×

รวม 12 เซ็ตสเปเชียลตี้มัทฉะกินคู่ขนม ต้องลองในต้นปี 2023

17.04.2023
  • LOADING...
สเปเชียลตี้มัทฉะ

เพราะทุกคนเผชิญอากาศร้อนๆ ของเดือนเมษายนกันมาหนำใจแล้ว วันนี้เราจึงอยากชวนออกมาจิบชาเติมความสดชื่นคู่กับขนมอร่อยๆ สักจานกับเซ็ตเมนูแนะนำจากคาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ 12 ร้านดังในกรุงเทพฯ คอมบิเนชันสุดลงตัวที่เปรียบเสมือนการผสมผสานระหว่างเมนูเครื่องดื่มไลน์ใหม่ของทางร้าน เมนูประจำฤดูกาล รวมไปถึงเมนูขายดีตลอดกาลที่กลายมาเป็นเมนูซิกเนเจอร์ในปัจจุบัน กับเมนูขนมหวานสูตรเฉพาะของแต่ละร้านที่ช่วยฟูลฟิลใจ สู้วันร้อนๆ ได้อย่างดี

 

ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนมัทฉะตัวยงที่คอยตามอัปเดตเมนูใหม่อยู่เสมอ หรือจะเป็นสายมัทฉะมือใหม่ก็สามารถตามรอยคอมบิเนชันตามลิสต์นี้กันได้ จะมีร้านไหนและเมนูอะไรบ้างนั้น มาดูกัน!

 

1. Grow tea.studio

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

Grow tea.studio สโลว์บาร์ชาสเปเชียลตี้ย่านสุทธิสารที่ผสมผสานแนวคิดสไตล์ตะวันตกและตะวันออกเข้าด้วยกัน ก่อนจะนำมาปรับใช้ให้ออกมาเป็นคาเฟ่ชาในรูปแบบร่วมสมัย (New Traditional Design) ดังเช่นทุกวันนี้

ด้วยชื่อร้านที่ห้อยท้ายด้วยคำว่า ‘tea.studio’ หรือ ‘สตูดิโอชา’ แล้ว ก็แน่นอนว่า Grow tea.studio นั้นไม่ได้มีแค่เมนูมัทฉะให้ได้เลือกสั่งเพียงเท่านั้น แต่ยังมีเมนูชาหลากหลายประเภท เช่น ชาจีน ชาไต้หวัน ชาเขียวญี่ปุ่นแบบใบอย่างเซนฉะ (Sencha) เทนฉะ (Tencha) เสิร์ฟให้ทั้งในรูปแบบดั้งเดิม และม็อกเทลดริงก์อีกด้วย

 

นอกจากนี้ทางร้านก็ยังมีเมนูขนมหวานเพื่อสุขภาพ ชวนให้เหล่าแฟนๆ ของหวานได้ติดตามกันอยู่เรื่อยๆ โดยล่าสุด Grow tea.studio ก็เพิ่งวางจำหน่าย ‘classic Custard’ (130 บาท) เมนูคัสตาร์ดเนื้อเนียนนุ่ม พร้อมด้วยซอสคาราเมล XO สูตรเฉพาะของ grow° เสิร์ฟคู่กับครีมสด และผลไม้ตามฤดูกาลให้ได้ไปลิ้มลองกัน

 

