LIFE | BODY & MIND – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Fri, 11 Jul 2025 12:28:20 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 Wellness Guide: เติมเต็มชีวิตที่ใช่ ด้วยสุขภาพที่ดีฉบับ โมเม-นภัสสร บุรณศิริ https://thestandard.co/life/wellness-guide-momay-napassorn Fri, 11 Jul 2025 12:28:20 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1095571

โมเม-นภัสสร บุรณศิริ หนึ่งในบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์และคอนเ […]

The post Wellness Guide: เติมเต็มชีวิตที่ใช่ ด้วยสุขภาพที่ดีฉบับ โมเม-นภัสสร บุรณศิริ appeared first on THE STANDARD.

]]>

โมเม-นภัสสร บุรณศิริ หนึ่งในบิวตี้อินฟลูเอนเซอร์และคอนเทนต์ครีเอเตอร์สายบิวตี้อันดับต้นๆ ของเมืองไทย รวมถึงการเป็นนักร้องและพิธีกรที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมาอย่างยาวนาน เธอไม่เพียงแต่เป็นที่รู้จักในบทบาทผู้เชี่ยวชาญด้านความงามเท่านั้น แต่เธอยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนในเรื่องของการดูแลตัวเองเพื่อสุขภาพที่ดี THE STANDARD LIFE จึงขอชวนผู้อ่านทุกคนที่ชื่นชอบในตัวตนของเธอมาถอดรหัสเคล็ดลับและประสบการณ์ตรงที่เธอยินดีมาแบ่งปัน เพื่อเป็นหนึ่งในแรงบันดาลใจเล็กๆ ที่อาจทำให้คุณอยากลุกขึ้นมาปรับปรุงไลฟ์สไตล์บางอย่างที่จะนำมาซึ่งสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน

 


 

การกินอยู่คือพื้นฐานของสุขภาพที่ดี

 

โมเมเริ่มต้นด้วยการเน้นย้ำถึงความสำคัญของการกินที่ดี เธอเผยว่าช่วงนี้พยายามทานอาหารให้ดีขึ้นเป็นพิเศษ เนื่องจากการก้าวเข้าสู่ช่วงวัยที่ต้องใส่ใจสุขภาพมากยิ่งขึ้น



“ตอนนี้โมเมพยายามจะทานอาหารให้ดีขึ้นค่ะ เพราะปลายปีนี้จะถึงวัยที่ควรต้องพบแพทย์บ่อยขึ้นแล้ว รู้สึกว่าพออายุมากขึ้น ถ้าทานไม่ดีจะเห็นผลเร็วมาก ทั้งทางผิวพรรณและรูปร่าง ซึ่งเรื่องของอาหารการกินในช่วงนี้ สิ่งที่เน้นเป็นพิเศษเลยคือการทานผักให้มากขึ้น ตอนนี้อินกับการทานผักมาก ปกติเป็นคนทานผักน้อยมาตลอด และโชคดีที่ระบบขับถ่ายดีมาตลอดเลยไม่เคยคิดว่าจำเป็น แต่พออายุมากขึ้น ผักกลายเป็นสิ่งจำเป็นมาก จึงพยายามทานผักหลายสีมากขึ้น และชอบผักย่างเป็นพิเศษ เพราะรู้สึกว่ามันไม่น่าเบื่อเท่าผักสดหรือสลัดที่บางทีต้องพึ่งเดรสซิ่งเยอะ การย่างทำให้ฟินกว่าค่ะ”

 

เมนูอาหารเฮลตี้ที่ทำทานเองบ่อย

 

“ชอบทำอาหารทานเองค่ะ เพราะสามารถคุมปริมาณแคลอรีได้ง่ายที่สุด ช่วงที่ผ่านมาโมเมจะทำพวกของย่างหรืออบ เช่น แซลมอนอบ กุ้งย่าง ทานกับผักย่าง แต่ก็ยังทานคาร์โบไฮเดรตนะคะ ไม่ได้ตัดทิ้งไปเลย 100% เพราะรู้สึกว่าร่างกายยังต้องการคาร์โบไฮเดรต ไม่อย่างนั้นเราจะอารมณ์เสียได้ แต่จะลดปริมาณลงมาให้เหมาะสมค่ะ”

 

ออกกำลังกายสร้างวินัยและสุขภาพใจ

 

นอกจากการกินแล้ว การออกกำลังกายก็เป็นสิ่งที่โมเมให้ความสำคัญ เธอเผยว่าช่วงนี้อินกับการเล่น CURVE ซึ่งเป็นสถานที่ออกกำลังกายที่เธอคุ้นเคยและให้ผลลัพธ์ที่ดีทั้งคาร์ดิโอและการโฟกัสเฉพาะส่วน


“ช่วงนี้จะอินกับการเล่น CURVE ค่ะ เป็นสถานที่ที่ออกกำลังกายมาตลอดอยู่แล้ว รู้สึกว่าได้ทั้งออกกำลังทั้งคาร์ดิโอและได้โฟกัสเฉพาะจุดไปด้วย แต่การวิ่งลู่หรือเดินลู่ก็ยังทำอยู่บ้างเหมือนกันค่ะ”   

 

ฝึกสมาธิและใส่ใจจิตใจตนเอง

 

ในด้านสุขภาพใจ โมเมมีวิธีง่ายๆ ในการฝึกสมาธิไม่ว่าจะเป็นการพึ่งพาสมาร์ตวอตช์หรือการฝึกเรื่องลมหายใจ



“ตอนนี้สิ่งที่ทำมากที่สุดคือตั้ง Apple Watch ให้เตือนว่าต้อง Breathe (หายใจ) จริงๆ เราไม่ใช่คนที่นั่งสมาธินานๆ ได้ แต่เขาบอกว่าการนั่งสมาธิไม่จำเป็นต้องทำเป็นชั่วโมง แค่มีเวลาอยู่กับตัวเองสัก 3-5 นาที ก็ถือเป็นการกลับมาศูนย์รวมจิตใจของเราได้ดีขึ้นแล้ว โมเมจะพยายามตั้งเตือน เพราะบางทีทำงานนานๆ แล้วเราไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้ ก็จะตั้งเป็นเหมือนการแจ้งเตือนว่าถึงเวลาแล้วที่เธอต้องพักหายใจสักแป๊บ ออกไปมองใบไม้ใบหญ้าบ้างแทนที่จะมองหน้าจออะไรแบบนี้ค่ะ ก็ช่วยได้เยอะเลย”  

 

เปลี่ยนนิสัยเล็กๆ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น

 

“ถ้าถามว่าอะไรที่ทำตอนเช้ากับก่อนนอนแล้วรู้สึกชีวิตดีขึ้นมากๆ คือการเอาโทรศัพท์ไปไว้ไกลๆ ค่ะ โมเมจะเอาโทรศัพท์ไปชาร์จที่อื่นที่ไม่ใช่หัวเตียง แล้วกลับมาใช้นาฬิกาปลุกจริงๆ ที่ไม่ใช่โทรศัพท์มือถือ เพราะรู้สึกว่าพอเราใช้โทรศัพท์มือถือเป็นนาฬิกาปลุก สิ่งแรกที่เราหยิบคือมือถือเลย แล้วมันก็วุ่นวายตั้งแต่ตื่นเลย บางทีนอนหลับยาก เพราะยังคิดอะไรอยู่ เห็นมือถือวางอยู่ก็ไม่จบ อันนี้เรียนรู้ตอนไปทริป Longevity กับ แบรนด์ Estée Lauder แล้วได้ทำแบบนี้จริงๆ ก็รู้สึกว่า ‘อ๋อ ความสงบเป็นแบบนี้นี่เอง’”

 

กลิ่นบำบัดเพื่อการผ่อนคลาย

 

สุดท้ายโมเมยังแบ่งปันเคล็ดลับการผ่อนคลายด้วยกลิ่น เธอชอบกลิ่นที่ไม่เข้มมาก เป็นกลิ่นสบายๆ ที่มีความเป็นธรรมชาติที่ช่วยให้รู้สึกสงบและผ่อนคลายได้เป็นอย่างดี
“โมเมจะชอบแนวกลิ่นที่ไม่เข้มมากค่ะ เป็นกลิ่นสบายๆ อาจจะเป็นอะไรที่มีความหอมแบบธรรมชาติ จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นคนชอบลาเวนเดอร์ขนาดนั้น เลยจะเน้นไปทางกลิ่นที่เป็นกลิ่นชา ชอบกลิ่นที่เป็นแบบ Tea-based อะไรแบบนั้น เพราะมันเชื่อมโยงกับการดื่มชาที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ด้วย”

 

เรื่องราวและเคล็ดลับจาก “โมเม-นภัสสร บุรณศิริ” แสดงให้เห็นว่าการดูแลสุขภาพที่ดีไม่จำเป็นต้องซับซ้อน แต่เริ่มต้นได้จากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกทานอาหารที่ดี การออกกำลังกาย การใส่ใจจิตใจ หรือแม้กระทั่งการจัดการสิ่งเร้ารอบตัว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะนำไปสู่ชีวิตที่มีคุณภาพและมีความสุขอย่างแท้จริง แต่ละวิธีที่เธอแบ่งปันล้วนมีประโยชน์และนำไปปรับใช้หรือทำตามกันได้ง่ายๆ ในชีวิตประจำวัน อย่าลืมไปลองทำดูนะ

 

ภาพ: Courtesy of COS

The post Wellness Guide: เติมเต็มชีวิตที่ใช่ ด้วยสุขภาพที่ดีฉบับ โมเม-นภัสสร บุรณศิริ appeared first on THE STANDARD.

