LIFE | FOOD & DRINK – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Sat, 30 Nov 2024 05:43:51 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ‘Sorn ศรณ์’ เป็นร้านอาหารไทยแห่งแรกของโลกที่คว้าดาวมิชลิน 3 ดวง https://thestandard.co/life/sorn-thai-restaurant-3-michelin-stars Thu, 28 Nov 2024 08:54:11 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1013891

‘Sorn ศรณ์’ ร้านอาหารไทยของ เชฟไอซ์-ศุภักษร จงศิริ สร้า […]

The post ‘Sorn ศรณ์’ เป็นร้านอาหารไทยแห่งแรกของโลกที่คว้าดาวมิชลิน 3 ดวง appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘Sorn ศรณ์’ ร้านอาหารไทยของ เชฟไอซ์-ศุภักษร จงศิริ สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ด้วยการเป็นร้านอาหารไทยแห่งแรกของโลกที่คว้ารางวัลดาวมิชลิน 3 ดวง ในการประกาศรางวัล MICHELIN Guide Ceremony Thailand 2025

 

“ย้อนกลับไป 7 ปีก่อน ตอนนั้นยังไม่มีใครเชื่อในตัวพวกเราหรือสิ่งที่เราทำ เพราะพวกเราเลือกเดินบนเส้นทางใหม่ที่ยังไม่มีใครเดินมาก่อน แต่ก็มีคนกลุ่มหนึ่งที่เชื่อในตัวพวกเรา ผมขอบคุณคนเหล่านั้น รวมถึงทีมร้านอาหารที่อยู่ในงานนี้ด้วย และสำคัญที่สุด ครอบครัวของผมที่บอกให้ผมเชื่อในตัวเอง” เชฟไอซ์กล่าวบนเวที 

 

ก่อนตอบคำถามสื่อถึงการได้รับรางวัลใหญ่ที่สร้างประวัติศาสตร์ให้วงการอาหารอีกว่า

 

“ผมพยายามผลักดันอาหารไทยให้ก้าวไปข้างหน้าทุกปี คนทำอาชีพเชฟไม่ควรอยู่ที่เดิม พวกเราควรทำอาหารที่ดี ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า ผมยังขาดประสบการณ์บางด้านอยู่บ้าง สิ่งที่เราต้องทำคือถามคนกินว่าเขาคิดอย่างไร ยอมรับความคิดเห็นนั้น และนำมาพัฒนาให้ร้านอาหารของคุณดีขึ้น

 

“สำหรับผมอาหารคือความรัก ถ้าย้อนนึกถึงความรู้สึกแรกที่คุณทำอาหาร ผมเชื่อว่าทุกคนเริ่มทำอาหารครั้งแรกไม่ใช่เพื่อเงินทอง เพื่อชื่อเสียง แต่เพื่อคนที่เรารัก ความรู้สึกแรกจึงสำคัญ คุณต้องจำความรู้สึกนั้นไว้และลงมือทำอาหารด้วยความรู้สึกนั้น ไม่ใช่ทำอาหารอย่างที่คนอื่นต้องการ ถ้าคุณทำแบบนั้น คุณไม่มีทางเป็นออริจินัลได้ คุณต้องรักตัวเอง รักอาหารที่ตัวเองทำ ซื่อสัตย์กับสิ่งที่คุณทำ” เชฟไอซ์กล่าว

 

เราขอแสดงความยินดีอย่างที่สุดที่ร้านอาหาร Sorn ศรณ์ ได้รับรางวัลมิชลิน 3 ดาว เพราะนั่นทำให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเชฟไอซ์บอกอีกว่า เขาและทีมจะผลักดันอาหารไทย รวมถึงเกษตรกรไทยและวัตถุดิบท้องถิ่นในประเทศไทยต่อไปอีกเรื่อยๆ เพื่อทำให้นักชิมทั่วโลกรู้จักอาหารไทย 

 

เพราะฉะนั้น พวกเรามาให้กำลังใจเชฟและทีมร้านอาหารทุกคนพร้อมกัน เพื่อให้พวกเขามีกำลังใจในการรังสรรค์อาหาร และทำให้อาหารไทยกลายเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องอยากเดินทางมาชิม

The post ‘Sorn ศรณ์’ เป็นร้านอาหารไทยแห่งแรกของโลกที่คว้าดาวมิชลิน 3 ดวง appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุปผลดาวมิชลิน มีร้านไหนยังติดดาวบ้างใน MICHELIN Guide 2025 https://thestandard.co/life/michelin-guide-ceremony-thailand-2025 Thu, 28 Nov 2024 06:01:32 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1013792 MICHELIN Guide 2025

ตลอดปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่าทุกคนออกไปตามชิมร้านอร่อยมาก […]

The post สรุปผลดาวมิชลิน มีร้านไหนยังติดดาวบ้างใน MICHELIN Guide 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
MICHELIN Guide 2025

ตลอดปีที่ผ่านมา เราเชื่อว่าทุกคนออกไปตามชิมร้านอร่อยมากมายจนนับไม่ถ้วน ทั้งร้านที่ได้รับการแนะนำจาก MICHELIN Guide หรือร้านเปิดใหม่ที่น่าลอง แล้วหากทุกคนต้องเลือกสัก 1 ร้านที่ประทับใจที่สุด เพื่อนๆ จะเลือกร้านไหนกัน? และคิดว่าร้านนั้นจะมีชื่ออยู่บนลิสต์ MICHELIN Guide 2025 หรือเปล่า?

 

วันนี้เราจึง #สรุปผลรางวัล จากเวที MICHELIN Guide Ceremony Thailand 2025 มาให้เพื่อนนักชิมทุกคน ส่วนจะมีร้านไหนที่ยังคงได้ดาวประดับ ร้านไหนจะได้เดบิวต์บนลิสต์เป็นครั้งแรก รวมถึงรางวัลพิเศษอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วย เอาเป็นว่าเราไม่ขอรอช้า มาเริ่มกันเลยดีกว่า

 

⭐⭐⭐ 3 ดาวมิชลิน

– Sorn

 

⭐⭐ 2 ดาวมิชลิน

– Côte by Mauro Colagreco *New

R-HAAN

– Gaa

– Chef’s Table

– Baan Tepa

– Mezzaluna

– Sühring

 

⭐ 1 ดาวมิชลิน

– Chim by Siam Wisdom

– Signature

– Saneh Jaan

– Le Normandie

– Coda *New

– Aksorn

– Resonance

– สวนทิพย์

– Maison Dunand

– Aulis *New

– เจ๊ไฝ

– IGNIV

– 80/20

– Nahm

– GOAT *New

– PRU

– Wana Yook

– Blue by Alain Ducasse

– Haoma

– AKKEE *New

– Nawa

– Samrub Samrub Thai

– Mia

– Le Du

– Avant *New

– Elements, Inspired by Ciel Bleu

– INDDEE

– POTONG

 

🍀 MICHELIN Green Star

  • PRU
  • Jampa
  • Haoma
  • Baan Tepa *New

 

🍽 Special Awards 2024

 

MICHELIN Guide Service Award

  • ยุพา สุขเกษม จากร้านอาหาร Baan Tepa

 

Young Chef Award

  • เชฟอู๋-สิทธิกร จันทป จากร้านอาหาร AKKEE

 

MICHELIN Opening of the Year 

  • Dimitrios Moudios จากร้านอาหาร ōre

 

Sommelier Award

  • ฐานสิทธิ์ วาสินนท์ จากห้องอาหาร Côte by Mauro Colagreco

 

 

The post สรุปผลดาวมิชลิน มีร้านไหนยังติดดาวบ้างใน MICHELIN Guide 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
Yume Ramen คราฟต์ราเมนสัญชาติไทยที่ไม่ทิ้งกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น https://thestandard.co/life/yume-ramen-thai-craft-with-japanese-touch Wed, 27 Nov 2024 07:56:33 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1013430

“ผมตั้งใจทำ Yume Ramen เป็นราเมนสไตล์ญี่ปุ่นแต่มีสำเนีย […]

The post Yume Ramen คราฟต์ราเมนสัญชาติไทยที่ไม่ทิ้งกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น appeared first on THE STANDARD.

]]>

“ผมตั้งใจทำ Yume Ramen เป็นราเมนสไตล์ญี่ปุ่นแต่มีสำเนียงแบบไทยๆ” เนย์-วิชชุพล เจริญทรัพย์ เจ้าของร้านราเมนแห่งนี้เล่าให้เราฟัง บอกตรงๆ ว่าครั้งแรกที่ได้ยินก็ไม่เข้าใจในทันที จนกระทั่งนั่งชิมด้วยตัวเองถึงหน้าเคาน์เตอร์บาร์ เราถึงกับต้องยอมให้กับความครีเอทีฟของราเมนร้านนี้ และเชื่อว่าหากทุกคนได้มาชิมก็จะรู้สึกเปิดโลกเหมือนกัน

 

 

The Vibe

 

Yume Ramen ยังอยู่ในช่วง Soft Opening เพราะฉะนั้นร้านที่ทุกคนเห็นอยู่ตอนนี้เป็นเหมือนห้องทดลองของพวกเขามากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นด้านในก็มีห้องครัวที่ใช้ทดลองสูตรใหม่ๆ และเคาน์เตอร์บาร์พร้อมเก้าอี้นั่งสไตล์ร้านราเมนญี่ปุ่น เข้ามาแล้วทุกคนจะเลือกนั่งดูเชฟจัดวางองค์ประกอบราเมนในแต่ละชามอย่างใกล้ชิดถึงหน้าเคาน์เตอร์ก็ได้ หรือถ้าใครมาหลายคนและอยากสลับชามชิมราเมนของเพื่อนได้สะดวกๆ ก็ให้เลือกนั่งโต๊ะอาหาร เพราะเมนูของร้านนี้บอกเลยว่ามีคาแรกเตอร์ของตัวเองทุกชาม จนสายราเมนต้องอยากกลับมาลองให้ครบ

 

 

The Taste

 