สำหรับสายมัทฉะแล้ว เมื่อพูดถึงจุดเด่นของร้าน Grow tea.studio ที่หลายๆ คนนึกถึง ก็คงจะเป็นการนำเสนอหมวดหมู่เมนูมัทฉะที่ทางร้านล้วนเลือกใช้ตัวชาจากเมืองอุจิ (Uji) โดยเฉพาะ ซึ่งด้วยความหลากหลายของเมนูมัทฉะเอง เราเลยอยากแนะนำให้คุณลองสั่งคอมบิเนชันระหว่าง Glowing-Milk Vol.2 (185 บาท) มัทฉะลาเต้สไตล์คอมเทมโพรารี ที่ถึงแม้ตัวเครื่องดื่มจะถูกเสิร์ฟมาในรูปแบบเมนูคลาสสิกมัทฉะลาเต้ หรือการเสิร์ฟแบบแยกชั้นเลเยอร์นมกับชาที่ตีด้วยน้ำ แต่ทางร้านก็ยังแนะนำให้เราได้กระดกแก้วดื่มแบบแยกชั้นในหนึ่งถึงสองจิบแรกเสมือนกับเมนูเดอร์ตี้ ก่อนจะค่อยๆ หมุนแก้ว (Twirl) เพื่อให้เลเยอร์ทั้งสองชั้นมีความสมดุลกันพอดิบพอดี แล้วจึงยกดื่มทั้งแก้วแบบฟินๆ กันต่อได้เลย โดยแก้วนี้ก็จะให้รสชาที่หนักแน่น กลิ่นหอมชัด และโน้ตชาที่หวานฉ่ำ เขียวผักคล้ายแตงกวา มาในบอดี้ไลต์ๆ ดื่มง่าย จับคู่ไปกับโดรายากิ Ume-Light Cream Cheese (95 บาท) ไส้บ๊วยและครีมชีสแบบเบาๆ ให้รสหวานตัดเปรี้ยว สดชื่นสุดๆ

Address: ซอยอุดมสุข แยก 4 (ใกล้ MRT สุทธิสาร ทางออก 3)
Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 10.00-18.00 น. 

Facebook: Grow tea.studio 

 

2. CHAEN TEA Experience 

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

CHAEN TEA Experience บาร์น้ำชาย่านทองหล่อ ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ ที่เน้นการนำเสนอหลากหลายชาท้องถิ่นส่งตรงจากภาคเหนือของประเทศไทย พร้อมๆ ไปกับการพัฒนาและรังสรรค์เมนูใหม่ที่ใช้มัทฉะจากญี่ปุ่นและชาไต้หวัน เสิร์ฟภายใต้บรรยากาศการตกแต่งร้านสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม 


ด้วยคอมบิเนชันที่มีให้เลือกสั่งอย่างหลากหลาย ทางร้านแนะนำให้เราได้ลองสั่งเซ็ตไอศกรีมเลเวล 4 อย่าง Umami (160 บาท) ไอศกรีมมัทฉะโฮมเมดที่ทางร้านเลือกใช้เป็นมัทฉะสายพันธุ์โอคุมิโดริ (Okumidori) จากเมืองอุจิทาวาระ (Ujitawara) จังหวัดเกียวโต (Kyoto) ให้รสเข้ม หอมชาชัด แต่ไม่ขม ก่อนจะค่อยๆ ปิดท้ายด้วยเมนูเครื่องดื่มฉบับซู่ซ่า หรือ Matcha x Sprite (130 บาท) มัทฉะเบลนด์สามสายพันธุ์เดี่ยวจากเมืองวาซุกะ (Wazuka) จังหวัดเกียวโต ที่นำมาชงด้วยน้ำร้อน ก่อนจะท็อปลงบนสไปรท์แบบไม่เติมความหวาน แก้วนี้อย่างไรก็สดชื่น ตัดรสกับเมนูไอศกรีม คลายร้อนกำลังดี 

 

Address: ท้ายซอยสุขุมวิท 57

Open: เปิดทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น. Address: ท้ายซอยสุขุมวิท 57

Facebook: CHAEN TEA Experience 

 

3. MTCH™

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ
 

MTCH™ Contemporary Matcha Bar คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะสไตล์คอนเทมโพรารี ที่ตั้งใจนำเสนอเหล่าเมนูเครื่องดื่มและขนมหวานเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในทุกมุมเมืองของกรุงเทพฯ  

 

โดยปัจจุบัน MTCH™ นั้นมีสาขารวมกว่า 3 สาขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสาขาออริจินัล เจาะกลุ่มวัยทำงาน บุคคลทั่วไป และคาเฟ่ฮอปเปอร์ในย่านอารีย์, สาขา The Circle Ratchapruk คอมมูนิตี้มอลล์ที่เน้นการแฮงเอาต์ฉบับครอบครัวและเพื่อนฝูง และสาขาล่าสุดอย่างสุขุมวิท 23 หรือสาขาแฟลกชิปนั้น จะขยับเข้ามาเจาะกลุ่มสายชาใจกลางเมืองมากขึ้น ดังคอนเซปต์ของร้านที่อยากจะให้ทุกคนได้เข้าถึงมัทฉะคุณภาพสูงในทุกๆ วัน

ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อหรือตัวเมนูเท่านั้นที่ถูกนำเสนอให้ออกมาในรูปแบบร่วมสมัย แต่สำหรับสาขาอารีย์และสุขุมวิทเอง MTCH™ ได้ริเริ่มเสิร์ฟเมนูมัทฉะในรูปแบบดั้งเดิมอย่างอุสุฉะ (Usucha) แล้ว ทั้งยังปรับจากการเสิร์ฟในถ้วยดื่ม (Chawan) ให้เป็นการเสิร์ฟในแก้วเซรามิกแบบโมเดิร์น โดยจะเรียกว่าเมนูอุสุฉะนี้ว่า Straight Shot แทนอีกด้วย

 

ด้วยเมนูใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทางร้านก็ยังคงอยากให้เราได้ลิ้มลองคอมบิเนชันระหว่างเมนูมัทฉะใส ซิกเนเจอร์ของ MTCH™ อย่าง MTCH™Light Brew Tsuyu Hikari (130 บาท) มัทฉะสายพันธุ์เดี่ยวสึยุฮิคาริ (Tsuyuhikari) จากเมืองยาเมะ (Yame) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) หอมกลิ่นควันคั่วๆ บอดี้ครีมมี่ หอมนวล ดื่มง่าย เย็นสบาย เหมาะสำหรับการดื่มในทุกโอกาสและฤดูกาล คู่ไปกับ MTCH™ Monaka Very Strong (180 บาท) เซ็ตโมนากะ และมัทฉะเจลาโตความเข้มเลเวล 4 มัทฉะเบลนด์สามสายพันธุ์เดี่ยวจากเมืองยาเมะ จังหวัดฟุกุโอกะเช่นกัน โดยตัวเจลาโตนั้นก็จะให้รสมัทฉะที่หนักแน่นขึ้นมาจากตัวเมนูเครื่องดื่ม ก่อนจะเพิ่มมิติ เท็กซ์เจอร์ และกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์จากแป้งโมนากะ หรือเวเฟอร์ข้าวพองญี่ปุ่น ช่วยให้อิ่มท้อง และเติมเต็มคาเฟอีนได้ดีเลยทีเดียว


Address: สาขาอารีย์ ซอยพหลโยธิน 5, สาขาสุขุมวิท 23 และสาขา The Circle Ratchapruk

Open: สาขาอารีย์ ซอยพหลโยธิน 5 และสาขาสุขุมวิท 23 เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 09.00-18.00 น. / สาขา The Circle Ratchapruk เปิดทุกวัน เวลา 11.00 -20.00 น.

Facebook: MTCH™ 

 

4. Chaya Teahouse

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

Chaya Teahouse ห้องชาญี่ปุ่นขนาดกะทัดรัดที่ชวนให้เราได้สัมผัสกับประสบการณ์และวัฒนธรรมการดื่มชาบนเสื่อทาทามิ ซึ่งด้วยไซส์ร้านที่มีขนาดเล็กทำให้บรรยากาศภายในร้านนั้นดูเป็นกันเอง อีกทั้งความสงบนี้ก็ยังช่วยให้เราได้เพลิดเพลินไปกับทุกๆ จิบของเครื่องดื่ม และการลิ้มรสชาติขนมในทุกๆ คำอีกด้วย 

 

ทางร้านจะเน้นเสิร์ฟเมนูมัทฉะ และชาเขียวญี่ปุ่นแบบออร์แกนิก ทั้งในรูปแบบดั้งเดิมอย่างเมนูอุสุฉะ (Usucha) และโคอิฉะ (Koicha) รวมถึงเมนูในรูปแบบประยุกต์ เช่น หมวดหมู่เมนูเครื่องดื่มเย็น เมนูฟิวชันกับน้ำผลไม้ หรือเมนูใส่นม ในหมวดหมู่ขนมหวานเองก็ยังมีทั้งเซ็ตไอศกรีมโฮมเมดของทางร้าน และเมนูขนมหวานญี่ปุ่นจากฝีมือเชฟชาวญี่ปุ่นให้ได้เลือกแมตช์กับเครื่องดื่มอย่างหลากหลาย

