Culture – THE STANDARD https://thestandard.co สำนักข่าวออนไลน์ นำเสนอข้อมูลข่าวสารเชิงสร้างสรรค์ ให้ความรู้ ความคิด และแรงบันดาลใจ. Mon, 18 Nov 2024 12:55:48 +0000 th hourly 1 https://wordpress.org/?v=6.5.5 มิ้ลค์-เลิฟ ส่งซิงเกิลใหม่ ช็อตฟีล (Shot-Feel) ถ่ายทอดเรื่องราวของคนอยากสารภาพรัก https://thestandard.co/pansa-pattranite-shot-feel-new-single/ Mon, 18 Nov 2024 12:55:48 +0000 https://thestandard.co/?p=1010099 มิ้ลค์-เลิฟ ส่งซิงเกิลใหม่

มิ้ลค์-พรรษา วอสเบียน และ เลิฟ-ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร 2 […]

The post มิ้ลค์-เลิฟ ส่งซิงเกิลใหม่ ช็อตฟีล (Shot-Feel) ถ่ายทอดเรื่องราวของคนอยากสารภาพรัก appeared first on THE STANDARD.

]]>
มิ้ลค์-เลิฟ ส่งซิงเกิลใหม่

มิ้ลค์-พรรษา วอสเบียน และ เลิฟ-ภัทรานิษฐ์ ลิ้มปติยากร 2 นักแสดงจากสังกัด GMMTV ปล่อยเพลงใหม่ ช็อตฟีล (Shot-Feel) เพลงรักสดใสที่ถ่ายทอดเรื่องราวของคนอยากสารภาพรักแต่โดนอีกฝ่ายช็อตฟีลมาสารภาพรักก่อน พร้อมเผยมิวสิกวิดีโอที่ทั้งสองคนแสดงคู่กันอีกด้วย

 

ช็อตฟีล (Shot-Feel) ซิงเกิลที่ 2 ของมิ้ลค์-เลิฟ หลังจากก่อนหน้านี้ทั้งคู่เคยปล่อยเพลง โลกเอียง (Tilt) ซึ่งเป็นเพลงประกอบซีรีส์ 23.5 องศาที่โลกเอียง ที่ทั้งสองคนเป็นนักแสดงนำ แต่สำหรับเพลงนี้พวกเธอมาในสไตล์ที่เป็นตัวของตัวเอง มีท่าเต้นน่ารักให้แฟนคลับลองไปเต้นตามกันสนุกๆ ทั้งยังร่วมงานกับทีมดนตรีคุณภาพอย่าง Wisp Team ที่มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ แต่งเนื้อร้องและทำนอง พร้อมถ่ายทอดผลงานเพลงที่มีความน่ารัก ฟังง่าย และชวนอมยิ้มในตอนที่ได้ฟังด้วย

 

นอกจากนี้มิ้ลค์และเลิฟยังเผยว่า พวกเธอตื่นเต้นที่ได้ทำเพลงที่เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับทั้งตัวเองและแฟนๆ เพราะในกลุ่มแฟนคลับก็มักจะใช้คำว่า ‘ช็อตฟีล’ กันอยู่บ่อยๆ จากการที่ทั้งสองคนชอบเล่นหรือแกล้งกันสนุกๆ ดังนั้นสิ่งนี้จึงถูกถ่ายทอดออกมาในบทเพลง และพวกเธอก็หวังว่าแฟนๆ จะชอบและลองเต้นเพลงนี้ด้วยเช่นกัน

 

ภาพ: GMMTV

The post มิ้ลค์-เลิฟ ส่งซิงเกิลใหม่ ช็อตฟีล (Shot-Feel) ถ่ายทอดเรื่องราวของคนอยากสารภาพรัก appeared first on THE STANDARD.

]]>
ชมคลิป: ครั้งแรกในไทย UNIQLO x ANYA HINDMARCH รู้จักคอลเล็กชันที่หลายคนรอคอย | 7 Things We Love About… EP.27 https://thestandard.co/7-things-we-love-about-ep-27/ Mon, 18 Nov 2024 12:00:04 +0000 https://thestandard.co/?p=1009955

ชื่อ Anya Hindmarch เป็นที่รู้จักกันในนาม Queen of Hand […]

The post ชมคลิป: ครั้งแรกในไทย UNIQLO x ANYA HINDMARCH รู้จักคอลเล็กชันที่หลายคนรอคอย | 7 Things We Love About… EP.27 appeared first on THE STANDARD.

]]>

ชื่อ Anya Hindmarch เป็นที่รู้จักกันในนาม Queen of Handbags ของอังกฤษ จากกระเป๋าที่ใช้ง่ายในชีวิตประจำวัน มีสีสันและความคิดสร้างสรรค์ และดีไซน์ลูกตาที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้แบรนด์นี้เป็นอาณาจักรของคนรักแอ็กเซสซอรีที่สนุกได้ไม่มีเบื่อ

 

และล่าสุด UNIQLO ได้ร่วมงานกับ Anya Hindmarch ในคอลเล็กชัน Fall/Winter 2024 ที่จะวางขายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก เรามาทำความรู้จักกับดีไซเนอร์คนเก่งชาวอังกฤษ การสร้างโลกของแบรนด์ และพรีวิวคอลเล็กชันก่อนเข้าร้านให้เราได้ช้อปกัน

 

ติดตามฟังและชมรายการ 7 Things We Love About… ได้ในวันจันทร์ เวลา 19.00 น. ทุกช่องทางสตรีมมิ่งและ YouTube ของ THE STANDARD POP

 

UNIQLO x ANYA HINDMARCH Winter 2024 Collection :

https://www.uniqlo.com/th/th/contents/collaboration/uniqloxanyahindmarch/24fw/ 

The post ชมคลิป: ครั้งแรกในไทย UNIQLO x ANYA HINDMARCH รู้จักคอลเล็กชันที่หลายคนรอคอย | 7 Things We Love About… EP.27 appeared first on THE STANDARD.