]]>
แพทย์ชี้กินกีวีวันละ 2 ผล ติดต่อกัน 1 เดือน สุขภาพลำไส้จะดีขึ้น https://thestandard.co/life/kiwi-2-fruits-daily-improve-gut-health Thu, 10 Jul 2025 07:45:50 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1095154 ภาพกีวีเขียวสดหั่นครึ่ง 2 ผล วางในจานไม้ สื่อถึงผลไม้เพื่อสุขภาพลำไส้ที่แนะนำโดยแพทย์

หากคุณกำลังมองหาวิธีธรรมชาติในการปรับสมดุลลำไส้และบรรเท […]

The post แพทย์ชี้กินกีวีวันละ 2 ผล ติดต่อกัน 1 เดือน สุขภาพลำไส้จะดีขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
ภาพกีวีเขียวสดหั่นครึ่ง 2 ผล วางในจานไม้ สื่อถึงผลไม้เพื่อสุขภาพลำไส้ที่แนะนำโดยแพทย์

หากคุณกำลังมองหาวิธีธรรมชาติในการปรับสมดุลลำไส้และบรรเทาอาการท้องผูก ข่าวดีคือคุณอาจพบคำตอบในผลไม้สีเขียวขนาดเล็กอย่างกีวี (kiwi) ซึ่งจากบทความใน The Washington Post ระบุว่าแพทย์ระบบทางเดินอาหารแนะนำว่าให้กินกีวีวันละสองลูกเพื่อสุขภาพลำไส้ที่ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้งานวิจัยทางคลินิกจาก American Journal of Gastroenterology (2022–2023) ก็ยังยืนยันด้วยว่า การกินกีวีเขียว 2 ผล/วัน เป็นเวลา 4 สัปดาห์ สามารถช่วยเพิ่มครั้งของการขับถ่ายอย่างเหมาะสม และลดอาการท้องผูกอย่างมีนัยสำคัญ

 

ทำไมกีวีถึงเทพขนาดนี้? เพราะมันเป็นซูเปอร์ฟรุตที่มีใยอาหารพิเศษที่ดูดซับน้ำได้เก่ง ทำให้อุจจาระนิ่มขึ้น พร้อมเอนไซม์ “แอคตินิดิน” (Actinidin) ที่ช่วยย่อยโปรตีนและกระตุ้นการขับถ่าย ที่พิเศษกว่าคือแอคตินิดินเป็นเอนไซม์โปรติโอไลติกที่พบมากในกีวีสีเขียว ทำงานได้ดีในการช่วยย่อยอาหาร ทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวดีขึ้น ลดอาการท้องอืดหลังกินโปรตีน และยังกระตุ้นตัวรับในลำไส้ใหญ่ (Receptors คือโปรตีนเฉพาะบนผิวเซลล์หรือลอยอยู่ในเซลล์ ที่ทำหน้าที่จับกับสารสื่อ (ligand) เช่น ฮอร์โมน, สารอาหาร, หรือสารจากแบคทีเรียในลำไส้) ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้นสิ่งที่น่าตื่นเต้นคือ กีวียังทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติกธรรมชาติ เลี้ยงแบคทีเรียดีในลำไส้ให้แข็งแรง ส่งผลดีต่อระบบภูมิคุ้มกันด้วย นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินซี โพลีฟีนอล และฟลาโวนอยด์ ช่วยลดการอักเสบในลำไส้ แทนที่จะซื้อโปรไบโอติกแพงๆ ลองเริ่มจาก 2 ลูกกีวีต่อวันก่อน ง่าย ธรรมชาติ และหากินได้ง่ายในบ้านเราด้วยนะ

 

ภาพ: Shutterstock

อ้างอิง

The post แพทย์ชี้กินกีวีวันละ 2 ผล ติดต่อกัน 1 เดือน สุขภาพลำไส้จะดีขึ้น appeared first on THE STANDARD.

]]>
อัปเดตเทรนด์ทรงผมยุคใหม่กับ Shark FlexStyle™ ที่เน้นเปลี่ยนลุคได้ไม่ซ้ำวัน https://thestandard.co/life/shark-flexstyle Tue, 08 Jul 2025 06:00:04 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1094170

การมีทรงผมแบบเดียวทุกวันเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะผู้หญิง […]

The post อัปเดตเทรนด์ทรงผมยุคใหม่กับ Shark FlexStyle™ ที่เน้นเปลี่ยนลุคได้ไม่ซ้ำวัน appeared first on THE STANDARD.

]]>

การมีทรงผมแบบเดียวทุกวันเป็นเรื่องน่าเบื่อ เพราะผู้หญิงยุคนี้ต้องการความหลากหลายและพร้อมปรับเปลี่ยนลุคให้เข้ากับทุกโอกาส ไม่ว่าจะเป็นวันทำงาน วันเที่ยว หรือวันพิเศษ การเลือกไอเท็มตัวช่วยที่สามารถเปลี่ยนและจัดการทรงผมได้หลากหลาย จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้คุณสามารถสร้างสรรค์ทรงผมใหม่ๆ ได้อย่างสนุกสนานและไร้ขีดจำกัด LIFE จึงขอพาผู้อ่านไปอัปเดตเทรนด์ทรงผมยุคใหม่กับ Shark FlexStyle™ ที่ร้าน Prinesalon ซาลอนน่ารักๆ สไตล์โฮมมี่ในย่านอารีย์ ไปดูกันว่ามีเทรนด์ไหนที่เหมาะกับคุณบ้าง?

 


 

1. ผมตรงเงางาม สวยดูแพง (Sleek and Chic Straight)

 

แม้เทรนด์ผมตรงจะดูเรียบง่าย แต่ความจริงแล้วผมตรงที่สวยสมบูรณ์แบบคือผมที่ดูมีน้ำหนัก เงางาม ไม่ชี้ฟู เหมาะสำหรับทุกโอกาส ไม่ว่าจะวันทำงานที่ต้องการลุคเนี้ยบ หรือวันสบายๆ ที่อยากได้ความเรียบหรู ผมตรงเงางามยังช่วยขับให้ใบหน้าดูโดดเด่นและทันสมัยอีกด้วย

 

2. ผมสั้นชิคๆ มีวอลลุ่ม (Short and Voluminous Chic)

 

ใครว่าผมสั้นน่าเบื่อ? เทรนด์ผมสั้นที่มีวอลลุ่มกำลังมาแรงสุดๆ ผมสั้นที่จับวอลลุ่มเล็กน้อยจะช่วยให้ลุคดูสดใส มีชีวิตชีวา และดูเด็กลง เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการความคล่องตัวและไม่กลัวที่จะลองอะไรใหม่ๆ การเพิ่มวอลลุ่มให้ผมสั้นยังช่วยให้ทรงผมดูมีมิติ ไม่ลีบแบน ทำให้คุณมั่นใจได้ในทุกการเคลื่อนไหว

 

3. ผมม้วนลอนสวยหวานเป็นธรรมชาติ (Effortless Natural Curls)

 

ลอนผมที่ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งทื่อ คือเทรนด์ที่สาวๆ หลายคนหลงรัก ไม่ว่าจะเป็นลอนคลายๆ แบบ Beach Waves หรือลอนใหญ่ที่ดูพลิ้วไหว การทำผมลอนช่วยเพิ่มความหวานละมุนให้กับใบหน้า ทำให้ลุคดูซอฟต์และน่ารักขึ้น เทรนด์นี้ยังเหมาะสำหรับวันที่อยากได้ลุคที่ดูสบายๆ แต่ยังคงความสวยงามและมีสไตล์

 

รู้จัก Shark FlexStyle™ ไอเท็มคู่ใจของสาวยุคใหม่ที่รักการดูแลเส้นผม

 

การจะเปลี่ยนทรงผมได้หลากหลายและคงไว้ซึ่งสุขภาพเส้นผมที่ดีนั้น ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ Shark FlexStyle™ คือนวัตกรรมที่ตอบโจทย์สาวยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อุปกรณ์เป่าผมและจัดแต่งทรงผม 2-in-1 นี้ออกแบบมาเพื่อช่วยให้คุณสร้างสรรค์ทรงผมต่างๆ ได้อย่างมืออาชีพที่บ้าน โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผมเสียจากความร้อน

 

ทำไม Shark FlexStyle™ จึงเป็นตัวช่วยที่ใช่?

