท่ากับดอยอื่นๆ ในจังหวัดน่าน แต่ในหมู่คนรักกาแฟ ดอยมณีพฤกษ์คือแหล่งปลูกกาแฟสเปเชียลตี้ชื่อดังที่คว้ารางวัลชนะเลิศมาแล้วในหลายเวทีการประกวด โดยเฉพาะสายพันธุ์ Geisha ที่ได้รับความนิยมมาก จนราคาขายพุ่งไปถึงกิโลกรัมละ 8,000-10,000 บาท 

 

4 HOURS LIFE with คราวนี้ เราเอาใจสาวกกาแฟ พาคุณบุกไร่กาแฟบนดอยมณีพฤกษ์ จังหวัดน่าน ดูเบื้องหลังการปลูก การ Process กาแฟ ของ ชาติชาย แซ่ท้าว หนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของ Ching’s Family Farm ชาวม้งที่ตัดสินใจเลิกปลูกขิง ทำไร่เลื่อนลอย แล้วหันมาปลูกกาแฟอย่างจริงจัง จนกลายเป็นกาแฟคั่วคุณภาพและคว้ารางวัลมาได้เกือบทุกปี

 


บทความที่เกี่ยวข้อง:


 

 

กว่าจะเป็น Ching’s Family Farm

 

“แต่ก่อนบ้านเราทำอาชีพปลูกขิงและกะหล่ำขายครับ” ชาติชายเล่าให้เราฟังขณะขับรถพาไปชมไร่กาแฟของ Ching’s Family Farm ซึ่งหลักๆ มีอยู่ 2 แห่ง จุดแรกเป็นสวนดั้งเดิมของพ่อฉิ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ไม่ไกล และอีกจุดเป็นส่วนของชาติชาย อยู่ลึกเข้าไปในป่า ต้องนั่งรถเข้าไปประมาณ 20 นาที บนความสูง 1,500 เมตร

 

“คุณพ่อเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนที่บ้านปลูกขิง ปลูกที่เดิมก็ไม่ได้ ต้องย้ายไปเรื่อยๆ ย้ายแต่ละครั้งต้องไปไกลกว่าเดิม บุกเบิกที่ใหม่ ใช้แรงงานและทรัพยากรในการลงทุนมาก ทำไปเรื่อยๆ ชีวิตก็ล่มจมไปเรื่อยๆ เพราะถ้าขิงติดโรคก็เสียทั้งแปลง ส่วนกะหล่ำปลีเวลาปลูกต้องพ่นยาเยอะมาก เสียสุขภาพครับ”

 

 

มณีพฤกษ์เป็นดอยเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดน่าน โดยมีชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวเขาเผ่าม้งและลัวะ ก่อนจะหันมาปลูกกาแฟอย่างในปัจจุบัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ดำรงชีพด้วยการทำไร่เลื่อนลอย ปลูกขิง ปลูกกะหล่ำ เพราะได้เงินง่าย เร็ว ครอบครัวฉิ่งไม่ใช่ครอบครัวแรกที่ปลูกกาแฟบนดอยมณีพฤกษ์ แต่เป็นชาวพื้นเมืองกลุ่มแรกๆ ที่หันมาตั้งใจปลูกกาแฟอย่างจริงจัง โดยเริ่มปลูกจากรุ่นพ่อคือฉิ่ง ส่งต่อให้รุ่นลูกซึ่งก็คือชาติชาย ไร่กาแฟของที่นี่เป็นการปลูกคู่กับป่า ซึ่งต่างจากที่อื่นที่เป็นแบบไร่เชิงเดี่ยว ปลูกกาแฟเพียงอย่างเดียว ผลประโยชน์ที่ได้ นอกจากเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพแล้ว ยังสร้างระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ และสร้างพื้นที่ป่าไปในตัว

 

“แต่ก่อนตรงนี้โล่งเลยนะ” พ่อฉิ่งเล่าให้ฟังพลางชี้นิ้วให้เราดู “พ่อเอากาแฟมาปลูก ตอนแรกก็ปลูกแต่กาแฟ แต่ต้นมันโทรมเร็ว ก็เลยสังเกตดูว่าต้นที่สภาพดีๆ ทำไมอยู่ใต้ร่มไม้หมดเลย ก็เลยปลูกไม้ยืนต้นเพิ่ม เผลอแป๊บเดียว ไร่โล่งๆ ก็กลายเป็นป่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เขาก็ชอบ เพราะเหมือนเราปลูกป่าเพิ่มให้เขา”

 

Ching’s Family Farm ปลูกกาแฟหลักๆ อยู่ 4 สายพันธุ์ ได้แก่ Java, Typica, Catimor และ Geisha แต่หลังๆ เน้นไปที่ Java และ Geisha เพราะปลูกได้ราคา และมีความต้องการในตลาดสูง

 

“ถ้าพูดถึงรางวัล ต้องเริ่มจาก Catimor ปี 2019 เป็นปีแรกที่เราส่งเข้าประกวด ก็ได้ Rank 1 มาในปีนั้น หลังจากนั้นก็ส่ง Geisha ไปแข่งขันเวทีของ TCE ปีแรกที่จัดขึ้น ปีนั้นส่งในนามของคุณพ่อ ก็คว้าที่ 1 หมวด Natural Process มาครอง ได้ถ้วยพระราชทาน ส่วนผมในปีเดียวกันก็ส่ง Geisha แบบ Honey Process เวทีกาแฟพิเศษไทย ซึ่งผู้ประมูลไปก็คือ BIG BLACK BOX”

 

 

จากความรักสู่มืออาชีพ

 

“ตั้งแต่จำความได้ พ่อฉิ่งพาผมไปปลูกกาแฟตั้งแต่เด็ก พอโตมารู้ตัวว่าชอบกาแฟ ก็เลยตัดสินใจไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย แล้วหันมาปลูกกาแฟเต็มตัว”

 

หลังจากพาเราไปดูต้นกาแฟในป่าทั้งสองแห่ง สอนเราชิมผลกาแฟแต่ละสายพันธุ์ พ่อฉิ่งและชาติชายก็พาเรามาดูวิธีการ Process กาแฟประเภทต่างๆ ตั้งแต่ล้าง คัดแยกเมล็ด กะเทาะเปลือก การหมัก ตากแห้ง สีเอากะลาออก จนกลายเป็นมากรีนบีน พร้อมส่งเข้าโรงคั่ว ซึ่งแต่ละขั้นตอน ทั้งคู่บอกว่าทำเองทั้งหมด 

 

“เครื่องสีผลกาแฟนี้ได้มาจาก BIG BLACK BOX นะ” ชาติชายกล่าวพร้อมหัวเราะ “พอผมตั้งใจแล้วว่าจะเอาดีด้านกาแฟ ผมรู้สึกว่าเราต้องไปไกลมากกว่านี้ ผมรู้จัก BIG BLACK BOX ในการประมูลกาแฟล็อตนั้น เขาชอบการ Process กาแฟของผม เราเลยมาคุยกัน ผมมีพื้นที่ มีกาแฟ ส่วนทาง BIG BLACK BOX มีทุน มีความรู้ เรามาร่วมมือกันไหม เพื่อพัฒนากาแฟให้ส่งออกได้”

 

 

การสนับสนุนของ BIG BLACK BOX ไม่เพียงช่วยครอบครัวฉิ่งเรื่องทุนและเครื่องมือให้ได้มาตรฐานขึ้น แต่ยังสนับสนุนองค์ความรู้ที่ BIG BLACK BOX Academy โรงเรียนกาแฟในเครือ BIG BLACK BOX ที่ได้รับมาตรฐานจาก CQI (Coffee Quality Institute) ในฐานะ Q Venue Professional ที่นี่สอนความรู้ด้านกาแฟตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำจากผู้เชี่ยวชาญ และยังทำหน้าที่เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ระหว่างคนในวงการและผู้ที่สนใจด้วย

 

“คลาสที่ผมเรียนก็คือ Q Processing Level 2 Professional เราทำกาแฟมานานแล้ว ความรู้มันเริ่มไปไหนไม่ค่อยได้แล้ว พอ BIG BLACK BOX ติดต่อมาถามว่าอยากเรียนไหม ผมรู้สึกน่าสนใจก็เลยตอบตกลง

 