]]>
บรรณาธิการนิตยสาร British Vogue กังวลกับการกลับมาของเทรนด์นางแบบหุ่นผอมเกร็ง https://thestandard.co/british-vogue-editor-worried-skinny-models/ Mon, 18 Nov 2024 07:53:31 +0000 https://thestandard.co/?p=1009988 British Vogue

Chioma Nnadi ผู้ดำรงตำแหน่ง Head of Editorial Content ท […]

The post บรรณาธิการนิตยสาร British Vogue กังวลกับการกลับมาของเทรนด์นางแบบหุ่นผอมเกร็ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
British Vogue

Chioma Nnadi ผู้ดำรงตำแหน่ง Head of Editorial Content ทั้งฉบับนิตยสารและเว็บไซต์แห่ง British Vogue เผยถึงความกังวลที่เธอมีต่อการกลับมาของเทรนด์นางแบบหุ่นผอมเกร็ง ซึ่งขณะนี้เทรนด์ความผอมกำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง พร้อมกับการที่ผู้คนนิยมใช้ยาต้านโรคเบาหวาน หรือที่เรียกกันว่ายาโอเซมปิก (Ozempic) มาเป็นทางลัดในการลดน้ำหนักกันอย่างแพร่หลาย

 

Chioma Nnadi ให้สัมภาษณ์ผ่าน BBC ว่า

 

“เราอยู่ในช่วงเวลาที่เริ่มเห็นการเหวี่ยงกลับมาของความคิดที่ว่าการผอมคือสิ่งที่กำลังอินเทรนด์ และหลายครั้งที่สิ่งเหล่านี้ถูกทำให้เป็นกระแส และเราไม่ต้องการให้เรื่องพวกนี้เป็นกระแสเลย เราทุกคนควรจะรู้สึกกังวล เพราะฉันมีความกังวลมาก และฉันรู้ว่าเพื่อนร่วมงานหลายคนของฉันก็รู้สึกแบบเดียวกัน”

 

ที่จริงโอเซมปิกเป็นยาที่ใช้สำหรับรักษาโรคเบาหวานและยังรักษาโรคอ้วนได้ด้วย แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โอเซมปิกถูกนำมาใช้เพื่อการลดน้ำหนักในวงการฮอลลีวูดอย่างเปิดเผยและแพร่หลาย และกลายเป็นวิธีที่เหล่าเซเลบริตี้หลากหลายวงการนิยมใช้เป็นอย่างมาก ซึ่ง Chioma Nnadi ก็พูดถึงประเด็นนี้ด้วยว่า

 

“โอเซมปิกมีส่วนกับเรื่องนี้ เพราะเราก็เห็นกันอยู่ว่ามีเซเลบริตี้หลายคนที่ใช้มัน ฉันคิดว่ามันคือตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในวัฒนธรรมและวิธีที่เราคิดกับรูปร่างของตัวเอง รวมไปถึงวิธีที่เรานิยามหุ่นของตัวเองด้วย”

 

สำหรับวงการแฟชั่น เทรนด์นางแบบที่รูปร่างผอมเพรียวแบบติดกระดูกเคยเป็นที่นิยมมากในช่วงปี 1990-2000 โดยมีชื่อเรียกว่าเทรนด์ Heroin Chic ที่มีจุดเริ่มต้นจาก Kate Moss ซึ่งขณะนี้ Chioma Nnadi ที่ได้มาเป็นบรรณาธิการแห่ง British Vogue เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วก็พยายามนำเสนอนางแบบทุกไซส์บนนิตยสาร เธอเผยว่า “ฉันคิดว่ามันไม่ใช่บางอย่างที่พวกเราในฐานะนิตยสารจะเปลี่ยนแปลงด้วยตัวเองได้ เพราะแน่นอนว่าเป็นเหล่าดีไซเนอร์ต่างหากที่เป็นผู้ดีไซน์เสื้อผ้า และเป็นคนกำหนดไซส์ของเสื้อผ้าออกมา”

 

ภาพ: Stephane Cardinale – Corbis / Corbis via Getty Images

อ้างอิง: 

The post บรรณาธิการนิตยสาร British Vogue กังวลกับการกลับมาของเทรนด์นางแบบหุ่นผอมเกร็ง appeared first on THE STANDARD.

]]>
Jin วง BTS คิดว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เขาจะปล่อยโซโล่อัลบั้ม Happy https://thestandard.co/jin-bts-solo-album-release-timing/ Mon, 18 Nov 2024 07:38:18 +0000 https://thestandard.co/?p=1009995 Jin BTS

Jin วง BTS ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Billboard เกี่ยวกับอั […]

The post Jin วง BTS คิดว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เขาจะปล่อยโซโล่อัลบั้ม Happy appeared first on THE STANDARD.

]]>
Jin BTS

Jin วง BTS ให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Billboard เกี่ยวกับอัลบั้มเดี่ยวครั้งแรกของเขาที่เพิ่งปล่อยออกมาอย่าง Happy ซึ่งเขาก็พูดถึงเรื่องการทำงาน เบื้องหลังแรงบันดาลใจในเพลง รวมทั้งเผยเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะปล่อยโซโล่อัลบั้มในช่วงเวลานี้

 

Jin คิดว่าช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่เขาจะเริ่มปล่อยเพลงในฐานะศิลปินเดี่ยว โดยเขากล่าวว่า “ก่อนที่จะเข้ากรมทหารรับใช้ชาติผมโฟกัสกับงานวงเป็นหลัก เลยคิดว่าถ้าปล่อยอัลบั้มโซโล่อาจจะยังไม่ใช่เวลาที่ใช่ แต่ในช่วงที่เมมเบอร์แต่ละคนทยอยเข้ากรมทหาร ผมก็รู้สึกว่าอาจจะถึงเวลาแล้วที่ผมจะแชร์เรื่องราวส่วนตัวให้กับ ARMY ที่คอยสนับสนุนพวกเรามาโดยตลอด ดังนั้นผมจึงหวังว่าทุกคนจะสนุกกับอัลบั้มนี้เหมือนกับที่ผมสนุกตอนทำอัลบั้มนะ”

 

สำหรับอัลบั้ม Happy ที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา Jin อยากจะให้อัลบั้มนี้เป็นบันทึกการเดินทางเพื่อค้นหาความสุข และเขาก็อยากจะมอบความสุขให้กับแฟนๆ ด้วย

 

“การเดินทางเกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ระหว่างผมกับ ARMY ดังนั้นตอนทำเพลงแต่ละแทร็กผมคิดว่าอยากให้เพลงสื่อสารไปยังพวกเขา อยากส่งความสนุกและความสุขให้พวกเขา แล้วก็อยากจะแสดงออกไปว่าผมคิดถึงพวกเขาแค่ไหนในช่วงที่เราไม่ได้เจอกัน การทำอัลบั้มนี้ทำให้ผมได้หยุดพักเพื่อสะท้อนว่า ARMY มีความหมายกับผมแค่ไหน”

 

นอกจากนี้ Billboard ยังถาม Jin ว่าเขาอยากจะลองมีวงร็อกเพิ่มอีกหนึ่งโปรเจกต์หรือไม่ เพราะอัลบั้มนี้ก็มีกลิ่นอายป๊อปร็อกอยู่ไม่น้อย

 

Jin ตอบว่า “วงเดียวที่ผมจะเป็นส่วนหนึ่งในตอนนี้และตลอดไปก็คือ BTS วงแบนด์ก็เป็นสไตล์ที่ผมสนใจส่วนตัว และผมก็สนุกที่ได้ลองสไตล์ใหม่ๆ ในฐานะศิลปินเดี่ยว แต่สุดท้ายแล้วรากฐานและความเชื่อมโยงของผมกับโลกดนตรีก็จะยังคงอยู่กับ BTS”

 

ภาพ: BIGHIT MUSIC

อ้างอิง:

The post Jin วง BTS คิดว่าตอนนี้คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่เขาจะปล่อยโซโล่อัลบั้ม Happy appeared first on THE STANDARD.