ตอนนี้ Yume Ramen มีราเมนประจำร้านอยู่ 7 เมนู ที่น่าสนใจคือแต่ละชามมีความเป็นราเมนสไตล์ญี่ปุ่นทั้งหน้าตาและรสชาติ แต่จริงๆ แล้วได้ไอเดียมาจากอาหารไทย ซึ่งหากเราเล่าแค่นี้ทุกคนอาจนึกถึงราเมนฟิวชันที่เห็นได้ทั่วๆ ไป แต่สำหรับเราแล้วร้านนี้ไม่ใช่เลย

 

 

อย่างเช่นเมนูแรก Shio Ramen Special (298 บาท) ราเมนซุปใสที่ดูเรียบง่าย แต่สำหรับคนชอบราเมนน่าจะรู้ดีว่าราเมนประเภทนี้ไม่ใช่ใครทำก็อร่อย โดยสูตร Shio Ramen ของร้าน Yume Ramenจะขึ้นเบสน้ำซุปด้วยหอยไทยหลายชนิด มีหอยญี่ปุ่นเพียงชนิดเดียว เมื่อชิมจึงได้รสชาติที่มีเอกลักษณ์ของทะเลไทย มาพร้อมท็อปปิ้งอย่างเนื้อไก่ เกี๊ยว ลูกชิ้น และผักกวางตุ้ง เนื่องจากชามนี้ได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘บะหมี่เกี๊ยวน้ำ’

 

“เราใช้หอยไทยอย่างหอยนางรม หอยแครง หอยตลับ มันคือรสชาติที่ไปกินถึงญี่ปุ่นก็ไม่เจอ เพราะมันคือรสชาติทะเลไทย เราตั้งใจใช้ของเกษตรกรในบ้านเรา ไม่อยากนำเข้าให้คนไทยกิน อยากให้คนญี่ปุ่นได้ลองของไทยมากกว่า” วิชชุพลกล่าว

 

 

A4 Wagyu Ramen (498 บาท) เป็นราเมนซุปโชยุที่ทำไม่ง่ายเช่นกัน โดยทีเด็ดของร้านนี้อยู่ตรงโชยุที่ร้านทำเอง ผสมกับน้ำซุปเบสจากน้ำสต็อกวัว พอชิมแล้วมีความหวานเผ็ดเบาๆ เพราะได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘ก๋วยเตี๋ยวเรือ’ ท็อปปิ้งจึงมีทั้งลูกชิ้นเนื้อทำเอง เนื้อวากิวญี่ปุ่น A4 และแก้มวัวตุ๋น ซึ่งเครื่องเคียงทั้งหมดก็ได้ไอเดียมาจากชิ้น สด เปื่อย เวลาพวกเราสั่งก๋วยเตี๋ยว

 

และถึงแม้ว่าชามนี้อาจฟังดูเป็นเมนูก๋วยเตี๋ยวแบบไทยๆ แต่ถ้าได้ลองชิมจะสัมผัสได้เลยว่านี่ยังคงเป็นราเมนสไตล์ญี่ปุ่น

 

“ถ้าไม่บอกจะไม่มีใครดูออกว่าเมนูนี้เหมือนก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อ ซึ่งมันอาจไม่ไทยด้วยรสชาตินะ แต่ไทยด้วยไอเดีย”

 

 

คนชอบราเมนซุปข้นต้องลอง Yume Paitan Ramen (348 บาท) ราเมนเมนูแรกที่ทีม Yume Ramen ช่วยกันคิดสูตรขึ้นมา โดยเป็นราเมนซุปไก่ที่ข้นกำลังดี ไม่หนักไม่เบา ซดแล้วได้รสชาติและกินได้เรื่อยๆ ด้านบนมีชาชูไก่ที่ทาซอสและเบิร์นไฟให้หอม แล้วยังมีผักกับเห็ดทอดอีก ซึ่งไอเดียของชามนี้ก็มาจาก ‘ซุปเห็ด’ นั่นเอง

 

 

Thai Miso Curry Ramen (348 บาท) เมนูที่เราอยากให้ทุกคนได้ลองที่สุด เป็นราเมนซุปข้นที่เกิดจากคำถามที่ว่า ถ้าคนญี่ปุ่นมีมิโซะ แล้วคนไทยล่ะมีอะไร

 

คำตอบที่ทีม Yume Ramen ได้ก็คือกะปิที่ได้ความอูมามิจากการหมักเคยผสมเกลือ พวกเขาจึงดึงวัตถุดิบสำคัญอย่างเคยออกมา ก่อนนำไปผสมกับเครื่องแกงจนเกิดเป็น Thai Miso ที่เมื่อนำมาผสมกับเบสซุปไพตันแล้วกลายเป็นเมนูที่เราว่าแปลกใหม่และครีเอทีฟมากๆ เพราะในหนึ่งชามมีหลายองค์ประกอบจนตักกินกี่คำๆ ก็เจอรสชาติใหม่ ซึ่งเราว่าร้านทำออกมาได้ลงตัว กินแล้วยังเป็นราเมนสไตล์ญี่ปุ่นทว่ามีความไทยๆ ซ่อนอยู่เหมือนรสชาติราเมนในชามนี้ ที่ซ่อนไว้ทั้งสะเต๊ะ แกงเขียวหวาน และข้าวซอย

 

 

นอกจากเมนูราเมน ร้านก็มีของกินเล่นอื่นๆ ด้วยนะ อย่างเช่น ไก่ป๊อปซอสมะขามที่ดูเหมือนทาโกะยากิ หรือเกี๊ยวซ่าและปอเปี๊ยะทอดที่เราว่าทำได้ดีไม่แพ้กัน และหากกลัวว่ารสชาติทุกอย่างจะหนักเกินไป เราแนะนำให้สั่งเครื่องดื่มมาช่วยตัดเลี่ยน รับรองว่ากินต่อได้จนหมดชามแน่นอน

 

 

Good for

 

Yume Ramen เป็นอีกร้านที่เราอยากให้คนรักราเมนตามไปลอง ที่นี่ไม่ได้เสิร์ฟราเมนแบบคลาสสิกหรือออริจินัล แต่เป็นราเมนสไตล์อินโนเวทีฟที่ใส่ความสร้างสรรค์ลงไปเต็มเปี่ยม ทว่าก็ยังไม่ทิ้งเสน่ห์ของราเมนสไตล์ญี่ปุ่น เราจึงคิดว่าหากวันไหนใครอยากกินราเมนดีๆ สักชามที่กินแล้วได้อะไรมากกว่าความอิ่มกลับไป ที่นี่อาจเป็นร้านที่เพื่อนๆ กำลังมองหา

 


 

Yume Ramen

Address: โครงการ Park Lane เอกมัย

Open: วันพฤหัสบดี-อังคาร เวลา 11.00-15.00 น. และ 17.00-22.00 น., วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-22.00 น.

Contact: @yumeramen.bkk

Budget: 300-1,000 บาท

 

The post Yume Ramen คราฟต์ราเมนสัญชาติไทยที่ไม่ทิ้งกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น appeared first on THE STANDARD.

]]>
Pizza Studio Tamaki พิซซ่าร้านดังจากโตเกียวจะเปิดสาขาแรกในไทยเดือนธันวาคมนี้ https://thestandard.co/life/pizza-studio-tamaki Tue, 26 Nov 2024 05:20:14 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1012779

สงสัยว่าช่วงนี้คนไทยจะชอบกินพิซซ่าเป็นพิเศษ เพราะเรากำล […]

The post Pizza Studio Tamaki พิซซ่าร้านดังจากโตเกียวจะเปิดสาขาแรกในไทยเดือนธันวาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>

สงสัยว่าช่วงนี้คนไทยจะชอบกินพิซซ่าเป็นพิเศษ เพราะเรากำลังจะมีร้านน้องใหม่จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเปิดสาขาแรกในประเทศไทย นั่นก็คือ ‘Pizza Studio Tamaki (PST)’ โดยเชฟซึบาสะ ทามากิ ผู้พ่วงตำแหน่งแชมป์เชฟพิซซ่าที่ดีที่สุดในโลก อันดับที่ 9 จากเวที The Best Pizza 2024 พร้อมกับอีกหนึ่งรางวัลพิเศษ The Best Pizza Experience Award 2024 ที่มอบให้เนื่องจากร้านพิซซ่าแห่งนี้เป็นร้านที่คนรักพิซซ่าห้ามพลาดเมื่อมาเยือนกรุงโตเกียว

 

Pizza Studio Tamaki เปิดอยู่ในเมืองมินาโตะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เป็นร้านพิซซ่าสไตล์เคาน์เตอร์บาร์ไม่กี่ที่นั่งและมีโต๊ะสูงเสริมนิดหน่อย สิ่งที่ทำให้ร้านนี้โดดเด่นคือการทำพิซซ่าสไตล์โตเกียว-นาโปลี ด้วยการใช้แป้งสูตรพิเศษของประเทศญี่ปุ่น เกลือจากโอกินาวา และเทคนิคการหมักแป้งนาน 30 ชั่วโมง จนได้แป้งพิซซ่าเนื้อสัมผัสโปร่ง เบา กรอบ รสชาติซับซ้อนมีเอกลักษณ์ แต่กินแล้วอิ่มสบายท้องแบบที่หลายคนชอบ

 

แน่นอนว่า Pizza Studio Tamaki สาขาแรกในประเทศไทยจะมาพร้อมพิซซ่าสูตรเดียวกัน แถมจะใช้เตาอบไม้นำเข้าจากญี่ปุ่น พร้อมมีหัวหน้าเชฟชาวญี่ปุ่นและพิซซ่าโยโล (Pizzaiolo) หรือคนทำพิซซ่าที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี จากร้าน Pizza Studio Tamaki สาขาโตเกียว มารับหน้าที่ดูแลร้านสาขาประเทศไทยด้วย เพื่อให้รสชาติและคุณภาพใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด

 