สำหรับสายชาที่อยากจะลองลิ้มรสชาเขียวญี่ปุ่นให้ได้ครบมากที่สุดในคราเดียว ทางร้านแนะนำให้ลองสั่งเป็นเซ็ตไอศกรีมโฮมเมด The Three Musketeers (180 บาท) เมนูใหม่ล่าสุดส่งตรงจาก Chaya Teahouse มาพร้อมไอศกรีมทั้งหมด 3 รสชาติ 3 สกู๊ปเล็กๆ แต่คับคุณภาพ ได้แก่ ไอศกรีมมัทฉะ ไอศกรีมชาเขียวข้าวคั่ว หรือที่เราเรียกกันว่า เก็นไมฉะ (Genmaicha) และไอศกรีมชาเขียวคั่วไหม้อย่างโฮจิฉะ (Hojicha) มาให้เราได้ลองทำความรู้จักกัน ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มคลายร้อนกันไปด้วยเมนู Matcha Sparkling Yuzu (170 บาท) มัทฉะออร์แกนิกอย่าง Unmori หรือมัทฉะเบลนด์สามสายพันธุ์ที่ทางร้านนำไปชงด้วยน้ำร้อน ก่อนจะท็อปลงบนยูซุโซดาที่ทางร้านเลือกใช้ยูซุจากจังหวัดมิยาซากิ (Miyazaki) นั่นเอง 

 

ด้วยเมนูที่จัดหนักจัดเต็มกันขนาดนี้ รับรองว่าแฮปปี้ตลอดวันแน่นอน!

Address: ซอยประดิพัทธ์ 14 (มีที่นั่งจำกัด แนะนำให้สำรองที่นั่งก่อนล่วงหน้า)

Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น.

Facebook: Chaya Teahouse

 

5. Koto Tea Space 

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

Koto Tea Space ทีสเปซหรือพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับเหล่าคนรักชาในย่านเจริญกรุง ซึ่งเปรียบเสมือนทั้งสถานที่สำหรับการจัดคอร์สทีแพริ่ง ช้อปปิ้งอุปกรณ์ชา ตลอดจนสถานที่ที่สามารถแวะเวียนกันเข้ามานั่งจิบชาชิลๆ ด้วยเหล่าเมนูเพื่อคนวอล์กอิน เช่น Hot Houjicha x Warabi Mochi (350 บาท) เซ็ตโฮจิฉะร้อน เสิร์ฟคู่กับวาราบิโมจิทำสดใหม่ทุกจาน เมนูยอดฮิตที่นอกจากเนื้อโมจิที่นุ่มเด้งละลายในปาก ผงถั่วคินาโกะคั่วที่ส่งกลิ่นหอม ราดด้วยไซรัปน้ำตาลดำ (Kokuto) จากโอกินาวา (Okinawa) แบบเข้มข้นแล้ว ภายในเซ็ตนี้เรายังสามารถเลือกความคั่วของโฮจิฉะได้ถึง 3 ตัว 2 ระดับตามความชอบของเราเองได้ ไม่ว่าจะเป็นโฮจิฉะก้านคั่วเข้มจากจังหวัดชิซึโอกะ (Shizuoka) ก็ดี โฮจิฉะก้านคั่วอ่อนจากจังหวัดชิงะ (Shiga) ให้พอหอมปากหอมคอก็เข้าท่า หรือจะเป็นลูกครึ่งโฮจิฉะ-เซนฉะออร์แกนิกจากจังหวัดนารา (Nara) ก็ยังได้

 

หากใครที่รู้สึกว่าคอร์สวอล์กอินนั้นยังไม่จุใจ ก็สามารถจองที่นั่งสำหรับคอร์สแพริ่งชาและอาหารโฮมเมดในสไตล์ญี่ปุ่นแบบฟิวชัน (Tea Experience) ประจำฤดูกาลใบไม้ผลิ หรือ ‘Haru 春’ (1,390 บาทต่อ 5 คอร์ส) ได้ แล้วมาลุ้นกันว่าภายใต้ธีมแต่ละฤดูกาลนั้น เราจะได้สัมผัสกับวัตถุดิบและเมนูอะไรกันบ้าง

