ความวุ่นวายทางการเมืองของไทย และปัญหาชายแดนกัมพูชา ทำให้เราแทบจะลืมโปรเจกต์ดีๆ ในช่วงฮันนีมูนของรัฐบาลชุดนี้ในการผลักดันซีรีส์วายและยูริของไทยไปเลย อย่างเมื่อปลายปีที่แล้วก็มี ปิ่นภักดิ์ ซีรีส์ยูริที่ประสบความสำเร็จไปพอสมควร มาปีนี้ก็ถึงเวลาของซีรีส์ฟอร์มใหญ่ Shine The Series ที่ทำออกมาค่อนข้างเซอร์ไพรส์เพราะได้ก้าวข้ามความเป็นซีรีส์วายสู่ซีรีส์เกย์ที่ใส่มิติทางการเมือง วัฒนธรรม และตัวตนของความเป็นไทยร่วมสมัยในยุคเปลี่ยนผ่าน เมื่อมนุษย์ขึ้นเหยียบดวงจันทร์ แต่บนโลกใบเดิม สังคมในประเทศเล็กๆ อย่างเมืองไทยมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง

Shine The Series พาเราเข้าไปทำความรู้จักชีวิตของชายหนุ่ม 4 คนในยุคเปลี่ยนผ่านตอนที่นีล อาร์มสตรองเพิ่งเหยียบดวงจันทร์ในปี 1969 ขณะเดียวกันประเทศไทยก็เพิ่งมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และผ่านการเลือกตั้งปี พ. ศ. 2512 มาหมาดๆ

ตฤณ (อาโป-ณัฐวิญญ์ วัฒนกิติพัฒน์) ดอกเตอร์หนุ่มด้านเศรษฐศาสตร์ที่เพิ่งกลับจากฝรั่งเศส เขากลับมาพร้อมกับปมในใจที่ปล่อยให้แฟนสาวต้องตายเพราะออกไปประท้วงทวงความยุติธรรมให้สังคม ตฤณพกความเชื่อมั่นในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางสังคม โดยกำลังจะรับตำแหน่งระดับสูงในแวดวงราชการ พร้อมๆ กับถูกตั้งคำถามจากฝ่ายคัดค้านโครงการใหญ่ของกองทัพ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าสิ่งที่กำลังทำคือความถูกต้องหรือเปล่า เขาได้พบกับ ธันวา (มาย-ภาคภูมิ ร่มไทรทอง) นักร้องหนุ่มฮิปปี้ทายาทนักธุรกิจชื่อดัง แต่มีความบาดหมางกับพ่ออย่างรุนแรง ธันวาฝากรอยจูบไว้กับตฤณจนเขาเริ่มสงสัยในความเป็นชายของตัวเอง

ขณะที่ ณรัน (ยูโร-ยศวรรธน์ ทะวาปี) นักข่าวสายลุยกำลังพยายามเปิดโปงความไม่ชอบมาพากลโครงการของรัฐบาล ทำให้เขาได้เข้าไปพัวพันกับ ไกรเลิศ (สน-ยุกต์ ส่งไพศาล) นายทหารระดับสูงผู้ต้องเก็บซ่อนรสนิยมทางเพศของตัวเองเอาไว้ ชีวิตอีกด้านหนึ่งของเขาคือคอลัมนิสต์ที่ใช้นามแฝงว่าใกล้รุ่ง และกำลังโต้คารมผ่านปลายปากกากับสรัสวดีซึ่งก็นามแฝงของณรัน ทั้งคู่นัดเจอกัน และแล้วความพุ่งพล่านของอารมณ์ก็ทำให้เกิดความสัมพันธ์ที่คาดไม่ถึง

เรื่องราวชีวิตของชายหนุ่มทั้ง 4 คนท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านทางวัฒนธรรมและยุคสมัยจะเป็นอย่างไรต้องรอติดตาม

บอกตรงๆ ว่า Shine The Series อีพีแรกชงออกมาอย่างเข้มข้นด้วยบรรยากาศทางการเมืองและสังคมจนแอบหวั่นๆ ว่าถ้าตึงไปแบบนี้ตลอดทั้งเรื่องคนดูน่าจะไม่ไหว แต่ก็พอจะเข้าใจว่าคือการปูพื้นตัวละครแต่ละตัวที่แตกต่างกันทั้งบทบาทและอุดมการณ์ ทั้งยังเป็นลายเซ็นของค่ายนี้ที่มักกำกับอารมณ์คนดูผ่าน Mood & Tone น่าค้นหา และดาร์กดำพอประมาณ