เพราะฉะนั้น ถ้าใครรู้ตัวว่าเป็นสาวกพิซซ่า เตรียมตัวไปชิมเมนูซิกเนเจอร์อย่าง Tamaki หรือ Special Bianca ซึ่งเป็นเมนูขึ้นชื่อจากสาขาต้นตำรับได้เลย พร้อมกับเมนูอื่นๆ อย่างลาซานญ่าหรือทีรามิสุอีก โดย Pizza Studio Tamaki จะเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคมนี้ ที่ Town Hall ซอยสุขุมวิท 49

 

ระหว่างเตรียมท้องรอไปชิม สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ PST Bangkok และ @pst.bangkok

The post Pizza Studio Tamaki พิซซ่าร้านดังจากโตเกียวจะเปิดสาขาแรกในไทยเดือนธันวาคมนี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
พาชิมเมนูใหม่ DenKushiFlori Bangkok ส่งตรงความอบอุ่นจากญี่ปุ่นถึงกรุงเทพฯ https://thestandard.co/life/denkushiflori-bangkok-new-menu Mon, 25 Nov 2024 04:48:46 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1012406

หลังจากเปิดตัวมาพักใหญ่และสร้างเสียงฮือฮาในวงการอาหารไฟ […]

The post พาชิมเมนูใหม่ DenKushiFlori Bangkok ส่งตรงความอบอุ่นจากญี่ปุ่นถึงกรุงเทพฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>

หลังจากเปิดตัวมาพักใหญ่และสร้างเสียงฮือฮาในวงการอาหารไฟน์ไดนิ่งของกรุงเทพฯ ครั้งนี้เรากลับมาเยือน DenKushiFlori Bangkok อีกครั้ง เพื่อลิ้มลองเมนูใหม่ประจำฤดูหนาวที่ยังคงอยู่ภายใต้การดูแลของเชฟซูซูมุ ชิมิสึ

 

ก่อนจะพาทุกคนดำดิ่งไปสู่แต่ละคอร์ส เราขอเล่าที่มาที่ไปของร้านสักหน่อย DenKushiFlori Bangkok เกิดจากการผนึกกำลังของสองเชฟระดับตำนานแห่งญี่ปุ่น ซาอิยุ ฮาเซกาวะ เจ้าของร้าน DEN และ ฮิโรยาสึ คาวาเตะ จากร้าน Florilège ที่ต่างก็ครองตำแหน่งดาวมิชลินในการประกาศรางวัลล่าสุด โดยมีเชฟซูซูมุ เพื่อนสนิทของทั้งคู่มานั่งแท่นเชฟใหญ่ที่กรุงเทพฯ

 

เชฟซูซูมุ ชิมิสึ

 

ความพิเศษของที่นี่อยู่ที่การนำเสนออาหารผ่านแนวคิด ‘คูชิ’ หรือการทำอาหารแบบเสียบไม้ ที่เอาความพิถีพิถันแบบญี่ปุ่นมาผสานกับเทคนิคชั้นสูงของฝรั่งเศสได้อย่างลงตัว และด้วยความที่เมนูจะเปลี่ยนไปตามฤดูกาล เพื่อให้ได้วัตถุดิบที่ดีที่สุด ณ ช่วงเวลานั้นๆ ทำให้แต่ละครั้งที่มากินคุณจะได้เจอกับประสบการณ์ใหม่ๆ อยู่เสมอ อย่างวันที่เราไปเป็นช่วงเมนูฤดูหนาวที่น่าจะอยู่ยาวถึงแค่เดือนหน้า หากใครแวะมาหลังจากนั้นอาจได้ลิ้มลองเมนูอื่นแทน แต่เรารับรองว่ายังคงเอกลักษณ์ของความเป็น DenKushiFlori ที่ไม่เหมือนใคร

 

สำหรับมื้อนี้เราลอง 7 คอร์สหลักที่แต่ละจานสะท้อนการผสมผสานวัฒนธรรมอาหารได้อย่างน่าสนใจ เริ่มต้นด้วย กูแชร์ ชูเพสทรีที่สอดไส้ครีมข้าวโพดหอมกรุ่น กรอบนอกนุ่มใน ตามมาด้วยทาทากิ ปลาอาจิสดจากญี่ปุ่นที่ห่อด้วยใบชิโซะ กินคู่กับมันยามะอิโมะ มูสนมถั่วเหลือง และครีมเลมอน

 

กูแชร์

 

ทาทากิ ปลาอาจิ

 

ตามด้วยเต้าหู้งาอบที่เสิร์ฟพร้อมพิวเรเซเลอรีและไข่หอยเม่น ความนุ่มของเต้าหู้ผสานกับความมันของไข่หอยเม่นได้อย่างลงตัวสุดๆ แถมยังมีทาร์ทาร์มะเขือม่วงที่ท็อปด้วยซอสมะเขือเทศเข้มข้นคล้ายโบโลเนส เสิร์ฟคู่ซอสมิโซะและแกงกะหรี่ มอบรสชาติแปลกใหม่

 

เต้าหู้งาอบ และเป็ดชาแลนส์

 

ส่วนไฮไลต์ของมื้อที่เราชอบคือเป็ดชาแลนส์จากฝรั่งเศสที่อบจนได้ที่ เสิร์ฟพร้อมซุปถั่วสน ต้นหอมญี่ปุ่น และเห็ดทรัฟเฟิล รสชาติเข้มข้นแต่นุ่มนวล ตามด้วยเทมปุระปลาเก๋า เสิร์ฟพร้อมซอสเปรี้ยวและเต้าหู้ทอดไส้พริกหวาน

 

ทาร์ทาร์มะเขือม่วง

 

ปิดท้ายความอร่อยด้วยข้าวอบหม้อดินกับเห็ดกิโรลล์ สตูเนื้อวากิว A5 ซอสไวน์แดง และซุปหอยเชลล์ใส่สาหร่ายโมซูกุ เป็นการจบมื้อที่อบอุ่นและประทับใจ

 

ข้าวอบหม้อดิน

 

ก่อนจะตบท้ายด้วยพุดดิ้งโมจิ และ Petit Fours สารพัดขนมหวาน ทั้งมาร์ชเมลโลยูซุ มาเดอลีนงาดำ คุกกี้โฮจิฉะ และชีสเค้กมัทฉะช็อกโกแลต ที่ทำให้มื้อนี้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

 

 

DenKushiFlori Bangkok

Location: อาคารเอราวัณ แบงค็อก ชั้น LG ห้อง LG-06 494 ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

Contact: โทร: 0 2022 0200

Budget: 3,500++ บาท

Website: www.denkushifloribkk.com

 

ภาพ: DenKushiFlori Bangkok

 

 

The post พาชิมเมนูใหม่ DenKushiFlori Bangkok ส่งตรงความอบอุ่นจากญี่ปุ่นถึงกรุงเทพฯ appeared first on THE STANDARD.

]]>
‘Oomph’ เมนูใหม่ที่เต็มไปด้วยรสชาติของความครีเอทีฟที่ Canvas https://thestandard.co/life/oomph-creative-menu-canvas Fri, 22 Nov 2024 12:53:57 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1011807

Canvas น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านที่เมื่อเราเห็นหน้าตาอ […]

The post ‘Oomph’ เมนูใหม่ที่เต็มไปด้วยรสชาติของความครีเอทีฟที่ Canvas appeared first on THE STANDARD.

]]>

Canvas น่าจะเป็นหนึ่งในไม่กี่ร้านที่เมื่อเราเห็นหน้าตาอาหารก็เดาได้ทันทีว่าเป็นของร้านใด และหลังจากไม่ได้กลับมาเยี่ยมเยียนเสียนาน รอบนี้เราได้โอกาสไปชิมเมนูใหม่ที่ทำให้รู้สึกทึ่งในตัวเชฟและทีมมากกว่าเดิมอีก เพราะแต่ละจานเต็มไปด้วยสีสันและองค์ประกอบที่ราวกับหลุดออกมาจากงานศิลปะ อีกทั้งทุกอย่างยังกินได้จริงและน่าสนุกทุกเมนู

 

 

เมนูใหม่รอบนี้มีชื่อว่า ‘Oomph’ เสิร์ฟอาหารทั้งหมด 28 คอร์ส ที่เต็มไปด้วยสีสัน รสชาติ และความซับซ้อน นำโดยเชฟไรลีย์ แซนเดอร์ส ผู้หลงใหลในการวาดภาพ เขาจึงระบายสีลงบนแคนวาสก่อนเปลี่ยนให้ภาพเหล่านั้นกลายเป็นอาหารที่เสิร์ฟในร้าน Canvas แห่งนี้ ซึ่งตลอดมื้อทุกคนจะได้ชมผลงานทั้งหมดวางคู่กับอาหารด้วย รวมถึงจานชามที่ทีมเชฟออกแบบใหม่ก็เป็นส่วนหนึ่งในงานศิลปะเช่นกัน

 

 

ถ้าให้เราเล่าทุกเมนูคงใช้เวลานานไปหน่อย เอาเป็นว่าขอหยิบเฉพาะจานที่เราชอบเป็นพิเศษแล้วกัน เริ่มจาก ‘Sea Crisp’ ที่ใช้สาหร่ายผักกาดทะเลจากจังหวัดเพชรบุรี เชฟนำมาทำเป็นแผ่นกรอบๆ ประกบกับซอสทำจากสแกลลอปและหอยนางรม ‘Lamb & Lobster’ เนื้อลูกแกะจากปากช่องและล็อบสเตอร์จากภูเก็ต เชฟนำมาทำคล้ายลาบดิบรสเปรี้ยวเผ็ด

 

 

‘227 Forms of Wagyu’ จานนี้ขอยกให้เป็นไฮไลต์ เพราะจุดเล็กๆ บนจาน 227 จุดคือเนื้อวากิวจากจังหวัดสกลนคร ครีมไข่เป็ด ต้นหอม รากผักชีดอง วาซาบิพิวเร ซอสเยลลี่ และซอสอูมามิ เวลากินให้กวาดทั้งหมดแล้วกินในคำเดียว

 

