LIFE | FOOD & DRINK – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 26 Sep 2025 14:15:38 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Tulum Skybar รูฟท็อปย่านเอกมัย ที่ยกบีชไวบ์เมืองตูลูมมาไว้กลางกรุง https://thestandard.co/life/tulum-skybar/ Fri, 26 Sep 2025 14:15:38 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1123551 Tulum Skybar

สุดสัปดาห์นี้ถ้าคุณกำลังมองหาที่แฮงก์เอาท์ลมเย็นๆ เดินท […]

The post Tulum Skybar รูฟท็อปย่านเอกมัย ที่ยกบีชไวบ์เมืองตูลูมมาไว้กลางกรุง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Tulum Skybar

สุดสัปดาห์นี้ถ้าคุณกำลังมองหาที่แฮงก์เอาท์ลมเย็นๆ เดินทางสะดวกไม่ไกลจากตัวเมืองและอาหารอร่อย เราแนะนำให้แวะมาเช็คอินยัง ‘Tulum Skybar’ รูฟท็อปบาร์สไตล์อเมริกันที่ยกบรรยากาศริมทะเลของเกาะตูลูม (Tulum) ประเทศเม็กซิโก มาไว้บนชั้น 29 ของโรงแรมเอสเตลล่า เอกมัย (ESTELLA EKKAMAI) ทั้งบีชไวบ์แสนชิล ค็อกเทลสไตล์ทิกิ และอาหารแบบเม็กซิกันแบบครบเครื่อง

 

 

The Vibe

 

อันที่จริง Tulum ไม่ใช่บาร์ใหม่ แต่หลังจากปิดรีโนเวตไปเมื่อปีที่ผ่านมา นี่เป็นครั้งแรกที่เราแวะเวียนมาเยี่ยม ด้วยคอนเซ็ปต์หลักคือบีชไวบ์ของเกาะตูลูม บรรยากาศโดยรวมจึงตกแต่งคล้ายบีชคลับริมทะเล มีที่นั่งให้เลือกทั้งในร่มและกลางแจ้ง ไม่ต้องกลัวว่ามาแล้วฝนตกแล้วจะเสียอารมณ์ ของประดับตกแต่งต่างๆ ได้ โด่ง-พงษธัช อ่วยกลาง ประติมากรและเจ้าของบริษัท Dong Sculpture มาดูแลให้ ซึ่งจุดเด่นที่สุดของร้าน คือประติมากรรมเทพีฉายลวดลายแอซเท็กซึ่งตั้งเด่นสง่าจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของบาร์

 

 

The Taste

 

เมื่อทั้งคอนเซ็ปต์ร้านและการตกแต่งมาสไตล์บีชไวบ์ของเกาะตูลูม เครื่องดื่มของที่นี่จึงเป็นสไตล์ทิกิ ที่ใช้เหล้ารัมและผลไม้เขตร้อนเป็นส่วนผสมหลัก รสชาติส่วนใหญ่เป็นแนว Refreshing เน้นดื่มง่าย ได้เรื่อยๆ เหมือนจิบริมทะเล ซึ่งแก้วที่เราว่าน่าสนใจ ได้แก่ Passion Totem ค็อกเทลที่รวมความซับซ้อนและความสดชื่นในแก้วเดียว ใช้ Vodka ผสม Absinthe และ Apricot Liqueur เพิ่มความหอมหวานด้วยวานิลลาและเสาวรสสด บีบมะนาวปิดท้ายให้รสเปรี้ยวสดชื่น ดื่มแล้วได้ทั้งความเข้ม กลมกล่อม และสดใส, Pandan Delight โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมละมุนของใบเตย ผสมผสาน Pisco Demonio และ Frangelico เข้ากับเบอร์รีรวม เพิ่มสัมผัสนุ่มฟองไข่ขาว

 

นอกจากเครื่องดื่ม อาหารที่นี่ก็รสดีและควรค่าแก่การลอง จานที่เราชอบและแนะนำให้สั่ง คือ Chicken Breast Steak สเต๊กอกไก่ย่างจนสุกกำลังดี เนื้อนุ่มไม่แห้ง เสิร์ฟคู่ซอสชิมิชูรีหอมสมุนไพร เพิ่มความสดชื่นด้วยข้าวโพดหวาน มะเขือเทศเชอร์รี และพริกฮาลาเปญโญเล็กน้อย ให้รสเผ็ดตัดเลี่ยน ส่วนของกินเล่นต้องนี่เลย Nachos Double Cheese Beef ที่ได้ทั้งรสเนื้อ รสชีส แบบเต็มๆ คำ

 

 

Good for…

 

ใครที่หาที่แฮงก์เอาท์ใจกลางเมือง อยากได้บรรยากาศชิลๆ สไตล์รูฟท็อป เราว่าที่นี่เหมาะ ยิ่งเดือนกันยายน Tulum Skybar จัดแคมเปญ Negroni Week แบบจุกๆ ปล่อยซีรีส์ ‘September Red’ ที่มีเนโกรนีถึง 4 แบบ เอาใจทุกสายตั้งแต่ดื่มง่ายไปจนถึงสปิริตฟอร์เวิร์ด ตลอดเดือนกันยายน!

 

 

Tulum Skybar 

Location: ชั้น 29, ESTELLA EKKAMAI

Open: ทุกวัน เวลา 17.00 – 02.00 น.

Budget: เริ่มต้นที่ 420 บาท

Facebook: https://www.facebook.com/tulumskybar 

Website: https://tulum.asia 

Map: https://maps.app.goo.gl/ZiWSvQPcfX9oKj6A6 

 

 

The post Tulum Skybar รูฟท็อปย่านเอกมัย ที่ยกบีชไวบ์เมืองตูลูมมาไว้กลางกรุง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bisou Bangkok ร้านอาหารฝรั่งเศสไวบ์เซ็กซี่ในย่านหลังสวน https://thestandard.co/life/bisou-bangkok/ Fri, 26 Sep 2025 06:09:00 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1123296 บรรยากาศ Bisou Bangkok ร้านอาหารฝรั่งเศสไวบ์เซ็กซี่ ย่านหลังสวน

นี่คือร้านที่กลับมากี่ครั้งก็ต้องติดใจทุกครั้ง เพราะทั้ […]

The post Bisou Bangkok ร้านอาหารฝรั่งเศสไวบ์เซ็กซี่ในย่านหลังสวน appeared first on THE STANDARD.

]]>
บรรยากาศ Bisou Bangkok ร้านอาหารฝรั่งเศสไวบ์เซ็กซี่ ย่านหลังสวน

นี่คือร้านที่กลับมากี่ครั้งก็ต้องติดใจทุกครั้ง เพราะทั้งอาหารและบรรยากาศของ ‘Bisou Bangkok’ มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครจริงๆ ทั้งขี้เล่น เซ็กซี่ และน่ากินไปเสียหมด อีกทั้งตอนนี้ร้านเปิดครบรอบ 2 ปีแล้ว พร้อมมีชื่ออยู่บนลิสต์ร้านแนะนำจากมิชลินไกด์ในปีล่าสุดด้วย นี่จึงเป็นโอกาสดีที่ทุกคนควรแวะไปชิมเมนูใหม่ของ Bisou กันให้ไว

 

 

Bisou เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีความโมเดิร์นแต่สบายๆ ไม่ต้องนั่งตัวเกร็งเหมือนร้านฝรั่งเศสหรูๆ ที่นี่แฝงด้วยกลิ่นอายเซ็กซี่ตามคอนเซ็ปต์ร้าน จุดไฮไลต์คืออ่างแช่ไวน์ที่ตั้งรอตั้งแต่หน้าทางเข้า ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหากมาที่นี่ต้องสั่งไวน์มาจิบคู่กับอาหารด้วยนะ ส่วนเมนูเป็นอาหารฝรั่งเศสแนวบิสโทรที่เหมาะสั่งมากินด้วยกัน พร้อมจับมือจ้องตาใต้แสงไฟและบรรยากาศสนุกๆ ที่โรแมนติก

 

 

เมนูที่เราได้ลองอย่างเช่น French Toast Black Truffle (390 บาท/ชิ้น) ทรัฟเฟิลโทสต์ที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ไม่ควรพลาด แต่ถ้าใครไม่ชอบความครีมมี่หรือกลิ่นทรัฟเฟิล ให้สั่ง Wagyu Beef Tartar Bite (220 บาท/ชิ้น) โทสต์ทาร์ทาร์เนื้อวากิวที่เราเองก็ติดใจไม่เบา

 

Sea Bream Ceviche (220 บาท) เหมาะเป็นของกินเล่นเริ่มต้นมื้อ เพราะมีความสดชื่น จับคู่กับไวน์แล้วเข้ากัน เช่นเดียวกับ Red Endive Salad (690 บาท) สลัดผักสีแดงที่มาพร้อมองุ่นและชีส กินทุกอย่างพร้อมกันแล้วเข้ากันสุดๆ

 

 

จานหลักเราชอบ Hanger Steak (1,725 บาท) ที่เชฟทำเนื้อได้สุกนุ่มกำลังดีทุกคำ บอกเลยว่าสายเนื้อต้องติดใจจนอยากกลับมาซ้ำ แต่ถ้าใครอยากกินปลามากกว่า แนะนำให้ลอง Monkfish Tail (990 บาท) เนื้อปลาส่วนหางที่มาพร้อมซอสรสชาติกลมกล่อมสไตล์อาหารฝรั่งเศส

 

ส่วนใครเป็นสายคาร์บผู้ชื่นชอบแป้ง ร้านมีเมนูพาสต้าด้วย อย่างเช่น Ravioles du Dauphiné (690 บาท) ที่เสิร์ฟราวิโอลีสอดไส้ทั้งชิ้นมาบนกระทะพร้อมผักร็อคเกต จานนี้ให้กิน 2-3 ก็อิ่ม หลังจากนั้นปิดจบด้วยของหวานอย่าง Cherry Vacherin (450 บาท) ที่ตอนแรกคิดว่าอาจหนักไปสักหน่อย แต่พอได้ชิมรสชาติกลับสดชื่น ปิดท้ายมื้อได้อย่างพอดี เป็นเมนูเมอแรงก์กับครีมสดและเชอร์รี แนะนำให้กินทุกอย่างพร้อมกันจะสัมผัสได้ถึงรสนุ่มละมุน เบา และสดชื่น 

 

 

Bisou Bangkok

Open: ทุกวัน เวลา 17.30-24.00 น.