]]>
Pharrell Williams นำหีบ Louis Vuitton มาดีไซน์ใหม่ให้กลายเป็นบ้านสุนัขในราคากว่า 2 ล้านบาท https://thestandard.co/pharrell-williams-louis-vuitton-dog-house/ Mon, 18 Nov 2024 07:19:41 +0000 https://thestandard.co/?p=1009981 Louis Vuitton บ้านสุนัข

Louis Vuitton เอาใจคนรักสัตว์สายลักชัวรี เปิดตัวคอลเล็ก […]

The post Pharrell Williams นำหีบ Louis Vuitton มาดีไซน์ใหม่ให้กลายเป็นบ้านสุนัขในราคากว่า 2 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
Louis Vuitton บ้านสุนัข

Louis Vuitton เอาใจคนรักสัตว์สายลักชัวรี เปิดตัวคอลเล็กชันที่เต็มไปด้วยไอเท็มสำหรับสัตว์เลี้ยง รวมไปถึงบ้านสุนัขราคา 60,000 ดอลลาร์ หรือราว 2 ล้านบาท

 

Pharrell Williams ครีเอทีฟไดเรกเตอร์ฝั่งเสื้อผ้าผู้ชายแห่ง Louis Vuitton เป็นผู้ออกแบบโปรดักต์นี้ โดยนำหีบกระเป๋าของแบรนด์มาดีไซน์ใหม่ให้กลายเป็นบ้านสุนัขสุดหรูที่ใช้ชื่อว่า Kennel Trunk ซึ่งผสมผสานกลิ่นอายของ Louis Vuitton เข้ากับความร่วมสมัยออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ โดยด้านนอกของบ้านสุนัขหลังคาทรงสามเหลี่ยมนั้นใช้วัสดุหนังวัว Cowhide-leather สีน้ำตาลลายโมโนแกรมเอกลักษณ์ของแบรนด์ ประดับด้วยวัสดุสีทองตอกหมุดตามมุมและหลังคา ที่เพิ่มความหรูหราให้กับโปรดักต์นี้ได้เป็นอย่างดี

 

Kennel Trunk ยังมีหน้าต่าง 4 บานให้เหล่าสัตว์เลี้ยงไม่ต้องรู้สึกอึดอัดเมื่อเข้าไปอยู่ภายใน และยังมีฟีเจอร์ต่างๆ ที่ช่วยมอบความสะดวกสบายให้กับเจ้าของสัตว์เลี้ยง อย่างเช่น ประตูที่ถอดได้ และด้านล่างที่ทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งเหล่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงยังสามารถเพิ่มความยูนีกให้กับบ้านสุนัขด้วยการใช้บริการแสตมป์ชื่อของสัตว์เลี้ยงบนป้ายเมทัลลิกสีทองที่ติดอยู่หน้าประตูบ้านสุนัข หรือเพนต์ตกแต่งบ้านได้ที่ร้านของ Louis Vuitton 

 

นอกจากบ้านสุนัขแล้ว Louis Vuitton ยังทำโปรดักต์เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงระดับไฮเอนด์ออกมาอีกมากมาย โดยเป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชัน LVERS ที่จะเปิดตัวในช่วง Spring หรือ Summer 2025 ซึ่งก็มีทั้งกระเป๋าเก็บอุจจาระสุนัขราคาราว 16,340 บาท ไปจนถึงชามอาหารสัตว์เลี้ยงที่ทำจากหนังลายโมโนแกรมของ Louis Vuitton ราคาราว 75,000 บาท

 

ภาพ: Louis Vuitton

อ้างอิง:

The post Pharrell Williams นำหีบ Louis Vuitton มาดีไซน์ใหม่ให้กลายเป็นบ้านสุนัขในราคากว่า 2 ล้านบาท appeared first on THE STANDARD.

]]>
Mr. Plankton ซีรีส์โรดทริปเกาหลีที่เหมือนไม่ได้พาผู้ชมไปไหนเลย https://thestandard.co/mr-plankton-untraveling-series/ Mon, 18 Nov 2024 05:51:32 +0000 https://thestandard.co/?p=1009929 Mr. Plankton

Mr. Plankton คือซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่บน Netflix ที่ว่า […]

The post Mr. Plankton ซีรีส์โรดทริปเกาหลีที่เหมือนไม่ได้พาผู้ชมไปไหนเลย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Mr. Plankton

Mr. Plankton คือซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่บน Netflix ที่ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ ความโดดเดี่ยว และการค้นหาความหมายในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ผสมผสานการเล่าเรื่องด้วยอารมณ์ขันและดราม่าสะเทือนอารมณ์ที่น่าจะมอบประสบการณ์ตับพังให้กับผู้ชมได้ไม่ยาก แต่จังหวะการดำเนินเรื่องที่ล่าช้าและคาแรกเตอร์ซ้ำซากก็ทำให้อรรถรสของเรื่องนี้ดูเบาลงไป

 

Mr. Plankton

 

Mr. Plankton คือเรื่องราวของ แฮโจ (อูโดฮวาน) ชายหนุ่มที่มองโลกในแง่ร้ายและต่อต้านสังคมนิดๆ เขาทำอาชีพรับจ้าง ทำทุกอย่างยกเว้นการตามหาเด็กหนีออกจากบ้านกับฆ่าคน วันหนึ่งมีเจ้าสาวว่าจ้างให้เขาลักพาตัวเธอออกจากงานแต่งงาน ซึ่งเธอดันมีแผนขโมยเงินจากว่าที่สามีที่เป็นถึงเจ้าพ่อในวงการนักเลง

 

ไม่เพียงเท่านั้นแฮโจพบว่าเขาเป็นโรคทางสมองอันเป็นผลมาจากพันธุกรรมและมีเวลาอยู่บนโลกนี้ได้อีกแค่ 3 เดือน ที่น่าเศร้าคือแฮโจเป็นเด็กที่เกิดจากความผิดพลาดในการผสมเทียม ทำให้เขาเริ่มคิดที่จะสืบหาพ่อที่แท้จริงว่าเป็นใครกันแน่

