LIFE | FOOD & DRINK – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 27 Jan 2025 07:52:36 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Thaniya Japan Days เปลี่ยนซอยธนิยะให้เป็นเทศกาลอาหารญี่ปุ่นริมทาง 13-16 กุมภาพันธ์นี้ https://thestandard.co/life/thaniya-japan-days Mon, 27 Jan 2025 07:52:36 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1034905 Thaniya Japan Days

กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนาน กับเทศกาลอาหารญี่ปุ่นริมท […]

The post Thaniya Japan Days เปลี่ยนซอยธนิยะให้เป็นเทศกาลอาหารญี่ปุ่นริมทาง 13-16 กุมภาพันธ์นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Thaniya Japan Days

กลับมาอีกครั้งหลังจากหายไปนาน กับเทศกาลอาหารญี่ปุ่นริมทาง ‘Yatai Mura’ ที่จะเปลี่ยนย่านสีลมให้เต็มไปด้วยร้านอาหารแผงลอยสไตล์ญี่ปุ่น โดยเทศกาลนี้เป็นส่วนหนึ่งของงาน Thaniya Japan Days ที่กำลังจะกลับมาอีกครั้งบนที่เก่าซอยเดิม ท่ามกลางบรรยากาศช่วงวาเลนไทน์พอดี

 

Thaniya Japan Days: Yatai Mura จะจัดขึ้นหน้าศูนย์การค้าธนิยะ พร้อมมีร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังเด็ดๆ มาเข้าร่วมกว่า 20 ร้าน ซึ่งแต่ละร้านจะมีเมนูพิเศษที่ชิมได้เฉพาะในงานนี้เท่านั้นด้วย เช่น Kenji’s Lab และ Kenji’s Ramen Lab, Meat & Co(me), Daimasu Nihonmachi, Kushichan By Kagonoya, Hokkaido Butadon Tokachi และ DON DON DONKI 

 

นอกจากนี้ภายในงานจะมีการแสดงวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบจัดเต็มด้วย เช่น ศิลปะการแสดงญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม หรือคอนเสิร์ต J-Rock โดยงานนี้เข้าร่วมฟรี เริ่มจัดวันที่ 13-16 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.00-24.00 น. เตรียมแท็กเพื่อนหรือคนรู้ใจแล้วไปด้วยกันได้เลย

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Thaniya

The post Thaniya Japan Days เปลี่ยนซอยธนิยะให้เป็นเทศกาลอาหารญี่ปุ่นริมทาง 13-16 กุมภาพันธ์นี้ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sartoria by Paulo Airaudo อาหารอิตาเลียนระดับมิชลินสตาร์ที่มาพร้อมสุดยอดวิว https://thestandard.co/life/sartoria-by-paulo-airaudo Mon, 27 Jan 2025 03:00:22 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1034665

เมื่อพูดถึงร้านอาหารอิตาเลียนระดับมิชลินสตาร์น้องใหม่ใน […]

The post Sartoria by Paulo Airaudo อาหารอิตาเลียนระดับมิชลินสตาร์ที่มาพร้อมสุดยอดวิว appeared first on THE STANDARD.

]]>

เมื่อพูดถึงร้านอาหารอิตาเลียนระดับมิชลินสตาร์น้องใหม่ในกรุงเทพฯ หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าตอนนี้ Sartoria โดยเชฟ Paulo Airaudo ผู้คว้า 6 ดาวมิชลินจากร้านอาหาร 14 แห่งทั่วโลก บินมาเปิดทำการในเมืองไทยแล้ว ถือเป็นร้านอาหารแห่งแรกของเชฟเปาโลในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยก็ว่าได้

 

เชฟ Paulo Airaudo และ เชฟ Ales Donat 

 

เชฟ Paulo Airaudo เป็นเชฟที่เติบโตในครอบครัวชาวอิตาลีที่อาศัยอยู่ในประเทศอาร์เจนตินา ทำให้อาหารของเขามีรากฐานจากหลากหลายวัฒนธรรม ผ่านการสั่งสมประสบการณ์จากร้านดังระดับมิชลินทั่วโลก ทั้ง Amelia, Aleia, Ibai ในสเปน และ Noi ในฮ่องกง ส่งผลให้อาหารของเขาไม่ได้เป็นเมนูอิตาเลียนอย่างที่เราเคยสัมผัสทั่วไป แต่มีความพิเศษที่ชวนให้นึกถึงเมนูจานโน้นจานนี้ของชาติต่างๆ ที่น่าสนใจ 

 

ส่วนช่วงเวลาที่เชฟPaulo Airaudo ไม่อยู่ ก็จะเป็นเชฟ Ales Donat มาประจำที่ตำแหน่ง Executive Chef ของทางร้าน

 

The Vibe

 

 

Sartoria by Paulo Airaudo ตั้งอยู่บนชั้น 56 ของ EA Rooftop at The Empire การตกแต่งได้แรงบันดาลใจจากเมืองฟลอเรนซ์ บ้านเกิดของการตัดสูทอิตาลี ซึ่งเป็นที่มาของชื่อร้าน

 

 

ภายในตกแต่งด้วยแผงไม้แท้ เคาน์เตอร์โค้งและเพดานสื่อถึงรูปร่างมนุษย์ ผสานกับงานศิลปะบนผนังและพื้นโมเสกที่ได้รับแรงบันดาลใจจากมหาวิหารฟลอเรนซ์

 

 

ครัวเปิดกว้างให้เห็นการปรุงอาหารจานต่างๆ ดังนั้นคนที่นั่งโต๊ะติดกับครัวจะถือว่าได้พื้นที่ฟรอนต์โรว์เลยทีเดียว แต่ถ้าใครอยากได้ความเป็นส่วนตัวหน่อย ก็สามารถเลือกโต๊ะริมหน้าต่างที่จะได้บรรยากาศโรแมนติกไปอีกแบบ

 

 

The Taste 

 

 

เมนูที่นี่ผสมผสานความคลาสสิกของอาหารสไตล์ทัสคานีเข้ากับความคิดสร้างสรรค์และความทันสมัย เน้นจานปลาและอาหารทะเลสดใหม่ วัตถุดิบคัดสรรจากผู้ผลิตทั้งในไทยและญี่ปุ่น จานเด่น ยกตัวอย่างเช่น Duck Cappelletti, Pasta alla Chitarra กับ Gamberi di Mazara วันที่เราได้ลองเราเจอฮามาจิที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม พาสต้า Tagliolini Uni ที่สามารถให้เชฟเพิ่มทรัฟเฟิลได้ เราชอบจาน Risotto Parsley กินคู่กับกุ้ง Carabinero เค็มๆ มันๆ มากเป็นพิเศษ เราว่าเชฟดึงรสชาติของอาหารทะเลออกมาได้ดีทีเดียว

 

Risotto Parsley

 

นอกจากนี้ทางร้านยังมีเมนูเนื้อและอาหารทะเลย่างบนเตาถ่านแบบอิตาลีดั้งเดิมอีกด้วย นอกเหนือจากอาหารแล้ว ไวน์แพริ่งของทางร้านก็เข้าท่ามากทีเดียว มีตัวเลือกเยอะ ใครที่ชอบ Explore รสชาติใหม่ๆ ของไวน์เมื่อจับคู่กับอาหาร

 

ฮามาจิ 

 

Tagliolini Uni 

 

Good for 

 

 

เหมาะสำหรับคนที่มองหามื้อพิเศษแต่ไม่ได้อยากลองเทสติ้งเมนูทุกครั้งไป เพราะที่นี่มีเมนูอะลาคาร์ตเสิร์ฟด้วย นอกเหนือจากอาหารแล้ว วิวพาโนรามาก็สวยมากๆ เพราะมองมาจากชั้น 56 ในย่านใจกลางเมือง ถือเป็นร้านที่มีวิวเป็นจุดเด่นได้อีกข้อ 

 

ภาพ: Sartoria

 


 

Sartoria by Paulo Airaudo

Location: ชั้น 56 EA Rooftop at The Empire (BTS สถานีช่องนนทรี)

Open: ทุกวัน เวลา 18.00-20.30 น. (รอบสุดท้าย)

Budget: เมนู 6 คอร์ส L’Essenza ราคา 3,980++ บาท, เมนู 8 คอร์ส L’Opera Completa ราคา 5,980++ บาท และ À La Carte 

Contact: โทร 0 2407 1654

The post Sartoria by Paulo Airaudo อาหารอิตาเลียนระดับมิชลินสตาร์ที่มาพร้อมสุดยอดวิว appeared first on THE STANDARD.

]]>
G.O.D BKK เมนูใหม่ นำ ‘ไข่หอยเม่น’ แพริ่งเครื่องดื่มรสเข้ม https://thestandard.co/life/god-bkk-uni-pairing Fri, 24 Jan 2025 04:28:48 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1033882 god-bkk-uni-pairing

เราเชื่อว่าหลายคนเคยแวะเวียนไปบาร์ย่านนานา (เยาวราช) แล […]

The post G.O.D BKK เมนูใหม่ นำ ‘ไข่หอยเม่น’ แพริ่งเครื่องดื่มรสเข้ม appeared first on THE STANDARD.