Address: ซอยหลังสวน ชิดลม

Budget: 1,500-5,000 บาท

The post Bisou Bangkok ร้านอาหารฝรั่งเศสไวบ์เซ็กซี่ในย่านหลังสวน appeared first on THE STANDARD.

]]>
BEANS Coffee Roaster เปิดสาขาใหม่แล้วที่ Dusit Central Park https://thestandard.co/life/beans-coffee-roaster-dusit-central-park-2/ Thu, 25 Sep 2025 05:22:17 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1122629 BEANS Coffee Roaster Dusit Central Park

BEANS Coffee Roaster เปิดสาขาใหม่แล้วที่ Dusit Central […]

The post BEANS Coffee Roaster เปิดสาขาใหม่แล้วที่ Dusit Central Park appeared first on THE STANDARD.

]]>
BEANS Coffee Roaster Dusit Central Park

BEANS Coffee Roaster เปิดสาขาใหม่แล้วที่ Dusit Central Park

 

ตอนนี้ BEANS Coffee Roaster ได้เปิดสาขาใหม่แล้วที่ Dusit Central Park พร้อมบรรยากาศที่ตกแต่งออกมามีความดิบ ความเท่ ไม่แพ้สาขาอื่นๆ เลย จุดเด่นของสาขานี้ที่ไม่อยากให้พลาดคือเมล็ดพิเศษ DUSIT CENTRAL PARK BLEND เบลนด์เฉพาะที่หาดื่มไม่ได้จากที่อื่น โดยประกอบไปด้วยเมล็ดจาก Thai Nan Arabica, Indonesia Sumatra และ Guatemala คั่วระดับ Medium Roast ให้รสชาติที่พอดีไม่ขมเกินไปและไม่เปรี้ยวเกินไป โน้ตของเบลนด์นี้จะประกอบไปด้วย Herb, Almond, Milk Chocolate และความครีมมี่ที่สมดุล เหมาะกับการเป็นเบลนด์ที่ดื่มได้ทุกวัน

 

BEANS Coffee Roaster Dusit Central Park

 

ในสาขานี้ยังคงคอนเซปต์ร้านเหมือนเดิม นั่นคือที่ร้านจะมีตัวเลือกกาแฟให้เลือกหลากหลายเมล็ด วิธีการสั่งก็คือเริ่มต้นเลือกเมนูกาแฟที่อยากกิน เช่น Americano, Latte หรือ Drip Coffee เป็นต้น หลังจากนั้นก็เลือกเมล็ดที่เราชื่นชอบ ราคาของแต่ละแก้วจึงขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกเมล็ดแบบไหนซึ่งราคาจะเริ่มต้นที่ 85 บาท

 

BEANS Coffee Roaster Dusit Central Park BEANS Coffee Roaster Dusit Central Park

 

ที่สาขานี้นอกจากเมนูกาแฟแล้ว ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ อีกมากมายอย่างเช่น Matcha หรือ Chocolate เป็นต้น แถมยังมีเมนูขนมอีกหลายเมนู คุณสามารถมานั่งที่ร้านนี้ตั้งแต่เช้าและจิบเครื่องดื่ม ไปพร้อมกับการกินขนมได้เลย เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสาขาที่คนรักกาแฟไม่ควรพลาด

 

 

BEANS Coffee Roaster Dusit Central Park

Open: ทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.

Address: ชั้น G , DusitCentralPark

Budget: 85-200 บาท

Facebook: Beansroaster.bkk

Map: 

 

The post BEANS Coffee Roaster เปิดสาขาใหม่แล้วที่ Dusit Central Park appeared first on THE STANDARD.

]]>
Dry Wave และ Opium ติดลิสต์บาร์ดีที่สุดในโลก อันดับ 51-100 ใน World’s 50 Best Bars 2025 https://thestandard.co/life/dry-wave-opium-worlds-best-bars-2025/ Wed, 24 Sep 2025 08:23:43 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1122265 บาร์ Dry Wave และ Opium กรุงเทพฯ ติดอันดับ 51-100 ใน World’s 50 Best Bars 2025

Congratulations! ยินดีกับทุกบาร์ที่ได้รางวัล  &nbs […]

The post Dry Wave และ Opium ติดลิสต์บาร์ดีที่สุดในโลก อันดับ 51-100 ใน World’s 50 Best Bars 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
บาร์ Dry Wave และ Opium กรุงเทพฯ ติดอันดับ 51-100 ใน World’s 50 Best Bars 2025

Congratulations! ยินดีกับทุกบาร์ที่ได้รางวัล 

 

ใกล้เข้ามาทุกทีแล้วกับ World’s 50 Best Bars 2025 งานประกาศอันดับสุดยอดบาร์ระดับโลก ที่ปีนี้ได้วกกลับมาจัดอีกครั้งยังเกาะฮ่องกง ในวันที่ 8 ตุลาคม 2025 เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป แต่ก่อนจะถึงวันนั้น ทางผู้จัดได้ประกาศลิสต์บาร์ในอันดับ 51-100 ประจำปี 2025 ซึ่งมีบาร์ไทยติดอันดับอยู่ 2 แห่ง ได้แก่ 

 

อันดับที่ 88 Dry Wave Cocktail Studio, กรุงเทพฯ

อันดับที่ 92 Opium, กรุงเทพฯ

 

ส่วนอันดับอื่นๆ มีบาร์จากเอเชียติดโผทั้งหมด 12 แห่ง ได้แก่

 

อันดับที่ 53 Bar Cham, โซล

อันดับที่ 54 The SG Club, โตเกียว

อันดับที่ 56 ARGO, ฮ่องกง

อันดับที่ 60 LPM Dubai, ดูไบ

อันดับที่ 65 The SG Club, โตเกียว

อันดับที่ 67 Smoke & Bitters, ศรีลังกา

อันดับที่ 70 Gokan, ฮ่องกง

อันดับที่ 74 Vender, ไต้หวัน

อันดับที่ 84 Native, สิงคโปร์

อันดับที่ 86 The Savory Project, ฮ่องกง

อันดับที่ 94 Bar Trench, โตเกียว

อันดับที่ 96 Lair, นิวเดลี

 

ส่วนใครที่อยากดูลิสต์ฉบับเต็ม เข้าไปดูได้ที่ www.instagram.com/p/DA23kpYuySN

 

ส่วนวันนี้ที่ Dry Wave มีอีเวนท์พิเศษเป็น Guest Shift จาก Opium พอดิบพอดี ใครอยากแวะไปฉลองให้พวกเขา เชิญได้เลยที่บาร์

The post Dry Wave และ Opium ติดลิสต์บาร์ดีที่สุดในโลก อันดับ 51-100 ใน World’s 50 Best Bars 2025 appeared first on THE STANDARD.

]]>
DROP BY DOUGH HK โดนัทสัญชาติไทย เปิดสาขาแห่งแรกในฮ่องกง https://thestandard.co/life/drop-by-dough-hongkong-opening/ Wed, 24 Sep 2025 05:58:28 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1122206 DROP BY DOUGH สาขาแรกในฮ่องกง บรรยากาศร้านโดนัทอบสดใหม่

แม้วันนี้ (23 กันยายน) พายุระดับ T8 กำลังมาเยือนฮ่องกง […]

The post DROP BY DOUGH HK โดนัทสัญชาติไทย เปิดสาขาแห่งแรกในฮ่องกง appeared first on THE STANDARD.

]]>
DROP BY DOUGH สาขาแรกในฮ่องกง บรรยากาศร้านโดนัทอบสดใหม่

แม้วันนี้ (23 กันยายน) พายุระดับ T8 กำลังมาเยือนฮ่องกง และทำให้ย่านต่างๆ นั้นเงียบเหงากว่าปกติ แต่สำหรับ DROP BY DOUGH วันนี้คือฤกษ์งามยามดีสำหรับการเปิดสาขานอกประเทศครั้งแรก และเป็นสาขาแรกในฮ่องกง

 

DROP BY DOUGH เป็นแบรนด์โดนัทสัญชาติไทยของ 2 นักเดินทาง ‘โอ๊ต-ณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์’ และ ‘โอ๊ตซึ-เฉลิมพล อัครภิญโญกุล ที่เริ่มต้นจากความชอบเล็กๆ ในการตระเวนชิมโดนัทระหว่างเดินทาง จนกลายเป็นแรงบันดาลใจสร้างร้านแรกเมื่อปี 2562 และต่อยอดมาสู่สาขาฮ่องกง คำว่า ‘Drop by’ หมายถึง ‘แวะมาเยี่ยม’ ผสานกับคำว่า ‘Dough’ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของการทำโดนัท โดยแบรนด์อยากให้ DROP BY DOUGH เป็นเหมือนห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อผู้คนด้วยโดนัทอบสดใหม่ ที่ใครๆ ก็สามารถแวะได้ จะนั่งเล่น กินโดนัท จิบกาแฟ พูดคุยกับเพื่อน หรือใช้เวลากับครอบครัวทำได้หมด

 

 

สำหรับ DROP BY DOUGH สาขาแรกในฮ่องกง ตั้งอยู่ฝั่งเซ็นทรัลของฮ่องกง ใกล้กับสถานี MTR Sheung Wan แน่นอนว่าทั้งบรรยากาศและการตกแต่งยังคงคอนเซปต์เดียวกับที่ไทย ‘แวะมาเจอ แวะมาชิม’ ด้านในใช้กระเบื้องดินเผาและเฟอร์นิเจอร์ไม้ มีสเปซไว้นั่งชิล ให้คนเมืองเร่งรีบได้แอบพักใจสักครู่กับกาแฟและขนมแสนพิเศษ

 

นอกจากบรรยากาศร้าน จุดเด่นของ DROP BY DOUGH ยังเป็นการทำโดนัททุกชิ้นด้วยมือ ใช้วัตถุดิบคุณภาพ และอบสดใหม่ทุกวัน เมนูซิกเนเจอร์อย่าง Raspberry Rose, Classic Vanilla หรือ Kyoto Matcha & Red Bean ยังคงนำมาขายที่นี่ ขณะเดียวกันก็มีเมนูเอ็กซ์คลูซีฟทำขึ้นเพื่อสาขาฮ่องกงโดยเฉพาะ เช่น Pistachioooooo และ Mango Kati ที่ชาวฮ่องกงน่าจะตกหลุมรัก 

 

 

สำหรับใครที่อยากลองโดนัทรสชาติพิเศษของ DROP BY DOUGH สามารถแวะมาได้ที่ DROP BY DOUGH, Central Hong Kong เปิดบริการทุกวันตั้งแต่ 08.00–19.00 น.