“คลาสนี้เรียนตั้งแต่การเก็บลูกกาแฟจากต้น การคัดเกรดเพื่อให้ได้กาแฟคุณภาพ อันที่ดีเอาไปทำอะไร อันที่ตกเกรดเอาไปทำอะไร ใช้อุปกรณ์ตัวไหนในการสีเพื่อให้เมล็ดกาแฟเสียหายน้อยที่สุด ฯลฯ แม้สิ่งที่เรียนจะดูเป็นสิ่งเดิม แต่ข้อมูลเจาะลึก ทำให้ผมรู้ว่าระหว่างทางเราผิดพลาดตรงไหนบ้าง เป็นระบบมากขึ้น ช่วยให้เราได้กาแฟคุณภาพใกล้เคียงกันหรือดีกว่าในปีถัดไป”

 

 

กาแฟ ป่า และชีวิต

 

รถ 4WD คันเดิมที่พาเราเข้าป่าไปดูไร่กาแฟตั้งแต่เช้าตรู่ พาเรามาจบทริปวันนี้ ณ โรงคั่วของ Ching’s Family Farm พระอาทิตย์เริ่มคล้อย แสงแดดเริ่มจางอ่อน มวลอากาศเย็นเข้มข้นขึ้น มาพร้อมกับกลิ่นหอมของกาแฟลอยมาจางๆ ตามอากาศ ชวนให้น่าตั้งโต๊ะเปิดสภากาแฟดื่มชิลๆ กันสักยก 

 

ชาติชายยกโต๊ะ เก้าอี้สนาม พร้อมอุปกรณ์ชงกาแฟมาตั้งเรียบร้อย เขาเลือก Geisha Honey Process มาให้เราลิ้มลอง เมื่อมีกาแฟ บทสนทนาระหว่างดื่มย่อมตามมา เราคุยกันเรื่อยเปื่อยถึงรสชาติกาแฟของเขาไปจนถึงคุณภาพของกาแฟไทย ซึ่งชาติชายบอกว่า ตอนนี้สู้ต่างชาติได้แน่นอน ดูได้จากคะแนนการประกวดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีบวกปริมาณที่มากขึ้นด้วย อย่างไร่ของฉิ่งฟาร์มก็มีหลายประเทศเข้ามาติดต่อ 

 

“ก่อนปลูกกาแฟ ครอบครัวเรารายได้ไม่ค่อยจะมีเลยครับ ผมตัดสินใจไม่เรียนต่ออุดมศึกษา เพราะดูรายได้ของครอบครัวแล้วคิดว่าเขาไม่สามารถส่งเราเรียนได้ ก็เลยคิดว่ากาแฟนี่แหละที่ทำได้ พอผมออกมาทำกาแฟแบบเต็มตัว รายได้ต่อปีก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วมันคงที่ ทุกวันนี้มีต่างชาติเข้ามาติดต่อ Ching’s Family Farm ทั้งเกาหลี ญี่ปุ่น ล่าสุดมีสเปนมาติดต่อ”

 

 

ก่อนอาทิตย์ลาลับฟ้า บทสนทนาของเราเปลี่ยนเป็นเรื่องกาแฟกับป่า ชาติชายบอกว่า การปลูกกาแฟคู่กับป่า แม้ผลกาแฟจะเล็กกว่าเชิงเดี่ยว แต่ผลที่ได้มากกว่าแค่เมล็ดกาแฟ 

 

“มันคือป่าครับ แต่ก่อนเราปลูกแต่กาแฟ ได้ผลดีจริง แต่เก็บผลได้ 3 ปี ต้นก็เริ่มแย่แล้ว แต่พอปลูกคู่กับป่า นอกจากเราจะเก็บเมล็ดได้นานขึ้น ต้นไม้ก็ขึ้นเยอะแยะเลย สัตว์น้อยใหญ่ก็เริ่มเข้ามา มีนก มีหนู มีอีเห็น เกิดเป็นป่า เป็นระบบนิเวศขนาดใหญ่ ร่มรื่นขึ้น น่าอยู่ขึ้น”

 

และนี่คือ 4 HOURS LIFE with Ching’s Family Farm ที่ทั้งสนุก ได้ความรู้ บทสนทนาดีๆ และความรื่นรมย์

The post 4 HOURS LIFE with Ching’s Family Farm ไร่กาแฟบนดอยมณีพฤกษ์ที่ปลูกกาแฟจนได้แชมป์ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Toby’s Estate Coffee Roasters จากซิดนีย์ คว้าอันดับ ‘ร้านกาแฟดีที่สุดในโลก’ ประจำปี 2025 https://thestandard.co/life/tobys-estate-best-coffee Thu, 27 Feb 2025 05:33:09 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1046293 tobys-estate-best-coffee

คนออสซีชอบดื่มกาแฟ แล้วพวกเขาตอกย้ำวัฒนธรรมการดื่มด้วยก […]

The post Toby’s Estate Coffee Roasters จากซิดนีย์ คว้าอันดับ ‘ร้านกาแฟดีที่สุดในโลก’ ประจำปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
tobys-estate-best-coffee

คนออสซีชอบดื่มกาแฟ แล้วพวกเขาตอกย้ำวัฒนธรรมการดื่มด้วยการครอบครองร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลก

 

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาในงาน Coffee Fest ในกรุงมาดริด ประเทศสเปน มีการจัดอันดับ ‘World’s 100 Best Coffee Shops’ และผลก็คือ Toby’s Estate Coffee Roasters ใน Chippendale, Sydney ได้รับการจัดอันดับเป็นร้านกาแฟที่ดีที่สุดในโลก 

 

Toby’s Estate Coffee Roasters

 

Toby’s Estate Coffee Roasters ก่อตั้งขึ้นในปี 1997 โดย Toby Smith อดีตทนายความที่หลงใหลในกาแฟ เขาได้เดินทางไปยังแหล่งปลูกกาแฟทั่วโลก เพื่อเรียนรู้และนำเมล็ดกาแฟคุณภาพสูงกลับมายังออสเตรเลีย ปัจจุบัน ร้านหลักและโรงคั่วของ Toby’s Estate ตั้งอยู่ในย่าน Chippendale ของซิดนีย์ 

 

‘World’s 100 Best Coffee Shops’ เริ่มต้นครั้งแรกในปี 2025 เพื่อยกย่องร้านกาแฟที่มีความเป็นเลิศทั่วโลก โดยพิจารณาจากคุณภาพของกาแฟ ความเชี่ยวชาญของบาริสต้า การบริการลูกค้า นวัตกรรม บรรยากาศ ความยั่งยืน คุณภาพของอาหารและขนมอบ และความสม่ำเสมอ คะแนนสุดท้ายถูกคำนวณโดยใช้ระบบถ่วงน้ำหนัก มาจากการโหวตของสาธารณชนคิดเป็น 30% และการประเมินจากผู้เชี่ยวชาญคิดเป็น 70%

 

การประกาศรางวัลในครั้งนี้ มีร้านกาแฟในเอเชียติดอันดับอยู่ 13 แห่ง ทั้งจากมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ แม้ปีนี้จะยังไม่มีร้านแบรนด์ไทยติดอันดับ Top 100 แต่เราเชื่อปีหน้า ต้องมีลิสต์ร้านในไทยเข้ามาชิงพื้นที่บ้างแน่นอน!

 

ใครสนใจสามารถดูรายชื่อฉบับเต็มได้ที่ https://theworlds100bestcoffeeshops.com 

 

ภาพ: Toby’s Estate Coffee Roasters

The post Toby’s Estate Coffee Roasters จากซิดนีย์ คว้าอันดับ ‘ร้านกาแฟดีที่สุดในโลก’ ประจำปี 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
พาไปเที่ยวเวียดนามที่ Song Viet at Song Wat ร้านสตรีทฟู้ดเวียดนามสุดเก๋ https://thestandard.co/life/song-viet-at-song-wat Wed, 26 Feb 2025 09:26:39 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1045983

ต้องยอมรับว่าตอนนี้วัฒนธรรมเวียดนามมาแรงกว่าใคร โดยเฉพา […]

The post พาไปเที่ยวเวียดนามที่ Song Viet at Song Wat ร้านสตรีทฟู้ดเวียดนามสุดเก๋ appeared first on THE STANDARD.