]]>
god-bkk-uni-pairing

เราเชื่อว่าหลายคนเคยแวะเวียนไปบาร์ย่านนานา (เยาวราช) และเห็นบาร์หลังผนังปูนเปลือยแห่งหนึ่งที่มีรูปปั้นศิวลึงค์แปะทองคำเปลวบูชาไว้หน้าร้าน ชวนให้คิดสองแง่สองง่ามว่านี่คือค็อกเทลบาร์หรือบาร์รักกันแน่นะ เพราะวันที่เราไปก็มีชาวต่างชาติทักผิดมาแล้ว แต่สำหรับนักดื่มสายบาร์ฮอปทั้งหลาย G.O.D หรือ Genius On Drugs คือบาร์ตัวท็อปของวงการ วิหารศักดิ์สิทธิ์ของ Yolo Group เปรียบเสมือนห้องทดลอง คลังแสง หรือที่ปล่อยของ เพราะที่นี่ไม่มีคำว่าสายกลาง มีแต่คำว่าสุดโต่งเท่านั้น เพื่อหวังสร้างอะไรใหม่ๆ และผลักดันเพดานวงการบาร์ไทยให้สูงอีกระดับ 

และเมื่อคิดจะปล่อยเมนูใหม่ทั้งที G.O.D เลยนำหนึ่งในเมนูทดลอง Uni Experience มาสานต่อให้สมบูรณ์กลายเป็น ‘Chapter 2: Uni Pairing Cocktails’ ซีรีส์อูนิแพริ่งกับมาร์ตินีในเวอร์ชันต่างๆ บอกเลยว่า ถ้าใครไหวให้ลองครบทั้งเซ็ตจะเพลินมาก

 

G.O.D BKK

 

The Vibe

เมื่อเปรียบดังวิหารศักดิ์สิทธิ์ บรรยากาศบาร์ของ G.O.D จึงเต็มไปด้วยความขลังที่แฝงไปด้วยความขบถแบบเต็มรูปแบบ เคาน์เตอร์บาร์วางตัวยาวอยู่ตรงกลาง เหนือบาร์มีเปียโนตัวเขื่องวางอยู่ โชว์เล่นเพลงแบบสดๆ ในดนตรีจังหวะดาร์ก ท่ามกลางแสงสีแสนคอนทราสต์ที่มอบทั้งความอบอุ่นแบบวิหารและโบสถ์ ขณะเดียวกันก็มีความลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์ ที่ชวนให้สั่งเครื่องดื่มแบบเข้มๆ มาดื่มให้จิตใจกลมกล่อม

 

G.O.D BKK

G.O.D BKK

 

The Taste

 

ค็อกเทลของ G.O.D ถูกนิยามด้วยคำว่า ‘Progressive Experimental’ โดยทุกๆ แก้วจะเสิร์ฟมาคู่กับ Bite เล็กๆ (Garnish) ให้กินคู่กันเพื่อเป็นการสร้างเส้นทางการเดินทางของรสชาติที่เกิดจากเครื่องดื่มและ Garnish คู่กัน สำหรับเมนูใหม่ ‘Chapter 2: Uni Pairing Cocktails’ เป็นการนำเอาเมนูทดลอง Uni Experience มาสานต่อให้สมบูรณ์ ในลิสต์นี้มีทั้งหมด 4 แก้ว แนะนำให้ดื่มตามนี้ แก้วแรก Saketini 2.0 (580 บาท) Uni Bite ที่เสิร์ฟอูนิกับชิ้นแตงโม ท็อปด้วยบัลซามิก ก่อนกินให้จิ้ม Toasted Rice Salt ก่อน ตามด้วยสาเก และมาร์ตินีที่ใช้ Sake Junmai Daiginjo เป็นเบสหลัก

 

Saketini 2.0

Saketini 2.0

 

The Only Vesper Martini

The Only Vesper Martini

 

ต่อด้วย The Only Vesper Martini (680 บาท) Vesper Martini ที่ดีที่สุด Bafun Uni บน Rice Pillow ด้านในมีไข่ปลาอิคุระ พอนสึ และเกลือดำ คำนี้เข้มข้นทั้งความอูมามิและครีมมี่จากอูนิ ตัดกับตัว Vesper Martini สูตรเฉพาะแช่เย็นจัดและเชกในขวดก่อนเสิร์ฟ 

 

Salted Cacao Negroni (560 บาท) แก้วนี้เป็นการแพริ่งช็อกโกแลต อูนิ และ Black Charcoal Salt แล้วนำองค์ประกอบทั้งหมดมาครีเอตเป็นเนโกรนี ด้วยการใช้ Cacao Nibs Distillate, Campari และ Cacao Juice Vermouth 

 

ซ้าย: Salted Cacao Negroni ขวา: Uni Marini Experience

ซ้าย: Salted Cacao Negroni

ขวา: Uni Marini Experience

 

ปิดด้วยแก้วสุดท้าย Uni Marini Experience (580 บาท) เมนูดั้งเดิมจากช่วงทดลอง ที่เป็นชื่นชอบของเหล่าโฟโตจีนิก ด้วยวิธีการเสิร์ฟที่วาง Uni Bite บนมือและกินได้ทันทีโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ให้ยุ่งยาก ตามด้วย Hapusa Martini และปิดท้ายด้วย Smoked Olive รสชาติเข้มข้น ได้ทั้งความครีมมี่ ทั้งเคลียร์ปากในแก้วเดียว 

 

Good for…

 

ถ้าคุณเป็นนักดื่มตัวยง เราแนะนำให้แวะไป เพราะ G.O.D จะผลักดันประสบการณ์การดื่มไปอีกระดับ ด้วยการใช้ Garnish ปูปุ่มรับรส ก่อนส่งต่อให้เครื่องดื่มทำหน้าที่ และยิ่งคุณเป็นคนชอบอูนิด้วยแล้ว การมาลอง Chapter 2: Uni Pairing Cocktails จะเป็นอะไรที่สนุกและประทับใจมาก นอกจาก Uni Garnish ที่ทางร้านเตรียมไว้ให้ เราสามารถสั่งเป็นชิ้นคู่เพื่อเพิ่มความเดือดดาลของรสสัมผัส

 

G.O.D BKK

 

Location: 25, 27 ซอยรามไมตรี 

Open: เปิดให้บริการทุกวัน 19.00-01.00 น.  

Budget: เริ่มต้นที่ 580 บาท 

Facebook: www.facebook.com/profile.php?id=61556686408705   

Instagram: www.instagram.com/god_bkk  

Map: https://maps.app.goo.gl/XEUhUpho8HFhJkza8 

 

ภาพ: G.O.D, พลอยจันทร์ สุขคง

The post G.O.D BKK เมนูใหม่ นำ ‘ไข่หอยเม่น’ แพริ่งเครื่องดื่มรสเข้ม appeared first on THE STANDARD.

]]>
เชฟโมโตอิ แห่ง MOTOÏ Bangkok x Intangible Bar กับ 12 คอร์สสุดพิเศษ https://thestandard.co/life/chef-motoi-12-special-courses Wed, 22 Jan 2025 01:35:44 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1032916 chef-motoi-12-special-courses

‘SHOUJIN – The Course of Endeavor’ การรวมตัวระหว่ […]

The post เชฟโมโตอิ แห่ง MOTOÏ Bangkok x Intangible Bar กับ 12 คอร์สสุดพิเศษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
chef-motoi-12-special-courses

‘SHOUJIN – The Course of Endeavor’ การรวมตัวระหว่างเชฟมิชลินสตาร์ และผู้สร้างสรรค์เครื่องดื่ม Non-Alcoholic จากเชียงใหม่

 

MOTOÏ Bangkok โดยเชฟโมโตอิ มาเอดะ (Motoi Maeda) ผู้มีประสบการณ์อันโดดเด่นในวงการอาหาร จากร้าน MOTOÏ Kyoto ที่ครองดาวมิชลิน 1 ดาวติดต่อกันถึง 10 ปี เชฟผู้สั่งสมประสบการณ์จากการทำอาหารหลากหลายสไตล์ทั้งจีน ญี่ปุ่น และฝรั่งเศส จนพัฒนาเป็นสไตล์เฉพาะตัว ผสมผสานความพิถีพิถันของอาหารฝรั่งเศสสมัยใหม่เข้ากับปรัชญา Wabi Sabi อันเรียบง่ายงดงามแบบเกียวโต

 

มาพบกับ Intangible Bar นำโดย คีย์-ภาคี ภู่ประดิษฐ์ ผู้บุกเบิก Non-Alcoholic Cocktail Bar ที่โด่งดังจากเชียงใหม่ ด้วยการสร้างสรรค์เครื่องดื่มที่มีเอกลักษณ์ ผ่านการคัดสรรวัตถุดิบจากชุมชนทั่วประเทศ พร้อมสอดแทรกแนวคิดทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาในทุกแก้ว

 

ในอีเวนต์พิเศษครั้งนี้ เราจะได้ลิ้มลองเมนูพิเศษ 12 คอร์สที่รังสรรค์ขึ้นโดยเชฟโมโตอิ พร้อมเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ 5 แก้ว ที่ถูกจับคู่อย่างพิถีพิถันโดยคีย์จาก Intangible Bar งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2568 เปิดให้บริการวันละ 2 รอบ คือ 17.00 น. และ 20.00 น. ในราคา 4,650++ บาทต่อท่าน

 

ใครสนใจสามารถติดต่อได้ที่ 06 5504 1668 หรือ LINE: motoi_bkk เนื่องจากที่นั่งมีจำกัด แนะนำให้จองล่วงหน้า เพื่อไม่พลาดประสบการณ์อาหารและเครื่องดื่มสุดพิเศษครั้งนี้ 

The post เชฟโมโตอิ แห่ง MOTOÏ Bangkok x Intangible Bar กับ 12 คอร์สสุดพิเศษ appeared first on THE STANDARD.

]]>
BEAM ซอยทองหล่อ กลับมาเปิดแล้ว สายแดนซ์กระจายชวนแก๊งไปปาร์ตี้ได้เลย https://thestandard.co/life/beam-thonglor-reopen Tue, 14 Jan 2025 09:11:43 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1030386 beam-thonglor-reopen

หลังจากปิดปรับปรุงไป 1 ปี ตอนนี้แดนซ์คลับประจำซอยทองหล่ […]

The post BEAM ซอยทองหล่อ กลับมาเปิดแล้ว สายแดนซ์กระจายชวนแก๊งไปปาร์ตี้ได้เลย appeared first on THE STANDARD.