 

ในจังหวะนั้นเองแฮโจบังเอิญพบกับ โจแจมี (อียูมี) แฟนเก่าที่กำลังจะแต่งงานกับ ออฮึง (โอจองเซ) ทายาทรุ่นที่ 5 ของตระกูลเก่าแก่ โดยแม่สามียินยอมให้แต่งเพราะคิดว่าเธอตั้งท้อง แต่เธอกลับพบว่าตัวเองมีภาวะหมดประจำเดือนก่อนวัย ทำให้แฮโจตัดสินใจลักพาตัวเธอหนีไปเพื่อร่วมเดินทางหาพ่อแท้ๆ กับเขา นำมาสู่การเดินทางและการไล่ล่าจากทั้งเจ้าพ่อนักเลงและออฮึงที่หวังจะตามรักคืนใจ พร้อมๆ กับประสบการณ์ทั้งดีและร้ายเมื่อแฮโจพบกับคนที่เขาคิดว่าเป็นพ่อผู้ให้กำเนิด

 

Mr. Plankton

 

ซีรีส์เรื่องนี้กำกับโดย ฮงจงชาน จาก Juvenile Justice และเขียนบทโดย โจยง จาก It’s Okay to Not Be Okay สิ่งที่สังเกตได้คือความพยายามรักษาสมดุลระหว่างอารมณ์ขันและอารมณ์ซึ้งๆ ด้วยการสร้างสถานการณ์ที่ตัวละครต้องเผชิญ ซึ่งนำมาสู่ความสะเทือนใจและหม่นเศร้า เช่น เมื่อ แฮโจ ได้เจอกับคนที่คิดว่าเป็นพ่อแล้วต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และความน่าเสียดายเมื่อเวลาในชีวิตกำลังจะหมดลง แต่เพิ่งพบว่าอะไรทำให้เขามีความสุขอย่างแท้จริง ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมให้รางวัลคนดูด้วยตัวประกอบหลากสีสันซึ่งเพิ่มจังหวะคอเมดี้เข้ามาในเรื่อง

 

ในขณะเดียวกันก็ใส่เรื่องรักโรแมนติกระหว่างแฮโจและโจแจมีที่เหมือนเป็นไม้เบื่อไม้เมาให้ได้ฟีลจอยๆ เพียงแต่เคมีระหว่างนักแสดงกลับไม่ค่อยลงตัว เมื่อรวมกับการวางคาแรกเตอร์ให้ทั้งคู่ดูคล้ายกับคู่พระนางที่เห็นในซีรีส์เรื่องอื่นอยู่บ่อยๆ คือหล่อ เจ้าเล่ห์ เย่อหยิ่ง เก่งทุกเรื่อง แต่ภายในเปราะบาง และนางเอกคือผู้ค้นพบความเปราะบางนั้นจากการกวนประสาทกันไปมา สิ่งนี้ยิ่งทำให้ซีรีส์ขาดเสน่ห์ไป

 

ในทางกลับกันตัวละครรองกลับดึงดูดมากกว่าอย่างบทเล็กๆ ของ ยูกีโฮ (คิมมินซอก) ช่วยสร้างสีสันและความสมดุลระหว่างความตลกกับความซาบซึ้งใจให้กับเส้นเรื่อง และที่ต้องชื่นชมคือโอจองเซที่สามารถถ่ายทอดความเป็นออฮึง ทายาทตระกูลเก่าแก่ที่จิตใจดีแต่ไร้เดียงสาและดูน่าเห็นใจ อาจมีบางจังหวะที่ทำให้คิดถึงภาพบทเดิมที่เขาได้รับจาก It’s Okay to Not Be Okay อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าสอบผ่านอยู่ดี

 

 

ความจริงแล้ว Mr. Plankton เลือกประเด็นที่น่าสนใจโดยเรื่องใหญ่ๆ คือประเด็นครอบครัวทั้งในมุมของแฮโจกับการแสวงหาความอบอุ่น นิยามคำว่าครอบครัวและ ‘บ้าน’ ที่แท้จริงของตัวเอง ส่วนโจแจมีก็ต้องต่อสู้กับค่านิยมของคำว่าครอบครัวแบบดั้งเดิม ผ่านภาวะหมดโอกาสที่จะมีลูกซึ่งไม่อาจทำให้ครอบครัวสมบูรณ์ได้ แต่กลับกลายเป็นว่าทั้ง 2 เรื่องนี้ทำออกมาได้ไม่ชัดเจน อาจเพราะไปเน้นเรื่องอารมณ์การเดินทางและเหตุการณ์อลหม่านเสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งบางทีก็ออกจะมากเกินไปจนทำให้ซีรีส์มีความยาวถึง 10 ตอน ทั้งที่จบได้ใน 6 หรือ 8 ตอนเนื้อหาก็น่าจะกระชับกว่านี้

 

ส่วนอีกประเด็นก็เป็นไปตามชื่อเรื่องคือ Mr. Plankton ที่เหมือนการเปรียบเทียบว่า แม้แต่สิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดก็ยังมีคุณค่า โดยตัวละครทั้งหมดต้องต่อสู้กับความรู้สึกไร้ค่าและโหยหาบางสิ่งบางอย่างที่มีความหมาย ซีรีส์จึงพาเข้าไปสำรวจความซับซ้อนของอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ แต่สุดท้ายก็ทิ้งตัวละครและผู้ชมไว้โดยไม่คลี่คลายอย่างที่ควรจะเป็น แม้ช่วงท้ายซีรีส์จะมีซีนซึ้งๆ กระตุ้นอารมณ์ได้ แต่ก็ถ่ายทอดออกมาอย่างรวดเร็วทั้งที่น่าจะขยายความมากกว่านี้ และมีอีกหลายจุดที่ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าที่ควร

 

 

อย่างไรก็ตาม Mr. Plankton ก็เป็นซีรีส์ที่ดูได้และชุบชูหัวใจได้บ้างจากมัดกล้ามของอูโดฮวาน ทั้งๆ ที่น่าจะมาจากความทะเยอทะยานในการเลือกประเด็นดีๆ มากกว่า เพราะการวางจังหวะและส่วนผสมยังไม่กลมกล่อม จนกลายเป็นหนึ่งซีรีส์ที่ดูจบแล้วก็ปล่อยผ่านไป แทบจำอะไรจากเรื่องนี้ไม่ได้อีกเลย

The post Mr. Plankton ซีรีส์โรดทริปเกาหลีที่เหมือนไม่ได้พาผู้ชมไปไหนเลย appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sting เผยว่า เรื่องราวของ P. Diddy ไม่ได้ส่งผลแง่ลบกับเพลง Every Breath You Take https://thestandard.co/sting-p-diddy-song-statement/ Mon, 18 Nov 2024 05:06:54 +0000 https://thestandard.co/?p=1009903 Sting P. Diddy

หนึ่งในเพลงยอดฮิตของ P. Diddy ที่ทำให้เขาสามารถคว้ารางว […]

The post Sting เผยว่า เรื่องราวของ P. Diddy ไม่ได้ส่งผลแง่ลบกับเพลง Every Breath You Take appeared first on THE STANDARD.