]]>

ต้องยอมรับว่าตอนนี้วัฒนธรรมเวียดนามมาแรงกว่าใคร โดยเฉพาะดนตรีและแฟชั่น แต่ของดีอีกหนึ่งอย่างที่เราอยากให้ทุกคนได้รู้จักก็คือ ‘อาหารเวียดนาม’ ที่มีชื่อเสียงทั่วโลกแบบไม่น้อยหน้า และเป็นรสชาติที่เราเชื่อว่ากินได้ทุกคนแน่นอนด้วย 

 

วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปนั่งเก้าอี้จิ๋วชิมสตรีทฟู้ดเวียดนามกันที่ถนนทรงวาด ที่ร้าน ‘Song Viet at Song Wat’ ร้านอาหารเวียดนามสตรีทฟู้ดฝีมือเชฟชาวเวียดนามที่ดึงเสน่ห์ของทั้งย่านทรงวาดและเมืองไซ่ง่อนมาผสมกันไว้ที่นี่

 

 

The Vibe

 

Song Viet at Song Wat เปิดอยู่ริมถนนทรงวาดใกล้กับคาเฟ่เอฟวี หน้าร้านใช้สีสันโดดเด่นแบบที่เดินผ่านแล้วรู้เลยทันทีว่าร้านนี้กำลังพาเราไปที่เที่ยวประเทศไหน บวกกับความพลุกพล่านของรถบนถนนทรงวาดที่สัญจรไปมาและวิถีชีวิตผู้คนในย่านนี้อีกที่ทำให้ร้านนี้ดึงความเป็นเวียดนามมาได้มากกว่าที่คิด และเมื่อเดินเข้าไปด้านในก็ยิ่งได้บรรยากาศกว่าเดิม เพราะตกแต่งราวกับยกร้านสตรีทฟู้ดเวียดนามมาไว้ด้านใน ทั้งเก้าอี้จิ๋ว ตะกร้าเครื่องปรุง และเมนูอาหารที่มักเห็นตามริมทางที่ประเทศเวียดนาม

 

 

The Taste

 

อาหารเวียดนามของ Song Viet at Song Wat จะใส่ความโมเดิร์นลงไปด้วย เพื่อให้รสชาติเข้ากับบรรยากาศของย่านทรงวาด แต่ก็ยังไม่หนีไปจากรสชาติดั้งเดิมมากเท่าไหร่นัก โดยเมนูส่วนใหญ่เป็นอาหารที่เชฟเพียร์ (Tapir Truong) เชฟประจำร้านแห่งนี้หยิบมาจากเมนูริมทางในบ้านเกิดอย่างเมืองไซ่ง่อน ผสมกับเมนูประจำของครอบครัว ก่อนนำมาทำใหม่แบบไม่ทิ้งกลิ่นอายดั้งเดิม

 

“ผมนำเมนูซึ่งเป็นรสชาติที่ทำกินในครอบครัว รวมถึงเมนูต่างๆ ที่พบเห็นอยู่ตามท้องถนนในเวียดนาม โดยเฉพาะในไซ่ง่อนซึ่งเป็นบ้านเกิด มาตีความใหม่ให้เข้ากับกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นบ้านอีกหลังของผม ในร้านนี้ทุกคนจึงจะได้เห็นครัวที่โชว์การทำอาหาร เฝอเส้นสด ขนมปังฝรั่งเศสแบบเวียดนามที่อบใหม่ทุกวัน เพราะพวกเราอยากเสิร์ฟมากกว่าแค่อาหาร เพราะคำว่า ‘Song’ ในภาษาเวียดนามแปลว่า ‘ชีวิต’ ด้วย” 

 

 

แต่ละเมนูของ Song Viet at Song Wat จึงเต็มไปด้วยสีสันและชีวิตชีวา เมนูที่เราอยากแนะนำให้ลองก็มี Banh Mi Xa Xiu (229 บาท) บั๋นหมี่ทรงเวียดไส้หมูแดงและซอสสูตรลับของร้าน กัดพร้อมขนมปังบาแกตต์ที่ร้านอบใหม่ๆ แล้วกรอบ หอม รสชาติเข้ากันสุดๆ

 

Bahn Mi Chao (199 บาท) หรือ ไข่กระทะญวนที่แท้ทรู ที่ตั้งชื่อเมนูแบบนี้ก็เพราะ บั๋นหมี่แปลว่าขนมปัง ส่วนจ๋าวแปลว่ากระทะ เมนูนี้ชาวเวียดนามได้อิทธิพลมาจากวัฒนธรรมอาหารฝรั่งเศส ในกระทะจึงมีทั้งปาเต้ ซิ้วหมาย (ลูกชิ้นหมู) หมูยอ และกุนเชียง

 

 

พูดถึงอาหารเวียดนามจะไม่พูดถึงเฝอก็คงไม่ได้ เพราะเฝอถือว่าเป็นเมนูตัวแทนประเทศเวียดนาม ทุกคนจึงต้องลอง What The Pho (399 บาท) เฝอหรูหราที่แบ่งกินได้ 3-4 คน เพราะร้านเสิร์ฟมาในหม้อใหญ่ๆ มีทั้งเนื้อสด เนื้อตุ๋น ลูกชิ้น ไข่ออนเซ็น แต่ถ้าใครมาคนเดียวอยากกินชามเดียวจบก็มีไซส์ปกติเช่นกัน

 

Nem Nuong (289 บาท) เนม-เนื้อง เป็นเมนูของชาวญวนที่คนเวียดนามนิยมกิน เมนูนี้จึงต้องออกเสียงว่า เนม-เนื้อง ตามคนญวน โดยร้านใช้สูตรจากเมืองญาจางหรือนาตรัง ทีเด็ดอยู่ตรงแป้งทอดกรอบที่ม้วนห่อลงไปพร้อมเครื่องอื่นๆ ด้วย ทำให้กินแล้วกรุบกรอบ มาพร้อมน้ำจิ้มสูตรโฮมเมด

 

 

Bahn Loc (149 บาท) บั๊น หล่อบ เป็นเมนูแป้งนึ่งไส้หมูแดงที่หากินยากในเมืองไทย เพราะเป็นอาหารชาวญวนโบราณวังเฮว้ ซึ่งเป็นอดีตเมืองหลวงเก่าของเวียดนามที่เต็มไปด้วยอาหารตำรับชาววัง

 

อีกทีเด็ดที่พลาดไม่ได้ เพราะอาจแปลว่าคุณมาไม่ถึงเวียดนาม นั่นก็คือ Vietnamese Egg Coffee (129 บาท) กาแฟไข่เวียดนามที่เป็นเอกลักษณ์ของประเทศ เพราะคนเวียดนามเป็นผู้คิดค้น เนื่องจากเมื่อหลายสิบปีก่อนเกิดวิกฤตนมขาดแคลนและแพง เจ้าของร้านกาแฟในเมืองฮานอยจึงใช้ไข่แดงมาตีเป็นฟองแทนนม หลังจากนั้นเมนูกาแฟไข่ก็โด่งดังไปทั่วโลกเพราะความหอมหวาน มันนัว แต่นุ่มนวล

 

นอกจากนี้ยังมี Dam Berry Soda (119 บาท) ที่ใช้น้ำลูกบ๊วยจีนสดในกระป๋องที่หาซื้อได้บนถนนทรงวาด นำมาผสมกับน้ำบ๊วยสไตล์เวียดนามจนกลายเป็นเครื่องดื่มสุดสดชื่น และของหวานอย่าง Banh Flan (99 บาท) ไอศกรีมมะพร้าวราดกาแฟเวียดนาม เวลากินให้ตักลงไปจนเจอทั้งคัสตาร์ดแบบญวน หรือ Flan พร้อมทั้งคาราเมล ไอศกรีมกะทิ และกาแฟเวียดนาม ชิมทั้งหมดพร้อมกันในคำเดียวได้เลย

 

 

Good for

 

ใครผ่านไปแถวทรงวาดก็อย่าลืมแวะไปนั่งกินของว่างหรือมื้อสนุกๆ แบบอิ่มๆ กันที่ Song Viet at Song Wat นะ เราว่าหลายคนต้องรู้สึกสนุกจนติดใจทั้งบรรยากาศและรสชาติแน่นอน โดยเฉพาะเมนูเฝอ บั๋นหมี่ และกาแฟไข่เวียดนามที่ห้ามพลาดจริงๆ แถมร้านยังเปิดเพลงเวียดนามและมีมุมถ่ายรูปเพียบด้วย ชวนเพื่อนมาเลยให้ไว

 


 

Song Viet at Song Wat 

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น.

