LIFE | FOOD & DRINK – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Tue, 23 Dec 2025 03:22:53 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน https://thestandard.co/siriwan-a-thai-rhapsody/ Tue, 23 Dec 2025 00:37:13 +0000 https://thestandard.co/?p=1157072 ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน

เมื่อความเนิร์ดและสัญชาตญาณนำทางศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับ […]

The post ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน

เมื่อความเนิร์ดและสัญชาตญาณนำทางศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับภารกิจบันทึกอาหารไทยใน A Thai Rhapsody

 

ต้องบอกว่าเรารู้จักกับพี่แจะ – ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล ตั้งแต่สมัยที่ยังมีแค่ It’s happened to be a closet ร้านอาหารและเสื้อผ้าในซอยสุขุมวิท 23 ตอนนั้นก็คิดว่าพี่แจะเป็นคนที่ชัดเจนดีทั้งสไตล์ คาแร็กเตอร์ และเอเนอร์จี สะท้อนให้เห็นผ่านการตกแต่งร้าน รสชาติอาหาร เรื่อยไปจนถึงหน้าตาของอาหารแต่ละจาน ทุกอย่างมันดูเป็นพี่แจะไปหมด ก่อนที่ความชัดเหล่านั้นก็ถูกถ่ายทอดมาสู่ร้านอาหารและคาเฟ่อย่าง A fox princess Kitchen, A pink rabbit + Bob, อี-กา และอื่นๆ อีกมากมาย

 

วันนี้เรากลับไปเจอพี่แจะอีกครั้ง แน่นอนว่าตัวตนของพี่แจะยังคงไม่จางหาย แม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือภาพของการเป็นนักบันทึกเรื่องราวที่ชัดเจนขึ้น จากเดิมพี่แจะจะมี Scrapbook ไว้จดนู่นนี่ที่เจอ แต่วันนี้บันทึกเหล่านั้นได้กลายมาเป็น สารคดีอาหาร “A Thai Rhapsody” โปรเจกต์ล่าสุดที่เผยแพร่ใน Youtube ช่อง Everyday Podcast (ซึ่งก็เป็นช่องของพี่แจะอีกนั่นแหละ) ที่ทำให้เรากลับมาเจอกันอีกครั้ง

 

ถ้าคนที่รู้จักพี่แจะจะรู้ว่านอกจากการเป็นดีไซเนอร์แล้ว พี่แจะยังเป็นนักชิมและนักเดินทางที่ช่างเลือก (ไม่แน่ใจว่าสองสิ่งนี้ อันไหนเริ่มก่อน) เราเลยเห็นเมนูไทยต่างถิ่นมากมายในร้านอาหารของพี่แจะ

 

ดังนั้น การที่เราได้ยินพี่แจะเล่าว่า “พี่จะทำสารคดีอาหารในเมืองไทย” บอกตามตรงว่าไม่ได้เซอร์ไพรส์เท่าไรนัก เพราะพี่แจะมีศักยภาพ (และลูกบ้ามากพอ) ที่จะทำสารคดีดีๆ สักเรื่อง ส่วนเนื้อหานั้นจะแน่นขนาดไหน ยังไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เราจะได้เห็นงานสไตล์ลิ่งแบบ It’s happened to be a closet อยู่ในนั้นแน่นอน

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 1

แจะ – ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล

 

A Thai Rhapsody เป็นสารคดีบันทึกภาคสนาม พาตามรอยรสชาติไทยผ่านผู้คน ภูมิประเทศ และความทรงจำที่ถูกส่งต่อจากครัวบ้านที่สืบทอดรสมือกันมา ในซีซันแรก พี่แจะจะพาเราไป ‘เกาะสมุย’ ถ่ายทอดแง่มุมต่างๆ ที่ไม่ได้จำกัดแค่อาหาร แต่ยังรวมไปถึงวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น ประเพณีและวัฒนธรรม รวมไปถึงเรื่องเล่าจากย่ายายประจำบ้านที่ถูกถ่ายทอดโดย นักเลงอาหาร ผู้มาพร้อมเรื่องราวมากมายที่อยากจะถ่ายทอดให้ทุกคนฟัง

 

“พี่อยู่ในวงการอาหารมา 25 ปี พี่น่าจะมีสิทธิ์ที่จะทำเรื่องราวการกินในประเทศไทย จุดมุ่งหมายคือเราอยากบันทึก อยากรักษาบางเรื่องให้คนที่เด็กกว่าเรา ค้นหาแล้วหยุดอ่าน มันเป็น mission ที่อยากทำ” พี่แจะกล่าว

 

ทำไมพี่แจะถึงอยากทำสารคดีอาหาร?

 

เราอยู่ในวงการอาหาร เราอาจเจอวิธีการทำ marketing หรือการที่เราจะต้อง communication เรื่องต่างๆ เพื่อให้แบรนด์เราไปได้ หรือความเป็นแฟชั่นที่วิ่งปู้ดป๊าด อันนี้ใช่ อันนี้ไม่ใช่ แต่เวลาที่พี่จะบันทึกเรื่องใดเรื่องหนึ่ง พี่ถือว่าตัวเองเนิร์ด เห็นพี่ดื้อๆ เวลาถ้าอยากรู้อะไร พี่จะจริงจัง

 

ดังนั้นพี่ว่าการทำสารคดีมันเป็นหนึ่งวิธีที่เจือจางความสุรุ่ยสุร่าย ฟุ่มเฟือย ของที่มันเกินๆ ตัดออก เอาแต่เนื้อๆ มันเป็นรูปแบบที่น่าสนใจสำหรับการให้ความรู้ พี่บอกทีมว่าไม่ได้อยากให้มันแก่ ไม่ได้อยากทำสารคดีแบบที่เด็กเปิดมาแล้วเปลี่ยน หนี หรือสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง

 

เพราะความตั้งใจของพี่คืออยากให้เด็กรู้เรื่อง แล้วพี่รู้สึกว่าเวลาพี่เรียนหนังสือ พี่ไม่เห็นรู้สึกเลยว่าพี่จะแพ้เพื่อนต่างชาติ รู้สึกว่าฉันเป็นคนไทยแล้วไง ไม่สูงแต่ก็โอเค ดังนั้นพี่รู้สึกว่าเราอาจจะแพ้ดอลลาร์กับชาวต่างชาติ เราอาจจะแพ้ความทันสมัยบางเรื่อง แต่พี่คิดว่าถ้าพูดถึงเรื่อง palette พูดถึงเรื่อง gastronomy เรายอมรับเลยว่าประเทศไทยไม่แพ้ชาติไหน

 

คอนเซปต์ของสารคดี A Thai Rhapsody เป็นอย่างไรคะ?

 

A Thai Rhapsody ถ้าแปลตรงตัวมันแปลว่า มหากาพย์ของไทย แต่มันมหากาพย์ก็จริงแต่โคตรซิมเปิล พี่เลือกใช้ชื่อนี้เพราะพี่รู้สึกว่า มันเป็นการเดินทางอีกยาวไกล พูดแล้วไม่รู้จบ พี่พูดเรื่องอาหารไทยได้ไม่รู้จบ

 

มันจะเป็นเหมือนรายการพากินไหม กินตามรอยพี่แจะ?

 

ถ้าคนกดซับช่อง YouTube ของเรา แล้วอยากจะไปกินตามรอยนี่ผิดหวังเลยนะ เพราะว่าส่วนใหญ่คือ unseen เพราะถ้าจะไปกินแบบนี้ คุณต้องมีความสัมพันธ์กับชาวบ้านก่อน ไม่งั้นเขาจะไม่เปิดประตูให้เข้าไปเห็นห้องนอนแน่นอน

 

ดังนั้นมันเลยไม่ใช่รายการที่ชวนคนดูไปเที่ยวตาม แต่คนดูสามารถเอ็นจอยตอนดูอยู่ที่บ้านได้ เพราะพี่รู้สึกว่าเวลาที่คนดูรายการนี้ เขาจะรู้สึกเหมือนได้เข้าไปด้วย ดังนั้นรายการนี้มันอาจจะไม่ใช่รายการพาเที่ยว แต่มันเป็นรายการพาไปดูของกินในทุกแง่มุม ทั้งวัตถุดิบ ผู้คน วัฒนธรรม และการทำอาหาร มีครบ

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 2

 

ฟังแล้วขั้นตอนการทำงานไม่น่าง่ายเลยเพราะต้องเจอทั้งย่านที่ใช่ และตัวละครที่ชอบด้วย พี่แจะเริ่มอย่างไร?

 

เราเริ่มจากเลือกโลเคชันก่อน ด้วยความรู้สึกตอนนั้นที่เราชอบ อย่างถ้าเป็นสมุย เป็นเพราะสิบกว่าปีที่แล้วเจอป้าเล็ก แล้วเคยขอถ่ายสูตรอาหาร แล้วชีไม่ให้ แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการคุยต่อ ปรากฏว่าเมื่อตอนทำ Everyday Podcast เราเคยทำรายการหนึ่งตามรอย The White Lotus แล้วเราก็ไปกินข้าวร้านเขาอีก แล้วเขาก็สะกิดบอกว่า “ถ้าครั้งนี้จะเรียน จะสอนให้แล้ว เพราะรู้สึกว่าตั้งใจทำงาน” เราก็เลยบอกว่า โอเค ไปหาป้าเล็กแล้วบันทึกเลย ตัดสินใจเลย

 

แล้วการทำงานมันก็ค่อนข้างซับซ้อนเพราะมันต้องเตรียมตัวล่วงหน้า แล้วทีมงานมันเยอะ คือถ้าไม่รักจริง น่าจะทำไม่ได้ ดีเทลเยอะ ผู้กำกับฯ บอกว่า ถ้าเขาทำรายการอื่นมันจะต้องมีคนเขียนบท มีคนค้นคว้าวิจัยให้ เราบอก ห้ามทำ เพราะมันเป็นงานของเรา คือถ้าเราไม่ค้นคว้า วิจัย สำรวจเองเราก็โง่ หมายถึงเราจะโง่ขึ้น เพราะเราจะมีคนป้อนทุกอย่างให้ เราก็เลยบอกรอหน่อย ขอพี่นั่งอ่านเอง ทำเองเหมือนทุกครั้งที่ไป คือค้นคว้าเองว่าสมุยมีอะไร เราอยากดูอะไร เราอยากไปดูเคย อยากไปดูดงมะพร้าว เราอยากไปอยู่กับชาวประมงสักวันหนึ่งได้ไหม เราเป็นคนเลือก

 

แล้วพี่กำหนดซีนเองด้วย แต่ทำการบ้านก่อน เช่น เราเจอว่ามันมีตลาด 6 ที่ เราต้องไปเดินดูเลย ต้องไปเลือกจากเซนส์ หรือเราต้องเจอแบบคนในพื้นที่เพื่อถามเขาว่า ตลาดนี้เป็นอย่างไร พอเราไปดูครบ 6 ที่ แล้วเราจะรู้เลยว่าโอเค เราเลือกตลาดนี้ พี่ว่ามันเป็นเสน่ห์ คือมันดูแล้วแบบอันนี้ใช่ เหมือนแบบผีเห็นผี พี่ชอบใช้คำนี้

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 3

 

พี่แจะลงไปครั้งเดียวแล้วได้เลย หรือว่าหลายรอบกว่าจะลงตัว?