แต่ละตัวละครถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อสื่อสารความตั้งใจของผู้สร้างตั้งแต่การตั้งชื่อ Shine แปลความหมายตรงตัวคือเปล่งประกาย และยังพ้องเสียงกับภาษาไทยว่า ‘ชาย’ กับการตั้งคำถามถึงความเป็นชายผ่านบทบาทของตัวละครเกินครึ่งว่านิยามคำนี้ไว้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นตฤณที่ใช้ชีวิตจริงจัง อยู่ในกรอบและผ่านความสัมพันธ์กับผู้หญิงมาตลอดแต่หวั่นไหวกับฮิปปี้หนุ่มอย่างธันวา ที่น่าสนใจคือทั้งคู่ยืนอยู่คนละฟากแนวคิดและการใช้ชีวิต ขณะที่ไกรเลิศคือตัวละครที่มีมิติและสะท้อนแก่นหลักของเรื่องไว้มากที่สุดทั้งหน้าที่การงานที่ต้องรับใช้ชาติ และชีวิตส่วนตัวในฐานะสามีผู้ไม่มีใจให้ภรรยาเพราะรสนิยมทางเพศ ไหนจะความขัดแย้งเรื่องอุดมการณ์ในงานที่ทำ เรียกว่าไกรเลิศคือเดอะแบกตัวจริงของยุค 2512 ส่วน ณรัน นักข่าวผู้มีอุดมการณ์ผู้ไม่เคยตั้งคำถามกับความแหนงหน่ายต่อแฟนสาวลูกคุณหนูอย่างดาว (ปันปัน-สุทัตตา อุดมศิลป์) แต่กลับถูกดึงดูดโดยศัตรูที่เขาตั้งใจจะเปิดโปงอย่างไกรเลิศ กลายเป็นประเด็นขัดแย้งระหว่างความรักและหน้าที่ที่น่าจะทวีความเข้มข้นในตอนต่อ ๆ ไป

การวางคาแรกเตอร์ให้สองคู่หลักของเรื่องอยู่คนละฟากทางความคิดกลายเป็นเรื่องโรแมนติกแบบหวานๆ ขมๆ ที่มีเสน่ห์ในอีพีต่อมา ทั้งความรักโรแมนติก (ที่ยัง) ใสๆ ระหว่างตฤณและธันวา โดยมี วิคเตอร์ (ปีเตอร์ เดอร์รี่) นักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตยเริ่มก้าวเข้ามาในความสัมพันธ์ครั้งนี้ ขณะที่ฟากไกรเลิศกับณรันออกไปแนวดุดันไม่เกรงใจใครแต่ก็ได้อารมณ์โรแมนติกแบบวินเทจในยุคที่โลกนี้ยังไม่มีทินเดอร์ หวนให้คิดถึงเสน่ห์ของการเขียนและความตื่นเต้นที่ไม่รู้ว่าคู่สนทนาผ่านปลายปากกาหน้าตาเป็นอย่างไร ที่สำคัญเคมีของนักแสดงอย่างสนและยูโรก็คือโดนใจแบบสุดๆ เรียกว่าได้ว่าเราสนใจ Shine The Series เพราะพลังดาราของมาย-อาโป แต่กลับหลงเสน่ห์สน-ยูโรแบบไม่ทันตั้งตัว

อย่างไรก็ตามความท้าทายของ Shine The Series คือจะสร้างสมดุลอย่างไรให้สารเครียด ๆ เรื่องการเมืองสอดรับไปกับเรื่องรักโรแมนติกจนตรึงผู้ชมให้ติดตามกระทั่งตอนจบ ต้องรอติดตาม…

ต้องยอมรับในความกล้าของ Be On Cloud ที่หยิบเอาช่วงเวลาสร้างสารตั้งต้นความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ของไทยมาเล่า (การก้าวขึ้นมามีอำนาจของจอมพลถนอม กิตติขจรนำไปสู่เหตุการณ์ 14 และ 16 ตุลาฯ) ก้าวข้ามอาหาร ขนม ผ้า หรือนานาสรรพสิ่งไทยแท้ที่กลายเป็นนิยามคำว่าซอฟต์พาวเวอร์ จนไม่มีพื้นที่ให้ความเป็นไทยร่วมสมัยได้ Shine ในแบบที่ควรจะเป็น แม้จะเป็นความจริงที่เจ็บปวด แต่ก็คือสร้างตัวตนและสะท้อนความเป็นไทยที่ไม่สมบูรณ์แบบและยังวนลูปซ้ำไปซ้ำมาจนถึงปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังได้เห็นพลังสร้างสรรค์ผ่านโปรดักชันชั้นเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นการจัดแสงเพื่อช่วยสื่อสารทั้งความขัดแย้งในโลกของตฤณที่ดูเคร่งขรึมตลอดเวลา ขณะที่โลกของธันวาเต็มไปด้วยสีสันสว่างไสว หรือการให้แสงแสดงความแตกต่างของชนชั้นอย่างฉากในโรงแรมแกรนด์ พาราดิโซที่ส่องให้เห็นตัวละครทุกคน ขณะที่แสงไฟส่องสว่างบนถนนกับวับแวมแทบไม่เห็นชนชั้นล่างจนเหมือนพวกเขาไร้ตัวตน รวมถึงเพลง Far Side of the Moon ของ Slot Machine ที่ใช้ประกอบได้อย่างลงตัวทั้งคุณภาพทางดนตรีและความหมาย จนพูดได้ว่าโปรดักชันไทยคุณภาพดีไม่อายใครก็ว่าได้