]]>
beam-thonglor-reopen

หลังจากปิดปรับปรุงไป 1 ปี ตอนนี้แดนซ์คลับประจำซอยทองหล่ออย่าง BEAM พร้อมเปิดฟลอร์ให้สายแดนซ์กลับคืนถิ่นกันแล้ว โดยครั้งนี้ BEAM ไม่ได้กลับมาแบบธรรมดาๆ เพราะได้ออกแบบใหม่และเปลี่ยนระบบแสง สี เสียง ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้บรรยากาศมันขึ้นกว่าเดิมจนทุกคนลืมไม่ลง

 

BEAM เป็นแดนซ์คลับอยู่ในโครงการ 72 Courtyard ซอยทองหล่อ 55 หลายคนรู้จักที่นี่ดีเพราะเป็นจุดนัดพบเจ้าประจำของสายเต้นและคนที่ชอบเพลงแนว EDM หรือดนตรีชวนกระโดด ซึ่งหลังจากเปิดมานานเกือบ 10 ปีก็ได้เวลาแปลงโฉมให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ที่โหยหาบาร์ไวบ์สนุกๆ BEAM จึงกลับมาพร้อมระบบแสงและเสียงชุดใหม่ที่จี๊ดกว่าเดิม พร้อมเลานจ์ใหม่ที่เป็นส่วนตัวแต่ก็ยังสามารถลุกขึ้นเต้นตามจังหวะที่ชอบได้

 

โดย BEAM จะจัดปาร์ตี้ Grand Reopening ระหว่างวันที่ 16-18 มกราคม 2568 ด้วยการชวนดีเจและโปรดิวเซอร์ระดับโลกมาเปิดเพลงให้ทุกคนตามไปแดนซ์กันให้กระจาย!

 

เริ่มจากคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม จะได้พบกับ Helena Hauff ดีเจและโปรดิวเซอร์จากเมืองฮัมบูร์ก ประเทศเยอรมนี ที่โด่งดังจากดนตรีแนว Electro และ Techno ที่ทั้งดิบและจัดจ้าน ใครชอบดนตรีจังหวะเร็วและมีความมันแบบใต้ดินต้องมาวันนี้เลย

 

ส่วนคืนวันเสาร์ที่ 18 มกราคม จะได้พบกับ Palms Trax ดีเจจากกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ผู้โด่งดังจากเซ็ตเพลงที่ผสมผสานแนว Vintage, House, Esoteric Disco และ UK Underground ร่วมด้วยกลุ่มดีเจจากกรุงเทพฯ รับรองว่าทุกคนจะโยกจนลืมเวลาแน่นอน

 

สำหรับบัตรเข้าร่วมงาน สามารถซื้อออนไลน์ได้ในราคา 650-700 บาท และบัตรหน้าประตู 900-1,000 บาท (รวมเครื่องดื่มฟรีก่อนเวลา 22.00 น.) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ BEAM 

The post BEAM ซอยทองหล่อ กลับมาเปิดแล้ว สายแดนซ์กระจายชวนแก๊งไปปาร์ตี้ได้เลย appeared first on THE STANDARD.

]]>
รวมลิสต์คาเฟ่ที่น่าไปเช็กอินจาก 4 HOURS LIFE with และ 4 HOURS LIFE in https://thestandard.co/life/best-cafes-4-hours-life-with-in Tue, 14 Jan 2025 07:07:55 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1030300

ลิสต์คาเฟ่ในกรุงเทพฯ จาก 4 HOURS LIFE with และ 4 HOURS […]

The post รวมลิสต์คาเฟ่ที่น่าไปเช็กอินจาก 4 HOURS LIFE with และ 4 HOURS LIFE in appeared first on THE STANDARD.

]]>

ลิสต์คาเฟ่ในกรุงเทพฯ จาก 4 HOURS LIFE with และ 4 HOURS LIFE in

 

คาเฟ่ที่คุณไปบ่อยๆ คือร้านไหน? ในช่วงปีที่ผ่านมา 4 HOURS LIFE with และ 4 HOURS LIFE in มีโอกาสไปสัมผัสกับคาเฟ่หลายๆ ร้านทั่วกรุงเทพฯ ซึ่งแต่ละร้านก็มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป บางร้านเป็นร้านเล็กๆ ที่อยู่ใจกลางเมือง บางร้านอยู่นอกเมือง ขนาดใหญ่มากเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก บางร้านเป็นร้านลับๆ บนตึกที่ไม่คิดว่าที่นี่มีด้วยเหรอ! 

 

วันนี้เราเลยอยากมาแนะนำคาเฟ่ที่น่าไปเช็กอินจาก 4 HOURS LIFE with และ 4 HOURS LIFE in เผื่อใครยังนึกไม่ออกว่าวันนี้จะดื่มกาแฟร้านไหนดี

 


 

 

PULSE / Phra Arthit

 

หนึ่งในย่านที่กำลังกลับมาเป็นกระแสมากๆ ในช่วงนี้ คงหนีไม่พ้นถนนพระอาทิตย์ที่มีร้านค้า มุมถ่ายรูปมากมายให้เดินเที่ยว แต่ถ้าใครเดินเที่ยวจนเหนื่อย อยากนั่งพักจิบเครื่องดื่ม พร้อมกินขนมในบรรยากาศสงบๆ เราแนะนำให้ไปที่ร้าน PULSE / Phra Arthit คาเฟ่ลับๆ บนตึกเดียวกันกับร้าน Coconut Culture ที่นี่มีเมนูเครื่องดื่มทั้งกาแฟและไม่ใช่กาแฟ แถมมีขนมอีกด้วย และยังมีมุมซิกเนเจอร์เป็นช่องหน้าต่างขนาดใหญ่ให้ได้นั่งซึมซับบรรยากาศธรรมชาติแบบเต็มๆ

 

Open: ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.

Address: ท่าพระอาทิตย์ 

Budget: 100-300 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 


 

 

Resonance Read Room

 

เดินเที่ยวเยาวราชจนเหนื่อยก็ต้องหาที่นั่งพักกันหน่อย มีหนึ่งคาเฟ่ที่ค่อนข้างลับ เหมือนเป็นมุมสงบในเยาวราช นั่นคือ Resonance Read Room เป็นคาเฟ่บนชั้น 3 ของตึก ดูจากโลเคชันหลายคนอาจคุ้นๆ เหมือนเคยไปมาก่อน จริงๆ แล้วคือร้าน VAHAP COFFEE ซึ่งพอเปลี่ยนเป็น Resonance Read Room ก็เพิ่มหนังสือเข้ามาเป็นร้านหนังสือย่อมๆ ในคาเฟ่ด้วย ส่วนบรรยากาศยังคงสงบเหมือนเดิม แถมยังสามารถดูวิวเมืองเก่าจากช่องหน้าต่างตรงข้างร้านได้ด้วย

 

Open: ทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.

Address: เยาวราช

Budget: 150-200 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 


 

 

LOULOU Cafe & Restaurant

 

LOULOU Cafe & Restaurant เป็นคาเฟ่และร้านอาหารแนวฟิวชัน คอนเซปต์ร้านนี้เน้นไปทาง Sustainable ร้านแทบจะไม่ได้ใช้พลาสติกเลย อย่างเมนูที่สั่งกลับบ้าน ร้านจะเลือกใช้กระป๋องแทนพลาสติกเพื่อให้ง่ายต่อการรีไซเคิล หรือกระเบื้องที่ทำมาจากวัสดุรีไซเคิลอย่างฝาขวดน้ำ เมนูของร้านมีทั้งอาหารจานหลักอย่างเช่น LOULOU Pasta เมนูพาสต้ากุ้งตัวโตๆ, Penne AOP Liver Sausage เส้นเพนเนผัดกับไส้กรอกตับ ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งเมนูกาแฟและเมนูที่ไม่ใช่กาแฟ รวมถึงแอลกอฮอล์ด้วย มานั่งชิลๆ ที่ร้านนี้ได้เลย

 

Open: เวลา 10.00-22.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)

Address: ซอยอินทามระ 37

Budget: 100-300 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 


 

 

Little Hideout

 

คาเฟ่บรรยากาศร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้ โดดเด่นด้านการใช้วัตถุดิบที่ดีจากต่างประเทศ ภายในร้านมีความสงบ จะมานั่งชิลหรือนั่งทำงานก็ได้เช่นกัน เมนูเค้กของที่นี่เป็นสไตล์ฝรั่งเศส เมนูแนะนำของร้านคือ Tarte au Matcha (325 บาท) เป็นเมนูที่ได้มัทฉะเข้มข้น ใช้ส่วนผสมจาก Uji Matcha 100% และแปลงมาเป็น 7 เลเยอร์ ส่วนเครื่องดื่มแนะนำให้สั่งเมนูใหม่อย่าง Verdent (390 บาท) เป็นเมนู Matcha Coconut ที่แปลกใหม่ เพราะร้านผสมน้ำมะพร้าวและน้ำช่อดอกมะพร้าวเข้าด้วยกัน ท็อปด้วย Clear Matcha เข้มข้น แฟนๆ มัทฉะห้ามพลาด

 

Open: ทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. 

Address: ตลิ่งชัน

Budget: 120-400 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 


 

 

Grazia Gelato & Coffee

 

ร้านนี้เป็นคาเฟ่สไตล์อิตาเลียนที่มีทั้งกาแฟและไอศกรีมเจลาโตแบบโฮมเมด เป็นร้านที่ตกแต่งออกมาดูอบอุ่นเหมือนบ้านในแถบยุโรป ซึ่งพอเข้ามาแล้วจะรู้เลยว่าไม่ได้มีดีแค่ร้านสวย แต่ยังมีไอศกรีมเจลาโตหลากหลายรส มีให้เลือกทั้งแบบใส่ถ้วยและใส่โคน ราคาเริ่มต้นเป็นถ้วยไซส์เล็กสุดอยู่ที่ 125 บาท เนื่องจากไอศกรีมมีหลายรสชาติ 

 

Open: วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 08.00-17.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-17.30 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 

Address: นนทบุรี

Budget: 125-200 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 


 

 

Horme Cafe

 

ที่นี่เป็นคาเฟ่ขนาดค่อนข้างใหญ่ มีที่นั่งเยอะพอสมควร สามารถมานั่งคุยงานที่ร้านนี้ได้ ซึ่งบรรยากาศภายในร้านตกแต่งด้วยไม้ และภายนอกมีพื้นที่สีเขียวมากมาย เหมาะกับการนัดเพื่อนมานั่งเล่นในวันหยุด เมนูที่มาแล้วอยากให้ลองคือ Americano (ราคาเริ่มต้น 95 บาท) แนะนำให้สั่งคู่กับครัวซองต์หรือขนมปัง

 

Open: เวลา 07.00-20.00 น. 