 

หลายรอบแต่พี่ไปสมุยบ่อยอยู่แล้ว เราอาจจะไม่เคยไปซีนนี้ หรือถ้าไปดูแล้วไม่ใช่ พี่ฆ่าทิ้ง เอาใหม่ เริ่มใหม่เลย ถ้าเลือกได้แล้วก็เริ่มเดินคุย เริ่มเดินกิน

 

มีสตอรี่บอร์ดในการถ่ายทำไหม ?

 

สำหรับพี่ถ้ามีสตอรี่บอร์ดมันจะกลายเป็นสิ่งที่มันเกิดขึ้นแล้ว จะไม่มีการ improvise แต่ไม่ใช่ว่าเราขี้เกียจ เราเลยทำงานแบบไม่มีสตอรี่บอร์ด เราไม่ได้ขี้เกียจ แต่ว่าในทุกครั้งที่ไป เหมือนคุณต้องสบตา สบตาเสร็จ คุณจะต้องเลือกว่าเขาใช่หรือไม่ใช่ หลายครั้งเรากินเข้าไปแล้วรู้สึกอึ๊บก็ไม่ต้องทำ ซึ่งมันจะอึ๊บแบบนี้บ่อย มันเลยต้องใช้เวลา เพราะว่าเวลาทำสารคดี เราต้องตื่นเช้ามาก พวกโปรดักชันก็จะ crazy พระอาทิตย์ขึ้น ต้องตื่นตี 5 หลังจากนั้นก็ถ่ายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งประมงปิดตอน 5–6 ทุ่ม พี่เลยคิดว่าถ้าไม่รักหรือถ้าไม่ไปดู ไม่ไปหาช้างเผือก มันเลยต้องมีสตอรี่บอร์ด แต่ของพี่มันมีไม่ได้ พี่จะต้องไป blend เองหน้างาน

 

ใช้เกณฑ์อะไรในการเลือกเมนูอาหารในสารคดี?

 

พี่ว่าความอร่อยมันเป็น Subjective คือเราไม่ควรจะพูดว่าไม่อร่อย อร่อยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่เราเลือกที่ร้าน ไม่ว่าจะเสื้อผ้าหรืออาหาร เราเลือกจากสัญชาตญาณของเรา ด้วยอาชีพเรา Audience อนุญาตให้เราเลือก ยอมให้เราเป็น Buyer แล้วเขาจะเป็นคนเดินมากินตามเรา หรือใส่เสื้อผ้าตามเราเอง

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 4

วายคั่วสะตอ noir มาพร้อมข้าวพุงมะพร้าว

 

แล้วอย่างนี้มีเกณฑ์ในการเลือกสถานที่สำหรับถ่ายทำอย่างไร?

 

เลือกแบบน้ำลายไหลแล้วค่อยเลือก บางอันฟังชื่อก็น้ำลายไหลแล้ว บางอันเห็นเรือก็น้ำลายไหล บางอันเห็นสโคปของส้มตำก็รู้เลยว่าจะเจอน้ำลายไหลได้ที่ไหน
ปกาเกอะญอ เราสเกาต์แล้ว อันต่อไปเราจะไปเส้นทางส้มตำ ซึ่งกินพื้นที่ประมาณห้าจังหวัด อันนี้คัดแล้ว เพราะตอนไปจริง เราไปแปดจังหวัด แต่คัดเหลือห้า ซึ่งเป็นห้าที่ความสัมพันธ์มันนัวเนียกัน จนเกิดมาเป็น ‘ส้มตำสตอรี่’

 

ในซีซั่นแรกมีตัวละครไหนที่พี่มองว่าน่าสนใจบ้างคะ?

 

มีป้าเล็กกับพี่เบียร์ (ลูกป้าเล็ก) เป็นต้นเรื่อง ตอนแรกพี่ไม่ได้คิดถึงลูกป้าเล็กเลย เพราะพี่ชอบมีในหัวว่าพอเป็นเจนหนึ่ง โอ้โห! ตำนาน พอมาเจนสอง ความศักดิ์สิทธิ์มันน้อยลง แต่กับป้าเล็ก ตอนแรกเขาบอกว่า “โอเค เดี๋ยวจะไปหากระแจะที่ร้าน กระแจะอยากให้ทำอะไร จะไปทำที่ร้าน” เราบอกไม่เอา อยากไปหาป้าเล็กที่บ้าน ซึ่งมันเป็น Unseen เขาไม่เคยให้ใครเข้าไปที่บ้านมาก่อน แต่เขายอมเรา เราก็ไปถ่ายทำกับพี่เบียร์ ตอนนั้นแล้วเรารู้เลยว่าพี่เบียร์ต้องรันร้านอาหารต่อได้อย่างประสบความสำเร็จแน่นอน แต่กับบางคน การเป็นเจนสองมันไม่ทำให้เราเชื่อ

 

ป้าเล็ก

 

พี่เบียร์เป็นคนที่เวลาพี่เขียน scrapbook พี่จะให้หัวใจเขาตลอด เพราะพี่รู้สึกว่ารักพี่เบียร์มาก ในอนาคตพี่เลือกไว้แล้วว่าจะให้เขาเป็นเซ็นเตอร์ ที่จะช่วยพี่พาสปอนเซอร์ไปชุมชน เพราะพี่เบียร์เป็นคนเชื่อถือได้ในเชิงความซื่อสัตย์ และพี่รู้สึกว่าเวลาเขาทำร้านป้าเล็ก เขาเคารพสูตรแม่ของเขา

 

ส่วนคนที่สอง เขาเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นกุญแจ ชื่อมิสเตอร์แดง เขาเป็นกุญแจที่พาเราเปิดเข้าไปในชุมชน เขาเป็นน้องแดง แม้ว่าเขาจะแก่แล้ว แต่เขาเป็นน้องแดงของป้าๆ ทุกคนในชุมชน

 

คนที่สาม มาริญ่า พี่ไม่อินกับโรตี ตอนแรกไม่อินเลย พี่นั่งอยู่ในบ้านป้าเล็กจนผู้ใหญ่โรจน์ (สามีป้าเล็ก) บอกว่าทำไมไม่กินโรตี เราก็ถามว่าทำไมหนูต้องกินโรตี เขาบอกว่าโรตีเจ้านี้อร่อยที่สุดในสมุย พี่ไปกิน แล้วมันเป็นโรตีนม พี่ก็เฉยๆ ปรากฏว่าตอนไปถ่าย เราก็ถ่ายไปก่อน อารมณ์แบบถ้าเลือกมากก็อาจจะไม่ได้ถ่ายอะไรเลย ถ่ายไปก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยมาคัดออก ปรากฏว่าตอนไปถ่ายเวลาเขาทำโรตี เขาบอกว่าสูตรนี้เป็นสูตรของพ่อ แล้วเขาบอกว่าสูตรนี้จะตายไปกับฉัน เพราะฉันไม่มีลูก

 

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 6 ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 7

มาริญ่า

 

พี่เลยหันไปมองเขา ตอนที่เขานั่งปั้นอยู่ พี่รู้สึกถึง craftsmanship พี่รู้สึกว่ามันไม่ใช่โรตีที่เราเห็นสะบัดๆ ธรรมดา มันมีอาร์ตอยู่ในทุกการเคลื่อนไหว พี่ก็เลยถามว่าแล้วมันเป็นอย่างไร เขาบอกว่าพ่อเขาเคยทำร้านน้ำชา ในบ้านหลังนี้ที่ยืนอยู่ตรงนี้ พ่อเคยทำชานม แล้วพ่อจะเอาโรตีกินกับแกงแพะ

 

พี่จินตนาการใหญ่เลยเพราะพี่เป็นคนสร้างย่าน พี่ก็จินตนาการว่า ถ้าชาวบ้านทุกคนได้มากินชาร้อน แล้วได้กินแกงแพะต่อ มันน่าจะดี แต่เขาไม่สามารถทำได้คนเดียว เขาทำได้เต็มที่คือโรตีใส่นม แต่ถ้ามีคนช่วยคิด แล้วย้อนยุคให้เขากลับไปละ พี่ยังคิดว่าถ้าได้สปอนเซอร์จะให้คนไปเรียนทำโรตี พี่คิดว่าการเรียนมันเป็นเชื้อโรค มันต้องดีดให้กระเด็นไปถึงปัตตานี กระเด็นถึงกรุงเทพฯ แล้วสูตรนี้มันถึงจะอยู่จริงๆ

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 8

 

อีกคนหนึ่งคือป้าคนที่ทำเคยชื่อลูกปลา พี่ชอบตรงที่เขาเป็นชาวบ้าน แต่เขามีหลักการ ของสมัยนี้มันสามารถสกปรกได้มากกว่านี้ แต่เขามีหลักคิด มีการดีไซน์บ้าน พวกนี้ยังไปไม่ถึงอุตสาหกรรมแบบเครื่องจักร แต่มันสะอาดแบบชาวบ้าน คนนี้พี่อยาก recognize เขาในแง่ความจริงจังในการทำของที่ควรจะสกปรก แต่ทำจนรู้สึกว่ามีคุณภาพ

 

ขออีกสักคน ป้าออ ซึ่งเป็นการเจอกันผิวเผิน เจอกันด้วยหนึ่งมื้ออาหาร แกมีเพิงขายขนมจีนบุฟเฟต์ 50 บาท กินไม่อั้น แกก็นั่งอยู่บนแคร่ซึ่งพี่ตื่นเต้นในแง่แคสติ้งมาก ทั้งหน้า ผม เสื้อผ้า เหมือนเกิดมาเพื่อให้เราถ่ายรูป ขนมจีนก็อร่อย เป็นขนมจีนแบบไม่ผ่านเลเยอร์ ขนมจีนซื่อๆ ไม่ต้องปรุงแต่งเยอะ มีทั้งขนมจีนแกงใต้ ไตปลา น้ำพริก พอมันอยู่บนเวทีริมถนนแล้วซีนมันได้

 

นอกจากตัวละครที่เล่าให้ฟังแล้ว มีซีนไหนในสมุยที่ถูกหยิบมาพูดถึงอีกบ้าง?