 

DROP BY DOUGH Hong Kong

 

Location: MTR Sheung Wan, Hong Kong 

Open: ทุกวัน เวลา 08.00–19.00 น.

Instagram: www.instagram.com/dropbydough.hk 

Map: https://maps.app.goo.gl/1gzpXc1Q3UYJPVSg7 

The post DROP BY DOUGH HK โดนัทสัญชาติไทย เปิดสาขาแห่งแรกในฮ่องกง appeared first on THE STANDARD.

]]>
18 บาร์ฉลอง Negroni Week 2025 เมนูพิเศษแก้วเดียวไม่มีซ้ำ https://thestandard.co/life/negroni-week-2025-thailand-bars/ Tue, 23 Sep 2025 13:31:03 +0000 https://thestandard.co/?p=1122044 negroni-week-2025-thailand-bars

ทุกหนึ่งสัปดาห์ในเดือนกันยายนของทุกปี บาร์ทั่วโลกจะร่วม […]

The post 18 บาร์ฉลอง Negroni Week 2025 เมนูพิเศษแก้วเดียวไม่มีซ้ำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
negroni-week-2025-thailand-bars

ทุกหนึ่งสัปดาห์ในเดือนกันยายนของทุกปี บาร์ทั่วโลกจะร่วมกันเฉลิมฉลอง ‘Negroni Week’ ค็อกเทลคลาสสิกที่รวมรสขม หวาน และความหอมจาก Gin, Vermouth และ Campari ไว้ในแก้วเดียวกัน แต่ความพิเศษของสัปดาห์นี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่รสชาติ เพราะนี่คือโอกาสที่บาร์และนักดื่มจะมารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันความสนุกสนาน ความรักในเครื่องดื่ม และยังได้ช่วยสนับสนุนกิจกรรมการกุศลไปพร้อมๆ กัน

 

Negroni Week ไม่ใช่เพียงการดื่มค็อกเทลหนึ่งแก้ว แต่คือการดื่มด่ำไปกับวัฒนธรรมบาร์ที่ยังคงพัฒนาและตีความค็อกเทลสุดคลาสสิกนี้ในแบบใหม่ๆ ทุกปี สำหรับปีนี้ Negroni Week จัดขึ้นระหว่างวันที่ 22 – 28 กันยายน 2025 แน่นอนว่าบาร์ต่างๆ ต่างสร้างสรรค์เมนูเนโกรนีในสไตล์ของตัวเอง แถมยังมี Guest Shift น่าสนใจตลอดทั้งสัปดาห์ ส่วนจะมีที่ไหนน่าสนใจบ้างนั้น ตามไปดูกัน

 


 

BKK Social Club

 

BKK Social Club

 

หนึ่งในบาร์ที่หลายคนชื่นชอบมาในช่วง Negroni Week เพราะเนโกรนีที่นี่รสดีเสมอ สำหรับเทศกาลในปีนี้ BKK Social Club ไม่ได้เตรียมเนโกรนีจากสูตรของทางร้านเท่านั้น แต่ยังจับมือกับบาร์อื่นๆ ในเครือ Four Seasons จากหลายประเทศ ตั้งแต่บังกาลอร์, โซล, โตเกียว, จาการ์ตา, ฮ่องกง จนถึงเวียดนาม โดยแต่ละเมนูมีการผสมผสานวัตถุดิบท้องถิ่น กลิ่นอายความคิดสร้างสรรค์ และเทคนิคเฉพาะตัว ที่จะทำให้การยกแก้วในปีนี้พิเศษกว่าที่เคย

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Cost: เริ่มต้นที่ 480 บาท 

Contact: https://www.facebook.com/BKKSocialClub 

 


 

Modern-Day Culture

 

Modern-Day Culture

 

บาร์แผ่นเสียงในซอยเอกมัยจากกลุ่มคนที่อยากผลักดันให้แผ่นเสียงเป็นส่วนหนึ่งของปัจจุบัน ขอร่วม Negroni Week ด้วยการปล่อยซีรีส์เนโกรนีมาให้ชิมทั้งแบบเบสสาเก ไวน์แดงและกาแฟ หรือแนวเฮิร์บก็มี โดยเนโกรนีทั้ง 4 ตัว ได้แก่ Muro, Rui, Zhang และ Ofra Haza

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Contact: https://www.facebook.com/Themoderndayculture

 


 

Dry Wave Cocktail Studio

 

Dry Wave Cocktail Studio

 

อยากชิมค็อกเทลจาก Bar Leone บาร์อันดับ 1 ของเอเชีย ไม่ต้องตีตั๋วบินถึงฮ่องกง เพราะตลอดเดือนกันยายน Dry Wave Cocktail Studio นำซิกเนเจอร์ดริงก์ 8 ตัวของมาเสิร์ฟให้ชิมถึงที่ ไม่ว่าจะเป็น Fig Leaf Negroni, Yuzu Americano, Olive Oil Sour, Caffè Paradiso ฯลฯ นอกจากนี้ยังมี ‘Negroni Variations’ เนโกรนีหลากหลายแบบจากทีม Dry Wave ที่มีให้ชิมจุกๆ อีก 7 ตัว 

 

และถ้ายังไม่จุใจ วันที่ 24 กันยายนนี้ ที่บาร์ยังมี Shift พิเศษ จากสองบาร์เทนเดอร์ชาวอิตาเลียน ‘Matteo Cadeddu’ จาก Opium และ Marco Dongi จาก Bar Sathorn มาร่วมเฉลิมฉลองความเป็นอิตาเลียนด้วย

 

When: วันนี้ – 30 กันยายน 2025

Cost: เริ่มต้น 440 บาท

Contact: https://www.facebook.com/profile.php?id=61555493219909 

 


 

Bar Us

 

Bar Us

 

บาร์อันดับ 4 ของเอเชียอย่าง Bar Us เตรียมเนโกรนี 3 แบบ เพื่อรวมในสัปดาห์แห่งการดื่มเนโกรนี หรือ Negroni Week ได้แก่ Banana Negroni, Brunch Negroni และ Garibalada ซึ่งแต่ละตัวคงอยู่ในธีมหลัก คือเป็น Starter, Main Course และ Dessert เช่นเคย

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Cost: 480 บาท ต่อแก้ว

Contact: https://www.facebook.com/profile.php?id=61555493219909 

 


 

Wasteland 

 

Wasteland

 

บาร์สายยั่งยืน Wasteland ร่วมฉลอง Negroni Week ด้วยการเสิร์ฟ Classic Negroni คู่กับ 4 เวอร์ชันพิเศษที่ตีความใหม่อย่างน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็น Vegan Blue Cheese Negroni ที่ได้โน้ต savory จากลูกยอโดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์นม, Cardinale in Fiore ผสมผสานความหอมของดอกมะลิออร์แกนิกกับกลิ่นสโมกกี้จาก Palo Santo และ Jasmine Sbagliato ที่ใช้ Sparkling Organic Jasmine Wine ทำให้ได้รสและฟองละเอียดอันเป็นเอกลักษณ์

 

นอกจาก 3 ตัวด้านบน ที่นี่ยังมีอีกหนึ่งเมนูลับที่ทำขึ้นจำนวนจำกัดสุดๆ เพื่อแฟนเนโกรนีโดยเฉพาะ บอกเลยว่าหากินที่ไหนไม่ได้ และต้องไปชิมที่หน้าบาร์เท่านั้น!

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Contact: https://www.facebook.com/wastelandbkk 

 


 

The Backroom

 

The Backroom

 

บาร์สีแดงในย่านเย็นอากาศร่วมฉลองสัปดาห์แห่งการดื่มเนโกรนี ด้วยการปล่อยเนโกรนีแบบทวิตส์และคลาสสิกให้จิบ 3 เมนู ได้แก่ The Bitter Rose, Midnight Roast และ Milano Highball และเพื่อความหนำใจ ทางบาร์ยังออกโปรพิเศษ Free Flow Negronis ให้นักดื่มดื่มได้แบบหยำเปในราคาเพียง 1,490 บาท!

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Budget: เริ่มต้นที่ 420 บาท 

Contact: https://www.facebook.com/backroombkk 

 


 

Club Salva Record Bar

 

Club Salva Record Bar

 

หากคุณอยากเข้าร่วม Negroni Week แต่กลัวว่าการดื่มเนโกรนีจะหนักเกินไป ให้แวะมาที่ Club Salva บาร์พี่น้องของ Modern-Day Culture ที่นำเสนอค็อกเทลในคอนเซปต์ ‘Negroni All Day’ ให้คุณสามารถลองเนโกรนีในหลายเท็กซ์เจอร์ด้วยส่วนผสมที่ผ่านการหมัก เช่น Yogurt Berry, Melon Cheese, Jasmin Sato, Mala Kombucha และ Umeboshi Sake

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Contact: https://www.facebook.com/profile.php?id=100093230325488 

 


 

The Pickwicks Chronicles 

 

The Pickwicks Chronicles

 

นอกจากเนโกรนีแก้วโปรดที่มีให้จิบทั้งสัปดาห์ ในค่ำคืนพิเศษวันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน 2025 Pickwicks ยังมีอีเวนท์พิเศษ โดยได้ ‘Brian Gonzalez’ บาร์เทนเดอร์รับเชิญจาก Campari ผู้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในวงการบาร์มายืนหลังบาร์เต็มๆ 1 คืน เตรียมยกแก้วขึ้นมาฉลองและพูดว่า Cin cin! ไปด้วยกัน

 

When: 25 กันยายน 2025 เวลา 19.00-23.00 น.