Address: นนทบุรี

Budget: 100-200 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 


 

 

BENKOFF

 

คาเฟ่เล็กๆ ในย่านทองหล่อ ถึงร้านจะเล็กแต่มีกาแฟให้เลือกหลากหลาย ใครมองหาคาเฟ่ที่มีบรรยากาศโฮมมี่ๆ บาริสต้าให้ความรู้ด้านกาแฟดี ต้องไปร้านนี้เลย ซึ่งนอกจากกาแฟจะหลากหลายแล้ว ยังมีขนมและ Merchandise น่ารักๆ ของร้านขาย และที่ร้านก็มีเจ้าถิ่นเป็นน้องหมาดัชชุนด์คอยต้อนรับแขกอยู่ด้วย

 

Open: ทุกวัน เวลา 07.30-16.00 น.

Address: ซอยทองหล่อ 9

Budget: 100-250 บาท

Map: maps.app.goo.gl

 


 

 

WWA Cafe x Chooseless

 

จุดเด่นของคาเฟ่นี้อยู่ที่การจัดวางของ อยากเอาอะไรมาวาง เอาอะไรมาโชว์ ก็ได้หมดเลย อยากวางโต๊ะตรงนี้ก็วาง อยากวางเก้าอี้ตรงนี้ก็วาง ส่วนเสื้อผ้าที่ขายก็เลือกมาดี ร้านมีทั้งเมนูอาหารและเครื่องดื่ม เมนูที่อยากให้ลองสั่งคือ ข้าวกะเพราหมูเกาหลีไข่ดาว เป็นเมนูรสชาติจัดจ้าน ส่วนของหวานของร้านนี้ที่ แพต ชญานิษฐ์ แนะนำเป็นบราวนีที่เสิร์ฟมาในแก้ว รสชาติเข้มข้น 

 

Open: เวลา 11.00-19.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์และอังคาร)

Address: ซอยเอกมัย 21

Budget: 300-500 บาท

Map: maps.app.goo.gl

The post รวมลิสต์คาเฟ่ที่น่าไปเช็กอินจาก 4 HOURS LIFE with และ 4 HOURS LIFE in appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bar Trends 2025 อัปเดตเทรนด์บาร์จากสายตา ‘คนบาร์’ แถวหน้าของไทย https://thestandard.co/life/bar-trends-2025 Sun, 12 Jan 2025 13:09:35 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1029705 เทรนด์บาร์ 2025 คาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญ

เข้าสู่ศักราชใหม่ หลายสถาบันย่อมออกมาคาดการณ์เทรนด์ต่าง […]

The post Bar Trends 2025 อัปเดตเทรนด์บาร์จากสายตา ‘คนบาร์’ แถวหน้าของไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
เทรนด์บาร์ 2025 คาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญ

เข้าสู่ศักราชใหม่ หลายสถาบันย่อมออกมาคาดการณ์เทรนด์ต่างๆ ว่าในปีจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง วงการบาร์ก็เช่นกัน บ้างก็ออกมาบอกว่า Clarified Cocktail ปีนี้มาแรงแน่ บ้างก็บอกว่าไม่หรอกยุคนี้ต้อง Go Local เท่านั้น นานาจิตตัง ปล่อยให้เป็นเรื่องของนักการตลาดและนักวิชาการว่ากันไป ทว่าในฐานะคนบาร์ผู้ที่ต้องคลุกคลีอยู่กับนักดื่มและสปิริตตลอดเวลา พวกเขาคิดเห็นอย่างไรกับแนวโน้มเทรนด์บาร์ในปีนี้ THE STANDARD แวะไปถามความคิดเห็นของเขามา มาดูสิว่าตัวตึงของวงการแต่ละคนคิดเห็นเช่นไร

 

เทรนด์บาร์ 2025 คาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญ

 

หนึ่ง-รณภร คณิวิชาภรณ์

Bartender และ Co-founder, Mahaniyom Cocktail Bar 

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: สิ่งที่เราเรียกว่า High Volume หรือ High Energy Bar น่าจะมา ซึ่งเราเริ่มเห็นบ้างแล้ว เป็นบาร์ที่มีไวบ์ของความสนุก ความปาร์ตี้

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: น่าจะเป็น Casual กับ Simplicity ก็จะมาควบคู่กับ High Energy Bar ดริงก์จะมีความเรียบง่าย เข้าใจง่ายมากขึ้น เพราะนักดื่มไม่ต้องการคำอธิบายมาก ลูกค้าจะไม่ได้โฟกัสที่ดริงก์อย่างเดียว แต่ยังดูบรรยากาศ

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: น่าจะเป็นพวก Clear Drink อาจไม่ถึงขั้นออกไปเลย แต่จะเริ่มซาๆ ลง เพราะการทำให้ใสอาจทำให้ความรู้สึกตอนดื่มคล้ายกันไปหมด ความหลากหลายของดริงก์ในปีนี้น่าจะมากขึ้น

 

 

ณิกษ์ อนุมานราชธน

Bartender และ Co-founder, G.O.D (Genius On Drugs)

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: คนจะโฟกัสเรื่องของ Garnish มากขึ้น ดริงก์จะคลีนอัพมากขึ้น แล้วก็ Overall Experience ของค็อกเทลบาร์จะมากกว่าแค่เป็นบาร์ เทรนด์การดื่มที่โฟกัสแค่แก้วเครื่องดื่มหนึ่งแก้วจะน้อยลงไป

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: เรื่องของมู้ด ไวบ์ของบาร์ คนจะให้ความสำคัญกับประสบการณ์และภาพรวมที่ได้รับจากบาร์

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: คิดว่ายังไม่มี แต่อะไรที่ไม่ทันสมัยจะไปอยู่ในจุดอื่นมากกว่า

 

 

ปาล์ม-ศุภวิชญ์ มุททารัตน์

Bartender และ Co-founder, Dry Wave Cocktail Studio

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: สำหรับเครื่องดื่ม คิดว่ามี 2 สาย คือสาย Classic Cocktail และสาย Innovative Cocktail คิดว่าทั้งคู่ยังคงอยู่เสมอ และน่าจะเห็นชัดขึ้น เรามองว่าปีหน้าการนำ 2 สายนี้มารวมกันน่าจะเกิดขึ้น อาจมีการใส่ความครีเอทีฟ อินโนเวทีฟ หรืออะไรหลายๆ อย่างให้สนุกขึ้น

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: เราว่าเทรนด์การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้าสำคัญ ไม่ได้มองแค่ดนตรี เครื่องดื่ม หรือแค่ดีเจนะ แต่ลูกค้าที่มาต้องได้รับประสบการณ์ที่ต่างออกไป เดี๋ยวนี้ลูกค้ามองหาประสบการณ์ใหม่ๆ มากขึ้น ค็อกเทลอร่อยใครๆ ก็ทำได้ แต่การทำให้คนจดจำเป็นสิ่งที่ยาก

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: เทรนด์การทำร้านที่สร้างประสบการณ์ตามสูตรสำเร็จ เพราะคนในยุคนี้มองหาประสบการณ์ใหม่มากขึ้น อาจไม่ถึงกับเอาต์ไปเลย แต่จะลดน้อยลงตามกลไกการตลาด

 

 

Dicky Hartono

Beverage Manager, Firefly Bar

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: การให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น เราจะเห็นบาร์ต่างๆ พยายามยกระดับด้วยการใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นมากขึ้น ประเทศไทยมีส่วนผสมและรสชาติที่หลากหลายมาก และหลายคนยังไม่รู้ว่ารสชาติของไทยเป็นเช่นไร

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์น้อยลง และเครื่องดื่มที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: ผมคิดว่าอุตสาหกรรมบาร์ประเทศไทยพัฒนาไปไกลมากในช่วงปีที่ผ่านมา นักดื่มมีความเข้าใจมากขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก ผมคิดว่าปีนี้ผู้คนจะเริ่มละทิ้งสารปรุงแต่งรสชาติสังเคราะห์และเครื่องดื่มหวานๆ และจะมองหาส่วนผสมสดใหม่จากท้องถิ่นแทน

 

 

Matteo Cadeddu

Bar Manager, Opium Bar

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: สำหรับเครื่องดื่มคิดว่าค็อกเทลที่ใช้ อะกาเว (Agave) หรือเหล้าที่มีส่วนผสมของอะกาเวมาแรง และน่าจะเป็นส่วนผสมที่น่าสนใจของวงการค็อกเทลไทยในปีนี้ นักดื่มไทยเริ่มเปลี่ยนจากเครื่องดื่มเปรี้ยวหวาน มาเน้นรสแอลกอฮอล์มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี 

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: ผมคิดว่าเครื่องดื่มอะกาเวที่มีรสชาติคาวและรสชาติที่ไม่เหมือนใครกำลังเป็นที่นิยม ผู้คนเริ่มอยากลองสิ่งแปลกใหม่และออกนอกกรอบเดิมๆ

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: อย่างแรกเลย ‘จิน’ เคยเป็นที่นิยมมาก แต่ปี 2025 น่าจะน้อยลงมาก อีกอย่างคือ Clarified Cocktail หรือเทรนด์ค็อกเทลใส อาจไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจอีกต่อไป คนเริ่มคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้แล้วและอาจเริ่มเบื่อ ผู้คนเริ่มสนใจลองแอลกอฮอล์ใหม่ๆ มากขึ้น แทนที่จะดื่มจินค็อกเทลแบบซ้ำๆ

 

เทรนด์บาร์ 2025 คาดการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญ

 