 

Address: ซอยเจริญกรุง 49 ฝั่งตรงข้ามกับตึก Lebua at State Tower

Open:ปิดวันศุกร์-วันอาทิตย์ เวลา 12.00-17.00 น. และเปิดตามคอร์สหรือเวิร์กช็อปที่กำหนด

Facebook: Koto Tea Space 

 

6. KATE Artisan Japanese Tea

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

KATE Artisan Japanese Tea ขุมทรัพย์เรื่องมัทฉะ ขนมหวาน และเมนูสุดครีเอทีฟ คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะหลังเล็กๆ ย่านเหม่งจ๋ายที่ขายความเป็นตัวเองและความโฮมเมดของวัตถุดิบต่างๆ ภายในร้าน

 

เมื่อพูดถึงความโฮมเมดแล้ว แน่นอนว่ากิมมิกที่โดดเด่นของ KATE Artisan Japanese Tea ก็คงเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจากซอสโฮมเมดที่เป็นเบสหลักในการรังสรรค์เมนูเครื่องดื่มและขนมหวานของทางร้าน เช่น ซอสเฟรนช์ช็อกโกแลตเข้มข้น ซอสมัทฉะหวานนวล และซอสคาราเมลหวานหอมไหม้ รวมถึงครีมสดในเมนูขนมหวาน ที่ในบางครั้งทางร้านก็อาจทำให้เราดูกันสดๆ ฉบับที่เสิร์ฟพร้อมไปกับเมนูที่เราสั่งกันเลยก็ได้

 

ด้วยเสน่ห์และความเป็นกันเองของ KATE Artisan Japanese Tea เมนูโดยส่วนใหญ่จึงเน้นให้ผู้คนได้สัมผัสประสบการณ์ความสนุกระหว่างการกินดื่ม เช่น เมนูใหม่ล่าสุดที่ไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่นก็ได้ลอง Kathy Bear (99 บาท) เวเฟอร์ข้าวพองเท็กซ์เจอร์กรุบกรอบ สอดแทรกด้วยไส้เฟรนช์ช็อกโกแลต และดิปมัทฉะจากฟุกุโอกะแบบโฮมเมด ที่เมื่อประกบเข้าด้วยกันแล้วก็จะได้ทั้งมิติและรสชาติของชาที่ผสมผสานกับความเข้มของช็อกโกแลต ตามมาด้วยกลิ่นหอมของเวเฟอร์รูปทรงน้องหมี หรือที่เรียกกันว่าโมนากะ (Monaka) ก่อนจะสั่งคู่กันกับมัทฉะลาเต้ Karb Full Body (175 บาท) มัทฉะเบลนด์จากเมืองอุจิ ซิกเนเจอร์อีกตัวของทางร้านที่ให้รสชาติล้อไปกับตัวขนม อย่างโน้ตข้าวสาลี แป้ง ธัญพืช และบอดี้ที่เขียวนุ่มของเครื่องดื่ม โดยเรายังสามารถเพิ่มความน่ารักของแก้วนี้ด้วยการนำเวเฟอร์น้องหมีมาวางไว้ด้านบนแก้ว หรือจะลองเป็นเมนูอื่นๆ ด้วยก็ได้

 

Address: หน้าโครงการ J Park เหม่งจ๋าย ติดกับสถานทูตกัมพูชา

Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันจันทร์) เวลา 10.00-17.30 น.

Facebook: KATE Artisan Japanese Tea

 

7. Peace Oriental Teahouse

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

Peace Oriental Teahouse บาร์สเปเชียลตี้ชาตะวันออกที่พร้อมเสิร์ฟเมนูชาญี่ปุ่น ชาจีน ชาไต้หวัน ควบคู่ไปกับเหล่าเมนูขนมหวานแบบฟิวชันที่ไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน

สำหรับ Peace Oriental Teahouse นับได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกวงการคาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ ที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ลิ้มลองหลากหลายเมนูของที่นี่มาก่อนแล้ว