Contact: https://www.facebook.com/pickwicks.bkk

 


 

Lastcall

 

Lastcall

 

Lastcall บาร์ดีรสเยี่ยมที่ผู้คนมักไปเยี่ยมก่อนกลับบ้าน เตรียมเครื่องดื่มที่มี Campari เป็นส่วนผสมไว้ให้นักดื่มได้เฉลิมฉลอง Negroni Week มากถึง 5 ชนิด ได้แก่ East Coast Boulevard, Camparino Calada, Farang Jim Buay Camparita, Classic Negroni, North Atlantic Ocean และ Happy Accident ซึ่งก็มีทั้งสาย Refreshing ไปจนถึง Spirit Forward

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Cost: เริ่มต้นที่ 420 บาท 

Contact: https://www.facebook.com/lastcallbarbkk 

 


 

Vesper

 

Vesper

 

หนึ่งในบาร์ที่ดังกรุงเทพฯ เข้าร่วมเฉลิมฉลอง Negroni Week ปีนี้ ด้วยการสร้างสรรค์เนโกรนีแก้วพิเศษที่ได้แรงบันดาลใจจากเนโกรนีโปรดของเฮดบาร์เทนเดอร์ Tom Hearn โดยเนโกรนีแก้วนี้ยังคงความคลาสสิกแต่เพิ่มกลิ่นหอมสดชื่นจาก Bergamot  เสิร์ฟในแก้วไซส์เล็ก เพื่อให้แขกได้สนุกกับการดื่มหลายแก้วโดยไม่รู้สึกหนัก รายได้ส่วนหนึ่งจากทุกแก้วที่จำหน่าย จะถูกมอบให้กับสภากาชาดไทย

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Contact: https://www.facebook.com/vesperbkk  

 


 

#Obsession

 

#Obsession

 

สำหรับชาวอารีย์-สนามเป้า #Obsession บาร์บนชั้น 4 ตึกเดียวกับ Rock Pub ขอร่วมเทศกาลนี้ด้วย ด้วยการปล่อยแคมเปญ Negroni for Everyone ซีรีส์เนโกรนี 7 ตัว ที่ครบทุกรสชาติ ทุกไลฟ์สไตล์การดื่ม เช่น Cherry Negroni Sour หรือ Peachee-Zoni สำหรับคนชอบรสสดชื่นหน่อย ส่วนสายชอบความแปลกใหม่ ก็มี Muscat White Negroni และ Mezcal Kyoho Rosita ไว้คอยต้อนรับ นอกจากนี้ยังมีตัวซีเคร็ต Luke Tao’s Favorite ค็อกเทลแก้วลับสูตรเฉพาะของเจ้าของร้านที่รอให้นักดื่มแวะไปชิม

 


 

Tempo Bar

 

Tempo Bar

 

บาร์ดีไวบ์ดีในซอยอารีย์ ที่ให้ฟีลเหมือนมานั่งดื่มบ้านเพื่อน ขอร่วมเทศกาลด้วยการเตรียมดริ๊งในแบบฉบับของตัวเอง ที่เน้นดื่มง่าย ดื่มเรื่อยๆ ไว้ 2 ตัว คือ Americano และ Campari Highball ไปแล้วอย่าลืมสั่งของทอดมากินแกล้มด้วย บอกเลยว่า ดื่มได้ยาว เพลินๆ ตลอดทั้งคืน

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Budget: เริ่มต้นที่ 250 บาท 

Contact: https://www.facebook.com/profile.php?id=61563102242631 

 


 

Moxy Bar & Restaurant

 

Moxy Bar & Restaurant

 

แม้จะเป็นบาร์เล็กๆ ในโรงแรม แต่ Moxy Bar & Restaurant ก็เตรียมเครื่องดื่มเนโกรนีรสชาติแปลกใหม่ไว้ร่วมฉลองเทศกาลถึง 4 เมนู ได้แก่ Floral White Negroni, Classic Negroni, Thai Tea Negroni และ Slushy Negroni ซึ่งแน่นอนว่าหาที่ดื่มที่ไหนไม่ได้นอกจากที่นี่ โดยนักดื่มที่อยากร่วมกุศลสามารถสั่งดื่มได้จาก Moxy Truck ที่จอดโชว์ไว้บริเวณชั้นล็อบบี้

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Budget: เริ่มต้นที่ 250 บาท 

Contact: https://www.facebook.com/moxybangkokratchaprasong 

 


 

Scarlett Bangkok

 

Scarlett Bangkok

 

ตลอดเดือนกันยายนนี้ Scarlett Wine Bar & Restaurant ชวนคนรักค็อกเทลมาสัมผัสเสน่ห์ของเนโกรนีผ่านแคมเปญ ‘A Love Letter to Negroni’ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ 2 Classic Negronis เพียง 580++ บาท ทุกวันตลอดทั้งเดือน แถมในวันที่ 27 กันยายน ยังมีอีเวนต์พิเศษ Bar Takeover โดยได้ Thanamon ‘Still’ Suthon แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Campari Thailand มาร่วมสร้างสรรค์ค็อกเทลซิกเนเจอร์สุดพิเศษในค่ำคืนเดียวเท่านั้น!

 

When: วันนี้ – 30 กันยายน 2025

Cost: สั่งเนโกรนี 2 แก้วในราคา 580++ บาท

Contact: https://www.facebook.com/scarlettwinebarbangkok 

 


 

Tulum Skybar

 

Tulum Skybar

 

บาร์รูฟท็อปสไตล์เม็กซิกันใจกลางเอกมัย ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเมือง Tulum ของเม็กซิโก ปล่อยเมนูฉลอง Negroni Week ไว้นักชิมแวะไปจิบ 4 ตัว ด้วยกัน ได้แก่ Classic Negroni, Jungle Bird, Rose Rendezvous และ Sun Crush และแม้

 

When: วันนี้ – 30 กันยายน 2025

Cost: เริ่มต้นที่ 350 บาท

Contact: https://www.facebook.com/tulumskybar 

 


 

Kimpton Maa-Lai Bangkok

 

Kimpton Maa-Lai Bangkok

 

คิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพฯ ไม่ได้เฉลิมฉลองสัปดาห์แห่งดื่มเพื่อการกุศลบาร์เดียว แต่ทั้ง Craft, Ms.Jigger, Ruby’s และ Bar.Yard ต่างร่วมฉลองด้วยเมนูเดียวกัน เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะนั่งบาร์ได้ก็ได้ทั้งนั้น โดยซีรีส์เครื่องดื่มที่นำมาเฉลิมฉลอง 5 ตัวด้วยกัน ซึ่งก็มีทั้ง Classic Negroni, Genmaicha Negroni, Thai Tea – Cino ไปจนถึง Negroni Zero เนโกรนีแบบ 0% ไปเอาใจนักดื่มที่อยากดื่มแต่ไม่อยากเมา

 

นอกจากนี้ในค่ำคืน 24 กันยายน Ruby’s ยังมี Shift พิเศษจาก Fabri Dumellio เฮดบาร์เทนเดอร์จากร้าน Pantja จาการ์ตา อินโดนีเซีย มายืนหลังบาร์พิเศษ 1 คืน ใครสนใจเชิญได้ ตั้งแต่เวลา 20.00 น. เป็นต้นไป

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Cost: เริ่มต้นที่ 380 บาท

Contact: https://www.facebook.com/kimptonmaalaibangkok 

 


 

Stella Bar

 

Stella Bar

 

บาร์เพื่อนหญิงพลังหญิงอย่าง Steller ไม่ขอพูดเยอะ ทำให้นำเสนอเนโกรนีหนึ่งตัวที่คิดว่าทุกคนต้องชอบแน่ๆ และมีให้ดื่มยาวๆ ไปเลยทั้งเดือน โดยดริ๊งก์ตัวนี้มีชื่อว่า ‘Sunset Negroni’ รสชาติเข้มข้น สดชื่น ผสมผสานกลิ่นอายความทรอปิคัล

 

นอกจากนั้นยังไม่พอ สำหรับค่ำคืนวันที่ 24 กันยายน ที่บาร์ยังมี Shift พิเศษ จากบาร์เทนเดอร์ตำนานของเมืองไทย ‘อั๋น ชานนท์’ (Chanond Purananda) มาสร้างสรรค์เนโกรนีสุดพิเศษตลอดค่ำคืน

 

When: วันนี้ – 30 กันยายน 2025

Cost: เริ่มต้นที่ 380 บาท

Contact: www.facebook.com/stellabar.bangkok

 


 

The Standard, Hua Hin

 

The Standard, Hua Hin

 

ขอปิดท้ายลิสต์ด้วยเนโกรนีจากหัวหิน ใครที่แวะไปเที่ยวสุดสัปดาห์ อยากจิบเนโกรนีแบบชิลๆ แล้วอิ่มบุญด้วย แนะนำให้แวะไปที่ Lido ของ The Standard, Hua Hin ที่เตรียมเนโกรนีไว้ให้นักดื่มจิบ 3 รสชาติ ได้แก่ 1919 Negroni ที่มาในสไตล์คลาสสิก, Siam Negroni ที่สอดแทรกความทรอปิคอลลงไปให้ความสดชื่นเล็กๆ และ Chiang Mai Negroni ถ้าคุณอยากได้รสเข้ม หอมกาแฟ แนะนำให้สั่งเลย 

 

เนโกรนีที่นี่สามารถสั่งดื่มได้ตลอดวัน ไม่จำกัดเวลา เพราะฉะนั้น ยกแก้วแล้ว Cheers!

 

When: วันนี้ – 28 กันยายน 2025

Cost: เริ่มต้นที่ 250 บาท

Contact: https://www.facebook.com/thestandardhuahin 

 


 

ภาพ: Courtesy of Bar, THE STANDARD TEAM

The post 18 บาร์ฉลอง Negroni Week 2025 เมนูพิเศษแก้วเดียวไม่มีซ้ำ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Wasteland บาร์สายยั่งยืนที่เล่าเรื่องสิ่งแวดล้อมผ่านค็อกเทล https://thestandard.co/life/wasteland/ Sat, 20 Sep 2025 09:53:18 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1121029 wasteland

ผมเรียกดริ๊งก์ที่นี่ว่า Circular ส่วนไหนที่เราทำได้เราท […]

The post Wasteland บาร์สายยั่งยืนที่เล่าเรื่องสิ่งแวดล้อมผ่านค็อกเทล appeared first on THE STANDARD.

]]>
wasteland

ผมเรียกดริ๊งก์ที่นี่ว่า Circular ส่วนไหนที่เราทำได้เราทำ ส่วนไหนที่เก็บไว้ได้เราเก็บ และส่วนไหนที่เราจัดการไม่ไหวแล้ว เราจะส่งต่อ เอาไปทำปุ๋ย เอาไปอัพไซเคิล ฯลฯ

– กอล์ฟ-กิติบดี ช่อทับทิม

 

หลายคนมองว่าเรื่องของความยั่งยืนกับอาหารและเครื่องดื่มต้องโฟกัสไปที่การกินผัก กิน Plant-Based หรือเนื้อสัตว์ทางเลือก แต่อันที่จริง Sustain หรือความยั่งยืนสามารถเกิดขึ้นได้ทุกวงการอยู่ที่การจัดการและจัดสรร 

 

Eco-Curious ตอนนี้ เราพาคุณไปรู้จักกับ Wasteland บาร์สายยั่งยืนภายใต้การดูแลของ ‘กอล์ฟ-กิติบดี ช่อทับทิม’ และ ‘ท็อท-ธรัฐ หุ่นจำลอง’ ที่ตัดสินใจกลับมาเปิดหน้าร้านอีกครั้ง ในซอยสุขุมวิท 71 พร้อมค็อกเทลซิกเนเจอร์มากถึง 21 ตัว ที่เล่าเรื่องโลก ป่า และขยะ ผ่านวัตถุดิบท้องถิ่น ของเหลือใช้ และอัปไซเคิล

 

ดูรายการเต็มได้ที่: https://www.instagram.com/p/DOsH-MUjIyB 

 

wasteland

 

What is Wasteland?