‘Squid Shaved Ice’ เป็นอีกเมนูที่เราชอบ เชฟใช้หมึกจากสุราษฎร์ธานีที่ทำให้สุกนิดหน่อย กินพร้อมผลไม้และไข่มุกหมึกดำ ส่วนน้ำแข็งไสสีดำทำมาจากพริก ฝรั่ง และหมึกดำ

 

 

‘Pearls’ หนึ่งในซิกเนเจอร์ของ Canvas คือคาเวียร์จากหัวหินจับคู่กับข้าวเหนียว ครั้งนี้เชฟใช้ใบชะพลูห่อข้าว และกินคู่กับซอสมะพร้าวผสมน้ำปลา ‘King & Queen’ ก็น่าสนใจ เพราะเป็นการจับคู่กันของปลาอินทรี (King Mackerel) จากสุราษฎร์ธานี กับราชินีแห่งผลไม้อย่างมังคุด แล้วยังมีสมุนไพรชื่อห่อวอ ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของชาวปกาเกอะญอด้วย

 

 

อีกหนึ่งซิกเนเจอร์ ‘Sweet Sour Snail’ เป็นการจับคู่กันของเสาวรส ซีฟู้ด และชะอม โดยเวอร์ชันนี้เชฟใช้ทากทะเล กินคู่กับซอสเสาวรสและพริกจินดา ส่วน ‘Giant Catfish Curry’ ใช้ปลาจากสมุทรสาคร นำไปแช่น้ำเกลือ เอจ และย่างถ่าน ก่อนเคลือบด้วยซอสรสชาติอูมามิ ห่อใบชิโซะเคลือบน้ำมันขมิ้น และท็อปด้วยไข่ปลา

 

 

‘Punchy Pigeon Breast’ จานนี้เราชอบเพราะเหมือนถาดสีของศิลปิน เป็นเมนูเนื้อพิราบจากกาญจนบุรี กินคู่กับมัลเบอร์รี ขึ้นฉ่าย และมิโซะทำจากผลกาแฟ โกโก้ และพริก

 

 

อีกจานไฮไลต์ที่เราชอบมาก ‘Oomph Soup’ เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากชาบู จึงทำจานปีกกว้างที่มีหลุมลึกตรงกลางไว้เทซุปร้อนๆ ซึ่งเสน่ห์ของเมนูนี้อยู่ตรงวัตถุดิบรอบๆ ที่ควรเริ่มกินจากด้านบนสุดก่อนวนไปตามเข็มนาฬิกา เพราะเชฟตั้งใจเรียงมาให้ตามรสชาติเบาไปหนัก เวลากินให้ตักเนื้อและผักพร้อมซอส ก่อนซดน้ำซุปดาชิมะเขือเทศรมควันตาม

 

 

‘Black Black Rice’ เป็นจานของหวานที่เชฟนำข้าวสีนิลจากสุรินทร์ไปหุงนาน 2 เดือน จนเกิดรสชาติใหม่และมีสีดำเข้ม เสิร์ฟให้กินพร้อมลูกหว้าหมักในน้ำสตรอว์เบอร์รีและเหล้าน้ำผึ้ง

 

‘Honey Honeycomb Cake’ ขนมจานสุดท้ายเป็นเค้กยีสต์ที่เนื้อสัมผัสเหมือนรังผึ้ง โดยตัวเค้กทำจากแป้งข้าวเหนียวและกะทิ ผสมอีสานรัม นำไปอบจนผิวด้านนอกกรอบ และราดด้วยน้ำผึ้งป่าจากนครสวรรค์อีกที

 

Canvas เป็นอีกหนึ่งร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งที่ควรลองสักครั้ง เพราะทั้งอาหาร ความสร้างสรรค์ และรสชาติ เราว่ามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนร้านไหน โดยคอร์สเมนู Oomph ราคา 6,900++ บาทต่อคน

 

สอบถามหรือจองที่นั่งได้ที่ Canvas (แท็ก https://www.facebook.com/Canvasbkk)

 

The post ‘Oomph’ เมนูใหม่ที่เต็มไปด้วยรสชาติของความครีเอทีฟที่ Canvas appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชวนจิบค็อกเทลสุดพิเศษที่รังสรรค์มาเพื่อเทศกาลเฉลิมฉลองในแคมเปญ ‘IHG One Rewards Dining Privileges’ พร้อมข้อเสนอ Restaurant Month ตลอดเดือน พ.ย. 67 [ADVERTORIAL] https://thestandard.co/life/ihg-one-rewards-dining-privileges Thu, 21 Nov 2024 12:30:20 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1011243

เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง และเพื่อใ […]

The post ชวนจิบค็อกเทลสุดพิเศษที่รังสรรค์มาเพื่อเทศกาลเฉลิมฉลองในแคมเปญ ‘IHG One Rewards Dining Privileges’ พร้อมข้อเสนอ Restaurant Month ตลอดเดือน พ.ย. 67 [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>

เทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง และเพื่อให้ประสบการณ์ความสุขของคุณพิเศษยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ‘IHG Hotels & Resorts’ ชวนนักชิมไปเพลิดเพลินกับความหลากหลายของร้านอาหารและบาร์ชั้นเลิศในเครือ IHG ทั่วประเทศไทย ที่ร่วมแคมเปญ ‘IHG One Rewards Dining Privileges’

 

ออกเดินทางสัมผัสเมนูพิเศษในราคาสุดคุ้มด้วยข้อเสนอ Restaurant Month ครั้งแรก และเครื่องดื่มที่รังสรรค์มาเพื่อช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ณ บาร์ที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ พร้อมสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะสมาชิก ‘IHG One Rewards’

 

 

21 พฤศจิกายน 2567: เช็กอิน 3 บาร์ชั้นนำในกรุงเทพฯ กับกิจกรรม ‘One Night in Bangkok’

 

มาทำให้ One Night in Bangkok ของคุณพิเศษกว่าทุกครั้ง กับบาร์ชั้นนำ 3 แห่งที่ดีที่สุดในกรุงเทพฯ พร้อมค็อกเทลสุดสร้างสรรค์และโมเมนต์น่าจดจำเพื่อต้อนรับเทศกาลเฉลิมฉลองส่งท้ายปีภายใต้กิจกรรม ‘One Night in Bangkok’ ของ IHG

 

  • Bar.Yard: Kimpton Maa-Lai Bangkok

ปาร์ตี้สุดมันท่ามกลางบาร์สุดชิคบนดาดฟ้าชั้น 40 ใจกลางเมือง รายล้อมไปด้วยหมู่ดาวและแสงไฟยามค่ำคืนของมหานครกรุงเทพฯ ภายใต้คอนเซปต์ ‘LIGHTS OUT’ ที่ได้ Kid Massive และ Mikey Mike ดีเจชื่อดังจัดเต็มความสนุกทุกแนวเพลง พร้อมการแสดงสุดเร้าใจจากนักเต้นและลีลาการบรรเลงเพอร์คัชชันที่หาดูได้ยาก ตั้งแต่เวลา 21.00-01.00 น.

 

  • CHAR Bangkok: Hotel Indigo Bangkok Wireless Road

ลิ้มรสชาติเมนูคานาเป้สุดพิเศษที่รังสรรค์โดย เชฟนุช-วรนุช ยศสุขสังข์ ผู้ท้าชิง IRON CHEF Thailand 2024 เคล้าเสียงดนตรีจากดีเจ ท่ามกลางทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ บนรูฟท็อปบาร์สุดเก๋แห่งแรกบนถนนวิทยุ ตั้งแต่เวลา 19.00-21.00 น.

 

  • ROGUES: InterContinental Bangkok Sukhumvit

กิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อคนรักค็อกเทลโดยเฉพาะ ภายใต้คอนเซปต์ ‘Sipping Through Asia’ ที่ได้ Chris Jang เจ้าของและหัวหน้าบาร์เทนเดอร์ของ Gu Seoul ประเทศเกาหลีใต้ มารังสรรค์ค็อกเทลที่สะท้อนวิถีชีวิตยามค่ำคืนของเกาหลีใต้ ให้คุณดื่มด่ำรสชาติสุดเอ็กซ์คลูซีฟไปพร้อมๆ กับชมการแสดงสุดพิเศษ เริ่มตั้งแต่เวลา 20.00-23.00 น.

 

สมาชิก IHG One Rewards อย่าพลาดที่จะลุ้นรางวัลพิเศษ รวมถึงที่พักและการรับประทานอาหารในเครือ IHG ทั่วประเทศไทยกับ ‘IHG One Rewards Dining Privileges’ ด้วยการสะสมตราประทับจาก 3 บาร์ข้างต้น ได้ตั้งแต่วันที่ 21-30 พฤศจิกายน 2567

 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ One Night in Bangkok ได้ที่ https://bit.ly/IHGOneNightInBKK

 

 

22 พฤศจิกายน 2567: จิบค็อกเทลสุดพิเศษจากบาร์เทนเดอร์ระดับท็อปแห่งเอเชียกับ ‘The Asian Journey Guest Shift’

 

ครั้งแรกที่คุณจะได้จิบค็อกเทลสุดพิเศษที่รังสรรค์โดย 4 นักออกแบบเครื่องดื่มระดับท็อปแห่งเอเชียจาก 3 ประเทศ ภายในค่ำคืนเดียว เพราะนี่คือความพิเศษที่สมาชิก IHG One Rewards จะได้ร่วมสนุกไปกับกิจกรรม ‘The Asian Journey Guest Shift’ ที่ ROGUES โรกส์ บาร์ค็อกเทลตกแต่งสไตล์อาร์ตเดโคเอเชียผสมผสานกับเสน่ห์ของย่านต่างๆในกรุงเทพฯ บนชั้น 2 ของ InterContinental Bangkok Sukhumvit

 

เมนูที่สะท้อนเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ 4 นักออกแบบเครื่องดื่มทั้ง 3 ประเทศ จะถูกนำเสนอใน 3 ช่วงเวลาตลอดค่ำคืน เริ่มจาก

 

  • 17.00 น. แบงค์-ดิเรก วัฒนผลมงคล เจ้าของฉายา ‘King of Classic’ ตัวแทนจากเมืองไทยที่เลื่องชื่อด้านการสร้างสรรค์ค็อกเทลสุดคลาสสิกให้มีความซับซ้อนและลุ่มลึก
  • 19.00 น. Treyna Zhang แบรนด์แอมบาสเดอร์แห่ง The Orientalist Spirits จากสิงคโปร์ ผู้เชี่ยวชาญเทคนิคการบ่มหมักสุดล้ำลึกและการเล่นเลเยอร์รสชาติที่โดดเด่น
  • 21.00 น. Mason Park และ Diana Hwang จาก Seoul’s Alice บาร์ชั้นนำระดับท็อปอันดับ 46 ของเอเชีย ที่มีชื่อเสียงด้านการสร้างสรรค์ค็อกเทลในรูปแบบแฟนตาซีและการนำเสนอที่น่าตื่นตาตื่นใจ

 

แพ็กเกจสุดพิเศษ ‘3 แก้ว ราคา 700 บาท’ สายค็อกเทลที่ไม่ได้เป็นสมาชิก IHG One Rewards ก็สามารถเข้าร่วมสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษครั้งนี้ได้ แต่สำหรับสมาชิก IHG One Rewards จะได้รับคะแนนสองเท่าสำหรับยอดใช้จ่ายทั้งหมดที่ ROGUES  ตั้งแต่เวลา 17.00-00.00 น.