ถึงแม้เมนูเครื่องดื่มอย่าง Idealist Pastel Matcha (145 บาท) ซิกเนเจอร์มัทฉะลาเต้ที่ทางร้านเอจไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ กับเซ็ตไอศกรีมสุดเข้มข้น Matcha Extremist (245 บาท) จะกลายมาเป็นคอมฟอร์ตโซนของใครหลายคน แต่โปรดักต์ไลน์ใหม่ล่าสุดของทางร้านอย่าง ‘Matchless’ ที่เน้นการนำเสนอมัทฉะจากโปรไฟล์ หรือการให้ความร้อน 3 ระดับ (Firing) ของใบเทนฉะมาเป็นปัจจัยหลักในการรังสรรค์ทั้งเมนูเครื่องดื่มมัทฉะ และสกู๊ปไอศกรีมก็ดูจะมาแรงด้วยเช่นกัน

 

คอมบิเนชันที่เราอยากแนะนำให้ลองก็คงหนีไม่พ้นเมนูมัทฉะลาเต้ของซีรีส์ ‘Matchless’ ในระดับคั่วกลางอย่าง Medium Firing (245 บาท) ให้กลิ่นหอมคั่วคล้ายถั่วลิสง บอดี้มันนัว และให้รสอูมามิชัด ตัวเมนูของหวานสำหรับสายมัทฉะก็จะยังคงแนะนำเป็น Matcha Extremist (245 บาท) ในฉบับที่จัดเต็มคาเฟอีนกันไปเลยก็ได้ หรือจะเลือกลดระดับความคั่วของเซ็ตไอศกรีมมาลองเป็น Low Firing ตามคำแนะนำของทางร้าน สั่งคู่กับ Light-roasted Houjicha (135 บาท) โฮจิฉะสไตล์คั่วอ่อนที่ให้ความครีมมี่ ฟูลบอดี้ อีกหนึ่งคอมบิเนชันจากทีม Peace Oriental Teahouse ที่จะมาช่วยเติมเต็มความสดชื่นระหว่างวันได้ไม่แพ้กัน

 

Address: มีทั้งหมด 6 สาขา ได้แก่ สาขาสุขุมวิท 49 / G Tower / คิง เพาเวอร์ รางน้ำ / Velaa หลังสวน และอารีย์ซอย 1

Open: เปิดทุกวัน (ช่วงเวลาการเปิด-ปิด ขึ้นอยู่กับแต่ละสาขาและโครงการ)

Facebook: Peace Oriental Teahouse

 

8. Home Matcha

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

Home Matcha บ้านชาหลังเล็กๆ ในย่านพระราม 9 ภายใต้คอนเซปต์น่ารักๆ อย่าง
‘Let matcha make you feel like home’ สถานที่ที่เปรียบเสมือนบ้านหลังที่สองของทั้งสายมัทฉะและสายเบเกอรี อีกหนึ่งคาเฟ่สเปเชียลตี้ผู้ซึ่งมาก่อนเทรนด์มัทฉะอีกด้วย

 

ด้วยความหลากหลายของเมนูขนมหวานโฮมเมดที่ขึ้นชื่อ และเมนูเครื่องดื่มมัทฉะที่มีมาอย่างยาวนาน จึงทำให้ Home Matcha เป็นคาเฟ่สเปเชียลตี้ที่มีรสชาติดั่งเซฟโซนของใครหลายๆ คนไปแล้ว

นอกจากเมนูบุกเบิกหรือซิกเนเจอร์ของร้านอย่าง Matcha Banoffee (240 บาท) ที่เมื่อแวะมาแล้วไม่ได้สั่งก็เหมือนมาไม่ถึง Home Matcha นั้น ทางร้านก็ยังมีเมนูยอดฮิตเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งตัวกับ KOI Matcha x Kumamoto Cheesecake Lava (255 บาท) เมนูชีสเค้กไส้ลาวาโคอิฉะ ที่รองด้วยฐานโอรีโอกรุบกรอบ ให้รสหวานอมเปรี้ยวชีส จัดเต็มรสชาติชา ก่อนทางร้านจะยังแนะนำให้เราลองสั่งคู่ไปกับเมนูขายดี เติมความสดชื่นประจำร้าน หรือ Iced Matcha x Yuzu (180 บาท) มัทฉะน้ำส้มยูซุแท้ ตัดเลี่ยน และดับร้อนได้ดีสุดๆ

Address: ซอยพระราม 9 ซอย 21
Open: เปิดวันศุกร์-จันทร์ เวลา 10.00-17.00 น. 