Contact: @​​songvietatsongwat

Address: ถนนทรงวาด (ใกล้กับคาเฟ่ FV)

Budget: 300-500 บาท

Map: https://maps.app.goo.gl/5DAqYj3k9egwhG489

 

 

The post พาไปเที่ยวเวียดนามที่ Song Viet at Song Wat ร้านสตรีทฟู้ดเวียดนามสุดเก๋ appeared first on THE STANDARD.

]]>
งานแข่งกินพริก Chilli Fest 2025 เปิดรับสมัครคนทนเก่งแล้ว ซ้อมรอแข่งจริง 5 เม.ย. นี้ https://thestandard.co/life/chilli-fest-2025 Wed, 19 Feb 2025 06:33:21 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1043713 chilli-fest-2025

พร้อมซู้ดปากกันหรือยัง? เพราะเทศกาลของคนชอบกินเผ็ดกลับม […]

The post งานแข่งกินพริก Chilli Fest 2025 เปิดรับสมัครคนทนเก่งแล้ว ซ้อมรอแข่งจริง 5 เม.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
chilli-fest-2025

พร้อมซู้ดปากกันหรือยัง? เพราะเทศกาลของคนชอบกินเผ็ดกลับมาแล้ว กับงาน Chilli Fest 2025 เทศกาลพริกที่เต็มไปด้วยความอร่อยและสนุก เพราะจะมีการแข่งขันกินพริกเพื่อชิงเงินรางวัลด้วย ถ้าใครเคยไปร่วมงานมาแล้วจะรู้เลยว่ากินจริง เผ็ดจริง และแจกจริง!

 

Chilli Fest 2025 จัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว ภายในงานจะเต็มไปด้วยกิจกรรมและบูธอาหารจากร้านดังๆ มากมายที่ทำเมนูพิเศษจากพริกมาให้ชิม ร้านที่ทุกคนจะได้เจอในปีนี้ เช่น เผ็ดเผ็ด ร้านขวัญใจคนชอบอาหารอีสาน, แซ่บนิรันดร์ ของเชฟต้นแห่ง Le Du, 80/20 ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่ง, K by Vicky Cheng ร้านมิชลินชื่อดังจากฮ่องกง, JHOL ร้านอาหารอินเดียในซอยสุขุมวิท 18 ที่เราติดใจมาก, Rangoon Tea House ร้านอาหารเมียนมาแห่งใหม่ย่านทองหล่อ, MITSOS ร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียนของเชฟดีมี่แห่งร้านมิชลิน ōre และ Ministry of Crab ร้านอาหารทะเลชื่อดังจากศรีลังกา

 

ส่วนกิจกรรมไฮไลต์อย่างการแข่งกินพริก (Chilli-Eating Contest) จะมีการแข่งกินพริกไล่ระดับความเผ็ดขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงเลเวล 2,200,000 สโควิลล์ (Scoville Heat Unit)

 

ถ้าถามว่าเผ็ดแค่ไหน? เอาเป็นว่าพริกขี้หนูที่ทุกคนคุ้นเคยมีระดับความเผ็ด 50,000-100,000 สโควิลล์เท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นคนที่ยืนหยัด ไม่ยอมแพ้ และอยู่จนเหลือเป็นคนสุดท้าย จะกลายเป็นผู้ชนะและคว้าเงินรางวัล 10,000 บาทไปครอง โดยงานจะเปิดให้กดสมัครเร็วๆ นี้

 

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสักรูปพริกฟรี และของที่ระลึกแซ่บๆ ให้เลือกซื้อกลับบ้านด้วย โดยงานนี้จะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 5 เมษายน 2568 เวลา 14.00-21.00 น. โลเคชันเดิม ณ โรงแรม Kimpton Maa-Lai Bangkok ซอยหลังสวน สำหรับบัตรเข้างานราคา 300 บาท ได้รับเครื่องดื่มฟรี 1 แก้ว (บัตร Early Bird ราคา 200 บาท)

 

ติดตามรายละเอียดหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Kimpton Maa-Lai Bangkok 

The post งานแข่งกินพริก Chilli Fest 2025 เปิดรับสมัครคนทนเก่งแล้ว ซ้อมรอแข่งจริง 5 เม.ย. นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
เชฟตามแห่ง Baan Tepa ได้รางวัล Asia’s Best Female Chef 2025 https://thestandard.co/life/baan-tepa-asias-best-female-chef-2025 Tue, 18 Feb 2025 04:05:49 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1043136 Baan Tepa

ปีนี้การประกาศรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants จะจัดขึ […]

The post เชฟตามแห่ง Baan Tepa ได้รางวัล Asia’s Best Female Chef 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Baan Tepa

ปีนี้การประกาศรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants จะจัดขึ้นที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ อีกครั้งในเดือนมีนาคม และแน่นอนว่าก่อนที่เราจะได้รู้ว่าร้านอาหารแห่งไหนมีชื่อติดอยู่บนลิสต์ในปีนี้ เวทีจัดอันดับ Asia’s 50 Best จะปล่อยรางวัลพิเศษมาให้ทราบกันก่อนเป็นน้ำจิ้ม

 

และรางวัลแรกของเอเชียที่เพิ่งประกาศในเช้าวันนี้ก็คือ ‘Asia’s Best Female Chef 2025’ รางวัลที่มอบให้เชฟหญิงยอดเยี่ยมระดับเอเชียประจำปี ซึ่งผู้ที่คว้ารางวัลนี้ไปได้ก็คือเชฟหญิงชาวไทย เชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ แห่งร้านอาหาร Baan Tepa (บ้านเทพา) เจ้าของอันดับที่ 42 บนลิสต์ Asia’s 50 Best Restaurants 2024

 

ความโดดเด่นของเชฟตามแห่ง Baan Tepa คือการใช้ผลผลิตท้องถิ่นในประเทศไทยมาแปลงเป็นเมนูได้อย่างแปลกใหม่ มีเอกลักษณ์ ในขณะเดียวกันก็ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนในการทำอาหาร เช่น การให้ความสำคัญกับวัตถุดิบตามฤดูกาล การคิดค้นวิธีกำจัดขยะในครัวอย่างสร้างสรรค์ หรือการทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหารเพื่อนำไปใช้ปลูกผักสมุนไพรหลังร้าน 

 

ด้วยเหตุนี้เธอจึงชนะใจกรรมการผู้ให้คะแนนกว่า 350 คนแห่ง Asia’s 50 Best Restaurants Academy จากการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทักษะการทำอาหารที่มีความเชี่ยวชาญ โดดเด่น และเป็นตัวของตัวเอง

 

โดยเชฟตามกล่าวถึงรางวัลในครั้งนี้ว่า “รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับรางวัลนี้ในนามของทีมงานทั้งหมดของบ้านเทพา และเป็นการแสดงความขอบคุณถึงการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมที่ตามได้รับจากทุกคนที่เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางนี้ อย่างที่เราทราบ เส้นทางที่เราเดินบนสายอาชีพนี้มีความท้าทาย เพราะธุรกิจการบริการต้องใช้ความทุ่มเทและความเสียสละอย่างไม่ย่อท้อ

 

“รางวัลนี้ไม่เพียงให้พื้นที่สำหรับผู้นำที่เป็นผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังสร้างต้นแบบอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตามหวังไว้ว่าตามน่าจะมีต้นแบบให้เรียนรู้มากกว่านี้ เมื่อตอนที่ตามเพิ่งเริ่มต้นเส้นทางนี้ ความหวังของตามคือการสร้างแรงบันดาลใจและสนับสนุนเชฟหญิงรุ่นใหม่ และแสดงให้เชฟเหล่านั้นเห็นว่า ตนเองก็สามารถสร้างอาชีพที่ประสบความสำเร็จ โดยการเป็นตัวของตัวเองและไม่กลัวที่จะก้าวออกไปให้ไกลจากขอบเขตเดิมๆ”

 

สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับเชฟตามแห่ง Baan Tepa เตรียมรับชมการขึ้นรับรางวัลผ่านการถ่ายทอดสดได้ในวันที่ 25 มีนาคม 2025 พร้อมชมการประกาศรางวัล Asia’s 50 Best Restaurants ประจำปี 2025 หรือ 50 ร้านอาหารยอดเยี่ยมระดับเอเชียประจำปีนี้ได้ในวันเดียวกัน

 

 

The post เชฟตามแห่ง Baan Tepa ได้รางวัล Asia’s Best Female Chef 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
KIMI NOMU ร้านอาหารญี่ปุ่นที่น่าชวนกันมาเอ็นจอยมื้อพิเศษในบรรยากาศสบายๆ https://thestandard.co/life/kimi-nomu Mon, 17 Feb 2025 14:15:27 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1043026 KIMI NOMU บรรยากาศร้านสไตล์ญี่ปุ่นในบ้านเก่ารีโนเวท พร้อมเมนู Nomu Pot ข้าวหม้อดินซีฟู้ด

บางครั้งเราก็อยากนั่งกินมื้อพิเศษในบรรยากาศสบายๆ ไม่ต้อ […]

The post KIMI NOMU ร้านอาหารญี่ปุ่นที่น่าชวนกันมาเอ็นจอยมื้อพิเศษในบรรยากาศสบายๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>
KIMI NOMU บรรยากาศร้านสไตล์ญี่ปุ่นในบ้านเก่ารีโนเวท พร้อมเมนู Nomu Pot ข้าวหม้อดินซีฟู้ด

บางครั้งเราก็อยากนั่งกินมื้อพิเศษในบรรยากาศสบายๆ ไม่ต้องเกร็งจนเมื่อย และยิ่งบรรยากาศเฟรนด์ลีมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้เราเอ็นจอยกับอาหารมากขึ้นเท่านั้น วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนไปนั่งกินมื้อชิลๆ กันที่ KIMI NOMU ร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์คอมฟอร์ตฟู้ดในย่านชิดลม ที่บรรยากาศดีจนเราก็อยากชวนเพื่อนมานั่งแฮงเอาต์ หรือใครจะชวนแฟนมาเดตก็รับรองว่าต้องประทับใจ เพราะนอกจากบรรยากาศสบายๆ เมนูอาหารของที่นี่ก็มีรสชาติถูกปากแบบไม่น่าผิดหวัง

 

KIMI NOMU บรรยากาศร้านสไตล์ญี่ปุ่นในบ้านเก่ารีโนเวท พร้อมเมนู Nomu Pot ข้าวหม้อดินซีฟู้ด

 

The Vibe

 

KIMI NOMU อยู่ในซอยสมคิด ติดกับเซ็นทรัลชิดลม ทุกคนต้องเดินเข้ามาในซอยเล็กๆ อีกนิดหน่อยจึงจะพบกับพื้นที่แห่งนี้ ซึ่งมีร้านอาหารหลายแห่งเปิดอยู่รวมกันในบ้านเก่าที่นำมารีโนเวต โดย KIMI NOMU อยู่บนชั้น 2 เมื่อขึ้นบันไดมาจะพบเคาน์เตอร์บาร์ต้อนรับ ชั้นวางเครื่องดื่มชั้นดี และพื้นที่ร้านอาหารซึ่งอยู่ด้านใน

 

ร้านตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาลตัดสีเขียวดูธรรมชาติ และด้วยความที่รีโนเวตมาจากบ้านเก่า บรรยากาศจึงดูสบายๆ เนื่องจากร้านเก็บโครงสร้างเดิมเอาไว้ ทั้งบานหน้าต่างรอบห้อง เพดานสูง และพื้นที่ด้านนอกซึ่งสามารถเดินออกไปได้ด้วย โดยบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ของ KIMI SUSHI BAR เคาน์เตอร์บาร์โอมากาเสะที่สามารถเปิดห้องเป็นแบบ Open Air ได้หากช่วงไหนอากาศดี

 

KIMI NOMU บรรยากาศร้านสไตล์ญี่ปุ่นในบ้านเก่ารีโนเวท พร้อมเมนู Nomu Pot ข้าวหม้อดินซีฟู้ด

 

The Taste

 

KIMI NOMU เริ่มต้นมาจากเคาน์เตอร์บาร์โอมากาเสะ เจ้าของร้านบอกว่า เพราะอยากขยับขยายร้านให้ลูกค้ามีพื้นที่นั่งรับประทานอาหารสบายๆ บวกกับมาเจอพื้นที่ตรงนี้พอดี จึงไม่อยากปล่อยให้พื้นที่กว้างๆ ดูอบอุ่นจบอยู่แค่เคาน์เตอร์เล็กๆ พวกเขาจึงตัดสินใจทำเป็นร้านอาหารจริงจัง ที่ยังคงมีโซนเคาน์เตอร์บาร์ให้ใกล้ชิดเชฟ และเสิร์ฟอาหารญี่ปุ่นเข้าใจง่าย พร้อมไวน์และสาเกหายาก

 

เมนูที่เราอยากแนะนำ ได้แก่ Asari Udon Vongole with Karasumi (330 บาท) สปาเกตตีวองโกเลที่ใช้เส้นอุด้งแทน ทำให้เคี้ยวแล้วมีความหนึบหนับ เหนียวนุ่ม เข้ากับรสชาติที่มีความจัดจ้านนิดๆ ให้กินแล้วไม่เลี่ยน เมนูนี้เราติดใจมาก เช่นเดียวกับ Chirashi Bowl (690 บาท) ข้าวหน้าปลาดิบที่ร้านจะเปลี่ยนวัตถุดิบไปตามฤดูกาล เช่นในถ้วยนี้เราได้ชิมปลาซาบะดอง แซลมอน ปลาชิมะอาจิ และกุ้งหวาน ใครที่ชอบกินปลาดิบห้ามพลาดจริงๆ

 

KIMI NOMU บรรยากาศร้านสไตล์ญี่ปุ่นในบ้านเก่ารีโนเวท พร้อมเมนู Nomu Pot ข้าวหม้อดินซีฟู้ด KIMI NOMU บรรยากาศร้านสไตล์ญี่ปุ่นในบ้านเก่ารีโนเวท พร้อมเมนู Nomu Pot ข้าวหม้อดินซีฟู้ด

 

หรือเมนูสนุกๆ ก็มีนะ อย่างเช่น แฮมเบอร์เกอร์ปลาไหล Unagi Burger (550 บาท) ที่กัดไปแล้วเจอทั้งรสชาติของขนมปังและเนื้อปลาไหลนุ่มๆ ตรงกลาง เชฟใส่สาหร่ายกรอบๆ มาช่วยเพิ่มเนื้อสัมผัสด้วย ส่วนซอสที่ใช้เคี่ยวมาจากกระดูกปลาไหล เป็นเมนูฟิวชันเผื่อใครอยากชิมอะไรใหม่ๆ

 

 

เมนูที่ต้องสั่งและห้ามพลาดสุดๆ เราขอยกให้ Nomu Pot (990 บาท) ข้าวอบหม้อดินสไตล์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ เปิดฝาแล้วกลิ่นหอมชวนหิว ด้านบนมีท็อปปิ้งแน่นๆ ทั้งปลาหิมะ เนื้อปูซูไว และอิคุระ เวลากินให้คลุกทุกอย่างให้เข้ากันทั้งหมด เพราะเชฟปรุงรสชาติข้าวมาให้แล้ว บอกเลยว่าถ้าใครได้ลองต้องติดใจจนอยากกลับมาซ้ำแน่ๆ

 

 

อีกเมนูไฮไลต์ของร้าน Grilled Himeji (1,790 บาท) เป็นปลาฮิเมจิที่ร้านนำไปดรายเอจนาน 7 วัน ก่อนนำมาย่างบนเตาถ่าน และเสิร์ฟพร้อมซอสรสชาติสดชื่นที่ทำมาจากเลมอนเคเปอร์และชิโซะออยล์ เมนูนี้กินพร้อมเครื่องดื่มญี่ปุ่นอย่างสาเกแล้วเข้ากันดีเลยล่ะ

 

เช่นเดียวกับ Mentaiko Stuffed Chicken Wings (320 บาท) ไก่ทอดไส้เมนไทโกะที่เต็มปากเต็มคำมาก กัดไปแล้วเจอเนื้อไก่และไข่ปลาเน้นๆ เพราะร้านนำกระดูกออกให้แล้ว ยิ่งสลับจิบคู่เครื่องดื่มจะยิ่งเพลินสุดๆ

 

 

Good for

 

KIMI NOMU เป็นร้านที่หากเราอยากนัดเพื่อนมานั่งอัปเดตชีวิต หรือนัดแฟนมากินมื้อพิเศษ ที่นี่จะต้องอยู่ในอันดับต้นๆ ของลิสต์แน่นอน เพราะทั้งบรรยากาศที่ไม่แออัดวุ่นวาย แวะมาได้ทั้งกลางวันและกลางคืน รวมถึงเมนูอาหารที่ดีทั้งรสชาติและหน้าตา แถมยังเหมาะกับการสั่งมาแชร์กินด้วยกันให้ชิมได้หลายๆ อย่าง และหากใครเป็นสายดื่มก็ลองถามร้านถึงขวดที่แนะนำดูด้วย

 

KIMI NOMU

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-14.00 น. และ 17.00-00.00 น.