Shine The Series ทุกวันเสาร์ เวลา 22:00 น. ทางแอปพลิเคชัน WeTV และช่อง 7HD

The post Shine the series การเมือง และเรื่องรักของ ‘ชาย’ ในยุคเปลี่ยนผ่าน appeared first on THE STANDARD.

โน้ต-อุดม แต้พานิช สแตนด์อัปคอมเมดีหัวแถวของเมืองไทย ได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ณ สถานีตำรวจภูธรเมืองกาญจนบุรี เมื่อวานนี้ (19 สิงหาคม) จากกรณีที่ ครูปรีชา (ปรีชา ใคร่ครวญ) ได้แจ้งความร้องทุกข์ ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ในการเข้าแจ้งความ ครูปรีชาระบุว่ามีบุคคลได้ส่งคลิปวิดีโอการแสดง เดี่ยว 12 เมื่อปี 2561 ของ โน้ต อุดม มาให้ดู ด้วยข้อความในการแสดงครั้งนั้นมีบางส่วนระบุว่า

“ผลงานโดดเด่นของกระทรวงศึกษา ยกให้ครูปรีชา สร้างแรงบันดาลใจ จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ นี่มันหวยของครู หมวดจรูญนั้นไม่ใช่ ความจริงมันพูดยากมากกว่าแถไถ ไม่ต้องห่วง ครูยังมีผมอยู่ข้างๆ แต่ว่า ผมครูตรงกลางนี่มันหายไปไหน”

โดยหลัง ครูปรีชา ได้แจ้งความเอาผิดกับ โน้ต อุดม ในข้อหาหมิ่นประมาท ในตอนนี้เขาเองก็ได้รับทราบข้อกล่าวหาทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนติดตามความเคลื่อนไหวและขั้นตอนการดำเนินการตามกฎหมายต่อไปนับจากนี้

ภาพ: เดี่ยว / Facebook

อ้างอิง:

• https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1390407582446177&id=100044308452347 

The post โน้ต อุดม เข้ารับฟังข้อกล่าวหา หลังถูกแจ้งความหมิ่นประมาทใน ‘เดี่ยว 12’ appeared first on THE STANDARD.

เจ้าชายและเจ้าหญิงแห่งเวลส์กับทายาททั้ง 3 ของพวกเขา นั่นคือเจ้าชายจอร์จ เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ และเจ้าชายหลุยส์ กำลังจะย้ายไปอยู่ที่คฤหาสถ์ Forest Lodge ในวินด์เซอร์ภายในสิ้นปีนี้ โดยมีการรายงานว่าทั้งครอบครัวจะอาศัยอยู่ในที่แห่งนี้ไปตลอด แม้เมื่อถึงเวลาที่เจ้าชายวิลเลียมได้ขึ้นครองราชย์ในอนาคต

คฤหาสถ์หลังนี้ตั้งอยู่ไม่ห่างจากแมนชัน 4 ห้องนอนนาม Adelaide Cottage อันเป็นบ้านที่เจ้าชายวิลเลียมและเคท มิดเดิลตันอาศัยอยู่ตั้งแต่ปี 2022 และถึงแม้ว่า Forest Lodge คฤหาสถ์หลังใหม่ของพวกเขาจะมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยประกอบไปด้วย 8 ห้องนอน แต่ทั้งสองก็ยังคงตัดสินใจที่จะไม่ให้มีทีมงานมาอาศัยอยู่ในบ้านด้วยกันเช่นเดิม ซึ่งคาดว่าทีมงานคนสนิทอย่าง Maria Turrion Borrallo ผู้เป็นพี่เลี้ยงของเด็กๆ ที่ทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่เมื่อครั้งที่เจ้าชายจอร์จยังเป็นเด็กทารก รวมไปถึงทีมแม่บ้าน จะได้ไปอาศัยอยู่ในบ้านขนาดเล็กกว่านี้ในพื้นที่เดียวกัน

Forest Lodge เดิมทีมีชื่อว่า Holly Grave เป็นคฤหาสถ์สไตล์ยุค Georgian ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 1770 ก่อนที่ทาง Crown Estate หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนตัวของพระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรจะซื้อไปในปี 1829 และให้เป็นที่อยู่อาศัยของ Deputy Ranger of Windsor Great Park จนถึงช่วงยุค 1930 ซึ่งเป็นที่เลื่องลือด้วยว่า เจ้าหญิงแอนน์กับอดีตสามี Mark Phillips อาจเคยเข้าครอบครองคฤหาสถ์หลังนี้เมื่อปลายยุค 1970 แต่สุดท้ายทั้งสองก็ไม่เคยได้ย้ายมาอาศัยอยู่จริงๆ