 

เปลี่ยนจากเครื่องเป่าเป็น Multi-Styler ได้ในพริบตา ด้วยดีไซน์ที่สามารถหมุนเปลี่ยนฟังก์ชันได้อย่างง่ายดาย คุณสามารถเปลี่ยนจากเครื่องเป่าผมทรงพลังไปเป็นอุปกรณ์จัดแต่งทรงผมอเนกประสงค์ได้ทันที ทำให้การเปลี่ยนลุคเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็ว

 

  • เป่าผมแห้งเร็ว ไม่ทำร้ายผม ด้วยแรงเป่าอันทรงพลังและน้ำหนักเบาเพียง 700 กรัม ทำให้ผมแห้งเร็วในเวลาไม่เกิน 5 นาที ที่สำคัญคือมีการควบคุมอุณหภูมิ 1,000 ครั้งต่อวินาที เพื่อให้มั่นใจว่าอุณหภูมิคงที่และไม่ทำให้ผมเสียจากความร้อน

 

  • ผลลัพธ์ระดับซาลอน มาพร้อมหัวจัดแต่งทรงผมที่แตกต่างกัน 4 หัว ช่วยให้คุณจัดแต่งทรงผมได้หลากหลาย เพื่อผลลัพธ์ที่เงางาม ไม่ว่าจะเป็นการม้วนลอน เพิ่มวอลลุ่ม หรือทำให้ผมเรียบลื่น เสมือนเพิ่งออกมาจากซาลอน

 

  • เหมาะสำหรับทุกสภาพผม (For All Hairkind™) ไม่ว่าคุณจะมีผมตรง ผมหยักศก หรือผมหยิก Shark FlexStyle™ ก็สามารถเนรมิตทรงผมสวยให้คุณได้อย่างไร้ที่ติ

 

มาดูกันว่า Shark FlexStyle™ ช่วยจัดแต่งทรงผมแต่ละเทรนด์ได้อย่างไร?

 

สำหรับผมตรงเงางาม (Sleek and Chic Straight) ใช้ Frizz Fighter ที่ปรับผมให้เรียบลื่นโดยอัตโนมัติ ช่วยจัดการผมชี้ฟูและผมแตกปลาย พร้อมมอบความเงางามขั้นสุดสำหรับลุคผมตรง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสภาพอากาศชื้นในประเทศไทย

 

สำหรับผมสั้นชิคๆ มีวอลลุ่ม (Short and Voluminous Chic)  ใช้ Round Brush ที่มีขนแปรงหมูป่าและไนลอน ซึ่งเหมาะสำหรับการแต่งทรงผมวอลลุ่ม และจัดแต่งทรงผมชี้ฟูให้เรียบลื่น เงางามขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

 

สำหรับผมม้วนลอนสวยหวานเป็นธรรมชาติ (Effortless Natural Curls)  ใช้ Auto Wrap Curlers ที่มาพร้อมเทคโนโลยี Coanda ช่วยม้วนผมหรือทำผมลอนได้อย่างง่ายดายภายในไม่กี่วินาที โดยไม่ต้องใช้ความร้อนสูง จึงไม่ทำร้ายเส้นผม

 

The post อัปเดตเทรนด์ทรงผมยุคใหม่กับ Shark FlexStyle™ ที่เน้นเปลี่ยนลุคได้ไม่ซ้ำวัน appeared first on THE STANDARD.

]]>
จะรักหรือจะหลอก? ชวนส่อง 7 Red Flag สัญญาณอันตรายจากคนคุยในแอปหาคู่ https://thestandard.co/life/dating-app-red-flags-relationship-warning-signs Mon, 07 Jul 2025 09:41:30 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1093842 แอปหาคู่

ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง แต่ก็ไม่เจอใครในชีวิตจริงจนต้องลองป […]

The post จะรักหรือจะหลอก? ชวนส่อง 7 Red Flag สัญญาณอันตรายจากคนคุยในแอปหาคู่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
แอปหาคู่

ไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง แต่ก็ไม่เจอใครในชีวิตจริงจนต้องลองปัดแอป นี่อาจเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นสำหรับใครหลายคนที่มองหาความสัมพันธ์ในยุคปัจจุบัน จะว่าไปการเดตในโลกออนไลน์ก็เหมือนการงมเข็มในมหาสมุทรอย่างหนึ่ง กว่าจะเจอคนที่เข้าตา กว่าจะเจอคนที่คุยกันถูกคอ เคมีได้ ไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน

 

ทว่าสิ่งที่แย่กว่าการไม่เจอใครเลยคือ การเจอคนที่คลิก…แต่กลับมีสัญญาณ ‘เอ๊ะ’ ด้วยคำพูดและการกระทำบางอย่างที่ทำให้คุณต้องกังวลและอึดอัดอยู่ตลอดเวลา ถ้าคุณกำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้ นั่นแปลว่าคุณกำลังเจอกับสัญญาณอันตราย (Red Flag) จากคนในจอแล้วล่ะ 

 

วันนี้เราเลยอยากชวนคุณมาลองเช็ก 7 Red Flag เด่นๆ จากการเดตคนในโลกออนไลน์ ถ้าคนคุยของคุณกำลังมีสัญญาณแบบนี้ ให้รีบถอยห่าง ก่อนที่จะเสียทั้งเวลา ความรู้สึก หรืออะไรที่มากกว่านั้น 

 

1. ไม่ขอคอนแทกต์ส่วนตัว

นี่คือสัญญาณแรกที่ชัดเจนที่สุด บทสนทนาในแอปที่คุณคุยกับเขาอาจจะสนุก ลื่นไหล ดูมีท่าทีที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ต่อได้ แต่เขากลับไม่เคยขอคอนแทกต์ส่วนตัวของคุณเลย หรือหากเป็นกรณีที่คุณชวนเขาไปคุยต่อในแพลตฟอร์มอื่น เขาก็จะมีท่าทางบ่ายเบี่ยงพร้อมข้ออ้าง

 

ถ้าเจอแบบนี้ให้สันนิษฐานไว้เลยว่าเขาต้องการแค่ให้คุณอยู่ในแอปหาคู่เท่านั้น ซึ่งเป็นช่องทางที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับคนประเภทนี้ หากวันหนึ่งเขาจะตัดสัมพันธ์ก็แค่ Unmatch หรือลบแอปทิ้ง ไม่มีอะไรที่จะสาวถึงตัวเขาได้ 

 

2. อ้างว่าไม่เล่นโซเชียล

การที่ใครคนหนึ่งบอกว่าไม่มีช่องทางโซเชียลมีเดียใดๆ เลย หรืออ้างว่า ‘ไม่เล่น’ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม มีโอกาสสูงมากที่เขากำลังปกปิดตัวตนที่แท้จริง ซึ่งเขาอาจมีแฟน แต่งงานแล้ว หรือกำลังคุยกับคนอื่นอีกหลายคน 

 

แม้จะมีบางคนที่ไม่เล่นโซเชียลจริงๆ ด้วยเหตุผลส่วนตัว เช่น เพื่อสุขภาพจิต, ไม่ชอบความวุ่นวาย แต่คุณควรสังเกตจากความสอดคล้องของพฤติกรรมโดยรวม เช่น หากมีการบ่ายเบี่ยงการวิดีโอคอลล์ นั่นยิ่งตอกย้ำว่ามีบางอย่างผิดปกติแน่  

 

3. บทสนทนาผิวเผิน ไม่ได้อยากรู้จักลึกซึ้ง

ถ้าบทสนทนาของคุณกับเขามันวนเวียนอยู่แค่คำถามง่ายๆ ทั่วไป เช่น “วันนี้ทำอะไร?”, “กินข้าวหรือยัง?” ไม่เคยถามถึงความรู้สึก ความคิดเห็น หรืออะไรที่ลึกซึ้ง นั่นแสดงว่าเขาไม่ได้สนใจที่จะทำความรู้จักตัวตนที่แท้จริงของคุณ และยิ่งถ้าคุณได้แชร์เรื่องราวของตัวเองไปแล้วเขากลับมาถามใหม่ คุณควรจะแยกให้ออกด้วยว่าเขาขี้ลืมหรือแค่ไม่ใส่ใจ  