ตาล-สุดารัตน์ โรจนวานิช

Bartender และ Co-founder, BAR US

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: อะไรที่ตรงกลางระหว่างโมเดิร์นกับคลาสสิก ก็คือความ Innovative กับ Classic แต่สองอย่างนี้นำมาผสมรวมกัน เป็นอะไรที่ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย แต่ก็ยังซับซ้อนหรือมีความอินโนเวทีฟในตัวเอง

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: เครื่องดื่มหรือประสบการณ์ที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกปลอดภัย สบายใจ

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: บางสิ่งบางอย่างที่แฟนซีมากไป

 

 

Tom Hearn

Bar Manager, Vesper

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: สำหรับแนวโน้มบาร์ในกรุงเทพฯ ผมยังไม่อยากเฉพาะเจาะจง เพราะผมเพิ่งมาอยู่ที่นี่เพียง 2 ปี และเป็นช่วงหลังโควิดด้วย แต่ผมพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่า ตอนนี้วงการบาร์ในไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: อาจไม่ได้มาจนเรียกว่าเทรนด์ แต่เป็นสิ่งที่ผู้คนเริ่มสนใจ คือ ‘การดื่มในช่วงเวลากลางวัน’ ปกติคนกรุงเทพฯ จะเริ่มดื่มหลัง 2 ทุ่มไปแล้ว ผมคนหนึ่งเป็นคนชอบดื่มช่วงเย็นๆ เข้าใจว่าตอนนี้มีปัญหาเรื่องกฎหมายอยู่ ได้แต่หวังว่าเราจะทำอะไรแบบนี้ได้เร็วๆ 

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: ผมไม่คิดว่าจะมีอะไรเอาต์ ตอนนี้วงการบาร์ดีมาก และยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยิ่งตลาดท่องเที่ยวแข็งแกร่งแบบนี้ มักมีที่สำหรับทุกเทรนด์เสมอ เพราะฉะนั้นสำหรับผมปีนี้จะยังไม่มีอะไรที่เอาต์เป็นรูปธรรม

 

 

ปิง-โรจนัสถ์ เจริญศรี 

Group Creative & Program Director, #FindTheLockerRoom, #FindThePhotoBooth

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: เน้นไปที่ความสนุก คนยังคงอยากสนุกอยู่ครับ เราเพิ่งผ่านช่วงโควิดไม่นาน และผู้คนยังอยากสนุกได้เต็มที่ อยากไปอยู่ในบรรยากาศบาร์ที่เป็นมิตร สบายๆ ปลอดภัย

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: ค็อกเทลที่ควบคู่ไปกับบรรยากาศบาร์ คือสนุก สนุกในการรับรสชาติ มีลูกเล่นในค็อกเทล

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: พวก Non-Functional Garnishes พวกการ์นิชที่ไม่เกี่ยวข้องกับค็อกเทล เป็นของตกแต่งเฉยๆ

 

 

กอล์ฟ-กิติบดี ช่อทับทิม

Co-founder, wasteland

 

ภาพรวมเทรนด์บาร์ปีนี้: น่าจะเป็นเรื่องของการเล่นกับโลคัลเยอะขึ้น เช่น สุราก้าวหน้า เราเห็นการพัฒนาของเหล้าไทยเยอะขึ้น อาจจะไม่ทั้งหมด เป็นเรื่องของการหยิบของในพื้นที่มาเล่น ไม่ว่าจะเป็นสปิริตหรือเรื่องของวัตถุดิบก็ตาม

 

สิ่งที่น่าจะมาเป็นพิเศษ: อาจจะไม่เร็วๆ นี้ น่าจะเป็นสไตล์ค็อกเทลที่เป็นโฟโต้จีนิกมากขึ้น ถ่ายรูป อัปรูปลง และระบุ Idenity ของบาร์นั้นๆ ได้ทันที เห็นปุ๊บรู้เลยว่าอยู่บาร์ไหน หรืออาจจะเป็นเรื่องของ Over Garnish ที่อาจกลับมาด้วยซ้ำ

 

สิ่งที่คาดว่าจะเอาต์: ผมต้องใช้คำว่าสิ่งที่เหมือนกันมากกว่า คิดว่าหลายๆ ที่น่าจะพยายามทำอะไรให้แตกต่าง ฉะนั้นสิ่งเดิมๆ ที่ทำจะเอาต์ไปทันที เพราะคนไม่อยากได้อะไรที่เหมือนเดิม

 

ภาพ: Courtesy of Brands

The post Bar Trends 2025 อัปเดตเทรนด์บาร์จากสายตา ‘คนบาร์’ แถวหน้าของไทย appeared first on THE STANDARD.

]]>
ปลาร้ากินกับอะไรก็อร่อย’ ดินเนอร์เมนูปลาร้าโดย 9 เชฟในเทศกาลปลาร้า หมอลำ https://thestandard.co/life/fermented-fish-dinner-9-chefs Sun, 12 Jan 2025 01:00:47 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1028065 fermented-fish-dinner-9-chefs

หนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์จากเทศกาลปลาร้า หมอลำ ที่เราว่าน่าส […]

The post ปลาร้ากินกับอะไรก็อร่อย’ ดินเนอร์เมนูปลาร้าโดย 9 เชฟในเทศกาลปลาร้า หมอลำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
fermented-fish-dinner-9-chefs

หนึ่งในกิจกรรมไฮไลต์จากเทศกาลปลาร้า หมอลำ ที่เราว่าน่าสนใจไม่แพ้ดนตรีหมอลำม่วนๆ บนเวทีก็คือ Dining with Global Fermented Masters ดินเนอร์คอลแลบฝีมือเชฟชื่อดังจากทั่วโลกซึ่งจัดขึ้นเพียง 2 วันเท่านั้น โดยงานนี้มีเชฟจากหลายร้านอาหารทั้งในและนอกประเทศไทยมาเสิร์ฟเมนูจากปลาร้าร่วมกัน 

 

เช่น เชฟชาลีจากร้านวรรณยุค, เชฟหนุ่มจากร้าน Samuay & Sons, เชฟปริญญ์จากร้านสำรับสำหรับไทย, เชฟแบล็กจากร้าน Blackitch Artisan Kitchen, เชฟไพศาลและเชฟจิ๊บจากร้านแก่น, เชฟคิมอินจินจากร้าน Onggi & Banjoo, เชฟเปาโลจากร้าน Peppina และเชฟเมาริซิโอจากร้าน Santiaga

 

และเนื่องจากในวันนั้นพวกเราได้เข้าไปสัมผัสความนัวฝีมือเชฟเหล่านี้ด้วย พวกเราจึงอยากนำความสนุกและแปลกใหม่น่าสนใจมาแชร์ให้กับทุกคน เผื่อใครอยากรู้ว่า ‘ปลาร้า’ สามารถทำเป็นอาหารแบบไหนได้อีก นอกจากหยิบใส่ในอาหารอีสาน

 

เชฟเปาโลจากร้าน Peppina

เชฟเปาโลจากร้าน Peppina

เชฟเปาโลจากร้าน Peppina

 

เชฟปริญญ์จากร้านสำรับสำหรับไทย

เชฟปริญญ์จากร้านสำรับสำหรับไทย

 

เชฟแบล็กจากร้าน Blackitch Artisan Kitchen และเชฟเมาริซิโอจากร้าน Santiaga

เชฟแบล็กจากร้าน Blackitch Artisan Kitchen และเชฟเมาริซิโอจากร้าน Santiaga

 

เชฟหนุ่มจากร้าน Samuay & Sons และเชฟมาร์ตาจากโรงเรียนสอนทำอาหาร The Food School Bangkok

เชฟหนุ่มจากร้าน Samuay & Sons และเชฟมาร์ตาจากโรงเรียนสอนทำอาหาร The Food School Bangkok

 

เชฟจิ๊บจากร้านแก่น

เชฟจิ๊บจากร้านแก่น

 

เชฟชาลีจากร้านวรรณยุค

เชฟชาลีจากร้านวรรณยุค

 

Dining with Global Fermented Masters

 

Dining with Global Fermented Masters จัดขึ้นเมื่อวันที่ 26-27 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแอดลิบ ขอนแก่น โดยทั้ง 2 วันมาพร้อมเมนูและเชฟที่ต่างกัน เราเข้าร่วมดินเนอร์ในวันที่ 2 ซึ่งมีเชฟทั้งหมด 9 คน เสิร์ฟอาหารทั้งหมด 14 เมนู

 

เริ่มจากคอร์สแรกที่เป็นการคอลแลบกันระหว่างเชฟไพศาลและเชฟจิ๊บจากร้านแก่นที่เสิร์ฟเมนู ‘แจ่วบักเหล่น’ น้ำพริกมะเขือเทศสไตล์อีสานที่ผสมปลาร้า ก่อนกินเชฟราดซอสไข่ผำวินิเกรตให้ด้วย และให้กินคู่กับข้าวจี่ปลาดุกย่างปลาร้าหอม ส่วนอีกเมนูคือ ‘ไข่เต่า’ ที่เชฟให้เราล้วงมือลงไปในไหและหยิบหลนปูผสมปลาร้าขึ้นมากินในหนึ่งคำ

 

เชฟไพศาลจากร้านแก่น และเชฟ Patrina Loh จากร้าน Morsels

เชฟไพศาลจากร้านแก่น และเชฟ Patrina Loh จากร้าน Morsels

 

Morsels

Morsels

Morsels

 

สำหรับเชฟ Patrina Loh จากร้าน Morsels ประเทศสิงคโปร์ ที่อยู่สเตชันเดียวกัน เชฟเสิร์ฟเมนูแรกด้วย ‘หอยเชลล์ฮอกไกโด’ ซึ่งมาพร้อมซอสมิโซะ 2 แบบที่หมักนาน 6 เดือนและ 2 ปี โดยเชฟมีมิโซะเปล่าๆ ให้ชิม แน่นอนว่ามิโซะที่หมักนานกว่ารสชาติจะมีมิติมากกว่าอย่างชัดเจน ส่วนอีกเมนูคือ ‘ซี่โครงหมู’ ราดซอสผสมปลาร้า อาจาดสับปะรด และข้าวเหนียวนุ่มๆ กรอบๆ