 

มีเรื่องวัฒนธรรมการกิน พวกคุณกินกันยังไง กินกับใคร กินอะไร อย่างสมุยก็มีซีนการกินแบบหนึ่ง แต่พอไปปกาเกอะญอ เราจะเห็นการกินแบบแฟมิลี่ กินแบบพอเพียง พี่สังเกตว่าหลายบ้านมีอาหารไม่ถึงสิบอย่าง เขาไม่มีตลาด คุณปลูกข้าวตรงนี้ เด็ดผักตรงนี้ เลี้ยงหมูเอง คุณกินอยู่ในรั้วบ้านคุณ ดังนั้นคุณจะไม่เคยขาดอาหาร แต่คุณจะไม่กินเกิน

 

คุณหุงข้าวหรือทำกับข้าวหนึ่งครั้ง เลี้ยงทั้งครอบครัวเจ็ดคน ทุกคนกินพอดี เพราะเขาทำไว้แค่นี้ คุณต้องกินพอดี ไม่มีกับข้าวหลายอย่าง ดังนั้นวัฒนธรรมการกินคือ คุณกินยังไง กินกับใคร กินที่ไหน สำหรับพี่ มันเป็นสิ่งที่ obsessed แล้วบางทีพี่ก็อยากไปดูวิถีอาชีพของคนในโลเคชันที่พี่เลือก มันเลยไม่ได้มีแต่การกินอย่างเดียว

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 9

 

อีกอย่างพี่ชอบไปถ่ายบ้านคน พี่รู้สึกว่าครัวย่าครัวยายน่าสนใจ อย่างป้าเล็กอยู่ที่ร้านมีเตาสิบเตา แต่ที่บ้าน ป้าเล็กมีเตาไซส์เล็กประมาณสองพันบาท เตาเดียวใช้ครีเอททุกอย่าง มีซิงค์น้ำ มีแท่น มีเครื่องปรุงรส แค่นี้เลย พี่ว่ามันเป็นแพทเทิร์นของครัวย่าครัวยายที่ทำง่าย อร่อย และสวย พี่ตามถ่ายทุกบ้าน

 

จากที่พี่เป็นคนทำอาหาร มีดีไซน์ คิดภาพเป็นแฟชั่นตลอด แต่พี่กลับเข้ามาหาความเรียบง่าย ความมินิมัล

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 10

 

อยากรู้ว่ารายการบาลานซ์อย่างไรระหว่างอาหาร วัฒนธรรม และเรื่องเล่า ?

 

คำถามนี้ ถ้าตอบผิดมันจะยากมาก มันต้องตอบว่ามันมาด้วยกัน มันเหมือนช็อกโกแลตมากับถั่ว เคี้ยวด้วยกันจะอร่อยมาก ไม่ต้องเลือกว่าใครนำดีกว่า อยากให้มันเป็นธรรมชาติ ถ้าเรารู้สึกว่าไปตรงนี้แล้วอันนี้น่าสนใจก็ทำ เพราะเพื่อนเรารอฟังอยู่ ไม่ต้องเตรียม ไม่ต้องวางแผนเยอะเกินไป เพราะเดี๋ยวมันจะไม่สนุก

 

นอกจากความสนุก อยากให้คนดูได้อะไรกลับไปบ้าง

 

ถ้าเป็นคนไทย พี่อยากให้รู้สึกภูมิใจว่าเป็นคนไทย และไม่มีอะไรแพ้ใคร อยากให้รู้รากเหง้าของตัวเองว่าเมื่อมีรากเหง้าขนาดนี้แล้วยังจะแพ้ใครอีก มันเป็นจุดเด่นของเรา พี่อยากเป็นคนที่เก็บรายละเอียดและบันทึกไว้ให้ลูกของเขา

 

 

ตั้งใจจะให้รายการมีกี่ซีซั่นและจะทำไปเรื่อยๆ เลยไหม?

 

ตอนนี้เรานัดกันถึงซีซันที่สามแล้ว

 

(ผู้กำกับช่วย: “ด้วยความที่เราไม่ได้แบ่งซีซันเหมือนรายการอื่น รายการอื่นอาจมองซีซันว่าเป็นเรื่องใดเรื่องหนึ่งไปเลย แต่เรามองเป็นซีน เช่น ไปสมุยแทนที่จะเล่าสมุยมิติเดียวหรือเส้นเรื่องเดียว มันมีหลายเส้นเรื่องให้เล่าได้ แล้วเราก็แบ่งเป็นตัวยาว ตัวสั้นเพราะเดี๋ยวนี้คอนเซ็ปต์คอนเทนต์เปลี่ยนไป บางทีคนอาจเปิดวิดีโอตัวสั้นก่อน แล้วค่อยต่อตัวยาว บางทีก็เปิดตัวยาวเลย” )

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 12

 

ฟังดูแล้วเหมือนคาดหวังให้สิ่งนี้ไปได้ไกลกว่าใน Youtube ?

 

เราไปที่ไหนก็ผูกพันกับคน พี่เลยรู้สึกว่าเราแก่ขนาดนี้แล้ว มีอะไรที่เราช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้คนทุกเลเยอร์ได้ไหม เพราะเราเหมือนอยู่ปลายวัยของการทำงาน เราอยากช่วยคน องค์กรต่างๆ เขามีม็อตโต้เรื่องการคืนสู่ชุมชน พอถึงจุดหนึ่ง เขาก็มอบหมายให้เราเป็นคนเอาเงินและกำไรของเขาไปทำประโยชน์ให้คนได้ไหม โดยที่ไม่พลาด ไม่เอาเปรียบคนที่ให้เงิน

 

พี่เลยคิดว่า CSR มันต่อยอดได้ เหมือนพี่เป็น match maker ชาวบ้านคนนี้ คู่กับบริษัทนี้ แล้วเขาอยากช่วย แต่ก็สอนด้วยว่าอย่าเปลี่ยนนิสัย เรานิสัยดีอยู่แล้ว อย่าไปทำให้คนที่มาช่วยรู้สึกอึดอัด พี่เลยคิดว่าตอนนี้ตัวเองเป็นเหมือนคิวปิด ให้คนได้พบกันแล้วเกิดประโยชน์ แล้วพี่ก็อยากไปสร้างย่านด้วย

 

สนใจเรื่องการสร้างย่าน พี่แจะมองเรื่องนี้ไว้อย่างไรคะ?

 

อย่างคนที่อยู่ตลาดหัวถนน เขายังไม่รู้ตัวว่าเขาสวยมาก เขาไม่รู้และไม่แคร์ แต่พี่รู้สึกว่านักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวจะมีใครเหมือนพี่ไหม เราไม่ได้อยากไปอาบแดด ไม่ได้อยากไปวิลล่า ฉันอยากไปตลาด ตลาดที่ถูกต้องอยู่ที่ไหน เพราะไปอิสตันบูลเราก็หาตลาด ไปอินเดียเราก็หาตลาด

 

เดี๋ยวเราจะพยายามทำให้คนบางกลุ่ม ทั้งนักท่องเที่ยวไทยและต่างชาติ ที่กำลังหาซีนตลาดแต่เข้าไม่ถึงสามารถเข้าไปได้ เหมือนทรงวาดสมัยก่อน ถ้าจัดให้เดินถึงกันหมด มันก็จะเกิดระบบขึ้นมา แต่เราจะไม่จัดจนวิถีชีวิตเสีย เรายังรู้สึกว่าเขาอยู่ในบ้านของเขาดีแล้ว

 

 

ทีมงาน

 

อย่างที่จัดนิทรรศการ See: Savor: Snap: ตรงถนนทรงวาด ก็ถือเป็นการต่อยอดจากรายการเพราะนำอาหารมาให้ลองชิมจริงๆ ได้มาพูดคุยเหล่าตัวละครในรายการ มีแผนจะทำแบบนี้ทุกปีไหม?

 

พี่บอกทุกคนว่าพี่เป็นคนซาดิสต์ เขาไม่เชื่อ แต่เขารู้ว่าต้องทำ เราควรเอาสิ่งที่เราคิดมาอยู่ในหนึ่งห้องเพื่อให้คนมาเดินดู มันเป็นการเพิ่มโอกาสให้คนกรุงเทพฯ และคนต่างชาติได้รู้จักว่ามีสิ่งนี้อยู่

 

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 14

นิทรรศการ See: Savor: Snap

 

ถ้าเรามีของดี เราไม่ขี้อวด เราอธิบายว่ามันดีได้อย่างไร และถ้าไม่มีนิทรรศการนี้ คนจะรู้ได้ยังไงว่าพี่จริงจังมันเป็นการ make statement และทำให้คนรู้จักตัวละครจริงๆ เช่น ป้าโรตี มารีญา สร้างความผูกพัน เหมือนได้ไปคุยกับเขา

 

ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน 15

 

ครั้งหน้าเวลาคนไปจังหวัดอื่นแล้วเจอคนทำโรตีอาจจะนึกถึงมารีญา เริ่มมองบ้านคนว่าเขากำลังทำอะไรกันอยู่ เริ่มเก็บรายละเอียด พี่ว่ามันจำให้เรามีความสุขกับการเดินทางมากขึ้นในมุมอื่นๆ ที่เราเอาไปแชร์กับเพื่อนได้

 


คลิกอ่านบทความเกี่ยวข้องได้ที่ 


 

ภาพ: ผลาณุสนธิ์ ผดุงทศ

The post ศิริวรรณ ธรณนิธิกุล กับสารคดีอาหารไทย A Thai Rhapsody ที่บันทึกรสชาติและวัฒนธรรมการกิน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน https://thestandard.co/life/chef-tams-seasons-x-lamdre/ Mon, 22 Dec 2025 10:44:15 +0000 https://thestandard.co/?p=1156958 Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน

หากจะมีเหตุผลดีๆ สักข้อให้บินลัดฟ้าสู่มาเก๊าเพื่อสัมผัส […]

The post Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน

หากจะมีเหตุผลดีๆ สักข้อให้บินลัดฟ้าสู่มาเก๊าเพื่อสัมผัสชีวิต ‘กินหรู อยู่ดีแบบเหนือระดับ’ การไปเช็กอินที่ Wynn Palace คือคำตอบที่ใช่แบบไม่มีข้อกังขา