]]>
Sting P. Diddy

หนึ่งในเพลงยอดฮิตของ P. Diddy ที่ทำให้เขาสามารถคว้ารางวัล GRAMMY Awards สาขา Best Rap Performance by a Duo or Group ได้สำเร็จก็คือเพลง I’ll Be Missing You ซึ่งเป็นการนำแซมเปิลเพลง Every Breath You Take จากปี 1983 ของวง The Police มาใช้

 

แม้ว่าขณะนี้ P. Diddy จะถูกควบคุมตัวและเจอกับข้อกล่าวหา พร้อมกับโดนแฉเรื่องพฤติกรรมอันเลวร้ายมากมาย แต่สำหรับหนึ่งในสมาชิกวง The Police อย่าง Sting แล้ว เรื่องราวเหล่านี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเพลง Every Breath You Take ของเขาเลยแม้แต่น้อย โดยล่าสุดระหว่างที่ให้สัมภาษณ์ผ่าน Los Angeles Times สื่อตั้งคำถามว่า สถานการณ์ของ P. Diddy ในตอนนี้ส่งผลต่อมุมมองที่เขามีต่อเพลง Every Breath You Take อันเป็นผลงานสุดคลาสสิกจากยุค 80 ที่ยังคงได้รับความนิยมมาจวบจนถึงปัจจุบันหรือไม่ เขาให้คำตอบว่า

 

“ไม่เลย คือผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างในเรื่องของ P. Diddy แต่สำหรับผมแล้วมันไม่ได้สร้างผลแง่ลบให้เพลงนี้เลย แล้วมันก็ยังคงเป็นเพลงของผมด้วย”

 

  1. Diddy ไม่ได้แค่นำเพลงของ The Police ไปใช้ทำเพลง I’ll Be Missing You ในอัลบั้ม No Way Out ร่วมกับ Faith Evans ในปี 1997 เท่านั้น แต่เขายังเคยแสดงเพลงดังกล่าวร่วมกับเจ้าของเพลงฉบับออริจินัลอย่าง Sting ที่งาน MTV VMAs เมื่อปี 1997 และยังโชว์เพลงนี้ในอีกหลายโอกาสสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงเพื่อรำลึกถึง Biggie Smalls ที่เสียชีวิตไปก่อนหน้านั้นในปีเดียวกัน ไปจนถึงงานคอนเสิร์ตเพื่อรำลึกถึงเจ้าหญิงไดอานา ซึ่งในตอนนี้ P. Diddy ก็ยังคงถูกคุมขังเพื่อรอขึ้นศาลไต่สวนคดีในเดือนพฤษภาคม 2025 หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนและเข้าตรวจค้นบ้านของเขาจนพบหลักฐานต่างๆ ที่ทำให้เขาโดนตั้งข้อหาหนักในที่สุด

 

ภาพ: Christopher Polk / Getty Images for NARAS

อ้างอิง: 

The post Sting เผยว่า เรื่องราวของ P. Diddy ไม่ได้ส่งผลแง่ลบกับเพลง Every Breath You Take appeared first on THE STANDARD.

]]>
สรุป 6 ช่วงเวลาสำคัญ โอปอล สุชาตา ตลอดเส้นทาง Miss Universe 2024 https://thestandard.co/opal-suchata-miss-universe2024-journey/ Mon, 18 Nov 2024 04:49:45 +0000 https://thestandard.co/?p=1009887 โอปอล สุชาตา

สร้างความประทับใจให้กับแฟนนางงามไปอย่างท่วมท้นเมื่อวานน […]

The post สรุป 6 ช่วงเวลาสำคัญ โอปอล สุชาตา ตลอดเส้นทาง Miss Universe 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>
โอปอล สุชาตา

สร้างความประทับใจให้กับแฟนนางงามไปอย่างท่วมท้นเมื่อวานนี้ (17 พฤศจิกายน) สำหรับ โอปอล-สุชาตา ช่วงศรี Miss Universe Thailand 2024 ที่ปฏิบัติหน้าที่ของเธอในฐานะตัวแทนสายสะพายจากประเทศไทยอย่างสุดความสามารถบนเวทีจักรวาล Miss Universe 2024 ณ ประเทศเม็กซิโก โดยเธอแสดงทักษะความสามารถและทำผลงานได้เป็นที่ประจักษ์ และคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 3 มาครองอย่างน่าภาคภูมิใจ

 

THE STANDARD POP สรุป 6 ช่วงเวลาสำคัญของการประกวดบนเวที Miss Universe 2024 ในรอบ Final Competition ของโอปอลมาให้ย้อนชมความประทับใจพร้อมกันอีกครั้ง

 

 

  1. Miss Universe 2024 เปิดฉากด้วย Opening Show ของเหล่าสาวงามตัวแทนแต่ละประเทศ ก่อนจะประกาศรายชื่อสาวงามทั้ง 30 คนที่ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป โดยหนึ่งในนั้นมีรายชื่อของโอปอลด้วยเช่นกัน ซึ่งเรียกเสียงเชียร์จากแฟนๆ นางงามกึกก้องไปทั่วทั้งฮอลล์ รวมถึงกองเชียร์ชาวไทยที่รับชมการถ่ายทอดสด

 

 

  1. โอปอลผ่านเข้าสู่รอบ 30 คนสุดท้าย พร้อมออกลวดลายการเดินในรอบชุดว่ายน้ำอย่างยอดเยี่ยมและไม่เป็นสองรองใคร จนทำให้เธอสามารถผ่านเข้าสู่รอบ 12 คนสุดท้ายไปได้อย่างไม่ค้านสายตา

 

โอปอล สุชาตา

 