 

‘หอยเชลล์ฮอกไกโด’

‘ซี่โครงหมู’

 

ต่อมาเป็นสเตชันของเชฟเปาโลจากร้าน Peppina ที่มาพร้อมเมนู ‘พลูทาเรลเรสลัดกับปลาร้า’ สลัดสไตล์อิตาลีที่เชฟใช้ปลาร้าไทยแทนปลาร้าอิตาลีอย่างแอนโชวี และ ‘เส้นสดทอคโค้รีซอสเนยกับปลาร้าและเห็ดทรัฟเฟิล’ พาสต้าเส้นสดที่เชฟเปาโลใช้ทั้งน้ำและเนื้อปลาร้าเพิ่มความอูมามิ บอกเลยว่าเมนูนี้ต้องโดนถ้าหากเชฟนำไปเสิร์ฟที่ร้านตัวเองจริงๆ 

 

พลูทาเรลเรสลัดกับปลาร้า

เส้นสดทอคโค้รีซอสเนยกับปลาร้าและเห็ดทรัฟเฟิล

เชฟไบรท์พ่อครัวประจำโรงแรมแอดลิบ

เชฟไบรท์พ่อครัวประจำโรงแรมแอดลิบ

 

ส่วนเชฟไบรท์พ่อครัวประจำโรงแรมแอดลิบ ขอนแก่น มาพร้อมเมนู ‘เป็ดดรายเอจ’ ที่เสิร์ฟคู่กับหมกหน่อไม้ และ ‘เนื้อวากิวรมควัน’ ที่กินคู่กับกิมจิมะละกอ

 

โรงแรมแอดลิบ ขอนแก่น

โรงแรมแอดลิบ ขอนแก่น

 

หลังจากนั้นเป็นคิวของป้าเชฟจากร้านหมก จังหวัดอุบลราชธานี ที่ทำเมนูเด็ดอย่าง ‘ก้อยบักโมกับปลาร้าฟู’ เมนูแตงโมดองน้ำปลาร้าที่นำไปปรุงรสหลายขั้นตอน ก่อนให้กินพร้อมปลาร้ากรอบเจียวฟู ปลาอินทรีเค็ม ไข่นกกระทากงฟี และคาเวียร์ไทย อีกเมนูคือ ‘ไอศกรีมหลนเค็มบักนัด’ ไอศกรีมราดซอสหลนเค็มบักนัด มีเบคอนกรอบ เจลหอมแดง ครีมขมิ้นขาว และปลาป่นแห้งที่ทำเป็นแผ่นกรอบๆ

 

ก้อยบักโมกับปลาร้าฟู

ไอศกรีมหลนเค็มบักนัด

 

พร้อมด้วยเชฟ Walter el Nagar จากร้าน Refettorio Geneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่มาพร้อมเมนู ‘Vitello Tonnato เวอร์ชันอีสาน’ ด้วยการใช้น้ำปลาร้าผสมในซอสไข่แดงสไตล์อิตาลี นำไปราดบนเนื้อวัวสุกกำลังดี และมีรสเปรี้ยวสดชื่นจากมะเขือเทศท้องถิ่นช่วยตัดรส อีกเมนูคือ ‘Spaghetti Alla Chitarra’ เป็นสปาเกตตีกุ้งแม่น้ำกับซอสเนื้อปลาร้าหอมเข้มข้น

 

เชฟคำนางจากร้านเฮือนคำนาง

เชฟคำนางจากร้านเฮือนคำนาง

 

เชฟคำนางจากร้านเฮือนคำนาง

เชฟคำนางจากร้านเฮือนคำนาง

 

สุดท้ายปิดจบด้วยเมนูพิเศษจาก 2 เชฟคือ เชฟคำนางจากร้านเฮือนคำนาง ที่นำปลาร้าจากลุ่มน้ำชี จังหวัดขอนแก่น มานำเสนอเป็นเมนู ‘หอยนา’ และ ‘ปลายอน’ ส่วนเชฟฮิโตชิ สุกิอุระ จากประเทศญี่ปุ่น นำปลาร้าจากเมืองวาจิมะ ประเทศญี่ปุ่น ที่มีสูตรหมักปลาร้าเป็นของตัวเองมาทำเป็นเมนู ‘โทสต์ครีมผักรมควัน’ และ ‘ทาร์ตกุ้ง’ ให้ทุกคนชิม

 

หอยนา

โทสต์ครีมผักรมควัน

 

เราชอบดินเนอร์ครั้งนี้ที่ชวนเชฟมือดีมาทำอาหารด้วยปลาร้าอีสาน เพราะแต่ละคนสร้างสรรค์เมนูได้น่ากินและน่าสนใจมากจนเราเองก็นึกไม่ถึง เอาเป็นว่าใครได้อ่านหรือได้ลองชิมจะต้องได้ไอเดียใหม่ๆ ในการกินปลาร้าแน่นอน ถ้าไม่เชื่อก็ลองทำเมนูง่ายๆ อย่างสลัด พาสต้า หรือตักน้ำปลาร้าใส่หลนดูสักช้อนสิ

The post ปลาร้ากินกับอะไรก็อร่อย’ ดินเนอร์เมนูปลาร้าโดย 9 เชฟในเทศกาลปลาร้า หมอลำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Pizza Studio Tamaki ร้านพิซซ่าดังจากโตเกียว ดีกรีแชมป์ระดับโลก เปิดสาขาแรกที่กรุงเทพฯ แล้ว https://thestandard.co/life/pizza-studio-tamaki-bangkok Sat, 11 Jan 2025 03:30:20 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1029177

นี่คือร้านพิซซ่าดีกรีแชมป์ระดับโลกที่หากใครไปเยือนโตเกี […]

The post Pizza Studio Tamaki ร้านพิซซ่าดังจากโตเกียว ดีกรีแชมป์ระดับโลก เปิดสาขาแรกที่กรุงเทพฯ แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>

นี่คือร้านพิซซ่าดีกรีแชมป์ระดับโลกที่หากใครไปเยือนโตเกียวก็ต้องอยากแวะชิม เพราะเชฟซึบาสะ ทามากิ เจ้าของร้าน Pizza Studio Tamaki (PST) เป็นถึงแชมป์เชฟพิซซ่าที่ดีที่สุดในโลก อันดับที่ 9 จากเวที The Best Pizza 2024 แถมร้านแห่งนี้ยังได้รางวัล The Best Pizza Experience Award 2024 ที่มอบให้เฉพาะร้านพิซซ่าที่คนรักพิซซ่าห้ามพลาดอีกด้วย

 

ทว่าตอนนี้ Pizza Studio Tamaki มาเปิดสาขาแรกในประเทศไทยแล้ว อยู่ในซอยสุขุมวิท 49 พร้อมด้วยเมนูพิซซ่าสูตรเดียวกับสาขาต้นตำรับ พอได้ยินเช่นนี้แล้วคนรักพิซซ่าจะไม่ตามไปชิมได้อย่างไร

 

 

The Vibe

 

Pizza Studio Tamaki เปิดอยู่หน้าโครงการ Town Hall ซอยสุขุมวิท 49 ภายนอกล้อมด้วยกระจกใสมองเห็นบรรยากาศด้านใน ซึ่งบริเวณชั้นล่างมีทั้งโซนโต๊ะรับประทานอาหารและโซนเคาน์เตอร์บาร์หน้าครัวทำพิซซ่า มองเข้าไปทุกคนจะเห็นเตาอบพิซซ่าขนาดใหญ่ที่ใช้วัสดุนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นด้วย เนื่องจากเชฟต้องการทำพิซซ่าให้เหมือนสาขาต้นฉบับมากที่สุด จึงสร้างเตาใหม่ด้วยทีมเดิมขึ้นที่นี่

 

ส่วนชั้นบนก็มีโต๊ะอาหารเช่นกัน เพียงแต่เปลี่ยนจากห้องครัวเป็นเคาน์เตอร์บาร์เครื่องดื่มที่มีให้เลือกครบทุกแบบ

 

 

The Taste

 

เอกลักษณ์ของพิซซ่าร้าน Pizza Studio Tamaki อยู่ตรงแป้งที่หมักนาน 30 ชั่วโมง เมื่อนำไปอบจึงใช้เวลาไม่นาน แต่พิซซ่าที่ออกมามีความบาง เนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม กลิ่นหอม และรสชาติซับซ้อน และเพื่อเสิร์ฟพิซซ่าสไตล์โตเกียว-นาโปลีให้ทุกคนชิมแล้วมีความใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุด Pizza Studio Tamaki จึงมีหัวหน้าเชฟชาวญี่ปุ่น และพิซซ่าโยโล (Pizzaiolo) หรือคนทำพิซซ่าที่มีประสบการณ์มากกว่า 5 ปี จากร้าน Pizza Studio Tamaki สาขาโตเกียว มาประจำร้านสาขานี้ด้วย

 

 

เมนูแนะนำว่าต้องสั่งคือ Tamaki (590 บาท) พิซซ่าเบสซอสมะเขือเทศ ซึ่งเป็นเมนูซิกเนเจอร์ประจำตัวเชฟทามากิ ด้านบนท็อปด้วยชีสมอสซาเรลลารมควัน, มะเขือเทศเชอร์รี, ชีสนมแกะ และใบโหระพา หน้าตาอาจดูเรียบง่าย แต่รสชาติกลมกล่อม และก่อนกินเชฟแนะนำให้ใช้ส้อมกดมะเขือเทศให้แตกด้วย เราว่าเป็นเมนูสบายๆ ที่มากินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

 

 