 

4. คิดจะหายก็หาย คิดจะมาก็มา  

กำลังคุยกันดีๆ จู่ๆ เขาก็หายไปดื้อๆ ไม่ตอบข้อความใดๆ เป็นวันหรือหลายวัน แล้วก็กลับมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พฤติกรรม ‘Ghosting’ คือสัญญาณที่บอกว่าเขาไม่ให้ความสำคัญกับเวลาและความรู้สึกของคุณแม้แต่น้อย  เขาอาจแค่มองว่าความสัมพันธ์นี้เป็นเพียงเกม หรือเข้ามาหาคุณเมื่อรู้สึกเหงาและต้องการความสนใจชั่วคราวเท่านั้น  

 

5. พูดจาล่อแหลม 

หากเริ่มคุยกันได้ไม่นานแต่เขามีท่าทีชวนคุยเรื่องบนเตียง ชมรูปลักษณ์ของคุณในเชิงล่อแหลม หรือส่งภาพ ข้อความที่ไม่เหมาะสมมาให้ นี่คือ Red Flag ที่ห้ามมองข้ามเด็ดขาด

 

คนที่มองหาความสัมพันธ์ที่จริงจังจะให้ความเคารพในขอบเขตส่วนตัวของคุณ เขาจะไม่มุ่งเน้นไปที่ความสัมพันธ์ทางกายตั้งแต่แรกเริ่ม พฤติกรรมเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเขาสนใจคุณแค่ในมุมมองทางเพศเท่านั้น และไม่ให้เกียรติคุณในฐานะบุคคล

 

6. Love Bombing อย่างแรง

หากเขาหยอดคำหวานเสียจนมดแทบตอมทั้งรัง ทั้งที่เพิ่งคุยกันได้ไม่กี่วัน นั่นอาจเป็นแผนการเพื่อทำให้คุณรู้สึกพิเศษ หลงใหล และตกหลุมพรางอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะเริ่มควบคุมความสัมพันธ์ ซึ่งเชื่อเถอะว่าจุดจบของสถานการณ์แบบนี้ คนที่เจ็บจะเป็นคุณเอง 

 

7. พูดเรื่องปัญหาการเงินตั้งแต่ต้นๆ

หากเขาเริ่มเล่าเรื่องราวความทุกข์ยากทางการเงินของตัวเองตั้งแต่แรก และเริ่มขอความช่วยเหลือทางการเงินในรูปแบบต่างๆ ให้พึงระวังไว้เลยว่านี่อาจเป็น ‘Romance Scam’ มิจฉาชีพเหล่านี้จะใช้ความเห็นอกเห็นใจและความรู้สึกของคุณเป็นเครื่องมือในการสูบเลือดเนื้อจากคุณอย่างแนบเนียน เจอแบบนี้ ตั้งสติ ห้ามโอน แล้วตัดจบซะ

 

การเดตออนไลน์อาจเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความหวัง แต่ก็มีความเสี่ยงซ่อนอยู่ไม่น้อย การรู้จักสังเกตสัญญาณอันตรายเหล่านี้ และที่สำคัญคือ ไม่หลอกตัวเอง จะช่วยให้เราเซฟตัวเองจากคนที่ไม่หวังดี และเพิ่มโอกาสในการพบเจอความสัมพันธ์ดีๆ ที่จริงใจได้อย่างปลอดภัย

The post จะรักหรือจะหลอก? ชวนส่อง 7 Red Flag สัญญาณอันตรายจากคนคุยในแอปหาคู่ appeared first on THE STANDARD.

]]>
นวดฟื้นฟูผสานศาสตร์จักระฉบับแพทย์อายุรเวทโบราณที่ Aman Spa & Wellness https://thestandard.co/life/aman-spa-and-wellness Mon, 07 Jul 2025 06:00:06 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1093689

เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยการชวนผู้อ่านมารู้จักกับนิยามควา […]

The post นวดฟื้นฟูผสานศาสตร์จักระฉบับแพทย์อายุรเวทโบราณที่ Aman Spa & Wellness appeared first on THE STANDARD.

]]>

เริ่มต้นสัปดาห์ใหม่ด้วยการชวนผู้อ่านมารู้จักกับนิยามความสงบของธรรมชาติที่มาบรรจบกับศาสตร์การบำบัดไทยโบราณ ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ Aman Spa & Wellness ที่ออกแบบโดย Jean-Michel Gathy ผสานปรัชญา wabi-sabi ของญี่ปุ่นเข้ากับธรรมชาติของปาร์คนายเลิศ จากประสบการณ์ที่เราได้ไปลองสัมผัสกับทรีตเมนต์ซิกเนเจอร์ที่ผสมศาสตร์จักระและแพทย์อายุรเวทโบราณอย่าง Nourishing Massage Ritual ทำให้ค้นพบว่านี่แหละคือหมุดหมายแห่งใหม่ที่สายรักสุขภาพไม่ควรพลาด

 


 

What is it?

 

Aman Spa & Wellness แห่งนี้เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ครอบคลุมพื้นที่ 2 ชั้น ที่ชั้น 8 และ 10 ของโรงแรมอมัน นายเลิศ กรุงเทพ ด้วยแนวคิดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ที่ผสานการแพทย์สมัยใหม่เข้ากับภูมิปัญญาไทยโบราณ บริเวณชั้น 10 เป็นที่ตั้งของ Aman Spa ที่มีห้องทรีตเมนต์ส่วนตัว ซาลอนดูแลผมและเล็บ รวมถึง Banya Spa House สปาส่วนตัวแห่งแรกในกรุงเทพฯ ที่มาพร้อมห้องซาวน่าแบบดั้งเดิม ห้องอบไอน้ำ และสระน้ำร้อน-เย็น ส่วนชั้น 8 เป็นที่ตั้งของ Medical Wellness by Hertitude Clinic คลินิกเวชศาสตร์ความงาม 8 ห้องทรีตเมนต์ พร้อม IV Lounge และ Cryotherapy

 

 

Why Here?

 

สิ่งที่เป็นเหตุผลว่าทำไมจึงมาที่นี่ เพราะ Aman Spa & Wellness แตกต่างจากสปาทั่วไป เริ่มตั้งแต่ที่ตั้ง ซึ่งสปาแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางปาร์คนายเลิศที่มีอายุกว่าศตวรรษ การออกแบบโดย Jean-Michel Gathy ผู้ร่วมงานกับอมันมายาวนาน ได้ถ่ายทอดแรงบันดาลใจจากปรัชญา wabi-sabi ที่เน้น “ความเรียบง่ายที่ลุ่มลึก” ผสานเข้ากับความเป็นไทยอย่างลงตัว และยังมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์ด้านกลิ่นหอมของตัวเอง อย่างน้ำมันหอมระเหย 4 กลิ่นพิเศษ ที่ออกแบบตามหลักพรหมวิหารสี่ ได้แก่ เมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ซึ่งใช้ในทรีตเมนต์เพื่อการบำบัดที่สื่อถึงความสมดุลจากภายในอย่างแท้จริง

 

 

Try

 

การมาเยือน Aman Spa & Wellness ครั้งนี้ เราเลือกลองประสบการณ์ Nourishing Massage Ritual เป็นเวลา 90 นาที เมื่อก้าวเข้าสู่ห้องทรีตเมนต์ที่ตกแต่งด้วยโทนไม้อบอุ่น แสงไฟนุ่มนวล และกลิ่นหอมของน้ำมันหอมระเหยที่คัดสรรมาเป็นพิเศษ ความรู้สึกแรกคือความสงบที่แผ่ซ่านทันที เธอราปิสต์เริ่มด้วยการล้างเท้า กระตุ้นพลังงานภายในที่เรียกว่า “จุดมารมะ” ความรู้สึกเหมือนอยู่ในพิธีกรรมเล็กๆ อันศักดิ์สิทธิ์ตามศาสตร์อายุรเวทโบราณยังไงยังงั้นเลย เทคนิคการนวดผสมผสานระหว่างการนวดไทยโบราณกับศาสตร์อายุรเวท โดยเน้นการกดจุดมารมะซึ่งเป็นจุดพลังงานสำคัญ 107 จุดบนร่างกาย การสัมผัสที่ต่อเนื่องและลื่นไหลราวกับคลื่นน้ำ ช่วยปลดปล่อยความตึงเครียดจากกล้ามเนื้อส่วนลึก ไม่ใช่แค่การนวดผ่อนคลายทั่วไป แต่เป็นการบำบัดที่เชื่อมโยงร่างกายกับจิตใจ รู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของพลังงานที่ดีขึ้น และความสมดุลที่กลับคืนมา