  1. การแข่งขันดำเนินต่อไปถึงรอบชุดราตรี ตัวแทนสายสะพายทั้ง 12 ประเทศที่ผ่านเข้าสู่รอบนี้ต่างงัดเอาทักษะความสามารถ ที่แสดงให้เห็นถึงความพยายามและตั้งใจในการฝึกซ้อมอย่างหนักของพวกเธอออกมาผ่านการเดินในรอบนี้กันเต็มที่ ก่อนที่โอปอลจะปรากฏกายออกมาพร้อมเสียงเชียร์จากแฟนๆ นางงามทั้งในฮอลล์และประเทศไทยอย่างล้นหลามต่อท่วงท่าการเดินและความสง่างามของเธอในชุดราตรี และส่งให้เธอผ่านเข้าสู่รอบ 5 คนสุดท้ายสำเร็จ ซึ่งจะต้องไปประชันทัศนคติและไหวพริบกันต่อในรอบตอบคำถาม

 

 

  1. การวัดความสามารถและทัศนคติจากการตอบคำถามของเวที Miss Universe 2024 รอบ 5 คนสุดท้าย ในข้อแรกโอปอลได้รับคำถามที่ว่า “คุณสมบัติที่ผู้นำควรมีคืออะไร” ซึ่งเธอก็ตอบคำถามอย่างน่าประทับใจว่า

 

คุณสมบัติที่สำคัญที่สุดของผู้นำคือความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหนหรือมีการศึกษาระดับใด สุดท้ายแล้วคุณต้องมีความเข้าอกเข้าใจ เพื่อความพร้อมที่จะใส่ใจผู้คนและความเป็นอยู่ของพวกเขา สิ่งนี้ไม่ใช่แค่ผู้นำเท่านั้นที่ควรให้ความสำคัญ แต่ฉันเชื่อว่าทุกคนในโลกนี้ควรมีความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

 

 

  1. สำหรับอีกหนึ่งคำถามที่โอปอลได้รับคือ “Miss Universe เป็นดั่งผู้ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้หญิงมารุ่นต่อรุ่น สิ่งที่คุณอยากจะบอกแก่คนที่กำลังรับชมอยู่ตอนนี้คืออะไร” คำถามชี้ชะตาสำหรับโอปอล ซึ่งเธอตอบในหัวข้อความหวัง และกล่าวถึงโครงการมะเร็งเต้านมที่เธอทำควบคู่กันได้อย่างน่าชื่นชมในทักษะการตอบคำถามของเธอ

 

พลังของคุณจะไม่มีที่สิ้นสุด ตราบใดที่คุณยังมีความหวัง ฉันทำโครงการผู้ป่วยมะเร็งเต้านม และสิ่งที่ฉันเห็นคือทุกคนมีความหวัง ความหวังที่จะได้พบเจอกับวันที่ดีขึ้น พลังแห่งความหวังและความเชื่อจะทำให้เราเปล่งประกาย

 

ด้วยการตอบคำถามอันน่าประทับใจ มีพลังหนักแน่น และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเธอ ส่งผลให้โอปอลสามารถคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 3 มาครองได้สำเร็จ

 

 

  1. เจ้าของตำแหน่ง Miss Universe 2024 ตกเป็นของ Victoria Kjaer Theilvig สาวงามจากประเทศเดนมาร์ก โดยโอปอลทำหน้าที่ของเธออย่างสุดความสามารถและคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับที่ 3 มาครอง สร้างทั้งรอยยิ้มและหยาดน้ำตาแก่แฟนนางงามชาวไทยที่ทั้งเสียใจ เสียดาย และภาคภูมิใจในตัวเธอไปอย่างท่วมท้น

 

หลังการประกวดเสร็จสิ้นลงโอปอลโพสต์รูปภาพผ่าน Instagram ส่วนตัว พร้อมขอบคุณทุกความรักและแรงสนับสนุนของแฟนๆ ชาวไทยที่มีให้เธอ โดยมีใจความว่า

 

“ไม่เสียดายและไม่เสียใจ มีแต่ความภาคภูมิใจที่ได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนอย่างดีที่สุด ขอบคุณคนไทยทุกคนที่คอยสนับสนุนกันมาเสมอ โอปอลและทีมไทยทุกคนรู้สึกซาบซึ้งในพลังของพวกเราคนไทยมากๆ ค่ะ ในวันนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดาย ไม่มีอะไรที่ต้องเสียใจ เราได้ทำให้ทุกคนเห็นแล้วถึงความน่าภาคภูมิใจของบ้านเรา ไม่ใช่เพียงแค่โอปอล แต่มันคือพลังของพวกเราคนไทยทุกคน

 

“โอกาสครั้งเดียวในชีวิต โอปอลดีใจที่ได้ใช้มันร่วมกับทุกคนนะคะ และดีใจที่ได้เป็นคนสร้างความสุข ความสนุกสนานให้กับคนไทย เราจะเก็บความทรงจำที่ดีเอาไว้ร่วมกันว่าครั้งหนึ่งเรามีความหวัง มีความศรัทธาร่วมกันมา ต่อจากนี้ไปโอปอลเชื่อว่ายังมีผู้หญิงไทยอีกมากมายที่จะสร้างความภาคภูมิใจให้กับพวกเรา ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นต่อไป อย่าหมดหวัง เพราะโอปอลไม่เคยหมดหวังกับคำว่า Thailand เลย”

 

อ้างอิง:

The post สรุป 6 ช่วงเวลาสำคัญ โอปอล สุชาตา ตลอดเส้นทาง Miss Universe 2024 appeared first on THE STANDARD.

]]>
LISA พูดถึงโมเมนต์ที่เจอกับ Sabrina Carpenter ครั้งแรก พร้อมเผยว่าอยากร่วมงานด้วย https://thestandard.co/lisa-talks-about-moment-met-sabrina-carpenter/ Mon, 18 Nov 2024 00:49:39 +0000 https://thestandard.co/?p=1009841 LISA

LISA ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารเพลงชื่อดังอย่าง Billboard เก […]

The post LISA พูดถึงโมเมนต์ที่เจอกับ Sabrina Carpenter ครั้งแรก พร้อมเผยว่าอยากร่วมงานด้วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
LISA

LISA ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารเพลงชื่อดังอย่าง Billboard เกี่ยวกับโมเมนต์ที่เธอเดินทางไปร่วมอีเวนต์ต่างๆ ทั่วโลกในช่วงที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการไปร่วมปารีสแฟชั่นวีค ช่วงเวลาการพักผ่อน หรือการพบปะคนดังคนอื่นๆ ในวงการ ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงการพบปะกับ Sabrina Carpenter ด้วยเช่นกัน

 

LISA พูดถึงโมเมนต์ที่เธอเจอ Sabrina Carpenter ครั้งแรกว่า “ฉันเจอเธอที่งานคอนเสิร์ต Hyde Park ในกรุงลอนดอน ก่อนที่เราทั้งคู่จะบินไปปารีส ซึ่งบังเอิญว่าเราอยู่ในเมืองเดียวกัน ฉันเองได้ยินมาว่าเธอมีคอนเสิร์ตที่ปารีส ฉันเลยไปดูคอนเสิร์ตของเธอ”