พิซซ่าอีกหมวดหนึ่งเบสด้วยชีส เมนูที่เราได้ลองคือ Nduja (590 บาท) พิซซ่าหน้าชีสมอสซาเรลลา, ไส้กรอกหมู, ซอสเอ็นดูย่า และใบโหระพา เมนูนี้จะมีความเผ็ดขึ้นมานิดหน่อย เหมาะกับคนชอบความเข้มข้น แนะนำให้ลองใส่พริกที่วางอยู่บนโต๊ะด้วย จะได้อีกรสชาติหนึ่งที่เราว่าคนไทยน่าจะชอบ

 

เมนูของกินเล่นอื่นๆ ก็ไม่เบา เพราะเราก็ติดใจไปหลายเมนู เช่น PST Meatball (450 บาท) มีตบอลเนื้อหมูผสมเนื้อวากิวที่นำไปสโลวคุกในซอสมะเขือเทศ รสชาติจึงหอมเข้มข้น ด้านในชุ่มฉ่ำ นี่คือเมนูที่ทุกโต๊ะต้องมี หรือ Lasagna (590 บาท) ที่ใช้เนื้อวัวญี่ปุ่นอบจนสุก ตักขึ้นมาพร้อมชีสยืดๆ แล้วได้กลิ่นหอมชวนหิว แถมรสชาติดี น่าสั่งซ้ำมากๆ

 

 

และเราแนะนำให้สั่ง Organic Salad (290 บาท) มาช่วยตัดเลี่ยนด้วย เนื่องจากมีความเปรี้ยวของน้ำสลัดอิตาเลียน

 

อีกสิ่งที่น่าเฝ้ารอคือของหวาน เราชอบทั้ง Tiramisu (320 บาท) ที่เนื้อเบา ละมุน รสชาติขมหวานกำลังดี และ Panna Cotta (290 บาท) ที่ใช้ชาเขียวจากเมืองอุจิ จังหวัดเกียวโต แต่ละคำหอมมัทฉะ และเหมาะเป็นเมนูปิดท้ายหลังจากกินพิซซ่าไปหลายชิ้น

 

 

Good for

 

ถ้าใครเป็นสายแป้งที่ชื่นชอบเมนูพิซซ่าเป็นพิเศษ เราอยากให้แวะมาลอง Pizza Studio Tamaki เราชอบเนื้อแป้งของร้านนี้ที่มีความเหนียวนุ่ม กัดไปแล้วเบา มีกลิ่นหอม แถมยังมาพร้อมเมนูอื่นๆ ที่รสชาติดีจนน่าติดใจไม่แพ้กันอีก อีกทั้งบรรยากาศยังโปร่งสบาย ไม่แออัด เหมาะนัดกันมานั่งแฮงเอาต์กับเพื่อนๆ หรือครอบครัว

 


 

Pizza Studio Tamaki Bangkok

Address: โครงการ Town Hall ซอยสุขุมวิท 49

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00-22.30 น.

Contact: PST Bangkok

Budget: 1,000-2,000 บาท

Map: https://maps.app.goo.gl/LSKzj6MSEk5fJnN66

 

 

The post Pizza Studio Tamaki ร้านพิซซ่าดังจากโตเกียว ดีกรีแชมป์ระดับโลก เปิดสาขาแรกที่กรุงเทพฯ แล้ว appeared first on THE STANDARD.

]]>
INTERVIEW: ปลาร้าจะโกอินเตอร์ได้ ต้องไม่ถูกยึดติดกับอาหารอีสาน: เชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ แห่ง Samuay & Sons จังหวัดอุดรธานี https://thestandard.co/life/fermented-fish-global-chef-samuay-sons Fri, 10 Jan 2025 01:00:17 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1027796 fermented-fish-global-chef-weerapat-samuay-sons

‘ปลาร้า’ น่าสนุกกว่าที่ทุกคนคิด เพราะหลายคนอาจยังไม่รู้ […]

The post INTERVIEW: ปลาร้าจะโกอินเตอร์ได้ ต้องไม่ถูกยึดติดกับอาหารอีสาน: เชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ แห่ง Samuay & Sons จังหวัดอุดรธานี appeared first on THE STANDARD.

]]>
fermented-fish-global-chef-weerapat-samuay-sons

‘ปลาร้า’ น่าสนุกกว่าที่ทุกคนคิด เพราะหลายคนอาจยังไม่รู้ว่าอาหารประจำถิ่นของชาวอีสานที่พวกเราคุ้นเคยกันดีสามารถเป็นอะไรได้มากกว่าที่เป็นอยู่ หรือไม่แน่ว่าอาจเพราะพวกเราติดอยู่กับภาพจำเดิมๆ จนนึกไม่ออกว่าปลาร้าสามารถลงไปนอนอยู่ในเมนูใดได้อีก นอกจากส้มตำ น้ำพริก แกงคั่ว หรือนำไปทอดทั้งตัวแล้วบีบมะนาวกินคล้ายปลาเค็ม

 

เราจึงชวน เชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ แห่งร้านอาหาร Samuay & Sons ร้านอาหารแนะนำโดยมิชลินไกด์ในจังหวัดอุดรธานี มานั่งคุยเกี่ยวกับเรื่องปลาร้าๆ กันสักหน่อย เพราะสิ่งที่เชฟกำลังทำคือการสร้างเส้นทางใหม่ๆ ให้กับอาหารอีสานบ้านเกิด รวมถึงพยายามทำให้ปลาร้าเข้าถึงง่าย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังเป็นปลาร้าในแบบที่ปลาร้าควรเป็น

 

เชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์

เชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ แห่งร้านอาหาร Samuay & Sons จังหวัดอุดรธานี 

 

“ผมว่าเสน่ห์ของอาหารอีสานคือความ Rustic มันเข้าถึงง่าย รสชาติไม่ได้ซับซ้อนมาก คือกินแล้วเผ็ดก็เผ็ดเลย มันตรงไปตรงมา อีกมุมหนึ่งอาหารอีสานก็สะท้อนฤดูกาล ซึ่งเสน่ห์ตรงนี้หลังๆ เริ่มหายไป เพราะว่าฤดูกาลปัจจุบันไม่ค่อยสัมพันธ์ ทำให้คนที่อยากลิ้มลองบางอย่างจริงๆ ไม่ค่อยมีโอกาส

 

ปรัชญาในการทำงานของผมจึงให้ความสำคัญกับการจับภูมิปัญญามาต่อยอด ฉะนั้นอาหารที่ร้าน Samuay & Sons จึงเล่าถึงวัตถุดิบท้องถิ่นทั่วประเทศไทย เกิดจากความสนใจส่วนตัวด้วยที่ผมเดินทางเยอะ และรู้สึกว่าวัตถุดิบหรือพืชพรรณต่างๆ ในบ้านเรายังมีอีกหลายอย่างที่ไม่ได้ถูกยกมาเล่า” เชฟหนุ่มพูดถึงสิ่งที่เขาทำที่ร้าน Samuay & Sons ซึ่งเป็นอาหารอีสานแนวใหม่ แต่กินไปแล้วยังเป็นรสอีสาน

 

ภาพ: Samuay & Sons

ภาพ: Samuay & Sons

 

ภาพ: Samuay & Sons

ภาพ: Samuay & Sons

 

การเคยไปเรียนทำอาหารที่ต่างประเทศไม่ได้ทำให้การเรียนรู้อาหารอีสานยากขึ้น มันกลับยิ่งทำให้ผมลงลึกมากขึ้น

 

ร้าน Samuay & Sons เปิดมานานกว่าสิบปีแล้ว หลังจากเชฟหนุ่มกลับมาจากการเรียนทำอาหารที่สหรัฐอเมริกา เขาไม่ได้เปิดร้านนี้เพื่อทำอาหารอีสานตั้งแต่แรก ทว่าทันทีที่เขาค้นพบเสน่ห์ที่แท้จริงของรสชาติบ้านเกิด เชฟก็ตั้งใจเรียนรู้ให้ลึกและยกระดับอาหารท้องถิ่นให้โมเดิร์นด้วยการทำให้แปลกแต่อร่อย ทำให้อาหารอีสานกลายเป็นสิ่งใหม่ที่น่าชิม

 

“การเคยไปเรียนทำอาหารที่ต่างประเทศไม่ได้ทำให้การเรียนรู้อาหารอีสานยากขึ้น มันกลับยิ่งทำให้ผมลงลึกมากขึ้น เพราะช่วงที่ผมกลับมาใหม่ๆ กระแสของการทำของหมักดอง (Fermentation) และการหาของป่า (Foraging) กำลังมา ยิ่งช่วงนั้นร้านอาหาร Noma นำเทรนด์ของหมักดองมาใช้ทำอาหารด้วย มันยิ่งจุดประกายเราในตอนนั้น

 

“แต่พอผมเริ่มเรียนรู้จริงๆ ก็ได้รู้ว่าของบ้านเราเองก็มีอยู่มานานมากเหมือนกัน มันไม่ใช่เทรนด์ แต่มันเป็นวิถีการหาอยู่หากิน เพียงแค่ว่าบางทีมันอยู่ใกล้ตัวเราเกินไปจนเรามองไม่เห็นค่า แค่นั้นจริงๆ” เชฟหนุ่มเล่าถึงตอนที่เขากลับมาประเทศไทยใหม่ๆ และเริ่มทำความรู้จักอาหารอีสานแบบถึงแก่น

 

เชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ แห่งร้านอาหาร Samuay & Sons จังหวัดอุดรธานี 

 

“ทุกอย่างใหม่สำหรับผมหมดเลย แค่การออกไปเจอผู้คนและคุยถึงเทคนิคการทำปลาร้าของแต่ละบ้านก็ไม่เหมือนกันแล้ว เพราะส่วนใหญ่ไม่มีการตักตวง เขาใช้ความรู้สึก ทุกอย่างจึงเป็นชุดข้อมูลใหม่ทั้งหมด มันขึ้นอยู่กับว่าเราจะใส่ข้อมูลพวกนี้เข้าไปในหัวเราแล้วให้มันไปอยู่ตรงไหน”

 

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงอาหารอีสาน ปลาร้ามักเป็นสิ่งแรกๆ ที่ผุดขึ้นมาในความคิดเสมอ เชฟหนุ่มมองว่าเหตุผลที่ปลาร้าค่อนข้างโดดเด่นกว่าของหมักดองประจำภาคอื่นๆ ก็เพราะคาแรกเตอร์ของมันที่ชัดเจนกว่าใคร