Facebook: Home Matcha

 

9. ORIGAMI Teahouse

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

ORIGAMI Teahouse ร้านชาญี่ปุ่นขนาดหนึ่งห้องที่หลบซ่อนตัวอยู่ในย่านทองหล่อ มาพร้อมความตั้งใจที่อยากจะนำเสนอชาเขียวญี่ปุ่นหลายประเภทผ่านหลากหลายเมนูและคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันออกไป เปรียบเสมือนการพับกระดาษเป็นรูปร่างต่างๆ ดังชื่อของทางร้านนั่นเอง

เป็นระยะเวลากว่า 4 เดือนที่ ORIGAMI Teahouse ได้เปิดตัวเข้ามาสู่วงการคาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะ พร้อมๆ ไปกับการออกหมวดหมู่เมนูเครื่องดื่มเซ็ตแรกๆ ของทางร้าน เช่น เมนูลาเต้ เมนูชาเขียวญี่ปุ่นแบบใบอย่างเซนฉะเย็น โคลด์บรูว์เทนฉะ หรือแม้กระทั่งเมนูในหมวดหมู่ฟิวชันน้ำผลไม้ เมนูอุสุฉะเองก็ดี หรือเมนูไอศกรีมที่ก็มีให้เลือกสั่งกันทั้งรสชาติมัทฉะ และยูซุบ๊วย 

 

ก่อนหน้าเดือนเมษายนนี้เอง ทางร้านเขาก็ได้เพิ่มขนมเบเกอรีอย่าง Lemon Tart (175 บาท) ทาร์ตเลมอนที่มีความเปรี้ยวสดชื่นอมหวานกำลังดี หอมกลิ่นอัลมอนด์ และเท็กซ์เจอร์กรอบๆ ของตัวทาร์ต ในส่วนของหมวดหมู่เมนูเครื่องดื่มเองนั้นก็ยังมีเมนูลาเต้ Bistro (165 บาท) มัทฉะเบลนด์สองสายพันธุ์เดี่ยว ได้แก่ สายพันธุ์เคียวเคน-283 (Kyoken-283) และซามิโดริ (Samidori) ที่ให้บอดี้ครีมมี่ และโน้ตโทนถั่วแมคาเดเมียมันๆ แซมด้วยความเค็มของโน้ตสาหร่ายคอมบุ ดื่มแล้วรู้สึกได้ถึงความกลมกล่อม และรสหวานที่ทิ้งค้างอยู่ในปากนานอีกด้วย

 

Address: Thonglor Tower ตึก B ซอยทองหล่อ 18
Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันอังคาร) เวลา 09.00-18.00 น. 

Facebook: Origami Teahouse

 

10. nita.bakeandbrew

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

Nita.bakeandbrew คาเฟ่ขนมหวานและเครื่องดื่มมัทฉะ ที่ถึงแม้จะไม่ใช่คาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะตามคำบอกกล่าวของทางร้าน แต่ nita.bakeandbrew ก็ถูกสร้างขึ้นมาจากความรักและแพสชันที่มีต่อทั้งการทำขนมและการดื่มมัทฉะในชีวิตประจำวัน

 

โดยปกติแล้วเมนูเบเกอรีของ nita.bakeandbrew จะเน้นสลับสับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในทุกสัปดาห์ เทศกาลพิเศษ หรืออาจจะในแต่ละเดือน ซึ่งไม่ว่าเมนูขนมของทางร้านนั้นจะสับเปลี่ยนไปในทิศทางไหนก็ตาม ในทุกๆ ครั้งที่ได้แวะเวียนไปก็จะยังมีเมนูของหวานที่เป็นดั่งซิกเนเจอร์ให้เราได้กลับไปซ้ำกันอยู่ดี อย่างเมนู Shizuoka Matcha Banoffee (150 บาท) มัทฉะบานอฟฟี่ให้รสหวานนวลจากครีมสด ครัสต์โอรีโอที่กรุบกรอบ ตัดด้วยชั้นมัทฉะกานาชรสขมเล็กๆ ถือเป็นเมนูเริ่มต้นของทางร้านที่ยังคงขายดีเสมอ