 

 

Result

 

ผลลัพธ์หลังการนวด 90 นาที รู้สึกเหมือนได้รีเซ็ตทั้งร่างกายและจิตใจ ความเหนื่อยล้าและความเครียดที่สะสมหายไปจนแทบไม่เหลือ กล้ามเนื้อที่เคยตึงกลับมานุ่มนวล และที่สำคัญคือ “ความโปร่งใส” ของจิตใจที่รู้สึกได้อย่างชัดเจน ผิวพรรณเปล่งปลั่งจากน้ำมันหอมระเหยของอมัน กล้ามเนื้อผ่อนคลายลดอาการปวดเมื่อย จิตใจสงบรู้สึกสดชื่นมีพลังงานใหม่ และนอนหลับลึกสบายมากขึ้นในคืนแรกหลังทรีตเมนต์ เรามองว่า Nourishing Massage Ritual ที่ Aman Spa & Wellness ไม่ใช่แค่การนวดธรรมดา แต่เป็น “การเดินทางเพื่อค้นหาตัวเอง” ที่ทุกคนควรได้สัมผัสสักครั้ง เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ บางครั้งเราต้องหยุดพักและฟังเสียงจากภายในตัวเองบ้าง

 

 

ภาพ: Aman Spa & Wellness

 


 

Aman Spa & Wellness

Location

Aman Spa & Wellness ตั้งอยู่ที่ Aman Nai Lert Bangkok

Nourishing Massage Ritual 90 minutes เริ่มต้น 8,500 บาท

โทร 02 035 1111

Website: https://www.aman.com

The post นวดฟื้นฟูผสานศาสตร์จักระฉบับแพทย์อายุรเวทโบราณที่ Aman Spa & Wellness appeared first on THE STANDARD.

]]>
ส่องเทรนด์ Fart Walk เดินแล้วตด! แพทย์ยืนยันว่าดีต่อสุขภาพ https://thestandard.co/life/fart-walk-health-benefits Mon, 07 Jul 2025 00:08:50 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1093516 fart-walk-health-benefits

การเดิน “ผายลม” หรือ “Fart Walk” […]

The post ส่องเทรนด์ Fart Walk เดินแล้วตด! แพทย์ยืนยันว่าดีต่อสุขภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
fart-walk-health-benefits

การเดิน “ผายลม” หรือ “Fart Walk” ที่กำลังเป็นกระแสใหม่บนโซเชียลมีเดีย ได้รับการยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ว่าเป็นนิสัยที่ดีต่อสุขภาพจริง โดยช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและส่งเสริมการย่อยอาหาร ดร. เดวิด ดี. คลาร์ก ศาสตราจารย์คลินิกด้านระบบทางเดินอาหารจาก Oregon Health & Science University อธิบายว่า “การรู้สึกท้องอืดหลังมื้ออาหารเป็นเรื่องปกติ” โดยอาจเกิดจากการรับประทานมากเกินไป รับประทานเร็วเกินไป หรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแก๊ส การเดินหลังอาหารช่วยเพิ่มการบีบตัวของกล้ามเนื้อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวคล้ายคลื่นที่เรียกว่า peristalsis ช่วยให้แก๊สถูกขับออกมาในรูปของการเรอหรือผายลม

 

ประโยชน์หลากหลายเกินคาด ดร. ฌอว์น โคดาดาเดียน จาก Manhattan Gastroenterology ระบุว่า Fart Walk ไม่เพียงช่วยบรรเทาอาการท้องอืดและแก๊ส แต่ยังส่งเสริมการเคลื่อนไหวของลำไส้ ช่วยให้กระเพาะอาหารว่างเร็วขึ้น และลดระยะเวลาที่กรดอยู่ในกระเพาะอาหาร การเดินหลังอาหารยังช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันน้ำหนักเพิ่มขึ้น ปรับปรุงการไหลเวียนโลหิต ลดความดันโลหิต และดีต่อสุขภาพหัวใจโดยรวม 

 

การเดิน Fart Walk ยังมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีโรคลำไส้แปรปรวน (IBS) และกลุ่มอาการเมตาบอลิก การศึกษาแสดงให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวโดยทั่วไปสามารถลดความรู้สึกของแก๊สและท้องอืดในผู้ป่วย IBS ได้ นอกจากนี้ ยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวาน เนื่องจากช่วยให้กล้ามเนื้อดึงน้ำตาลในเลือดออกไป ลดความจำเป็นในการหลั่งอินซูลินโดยตับอ่อน 

 

อีกหนึ่งไฮไลต์คือส่งผลดีต่อสุขภาพจิตด้วยนะ เพราะการเดินออกกำลังชิลล์ๆ ช่วยลดความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้าเล็กน้อย โดยการลดระดับคอร์ติซอล ปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับ และเพิ่มระดับสารเคมี เช่น เอนดอร์ฟิน โดพามีน และเซโรโทนิน ในร่างกาย ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เดินเบาถึงปานกลางอย่างน้อย 4-5 นาที ภายในหนึ่งชั่วโมงหลังรับประทานอาหาร หากเดินได้นานกว่านั้นจะดีกว่า โดยเป้าหมายคือการเดิน 30-60 นาทีในเกือบทุกวันของสัปดาห์ นี่คือหนึ่งในไม่กี่เทรนด์โซเชียลมีเดียที่ได้รับการสนับสนุนจากแพทย์ เป็นการพิสูจน์ว่าบางครั้งสิ่งง่ายๆ ที่เราทำได้ทุกวัน กลับมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่าที่คิด


อ้างอิง:

The post ส่องเทรนด์ Fart Walk เดินแล้วตด! แพทย์ยืนยันว่าดีต่อสุขภาพ appeared first on THE STANDARD.

]]>
ถอดมายด์เซ็ต Scarlett Johansson “สวยสุขภาพดี ต้องมีวินัยและบาลานซ์” https://thestandard.co/life/scarlett-johansson-health-balance Sat, 05 Jul 2025 00:00:43 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1093049 scarlett-johansson-health-balance

Scarlett Johansson พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการดูแลสุขภาพแบ […]

The post ถอดมายด์เซ็ต Scarlett Johansson “สวยสุขภาพดี ต้องมีวินัยและบาลานซ์” appeared first on THE STANDARD.

]]>
scarlett-johansson-health-balance

Scarlett Johansson พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมมันไม่ใช่เรื่องยากขนาดนั้น ถ้าเรารู้จักหา “บาลานซ์” ที่ใช่ของตัวเอง และหัวใจสำคัญอยู่ที่ “วินัย” ล้วนๆ โดยเธอเปิดเผยใน Eat This, Not That ว่าเธอให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพแบบ 360 องศา ทั้งร่างกายและจิตใจ สุขภาพดีที่แท้จริงมันไม่ได้วัดกันแค่ตัวเลขบนตาชั่ง หรือรูปร่างที่เป๊ะปัง แต่คือความรู้สึก “ดีจากข้างใน” ที่มันเปล่งประกายออกมาต่างหาก

 

อย่างแรกคือการปรับสมดุลอย่างมีวินัย ไม่ได้แปลว่าต้องเข้มงวดกับตัวเองจนทรมาน แต่เธอเลือกที่จะเน้นกินอาหารที่มีประโยชน์ (เน้นกินผักผลไม้หลากสี) ควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่พอเหมาะ แนวคิดนี้มันตรงข้ามกับเทรนด์ลดน้ำหนักสุดโหด หรือการออกกำลังกายแบบหักโหมที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในฟีด การรักษาสมดุลหมายถึงการที่เราต้องให้ความยืดหยุ่นกับตัวเองบ้าง อนุญาตให้ตัวเองได้เอนจอยกับอาหารที่ชอบในบางโอกาส แต่ก็ยังคงมีวินัยในการเลือกสิ่งดีๆ ให้กับร่างกายเป็นหลัก

 

เรื่องอาหารการกินของ Scarlett Johansson มีหลักการที่เรียบง่ายแต่ได้ผลดีเกินคาด. เธอเน้นกินอาหารที่สดใหม่และมีประโยชน์ เธอชอบอาหารที่ปรุงเองที่บ้านมากๆ และพยายามจะหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปให้ได้มากที่สุด การทำอาหารเองที่บ้านมันมีข้อดีคือสามารถควบคุมคุณภาพของวัตถุดิบได้เต็มที่ ลดปริมาณสารเคมีและสารกันบูดที่มักเจอในอาหารแปรรูปได้ด้วย แถมยังสร้างความผูกพันกับอาหารที่เรากินอีกด้วย

 

อีกหนึ่งสิ่งสำคัญคือการดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอในแต่ละวัน ซึ่งเป็นพื้นฐานของสุขภาพดีที่หลายคนมักจะมองข้ามไปเลย น้ำไม่เพียงช่วยในการขับถ่ายนะ แต่ยังช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง และระบบการทำงานของร่างกายเป็นปกติด้วยนะ แม้จะไม่ได้เจาะจงชนิดอาหารแบบละเอียดยิบ แต่โดยหลักการแล้ว อาหารที่เธอเน้นคืออาหารที่มาจากธรรมชาติ ไม่ผ่านการแปรรูปมากนัก เช่น ผัก ผลไม้ โปรตีนไม่ติดมัน และธัญพืชเต็มเมล็ด ซึ่งเป็นพื้นฐานของการกินเพื่อสุขภาพที่ดีแบบไม่มีข้อสงสัยเลย.