 

Wasteland เปิดให้บริการครั้งแรกช่วงกลางปี 2563 ภายใต้แนวคิดรักษ์โลก และการบริหารจัดการบาร์อย่างยั่งยืน จุดเด่นของที่นี่คือใช้เครื่องดื่มเป็นสื่อกลางในการเปลี่ยนบทสนทนาหน้าบาร์ให้กลายเป็นเรื่องของสิ่งแวดล้อม นวัตกรรม และอนาคตของวงการกินดื่มอย่างจริงจัง

 

ภายใต้การดูแลของ ‘กอล์ฟ-กิติบดี ช่อทับทิม’ และ ‘ท็อท-ธรัฐ หุ่นจำลอง’ แม้ห่างหายจากการมีหน้าร้านไปพักใหญ่ แต่พวกเขายังเดินหน้าพัฒนาโปรเจกต์อย่างต่อเนื่อง พร้อมตัดสินใจกลับมามีหน้าร้านอีกครั้งพร้อมโลเคชันใหม่ และซิกเนเจอร์มากถึง 21 ตัว

 

“จริงๆ ผมเป็นคนชอบดื่มอยู่แล้ว เราก็จะไปตามบาร์บ่อยๆ นั่นเป็นหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ได้เจอ co -founder ที่ทำ Wasteland ด้วยกัน…ช่วงนั้นเราทำงานเป็นผู้จัดการสิ่งแวดล้อมที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง หน้าที่ของเราคือทำอย่างไรก็ได้ที่ทำให้การจัดการทั้งระบบตั้งแต่ Sourcing ไปถึง Post Consumption ให้ Sustain ที่สุด

 

“ผมเริ่มเก็บข้อมูล นำตัวอย่างไปลองเสนอกันบาร์ดู ว่ามีอะไรที่ไปกับบาร์ได้บ้าง แล้วพี่กอล์ฟซึ่งเป็น co-founder ด้วยกันเป็นคนเดียวที่ตอบตกลง และเริ่มรับวัตถุดิบที่ผมคัดมาเอาไปลองทำเป็นเครื่องดื่ม แต่สุดท้ายอีเวนท์ยังไม่ได้เริ่ม ก็เข้าช่วงโควิดพอดี หลังจากนั้น ร้านที่ผมทำอยู่ต้องการเปลี่ยนรูปแบบ ผมซึ่งเคยคุยโปรเจคต์กับพี่กอล์ฟอยู่แล้ว เราก็คุยกันว่าความหลากหลายของเมนูมากพอที่จะเปิดบาร์ก็เลยชวนกันมาทำ Wasteland” – ท็อท-ธรัฐ หุ่นจำลอง

 

 

How sustainable is it?

 

ด้วยเป็นบาร์ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ เราจึงเห็นความยั่งยืนในทุกรายละเอียด โดยสถานที่ตั้งใหม่ของ Wasteland เป็นตึก 5 ชั้น ที่ไม่มีด้านไหนสมมาตรกันเลย และทุกชั้นมีบทบาทของตัวเอง ชั้น 2 เป็นบาร์หลัก ที่จะพาเราสำรวจรสชาติใหม่ๆ ชั้น 3 คือแล็บทดลองและพื้นที่เวิร์กช็อปในอนาคต และชั้น 5 คือพื้นที่หมักปุ๋ยและเตรียมการสำหรับสวนดาดฟ้า การตกแต่งในร้านยังเป็นการนำเอาของเหลือที่ผู้คนไม่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่  เช่น โครงสร้างชั้นทำจากซากตู้เย็น ของเหลือจากกำแพงบางส่วนนำไปทำเป็นที่รองแก้ว วัสดุทุกชิ้นเล่าเรื่องการอัปไซเคิล และทุกพื้นผิวมีความเป็นมา

 

ทางฝั่งดริ๊งก์ Wasteland แบ่งออกเป็น 3 หมวดหลัก คือ ‘World’ นำค็อกเทลคลาสสิกมาทวิสต์ใหม่ในแบบฉบับของตัวเอง, ‘Wild’ ชูวัตถุดิบท้องถิ่นที่หาได้ธรรมชาติและการ forage และสุดท้าย ‘Waste’ นำวัตถุดิบที่มักถูกมองข้าม ซึ่งเป็นของเหลือตามร้านอาหารหรือการหมักดองมาเป็นวัตถุดิบหลักในการทำเครื่องดื่ม โดยแต่ละหมวดจะมีเครื่องดื่ม 7 แก้ว เสิร์ฟทั้งแบบ Full Glass และ Tasting Serve สำหรับผู้ที่อยากชิมหลายตัว หรือลดของเหลือจากการดื่มไม่หมด

 

wasteland

สำหรับใครที่อยากไปลองชิมเครื่องดื่มที่ Wasteland สามารถแวะไปได้ที่ซอยสุขุมวิท 71 ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.instagram.com/wastelandbkk

The post Wasteland บาร์สายยั่งยืนที่เล่าเรื่องสิ่งแวดล้อมผ่านค็อกเทล appeared first on THE STANDARD.

]]>
อัปเดต 20 ร้านราเมนน่าโดน คนรักราเมนต้องตามไปชิม https://thestandard.co/life/20-must-try-ramen-restaurants/ Fri, 19 Sep 2025 04:00:15 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1120461

‘ราเมน’ น่าจะเป็นเมนูที่ไม่ว่ากลับมากินเมื่อไหร่ก็รู้สึ […]

The post อัปเดต 20 ร้านราเมนน่าโดน คนรักราเมนต้องตามไปชิม appeared first on THE STANDARD.

]]>

‘ราเมน’ น่าจะเป็นเมนูที่ไม่ว่ากลับมากินเมื่อไหร่ก็รู้สึกสบายใจสำหรับใครหลายๆ คนเสมอ วันนี้เราจึงรวม 20 ร้านราเมน เจ้าโปรด ของคนรักราเมนมาแนะนำกัน เผื่อว่าใครกำลังหาร้านใหม่ๆ ตามไปลองชิมอยู่พอดี ซึ่งร้านที่เราหยิบมาแนะนำจะมีที่ไหนบ้าง แล้วจะมีร้านโปรดของทุกคนอยู่ในนี้ด้วยหรือเปล่า มาลองดูกัน

 

แล้วใครที่ค้นพบร้านใหม่ หรือมีร้านเด็ดมาแบ่งปันให้เราตามไปชิมบ้างก็แนะนำกันมาได้เลยนะ

 


 

 

Shindo Ramen

 

ร้านราเมนฝีมือคนไทยที่ตอนนี้กำลังจะไปเดบิวต์ที่ประเทศญี่ปุ่นด้วยการเปิดป็อปอัป ที่นี่ก่อตั้งโดย เชฟโจ-ชวพล ผู้หลงใหลในการกินราเมนจนหันมาเปิดร้านเป็นของตัวเองในย่านศาลายา ซึ่งนักล่าราเมนทั้งหลายเดินทางมาชิมแล้วต่างบอกกันปากต่อปากว่านี่คือร้านที่ต้องมาลองให้ได้ 

 

เพราะฉะนั้นใครที่เป็นสายราเมนตัวจริง รีบไปชิมให้ไว

 

📍Shindo Ramen 「新道らぁ麺」

เปิดวันพุธ-ศุกร์ เวลา 16.00-19.00 น. และ วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-16.30 น.

 


 

 

No Name Noodle

 

ร้านราเมนที่ปลุกกระแสคราฟต์ราเมนให้โด่งดังจนกลายเป็นร้านจองยากที่ใครๆ ก็ยอมต่อสู้เพื่อกดจองที่นั่งให้ได้สักครั้ง นำโดย เชฟชินจิ อิโนะอุเอะ ชาวญี่ปุ่นผู้หลงใหลในการทำคราฟต์ราเมน และคิดเมนูใหม่ๆ มาเสิร์ฟให้ทุกคนชิมกันทุกเดือนๆ อีกทั้งร้านยังมีชื่อเป็นร้านแนะนำโดยมิชลินไกด์ ประเทศไทยอีกด้วย

 

📍No Name Noodle BKK

เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-15.00 น.

 


 

 

KIRI TSUKEMEN 

 

ราเมนจุ่มซุปสไตล์ญี่ปุ่นที่เสิร์ฟน้ำซุปมาในหม้อร้อนๆ ให้ซดได้เรื่อยๆ จนกว่าเส้นนุ่มหนึบจะหมดชาม โดยร้านมีซุปให้เลือกหลายรสชาติ อาทิ Kiri Tsukemen ที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ Kara Tsukemen ซุปเผ็ดร้อน หรือ Sukiyaki Tamago Tsukemen ราเมนซุปสุกี้ยากี้ที่มาพร้อมไข่ดิบให้คลุกเคล้ากับเส้นฟินๆ

 

📍Kiri Tsukemen

เปิดทุกวัน เวลา 11.00-15.00 น. และ 17.00-21.00 น.

 


 

 

Enishi Thailand

 

ร้านราเมนรางวัลมิชลินจากเมืองโกเบที่ส่งตรงรสชาติมาเสิร์ฟให้คนรักราเมนชาวไทยได้ชิม ร้านนี้น่าสนใจตรงทำเส้นสดๆ ทุกวัน และเมนูมีน่าสนใจอย่างราเมนแห้งเส้นเหนียวนุ่ม ท็อปปิ้งแน่นให้ชิมด้วย 

 

📍Enishi thailand

เปิดทุกวัน เวลา 11.00-15.00 น. และ 18.00-21.00 น.

 


 

 

Menya Itto

 

ราเมนระดับแชมป์จากโตเกียวที่ครองใจใครหลายๆ คน ด้วยน้ำซุปรสชาติเข้มข้นที่เคี่ยวจากไก่ กุ้ง และหอยเชลล์ เสิร์ฟคู่กับเส้นราเมนสดเหนียวนุ่มกำลังดี สายราเมนต้องยกให้ที่นี่เป็นร้านโปรดที่กลับมากี่ครั้งก็ไม่ผิดหวังแน่นอน

 

นอกจากนี้ทางร้านยังมีอีกหลายเมนูน่าสนใจ อาทิ ราเมนเนื้อวากิว หรือของกินเล่นและขนมหวานก็น่าลองเช่นกัน

 

📍Menya Itto BKK

เปิดทุกวัน เวลา 11.00-20.30 น.