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 1Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 2Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 3Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 4

 

แต่ทริปนี้จะยิ่งพิเศษขึ้นไปอีกหากคุณเป็นนักชิมที่มองหาประสบการณ์หายาก เฉกเช่นมื้ออาหารรูปแบบ Four-hands โดย ‘Chef Tam’s Seasons x Lamdre’ ที่เรามีโอกาสได้ไปสัมผัสในครั้งนี้

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 5

 

 

นี่คือการโคจรมาพบกันของสอง Chef of the Year ระหว่างเจ้าบ้านอย่าง Chef Tam Kwok Fung แห่ง Chef Tam’s Seasons ร้านอาหารจีนกวางตุ้งนิยามใหม่ระดับ 2 ดาวมิชลิน และ Chef Dai Jun จาก Lamdre ร้านอาหารแพลนต์เบสระดับ 2 ดาวมิชลินจากปักกิ่ง

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 6

 

เมื่อโจทย์ของมื้อนี้คือ อาหารแพลนต์เบส หลายคนอาจติดภาพจำของรสชาติที่จืดชืดหรือน่าเบื่อ แต่ขอให้เชื่อเถอะว่า เมื่อวัตถุดิบพืชพรรณผ่านมือเชฟระดับโลกคู่นี้แล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ทั้งรสชาติและหน้าตาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน

 

The Vibe

 

เพียงก้าวแรกที่เดินเข้ามาก็สัมผัสได้ถึงความหรูหราสไตล์ ‘Artistic Luxury’ ที่ดึงเอาความงามของธรรมชาติมาถ่ายทอดผ่านงานแก้วและโมเสก คุมโทนสีเบจและทองอ่อน สะท้อนกลิ่นอายดีเอ็นเอของ Wynn Palace ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 7

 

นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงวัตถุดิบชั้นเลิศที่จะถูกนำมารังสรรค์ในมื้อพิเศษนี้ ซึ่งทุกรายละเอียดที่เราเห็นล้วนเป็นเครื่องยืนยันชั้นดีว่า เรากำลังจะได้สัมผัสกับความพิถีพิถันและความละเมียดละไมขั้นสุด

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 8

 

The Taste

 

ลองส่องเมนูแล้วพบว่าวันนี้มีด้วยกันถึง 6 คอร์สที่แลดูเฮลตี้ไปหมด และยังมีไฮไลต์เป็นการแพริ่งกับเครื่องดื่มคุณภาพเยี่ยมสัญชาติจีนจาก Domaine des Arômes ที่จะมาช่วยเสริมรสชาติในแต่ละจานให้โดดเด่นยิ่งขึ้น

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 9

 

เปิดต่อมรับรสด้วย Sunflower จานที่ตกแต่งมาอย่างสวยงาม สะท้อนกลิ่นอายฤดูใบไม้ร่วงของปักกิ่งผ่านเลเยอร์ของขนมฮอว์ธอร์น แอปเปิ้ลเขียว และพูเรข้าวโพดหวานที่ซ่อนอยู่ในแป้งทาร์ตงาดำ

 

ความหวานละมุนของเนื้อข้าวโพดถูกตัดรสด้วยความเปรี้ยวอมหวานอันสดชื่นของผลไม้ ยิ่งกินพร้อมเมล็ดทานตะวันคั่วเกลือและงาขี้ม่อนก็ยิ่งเพิ่มความหอมมัน เคี้ยวเพลิน

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 10

 

เพิ่มความอุ่นสบายท้องด้วย Arrowroot Thick Soup ซุปข้นรสละมุนที่ทำจากแอร์โรวรูตคัดพิเศษจากตอนใต้ของจีน นำมาบดละเอียดและเคี่ยวร่วมกับน้ำสต็อกผักหลากชนิด ทั้งข้าวโพด ผักกาดขาว สาลี่ และถั่วงอก เพื่อดึงรสหวานธรรมชาติออกมาอย่างเต็มที่ แทรกด้วยเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบของกะหล่ำปมและข้าวตัง เป็นจานที่เราชื่นชอบเป็นพิเศษ

 

 

ต่อด้วย ‘Five’ – Roots จานที่สร้างความตื่นตาตื่นใจด้วยสีสันสวยงามราวกับขนมหวาน แต่แท้จริงแล้วคือ ‘หัวไชเท้า’ ที่เชฟคัดสรรมาจาก 5 มณฑลทั่วจีน เพื่อสืบสานธรรมเนียมการทานหัวไชเท้าในฤดูหนาว

 

มีตั้งแต่หัวไชเท้าสีเหลืองจากซินเจียง, แครอทผลไม้จากยูนนาน, หัวไชเท้าแดงจากซานตง, หัวไชเท้าเขียวจากเหอหนาน ไปจนถึงหัวไชเท้าไอศกรีมจากเทียนจิน

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 11

 

โดยเชฟนำแต่ละชิ้นไปปรุงแยกกันด้วยน้ำคั้นของตัวเอง ทำให้เราสัมผัสได้ถึงความหวานฉ่ำและคาแรกเตอร์เฉพาะตัวของแต่ละสายพันธุ์ได้อย่างชัดเจน

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 12

 

เติมคาร์บกันต่อกับ Potato (Two Ways) เมนูที่เสิร์ฟมันฝรั่ง 2 สไตล์ ส่วนแรกเป็นมูสเนื้อเนียนนุ่มจากผลหล่อฮังก๊วยสีทอง มันฝรั่ง และหัวลิลลี่ (Lily bulbs) อายุเก้าปี ปั่นรวมกันจนได้เนื้อสัมผัสเบาละมุน บรรจุมาในเปลือกไข่

 

ตักลึกลงไปจะเจอกับรสหวานธรรมชาติจากเม็ดบัวหิมะ เนื้อลำไย และมะกรูดดอง ท็อปด้วยผงกระวาน ส้มโอ และผิวมะนาว ให้กลิ่นหอมสดชื่นตัดเลี่ยน

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 13

 

ความตื่นเต้นอยู่ที่ส่วนที่สอง ซึ่งเสิร์ฟมาอย่างน่าค้นหาภายใต้ฝาหินที่แว้บแรกทุกคนต่างคิดว่าเป็นคุกกี้ขนาดใหญ่

 

ด้านในคือมันม่วงกุ้ยโจวที่ห่อหุ้มด้วย Edible Clay และเกลือ แล้วนำไปอบ สอดไส้ด้วยมันฝรั่งเหลืองและผักดองผัดน้ำมันดอกคามิเลีย ให้รสชาติเข้มข้นและมีมิติ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 14

 

All About Soy จานนี้เรียกว่าสวรรค์ของคนรักเต้าหู้โดยแท้ เพราะเป็นการรวมตัวกันของเต้าหู้แห้ง, ฟองเต้าหู้, เต้าหู้ตุ๋นเกลือ, ฟองเต้าหู้หวาน และเต้าหู้อ่อนทอด ทำให้ทุกคำมีเท็กซ์เจอร์ที่ไม่ซ้ำกัน

 

ไฮไลต์คือต้องจิ้มกับซอสมิโซะมัสตาร์ดสูตรพิเศษรสชาติเข้มข้น แกล้มกับผักแล้วเข้ากันสุดๆ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 15

 

ก่อนจะเข้าสู่ช่วงของหวาน เชฟยังทำเซอร์ไพรส์พวกเราด้วยเมนู Off-menu สุดพิเศษ เริ่มจากความหอมมันของ Eggplant ราดซอสงาดำ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 16

 

และไฮไลต์อย่างข้าวผัดที่ยกมาปรุงกันสดๆ ถึงข้างโต๊ะ ทีเด็ดอยู่ที่เทคนิคการทำ ‘ข้าวตัง’ ก้นหม้อที่เกรียมกำลังดี ตักเสิร์ฟให้เคี้ยวกรุบกรอบเพลินปาก ถือเป็นการส่งท้ายของคาวที่น่าประทับใจจริงๆ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 17

 

และแล้วก็เดินทางถึงบทสรุปของมื้อกับ Dessert Trio ที่เสิร์ฟความฟินมาถึง 3 สไตล์ เริ่มจาก Rice Koji ไอศกรีมนมควายผสมสาหร่ายและข้าวหมักรสเค็มนัว ท็อปด้วยไวท์ทรัฟเฟิลสไลซ์สดหอมฟุ้งเข้ากันอย่างเหลือเชื่อ ต่อด้วย Deep-fried Mochi โมจิทอดไส้กลวงคลุกถั่วและงาที่ให้สัมผัสกรอบนอกหนึบใน ก่อนจบด้วย Baked Pandan and Taro Sago Pudding พุดดิ้งเผือกกวางสีอบใบเตยและสาคูเสิร์ฟอุ่นๆ ที่เนื้อเนียนละมุนหอมอบอวลไปทั้งปาก

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 18

 

โดยความพิเศษยังไม่หมดแค่นั้น เพราะทางร้านยังมีกาแฟเวียดนามหอมๆ มาดริปให้ดื่มตัดรสหวานของขนม ถือเป็นการปิดจบมื้ออาหารที่น่าประทับใจอย่างสมบูรณ์แบบ

 

Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน 19

 

Good for

 

เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบอาหารจีนในมิติใหม่ที่ถูกนำมาตีความอย่างลึกซึ้ง แนะนำให้ปักหมุดและคอยอัปเดตปฏิทินของ Chef Tam’s Seasons ไว้ให้ดี เพราะที่นี่มักจะสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการดึงเชฟระดับตำนานมาคอลแล็บอยู่เสมอ

 

หรือถ้าอดใจรอไม่ไหว จะแวะมาลิ้มลองห้องอาหารอื่นๆ ในโรงแรมก็การันตีว่าอร่อยคุ้มค่าทุกแคลอรีแน่นอน

 

Wynn Palace

Address: Avenida da Nave Desportiva, Cotai, Macau

Website: https://www.wynnresortsmacau.com/en/wynn-palace

Instagram:

Facebook: www.facebook.com/wynnpalace

Map: https://maps.app.goo.gl/6qKNNwy2THTNDqDp6

 

ภาพ: วริศรา ลิ้มอนันตระกูล, Wynn Macau

The post Chef Tam’s Seasons x Lamdre: เปิดมิติใหม่แห่งอาหารแพลนต์เบส เมื่อสองเชฟมิชลินโคจรมาเจอกัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN https://thestandard.co/life/define-your-finest-taste/ Thu, 18 Dec 2025 04:00:49 +0000 https://thestandard.co/?p=1155609 The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2025 อย่างเป็นทางการ ช่วงเวลาน […]

The post The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN appeared first on THE STANDARD.