Contact: @​​kimi_nomu

Address: ซอยสมคิด (BTS สถานีชิดลม)

Budget: 1,000-2,500 บาท

Map: 

 

The post KIMI NOMU ร้านอาหารญี่ปุ่นที่น่าชวนกันมาเอ็นจอยมื้อพิเศษในบรรยากาศสบายๆ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Terroir.bkk ร้านกาแฟที่จะทำให้ย่านทรงวาดเป็นจุดนัดพบของคนรักกาแฟ https://thestandard.co/life/terroir-bkk Fri, 14 Feb 2025 00:48:21 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1041612 Terroir.bkk

“ผมขายแค่กาแฟน้ำและกาแฟนม” ปาร์ค-ทศเทพ ตันประพัฒน์ เจ้า […]

The post Terroir.bkk ร้านกาแฟที่จะทำให้ย่านทรงวาดเป็นจุดนัดพบของคนรักกาแฟ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Terroir.bkk

“ผมขายแค่กาแฟน้ำและกาแฟนม” ปาร์ค-ทศเทพ ตันประพัฒน์ เจ้าของร้านกาแฟแห่งใหม่ริมถนนทรงวาด Terroir.bkk บอกกับเรา เมื่อเราถามว่ากาแฟร้านนี้โดดเด่นจากแห่งอื่นๆ อย่างไร ซึ่งก็เป็นอย่างที่ว่าจริงๆ เพราะเมื่อเข้ามาทุกคนจะเห็นเฉพาะเมนูกาแฟฟิลเตอร์และกาแฟเอสเพรสโซ เนื่องจากสิ่งที่ Terroir.bkk ต้องการนำเสนอคือ ‘เมล็ดกาแฟ’ ที่คุณภาพดีไม่แพ้กาแฟที่ต่างประเทศกำลังนิยมดื่มกันอยู่ตอนนี้

 

“ร้านเราขายกาแฟอย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่นเลย มีแค่น้ำกับนม เพราะผมเคยทำธุรกิจกาแฟที่ต่างประเทศมาก่อน ผมคั่วกาแฟเองตั้งแต่ตอนนั้นจนกลับมาเปิดร้านและโรงคั่วเองที่ประเทศไทย ผมเลยอยากให้ทุกคนได้ชิมกาแฟที่มีมาตรฐานเดียวกับต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นแนวยุโรป ไต้หวัน ญี่ปุ่น หรือออสเตรเลีย” ปาร์คบอก

 

 

The Vibe

 

หลังกลับมาจากประเทศออสเตรเลีย ปาร์คเปิดร้านกาแฟแห่งแรกในประเทศไทยขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ชื่อว่า Terroir.cnx ก่อนเขาจะมาเดินเล่นในย่านนี้และถูกใจโลเคชั่นใหม่ริมถนนทรงวาด จึงเกิดเป็นร้าน Terroir.bkk แห่งนี้ที่มาในบรรยากาศเท่ๆ สไตล์แคมป์ปิ้ง นั่งจิบกาแฟมองดูย่าน ส่วนด้านในมีทั้งเก้าอี้นั่งสำหรับคนอยากจิบกาแฟในร่ม เคาน์เตอร์สั่งกาแฟที่มีเมล็ดให้เลือก และเคาน์เตอร์บาร์สำหรับชงกาแฟฟิลเตอร์ซึ่งเป็นไฮไลต์ของร้าน

 

“ผมเชี่ยวชาญการทำกาแฟฟิลเตอร์ อุปกรณ์ที่เห็นบนเคาน์เตอร์ อย่างเช่น Dripper เป็นเครื่องมือที่ผมออกแบบร่วมกับอาจารย์ ซึ่งผมจริงจังกับเทคนิคนี้มากพอๆ กับการ Processing เมล็ดกาแฟ ผมจึงเอา Brew bar มาตั้งไว้ข้างหน้าร้าน เพราะนี่คืออีกสิ่งที่ผมอยากผลักดัน เนื่องจากตอนนี้คนไทยดื่มกาแฟฟิลเตอร์ไม่น้อยหน้ากว่าประเทศอื่นเลย”

 

Terroir.bkk

 

The Taste

 

หลายคนอาจรู้จักปาร์คในนามของ Brewboy ด้วยการเป็นนักคั่วกาแฟและขายเมล็ดกาแฟออนไลน์ ก่อนเขาจะเริ่มเติบโตจนเปิดร้านกาแฟ Terroir เป็นของตัวเองได้ เพราะฉะนั้นร้านกาแฟของปาร์คจึงโฟกัสที่คุณภาพเมล็ดกาแฟมากเป็นพิเศษ และการที่จะมั่นใจคุณภาพได้ระดับนี้ ปาร์คเล่าว่าเขาต้องเดินทางไปถึงแหล่งปลูกกาแฟเอง เพื่อไปให้เห็นกับตาตั้งแต่ขั้นตอนการปลูก การเก็บ ไปจนถึงขั้นตอนการหมัก (Processing) เพราะฉะนั้นหากใครอยากรู้ว่าเมล็ดกาแฟที่กำลังดื่มเก็บแบบไหน ผ่านขั้นตอนอะไรมาบ้าง ที่นี่จะให้คำตอบได้

 

“ในแต่ละเดือนผมจะเดินทางไปฟาร์มเองทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อไป Processing กาแฟเอง เนื่องจากการหมักกาแฟเป็นอีกหนึ่งในงานที่ทำด้วย ผมจึงเห็นตั้งแต่ขั้นตอนการเด็ด ไปจนถึงขั้นตอนการหมัก การตาก และการคั่ว กาแฟในร้าน 90% จึงเป็นกาแฟที่เราเดินทางไปทำเอง ซื้อเอง นำเข้ามาเอง และใช้เองในร้าน ผมอยากโชว์เคสสิ่งเหล่านี้ให้มากขึ้นเพื่อให้คนดื่มกาแฟได้รับรู้เรื่องเหล่านี้มากขึ้น”

 

 

เมล็ดกาแฟของ Terroir.bkk จึงมีให้เลือกระหว่าง House Blend ที่เหมาะสำหรับเมนูกาแฟนม และ Single Origin ที่เหมาะกับเมนูกาแฟดำ โดยมีเบลนด์พิเศษประจำร้านสาขาทรงวาดคือ ‘Everyday.bkk’ เมล็ดกาแฟจากฮอนดูรัสผสมเคนยาที่เน้นความดื่มง่าย ดื่มได้ทุกวันในราคาจับต้องได้ 

 

“เดือนนี้เมนูกาแฟนมเป็นเบลนด์ฮอนดูรัสกับเคนยา ส่วน Single Origin วันนี้มี 2 ตัว คือ เอธิโอเปียกับไทย ซึ่งเมล็ดกาแฟไทยทั้งหมดจะเป็นเมล็ดที่ผมหมักเอง แต่เมล็ดจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะผมไม่อยากจำกัดอะไร ถ้าหมดก็เปลี่ยน ฟังเสียงลูกค้าด้วย อย่างเช่นช่วงแรกๆ เราไม่มีน้ำตาลเลย แต่พอมีลูกค้าถามหาเราก็มีให้ แต่ลูกค้าต้องตักใส่เองนะ เราจะไม่ปรุงแต่งอะไรให้เลย”