 


 

 

BANKARA Ramen

 

ร้านราเมนสไตล์ญี่ปุ่นแท้ที่ขึ้นชื่อเรื่องน้ำซุปเข้มข้นที่เคี่ยวจากกระดูกหมูอย่างพิถีพิถัน ซดไปแต่ละคำแล้วหอมน่าติดใจ เสิร์ฟคู่กับเส้นราเมนเหนียวนุ่ม พร้อมท็อปปิ้งหมูชาชู ไข่ยางมะตูม และหมูตุ๋นคาคูนิ นอกจากนี้ยังมีของกินเล่นและของหวานอย่าง พุดดิ้งนมอัลมอนด์ ที่หลายคนแนะนำว่าห้ามพลาดด้วย

 

📍Bankara Ramen

เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.30 น.

 


 

 

MENSHO TOKYO

 

ราเมนอีกร้านที่หลายคนติดใจและยกให้เป็นร้านโปรด นี่คือร้านราเมนญี่ปุ่นชื่อดังจากโตเกียวที่มีอยู่ 2 สาขาในประเทศไทย เมนูที่ทุกคนแนะนำให้ลองคือ ซุปชิโอะ ที่หอมกลมกล่อมกำลังดี มาพร้อมท็อปปิ้งที่ช่วยให้กินเพลินและเข้ากับเส้นและซุป

 

นอกจากนี้ร้านยังมีเมนูมังสวิรัติที่นับว่าหากินไม่ง่ายในร้านทั่วไปด้วย

 

📍Mensho Tokyo BKK

เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.30 น. และ 17.00-21.30 น.

 


 

 

Yuzu Ramen

 

ร้านราเมนที่มีเอกลักษณ์ตรงซุปยูสุหอมสดชื่น แถมยังมีเมนูให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทงคตสึ โชยุ สไปซี่ หรือราเมนจุ่มซุป โดยเราสามารถเลือกชนิดของเส้นและระดับความสุกได้เอง พร้อมเสิร์ฟให้ชิมในบรรยากาศร้านสไตล์ญี่ปุ่น

 

📍Yuzu Ramen Thailand ゆずラーメン

เปิดทุกวัน เวลา 11.30-22.00 น.

 


 

 

SHUN RAMEN 

 

ร้านราเมนฝั่งธนฯ ที่โดดเด่นตรงซุปซิกเนเจอร์เข้มข้นแต่ซดได้เรื่อยๆ จนหมดชาม มีกลิ่นทะเลบางๆ ช่วยเพิ่มมิติให้รสชาติน่าสนใจ เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี ชาชูตุ๋นจนนุ่มละลาย มาพร้อมบรรยากาศร้านที่อบอุ่น เป็นกันเอง อีกทั้งราคาก็เหมาะสมกับคุณภาพและปริมาณด้วย ถือเป็นอีกร้านหนึ่งสำหรับสายรักราเมนที่ต้องมาลองเลย

 

📍SHUN RAMEN

เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.30-19.30 น.

 


 

 

Honobono Ramen

 

ร้านราเมนเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนี่คือร้านเด็ดที่มาพร้อมบรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง ตั้งอยู่ในซอยอุดมสุข 37 โดยเจ้าของร้านเป็นคนลงมือทำอาหารและเสิร์ฟด้วยตัวเองทั้งหมด เมนูเด่นของร้านที่อยากให้ลองคือ ราเมนซุปโชยุใสที่เคี่ยวจากไก่ หอยลาย และปลาแห้ง มาพร้อมไก่ซูวีดและหมูชาชูที่มีความนุ่ม นอกจากนี้ยังมีเมนูอื่นๆ ที่หลายคนแนะนำเช่นกัน อาทิ ราเมนซุปเกลือ ราเมนซุปไก่เข้มข้น หรือเกี๊ยวซ่าไส้แน่นที่มาพร้อมน้ำจิ้มรสเด็ด

 

📍Honobono Ramen ほのぼのらーメン

เปิดวันพฤหัส-อังคาร เวลา 11.00-21.00 น.

 


 

 

Kataru by Slurp Brothers 

 

ร้านราเมนที่เคยเปิดป็อปอัปและกลายเป็นร้านใหม่จองยากในเวลาไม่นาน เชฟเบ็นและเชฟเรียว สองเชฟคู่หูจึงตัดสินใจเปิดร้านถาวรเพื่อเสิร์ฟราเมนตามสไตล์ตัวเองในที่สุด โดยร้านจะเปิดเฉพาะวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ส่วนเมนูอาจเปลี่ยนไปบ้างตามสัปดาห์และฤดูกาล ทุกคนสามารถติดตามการเปิดจองและเมนูได้ที่ Facebook จองร้านเลย!

 

📍Kataru by Slurp Brothers

เปิดวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-14.00 น. และ 15.00-18.00 น.

 


 

 

69 Rock Men

 

ร้านราเมนเล็กๆ ในย่านทองหล่อที่ควรจองล่วงหน้าก่อนตามมาชิม เพราะร้านขายจำนวนจำกัดและมีที่นั่งจำกัดเช่นกัน แถมยังเสิร์ฟวันละ 69 ชามเท่านั้น เมนูที่มาแล้วต้องลองก็คือ ราเมนซุปเกลือและราเมนซุปโชยุเข้มข้น ที่รับรองคนชอบราเมนรสชาติชัดเจนต้องติดใจ รวมถึงเส้นราเมนเหนียวนุ่มและท็อปปิ้งที่จับคู่กันมาอย่างดีด้วย

 

📍六九麺 – Rock Men 69menbkk

เปิดทุกวัน เวลา 12.00-15.00 น. และ 18.00-21.00 น.

 


 

 

Kenji’s Ramen Lab

 

ร้านราเมนโดย Kenji’s Lab ที่แวะมานั่งกินได้ทั้งคืน เพราะที่นี่เปิดอยู่ในโครงการ 72 Courtyard ซอยทองหล่อที่เต็มไปด้วยร้านเปิดดึก ถ้าใครแวะมาเที่ยวและหิวราเมนก็ลองแวะที่ร้านนี้ดู โดยเมนูมีให้เลือกตั้งแต่ราเมนซุปโชยุ ซุปชิโอะ และซุปทงคตสึ แถมยังมีท็อปปิ้งให้เลือกตั้งแต่เบสิกๆ ไปจนถึงวัตถุดิบพรีเมียมจัดเต็มเลย

 

📍Kenji’s Ramen Lab

เปิดทุกวัน เวลา 18.00-00.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดตั้งแต่เวลา 11.00 น.)

 


 

 

Ramen Naruto

 

ร้านราเมนในซอยสุขุมวิท 26 และซอยสุขุมวิท 53 ที่อาจมีที่นั่งจำกัด แต่ก็ยังเป็นร้านโปรดของหลายๆ คน เพราะด้วยรสชาติที่ไว้ใจได้ แวะมากินกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ และเมนูก็ค่อนข้างหลากหลาย มีให้เลือกครบแทบทุกสไตล์ อาทิ ราเมนซุปมิโสะเข้มข้น ราเมนซุปกระดูกหมู หรือราเมนซุปโชยุ

 

📍Ramen_narutobkk

เปิดทุกวัน เวลา 11.30-21.00 น.

 


 

 

Shugetsu Ramen

 

ร้านราเมนเจ้าดังในประเทศบ้านเกิด รวมถึงที่ฮ่องกง โดยเคยได้รับรางวัลมิชลินในฮ่องกงติดกันถึง 8 ปีซ้อน โดยคนรักราเมนแนะนำว่ามาที่นี่ต้องลองชิมเมนูสึเคเมน ราเมนแห้งเสิร์ฟมาพร้อมน้ำซุปเข้มข้น โดยสึเคเมนของร้านใช้น้ำสต็อกไก่ แช่เย็นข้ามคืนแล้วนำมาเคี่ยวกับน้ำส้มสายชูญี่ปุ่น ผงปลา และซีอิ๊วสูตรเฉพาะที่ผลิตจากประเทศญี่ปุ่น รวมถึงส่วนผสมลับอื่นๆ ที่ทำให้รสชาติไม่เหมือนใคร

 

📍Shugetsu Ramen – ชูเก็ทสึ ราเมน

เปิดทุกวัน เวลา 11.30-15.00 น. และ 18.00-22.00 น.

 


 

 

Sendo Ramen

 

ร้านราเมนแห่งใหม่ที่เกิดจากการจับมือกันของเชฟโจแห่ง Shindo Ramen และ ปิ๊ปโป้-เปรมวิชช์ ผู้หลงใหลราเมนจนในที่สุดก็เปิดร้านเป็นของตัวเองสักที พวกเขาตั้งใจทำราเมนคุณภาพดีในราคาจับต้องได้ เพื่อให้ทุกคนแวะมากินได้บ่อยๆ โดยราเมนมี 3 เมนูให้เลือก คือ ราเมนซุปเกลือ ราเมนซุปโชยุ และโทริไพตัน หรือราเมนซุปไก่ที่ใช้เวลาเคี่ยวนาน 8 ชั่วโมง

 

📍SENDO RAMEN

เปิดทุกวัน เวลา 11.00-14.30 น. และ 16.30-20.30 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดทั้งวัน)

 


 

 

Yume Ramen

 

ร้านคราฟต์ราเมนฝีมือคนไทยที่อยากชูวัตถุดิบไทยในอาหารญี่ปุ่น ที่นี่ตั้งใจใช้วัตถุดิบคุณภาพชั้นดีแทบเท่าโอมากาเสะในทุกๆ ชาม โดยแต่ละเมนูได้แรงบันดาลใจมาจากประสบการณ์ของเจ้าร้านและอาหารไทย ก่อนนำมาใส่ความสร้างสรรค์และความพิถีพิถัน จนราเมนทุกชามรสชาติไม่เหมือนใคร

 

เมนูเด่นของร้านคือ ราเมนซุปเกลือที่เคี่ยวจากวัตถุดิบจากท้องทะเลไทย หรือ ราเมนซุปข้นที่ได้แรงบันดาลใจมาจากข้าวซอย

 

📍Yume Ramen

เปิดวันพฤหัส-อังคาร เวลา 11.00-15.00 น. และ 17.00-22.00 น.