]]>
The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2025 อย่างเป็นทางการ ช่วงเวลานี้มีความสำคัญทั้งในแง่ของการเฉลิมฉลองอย่างอบอุ่นท่ามกลางเพื่อนฝูง ครอบครัว หรือกับคนรัก และยังเป็นช่วงที่น่าตื่นเต้นของเหล่า Foodie ที่รอคอยการประกาศรายชื่อร้านอาหารที่ได้รับดาวมิชลิน ประจำปี 2026

 

ไฮไลต์ที่โดดเด่นในงานย่อมหนีไม่พ้นการที่ร้านอาหารสัญชาติเยอรมนีอย่าง Sühring สามารถคว้าดาวดวงที่ 3 มาครองได้สำเร็จจนกลายเป็นร้านอาหารเยอรมันไฟน์ไดนิ่งแห่งแรกในเอเชียที่คว้าดาว 3 ดวงมาครอบครองได้ ทั้งยังขึ้นแท่นร้านอาหารระดับดาว MICHELIN 3 ดาวเคียงข้าง Sorn

 

ขณะที่ร้านอาหารอินเดียไฟน์ไดนิ่งอย่าง INDDEE ก็ได้รับการประกาศดาวเพิ่มเป็น 2 ดาวในปีนี้ ส่วนร้านอาหารมากมายที่เคยอยู่ในโผร้านอาหารแนะนำจากลิสต์ MICHELIN Selected มาก่อน อาทิ Juksunchae, Sushi Saito, นุสรา, Bo.lan และ GAGGAN ปีนี้ก็ได้รับการเลื่อนขั้นกลายเป็นร้านติดดาวระดับ 1 ดาว MICHELIN กันอย่างคึกคัก (ใครสนใจอยากอัปเดตข้อมูลเพิ่มเติมแบบเต็มๆ สามารถตามอ่านได้ผ่านลิงก์นี้ https://thestandard.co/life/michelin-guide-thailand-2026/)

 

เมื่อรายชื่อร้านอาหารยอดเยี่ยมถูกเปิดเผย Foodie ไทยสายล่าดาว ไม่มากก็น้อยคงเริ่มเล็งกันไว้แล้วว่าจะไปตามรอยความอร่อยกันที่ร้านใด เพื่อให้เทศกาลแห่งความสุขที่มาพร้อมกับบรรยากาศดีๆ เช่นนี้ ถูกเติมเต็มจนกลายเป็นโมเมนต์ ที่น่าจดจำ

 

The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN 1

 

มากกว่าดาว MICHELIN คือการได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษผ่านรสชาติอาหารที่ยากจะลืมเลือน

 

ดาว MICHELIN (ดาวมิชลิน) ได้กลายมาเป็นมาตรวัดสำคัญที่ช่วยให้หลายๆ คนสามารถ ‘ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น’ ในการเลือกร้านอาหาร นอกเหนือไปจากการติดตามอ่านรีวิวในโลกโซเชียลมีเดีย

 

The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN 2

 

ในอีกมิติหนึ่ง ดาวมิชลิน ไม่ได้เป็นเพียงการการันตีรสชาติ ความอร่อย ของอาหาร แต่ยังเป็นบทพิสูจน์ความบากบั่นมุ่งมั่นใส่ใจของเชฟ และพนักงานของร้านอาหารแห่งนั้นที่พยายามอย่างหนักในการยกระดับรสมือ บรรยากาศร้าน การให้บริการ หรือแม้กระทั่งการส่งต่อรากเหง้าด้านวัฒนธรรมผ่านวัตถุดิบ วิธีการปรุงรส แล้วถ่ายทอดออกมาเป็น ประสบการณ์ที่ดีที่สุดในการทานอาหารให้กับผู้บริโภคหรือลูกค้า

 

เมื่อเร็วๆ นี้ EY บริษัทผู้ให้บริการและคำปรึกษาด้านธุรกิจก็เพิ่งออกมาเปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจในรายงาน Beyond the MICHELIN Stars (2025) เช่นกัน โดยพบว่า MICHELIN Guide กลายเป็น ‘อีกหนึ่งในปัจจัยสำคัญ’ ที่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างน่าอัศจรรย์

 

The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN 3

 

โดยกว่า 76% ของกลุ่มนักท่องเที่ยวตัวอย่างระบุว่า พวกเขาพร้อมจะยืดเวลาอยู่ต่อในจุดหมายปลายทางเพียงเพื่อได้ ‘เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การทานอาหาร’ ที่ร้านซึ่งได้รับการรับรองหรือแนะนำโดย MICHELIN Guide

 

ขณะที่อีกกว่า 80% บอกว่า พวกเขายินดีที่จะจ่ายเพิ่มจากเดิม หากแลกมาซึ่งการได้รับหรือได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่ถูกแนะนำในลิสต์รายชื่อ MICHELIN Guide

 

ไม่ใช่แค่ Chef’s Table หรือ Fine Dining เท่านั้น แต่ร้านอาหารริมข้างทาง Street Food ร้านเก่าแก่ Local ที่เชื่อมั่นในการส่งต่อสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า ทุกร้านก็สามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งใน MICHELIN Guide ได้อย่างเท่าเทียม

 

The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN 4

 

ยกระดับประสบการณ์มื้อพิเศษที่น่าจดจำกับ Privilege ที่คุณควรได้รับ

 

เพราะเชื่อมั่นในการเติมเต็มไลฟ์สไตล์และแพชชันที่แตกต่างกันของทุกคน UOB ในฐานะที่เป็น Exclusive Bank Partner เพียงหนึ่งเดียวของ MICHELIN Guide ประเทศไทย อย่างต่อเนื่องมาถึง 8 ปี และมีโปรโมชันจากร้านอาหารระดับดาวมิชลินมากถึงกว่า 70 ร้าน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.uob.co.th/personal/promotions/credit-cards/michelin-campaign-mpw787-1225/michelin-campaign-mpw787-1225.page

 

สำหรับร้านที่ได้รับรางวัล MICHELIN Guide ประจำปี 2026 อย่าง Sühring, Sorn, Chef’s Table by lebua, Mezzaluna by lebua และ R-Haan ก็มีสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบี ไม่ว่าจะเป็น ส่วนลดสูงสุด 15%, รับเมนูฟรี หรือ แลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 20% (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/665679278921695/posts/1279536824202601)

 

 

นอกเหนือจากนี้ UOB ยังต่อยอดโปรโมชัน ไปสู่แคมเปญระดับ Signature อย่าง UOB Friday Surprise MICHELIN Guide โดยทุกวันศุกร์สิ้นเดือน UOB จะเปิดให้ลูกค้าบัตรเครดิตทานอาหารที่ร้าน แล้วจ่ายเพียง 50% โดยใช้คะแนนสะสมเท่ายอดใช้จ่ายสุทธิ แลกรับเครดิตเงินคืน 50-70%* (ตามประเภทบัตรเครดิต) ไปจนถึง UOB MICHELIN Star Hunt และ UOB Point Parade ที่มอบสิทธิพิเศษแก่ผู้ถือบัตรเครดิตยูโอบี ในการรับประทานอาหารในร้านระดับดาวมิชลิน การถือบัตรเครดิตยูโอบี จึงช่วยเติมเต็มไลฟ์สไตล์ และสร้างประสบการณ์ ที่น่าจดจำในทุกมิติของชีวิตได้อย่างแท้จริง

 

The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN 6

 

หมายเหตุ: ใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนเต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี

เงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารกำหนด

 

บทความนี้ได้รับการสนับสนุนโดย ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน)

The post The Curated Life by THE STANDARD LIFE X UOB Privilege Banking: Define your finest taste นิยามไลฟ์สไตล์และรสชาติอาหารที่เป็นคุณผ่านดาว MICHELIN appeared first on THE STANDARD.

]]>
Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง https://thestandard.co/life/liana-restaurant-is-european-restaurant/ Tue, 16 Dec 2025 09:28:40 +0000 https://thestandard.co/?p=1155409 Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง

พื้นที่บนชั้น 2 ของ The Corner House ซึ่งมีกลิ่นอายอาคา […]

The post Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง

พื้นที่บนชั้น 2 ของ The Corner House ซึ่งมีกลิ่นอายอาคารเก่าสไตล์เจริญกรุงถูกจับจองโดย ‘Liana Restaurant’ ร้านอาหารไฟน์ไดนิงแห่งใหม่ซึ่งนำโดย 2 เชฟคู่รักชาวไทย-เกาหลีเป็นที่เรียบร้อย อีกทั้งพวกเขาเสิร์ฟอาหารได้สวยงามและน่าสนใจไม่แพ้บรรยากาศด้านในเลยด้วย

 

Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 1Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 2

 

เชฟบิ๊ก-วรัชญ์ อารีรมย์ และเชฟลี ซูฮยอน เจอกันครั้งแรกที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างทั้งคู่ไปเรียนทำอาหารและได้เข้าทำงานในครัวเดียวกัน หลังจากกลับมาประเทศไทยทั้งคู่ก็มีความตั้งใจอยากเปิดร้านอาหารไฟน์ไดนิงในกรุงเทพฯ เมื่อจังหวะและสถานที่ลงตัวจึงเกิดเป็นร้าน Liana แห่งนี้

 

เชฟบิ๊กบอกว่า “หลายคนอาจเรียก Liana ว่าอาหารฝรั่งเศสร่วมสมัย แต่สำหรับผมมันคือร้านอาหารโมเดิร์นที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลมากกว่า” เมนูของที่นี่จึงมีการเปลี่ยนแปลงตามวัตถุดิบในแต่ละวัน และน่าสนใจตรงเชฟตั้งใจใช้ของวัตถุดิบในประเทศกว่า 90% โดยเฉพาะผลไม้ที่ใส่มาแทบทุกเมนู

 

Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 3

 

เชฟบิ๊กรับหน้าที่ดูแลเมนูอาหาร ส่วนเชฟซูฮยอนดูแลของหวานทั้งหมด ร้านเปิดทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน เราแวะมาชิมมื้อค่ำจึงได้ลองเมนูดินเนอร์ 8 คอร์ส (ราคา 5,520++ บาท) ที่หากพูดถึงรสชาติเราว่าอาหารของ Liana เป็นสไตล์ยุโรปที่ใส่ความสดชื่นแบบเอเชีย เริ่มตั้งแต่ของกินเล่น 3 คำที่เราชอบ ‘พัฟท็อปด้วยอูนิ’ มากที่สุด เป็นคำที่ผสมระหว่างของคาวและของหวานซึ่งบ่งบอกตัวตนของร้านได้ดี