 

“ผมว่าเป็นเพราะคาแรกเตอร์ของปลาร้าและภาพจำของคนกินที่ทำให้ปลาร้าอีสานโดดเด่นกว่าภาคอื่นๆ อย่างเมื่อพูดถึงส้มตำคนก็จะนึกถึงปลาร้าทันที แต่เอาเข้าจริงของหมักดองไม่ว่าจากภาคไหนหรือประเทศไหนก็เริ่มต้นมาจากสิ่งเดียวกัน คือการถนอมอาหารไว้กินทั้งปี”

 

“เอกลักษณ์ของปลาร้าคือกลิ่นของรำข้าว และยิ่งใช้ปลาไขมันเยอะจะยิ่งทำปลาร้าอร่อย”

“เอกลักษณ์ของปลาร้าคือกลิ่นของรำข้าว และยิ่งใช้ปลาไขมันเยอะจะยิ่งทำปลาร้าอร่อย”

 

เอกลักษณ์ของปลาร้าคือกลิ่นของรำข้าว และยิ่งใช้ปลาไขมันเยอะจะยิ่งทำปลาร้าอร่อย

 

เราถามเชฟหนุ่มต่อว่า แล้วปลาร้าที่ดีในความคิดของเชฟเป็นแบบไหน เชฟหนุ่มบอกว่ามันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากได้ปลาร้าไปทำอะไร ถ้าเลือกปลาร้าให้เหมาะกับเมนูก็ไม่มีปลาร้าไหนดีหรือไม่ดี

 

“เอกลักษณ์ของปลาร้าคือกลิ่นของรำข้าว และยิ่งใช้ปลาไขมันเยอะจะยิ่งทำปลาร้าอร่อย แต่สุดท้ายปลาร้าที่ดีเป็นอย่างไร ตอบยากนะ เพราะมันมีหลายเลเวล มันขึ้นอยู่กับการใช้งานว่าเราอยากนำปลาร้าไปทำอะไร ส่วนกลิ่นหรือรสชาติก็เป็นเรื่องของการสร้างฟังก์ชันในการใช้งานมากกว่า” เชฟหนุ่มพูดถึงการทำปลาร้าในรูปแบบใหม่ๆ ที่ไม่ได้หยุดอยู่แค่การใช้เติมความนัวในส้มตำ

 

“แต่ถ้าถามผมว่าชอบปลาร้าแบบไหนเป็นพิเศษ ผมชอบปลาร้าภาคกลาง (หัวเราะ) โดยเฉพาะปลาร้าที่มาจากแถบสุพรรณบุรี นครสวรรค์ หรือว่าสิงห์บุรี เพราะว่าปลาร้าเหล่านี้มาจากคนลาวที่อพยพมาจากประเทศลาวจริงๆ เทคนิคการทำปลาร้าจึงยังเป็นแบบลาวดั้งเดิม อีกเหตุผลหนึ่งที่ชอบก็เพราะแถบนั้นปลาตัวใหญ่ยังเยอะด้วย ซึ่งสมัยนี้น้อยมากที่จะเห็นปลาร้าตัวใหญ่ๆ ในแถบอีสาน เพราะว่ามันเริ่มหายาก”

 

ปลาร้าที่กินได้แบบโคลด์คัตฝีมือเชฟหนุ่ม

ปลาร้าที่กินได้แบบโคลด์คัตฝีมือเชฟหนุ่ม

ปลาร้าที่กินได้แบบโคลด์คัตฝีมือเชฟหนุ่ม

 

ในเมื่อร้าน Samuay & Sons เสิร์ฟอาหารอีสาน แน่นอนว่าเชฟหนุ่มต้องทดลองทำปลาร้าเองด้วยเพื่อสร้างรสชาติใหม่ๆ ขึ้นมา ซึ่งตอนเราถามก็สัมผัสได้ว่าเชฟดูเอ็นจอยกับมัน และมีแพลนสร้างปลาร้าเวอร์ชันใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“ผมทำปลาร้าบ่อยมาก ทำไปเรื่อยเลยครับ ลองทำแบบนั้นแบบนี้ ใส่นั่นใส่นี่ ลองเอาเข้าตู้ควบคุมอุณหภูมิ ลองเอาไปหมักกับเชื้อรา อย่างล่าสุดก็ทำปลาร้าให้กินแบบโคลด์คัตได้ แค่เราต้องควบคุมอุณหภูมิให้พยาธิมันตาย”

 

ปลาร้าที่กินได้แบบโคลด์คัตฝีมือเชฟหนุ่ม

ปลาร้าที่กินได้แบบโคลด์คัตฝีมือเชฟหนุ่ม

ปลาร้าที่กินได้แบบโคลด์คัตฝีมือเชฟหนุ่ม

 

เราถามเชฟอีกว่า เขาเคยทำเมนูจากปลาร้าที่แปลกสุดๆ บ้างไหม เชฟหนุ่มนึกอยู่สักพักก่อนจะตอบว่า “ผมเคยทำไอศกรีมปลาร้า” ซึ่งหากถามเชฟว่าอร่อยไหม เชฟก็จะตอบว่าอร่อย “มันก็กินได้ แต่เพียงอาจเหนือจากสามัญสำนึกคนทั่วไปสักหน่อย เหมือนกับเวลาเรากินไอศกรีมรสชาติแปลกๆ ที่ทำจากน้ำปลาหวาน อะไรแบบนั้น

 

“ผมมีอะไรอีกเยอะที่อยากลองทำหรือรอเข้าไปค้นหา อย่างเมนูที่นำมาเสิร์ฟในงานปลาร้าหมอลำ คือ หมูอบน้ำผึ้งปลาร้า ด๊องแด๊งน้ำยาลาวกับผักดอง และปลาคังรมควัน มะเขือย่าง กับแจ่วปลาแดกมะขามเปียก ก็เกิดจากการที่ผมคิดว่าลองทำบาร์บีคิวซอสโดยใส่น้ำปลาร้าดูสิ ลองเอาปลาร้ามาทำน้ำหมักหมูแดงอบน้ำผึ้งดูสิ”

 

มันก็กินได้

มันก็กินได้

 

“ผมว่าปลาร้าจะน่าสนใจกว่านี้ถ้าเราสามารถทำให้มันเข้าถึงคนทั่วไปได้ง่ายขึ้น มันคือการเพิ่มฟังก์ชันการใช้งาน ผมจึงทดลองด้วยการไม่ยึดติดปลาร้ากับเมนูอาหารอีสานเพียงอย่างเดียว”

 

และนอกจากดินเนอร์ที่เชฟเสิร์ฟเมนูพิเศษร่วมกับเชฟคนอื่นๆ เชฟหนุ่มยังจัดเวิร์กช็อป ‘Plara with a Twist’ คู่กับเชฟแบล็กจากร้าน Blackitch Artisan Kitchen แชร์วิธีทำปลาร้ารูปแบบใหม่ๆ ที่ทำให้ทุกคนได้เห็นความเป็นไปได้ในการกินและการทำอาหารด้วยปลาร้าเพิ่มขึ้น

 

ผมว่าปลาร้าจะโกอินเตอร์ได้ต้องเริ่มจากมาร์เก็ตติ้ง

ผมว่าปลาร้าจะโกอินเตอร์ได้ต้องเริ่มจากมาร์เก็ตติ้ง

 

“ผมว่าปลาร้าจะโกอินเตอร์ได้ต้องเริ่มจากมาร์เก็ตติ้ง เพราะตอนนี้ทุกอย่างเข้าสู่มาตรฐานแล้ว มีผลิตภัณฑ์ปลาร้าระดับโรงงานตั้งมาก ผมว่ามันเป็นเรื่องของการสร้างภาพจำที่เราต้องย้ำไปเรื่อยๆ เหมือนกับที่คนบ้านเราหันมากินชีสกันเป็นเรื่องปกติ หรือคนทั่วโลกรู้จักแล้วว่ากิมจิคืออะไร น้ำปลาใช้อย่างไร พวกเราแค่ต้องให้เวลาเพื่อให้ปลาร้าเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้น”

 

ผมว่าปลาร้าจะโกอินเตอร์ได้ต้องเริ่มจากมาร์เก็ตติ้ง

 

“ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของการเพิ่มฟังก์ชันในการใช้งานนั่นแหละ เช่น ถ้าลองเปลี่ยนจากน้ำปลามาใช้น้ำปลาร้าแทนจะเป็นไปได้แค่ไหน อาจคิดง่ายๆ เลยก็คือเมนูไข่เจียว หรือเราจะทำให้น้ำปลาร้าเข้าไปเป็นหนึ่งในวัตถุดิบประจำฤดูกาลในร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งสักแห่งบนโลกนี้ที่เขามองปลาร้าเป็นหนึ่งในอูมามิบอมบ์ มันก็เป็นไปได้หมด

 

“ทำไมเราถึงยอมรับและเอ็นจอยกับการกินพาร์เมซานชีสได้ กินบลูชีสได้ ในเมื่อขั้นสุดของการหมักดองโปรตีนมันคือกลิ่นเดียวกันก็คือกลิ่นบลูชีส แต่ว่าก่อนมันจะไปถึงขั้นนั้นก็ประกอบด้วยหลายปัจจัย เช่น เกลือถึงไหม โปรตีนของเนื้อสัตว์ที่เอามาทำเป็นอย่างไร เพราะสุดท้ายแล้วคุณจะไม่เคอะเขินเลยถ้าปลาร้านั้นคุณภาพดี”

 

The post INTERVIEW: ปลาร้าจะโกอินเตอร์ได้ ต้องไม่ถูกยึดติดกับอาหารอีสาน: เชฟหนุ่ม-วีระวัฒน์ ตริยเสนวรรธน์ แห่ง Samuay & Sons จังหวัดอุดรธานี appeared first on THE STANDARD.

]]>