 

นอกจากนี้ยังเน้นการออกกำลังกาย ไม่ใช่แค่เบิร์นแคลอรี่ แต่ช่วยฮีลใจด้วย สำหรับ Scarlett Johansson การออกกำลังกายคือพาร์ทสำคัญในชีวิต เธอเชื่อว่าการออกกำลังกายไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง ลดความเครียดได้เป็นอย่างดีเลยแหละ การออกกำลังกายมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนความสุข (เอ็นดอร์ฟิน) ที่ช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้น ลดความวิตกกังวล และเพิ่มความมั่นใจ นอกจากนี้ยังช่วยให้เรามีพลังงานล้นเหลือ พร้อมลุยทุกกิจกรรมตลอดวัน

 

สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นจากแนวทางของ Scarlett Johansson คือการที่เธอเข้าใจดีว่าสุขภาพจิตมันโคตรสำคัญไม่แพ้สุขภาพกายเลยนะ เธออาจจะใช้เวลาทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลายความเครียด เช่น การใช้เวลากับคนที่รัก การทำสมาธิ หรือการทำกิจกรรมที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษ การดูแลสุขภาพจิตมันไม่ใช่เรื่องฟุ่มเฟือย แต่มันคือความจำเป็นต่างหาก ความเครียดที่สะสมสามารถส่งผลเสียต่อร่างกายได้มหาศาล ตั้งแต่การนอนไม่หลับ ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ไปจนถึงโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับความเครียดได้เลย

 

ในช่วงเวลาที่ตารางงานยุ่งเหยิงและกดดันสุดๆ Scarlett Johansson ก็ยังแสดงให้เห็นว่าแม้จะต้องทำงานหนักแค่ไหน มีตารางงานแน่นเอี๊ยด แต่เธอก็ยังคงพยายามรักษาวินัยในการดูแลสุขภาพอย่างไม่ลดละ วินัยต้องมาก่อน เธออาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกาย หรือการกินให้เข้ากับสถานการณ์ แต่ยังคงโฟกัสที่การรักษาสมดุล และดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ นี่คือการแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นที่สำคัญนะ. เมื่อชีวิตมันไม่เป็นไปตามแผน เราก็ไม่ควรยอมแพ้การดูแลตัวเองไปซะหมด แต่ควรปรับแผนให้มันเข้ากับสถานการณ์จริง นอกจากการดูแลสุขภาพกายและใจแล้ว เธอยังให้ความสำคัญกับการดูแลผิวพรรณเป็นอย่างดี เธอใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ The Outset ของตัวเองในการดูแลผิวพรรณให้สุขภาพดีอยู่เสมอ การใช้สกินแคร์ที่ดีต่อผิวไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวดูสดใส แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลตัวเองแบบองค์รวมที่ช่วยเสริมความมั่นใจและความรู้สึกดีต่อตัวเอง 

 

ภาพ: The Outset/ IG

The post ถอดมายด์เซ็ต Scarlett Johansson “สวยสุขภาพดี ต้องมีวินัยและบาลานซ์” appeared first on THE STANDARD.

]]>
ทำสวนเล็กๆ ปลูกดอกไม้ เทรนด์ฮีลใจใหม่ของคนเมือง https://thestandard.co/life/urban-garden-mind-healing-trend Fri, 04 Jul 2025 02:49:34 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1092732 ตัวอย่างสวนเล็กของคนเมืองช่วยฮีลใจ เสริมสุขภาพจิตด้วยการปลูกต้นไม้และดอกไม้

คนเมืองยุคใหม่หันมาทำสวนเพื่อฮีลใจกันมากขึ้น เพราะช่วยล […]

The post ทำสวนเล็กๆ ปลูกดอกไม้ เทรนด์ฮีลใจใหม่ของคนเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
ตัวอย่างสวนเล็กของคนเมืองช่วยฮีลใจ เสริมสุขภาพจิตด้วยการปลูกต้นไม้และดอกไม้

คนเมืองยุคใหม่หันมาทำสวนเพื่อฮีลใจกันมากขึ้น เพราะช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุข และส่งเสริมสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้ง่ายๆ แม้มีพื้นที่จำกัด กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดความเครียด แต่ยังเป็นการออกกำลังกายทางอ้อมที่ดีเยี่ยม การทำสวนส่งผลดีต่อสุขภาพจิตอย่างคาดไม่ถึง เพราะการได้สัมผัสกับดิน แสงแดด และธรรมชาติ มีส่วนช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความเครียดได้ดีด้วย

 

การเคลื่อนไหวร่างกายเบาๆ ระหว่างทำสวนยังกระตุ้นการหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphins) ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีขึ้น การทำสวนยังช่วยสร้างสมาธิและการอยู่กับปัจจุบัน เพราะต้องอาศัยความใส่ใจในรายละเอียด ทำให้เราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ ละทิ้งความกังวลชั่วขณะ ช่วยให้จิตใจสงบลงได้ การได้เห็นสีเขียวของใบไม้ สีสันสดใสของดอกไม้ ได้กลิ่นหอมของดินและดอกไม้ ล้วนเป็นการกระตุ้นประสาทสัมผัส ทำให้เกิดความเพลิดเพลินและสดชื่น ที่สำคัญคือการได้เห็นต้นไม้ที่เราปลูกเติบโต ออกดอกออกผล เป็นความรู้สึกที่เติมเต็มและภาคภูมิใจ ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจในตนเองได้เป็นอย่างดี เพราะมนุษย์เรามีความต้องการพื้นฐานในการเชื่อมโยงกับธรรมชาติ (Biophilia) การได้กลับไปอยู่กับธรรมชาติแม้เพียงเล็กน้อย ก็ช่วยตอบสนองความต้องการนี้ ทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบใหญ่ และลดความรู้สึกโดดเดี่ยวลงได้

 

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ แพร-อมตา จิตตะเสนีย์ บิวตี้บล็อกเกอร์ชื่อดังที่ผันตัวมาทำสวนดาดฟ้าอย่างจริงจัง เธอได้แบ่งปันเรื่องราวและภาพสวนสวยๆ ที่เธอลงมือดูแลด้วยตัวเอง แสดงให้เห็นว่าพื้นที่เล็กๆ ก็สามารถสร้างโอเอซิสสีเขียวได้ การได้เห็นเธอสนุกกับการทำสวนและแบ่งปันความสุขนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้คนเมืองหลายคนอยากลองปรับวิถีชีวิต หันมาคลุกคลีกับธรรมชาติบ้าง ล่าสุด ยิปซี คีรติ มหาพฤกษ์พงศ์ ก็เริ่มต้นจากการอยากลองปลูกต้นไม้เป็นงานอดิเรกเพียงต้นเดียว แต่ด้วยความหลงใหลในการปลูกกุหลาบ ทำให้เธอมีแพสชันใหม่ๆ และตอนนี้ต้นกุหลาบของเธอก็เติบโตงอกงามมากมาย การได้เห็นดอกกุหลาบสวยๆ ที่ออกดอกเต็มต้น กลายเป็นความสุขใหม่ๆ ในชีวิตของเธอ ที่ส่งต่อพลังบวกให้กับผู้ติดตาม การทำสวนและปลูกดอกไม้จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราว แต่เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพกายและใจในระยะยาว สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีฮีลใจและลดความเครียด ลองเปิดใจให้ธรรมชาติเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ไม่แน่ว่าการได้สัมผัสกับดินและต้นไม้อาจเป็นคำตอบที่คุณตามหามาตลอดก็เป็นได้

 

ภาพ: Shutterstock

The post ทำสวนเล็กๆ ปลูกดอกไม้ เทรนด์ฮีลใจใหม่ของคนเมือง appeared first on THE STANDARD.