 

ก่อนที่ Billboard จะถามเธอต่อว่า “อยากลองร่วมงานกับ Sabrina Carpenter หรือเปล่า” LISA จึงตอบไปอย่างตื่นเต้นว่า “ฉันอยากร่วมงานกับเธอมากเลย หวังว่าจะได้ร่วมงานกันสักวันนะ”

 

นอกจากนี้ LISA ยังเผยว่า ในช่วงเวลานี้เธอกำลังฟังเพลงในอัลบั้มของตัวเอง และเธอเต็มที่กับผลงานที่กำลังทำในตอนนี้มาก ส่วนนิตยสาร Billboard อธิบายว่า หลังจากที่ฟังส่วนหนึ่งของอัลบั้มนี้ พวกเขาคิดว่าอัลบั้มนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก M.I.A. และ Nelly Furtado ในช่วงอัลบั้ม Loose ด้วยเช่นกัน

 

“เขินนิดหน่อยที่ต้องพูดสิ่งนี้ แต่ฉันกำลังฟังเพลงจากอัลบั้มของฉันอยู่ ตอนนี้พยายามจะดูว่าในแต่ละแทร็กหรือดีเทลต่างๆ ทุกอย่างสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง ฉันคิดว่าคนน่าจะตกใจที่ฉันสามารถทำอะไรได้หลายอย่างเลยละ” LISA กล่าว

 

ภาพ: lalalalisa_m / Instagram

อ้างอิง:

The post LISA พูดถึงโมเมนต์ที่เจอกับ Sabrina Carpenter ครั้งแรก พร้อมเผยว่าอยากร่วมงานด้วย appeared first on THE STANDARD.

]]>
7 THINGS WE LOVE ABOUT VAN CLEEF & ARPELS ที่สุดของแบรนด์เครื่องประดับกับเรื่องราวตลอด 118 ปีที่ผ่านมา https://thestandard.co/7-things-love-van-cleef-arpels/ Sun, 17 Nov 2024 09:12:49 +0000 https://thestandard.co/?p=1009762

หนึ่งในเครื่องประดับที่หลายคนหมายปองอยากจะครอบครองสักหน […]

The post 7 THINGS WE LOVE ABOUT VAN CLEEF & ARPELS ที่สุดของแบรนด์เครื่องประดับกับเรื่องราวตลอด 118 ปีที่ผ่านมา appeared first on THE STANDARD.

]]>

หนึ่งในเครื่องประดับที่หลายคนหมายปองอยากจะครอบครองสักหนึ่งชิ้น นั่นก็คือสัญลักษณ์ ‘ใบโคลเวอร์สี่แฉก’ ตัวแทนความโชคดีจากแบรนด์ Van Cleef & Arpels แบรนด์เครื่องประดับที่มีอายุมากกว่า 100 ปี โดยเกิดจากคู่รักในแวดวงจิวเวลรีที่ตัดสินใจสร้างแบรนด์นี้ขึ้นมาด้วยกัน

 

ในปัจจุบัน Van Cleef & Arpels ยังเป็นที่รักและใฝ่ฝันของใครหลายคน รวมถึงเซเลบริตี้แถวหน้าระดับโลกที่ต่างหลงใหลความประณีตในการรังสรรค์เครื่องประดับแต่ละชิ้น แม้จะมีอายุนับร้อยปีแต่มุมมองงานดีไซน์ของเครื่องประดับยังคงไว้ซึ่งงานคราฟต์ระดับสูงแต่ปรับเปลี่ยนมุมมองให้ดูร่วมสมัยขึ้นตามกาลเวลา

 

วันนี้ THE STANDARD POP จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับแบรนด์ Van Cleef & Arpels มากขึ้น

 

HOW THE BRAND STARTED

 

Van Cleef & Arpels เป็นแบรนด์ที่เกิดจากความรักระหว่าง Estelle Arpels ลูกสาวพ่อค้าขายพลอย และ Alfred Van Cleef ลูกชายจากตระกูลนักเจียระไนอัญมณี หลังจากที่ตกหลุมรักและแต่งงานกันในเวลาต่อมา ด้วยพื้นฐานครอบครัวของทั้งสองทำงานในแวดวงเครื่องประดับอยู่แล้ว การแต่งงานกันครั้งนี้เพื่อเสริมให้ธุรกิจของทั้งสองครอบครัวแข็งแรงขึ้น แต่แล้วในที่สุดทั้งสองได้ตัดสินใจเปิดแบรนด์เครื่องประดับเป็นของตัวเองขึ้นในปี 1906 ซึ่งมีชื่อว่า Van Cleef & Arpels โดยเป็นการนำชื่อสกุลของทั้งสองตระกูลมาใช้นั่นเอง ในช่วงแรกงานดีไซน์ของทั้งสองยังไม่มีความโดดเด่นเป็นที่จดจำมากนัก จนกระทั่งช่วงปี 1920 ทั้งคู่เริ่มนำทองคำขาวและรูปทรงเรขาคณิตมาใช้ในการออกแบบจึงเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น ประกอบกับการนำเอาวัฒนธรรมจากอียิปต์และธรรมชาติมาใช้ในงานดีไซน์จนได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ จากลูกค้า

 

 

EMPRESS FARAH PAHLAVI CROWN

 

หนึ่งในไฮไลต์ของแบรนด์ Van Cleef & Arpels เกิดขึ้นในปี 1966 เมื่อแบรนด์ได้ถูกเลือกให้เป็นผู้ทำมงกุฎให้กับจักรพรรดินีแห่งอิหร่าน Farah Pahlavi ในวันสถาปนาคู่อภิเษกของเจ้าชาย Mohammad Reza Pahlavi ซึ่งมงกุฎนี้ใช้เวลาทำร่วม 6 เดือน โดย Alfred ต้องเดินทางไปกลับระหว่างฝรั่งเศสและเมืองเตหะรานอยู่หลายครั้ง และมงกุฎนี้ยังใช้อัญมณีเก่าแก่ซึ่งเป็นสมบัติประจำประเทศอิหร่านอีกด้วย มงกุฎนี้ประกอบไปด้วยมรกตทั้งหมด 36 ชิ้น พลอยและทับทิม 36 ชิ้น ไข่มุก 105 ชิ้น และเพชรกว่า 1,469 ชิ้น นอกจากมงกุฎแล้ว Van Cleef & Arpels ยังรังสรรค์ต่างหู เข็มกลัด และสร้อยคอ เข้าคู่กันให้กับจักรพรรดินี Farah อีกด้วย ชิ้นงานไอคอนิกที่ทำให้หลายคนรู้จักชื่อของ Van Cleef & Arpels มากขึ้น