คฤหาสถ์ Forest Lodge ได้รับการรีโนเวทบูรณะซ่อมแซมในปี 2001 โดยใช้เงิน 2 ล้านดอลลาร์ และปล่อยให้เช่าโดยคิดราคา 20,000 ดอลลาร์ หรือราว 650,000 บาทต่อเดือน ซึ่งภายในคฤหาสถ์ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตั้งแต่สนามเทนนิสไปจนถึงห้องงานเลี้ยงเต้นรำ และยังอยู่ในวินด์เซอร์ ซึ่งเคท มิดเดิลตัน เผยว่าเป็นพื้นที่สีเขียวที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากกรุงลอนดอนจนเกินไป ส่วนลูกๆ ของเธอกับเจ้าชายวิลเลียมก็เริ่มเข้าเรียนที่ Lambrook School และต่างก็ชอบใช้เวลาในชนบทมากกว่าในเมืองกันทั้งหมด โดยทั้งสองจะจ่ายค่าเช่าบ้าน Forest Lodge ให้กับ Crown Estate ในขณะที่เจ้าชายวิลเลียมได้รับเงินประจำตำแหน่งรัชทายาทราว 30 ล้านดอลลาร์ต่อปีจาก Duchy of Cornwall

ภาพ: English Heritage/Heritage Images/Getty Images

อ้างอิง:

• https://people.com/kate-middleton-prince-william-new-home-inside-forest-lodge-photos-11792907

The post เจ้าชายวิลเลียม และ เคท มิดเดิลตัน เตรียมย้ายไปอยู่คฤหาสถ์ Forest Lodge ภายในสิ้นปีนี้ appeared first on THE STANDARD.

ปัจจุบัน Pharrell Williams ดำรงตำแหน่งเป็นครีเอทีฟไดเรกเตอร์ฝั่งเสื้อผ้าผู้ชายแห่ง Louis Vuitton พร้อมกับบริหารแพลตฟอร์มประมูลออนไลน์ที่กำลังไปได้ดีอย่าง JOOPITER โดยที่ไม่ทิ้งการทำงานด้านดนตรีและยังคงโปรดิวซ์ผลงานเพลงระดับคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง และยังมีโปรเจ็กต์อื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งถึงแม้ว่างานจะล้นมือขนาดไหน แต่ล่าสุดเขาได้เปิดตัวแพลตฟอร์มด้านการสร้างสรรค์และแบรนด์ใหม่โดยใช้ชื่อว่า VIRGINIA

VIRGINIA เป็นแพลตฟอร์มที่ดนตรี แฟชั่น ดีไซน์ และคอมมิวนิตี้มาบรรจบกัน โดยโปรเจกต์ด้านครีเอทีฟต่างๆ ในอนาคตของ Pharrell Williams ทั้งการจัดไลฟ์อีเวนต์ การปล่อยเมิร์ชคอลเล็กชันลิมิเตดเอดิชัน การทำเพลงใหม่ และการได้เข้าถึงการร่วมงานกับศิลปินอื่นก่อนจะอยู่ภายใต้การดูแลของ VIRGINIA ทั้งหมด ซึ่งทางแพลตฟอร์มแถลงการณ์ด้วยว่า VIRGINIA เป็นทั้งนามแฝงและพื้นที่สำหรับการทดลองทำสิ่งใหม่ การเล่าเรื่อง และการเชื่อมถึงกันโดยตรง

Pharrell Williams พูดถึงแพลตฟอร์มของเขาว่า

“Virginia เป็นบ้านเกิดของผม และมันก็คือตัวตนของผมในแง่ของด้านครีเอต มันคือพื้นที่สำหรับการใฝ่ฝัน และเป็นอีกวิธีหนึ่งในการเชื่อมถึงคนที่กำลังฝันเช่นเดียวกันด้วย”