 

 

ตลอดเดือนพฤศจิกายน: เพลิดเพลินไปกับเมนูอาหารและสิทธิพิเศษกับ ‘IHG One Rewards Dining Privileges Restaurant Month’

 

ตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2567 อย่าพลาดที่จะไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ กับเมนูที่ร้านอาหารในเครือ IHG ตั้งใจครีเอตมาเป็นพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลส่งท้ายปี

 

เลือกได้ระหว่าง ‘เมนูมื้อกลางวัน 2 คอร์ส’ หรือ ‘เมนูมื้อค่ำ 3 คอร์ส’ หรือจะเลือกเป็น ‘เมนูพิเศษในช่วงเวลาจำกัด’ ทั้งหมดนี้ลดราคาขั้นต่ำ 25% จากเมนูจานเดี่ยวในราคาปกติ

 

นอกจากนี้ยังสามารถซื้อบัตรรับประทานอาหารในราคาลด 25% เพื่อกลับมาเพลิดเพลินกับร้านอาหารที่ร่วมรายการอื่นๆ ได้อีก ใช้ได้จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2567

 

คุณเองก็มีโมเมนต์สุดพิเศษในฐานะสมาชิก IHG One Rewards ได้!

 

‘IHG One Rewards’ เป็นโปรแกรมสะสมคะแนนชั้นนำของ IHG Hotels & Resorts ผู้ให้บริการด้านการบริการระดับโลกซึ่งมีโรงแรมในเครือ 19 แบรนด์

 

โดยมีโปรแกรมสะสมคะแนน ‘IHG One Rewards’ ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมสมาชิกโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในโลก ที่มาช่วยยกระดับประสบการณ์ของผู้เข้าพักและมอบสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น สมาชิกสามารถสะสมคะแนนจากการรับประทานอาหารหรือการเข้าพักและนำไปแลกรับ Reward Nights ในเครือโรงแรม IHG 19 แบรนด์ มากกว่า 6,500 แห่ง ในกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

 

ที่สำคัญ สมัครสมาชิกได้ฟรี เพื่อปลดล็อกสิทธิประโยชน์และยกระดับประสบการณ์มื้ออาหารหรือการเข้าพักครั้งถัดไปกับ IHG Hotels & Resorts ได้ทันที

 

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโรงแรม การจองห้องพัก และ IHG One Rewards ได้ที่ https://www.ihgplc.com/ หรือดาวน์โหลดแอป IHG One Rewards ได้ที่ App Store หรือ Google Play

The post ชวนจิบค็อกเทลสุดพิเศษที่รังสรรค์มาเพื่อเทศกาลเฉลิมฉลองในแคมเปญ ‘IHG One Rewards Dining Privileges’ พร้อมข้อเสนอ Restaurant Month ตลอดเดือน พ.ย. 67 [ADVERTORIAL] appeared first on THE STANDARD.

]]>
อาหารไทยจับคู่ไวน์ไทย TAAN x GranMonte เสิร์ฟเพียง 2 คืน 3,990++ บาทต่อคน https://thestandard.co/life/taan-x-granmonte Thu, 21 Nov 2024 04:46:56 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1011037 TAAN x GranMonte

ใครชื่นชอบน้ำผลไม้จากองุ่นต้องเคยได้ยินชื่อ GranMonte ไ […]

The post อาหารไทยจับคู่ไวน์ไทย TAAN x GranMonte เสิร์ฟเพียง 2 คืน 3,990++ บาทต่อคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
TAAN x GranMonte

ใครชื่นชอบน้ำผลไม้จากองุ่นต้องเคยได้ยินชื่อ GranMonte ไร่ไวน์ที่เขาใหญ่อยู่บ้าง เพราะเป็นไวน์สัญชาติไทยที่ได้รางวัลมาไม่น้อย แถมยังนิยมใช้ในร้านอาหารหลายแห่งด้วย เช่นเดียวกับร้าน TAAN ร้านอาหารไทยไฟน์ไดนิ่งที่รสชาติดีและหยิบวัตถุดิบมาใช้ได้น่าสนใจมากที่สุดแห่งหนึ่ง เราเชื่อว่านักชิมทุกคนต้องรู้จักฝีมือของ เชฟเทพ-มนต์เทพ กมลศิลป์ เฮดเชฟของร้านแห่งนี้ดีไม่แพ้กันแน่นอน

 

และถ้าใครอยากลองอัปเลเวลประสบการณ์ด้วยการชิมอาหารไทยสไตล์ TAAN จับคู่กับไวน์ไทยจากเขาใหญ่ของ GranMonte เราไม่อยากให้พลาดมื้อพิเศษนี้ที่จะเกิดขึ้นเพียง 2 คืนเท่านั้น

 

มื้อนี้มีชื่อว่า Khao Yai Region: A Culinary Road Trip เสิร์ฟอาหารที่ใช้วัตถุดิบจาก 6 ผู้ผลิตท้องถิ่นในเขาใหญ่ซึ่งเชฟได้เจอจากการเดินทาง ได้แก่ โรงคั่วกาแฟ Mountain Goat Coffee Roasters, ฟาร์มไข่ Thai Black KORAT Anda Farm, ไร่มะม่วง Khao Yai The Mango House Farm, ผู้ผลิตชีส The Cheese Maker, ไร่น้อยหน่า น้อยหน่า กลางดวง, ไร่องุ่นและโรงบ่มไวน์ GranMonte

 

ทุกคนจะได้เริ่มจากของกินเล่น 5 เมนู จับคู่กับไวน์จากเขาใหญ่ ก่อนตามด้วยประสบการณ์พิเศษจากผู้ผลิต และนั่งชิมอาหาร 5 คอร์สโดยห้องอาหาร TAAN โดยมื้อนี้ราคา 3,990++ บาทต่อคน เสิร์ฟระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน – 1 ธันวาคม 2567 เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป

 

ห้องอาหารรับได้เพียง 24 ที่นั่งเท่านั้น เราแนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้า สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ TAAN Bangkok

The post อาหารไทยจับคู่ไวน์ไทย TAAN x GranMonte เสิร์ฟเพียง 2 คืน 3,990++ บาทต่อคน appeared first on THE STANDARD.

]]>
20 บาร์น่านั่ง ฟังเพลงดี จิบเพลินทั้งคืน https://thestandard.co/life/20-cool-bars-music-and-drinks Wed, 20 Nov 2024 11:10:19 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1010827

เดี๋ยวนี้กรุงเทพฯ มีบาร์ไวบ์ดีเพียบ ไม่ว่าจะเป็นค็อกเทล […]

The post 20 บาร์น่านั่ง ฟังเพลงดี จิบเพลินทั้งคืน appeared first on THE STANDARD.

]]>

เดี๋ยวนี้กรุงเทพฯ มีบาร์ไวบ์ดีเพียบ ไม่ว่าจะเป็นค็อกเทลบาร์ดีกรีรางวัล ไวนิลบาร์ที่เน้นเพลงคุณภาพและเครื่องเสียงชั้นเลิศ หรือแม้แต่แจ๊สบาร์ที่มีวงเล่นสดแบบจริงจัง ชนิดแค่เข้าไปฟังเพลงดีๆ ก็คุ้มแล้ว

 

ถ้าคุณเป็นสายฟังเพลง จะดื่มไม่จอยถ้าลิสต์เพลงไม่ปัง เรามีบาร์ไวบ์ดีที่เพลงดีการันตีคุณภาพมาฝาก การันตีด้วยเหล่าดีเจและคนรักเสียงเพลงที่แวะเวียนไปฟังเป็นประจำ

 


 

 

1. Yayyyyy Record Bar

 

จะมีสักกี่บาร์ในกรุงเทพฯ ที่ไวบ์ดี น่ารัก อบอุ่น และเป็นกันเอง แถมยังเปิดเพลงหลากหลาย ชนิดที่ว่าเป็นคนเก๋อยู่ดีๆ ก็มีเพลงหมอลำลอยมาให้ม่วน ที่นี่ไม่ใช่เพลงดีเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมของเหล่าดีเจไวนิลที่แวะเวียนมาเปิดเพลงและนั่งชิลอยู่เป็นประจำ เครื่องดื่มที่นี่เน้นไฮบอลเป็นหลัก และค็อกเทลที่ได้แรงบันดาลใจจากย่านนางเลิ้ง และบาร์สไตล์ญี่ปุ่นที่พวกเขาชื่นชอบ

 

Contact: Yayyyyy Record Bar

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-00.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/jCS8coL8LrS5GsMd9