 

เมนูกาแฟของ Terroir.bkk จึงมีให้เลือกระหว่าง White coffee (85 / 105 บาท) ที่ใช้เบลนด์ Everyday.bkk ซึ่งมีทั้งเกรดปกติและเมล็ดแข่งขัน Black Coffee (105 บาท) ที่ใช้เมล็ด Single Origin โดยเลือกได้ระหว่างไทยและเอธิโอเปีย และ Filter coffee (125-350 บาท) ที่มีเมล็ดให้เลือกหลากหลาย โดยเฉพาะเมล็ดกาแฟปานามา เกอิชาที่เป็นของเด็ด ซึ่งทุกคนอาจได้เจอแก้วพิเศษที่ร้านใช้เสิร์ฟเพื่อให้ทุกคนได้ลิ้มรสชาติกาแฟที่ดีที่สุดด้วย

 

 

Good for

 

Terroir.bkk เป็นร้านที่คอกาแฟตัวจริงต้องมาลอง เราชอบทั้งบรรยากาศและกาแฟที่ร้านเสิร์ฟอย่างจริงจังในสไตล์ Specialty เพราะฉะนั้นคนไหนที่สนใจเรื่องกาแฟเป็นพิเศษ และอยากรู้ว่าตอนนี้วงการกาแฟไทยและต่างประเทศพัฒนาไปถึงไหน รสชาติเป็นอย่างไร ต้องมาอัปเดตกันที่นี่ดู

 

“ผมไม่อยากให้คิดว่าถ้าอยากดื่มกาแฟแพงให้มาที่นี่ แต่ถ้าอยากดื่มกาแฟที่มีมาตรฐานเทียบเท่าประเทศอื่นๆ ในโลก ผมมั่นใจว่าผมก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าใครแน่นอน” 

 

Terroir.bkk

Open: ทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น.

Contact: @​​terroir.bkk.songwat

Address: ถนนทรงวาด ใกล้ Hostel Urby

Budget: 100-300 บาท

The post Terroir.bkk ร้านกาแฟที่จะทำให้ย่านทรงวาดเป็นจุดนัดพบของคนรักกาแฟ appeared first on THE STANDARD.

]]>
4 HOURS LIFE with บู้ SLUR กับ 4 ชั่วโมงที่โคตรจะโปรดักทีฟ https://thestandard.co/life/4-hours-life-with-boo-slur Thu, 13 Feb 2025 05:31:59 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1041260

เป็น 4 ชั่วโมงที่โปรดักทีฟสุดๆ   ถ้ามีเวลาให้คุณ 4 […]

The post 4 HOURS LIFE with บู้ SLUR กับ 4 ชั่วโมงที่โคตรจะโปรดักทีฟ appeared first on THE STANDARD.

]]>

เป็น 4 ชั่วโมงที่โปรดักทีฟสุดๆ

 

ถ้ามีเวลาให้คุณ 4 ชั่วโมง คุณจะใช้ไปกับอะไร? แต่สำหรับ บู้ SLUR เลือกใช้ไปกับแพสชันของตัวเองที่มองแล้วโปรดักทีฟสุดๆ หลังจากคุยกับบู้แล้วก็สัมผัสได้ทันทีว่าเขาเป็นตัวจริงในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะชอบด้านไหนก็ต้องไปให้สุด

 

แพสชันของบู้ในแต่ละวันเริ่มตั้งแต่การหันมาดูแลตัวเอง ตื่นเช้ามาวิ่งกับ Run Club เริ่มวิ่งมาไม่กี่เดือน ตอนนี้ก็ตื่นมาวิ่งแทบทุกเช้า หลังจากนั้นอาบน้ำเปลี่ยนชุดไปหาอะไรกินต่อ ซึ่งการกินของอร่อยก็เป็นอีกหนึ่งแพสชันที่บู้ชื่นชอบ ยิ่งร้านลับแนวสตรีทฟู้ดแบบที่ Google Maps ยังหาไม่เจอ บู้ยิ่งชอบ! นี่ยังไม่หมด เพราะยังมีอีกหลายกิจกรรม อีกหลายสถานที่ที่บู้สามารถไปได้

 

4 HOURS LIFE with ในครั้งนี้ เราเลยอยากพาทุกคนมาสัมผัสไลฟ์สไตล์สุดโปรดักทีฟที่เต็มไปด้วยแพสชันของ บู้ SLUR กัน

 

 

บู้บอกกับเราว่า กิจกรรมหลักๆ ในช่วงนี้ที่ทำบ่อยๆ คือการวิ่ง โดยจุดเริ่มต้นที่หันมาจริงจังในการวิ่งคือการไปวิ่งที่สวนเบญจกิติ ในช่วงแรกอาจจะไม่ได้จริงจังมาก วิ่งแค่ระยะ 4-5 กิโลเมตรต่อครั้ง แต่มีอยู่วันหนึ่งที่บู้ไปวิ่งที่สวนเบญจกิติตอนเช้าแล้วเจอกับเพื่อนเก่าที่มีน้ำหนัก 90-100 กิโลกรัมในอดีต แต่ในปัจจุบันเขาลีนมาก น้ำหนักเหลือแค่ 60-70 กิโลกรัม จนบู้ต้องถามว่า “เฮ้ย มึงทำอะไรวะ” ซึ่งก็ได้คำตอบว่าเขาวิ่งตอนเช้าทุกวัน วันละ 10 กิโลเมตร นั่นเป็นจุดเริ่มต้นที่บู้หันมาเริ่มจริงจังในการวิ่ง และถือว่าเป็นแรงบันดาลใจที่ดีสำหรับคนที่กำลังอยากเริ่มวิ่ง เพราะบู้เริ่มวิ่งมาแค่ 3 เดือน แต่ตอนนี้วิ่งวันละ 10 กิโลเมตรได้แล้ว และวิ่ง 5-6 วันต่อสัปดาห์!

 

 

สวนเบญจกิติ

 

สวนสาธารณะใจกลางเมือง ตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกใกล้กับแยกอโศกมนตรี พื้นที่ภายในแบ่งออกเป็นหลายส่วน สามารถเข้าไปออกกำลังกายและทำกิจกรรมได้หลากหลาย เช่น ถีบเรือเป็ด, พายเรือ, ตีแบดมินตัน, เล่นบาสเกตบอล หรือปั่นจักรยาน และยังมีทางเดินลอยฟ้าให้เดินพักผ่อนได้อีกด้วย

 

 

บู้มองว่าสวนนี้เป็นเหมือนอัญมณีใจกลางเมือง เพราะบรรยากาศ สภาพแวดล้อมที่ดี รูทวิ่งน่าสนใจ ซึ่งมีทั้งที่ถนนและทางลอยฟ้า โดย 1 รอบของสวนเบญจกิติจะมีระยะทางราว 3 กิโลเมตร ซึ่งบู้และคลับวิ่งของเขาวิ่งวันละ 3 รอบโดยประมาณ ใครที่อยากจะลองวิ่งหรือกำลังหาคลับวิ่งลองมาที่สวนเบญจกิติได้ บู้ยืนยันว่า “ผมรู้สึกว่าแต่ละคนเอเนอร์จี้ดี แล้วก็เป็นคนที่มาเพราะรักสุขภาพจริงๆ”

 

Open: ทุกวัน เวลา 04.30-21.00 น.

Address: ถนนรัชดาภิเษก ใกล้กับแยกอโศกมนตรี

Map: maps.app.goo.gl

 

 

NiPCOFFEE

 

หลังจากที่บู้วิ่งเสร็จ กิจกรรมต่อมาคือหาอะไรกิน ซึ่งในย่านพระราม 4 มีคาเฟ่อยู่ร้านหนึ่งที่แทบทุกคลับวิ่งจะไปนั่งกัน นั่นคือ NiP Cafe ร้านกาแฟเล็กๆ ที่มีกาแฟคุณภาพดีหลากหลายชนิดที่ทางร้านคั่วเองอัดแน่นเต็มร้าน เหตุผลที่ต้องมีกาแฟเยอะขนาดนี้ เพราะทางร้านอยากให้ที่นี่เป็นเหมือนร้านที่คนมากินที่นี่ทุกวันได้ สั่งเมนูเดิมแล้วไม่รู้สึกเบื่อ เพราะสามารถเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆ ได้ ซึ่งเมนูประจำของบู้คืออเมริกาโนที่เลือกเมล็ดเป็น Sherlyn Blend ภาพรวมจะเป็นกาแฟที่มีกลิ่น Floral กับ Fruity ผสมกัน

 

 

Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.30-17.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-17.00 น.