เนื่องในโอกาสการเปิดแพลตฟอร์มใหม่นี้ Pharrell Williams เริ่มต้นด้วยการเปิดตัวสินค้าของที่ระลึกลิมิเตดเอดิชันคอลเล็กชันแรกที่เน้นโลโก้ VIRGINIA บนไอเท็มต่างๆ เป็นหลัก ทั้งเสื้อยืด ชุดว่ายน้ำ อุปกรณ์สำหรับไปเที่ยวริมชายหาด เซิร์ฟบอร์ด แอ็กเซสซอรี และของใช้ในบ้าน โดยวางจำหน่ายสินค้าผ่านทางเว็บไซต์ Blackyachtrock.com นอกจากนั้น Pharrell Williams ยังประกาศด้วยว่าอัลบั้ม BLACK YACHT ROCK VOL. 1: CITY OF LIMITLESS ACCESS ที่เขาปล่อยออกมาเงียบๆ เมื่อปี 2024 ได้กลายเป็นโปรเจกต์ดนตรีชิ้นแรกที่มาอยู่ภายใต้ VIRGINIA แล้ว และคอลเล็กชัน VIRGINIA Adistar Jellyfish ที่เขาดีไซน์ให้ adidas ก็จะเปิดขายแบบเอ็กซ์คลูซีฟบนแพลตฟอร์ม VIRGINIA ในช่วงท้ายเดือนนี้ด้วย

ภาพ: NDZ/Star Max/GC Images

อ้างอิง

• https://hypebeast.com/2025/8/pharrell-new-creative-platform-virginia-launch

The post Pharrell Williams เปิดครีเอทีฟแพลตฟอร์มและแบรนด์ใหม่ในชื่อ VIRGINIA appeared first on THE STANDARD.

ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ได้เกิดข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์อันไม่สู้ดีระหว่าง Kylie Jenner กับ Timothée Chalamet เมื่อเขาพลาดงานปาร์ตี้วันเกิดครบรอบ 28 ปีของแฟนสาว และทำให้สื่อกับแฟนๆ ตั้งข้อสงสัยว่าพวกเขาอาจจะมีความห่างเหินหรืออาจถึงขั้นเลิกรากันไปแล้วหรือไม่ 

อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดได้ออกมาคอนเฟิร์มกับสื่อ PEOPLE แล้วว่า ทั้งสองยังคงรักกันดีอยู่ และต่างก็พยายามรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ แม้ว่าช่วงนี้ Timothée Chalamet จะตารางงานยุ่งมากแค่ไหนก็ตาม “สาเหตุที่พวกเขาไม่ได้พบกันมาหลายสัปดาห์เป็นเพราะ Timothée Chalamet กำลังถ่ายทำภาพยนตร์ Dune อยู่ที่สตูดิโอในบูดาเปสต์เท่านั้น ในขณะที่ Kylie เองก็ทำงานของตัวเองอยู่เหมือนกัน แต่เธอได้เดินทางไปหาเขาเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา”

“ถึงแม้ว่า Kylie จะมีเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว แต่ไฟลต์ก็ใช้เวลานานถึง 12 ชั่วโมง ซึ่งเธอเป็นแม่และมีงานที่ต้องทำ เธอมีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบมากมายในแอลเอ ส่วนตารางงานของ Timothée ก็แน่นขนัด เขาแทบจะไม่มีเวลาได้หยุดพักเลย แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็พยายามทำให้ความสัมพันธ์ไปต่อได้ ทั้งสองเฟซไทม์กันแทบทุกวัน ต่างก็คิดถึงกันและกัน และยังรักกันดีอยู่”

แหล่งข่าวอีกรายเผยด้วยว่าตารางงานของ Timothée Chalamet จะยังคงยุ่งจนแทบไม่มีเวลาได้หยุดพักไปอีกสักพักใหญ่ เพราะเขากำลังเตรียมตัวเดินทางไปถ่ายทำ Dune: Messiah ที่จอร์แดนและอาบูดาบีต่อ นอกจากนั้นเขายังต้องเดินสายโปรโมตภาพยนตร์ Marty Supreme ที่มีกำหนดเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ในวันคริสต์มาสด้วย โดยสำหรับปาร์ตี้วันเกิดของ Kylie Jenner ก็เป็นไปอย่างอบอุ่น และมีครอบครัวกับคนสนิทมาร่วมงานอย่างพร้อมหน้า ซึ่ง Kendall Jenner ผู้เป็นพี่สาวเป็นคนแพลนงานปาร์ตี้ในครั้งนี้ให้กับเธอนั่นเอง

ภาพ: Kevin Mazur/VF25/WireImage for Vanity Fair

อ้างอิง:

• https://people.com/kylie-jenner-timothee-chalamet-havent-seen-each-other-in-weeks-making-it-work-source-exclusive-11792159

The post Kylie Jenner และ Timothée Chalamet ยังคงรักกันดี แม้ไม่ได้พบกันมาหลายสัปดาห์แล้ว appeared first on THE STANDARD.