 

 

ALHAMBRA COLLECTION

 

จุดเปลี่ยนของ Van Cleef & Arpels เกิดขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 1968 เมื่อแบรนด์ได้ให้กำเนิดคอลเล็กชัน Alhambra โดยได้แรงบันดาลใจมาจากใบโคลเวอร์ 4 แฉก สัญลักษณ์แห่งความโชคดีที่ทำขึ้นจากเปลือกหอยและดีไซน์ให้ออกมาเป็นสร้อยคอชิ้นแรกของแบรนด์ คอลเล็กชัน Alhambra ได้รับความนิยมเป็นวงกว้างและจดจำไปทั่วโลกด้วยงานดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่เรียบหรูด้วยวิธีการผลิตอย่างประณีต ความโด่งดังของคอลเล็กชันนี้ยังส่งไปถึงคนดังจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Grace of Monaco, Françoise Hardy และ Romy Schneider ยิ่งส่งให้คอลเล็กชัน Alhambra ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการไปทั่วโลก ปัจจุบันคอลเล็กชัน Alhambra ถือเป็นหนึ่งในไอคอนคอลเล็กชันจาก Van Cleef & Arpels ที่ไม่ได้มีแค่สร้อยคอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

 

 

OTHER SIGNATURE LINES

ปัจจุบัน Van Cleef & Arpels มีคอลเล็กชันมากมาย ทั้งไลน์ High Jewelry หรือเครื่องประดับชั้นสูง ที่มีตั้งแต่รุ่นคลาสสิก ไปจนถึง Le Grand Tour, Butterflies และ Pierres de Caractère นอกจาก Alhambra ที่โด่งดังแล้ว ไลน์เครื่องประดับของ Van Cleef & Arpels ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันยังมีดีไซน์อื่นๆ ด้วย เช่น Frivole, Flora, Zodiaque, Fauna และ Perlée รวมถึงคอลเล็กชันนาฬิกา ของตกแต่งบ้าน และวันแต่งงาน

 

 

L’ÉCOLE SCHOOL OF JEWELRY ARTS

 

ด้วยความเชื่อในเรื่อง Craftsmanship และประสบการณ์การส่งต่อระหว่างมนุษย์ด้วยกัน Van Cleef & Arpels จึงก่อตั้ง L’ÉCOLE School of Jewelry Arts ขึ้นมาในปี 2012 ณ Place Vendôme ปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดยมีจุดประสงค์ที่อยากจะเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับศิลปะของเครื่องประดับให้คนทั่วโลกได้รู้จักมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กรุ่นใหม่ เพราะคอร์สการเรียนที่นี่ไม่ได้มุ่งเน้นวิชาขั้นสูงสำหรับนักทำจิวเวลรี แต่เป็นคอร์สสำหรับนักเรียนหรือบุคคลธรรมดาทั่วไปที่สนใจอยากรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเครื่องประดับมากขึ้น ทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ อัญมณีศาสตร์เบื้องต้น ไปจนถึงทักษะเชิงวิเคราะห์เกี่ยวกับการผลิตและการวิเคราะห์คุณภาพ ซึ่งแต่ละคอร์สจะสอนโดยผู้ชำนาญการในแต่ละแขนง ตั้งแต่ช่างฝีมือ นักออกแบบเครื่องประดับ นักประวัติศาสตร์ศิลปะ และอีกมากมาย เพื่อต่อยอดให้ศาสตร์ของจิวเวลรีสามารถเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น

 

 

DANCE REFLECTIONS INITIATIVE

 

อีกหนึ่งโครงการที่ Van Cleef & Arpels มีส่วนร่วมในการสนับสนุนศิลปะคือ Dance Reflections โครงการอุปถัมภ์และเชิดชูศิลปะแขนงนาฏกรรมร่วมสมัย ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2020 เพื่อส่งเสริมศิลปะการเต้น สร้างพื้นที่ให้กับนักออกแบบท่าเต้นจากทั่วโลกได้มีโอกาสนำงานศิลปะของตัวเองมาถ่ายทอด รวมถึงสถาบันนาฏกรรมต่างๆ ที่เข้ามาร่วมเป็นพันธมิตรเพื่อแสดงผลงานและถ่ายทอดศิลปะเกี่ยวกับการเคลื่อนไหว โครงการนี้จัดขึ้นมาแล้วหลายที่ ตั้งแต่ลอนดอน ลอสแอนเจลิส ฮ่องกง นิวยอร์ก และเกียวโต ภายในงานนอกจากจะมีการแสดงนาฏศิลป์แล้ว ยังเป็นพื้นที่เวิร์กช็อปและพื้นที่แลกเปลี่ยนความรู้ของนักเต้นอีกด้วย

 

 

ICONIC FRAGRANCES

 

ในปี 1976 เป็นครั้งแรกที่ Van Cleef & Arpels ได้นำเสนอน้ำหอมตัวแรกของแบรนด์ในชื่อ First โดยได้นักปรุงน้ำหอมชื่อดังอย่าง Jean-Claude Ellena มาช่วยรังสรรค์กลิ่นสุดพิเศษให้กับแบรนด์ น้ำหอมรุ่นนี้ยังถือเป็นหนึ่งในน้ำหอมรุ่นแรกๆ ที่ทำขึ้นภายใต้แบรนด์เครื่องประดับ จนกระทั่งในปี 2009 แบรนด์ได้ผลิตซีรีส์น้ำหอมเซ็ตใหม่ขึ้นมาอีกครั้งในชื่อ The Collection Extraordinaire ที่มาพร้อมกลิ่นให้เลือกมากกว่า 18 กลิ่น รวมถึงเทียนหอมที่มีให้เลือกใช้ด้วยเช่นกัน คอลเล็กชันนี้ถือเป็นการต่อยอดไลน์น้ำหอมที่ไม่ได้มีการพัฒนาต่อเนื่องมานาน โดยยังยึดแนวคิดแบบนักออกแบบเครื่องประดับ คือการคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดก่อนจะค่อยๆ ปรุงกลิ่นขึ้นมา เพื่อให้ทุกกลิ่นทรงคุณค่ามากที่สุดนั่นเอง

 

 

 

 

The post 7 THINGS WE LOVE ABOUT VAN CLEEF & ARPELS ที่สุดของแบรนด์เครื่องประดับกับเรื่องราวตลอด 118 ปีที่ผ่านมา appeared first on THE STANDARD.

]]>