 

Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 4

 

แล้วเริ่มต้นคอร์สแรกด้วย ‘Hamachi’ เชฟเสิร์ฟเนื้อปลาฮามาจิให้กินคู่กับแพร์หั่นชิ้นบางกำลังดี และมีความสดชื่นจากกรานิตต้า ต่อด้วย ‘Razor Clam’ หอยหลอดกับปลาหมึกและซอสแอปเปิ้ลผสมน้อยหน่า เราชอบที่มีความเปรี้ยวจากฟิงเกอร์ไลม์ตัดเล็กๆ

 

Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 5Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 6Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 7

 

อีกความน่าสนใจของ Liana คือแทบทุกเมนูจะเสิร์ฟพร้อมคำเล็กๆ ให้กินคู่เมนูหลัก อย่างเมนู ‘Prawn’ กุ้งลายเสือกับซอสมันหัวกุ้งก็มีทาร์ตกุ้งคำเล็กๆ เสิร์ฟให้ชิมก่อน ‘Duck’ เมนูเป็ดดรายเอจกับซอสจูซ์และแก่นตะวันก็เช่นกัน จานนี้มาพร้อมบันไส้ขาเป็ดและแคร็กเกอร์ซาวโดวจ์

 

Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 8Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 9Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 10Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 11

 

หลังจากเมนู ‘Monkfish’ ท็อปด้วยคาเวียร์ ก็เข้าสู่เมนคอร์สที่มีให้เลือกระหว่าง ‘Venison’ เนื้อกวางกับซอสแบล็กเบอร์รี หรือ ‘Wagyu’ ซอสแบล็กเคอร์แรนท์และทรัฟเฟิล

 

Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 12

 

ปิดท้ายด้วยของหวานฝีมือเชฟซูฮยอน เราชอบ ‘Cherry’ เป็นเชอร์รี่ซอเบต์รสชาติสดชื่นกับครีมและเชอร์รี่คอมโพต และ ‘Chestnut’ ที่เสิร์ฟไอศกรีมดาร์กรัมคู่กับเกาลัดและแพร์

 

Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 13Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 14Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง 15

 

Good for

 

Liana เป็นร้านไฟน์ไดนิงแห่งใหม่ที่น่าจับตามอง ร้านทำอาหารด้วยเทคนิคสไตล์ฝรั่งเศสแต่ใส่ความเป็นตัวเองลงไปได้อย่างไม่เหมือนใคร เราว่านี่คืออีกร้านที่นักชิมไม่ควรพลาด ทั้งความแปลกใหม่ รสชาติที่เข้าใจง่าย และไวน์แพร์ริ่งที่จับคู่กับอาหารได้อย่างมีเรื่องราว ประสบการณ์ที่ทุกคนจะได้พบต้องน่าจดจำแน่นอน

 

Liana Restaurant

Open: วันพุธ-อาทิตย์ เวลา 17.30-19.00 น. (วันศุกร์-อาทิตย์ เปิดมื้อกลางวัน เวลา 12.00-14.00 น.)

Address: ชั้น 2 ในอาคาร The Corner House

Budget: 5 คอร์ส 3,750++ บาท / 8 คอร์ส 5,250++บาท

The post Liana Restaurant ร้านอาหารยุโรปจากวัตถุดิบไทยในย่านเจริญกรุง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก https://thestandard.co/life/blue-alain-ducasse-6th-anniversary-chef-interview/ Mon, 15 Dec 2025 09:05:58 +0000 https://thestandard.co/?p=1154981 ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก

ร้านอาหารฝรั่งเศสดาวมิชลิน Blue by Alain Ducasse ครบรอบ […]

The post ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก

ร้านอาหารฝรั่งเศสดาวมิชลิน Blue by Alain Ducasse ครบรอบ 6 ปีทั้งที เชฟใหญ่ระดับอาจารย์ผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง เชฟอลัง ดูคาส (Alain Ducasse) จึงบินมาพบปะทุกคนและให้สัมภาษณ์พิเศษด้วย เราจึงมีทั้งคำพูดของเชฟดูคาสต่อวงการอาหาร รวมถึงหน้าตาและรสชาติอาหารเมนูใหม่ของ Blue มาให้ชมกัน

 

ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก 1ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก 2ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก 3

 

Blue by Alain Ducasse เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสในไอคอนสยามที่ได้รางวัลดาวมิชลิน 1 ดวงติดกัน 6 ปีซ้อน ตอนนี้นำทีมโดย เชฟอีเวนส์ โลเปซ เอ็กเซคคิวทีฟรุ่นใหม่ไฟแรงที่ย้ายมาประจำ ณ ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยเชฟอีเวนส์เคยอยู่ในครัวร้านอาหาร 2 และ 3 ดาวมิชลินมาก่อน เขาจึงมานำเสนอมิติใหม่ๆ ให้ร้าน Blue มีรสชาติน่าสนใจกว่าเดิม ซึ่งในช่วงนี้ Blue จะเสิร์ฟเมนูพิเศษ 6 คอร์สเพื่อฉลองร้านอายุครบ 6 ปีด้วย

 

ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก 4ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก 5ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก 6

ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก 7

 

โดยจานน่าสนใจ อาทิ Bluefin Tuna เนื้อทูน่าเสิร์ฟคู่หัวไชเท้าแตงโม ยูสุ และคาเวียร์, Rainbow Courgette และ Comté cheese เป็นอีกจานที่รสชาติดี เชฟเสิร์ฟซูกินีพร้อมวอลนัทพราลีนและใบเสจแบล็กเคอร์แรนต์ ส่วนเมนคอร์สเป็น Pigeon พิราบรมควันกับธัญพืชและซอสจูซ์ ปิดท้ายด้วยของหวาน Chocolate Soufflé รสชาติหอมเข้มข้น แถมยังเสิร์ฟอุ่นๆ เหมาะเป็นจานปิดท้ายที่น่าจดจำมาก

 

“ไฟน์ไดนิ่งสมัยใหม่ต้องไม่ใช้เวลาในการทำอาหารนานเกินไป การเสิร์ฟต้องมีจังหวะ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาไว้ซึ่งการบริการที่สมบูรณ์แบบเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า” เชฟอลัง ดูคาส พูดถึงร้านอาหารไฟน์ไดนิ่งในปัจจุบันที่ต้องมีการปรับตัวให้ร่วมสมัยมากขึ้น

 

“นอกจากนั้น การสร้างความประหลาดใจให้ลูกค้าก็สำคัญ เพราะไม่ว่าผู้มารับประทานเป็นใครก็ล้วนมีความสนใจเรื่องอาหาร อยากลิ้มลองสิ่งใหม่ๆ เชฟจึงต้องปรับตัวและพัฒนาฝีมือตัวเองให้เข้ากับยุคสมัยอยู่เสมอ”

 

ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก 8

“อย่างเช่นสิ่งที่ผมสนใจในตอนนี้คือการทำอาหารด้วยเนื้อสัตว์ให้น้อยลง และเน้นใช้โปรตีนจากพืช นี่คือวิวัฒนาการของอาหารที่เกิดควบคู่ไปกับวิวัฒนาการของโลก ผู้บริโภคจะได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพและมีความมันจากเนื้อสัตว์น้อยลง ในขณะเดียวกันสิ่งนี้ก็ดีต่อโลกด้วย” เชฟดูคาสพูดถึงเทรนด์การทำอาหารที่อาจเปลี่ยนไปในอนาคต

 

และเมื่อเราถามเชฟอลัง ดูคาส ถึงเป้าหมายถัดไปที่เขาอยากตามล่านอกเหนือไปจากดาวมิชลินและรางวัลด้านอาหารมากมายที่เชฟมีในครอบครองนับไม่ถ้วน เชฟอลังบอกเราว่า

 

“ผมอยากถ่ายทอดความรู้ที่ตัวเองมีให้เชฟรุ่นใหม่ สิ่งที่ผมจะตั้งใจทำต่อไปในอนาคตคือโรงเรียนสอนทำอาหาร ร้านอาหาร และการตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับอาหารให้ได้อย่างน้อย 10 เล่มต่อปี เพื่อเป็นการรักษารากเหง้าของอาหารฝรั่งเศส และในขณะเดียวกันก็เพื่อถ่ายทอดความรู้และสร้างวิวัฒนาการให้แก่วงการอาหารด้วย”

 

Blue by Alain Ducasse เปิดอยู่บนชั้น 1 ไอคอนสยาม โดยเปิดบริการทั้งมื้อกลางวันและมื้อเย็น เวลา 12.00-13.30 น. และ 18.00-20.30 น. (มื้อกลางวันมีเฉพาะวันพฤหัส-จันทร์ เท่านั้น) สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Blue by Alain Ducasse 

 

The post ก้าวต่อไปของไฟน์ไดนิ่งที่ Blue by Alain Ducasse ร้านอาหารฝรั่งเศสของอาจารย์เชฟระดับโลก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ภัตตาคารกวนอา 75 ปี ยุคแรกของข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำ | In Pure Spirit EP.4 https://thestandard.co/life/in-pure-spirit-ep4/ Sat, 13 Dec 2025 12:00:27 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1154177 in-pure-spirit-ep4

เนื้อฉ่ำ หนังหนึบ เอกลักษณ์ข้าวมันไก่กวนอา   ‘ภัตต […]

The post ชมคลิป: ภัตตาคารกวนอา 75 ปี ยุคแรกของข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำ | In Pure Spirit EP.4 appeared first on THE STANDARD.

]]>
in-pure-spirit-ep4

เนื้อฉ่ำ หนังหนึบ เอกลักษณ์ข้าวมันไก่กวนอา

 

‘ภัตตาคารกวนอา’ ต้นฉบับของวัฒนธรรมอาหารจากไหหลำ ที่ยังคงรักษาไว้ถึงปัจจุบัน ถ่ายทอดผ่านความตั้งใจในการคัดสรรวัตถุดิบจากต้นน้ำ ตั้งแต่สายพันธุ์ไก่ ไปจนถึงกรรมวิธีดั้งเดิม โดดเด่นด้วยไก่ที่ผ่านการต้มอย่างสมบูรณ์แบบ เนื้อฉ่ำ หนังหนึบ ข้าวมันที่ถูกหุงด้วยเตาถ่าน นุ่ม หอม มัน สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจน

 

ชวนสัมผัสเมนูธรรมดาที่ ‘ไม่ธรรมดา’ ของกวนอา ข้าวมันไก่ที่ใส่จิตวิญญาณแห่งไหหลำ ติดตามได้ใน In Pure Spirit EP.4

 

🥢 ภัตตาคารกวนอา

⏰ เปิด: ทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.