วง BABYMONSTER กำลังจะมีรายการเรียลลิตีเป็นของตัวเองเร็วๆ นี้ โดยใช้ชื่อว่า BAEMON HOUSE ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากชื่อและคอนเซปต์ของรายการ BLACKPINK HOUSE ของรุ่นพี่ในค่ายอย่าง BLACKPINK ที่เปิดตัวไปเมื่อหลายปีก่อน

Yang Hyun Suk แห่ง YG Entertainment ต้นสังกัดของวงเกิร์ลกรุ๊ปทั้งสอง เป็นผู้ประกาศข่าวเรื่องการทำรายการ BAEMON HOUSE โดยเขาเผยว่า

“เป็นเวลานานแล้วที่ผมได้ยินชื่อ BLACKPINK HOUSE เป็นครั้งสุดท้าย และน่ายินดีที่แฟนๆ ต่างก็ชอบรายการนั้น ในขณะที่ BABYMONSTER ยังไม่เคยมีรายการเรียลลิตีของตัวเองเลย ครั้งนี้ดังเช่นรายการ BLACKPINK HOUSE เรากำลังเตรียมโปรเจกต์บางอย่างที่ใช้ชื่อว่า BAEMON HOUSE”

เขาอธิบายถึงรายการ BAEMON HOUSE ของ BABYMONSTER วงน้องเล็กของค่ายด้วยว่า “เราได้บ้านหลังใหญ่มา และเราก็ถ่ายทำช่วงเวลาที่สมาชิกวงอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนั้นด้วยกันเสร็จสิ้นแล้ว โดย BAEMON HOUSE จะเป็นรายการเรียลลิตีแรกของวง BABYMONSTER ภายใต้ YG Entertainment และเพื่อมั่นใจว่าแฟนๆ จะไม่เบื่อในช่วงที่รอคอยอัลบั้มใหม่ของพวกเธอไปเสียก่อน รายการ BAEMON HOUSE จะเริ่มออนแอร์ในเดือนกันยายนนี้”

BABYMONSTER กำลังจะมีมินิอัลบั้มชุดที่ 2 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการเลื่อนกำหนดเปิดตัวจากวันที่ 1 ตุลาคมเป็นวันที่ 10 ตุลาคม เพื่อหลีกเลี่ยงช่วงเทศกาลชูซอกของเกาหลีใต้ โดยแฟนๆ จะได้รับชมรายการ BAEMON HOUSE ระหว่างรอรับฟังผลงานใหม่ และการทำกิจกรรมคัมแบ็กของพวกเธอกันไปก่อนในช่วงเดือนกันยายน

ภาพ: Rebecca Sapp/Getty Images for The Recording Academy

อ้างอิง:

• https://www.allkpop.com/article/2025/08/babymonster-set-to-launch-reality-show-baemon-house-inspired-by-blackpink-house

The post BABYMONSTER เตรียมเปิดตัวรายการเรียลิตี้ BAEMON HOUSE เดือนกันยายนนี้ appeared first on THE STANDARD.

V วง BTS ตอกย้ำความเป็นศิลปินระดับโกลบอลของตัวเองอีกครั้ง โดยเขากำลังจะได้เป็นผู้ขว้างบอลในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเบสบอล Major League Baseball ณ สนามกีฬา Dodger Stadium อันยิ่งใหญ่แห่งลอสแอนเจลิสในวันที่ 25 สิงหาคมนี้

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมา ทาง Los Angeles Dodgers ได้ประกาศอย่างเป็นทางการถึงอีกหนึ่งความพิเศษของเกมการแข่งขันเบสบอลระหว่างทีม Los Angeles Dodgers และทีม Cincinnati Reds ที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์หน้าว่า “ชาว ARMY พร้อมกันหรือยัง? V จะมาขว้างบอลลูกแรกในพิธีเปิดการแข่งขันที่ Dodgers Stadium ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้!”

เมื่อมีการประกาศออกไปแล้ว ชาว ARMY ต่างก็ตื่นเต้นกับการปรากฏตัวของ V ในสหรัฐอเมริกา หลังจากที่เขาเพิ่งปลดประจำการไปเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และพากันเข้าไปซื้อตั๋วกันจนแพลตฟอร์มขายตั๋วเกมการแข่งขันล่มไปสักพักใหญ่ เนื่องจากความต้องการที่สูงขึ้นอย่างกะทันหันของแฟนๆ นั่นเอง

สำหรับวัฒนธรรมการขว้างบอลเปิดเกมก็เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับกีฬาเบสบอลมายาวนาน โดยพวกเขาจะเชิญแขกอันทรงเกียรติทั้งเซเลบริตี้ ศิลปิน และนักกีฬาคนดังมาเป็นผู้ทำหน้าที่นี้ ไม่ว่าจะเป็น Tom Cruise, Snoop Dogg และ Justin Bieber ต่างก็เคยได้ขว้างบอลลูกแรกเช่นเดียวกับ V มาแล้ว ซึ่งนอกจาก V ยังมีนักบอลซูเปอร์สตาร์สัญชาติเกาหลีใต้อย่าง Son Hueng Min ที่จะได้ขว้างบอลเปิดเกมการแข่งขันที่ Dodgers Stadium ในวันที่ 28 สิงหาคมด้วย

ภาพ: The Chosunilbo JNS/Imazins via Getty Images

อ้างอิง:

• https://www.timesnownews.com/entertainment-news/korean/bts-v-to-throw-ceremonial-first-pitch-at-dodgers-game-in-mlb-armys-want-all-members-to-attend-article-152480117

The post V วง BTS เตรียมเป็นผู้ขว้างบอลในพิธีเปิดสนามการแข่นขันเบสบอลของ Los Angeles Dodgers appeared first on THE STANDARD.