Address: พระราม 4

Budget: เริ่มต้น 70 บาท

Facebook: NiPCOFFEE

Map: https://maps.app.goo.gl/

 

 

ถ้าใครที่เคยส่องไลฟ์สไตล์ของบู้ผ่านทางโซเชียลมีเดียอาจจะเคยเห็นผ่านตามาบ้างว่าบู้ชอบไปกินร้านสตรีทฟู้ดมาก ซึ่งเหตุผลที่บู้ชื่นชอบสตรีทฟู้ดเพราะมองว่า “สตรีทฟู้ดมันคือความจริงใจ” เป็นสิ่งที่อาจจะไม่ได้มีความแน่นอนและตายตัว เหมือนเป็นศิลปะทั้งการตกแต่งร้านและเมนูอาหาร ซึ่งความจริงใจนี้ดูได้จากการที่เจ้าของร้านมาทำให้เรากินโดยตรง นั่นจึงเป็นเสน่ห์ที่ทำให้บู้หลงใหลในการกินสตรีทฟู้ด

 

 

ก๋วยเตี๋ยวมุดรั้ว

 

ร้านสตรีทฟู้ดลับในย่านสุขุมวิท ร้านนี้บู้ให้ความเห็นว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวเรือตัวท็อปในย่านสุขุมวิท ซึ่งใส่ใจในการปรุงชามต่อชาม ไม่ได้มีอัตราส่วนที่ตายตัวมาก แต่นั่นคือเสน่ห์ของร้านนี้ ต้องบอกว่าทางร้านเขาใส่ใจในทุกๆ องค์ประกอบของก๋วยเตี๋ยว ทั้งน้ำซุป, เส้น, เนื้อสัตว์ ยันกากหมู ทางร้านใช้วัตถุดิบที่ดีมากๆ เมื่อเทียบกับราคา และเส้นที่บู้มาแล้วสั่งบ่อยๆ คือเส้นหมี่และเส้นเล็ก บู้ยังแนะนำว่าใครที่ชอบกินก๋วยเตี๋ยวแห้งต้องไปลองร้านนี้ เพราะเข้มข้นมาก ใครอยากลองชิมแนะนำให้เช็กวันเปิด-ปิดทาง Facebook ของร้านได้

 

 

Open: เวลา 10.30-15.00 น. (เช็กวันเปิด-ปิดทาง Facebook ของร้าน)

Address: ซอยสุขุมวิท 54

Budget: ชามเล็ก ราคา 30 บาท, ชามใหญ่ ราคา 60 บาท

Facebook: ก๋วยเตี๋ยวเรือมุดรั้ว-เจ้าเก่ามิสเตอร์บราวน์แบร์

Map: https://maps.app.goo.gl/

 

เมื่อเราพูดถึงบู้ SLUR อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้คือของวินเทจ ซึ่งบู้เริ่มชอบของวินเทจโดยเฉพาะเสื้อผ้าตั้งแต่ตอนที่เริ่มโตขึ้นและมีแนวทางการแต่งตัวชัดขึ้น จึงรู้ตัวว่าชอบใส่เสื้อผ้าที่ไม่ได้เนี้ยบมาก มีรอยบ้าง เปื้อนบ้าง เพราะนั่นคือเสน่ห์ของเสื้อผ้าวินเทจ

 

 

บู้บอกว่า “เรารู้สึกว่าอะไรพวกนี้มันคือความสวยงามสำหรับเรา มันคือความ มันคือจริตของเรา เราเลยชอบใส่เสื้อผ้าเก่า ชอบใส่เสื้อผ้ามือสองมากกว่า”

 

 

Memoriesbrand

 

เมื่อมีโอกาสได้คุยกับบู้ทั้งที เราเลยอยากให้บู้แนะนำร้านของวินเทจที่ไปบ่อยหน่อย ซึ่งบู้แนะนำว่าร้าน Memoriesbrand เลย เป็นร้านวินเทจที่คัดของดีมาให้แล้ว บรรยากาศภายในร้านตกแต่งออกมาเหมือนกับเราอยู่ในร้านวินเทจดีๆ สักร้านที่ญี่ปุ่น ของในร้านค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งเสื้อ กางเกง แจ็กเก็ต และตอนนี้ทางร้านมีเสื้อยืดวินเทจที่มีลายเกี่ยวกับการวิ่ง ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่ทำให้บู้เสียเงินในวันนี้

 

 

Open: วันศุกร์-จันทร์ เวลา 10.00-18.00 น.

Address: ซอยรัชดาภิเษก 10

Facebook: Memoriesbrand

Map: https://maps.app.goo.gl/

 

อย่างที่เรารู้ๆ กันว่าบู้ทำรายการแนวไลฟ์สไตล์สนุกๆ ชื่อมิชลุย ซึ่งหลายตอนพาไปตามล่าหาของวินเทจจากจุดต่างๆ ได้คุยกับตัวพ่อด้านของวินเทจทั้งที เราเลยอยากให้บู้ป้ายยาแหล่งหาของวินเทจสำหรับมือใหม่ว่าควรเริ่มจากที่ไหนดี

 

 

ตึกแดงวินเทจ จตุจักร

 

ที่แรกน่าจะเป็นที่ที่กำลังได้รับความนิยมมากที่สุดในตอนนี้คือตึกแดง ที่นี่รวมของวินเทจหลายหมวดหมู่ ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ และของแต่งบ้าน ซึ่งสำหรับมือใหม่ที่นี่สะดวกมากๆ เพราะเขาค่อนข้างจะคัดของมาประมาณหนึ่งแล้ว และจะแต่งตัวแนวไหนที่นี่มีให้เลือกทั้งหมด

 

Open: วันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 10.00-20.00 น., วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-22.00 น.

Address: MRT สถานีกำแพงเพชร

Map: https://maps.app.goo.gl/

 

ภาพ: ตลาดนัดจตุจักร Chatuchak Weekend Market jjweekendmarket / Facebook

 

ตลาดนัดจตุจักร

 

ถ้าเดินตึกแดงแล้วรู้สึกว่าเราพอมีความรู้ด้านของมือสองบ้างแล้ว ลองเดินมาฝั่งตรงข้ามบริเวณตลาดนัดจตุจักร สถานที่สุดคลาสสิกที่คนชอบของวินเทจต้องเคยไป เพราะมีของให้เลือกหลายหมวดหมู่และมีราคาตั้งแต่ถูกไปถึงแพง การไปจตุจักรยังเป็นการไปซื้อของมือสองที่ให้ความรู้สึกได้คุ้ยของอยู่

 

Open: วันพุธ-อาทิตย์ เวลา 07.00-18.00 น.

Address: MRT สวนจตุจักร

Map: https://maps.app.goo.gl/

 

ภาพ: ตลาดปัฐวิกรณ์ โครงการใหม่ / Facebook

 

ตลาดปัฐวิกรณ์

 

นับวันตลาดปัฐวิกรณ์ยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการไปคุ้ยหาของวินเทจแล้วสนุกติดอันดับต้นๆ เพราะเขามีเสื้อผ้าหลากหลาย เสน่ห์ของการไปแหล่งมือสองที่เขาไม่ได้คัดของมาให้คือการคุ้ยหาของโดยที่เราไม่ได้คาดหวังว่าจะเจออะไร ซึ่งบางทีอาจจะได้เจอของที่เราต้องการในราคาที่ไม่คาดคิด!

 

Open: ทุกวัน เวลา 07.00-20.00 น.

Address: ถนนนวมินทร์

Map: https://maps.app.goo.gl

 

ภาพ: ปวรุตม์ งามเอกอุดมพงศ์, THE STANDARD, ตลาดนัดจตุจักร Chatuchak Weekend Market jjweekendmarket / Facebook, ตลาดปัฐวิกรณ์ โครงการใหม่ / Facebook

The post 4 HOURS LIFE with บู้ SLUR กับ 4 ชั่วโมงที่โคตรจะโปรดักทีฟ appeared first on THE STANDARD.

]]>