 


 

 

2. Modern-Day Culture

 

บาร์แผ่นเสียงจากกลุ่มคนที่อยากผลักดันให้แผ่นเสียงเป็นส่วนหนึ่งของปัจจุบัน เครื่องดื่มของร้านมีทั้งซิกเนเจอร์ คลาสสิกค็อกเทล และเนเชอรัลไวน์ รวมถึง Bartender’s Choice ที่เราค่อนข้างชอบความหลากหลายของค็อกเทลและรสชาติที่ไม่ติดหวาน ดื่มได้เรื่อยๆ ทั้งคืน ไม่เลี่ยน เพลงดี นั่งได้ยาวๆ

 

Contact: Modern-Day Culture

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-01.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/UANM9MwQJ2TkboDG9

 


 

 

3. Freaking Out The Neighborhood

 

บาร์จากนักจัดคอนเสิร์ต HAVE YOU HEARD? ที่เปลี่ยนพื้นที่บ้านของตัวเองให้กลายเป็นแหล่งแฮงเอาต์ของคนรักแผ่นเสียง เพราะอยากชวนคนรักแผ่นเสียงไวนิลและดนตรีนอกกระแสมานั่งฟังเพลงชิลๆ ผ่านเครื่องเสียงดีๆ โดยไม่ต้องข้ามแทร็ก ศิลปินเรียบเรียงมาอย่างไร เรียงแทร็กอย่างไรก็เปิดแบบนั้นเลย และด้วยความที่อยากให้บรรยากาศเหมือนมาชิลบ้านเพื่อน เครื่องดื่มในร้านส่วนใหญ่จึงเป็นคลาสสิกค็อกเทลดื่มง่าย ราคาไม่สูง เอาไว้นั่งดื่มเพลินๆ และดื่มด่ำเสียงเพลงได้เพลินๆ

 

Contact: Freaking Out The Neighborhood

Open: วันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 18.00-01.00 น. (ปิดวันอังคาร)

Location: https://maps.app.goo.gl/6SmHco796469GfZa7

 


 

 

4. Lennon’s

 

ชาวไวนิลไม่ควรพลาดกับ Lennon’s บาร์ค็อกเทลที่มีแผ่นเสียงกว่า 6,000 แผ่น เข้าไปแล้วเหมือนได้อยู่ในสตูดิโอยุค 70 แน่นอนว่าเครื่องดื่มที่นี่ก็ยังได้แรงบันดาลใจจากเพลงดังในประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแจ๊สอย่าง Fly Me To The Moon หรือแนวดิสโก้อย่าง Donna Summer นักร้องชาวอเมริกันชื่อดัง

 

Contact: Lennon’s

Open: ทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/bd23BjikPjAUo7B47

 


 

 

5. Japhoochonpak

 

บาร์ของคนดนตรีอย่าง ตั้ม-โตคิณ ฑีฆานันท์ ผู้อยู่เบื้องหลังเทศกาลดนตรีอย่าง Keep On The Grass Folk Music Festival และ Stone Free Music Festival และยังอยู่เบื้องหลังมิวสิกวิดีโอของศิลปินไทยมากมาย ด้วยชอบไวบ์ของการจิบเครื่องดื่ม ฟังเพลง และอ่านหนังสือ ตั้มจึงเปลี่ยนบ้านตัวเองให้กลายเป็น ‘Japhoochonpak (จับหูชนปาก)’ บาร์แผ่นเสียงที่มีเสน่ห์ตรงเสียงเพลงและบทสนทนาที่ว่าด้วยเรื่องดนตรี ซึ่งบาร์นี้เปิดเพียงแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ หลายคนที่สนใจดนตรีจึงมักจองล่วงหน้า เพื่อแวะเวียนไปเลือกซื้อแผ่นเสียง จิบเครื่องดื่ม และพูดคุยกับเขาอย่างเป็นกันเอง

 

Contact: Japhoochonpak

Open: วันพฤหัสบดี-เสาร์ เวลา 17.00-00.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/QSa4zQFrAkvgYgv7A

 


 

 

6. Alonetogether Bangkok

 

ไม่มีอะไรลงตัวไปกว่าคลาสสิกค็อกเทลและดนตรีแจ๊สอีกแล้ว บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางเมืองและเปิดประตูต้อนรับคนรักดนตรีแจ๊ส รวมถึงมีวงดนตรีมาเล่นให้ฟังแบบสดๆ ศิลปินที่มาจะสลับสับเปลี่ยนระหว่างรุ่นเล็กและรุ่นใหญ่ หากใครสนใจต้องหมั่นเข้าไปติดตามในเพจของร้านดูให้ดี

 

Contact: Alonetogether Bangkok

Open: ทุกวัน เวลา 19.00-02.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/CNkGZNFKaGDpu2Ga9

 


 

 

7. CCC Listening Bar

 

บาร์ลับบนชั้น 4 ของตึกย่านพร้อมพงษ์ของหนุ่มชาวญี่ปุ่นที่หลงใหลในแผ่นไวนิล และอยากชวนทุกคนมาดื่มเครื่องดื่มที่ชอบไปพร้อมกับฟังเพลงจากเครื่องเสียงวินเทจ ชื่อ CCC ย่อมาจาก Cannabis Culture Club แม้ความหมายจะมึนเมา แต่ที่นี่เน้นเสิร์ฟชา, กาแฟ, ม็อกเทล และค็อกเทล เป็นหลัก นักดื่มสามารถสั่งดริงก์และปรุงดริงก์ได้ตามชอบ หรือถ้าใครเป็นสายหวานจะสั่งเค้กมากินคู่กับชาแล้วนั่งฟังเพลงก็ไม่ติด เพราะเจ้าของร้านอยากให้ทุกคนดื่มด่ำเสียงเพลงจากแผ่นไวนิล และค่อยๆ ละเลียดจิบ พร้อมเสพเสียงเพลงรวมทั้งบรรยากาศ

 

Contact: CCC Listening Bar

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-01.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/EfAZRtAEyJEqdZiL7

 


 

 

8. CLUB SALVA RECORD BAR

 

บาร์แผ่นเสียงบนชั้น 3 ของตึกเดียวกันกับ Modern-Day Culture แต่มีสเปซมากกว่า ซึ่งจะให้บรรยากาศสดใสและชิลกว่า ชื่อ CLUB SALVA มาจากชื่อศิลปินสุดเพี้ยนและเจ้าของผลงานแนวเซอร์เรียลลิสม์อย่าง ‘Salvador Dalí’ บาร์นี้ดูแลโดยทีมบาร์เดียวกับ Modern-Day Culture เพราะฉะนั้นการันตีได้เลยว่าเครื่องดื่มเด่น แต่ที่ดีมากกว่าคือเครื่องเสียงและเพลย์ลิสต์ดีๆ แบบฟังเพลิน

 

Contact: www.instagram.com/clubsalva

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-01.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/34fjTB2fobpdP4Pi7

 


 

 

9. Studio Lam

 

บาร์สำหรับคนอยากสนุก ร้านนี้มีความเป็นไทย แต่ที่ทำให้ร่วมสมัยมากขึ้นคือ มีทั้งการเปิดเพลงไทยๆ บางทีก็มีหมอลำ! ตัวเครื่องดื่มก็มีค็อกเทลแบบไทยๆ และมียาดองด้วย ใครมีแผนจะไป แนะนำให้ชวนเพื่อนไปหลายๆ คน สนุกแน่นอน

 

Contact: Studio Lam

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-00.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/xK4kekUpzW5Bq5WQ8

 


 

 

10. TEP BAR

 

บาร์ดนตรีไทยที่เราอยากให้ทุกคนไปนั่งชิลกันสักครั้ง เพราะนี่คือบาร์ตัวแทนส่งออกวัฒนธรรมไทยๆ ให้คนต่างชาติเข้าใจง่ายๆ ผ่านบรรยากาศที่ตกแต่งแบบไทยเดิม มีดนตรีไทยเล่นสด ไปจนถึงเครื่องดื่มที่ใช้สุราแบบไทยๆ เราว่าแม้แต่คนไทยมานั่งดื่มเองก็ต้องเอ็นจอย

 

Contact: TEP BAR

Open: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 18.00-00.00 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 17.00-01.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/CHuEMZewna8jfC627

 


 

 

11. The Bamboo Bar

 

บาร์แจ๊สในตำนานแห่งย่านริมน้ำที่นักดื่มรุ่นบุกเบิกต้องรู้จัก เพราะนี่คือบาร์แจ๊สแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเคยครองตำแหน่งบาร์ที่ดีที่สุดในประเทศด้วย โดยผู้คุมทีมบาร์คนปัจจุบันคือ ชาแนล อดัมส์ บาร์เมเนเจอร์หญิงคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ 70 ปีของ The Bamboo Bar

 

ค็อกเทลซีรีส์ปัจจุบันได้แรงบันดาลใจมาจากต้นไผ่ มีให้เลือกทั้งหมด 3 หมวด ความน่าสนใจคือค็อกเทลจะมาพร้อม Bites เป็นของกินเล่นที่ทำให้ดื่มสนุกขึ้น

 

Contact: The Bamboo Bar

Open: วันอาทิตย์-พฤหัสบดี เวลา 17.00-01.00 น. (วันศุกร์-เสาร์ ปิดเวลา 02.00 น.)