Sam Nivola นักแสดงหนุ่มวัย 21 ปีจากซีรีส์ The White Lotus ซีซัน 3 ไม่ยอมรับการโดนมองว่าเป็น Nepo Baby ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกเหล่าลูกหลานบุคคลมีชื่อเสียงหรือมีอิทธิพลผู้ได้รับโอกาสและสิทธิพิเศษมากกว่าคนทั่วไป โดยเขาเผยว่าเขาทำทุกอย่างด้วยตัวเองทั้งสิ้น

Sam Nivola เป็นลูกชายของ Alessandro Nivola นักแสดงผู้มีผลงานอย่าง The Brutalist, Jurassic Park III, The Many Saints of Newark และ Kraven the Hunter ในขณะที่คุณแม่ Emily Mortimer  ก็เป็นนักแสดงและผู้สร้างหนังที่มีผลงานออกมามากมาย นอกจากนั้นคุณตาแท้ๆ ของเขายังเป็นนักเขียนและนักเขียนบทละครชื่อดัง ด้วยโปรไฟล์ครอบครัวเช่นนี้ Sam Nivola จึงกลายเป็นอีกหนึ่งนักแสดงในวงการที่ถูกมองว่าเป็น Nepo Baby อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งล่าสุดเขาได้ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นนี้ผ่าน Variety ว่า 

“นอกจากยีนของผมแล้ว ผมไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถยกความดีความชอบเรื่องอื่นให้ครอบครัวได้เท่าไหร่นัก ผมภูมิใจที่ผมทำมันด้วยตัวเอง”

Sam Nivola เล่าถึงเบื้องหลังการเข้าสู่วงการฮอลลีวูดว่า “ผมไม่ได้ให้ตัวแทนของพ่อโทรติดต่อไปหาใครทั้งนั้น ผมทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เพราะผมไม่อยากให้ใครสามารถมีข้ออ้างที่จะมาพูดได้ว่าความสำเร็จของผมมาจากคนอื่น ไม่ใช่เฉพาะจากตัวผมเอง และผมภูมิใจกับสิ่งนั้น”

ในซีรีส์ The White Lotus ซีซัน 3 ยังมีอีกหนึ่งนักแสดงอย่าง Patrick Schwarzenegger ที่ถูกตราหน้าว่าเป็น Nepo Baby ด้วยเช่นกัน เนื่องจากเขาเป็นลูกชายของ Arnold Schwarzenegger และ Maria Shriver ซึ่งก่อนหน้านี้เขาก็ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นดังกล่าวอยู่มากมายหลายครั้ง และโปรดิวเซอร์ The White Lotus ยังออกมาเผยด้วยว่า ที่จริงแล้ว Patrick Schwarzenegger เกือบจะไม่ได้แสดงซีรีส์เรื่องนี้เพราะนามสกุลอันโด่งดังของเขานั่นเอง

ภาพ: Alan Chapman/Dave Benett/Dave Benett/Getty Images for Range Rover & Harper’s Bazaar

อ้างอิง

• https://www.nme.com/news/tv/the-white-lotus-star-sam-nivola-rejects-nepo-baby-label-i-did-it-by-myself-3883650

The post “ผมทำด้วยตัวเอง” Sam Nivola พูดถึงการถูกมองว่าเป็น ‘Nepo Baby’ appeared first on THE STANDARD.

ทุกเสียงหัวเราะ ทุกรอยยิ้ม ยังคงเป็นภาพจำของงาน JUNIOR MARK ShineRise FANCON จาก จูเนียร์-ปณชัย ศรีอาริยะรุ่งเรือง และ มาร์ค-จิรันธนิน ตรัยรัตนยนต์ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 11 และ 12 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ Union Hall, Union Mall 

พระอาทิตย์และพระจันทร์ ที่ถูกนำมาเป็นคอนเซปต์และวิชวลในงาน Fancon ครั้งนี้ เปรียบเหมือนความต่างของทั้งคู่ที่โคจรมาพบกัน แม้จะอยู่กันคนละซีกโลก และเมื่อมาพบกันจึงเกิดเป็นค่ำคืนที่รวบรวมทั้งความสนุก น่ารัก หวานซึ้ง เท่ มันส์ และฮา