📍 ที่อยู่: ยานนาวา, 793/7 ถนนพระรามที่ 3 แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120 ประเทศไทย

🚗 ที่จอดรถ: มีที่จอดรถ

 

 

The post ชมคลิป: ภัตตาคารกวนอา 75 ปี ยุคแรกของข้าวมันไก่สไตล์ไหหลำ | In Pure Spirit EP.4 appeared first on THE STANDARD.

]]>
mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ https://thestandard.co/life/ml-bar-cocktail-numbers/ Thu, 11 Dec 2025 08:54:59 +0000 https://thestandard.co/?p=1153576 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’

ถ้าใครอยากจิบเครื่องดื่มดีๆ สักแก้วในบรรยากาศไม่วุ่นวาย […]

The post mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’

ถ้าใครอยากจิบเครื่องดื่มดีๆ สักแก้วในบรรยากาศไม่วุ่นวาย ‘mL Bar’ บาร์น้องใหม่ย่านสาทรน่าจะเป็นสถานที่ที่หลายคนตามหา เพราะนอกจากพื้นที่โปร่งกว้าง ที่นั่งหลายมุมซึ่งมีทั้งเคาน์เตอร์บาร์และโซฟา ดริงก์ของบาร์แห่งนี้ยังเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ก็เต็มไปด้วยดีเทลน่าสนใจ

 

mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 1 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 2

 

ชื่อของ mL Bar มาจากคำว่ามิลลิลิตร ทุกอย่างในบาร์แห่งนี้จึงเล่นกับตัวเลข เวลาสั่งเครื่องดื่มแล้วแอบรู้สึกเหมือนบอกรหัสลับดีเหมือนกัน เช่น ‘3.14 (400 บาท)’ ตัวเลขค่าพายที่สร้างแรงบันดาลใจถึงความกลมสมบูรณ์ ทุกส่วนผสมในแก้วนี้จึงเกี่ยวข้องกับรูปวงกลม เช่น บีตรูท ไซรัปจากแตง 3 ชนิด เสิร์ฟมาในแก้วทรงกลมพร้อมเจลลี่วงกลมข้างแก้ว

 

mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 3 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 4 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 5

 

‘69 (420 บาท)’ ค็อกเกลสุดเซ็กซี่ที่เบสด้วยรัมผสมหม่าล่า จิบไปแล้วมีความเผ็ดบางๆ ตัดด้วยความหอมหวานของเบอร์รี่ วานิลลา และชีส ‘911 (480 บาท)’ แก้วนี้ได้แรงบันดาลใจจากเบอร์โทรฉุกเฉินของตำรวจและเป็นแก้วที่เราชอบเป็นพิเศษด้วย เมนูนี้ทำคล้ายบลัดดี้แมรี แต่มีความจัดจ้านจากพริกจาลาเปโญและความเปรี้ยวจากแอปเปิล จิบแล้วรู้สึกมีชีวิตชีวา กระตุ้นต่อมรับรส

 

mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 6 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 7

 

‘404 (440 บาท)’ แก้วนี้ก็น่าสนุก เพราะได้แรงบันดาลใจจากอินเทอร์เน็ตเวลาขึ้นว่า Page Not Found จึงเสิร์ฟเป็นค็อกเกลเบสจินผสมสมุนไพร โทนิกกระบองเพชร และรูบาร์บ เสิร์ฟพร้อมช็อกโกแลตไดโนเสาร์รสพิสตาชิโอ

 

‘88 (888 บาท)’ ค็อกเทลสุดหรูหนึ่งเดียวในเมนูของร้าน จึงตั้งชื่อตามเลขมงคลของจีนที่สื่อถึงความโชคดีและมั่งคั่ง แก้วนี้เบสจากซิงเกิลมอลต์วิสกี้ผสมด้วยอมาโรทรัฟเฟิล ท็อปด้วยลูกกวาดสีทองด้านบน

 

นอกจากนี้บาร์ยังมีอาหารให้สั่งมากินได้อีก เช่น Caprese Skewer (320 บาท/2 ไม้) มะเขือเทศกับมอซซาเรลล่าชีสเสียบไม้พร้อมซอสบัลซามิก Croquette (220 บาท) คร็อกเกตไส้เบคอน หัวหอม และพาร์มาแฮม หรือ Grilled Wagyu Beef
& Bacon Skewer (380 บาท/2 ไม้) เนื้อวากิวสไลซ์ย่างกับซอสมัสตาร์ดและพริกดอง

 

mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 8 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 9 mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ 10

 

Good for

 

mL Bar เป็นบาร์น้องใหม่ในบรรยากาศสบายๆ และเครื่องดื่มเข้าใจง่าย น่าจะเป็นร้านที่หลายคนชอบถ้าหากวันไหนอยากนั่งจิบเครื่องดื่มแบบไม่วุ่นวาย เราชอบที่เครื่องดื่มมีหลากหลายแนวให้ค้นหาด้วย ใครเป็นสายค็อกเทลเชื่อว่าต้องสนุกกับที่นี่แน่นอน

 

mL Bar
Open: ทุกวัน เวลา 17.30 น. เป็นต้นไป
Address: ชั้น LG ในอาคาร Supalai Icon Sathorn
Budget: 600-1,200 บาท

The post mL Bar บาร์ค็อกเทลที่ทุกแก้วเกิดขึ้นจาก ‘ตัวเลข’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ https://thestandard.co/life/ai-farang/ Wed, 10 Dec 2025 02:41:43 +0000 https://thestandard.co/?p=1153044 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’

‘ไอ้ฝรั่ง (Ai Farang)’ เป็นร้านอาหารไทยสไตล์ลูกครึ่งที่ […]

The post Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’

‘ไอ้ฝรั่ง (Ai Farang)’ เป็นร้านอาหารไทยสไตล์ลูกครึ่งที่หยิบเมนูอาหารไทยมาเล่าใหม่ผ่านมุมมองของเชฟฝรั่งผู้อยู่เมืองไทยมานานจนรู้จักรสชาติแบบไทยๆ เป็นอย่างดี อาหารไทยฉบับไอ้ฝรั่งจึงยังมีความเป็นไทยแบบที่ทุกคนชอบ แต่มาในรูปร่างหน้าตาแบบใหม่ที่ทำให้กินสนุกจนวางช้อนไม่ลง

 

ฉะนั้นมาที่นี่ทุกคนต้องพร้อมเจอประสบการณ์ใหม่ด้วยใจที่เปิดกว้าง แล้วจะเพลิดเพลินไปกับรสชาติอาหารไทยที่รับรองไม่เหมือนที่ไหน

 

Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 1

 

ร้านเปิดอยู่ในซอยทองหล่อ 13 เมื่อเข้ามาจะพบกับบาร์ค็อกเทลด้านหน้าที่ดูใส่ความเป็นไทยลงไปแบบกวนๆ เมนูซิกเนเจอร์ของร้านคือ SHAVED ICE COCKTAILS ค็อกเทลที่ใช้เครื่องไสน้ำแข็ง เมนูแนะนำเช่น Guava Paloma (290 บาท) หรือคลาสสิกค็อกเทลทวิสต์ เช่น Passionfruit Aperol (350 บาท) และ Serrano Ham Melon (350 บาท)

 

Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 2 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 3 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 4 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 5

 

ส่วนพื้นที่รับประทานอาหารด้านในตกแต่งราวกับโรงหนัง เต็มไปด้วยของตกแต่งที่เจ้าของร้านเก็บสะสมเอง เมื่อเลือกมุมที่ชอบได้แล้วก็ถึงเวลาชิมอาหารที่มีหลากหลายมาก โดยจานแนะนำคือ Pad Kra Pao Spring Rolls (250 บาท) ปอเปี๊ยะผัดกะเพราเนื้อที่กินไปแล้วนึกถึงกะเพรา แต่ก็มีภาพปอเปี๊ยะสดวิ่งแล่นเข้ามา เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่ดี Sea Urchin Pani Puri (600 บาท) ปานีปูรีสไตล์อินเดียแต่ท็อปด้วยอูนิ

 

Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 6 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 7

 

Beef Short Rib Rat Na (990 บาท) ราดหน้าเส้นสปาเกตตีกรอบกับเนื้อซี่โครงที่นุ่มมากๆ Chicken Milanese (650 บาท) ใครคิดถึงเมนูไก่กรอบซอสเขียวหวาน จานนี้เสิร์ฟมาให้ใหญ่ๆ สะใจแบบแบ่งกินด้วยกันได้ทั้งโต๊ะ Yum “Fried Chicken” Foo (290 บาท) ยำไก่ฟูรสชาติจัดจ้านที่เราติดใจ

 

Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 8 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 9 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 10 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 11

 

KAGOSHIMA A5 Wagyu Tataki (800 บาท) ลาบเนื้อที่อัปเกรดใช้เนื้อเกรด A5 คลุกเคล้าด้วยเครื่องลาบและข้าวคั่ว Mochi Gnocchi (550 บาท) ผัดขี้เมาใส่พาสต้ายอคคี แหนม และหอยอาซาริ หรือ Nam Ya Puu Spaghetti (1,200 บาท) สปาเก็ตตีน้ำยาปูสุดเข้มข้น กินแต่ละคำนึกถึงลูกครึ่งไทย-อิตาลี

 

Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 12 Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ 13

 

Good for

 

ใครเบื่ออาหารไทยแต่ก็ยังคิดถึงรสชาติอาหารไทยอยู่ Ai Farang น่าจะกลายเป็นร้านที่ทำให้ทุกคนกลับมาสนุกกับรสชาติอาหารไทยอีกครั้ง แต่ละเมนูเชฟสร้างสรรค์ขึ้นจากประสบการณ์ส่วนตัวอย่างไร้ขอบเขต อะไรที่ทุกคนคุ้นเคยอาจถูกนำเสนอใหม่จนอาจกลายเป็นอาหารจานใหม่ที่อยากกลับมากินซ้ำๆ อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มสำหรับคนอยากจิบค็อกเทลที่ใส่ความไทยๆ ลงไปอีกด้วย ฟังแค่นี้ก็ดูน่าสนุกแล้วว่าไหม?