 


 

 

Tsukesoba SENSE

 

ร้านราเมนจุ่มซุปจากทีมงานเดียวกับ No Name Noodle ที่นี่ต้องการให้ทุกคนได้ชิมราเมนในประสบการณ์ใหม่ๆ ด้วยการเสิร์ฟเส้นโฮมเมดที่มีเอกลักษณ์ ทั้งความเหนียวนุ่มและรสชาติ รวมถึงน้ำซุปที่มาพร้อมกัน 2 รสชาติในเซ็ตเดียว โดยมีให้เลือกคือ โชยุ คารามิโสะ ชิโอะ และโนโกะเกียวไกรสเข้มข้น ทุกเซ็ตมาพร้อมเครื่องเคียงให้กินพร้อมๆ กัน แต่ถ้าใครไม่อิ่มก็มีเมนูข้าวให้สั่งเพิ่มด้วย

 

📍Sense By No Name Noodle

เปิดทุกวัน เวลา 8.00-20.30 น.

 


 

 

​​Ramen Desu

 

ราเมนสัญชาติไทย-ญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อทั้งเรื่องเส้น ซุป และท็อปปิ้ง โดยเราสามารถเลือกเส้นราเมนได้ระหว่างเส้นเล็กเหนียวนุ่ม หรือเส้นโฮมเมด เมนูที่ควรลองคือ น้ำซุปกระดูกหมูที่เคี่ยวนานกว่า 12 ชั่วโมง นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูอื่นๆ ให้เลือกอีกและรับรองว่าเด็ดไม่แพ้กัน อาทิ ซุปโชยุ ซุปมิโสะ ซุปไก่ หรือซุปเนื้อวัว

 

📍Ramen Desu ラーメン です

เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.30 น.

 


 

 

Ramen Ajisai

 

ร้านราเมนยอดนิยมทั้งสำหรับชาวญี่ปุ่นและชาวไทย ที่นี่มีเมนูเด่นคือ ราเมนซุปเกลือและซุปมิโสะที่มาพร้อมท็อปปิ้งอย่างเนยและข้าวโพดที่ทำให้ชามมีรสกลมกล่อมยิ่งขึ้น หรือใครที่อยากกินราเมนเย็นๆ ร้านก็มีราเมนเย็นซุปปลาแห้งให้ลองเช่นกัน

 

📍Ramen Ajisai at asok

เปิดทุกวัน เวลา 11.00-15.00 น. และ 16.30-23.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ เปิดทั้งวัน)

The post อัปเดต 20 ร้านราเมนน่าโดน คนรักราเมนต้องตามไปชิม appeared first on THE STANDARD.

]]>
รู้จักกับ HEAVENSAKE แบรนด์สาเกพรีเมียมที่งดงามแบบญี่ปุ่นและหรูหราแบบฝรั่งเศส https://thestandard.co/life/heavensake-sake-fine-dining-pairing/ Thu, 18 Sep 2025 08:00:00 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1119476 heavensake-sake-fine-dining-pairing

อาหารชั้นเลิศไม่จำเป็นต้องจับคู่กับไวน์เสมอไป เพราะหากท […]

The post รู้จักกับ HEAVENSAKE แบรนด์สาเกพรีเมียมที่งดงามแบบญี่ปุ่นและหรูหราแบบฝรั่งเศส appeared first on THE STANDARD.

]]>
heavensake-sake-fine-dining-pairing

อาหารชั้นเลิศไม่จำเป็นต้องจับคู่กับไวน์เสมอไป เพราะหากทุกคนลองเปิดเมนูเครื่องดื่มในร้านอาหารหรูหรือไฟน์ไดนิ่ง จะพบว่าบนลิสต์เหล่านั้นไม่ได้มีเพียงไวน์ แชมเปญ หรือเหล้าสีเข้มสุดลักซ์ชัวรี แต่ยังมีเครื่องดื่มอีกชนิดหนึ่งที่เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือ ‘สาเก’ เครื่องดื่มดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่นที่สามารถจับคู่กับอาหารแล้วช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ได้ไม่แพ้เครื่องดื่มชนิดอื่นๆ

 

HEAVENSAKE HEAVENSAKE

 

‘HEAVENSAKE’ เป็นแบรนด์สาเกพรีเมียมที่เกิดจากความตั้งใจในการยกระดับสาเกให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยมทั่วโลกในฐานะ Fine Beverage แบรนด์เกิดจากความร่วมมือกันระหว่าง Carl Hirschmann ผู้หลงใหลในวัฒนธรรมสาเกญี่ปุ่น และ Régis Camus นักผลิตแชมเปญชื่อดังระดับโลก พวกเขาหลงใหลในสาเกและมีวิสัยทัศน์เดียวกัน คือการผลักดันสาเกให้ก้าวข้ามขอบเขตเดิมๆ” แซค กร๊อซ (Zak Gross) Global Manager และ Partner ของแบรนด์ HEAVENSAKE กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์

 

HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE

 

การทำสาเกต้องอาศัยความพิถีพิถันไม่แพ้ไวน์หรือแชมเปญชั้นดี อีกทั้งสาเกยังมีเอกลักษณ์และต้องอาศัยความเชี่ยวชาญอย่างมาก จุดเด่นหนึ่งของ HEAVENSAKE คือการทำงานร่วมกับโรงกลั่นสาเกที่มีชื่อเสียงหลายแห่งในประเทศญี่ปุ่น อาทิ Dassai, Noguchi Naohiko, Niizawa, Urakasumi, Katsuyama, Dewazakura, Shichiken หรือ Konishi เพื่อผลิตสาเกที่มีเอกลักษณ์ และสามารถจับคู่กับอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ไม่จำกัดเพียงอาหารญี่ปุ่น แต่รวมไปถึงอาหารไฟน์ไดนิงและวัตถุดิบระดับโลก เช่น คาเวียร์ สเต็กเนื้อ ฟัวกราส์ ก็สามารถรับประทานคู่กันได้ ไปจนถึงร้านอาหารระดับ 2 ดาวมิชลินในกรุงเทพฯ อย่าง Mezzaluna ก็เลือกสาเกจาก HEAVENSAKE เข้ามาใช้ในร้านเช่นกัน

 

HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE

 

“เสน่ห์ของแบรนด์ HEAVENSAKE คือการผสมผสานวัฒนธรรมการทำเครื่องดื่มของชาวญี่ปุ่นและชาวฝรั่งเศสให้เข้ากันอย่างไร้ที่ติด้วยกรรมวิธีพิเศษที่ HEAVENSAKE นำมาใช้ในการทำสาเกเป็นเจ้าแรก ซึ่งวิธีนั้นช่วยดึงเสน่ห์ของสาเกให้แจ่มชัดขึ้น นี่คือสิ่งที่ทำให้ HEAVENSAKE แตกต่างจากผู้อื่น” แซคกล่าวเสริม

 

ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ แซคบอกว่าเปรียบสาเกเสมือนเปียโน สิ่งที่ Régis ทำคือการเติมวงออร์เคสตราเข้าไป สาเกแต่ละชนิดจากแต่ละโรงกลั่นจึงมีจังหวะและคาแร็กเตอร์เฉพาะตัว โดยเทคนิคที่พวกเขาใช้คือการ Assemblage ซึ่งแตกต่างจากเทคนิค Blending ที่เป็นเทคนิคดั้งเดิมในการทำสาเกของชาวญี่ปุ่น

 

HEAVENSAKE

 

นอกจากการตามหาโรงกลั่นและนักกลั่นสาเกที่ดีที่สุดทั่วประเทศญี่ปุ่น อีกสิ่งที่ HEAVENSAKE ให้ความสำคัญอย่างมากก็คือ การออกแบบขวดที่แตกต่างจากสาเกดั้งเดิม ขวดสาเกของ HEAVENSAKE นอกจากจะมีดีไซน์ทรงหยดน้ำเป็นเอกลักษณ์แล้ว ขวดสาเกรุ่นพิเศษ Prestige ยังทำขึ้นจากเซรามิกล้วน มีสีขาวมน มีสันปากขวดและรูปทรงแปลกตา โดยขวดนี้ทำจากโรงผลิตเซรามิกชั้นนำของญี่ปุ่น Arita Porcelain Lab ทำให้มีความสะดุดตาชวนให้อยากทำความรู้จัก

 

“พวกเรามีความคิดเดียวกันคือ ในเมื่อภายในเต็มไปด้วยความพิถีพิถันและงดงาม ภายนอกก็ควรดูหรูหราและสง่างามเช่นกัน พวกเราจึงออกแบบขวดสาเกแต่ละชนิดให้แตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะแบรนด์” แซคเล่าให้ฟังถึงที่มาของขวดสาเกรูปทรงคล้ายหยดน้ำ ซึ่งแบรนด์ตั้งใจออกแบบมาให้หรูหราและง่ายสำหรับการรินใส่แก้ว

 

HEAVENSAKE

 

เมื่อพูดถึงการแพริ่งสาเกกับอาหาร แม้หลายคนอาจไม่คุ้นชินมากนัก แต่สาเกมอบประสบการณ์ที่แตกต่างออกไป แซคเล่าให้ฟังว่าในประเทศฝั่งตะวันตกและอเมริกาเริ่มมีการพูดถึงสาเกมากขึ้นเรื่อยๆ และนำมาใช้ในร้านอาหารหรูหลายแห่ง

 

“สาเกมีหลายคาแร็กเตอร์และสามารถจับคู่กับอาหารได้อย่างสวยงามไม่แพ้ไวน์ สิ่งที่ทำให้ผมหลงใหลในการดื่มสาเกคู่กับอาหาร โดยเฉพาะสาเกของ HEAVENSAKE คือการที่มันช่วยขยายรสสัมผัส มอบกลิ่นหอมอะโรมา และจับคู่กับอาหารทุกประเภทได้อย่างน่าประทับใจตั้งแต่แรกเห็น”

 

แซคอธิบายเพิ่มถึงประสบการณ์ส่วนตัวในการแพริ่งสาเกกับอาหารว่า บางครั้งสาเกสามารถจับคู่กับอาหารบางชนิดที่ไวน์ทำไม่ได้ ทว่าความแตกต่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ หลายครั้งเราเสิร์ฟไวน์เพื่อตัดรส (Clash) ในขณะที่สาเกช่วยเสริมรสชาติ (Enhance) ในหลายๆ ครั้งสาเกจึงช่วยดึงเสน่ห์ของอาหารจานนั้นได้มากกว่านั่นเอง

 

HEAVENSAKE HEAVENSAKE HEAVENSAKE

 