]]>
มิติใหม่แห่งการฟื้นฟูสมองและสุขภาพวัยผู้ใหญ่ที่ PYONG Rehabilitation Penthouse https://thestandard.co/life/pyong-rehabilitation-penthouse Thu, 03 Jul 2025 14:04:29 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1092678 PYONG Rehabilitation Penthouse

‘คุณภาพชีวิต’ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงความสุขภาพดีไร้โรค […]

The post มิติใหม่แห่งการฟื้นฟูสมองและสุขภาพวัยผู้ใหญ่ที่ PYONG Rehabilitation Penthouse appeared first on THE STANDARD.

]]>
PYONG Rehabilitation Penthouse

‘คุณภาพชีวิต’ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงความสุขภาพดีไร้โรค แต่คือการใช้ชีวิตในทุกช่วงวัยอย่างเต็มศักยภาพและเปี่ยมด้วยความหมาย อย่างไรก็ตามเราต่างเลี่ยงไม่ได้กับเงื่อนไขของร่างกายที่ต้องเปลี่ยนไปตามกาลเวลา และบางครั้งเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็นำมาซึ่งความเจ็บป่วยที่ได้แต่รอการฟื้นตัว 

 

จากจุดเริ่มต้นที่สั่งสมความเชี่ยวชาญในการดูแลอาการปวดและการฟื้นฟูระบบกระดูกและกล้ามเนื้อจนเป็นที่ไว้วางใจที่ PYONG Rehabilitation Clinic สู่การตั้งคำถามที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้คนก้าวข้ามกำแพงของข้อจำกัดเหล่านั้นไปได้ คำตอบได้ถูกนำเสนอผ่านบทใหม่ที่ถูกเขียนขึ้น ณ ใจกลางกรุงเทพฯ ที่ PYONG Rehabilitation Penthouse | Neurorehabilitation & Geriatrics ที่มอบมิติใหม่ให้กับการฟื้นฟูด้วยเทคโนโลยีระดับโลกร่วมกับความเข้าใจในมนุษย์เพื่อคืนความมั่นใจและศักยภาพในการใช้ชีวิตอีกครั้ง 

 

 

What is it?

 

PYONG Rehabilitation Penthouse เป็นคลินิกเวชศาสตร์ฟื้นฟูระบบประสาท (Neurorehabilitation) และเวชศาสตร์วัยผู้ใหญ่ (Geriatrics) บนชั้น 11 ของอาคารเกษรทาวเวอร์ นำทีมโดย หมอเปียง-นพ.กันตพงศ์ ทองรงค์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูที่คร่ำหวอดในวงการ ซึ่งได้ยกระดับแนวทางการฟื้นฟูแบบองค์รวมสู่คลินิกล้ำยุคที่มีเป้าหมายชัดเจนคือ ‘คืนคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยอย่างก้าวกระโดด’ ด้วยการทำงานร่วมกันของทีมแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูกับทีมสหวิชาชีพ (Transdisciplinary Team) แบบไร้รอยต่อบนปรัชญา Silver Age Playground ผ่านการบูรณาการเทคโนโลยีที่เหนือชั้นและบริการด้วยใจ

 

 

เพียงก้าวเข้ามาจะเห็นได้ว่าบรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเทสต์ดี มีระดับ ด้วยการตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างความ Conventional ในกลิ่นอายโบราณจากงานไม้ ตัดกับองค์ประกอบที่เป็น Geometric อย่างโคมไฟหรือโทนสีที่มีความโมเดิร์น ซึ่งเป็นความตั้งใจของคลินิกที่อยากให้ทุกคนที่ก้าวเข้ามาสัมผัสถึงความอบอุ่นและ Sensory ที่หลากหลาย

 

PYONG Rehabilitation Penthouse

 

“ที่นี่ไม่ใช่แค่รักษา แต่คือการ ‘ปิดลูปสุขภาพ’

โดยชั้นล่างเน้นการรักษาอาการปวดแบบเฉียบพลัน ทั้งการใช้เครื่องมือ ฉีดยา หรือบล็อกเส้นประสาท ในขณะที่ Penthouse เน้นการมองแบบภาพรวมเพื่อให้หายปวดตลอดไป เป็นการรักษาที่ระดับลึกขึ้นไปอีก เป็นการแก้ไขความผิดปกติของร่างกายโดยรวม เช่น คนที่ปวดบ่าเรื้อรัง พอมาตรวจด้วยเครื่องประเมิน Alignment อาจจะเจอว่ามีภาวะกระดูกสันหลังคด ซึ่งเป็นรากของปัญหาจริงๆ” หมอเปียงเสริม

 

 

นอกจากนี้แล้วจุดเด่นของที่นี่คือการเป็น One-Stop Service ที่มีทีมแพทย์เฉพาะทางหลายสาขา ทั้งหมอหัวใจ สมอง วัยผู้ใหญ่ รวมถึงนักกำหนดอาหารที่สามารถตรวจเลือดเพื่อวินิจฉัยโรคได้เหมือนโรงพยาบาล ไปจนถึงการตรวจ DNA เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคในอนาคต  

 

 

เรียกว่าการที่คุณเดินเข้ามาในเพนต์เฮาส์แห่งนี้ สิ่งที่คุณทำคือการทิ้งตัว แล้วทางคลินิกจะประเมินและวางแผนสิ่งที่เหมาะสมที่สุดให้เอง 

 

Experience

 

PYONG Rehabilitation Penthouse จะมีมิติการดูแล 3 ระดับ เริ่มจาก

 

ระดับที่ 1 ซึ่งเป็นการป้องกันเชิงรุกเพื่อการสูงวัยอย่างมีคุณภาพและการวิเคราะห์ชีวภาพเชิงลึกระดับโมเลกุล สิ่งที่เราต้องทำเป็นอันดับแรกคือ Advanced Full Body Analysis ผ่านการทำท่าทางตามที่เทอราปิสต์แนะนำ ไม่ว่าจะเป็นการยืนตัวตรง ยืนทรงตัวขาเดียว หรือยกแขนสูงสควอต

 

PYONG Rehabilitation Penthouse

 

ซึ่งทางคลินิกจะมีเทคโนโลยีที่สามารถถ่ายรูปร่างเรา แล้วประเมินโครงสร้าง ท่าทาง การทรงตัว รูปแบบการเคลื่อนไหว และการตรวจวิเคราะห์องค์ประกอบในร่างกายอย่างละเอียดได้ทันที 

 

 

นวัตกรรมสุดล้ำนี้อาจทำให้คุณช็อกกับสภาวะร่างกายที่คุณไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ความบิดเบี้ยวของกระดูกสันหลัง ระดับความตึงของกล้ามเนื้อ และส่วนที่กล้ามเนื้ออ่อนแอ เป็นต้น ข้อมูลในส่วนนี้ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการออกแบบโปรแกรมป้องกันเฉพาะบุคคล 

 

 

ระดับที่ 2 จะเป็นการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง และการจัดการความปวดอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็น Local Approach ที่ดูแลความปวดเฉพาะจุดอย่างแม่นยำโดยแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู ด้วยเทคโนโลยี เช่น PMS, Focused Shockwave, High Power Laser 

 

 

ในขณะที่ Global Approach จะเป็นการฟื้นฟูโครงสร้างร่างกายและการเคลื่อนไหวโดยนักกายภาพบำบัด เพื่อแก้ไขปัญหาความปวดในระยะยาว ซึ่งที่นี่ก็มียิมขนาดคอมแพกต์ที่มีอุปกรณ์ครบยันเครื่องพิลาทิส ถือว่าตอบโจทย์สำหรับใครที่อยากจัด Alignment ร่างกาย (เช่นเรา) เป็นอย่างยิ่ง 

 

 

ส่วนในระดับที่ 3 จะเป็นขีดสุดแห่งการฟื้นฟูที่งัดรวมความล้ำขั้นสุดมาไว้ด้วยกัน โดยมีแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูเป็นผู้นำทีม วางกลยุทธ์การรักษาเฉพาะบุคคลอย่างแม่นยำร่วมกับนักกายภาพบำบัด โดยประยุกต์ใช้หลักการ Neuroplasticity และ Biomechanics 

 

ไฮไลต์เรือธงของที่นี่คือ ‘ระบบหุ่นยนต์ช่วยฝึกเดิน’ (Wearable Exoskeletons) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยอัมพาตที่ไม่สามารถเดินได้ ให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง 

 

PYONG Rehabilitation Penthouse

 

เทคโนโลยีสุดล้ำนี้ถูกนำเข้าจากอิตาลี เป็นตัวแรกและตัวเดียวในประเทศไทย แถมยังมีราคาสูงลิ่วชนิดที่ซื้อรถผู้บริหารได้หลายคัน 