Location: https://maps.app.goo.gl/FkoxmPMqd4MYfaNW8

 


 

 

12. CLUTCH BAR

 

อนาล็อกบาร์สุดเท่ในย่านตลาดน้อย บนชั้น 2 ของ The Warehouse คอมมูนิตี้สเปซขวัญใจคนรุ่นใหม่ที่มีครบทั้งบาร์ คาเฟ่ และร้านเก๋ ในแห่งเดียว ด้วยความที่บาร์ตั้งอยู่บนตึกเก่า บรรยากาศของ CLUTCH BAR จึงเรียบง่าย แต่มีกลิ่นอายดิบๆ จากการโชว์วัตถุของตัวอาคาร และเพิ่มความเก๋ด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสันสดใสและของวินเทจ จุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่เครื่องดื่มรสเยี่ยมดีกรีรางวัล แต่เป็นความชิล ความอนาล็อก และเสียงเพลงจากดีเจแผ่นเสียงไวนิลที่แวะเวียนมาเปิดเพลงเกือบทุกวัน

 

Contact: CLUTCH BAR

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-02.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/qHCBs4k4K7FvBJqH6

 


 

 

13. Long Play Music & Bar

 

ใครมีโอกาสแวะผ่านไปที่ Josh Hotel ย่านอารีย์ ลองแวะเข้าไปนั่ง Long Play Music & Bar ดูสักครั้ง ที่นี่เป็นบาร์บรรยากาศอบอุ่นที่มีเสียงจากแผ่นไวนิลเป็นแบ็กกราวด์ นอกจากนี้ยังมีดนตรีสดแนวแจ๊สคอยผลัดเปลี่ยนกันอยู่เรื่อยๆ

 

Contact: Long Play Music & Bar

Open: วันพุธ-อาทิตย์ เวลา 18.00-00.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/N5gptcfcF2tqNAEx6

 


 

 

14. Uniek A.M.

 

ร้านกินดื่มย่านห้าแยกลาดพร้าวที่กลายเป็นโอเอซิสของเหล่านักดื่มผู้ต้องการสถานที่ที่สงบ ไวบ์ดี เอาไว้นั่งอัปเดตชีวิตกับเพื่อน เครื่องดื่มที่นี่มีขายทั้งค็อกเทล, เบียร์, วิสกี้ และไวน์ ในรูปแบบที่ร้านเลือกมาแล้วว่าดีและเหมาะ เช่น เบียร์ก็มีตัวเอกเป็นคราฟต์เบียร์ไทย ส่วนค็อกเทลก็คิดค้นใหม่เป็นซิกเนเจอร์ 5 ตัวตามชื่อเพลง เรียงจากดื่มง่ายไปจบยัง Spirit Forward

 

Contact: Uniek A.M.

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-00.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/z3jv6LQMpmgugCkk6

 


 

 

15. Stoned’s Free Bkk

 

บาร์ลับแห่งหนึ่งในย่านบางแคที่เรามองแล้วว่ามู้ดเท่มาก มาในสไตล์ Underground หน่อยๆ เน้นค็อกเทลและมีดนตรีจากแผ่นไวนิลให้ฟัง บาร์นี้ใครอย่าคิดจะแวะมานั่งแป๊บเดียวแล้วไปต่อ เพราะบรรยากาศมันดีจนนั่งแล้วเพลินยาวเลยทีเดียว

 

Contact: Stoned’s Free Bkk

Open: วันพุธ-เสาร์ เวลา 19.00-00.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/RZUEjVNGJihTDDSn9

 


 

 

16. The Smiths Bar BKK

 

บาร์สไตล์วินเทจที่แค่ชื่อร้านก็น่าจะบอกถึงความเก๋าได้ไม่ยาก ที่นี่มีดีเจและดนตรีสดทุกวันเสาร์ เล่นเพลงย้อนยุคในแบบยุค 80-90 นอกจากเครื่องดื่มแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังมีอาหารไว้บริการอีกด้วย ใครอยู่ย่านนี้ไม่ควรพลาด

 

Contact: The Smiths Bar BKK

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-01.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/dAyhceSbhfVTD5LRA

 


 

 

17. Mutual Bar

 

Mutual Bar บาร์ที่อยากให้คุณมาเจอคนที่มีความชอบเหมือนกันมาแชร์ความชอบร่วมกันผ่านเครื่องดื่มอย่างค็อกเทล เบียร์ ​และไวน์ รวมทั้งดนตรีแจ๊ส บทสนทนา หรือแม้แต่บรรยากาศภายในร้าน ที่เราคาดหวังว่าคุณน่าจะพบเพื่อนสักคนที่คุยกันถูกคอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ

 

Contact: Mutual Bar

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-02.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/bHFFnWxKvTbcMTfx7

 


 

 

18. Vinyl & Wine BKK

 

ไวน์บาร์เล็กๆ ที่ตั้งอยู่โซน EM WONDER ชั้น 5 ของห้างสรรพสินค้า EMSPHERE ซึ่งไวน์บาร์นี้มีสาขาต้นตำรับจากเชียงราย ด้วยบรรยากาศชิลๆ และนอกจากจะมีเครื่องดื่มที่ดีแล้ว ยังเหมาะกับคนชอบฟังเพลงอีกด้วย ที่นี่มีทั้งดีเจมาเปิดแผ่นและมีดนตรีสดที่เล่นแนวแจ๊ส, ป๊อปแจ๊ส, โซล และฟังก์

 

Contact: Vinyl & Wine BKK

Open: ทุกวัน เวลา 17.00-01.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/eCKR7xzbckYpxBJu8

 


 

 

20. Tripper Newroad

 

มิวสิกบาร์ย่านตลาดน้อยในคอนเซปต์ชานชาลารถไฟ โดยทีมงานเบื้องหลังก็คือบาร์แจ๊ส To More ที่อยู่ห่างไปไม่เท่าไร เพราะฉะนั้นทุกคนสามารถคาดหวังกับดนตรีสดของบาร์นี้ได้เลย เนื่องจากพวกเขาจะมี Opening Act ทุกคืน ส่วนเมนูค็อกเทลซิกเนเจอร์มาในธีมการเดินทาง ตั้งชื่อตามเมืองต่างๆ ที่นักเดินทางชอบไป และใช้วัตถุดิบขึ้นชื่อของเมืองนั้นๆ เป็นส่วนผสมหลัก

 

Contact: Tripper Newroad

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 18.00-00.00 น. (ปิดวันจันทร์)

Location: https://maps.app.goo.gl/Eha4eEkSZeeP9fjPA

 


 

 

20. BAR ARCHIVE

 

ย่านรัชดามีคลับมากมาย แต่ถ้าใครอยากหาบาร์ไวบ์ดีน่านั่ง เพลงเพราะ แถมยังกินอาหาร (แบบจริงจัง) ได้ ต้องแวะมาที่นี่ เพราะนอกจากจะมีแก๊งดีเจที่แวะเวียนมาสร้างสีสันทุกวันแล้ว ก็ยังมีเซ็ตอาหารคาวหวาน พร้อมทั้งเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ ช่วงกลางวันยังเป็นคาเฟ่เก๋ไว้นั่งเอื่อย ตกเย็นเป็นบาร์ไวบ์ดี เรียกว่าครบ จบ ในแห่งเดียว

 

Contact: BAR ARCHIVE

Open: ทุกวัน เวลา 18.00-01.00 น.

Location: https://maps.app.goo.gl/1HNh2Wmz2D3ymVto9

 

The post 20 บาร์น่านั่ง ฟังเพลงดี จิบเพลินทั้งคืน appeared first on THE STANDARD.

]]>
4 HOURS LIFE with Ink Waruntorn ในวันหยุดที่ไม่ต้องร้องเพลง https://thestandard.co/life/4-hours-life-with-ink-waruntorn Fri, 15 Nov 2024 01:00:58 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1008752 4 HOURS LIFE with Ink Waruntorn

4 ชั่วโมงในวันหยุดที่ไม่ต้องไปร้องเพลง   คุณใช้เวล […]

The post 4 HOURS LIFE with Ink Waruntorn ในวันหยุดที่ไม่ต้องร้องเพลง appeared first on THE STANDARD.

]]>
4 HOURS LIFE with Ink Waruntorn

4 ชั่วโมงในวันหยุดที่ไม่ต้องไปร้องเพลง

 

คุณใช้เวลาวันหยุดของคุณไปกับอะไร? สำหรับ อิ้งค์-วรันธร เปานิล มักจะเลือกใช้เวลาวันหยุดไปกับกิจกรรมสบายๆ แต่มีความหมาย อย่างเช่น การอยู่บ้าน ใช้เวลากับครอบครัว เล่นกับน้องหมา 

 

 

ซึ่งการใช้เวลาในวันหยุดไปกับการอยู่กับครอบครัว นอกจากจะเป็นการพักผ่อนแล้ว ยังได้ใช้เวลาพูดคุยกันในครอบครัว อัปเดตชีวิตของแต่ละคนว่าช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง ส่วนใหญ่ช่วงเวลาที่อิ้งค์พูดคุยกับครอบครัวจะเป็นช่วงที่ได้นั่งกินข้าวด้วยกัน ในบางวันก็อาจจะออกไปกินข้าวข้างนอกด้วยกันบ้าง ส่วนใหญ่จะเป็นร้านในย่านราชพฤกษ์-พระราม 5 ซึ่งในละแวกนี้ถือว่าเป็นย่านที่มีของกินเยอะมากๆ 

 

 

ไหนๆ วันนี้ก็เป็นวันหยุดของอิ้งค์แล้ว 4 HOURS LIFE with เลยอยากให้อิ้งค์พาไปร้านประจำที่เธอชอบมากินในช่วงวันหยุดกับย่านราชพฤกษ์-พระราม 5 กัน

 

 

Phed Phed Bistro

 

ร้านแรกเป็นร้านที่คนชอบอาหารอีสานน่าจะคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี นั่นคือร้าน Phed Phed ร้านนี้มีหลายสาขาทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งสาขานี้มีชื่อว่า Phed Phed Bistro ตั้งอยู่ในโครงการ The Circle Ratchapruk โดยโลเคชันที่ตั้งอยู่เป็นโลเคชันใหม่ ภายในร้านมีขนาดใหญ่ ที่นั่งเยอะ เมนูประจำที่อิ้งค์ชอบสั่งในร้านนี้คือ ตำปลาร้ากุ้งสด (ราคา 300 บาท) ซึ่งอิ้งค์จะชอบสั่งแบบเพิ่มปูม้าด้วย อีกหนึ่งเมนูที่อิ้งค์แนะนำคือ ข้าวผัดโรงเรียน (ราคา 300 บาท) เมนูนี้เป็นเมนูแก้เผ็ดที่ดี ภายในจานจะประกอบไปด้วย หมูยอ, กุนเชียง, กากหมู และไข่ดาว ใครมาร้านนี้ต้องลอง

 

 

Open: ทุกวัน เวลา 10.30-22.00 น. 