หลังจากแบรนด์ HEAVENSAKE ได้ทำการเปิดตัวทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่น ตอนนี้ถึงคราวประเทศไทยได้ลองเปิดประสบการณ์ใหม่แล้ว โดยผู้นำเข้า HEAVENSAKE ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการคือ The Sake Merchant ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายสาเกพรีเมียม สาเกหายาก และสาเกเชิงงานฝีมือ (Artisanal Sake) ที่สามารถควบคุมอุณหภูมิการขนส่งไว้ระหว่าง 0 ถึง -5 องศาเซลเซียส ตั้งแต่ต้นทางจนถึงห้องเก็บในประเทศไทย รวมถึงได้รับความไว้วางใจจากร้านอาหารชั้นนำในเมืองไทย ก่อตั้งโดย กอล์ฟ-ธนพิสิฐ จีรวงศ์ไกรสร ผู้มีความหลงใหลในสาเก อีกทั้งมีความรู้และความเชี่ยวชาญในการแพริ่งสาเกซึ่งได้รับการยอมรับในวงการสาเกญี่ปุ่น เป็นสาเกซอมเมอลิเยร์และเป็นคนไทยหนึ่งเดียวที่เคยได้รับเลือกจากสมาคมผู้ผลิตสาเกและโซจูของญี่ปุ่น (Japan Sake and Shochu Makers Association หรือ JSS) ให้เป็นตัวแทนประเทศไทย

 

“The Sake Merchant คือผู้จัดจำหน่าย HEAVENSAKE ประจำประเทศไทย และเป็นผู้ทำให้เกิดดินเนอร์แพริ่งอาหารกับสาเก ณ ร้านอาหารหลายๆ แห่งในประเทศไทยด้วย ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดี เนื่องจากร้านอาหารหลายๆ แห่งทั่วโลกเริ่มนิยมจับคู่สาเกกับอาหาร อีกทั้ง HEAVENSAKE ยังสร้างขึ้นมาเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ รวมถึงให้บรรยากาศสนุกสนานและความตื่นเต้นกับผู้คน พวกเราตั้งใจผลักดันสาเกให้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ผู้คนทั่วโลกหลงใหลและชื่นชม” แซคกล่าวทิ้งท้าย

 

HEAVENSAKE นำเข้าและจัดจำหน่ายโดย @thesakemerchant

 

สามารถสอบถามหรือติดตามอีเวนต์ของพวกเขาเพิ่มเติมได้ที่

📸 Instagram:  @heavensake และ @thesakemerchant 

The post รู้จักกับ HEAVENSAKE แบรนด์สาเกพรีเมียมที่งดงามแบบญี่ปุ่นและหรูหราแบบฝรั่งเศส appeared first on THE STANDARD.

]]>
ส่อง 11 ร้านของกินที่เราอยากแนะนำในงาน The Secret Sauce Summit 2025 : Unleash the Business Beast https://thestandard.co/life/the-secret-sauce-summit-2025-food-guide/ Mon, 15 Sep 2025 05:55:18 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1119364 the-secret-sauce-summit-food-guide

ส่อง 11 ร้านของกินที่เราอยากแนะนำในงาน The Secret Sauce […]

The post ส่อง 11 ร้านของกินที่เราอยากแนะนำในงาน The Secret Sauce Summit 2025 : Unleash the Business Beast appeared first on THE STANDARD.

]]>
the-secret-sauce-summit-food-guide

ส่อง 11 ร้านของกินที่เราอยากแนะนำในงาน The Secret Sauce Summit 2025 : Unleash the Business Beast

 

ภายในงาน The Secret Sauce Summit 2025 : Unleash the Business Beast ที่กำลังจะจัดขึ้น ณ UOB LIVE ชั้น 6, EMSPHERE นอกจากจะมีโซนให้ความรู้ แลกเปลี่ยนข้อมูลมากมายหลายโซนแล้ว ในปีนี้เราได้จัดโซนพิเศษที่รวบรวมร้านอาหาร ขนม เครื่องดื่ม ชื่อดังกว่า 11 ร้านมาไว้ในงานนี้อีกด้วย เรียกได้ว่ามางานเดียวได้ทั้งความรู้ ได้ทั้งไอเดียใหม่ ๆ และยังได้กินของอร่อยอีกด้วย ส่วนจะมีร้านอะไรบ้าง เดี๋ยวเราจะมาแนะนำให้รู้จักกัน

 

Emily’s

 

Emily's

 

ร้านหมี่ไก่ฉีกรสชาติกลมกล่อมแบบไม่ต้องปรุง เป็นเมนูที่ปรับให้ทันสมัยและเข้ากับวิถีชีวิตคนเมืองเน้นความสะดวก เมนูนี้จะอร่อยยิ่งขึ้นถ้าโรยน้ำพริกหมูกระจก เป็นเมนูที่กินง่าย อร่อยและใครหลายคนติดใจ ดีไซน์กล่องออกแบบมาเป็นอย่างดี ที่ให้กินง่ายกินที่ไหนก็ได้

 


 

COCO Bakehouse

 

COCO Bakehouse

 

ร้านขนมที่มีจุดเด่นคือ “New York Cookies” ที่เน้นเนย, ช็อกโกแลต และวัตถุดิบอื่น ๆ ที่คุณภาพสูง เหมาะกับคนอยากหาของหวานที่เข้มข้นเต็มคำ รวมถึงถ้าชื่นชอบสไตล์คุกกี้เข้ม ๆ ไม่หวานเลี่ยน ร้านนี้ตอบโจทย์สุด ๆ

 


 

Summer Coffee

 

Summer Coffee

 

ร้านกาแฟ Specialty ที่ไม่เพียงแค่เสิร์ฟกาแฟดี แต่ยังให้ประสบการณ์การกินกาแฟที่แปลกใหม่ โดยทางร้านมีเมล็ดกาแฟให้เลือกหลากหลาย แถมยังมีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับกาแฟมากมายไม่ว่าจะเป็น drip bag, กาแฟ cold brew แบบเข้มข้น หรือแม้แต่กาแฟแบบแคปซูลก็ยังมี

 


 

POPPA

 

POPPA

 

ร้านป๊อปคอร์นที่สร้างสรรค์รสชาติเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นชีส พิซซ่า ซาวร์ครีม ฯลฯ ทุกเมนูกรอบเคี้ยวสนุก เหมาะทั้งซื้อทานเพลิน ๆ ระหว่างเดินชมงานหรือแชร์กับเพื่อนในกลุ่ม ที่สำคัญ packaging ดีมาก มีแบบถุงซิปล็อกไม่ต้องกลัวเลอะพร้อมหยิบมาทานเมื่อไหร่ก็ได้

 


 

Bijoux de Beurre Echire

 

Bijoux de Beurre Echire

 

ร้านขนมสไตล์ฝรั่งเศสพรีเมียมที่ใช้เนย Echire ต้นตำรับเนยคุณภาพสูง ขนมแต่ละชิ้นตั้งใจทำทั้งด้านรูป รส และสัมผัส เช่น ครัวซองต์กรอบนอกนุ่มใน ร้านนี้เหมาะกับคนที่พิถีพิถันเรื่องของหวาน อยากได้ประสบการณ์ที่ทั้งดูดีและอร่อย

 


 

เกี๊ยวตุง

 

เกี๊ยวตุง

 

ร้านเกี๊ยวที่เน้นความสดใหม่ มีทั้งแบบทอดที่มาพร้อมน้ำจิ้ม และแบบนึ่งที่ราดซอสสุดพิเศษแล้วจะเข้ากันสุด ๆ เป็นเมนูที่สะดวกรวดเร็ว เหมาะกับคนเดินงานอยากได้ของว่างกินระหว่างพักหรือหาอะไรเบา ๆ ลงท้องแต่ยังได้รสชาติครบเครื่อง

 


 

The Rolling Pinn

 

The Rolling Pinn

 

ร้านขนมที่แต่งสวยจนคนไม่กล้ากัด ทั้งเค้กชนิดต่าง ๆ ที่มีความหลากหลาย แถมยังมีคุกกี้หลากหลายสูตร เรียกว่าใครชื่นชอบขนมหวานที่ทั้งถ่ายรูปได้ และยังอร่อย ห้ามพลาดร้านนี้เด็ดขาด

 


 

เข้ม กาแฟโบราณ

 

เข้ม กาแฟโบราณ

 

ร้านกาแฟสไตล์ไทยดั้งเดิมที่เสิร์ฟโอเลี้ยง กาแฟโบราณ และสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านนี้คือเขาใช้น้ำแข็งบด ได้ทั้งความเย็นและความกรุบของน้ำแข็ง เครื่องดื่มของร้านนี้รสเข้มข้นตามชื่อ และยังรักษาความเป็นกาแฟไทยแบบดั้งเดิมเอาไว้ เหมาะกับคนอยากจิบกาแฟที่มีเอกลักษณ์

 


 

Self

 

Self

 

ร้านสมูทตี้สายสุขภาพที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “100% Natural” ใช้ผลไม้และวัตถุดิบสดใหม่ ปราศจากสารเติมแต่งหรือสิ่งแปลกปลอม ใครที่เดินในงานแล้วรู้สึกอยากเติมความสดชื่นด้วยสมูทตี้เย็น ๆ สด ๆ ต้องแวะไปลองชิมที่ร้านนี้

 


 

Everyday Thai Tea

 

Everyday Thai Tea

 

Everyday Thai Tea ‘ฉันจะกินชาเย็นทุกวัน’ ร้านชาไทยที่เน้นความเข้มข้น และสามารถปรับระดับความหวานได้ตามชอบ เหมาะกับ “สายชาเย็น” ที่อยากได้เครื่องดื่มเรียบง่ายระดับความหวานตามใจเรา

 


 

BEANS Coffee Roaster

 

BEANS Coffee Roaster

 

ร้านกาแฟที่เปลี่ยนตัวเองจากการเป็นโรงคั่วเล็กๆ กลายเป็นร้านกาแฟที่มีสาขาอยู่มากมาย โดยจุดเด่นของเขาคือเขาจะคิดเบลนด์กาแฟพิเศษขึ้นมาใหม่สำหรับแต่ละสาขาที่เขาไปเปิด แถมเขามีเมล็ดกาแฟให้เลือกมากมายอีกด้วย

 

งาน The Secret Sauce Summit 2025 : Unleash the Business Beast

เริ่มต้นตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. วันที่ 16–17 ก.ย. 2025, ที่ UOB LIVE ชั้น 6, EMSPHERE

The post ส่อง 11 ร้านของกินที่เราอยากแนะนำในงาน The Secret Sauce Summit 2025 : Unleash the Business Beast appeared first on THE STANDARD.

]]>