ความสนุกยังไม่หมดเพียงเท่านั้น เพราะทั้งคู่ได้นำแขกรับเชิญสุดพิเศษที่เรียกได้ว่ายกขโยงมามอบความสดใสปนความฮาให้แฟนคลับกันอย่างถ้วนหน้า โดยในวันที่ 11 สิงหาคมมีทั้ง เกรท-สพล อัศวมั่นคง และ วง SERIOUS BACON ส่วนในวันที่ 12 สิงหาคมก็ไม่น้อยหน้ามีทั้ง ซิง-หฤษฎ์ ชีวการุณ, แจน-พลอยชมพู ศุภทรัพย์, ฟอส-จิรัชพงศ์ ศรีแสง, บุ๊ค-กษิดิ์เดช ปลูกผล และยังมีแขกรับเชิญสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ถูกเชิญแกมบังคับจากน้องรักให้ขึ้นมาร่วมสนุกบนเวทีอย่าง เต-ตะวัน วิหครัตน์ และ นิว-ฐิติภูมิ เตชะอภัยคุณ อีกด้วย

ถึงแม้งาน JUNIOR MARK ShineRise FANCON จะจบลงไปแล้ว แต่การโคจรมาพบกันระหว่างจูเนียร์และมาร์คยังคงดำเนินต่อไป ทำให้ค่ำคืนนี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำที่จะถูกส่องแสงไว้ในใจของเหล่าแฟนๆ ทุกครั้งที่นึกถึง

ภาพ: GMM TV 

The post JUNIOR MARK ShineRise FANCON การโคจรมาพบกันที่ทุกโมเมนต์เปล่งประกาย appeared first on THE STANDARD.

ศิลปินหญิงขวัญใจแฟนๆ ชาวละตินอย่าง ROSALÍA เปิดเผยกับนิตยสาร ELLE ฉบับล่าสุดที่เธอขึ้นปกว่า เธอไม่ได้อยากจะใช้ชีวิตในแบบที่กดดันตัวเอง แล้วแปะป้ายว่าตัวเองเป็นเพศอะไร อยากจะเป็นอิสระ ปล่อยให้จังหวะชีวิตนำทางไปเรื่อยๆ 

“ฉันไม่อยากกดดันตัวเอง ฉันคิดถึงอิสระเสมอนะ นั่นแหละเป็นสิ่งที่คอยนำทางฉันไป” ROSALÍA กล่าว

ในบทสัมภาษณ์นี้ยังเผยว่า เธอยังคงเป็นเพื่อนที่ดีกับ Hunter Schafer หลังจากที่ทั้งสองคนเคยเดตกันประมาณ 5 เดือนเมื่อปี 2019 ซึ่งในขณะนี้ ทั้งสองคนยังเจอกันอยู่เรื่อยๆ หลังจากที่มีโอกาสแสดงในซีรีส์ภาคต่อ Euphoria 3 ด้วยกัน และเธอก็เผยว่า เธอมีความสุขที่ได้เจอ Hunter Schafer และเพื่อนนักแสดงคนอื่นๆ ด้วย “ฉันมีเพื่อนที่ดีหลายคนเลยที่กองถ่าย รู้สึกดีมากๆ ที่ได้เจอกันที่นั่น”

ROSALÍA ยังย้ำในบทสัมภาษณ์อีกหลายครั้งว่า สิ่งสำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้คือความอิสรเสรีที่เธอสามารถค้นหาตัวเองได้กับทุกๆ เรื่อง ทั้งในเรื่องการเป็นศิลปิน นักแสดง หรือเซนส์ด้านแฟชั่น และสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยคิดจะเลิกทำก็คือเรื่องดนตรี แม้มันอาจจะใช้เวลาในการทำบ้างก็ตาม

“บางครั้งมันต้องใช้เวลาในการทบทวนสิ่งต่างๆ นะ นี่คือพรของเราในการทำอาชีพด้านศิลปะ เพราะเราสามารถทบทวนเรื่องต่างๆ เขียนเรื่องราวใหม่ๆ ในแบบที่เราควรทำใหม่ในอดีต ไม่ว่าจะเรื่องชีวิต หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม จังหวะที่เร่งรีบของคนในยุคนี้ไม่ใช่จังหวะที่ถูกต้องสำหรับจิตวิญญาณเลย เพราะการสร้างสรรค์งานที่ซื่อสัตย์จริงใจ คุณต้องรู้ว่าตัวตนของคุณเองกำลังเดินไปตามจังหวะแบบไหน”

ภาพ: David M. Benett/Dave Benett/Getty Images for Burberry

อ้างอิง:

• https://www.eonline.com/news/1421192/rosalia-on-sexuality-hunter-schafer-relationship

The post ROSALÍA ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีของ Hunter Schafer หลังเคยเดตกันเมื่อปี 2019 appeared first on THE STANDARD.