  

 

ทางเรามีโอกาสได้สัมผัสหุ่นยนต์ดังกล่าวแล้วต้องบอกว่ามันล้ำจริงๆ แต่ละก้าวมีความแม่นยำ ซึ่งเราเชื่อว่าผู้ป่วยที่ได้มีโอกาสมาลองฟื้นฟูด้วยตัวเองคงสัมผัสได้ถึงความหวังครั้งใหม่ได้ไม่น้อย 

 

 

นอกจากนี้ยังมีหุ่นยนต์ฝึกการใช้มือสำหรับผู้ป่วย Stroke ที่มือข้างหนึ่งอาจใช้งานไม่ได้ โดยผู้ป่วยจะสามารถใช้ข้างที่ยังดีอยู่เป็นแม่แบบ เพื่อให้อีกข้างที่เป็นอัมพาตขยับตาม 

 

 

อีกทั้งยังมีการฝึกร่วมกับนักกิจกรรมบำบัด (Occupational Therapists) ที่จะช่วยเป็นอีกแรงผลักดันในการฟื้นฟูความสามารถในการทำกิจวัตรประจำวัน ผ่านกิจกรรมบำบัดที่สร้างสรรค์และโปรแกรมเสริมสร้างการรับรู้ ซึ่งทั้งหมดนี้ถือเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยจากโปรแกรมการฟื้นฟูทั้งหมด 

 

 

Result

 

จากการได้ลองสัมผัสโปรโตคอลของทางคลินิกตั้งแต่สเต็ปแรกยันจบ เราสรุปได้ว่าที่นี่เป็นคลินิกที่มีความ Aggressive กับศาสตร์การรักษา ผ่านศาสตร์การฟื้นฟูและเทคโนโลยีที่คัดสรรมาอย่างดีที่สุด สามารถมาปิดลูปการรักษาได้ครบในที่เดียว

 

Good For

 

คนที่มองหาวิถีการฟื้นฟูสมองและร่างกายที่เข้าถึงง่าย 

สามารถเข้ามาใช้บริการได้บ่อยและนานเท่าที่ร่างกายไหวด้วยระบบ Subscription Model 

 

นอกจากนี้ยังเหมาะกับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำและอยากเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร่างกาย แก้สรีระให้ถูก รวมใครก็ตามที่อยากยกระดับคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นชนิดที่ไม่ต้องรอให้ถึงวันที่ร่างกายมีปัญหา  

 

 

PYONG Rehabilitation Penthouse

Open: ทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.

Address: 11th Floor, Gaysorn Tower 

Tel: 088 589 0935

Website: https://pyongrehab.com/

Instagram: https://www.instagram.com/pyongrehab/

Facebook: https://www.facebook.com/profile.php?id=61577066823410

Map: 

 

The post มิติใหม่แห่งการฟื้นฟูสมองและสุขภาพวัยผู้ใหญ่ที่ PYONG Rehabilitation Penthouse appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชวนสำรวจโชว์เคส Between Folds จาก Boundary x Ganda Scent & Object https://thestandard.co/life/between-folds-boundary-x-ganda-scent-and-object Thu, 03 Jul 2025 06:13:24 +0000 https://thestandard.co/?post_type=life&p=1092383

ในยุคที่เราไม่ค่อยหยุดเพื่อฟังเสียงใจตัวเอง โชว์เคส Bet […]

The post ชวนสำรวจโชว์เคส Between Folds จาก Boundary x Ganda Scent & Object appeared first on THE STANDARD.

]]>

ในยุคที่เราไม่ค่อยหยุดเพื่อฟังเสียงใจตัวเอง โชว์เคส Between Folds จาก Boundary x Ganda Scent & Object ได้เป็นสื่อกลางในการเปิดพื้นที่ให้ทุกคนได้กลับมา “เห็น” ความรู้สึกของตัวเองอีกครั้ง ผ่านกลิ่นหอมที่ไม่ได้ถูกสร้างเพื่อความหอมแต่เพื่อเป็นคำตอบที่ไม่ต้องพูดออกมา ในโชว์เคสครั้งนี้เราได้พบกับ กานดา สายทุ้ม ผู้ก่อตั้งและนักออกแบบกลิ่นแบรนด์ Ganda Scent & Object ได้เผยที่มาของการสร้างสรรค์ 7 กลิ่นหอมที่สะท้อนทุกช่วงภาวะของใจได้อย่างน่าสนใจ

 

เริ่มต้นด้วย Evenfall กลิ่นสำหรับผู้ที่เต็มอิ่มกับสังคมภายนอกและกลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง ต่อด้วยกลิ่น Gathering Clouds นำเสนอเสน่ห์กลิ่นของความสบาย โปร่งเบา ที่ช่วยเยียวยาหัวใจได้เป็นอย่างดี เรื่อยไปจนถึงกลิ่น Light & Shadow เป็นกลิ่นที่ยอมรับความต่างและสร้างความแข็งแรงจากความสมดุล และกลิ่น Unbeing ต้องบอกว่าเป็นกลิ่นของความว่าง โล่ง และสมาธิ ที่ถูกจริตกับคนที่ต้องการฟีลลิ่งของความผ่อนคลายอันเปี่ยมสุขในวันว่างที่แสนธรรมดา



อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทำให้โชว์เคสนี้น่าสนใจไม่เบา คือการใช้ไม้ยางพาราอายุประมาณ 25 ปี จากจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ร่วงหล่นตามธรรมชาติ ซึ่งโดยปกติมักถูกนำไปใช้เป็นฟืนหรือขายในราคาต่ำเพียงกิโลละ 2 บาท แต่มีการนำมาแปรรูปใหม่เป็นวัตถุศิลป์ที่สามารถก้มลงไปดม หยิบขึ้นมาสัมผัส และตั้งโชว์ในรูปแบบ Kinetic Art โดยคงพื้นผิวธรรมชาติไว้ เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกถึงกลิ่นและวัสดุอย่างใกล้ชิด



ความเป็นพิเศษของโชว์เคสนี้ยังคือการร่วมมือกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ระดับโลก PORRO จากอิตาลี ที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1925 และขึ้นชื่อเรื่องการออกแบบที่เรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง โดย Ganda ได้สร้างกลิ่นพิเศษสำหรับ PORRO ภายใต้แนวคิด Unshaken ความแน่วแน่ สงบ และมั่นคงในจุดยืนของตัวเอง กลิ่นเปิดด้วยโน้ตเย็นแบบ Futuristic ที่สื่อถึงความคมชัดของดีไซน์ ก่อนจะเผยกลิ่นไม้หลากชนิดที่ซ่อนอยู่ภายใน สะท้อนรากของ PORRO ซึ่งถือกำเนิดจากเมือง Brianza แหล่งรวมช่างไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในอิตาลี



การจัดแสดงทั้งหมดไม่ได้ออกแบบให้ผู้ชมเพียงแค่ “ดม” แต่ให้ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับกลิ่นอย่างตั้งใจ ผ่านการเปิดบานตู้เสื้อผ้าถึงจะได้กลิ่น การก้มลงเพื่อดมจาก Scent Dome หรือสัมผัสกลิ่นผ่านวัตถุที่ออกแบบเฉพาะแต่ละโซน โดยแต่ละกลิ่นจะถูกจับคู่กับตู้เสื้อผ้า PORRO ที่มีดีไซน์และสีสันสอดคล้องกัน เช่น Quiet Echo กลิ่นของการเติบโตจากความเหนื่อยล้า ที่จับคู่กับตู้หน้าบานสไลด์ไม้สีเข้ม Black Sugi หรือ Bold Soul กลิ่นของจิตวิญญาณนักสู้ที่เข้ากับตู้ดีไซน์ Oslo ที่แข็งแรง กว้าง

 

โชว์เคสนี้เหมาะสำหรับผู้ที่รักงานออกแบบ ศิลปะร่วมสมัย และผู้ที่กำลังมองหาประสบการณ์ที่ “กลิ่น” สามารถพาเข้าไปฟังใจตัวเองอย่างเงียบงันและจริงแท้ การจัดแสดงตั้งใจให้ผู้ชมหยุด อยู่กับตน และฟังใจตัวเองผ่านประสบการณ์กลิ่นอย่างลึกซึ้ง โชว์เคสนี้ยังเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 4 กรกฎาคม 2568 ณ Boundary สุขุมวิท 49

 

 

ภาพ: Ganda Scent & Object 

The post ชวนสำรวจโชว์เคส Between Folds จาก Boundary x Ganda Scent & Object appeared first on THE STANDARD.

]]>