Address: The Circle Ratchapruk

Budget: 300-500 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 

 

COAL Bistro

 

ที่นี่คือร้านอาหารสไตล์ยุโรปที่เกิดจากความร่วมมือกันของเชฟระดับเซเลบริตี้อย่างเชฟมายด์ จากรายการ Kitchen War Thailand และเชฟวิลแมน จากรายการ TOP CHEF Thailand ร้านนี้มีชื่อเสียงด้านการใช้ถ่านและอาหารย่าง ซึ่งอิ้งค์มักจะไปร้านนี้กับครอบครัว และเมนูที่อิ้งค์แนะนำคือ Pan-Seared Salmon (ราคา 740 บาท) เป็นเมนูแซลมอนย่างที่ย่างมาอย่างพอดี ข้างในยังมีความชุ่มฉ่ำอยู่ เสิร์ฟคู่กับมันบดและซอสแบร์เนส อีกหนึ่งเมนูที่น่าสนใจเหมาะจะกินคู่กับสเต็กคือ Corn (ราคา 150 บาท) เป็นการรวมกันของข้าวโพด 3 สไตล์ คือ ข้าวโพดบด ข้าวโพดผัด และข้าวโพดย่าง 

 

 

Open: ทุกวัน เวลา 11.00-22.00 น. 

Address: ราชพฤกษ์

Budget: 500-1,000 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 

 

Little Hideout

 

คาเฟ่บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ โดดเด่นด้านการใช้วัตถุดิบที่ดีจากต่างประเทศ ภายในร้านมีความสงบ จะมานั่งชิลหรือนั่งทำงานก็ได้เช่นกัน อิ้งค์รู้จักร้านนี้เพราะเคยเล่นยิมอยู่ใกล้ๆ ร้าน และคุณแม่ที่เป็นเจ้าของคาเฟ่ก็มาเล่นยิมที่เดียวกัน เลยมาที่ร้านนี้บ่อย เมนูเค้กของที่นี่เป็นสไตล์ฝรั่งเศส ซึ่งเมนูที่อิ้งค์ชอบสั่งจะเป็น Tarte au Matcha (ราคา 325 บาท) เป็นเมนูที่ได้มัทฉะเข้มข้น เขาใช้ส่วนผสมเป็น Uji Matcha 100% และแปลงมาเป็น 7 เลเยอร์ ส่วนเครื่องดื่มแนะนำให้สั่งเมนูใหม่อย่าง Verdent (ราคา 390 บาท) เป็นเมนู Matcha Coconut ที่แปลกใหม่ เพราะทางร้านใช้น้ำมะพร้าวผสมน้ำช่อดอกมะพร้าวเข้าด้วยกัน ท็อปด้วย Clear Matcha เข้มข้น แฟนๆ มัทฉะห้ามพลาด

 

 

Open: ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. 

Address: ตลิ่งชัน

Budget: 120-400 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 

 

Grazia Gelato & Coffee

 

ร้านนี้เป็นคาเฟ่สไตล์อิตาเลียนที่มีทั้งกาแฟและไอศกรีมเจลาโตแบบโฮมเมด อิ้งค์บอกว่าเริ่มต้นรู้จักร้านนี้จากการเห็นว่าร้านสวยดี ซึ่งร้านสวยจริงๆ เขาเป็นร้านที่ตกแต่งออกมาดูอบอุ่นเหมือนบ้านในแถบยุโรป ซึ่งพอเข้ามาแล้วจะรู้เลยว่าไม่ได้มีดีแค่ร้านสวย ไอศกรีมเจลาโตเขามีค่อนข้างหลากหลายรส มีให้เลือกทั้งแบบใส่ถ้วยและใส่โคน ราคาเริ่มต้นเป็นถ้วยไซส์เล็กสุดอยู่ที่ 125 บาท เนื่องจากไอศกรีมมีค่อนข้างหลายรสชาติ เราเลยให้อิ้งค์แนะนำว่าปกติสั่งรสไหน ซึ่งรสที่อิ้งค์กินเป็นประจำคือพิสตาชิโอและช็อกโกแลต ซึ่งพอกินคู่กันแล้วมันมีความหอมของถั่วปนกับช็อกโกแลต ลงตัวสุดๆ

 

 

Open: เวลา 08.00-17.30 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 10.00-17.30 น.) หยุดวันจันทร์ 

Address: นนทบุรี

Budget: 125-200 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 

 

Horme Cafe

 

ที่นี่เป็นคาเฟ่ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีที่นั่งเยอะพอสมควร อิ้งค์บอกว่าที่นี่เป็นคาเฟ่ที่อยู่ใกล้บ้าน มักจะมานั่งคุยงานที่ร้านนี้ ซึ่งบรรยากาศภายในร้านถูกตกแต่งด้วยไม้ และภายนอกมีพื้นที่สีเขียวมากมาย เหมาะกับการนัดเพื่อนมานั่งเล่นในวันหยุด เมนูที่อิ้งค์มาแล้วสั่งประจำจะเป็น Americano (ราคาเริ่มต้น 95 บาท) และมักจะสั่งคู่กับครัวซองต์หรือไม่ก็ขนมปัง

 

 

Open: เวลา 07.00-20.00 น. 

Address: นนทบุรี

Budget: 100-200 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 

มีโอกาสคุยกับอิ้งค์ทั้งที เราเลยอยากให้อิ้งค์แนะนำเพิ่มเติมหน่อยว่าช่วงเวลาพักผ่อน นอกจากการไปนั่งร้านอร่อยแล้ว ถ้าเป็นสถานที่อิ้งค์ชอบไปไหนบ้าง

 

 

The Circle Ratchapruk

 

ใครที่บ้านอยู่ในละแวกราชพฤกษ์น่าจะเคยมาเดินกันแน่ๆ ซึ่งที่นี่เป็นที่ที่อิ้งค์มาบ่อยเช่นกัน ที่ The Circle Ratchapruk เขารวมร้านอาหารดังๆ มากมายหลายร้านหลายสไตล์มาไว้ในที่เดียวกัน เหตุผลที่อิ้งค์มาที่นี่บ่อย เพราะบรรยากาศดูสดใส มีร้านค้าเยอะ และตกเย็นจะมีคนพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่นด้วย

 

Open: เวลา 10.00-22.00 น. 

Address: ราชพฤกษ์ 

Map: maps.app.goo.gl

 

 

Food Villa

 

ถ้าถามว่าที่ไหนที่รวมร้านเด็ดของย่านราชพฤกษ์ไว้ เอาเป็นว่าชื่อของ Food Villa ต้องติดอยู่ในลิสต์แน่ๆ เพราะเขารวมของกินทั้งอาหารและขนมหลายอย่างมาไว้ที่นี่ หลายร้านเป็นร้านดังที่มีสาขามากมาย แต่เหตุผลที่อิ้งค์ชอบมาที่นี่ เพราะมีร้านขนมถ้วยลับๆ ร้านหนึ่งที่อิ้งค์ชอบ ซึ่งอิ้งค์ก็จำไม่ได้ว่าชื่อร้านอะไร แต่คำใบ้คือร้านนี้เป็นขนมถ้วยที่ไม่ค่อยหวาน หอมใบเตยมาก กะทิตรงผิวมีความเค็ม และตรงกลางมีไส้มะพร้าวอ่อน อิ้งค์บอกว่า “จะกินให้อ้วนทั้งทีมันต้องกินแบบนี้!” 

 

Open: เวลา 07.00-22.00 น. 

Address: ราชพฤกษ์ 

Map: maps.app.goo.gl

 

 

ตลาดพระราม 5

 

ตลาดนี้เป็นตลาดที่มีความหลากหลาย เขาแบ่งโซนภายในตลาดไว้ชัดเจนมาก โซนข้างหน้าจะเป็นของกินทั้งอาหารและขนม มีจุดให้นั่งกิน ส่วนกลางตลาดจะเป็นโซนของใช้ และท้ายตลาดจะเป็นโซนของสด ซึ่งอิ้งค์มักจะไปซื้อของสดกับคุณแม่ที่ตลาดนี้ ส่วนอิ้งค์ชอบกินขนมเบื้องที่ตลาดนี้ ขนมเบื้องที่อิ้งค์ชอบจะเป็นแบบทำสด ครีมน้อยๆ ไส้หวาน

 

Open: เวลา 07.00-20.00 น. 

Address: ถนนนครอินทร์

Map: https://maps.app.goo.gl/mGYBCMyrJQP4A1d5A?g_st=ic

 

 

River City Bangkok

 

สำหรับคนชอบงานอาร์ต คุณน่าจะเคยไปที่ River City Bangkok แน่ๆ ที่นี่มีการจัดแสดงงานศิลปะหลายประเภททั้งเก่าและร่วมสมัย มักมีนิทรรศการจากหลากหลายศิลปินหมุนเวียนมาจัดแสดงงานอยู่เรื่อยๆ ที่นี่ตั้งอยู่ในย่านเจริญกรุง ซึ่งปกติถ้าอิ้งค์ไปต่างประเทศ อิ้งค์ก็จะชอบไปเดินตาม Art Museum ของแต่ละประเทศอยู่แล้ว เพราะงานอาร์ตของแต่ละประเทศมันสื่อถึงวัฒนธรรมของคนในประเทศนั้นๆ ซึ่งพอเป็นที่ไทย River City Bangkok นี่แหละคือพื้นที่ของศิลปินไทย

 

Open: เวลา 10.00-20.00 น. 

Address: ซอยเจริญกรุง 24

Map: maps.app.goo.gl

The post 4 HOURS LIFE with Ink Waruntorn ในวันหยุดที่ไม่ต้องร้องเพลง appeared first on THE STANDARD.

]]>