 

Ai Farang

Open: ทุกวัน เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป
Contact: @ai_farng
Address: ในโรงแรม โอ็ควูดเรสซิเดนซ์ ซอยทองหล่อ 13
Budget: 1,000-2,000 บาท

The post Ai Farang อาหารไทยมุมมองใหม่ผ่านสายตา ‘ไอ้ฝรั่ง’ appeared first on THE STANDARD.

]]>
Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตรเชฟโอม https://thestandard.co/life/pasta-rice-house-drop-by-dough-chef-ohm/ Tue, 09 Dec 2025 02:31:30 +0000 https://thestandard.co/?p=1152555 Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตร เชฟโอม

ภาพจำของ Drop by Dough คือร้านโดนัทแสนอร่อยที่มีโดนัทหล […]

The post Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตรเชฟโอม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตร เชฟโอม

ภาพจำของ Drop by Dough คือร้านโดนัทแสนอร่อยที่มีโดนัทหลายรสชาติหลากรสให้ได้ชิม แต่ไม่นานมานี้ Drop by Dough เพิ่งยกระดับร้านสาขา EmQuartier ด้วยการเพิ่มคอนเซ็ปต์ใหม่ ‘Paste & Rice House’ ที่ชวนเชฟโอม-พงศ์สิทธิ์ เสาวรัญ ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำพาสต้าเส้นสดสไตล์โฮมเมด นำเมนูไฮไลต์จากร้าน OHM มาเสิร์ฟให้กินถึงกรุงเทพฯ

 

Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตร เชฟโอม 1

 

The Vibe

 

Paste & Rice House เป็นคอนเซปต์ใหม่ของ Drop by Dough ที่เริ่มครั้งแรกที่สาขา EmQuartier โดย ‘โอ๊ต-ณรงค์ฤทธิ์ ศรีตลานนท์’ และ ‘โอ๊ตซึ-เฉลิมพล อัครภิญโญกุล’ สองผู้ก่อตั้ง ตั้งใจยกระดับ Drop by Dough ให้เปลี่ยนจากร้านคาเฟ่ไปสู่ All-Day Dining อย่างเต็มตัว โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ของร้านที่เน้นไวบ์แบบสแกนดิเนเวียนเอาไว้ครบถ้วน มู้ดโทนของร้านจึงยังคงเดิมไม่เปลี่ยน ด้วยการโทนสีสบายตา เฟอร์นิเจอร์ไม้ และการใช้แสงธรรมชาติเป็นหลัก

 

Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตร เชฟโอม 2

 

The Taste

 

แต่ส่วนที่เปลี่ยนคือการเพิ่มมาของเมนูพาสต้าและอาหารในคอนเซปต์ Pasta & Rice House ที่ได้เชฟโอม-พงศ์สิทธิ์ เสาวรัญ จากร้าน OHM ย่านท่าวัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มาดูแล โดยขนเอาเมนูไฮไลต์จากร้านมาเสิร์ฟให้กินถึงที่ เช่น Goulash Beef Ragu Tagliatelle เส้นสดคลุกซอสกูลาชและเนื้อวัว, Blue Crab Ravioli in Truffle Alfredo ราวีโอลีปูราดซอสครีมทรัฟเฟิลหอมละมุน, Smoked Duck Salad with Honey Mustard อกเป็ดรมควันกับน้ำสลัดฮันนี่มัสตาร์ดรสกลมกล่อม และ Chinese Duck Confit with Baby Broccoli & Mustard Gravy เป็ดกงฟีหนังกรอบ เสิร์ฟพร้อมบรอกโคลีและซอสมัสตาร์ด

 

ทั้งหมดเมนูสไตล์ Contemporary French Mediterranean ที่มีกลิ่นอายจีนนิดๆ ตามสไตล์ของเชฟโอม และใช้แป้งโดจากการทำโดนัทมาทำเส้นสด รวมถึงการใช้วัตถุดิบชั้นดีที่ถูกคัดสรรมาจากชาวประมงทางภาคใต้และเกษตรกรไทย

 

Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตร เชฟโอม 3 Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตร เชฟโอม 4 Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตร เชฟโอม 5 Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตร เชฟโอม 6

 

Good for…

 

ส่วนตัวเราว่าพาสต้าเส้นสดที่นี่สอบผ่าน และรสชาติเข้มถูกปากคนไทย เหมาะนั่งกินเป็นมื้อง่ายๆ ระหว่างวัน หรือจะแวะนัดเพื่อนมาเมาท์มอยยามบ่ายก็ได้ สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือทุกเมนูยังสามารถเลือกเส้นพาสต้าเองได้ ไม่ว่าจะเป็น Pappardelle, Farfalle, Tagliatelle, Spaghetti, Rigatoni, Ravioli ชอบแบบไหนสั่งแบบไหน ใครเป็นคอพาสต้า หรือชอบพาสต้าเส้นสด ต้องแวะมาลอง

 

Pasta & Rice House

Location: ชั้น 1 DROP BY DOUGH, EmQuartier

Open: ทุกวัน เวลา 10.00 – 21.00 น.

Budget: 300 – 500 บาทต่อคน

Facebook: https://www.facebook.com/dropbydough

Map: https://maps.app.goo.gl/BsjszCkr91pz5Lgv7

 

ภาพ: พลอยจันทร์ สุขคง, Drop by Dough

The post Pasta & Rice House คอนเซปต์ใหม่ Drop by Dough เสิร์ฟพาสต้าเส้นสดสูตรเชฟโอม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม https://thestandard.co/life/bar-nikori-silom-sake-hangout/ Mon, 08 Dec 2025 06:21:09 +0000 https://thestandard.co/?p=1152246 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม

คนรักสาเกมีร้านใหม่ให้แวะไปเช็กอินแล้ว ที่นั่นคือ ‘Bar […]

The post Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม appeared first on THE STANDARD.

]]>
Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม

คนรักสาเกมีร้านใหม่ให้แวะไปเช็กอินแล้ว ที่นั่นคือ ‘Bar Nikori’ สาเกบาร์ในโครงการบ้านสีลมซึ่งเป็นคอมมูนิตี้ใหม่ในย่านนี้เช่นกัน โดยด้านในโครงการเต็มไปด้วยร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ต่างๆ และสามารถเดินมาได้จากบีทีเอสสุรศักดิ์เพียงหนึ่งอึดใจ ส่วน Bar Nikori เป็นบาร์เล็กๆ แต่มีที่นั่งให้แวะมาแฮงเอาต์กันได้ทั้งเป็นกลุ่มหรือเป็นคู่ เพราะด้านในมีทั้งโต๊ะนั่งกินดื่มและเคาน์เตอร์บาร์

 

Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 1 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 2

 

แน่นอนว่าใครที่เป็นคอสาเกจะต้องตื่นเต้น เพราะที่นี่มีให้เลือกหลายสไตล์ ส่วนใหญ่เป็นสาเกโมเดิร์น นำมาจากหลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น หรือใครเป็นคอสาเกมือใหม่ก็ต้องมาลองกันสักหน่อย เพราะเราว่าที่นี่นำเสนอเครื่องดื่มได้หลากหลายและเข้าใจง่าย รับรองทุกคนอาจได้ร้านประจำ

 

Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 3 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 4 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 5

 

ถ้าใครอยากลองดื่มหลายๆ แบบ ร้านแนะนำให้สั่ง ‘Sake Flight (500 บาท)’ ที่สามารถเลือกสาเกสไตล์ที่ชอบได้ 3 แก้ว ถูกใจแบบไหนหรืออยากลองสไตล์ใดสามารถถามพนักงานได้เลย ส่วนใครอยากดื่มค็อกเทลสาเกก็มี เช่น Cloud River (380 บาท) ที่ใช้สาเกข้นๆ ดื่มยากมาทำให้ดื่มง่าย ด้วยการผสมยูสุและน้ำผึ้ง หรือ Kanjyuku Soda (380 บาท) ค็อกเทลสไตล์ไฮบอลที่มีส่วนผสมของเห็ดชิตาเกะที่นำไปต้มในมิริน แก้วนี้ดื่มง่ายแม้จะใช้เบสสาเกหนักๆ

 

Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 6 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 7 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 8

 

อีกทีเด็ดที่เราชอบคือ Bar Nikori มีเมนูอาหารด้วย เลิกงานมาหิวๆ สามารถแวะมาฝากท้องได้เลย เมนูแนะนำเช่น Nikori Ponzu Tomatoes (90 บาท) เมนูนี้ห้ามพลาด เป็นมะเขือเทศดองพอนสึที่กินแล้วสดชื่น เหมาะกับจับคู่พร้อมเครื่องดื่มสาเก Tiger Prawn Salad (180 บาท) สลัดกุ้งเนื้อเด้งที่นำไปคลุกน้ำมันงาและพริกไทย

 

Mustard Hamachi (300 บาท) ปลาฮามาจิซาชิมิกับมัสตาร์ดก็กินเพลินไม่แพ้กัน เช่นเดียวกับ Chimichurri Hamachi (280 บาท) ที่เราชอบเป็นพิเศษ เพราะเนื้อปลาฮามาจิกินคู่กับซอสรสชาติสดชื่นและรากบัวทอดแล้วเข้ากันมาก แล้วยังมี Hotate Truffle Carpaccio (420 บาท) โฮตาเตะกับทรัฟเฟิลออยล์และ Leberwurst Toast (220 บาท) โทสต์ตับบดเค็มๆ มันๆ ที่แทรกด้วยความหวานจากหอมผัด ซึ่งเป็นเมนูเด็ดของร้านเช่นกัน

 

Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 9 Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม 10

 

Good for

 

ใครกำลังหาร้านแฮงเอาต์จิบสาเกหรือค็อกเทลในย่านสีลม เราว่าที่นี่เป็นตัวเลือกที่ไม่แย่เลย เพราะ Bar Nikori เปิดอยู่ในโครงการบ้านสีลมที่มาพร้อมทั้งที่จอดรถ บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง แถมทุกคนไม่ต้องไปไหนไกลจากย่านที่ทำงานด้วย ใครเป็นคนชอบดื่มสาเกหรือเป็นเพื่อนที่รักค็อกเทลอย่าลืมแวะมาลอง

 

@bar.nikori

Open: วันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

Address: โครงการบ้านสีลม ซอยสีลม (BTS สุรศักดิ์)

Budget: 1,000-2,000 บาท

The post Bar Nikori จุดรวมตัวคนอยากแฮงเอาต์จิบสาเกย่านสีลม appeared first on THE STANDARD.

]]>