 

ล่าสุดทางร้านก็เพิ่งออกเมนูมัทฉะลาเต้ที่มาพร้อมท็อปปิ้งตัวใหม่อย่างไอศกรีมอุจิมัทฉะ ด้วยชื่อเมนู Double Uji Matcha (250 บาท) ให้รสชาติเข้มข้น แต่หวานน้อยตามสไตล์ของนิตา เอาใจทั้งสายมัทฉะตัวยงที่รักขนมหวาน และสายมัทฉะมือใหม่ในฉบับที่ไม่ต้องเลือกก็ได้กินทั้งคู่ นอกจากนี้เราก็ยังสามารถสั่งเจ้าตัวท็อปปิ้งนี้ไปแมตช์บนเมนูเครื่องดื่มอื่นๆ ก็ยังได้

แต่สำหรับใครที่อยากจะนั่งชิลๆ จิบเครื่องดื่มสักแก้ว และเบเกอรีสักชิ้น เราขอแนะนำให้ลองเป็น Matcha Gateau (150 บาท) เมนูมัทฉะกาโตเพิ่มชั้นมัทฉะกานาชรสเข้ม ก่อนจะตัดกันด้วยรสชาติหวานน้อยของชั้นวิปครีม ที่เพียงไม่กี่นาทีก็อาจจะตักเพลินไปจนหมดชิ้นเลยก็ได้

 

Address: ซอยปุณณวิถี 11

Open: เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. เฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 08.00-18.00 น. 

Facebook: nita.bakeandbrew

ภาพ: nita.bakeandbrew

 

11. Tanuki261.cha

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

Tanuki261.cha อีกหนึ่งคาเฟ่สเปเชียลตี้มัทฉะบรรยากาศเป็นกันเองย่านเจริญกรุง พร้อมส่งชาชงสดทุกแก้วสู่มือทีเลิฟเวอร์ที่ได้มาเยือน 

 

เมื่อพูดถึงทีเลิฟเวอร์ แน่นอนว่าคาเฟ่แห่งนี้ก็ไม่ได้มีเพียงแค่หมวดหมู่เมนูมัทฉะ แต่ยังมีเมนูชาเขียวญี่ปุ่นแบบใบอย่างเซนฉะ รวมไปถึงเมนูชาจีน และชาไต้หวันให้ได้เลือกสั่งกันทั้งในรูปแบบดั้งเดิมกับฟิวชัน หรือที่เรียกกันว่าม็อกเทลดริงก์อีกด้วย 

 

โดยอีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญของ Tanuki261.cha ที่ต้องเอ่ยถึงเสมอก็คงเป็นฝีมือในการทำเมนูขนมหวานแบบโฮมเมด การคิดค้นเมนูเครื่องดื่มมัทฉะสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ชวนให้แฟนๆ ได้ติดตามกันแต่ละเดือน และหมวดหมู่เมนูคลาสสิกของทางร้านเองก็ยังอร่อยไม่แพ้กัน

 

ด้วยหมวดหมู่เมนูสุดละลานตา คอมบิเนชันที่ไม่ควรพลาดหากได้แวะเวียนมายังคาเฟ่แห่งนี้ก็ต้องเป็นเมนู Matcha Dirty Toast (185 บาท) โชคุปังสไตล์ญี่ปุ่นที่นำไปอบพร้อมกับเนยสดจนได้เท็กซ์เจอร์แบบกรอบนอกนุ่มใน มาพร้อมคัสตาร์ดอุจิมัทฉะไส้ทะลักฉบับไหลเยิ้มไปทั่วทั้งจาน ก่อนจะโรยด้วยผงมัทฉะ เติมเต็มความเข้มข้นให้แบบจุใจตามคอนเซปต์ ‘ยิ่งเลอะเทอะ ยิ่งเยอะความอร่อย’ เพราะไม่ว่าใครที่ได้ลองก็เป็นต้องติดใจกลับมาสั่งซ้ำ โดยทางร้านยังแนะนำให้สั่งควบคู่ไปกับเมนูมัทฉะม็อกเทลอย่าง Matcha & Tonic (185 บาท) มัทฉะเฮาส์เบลนด์ชงด้วยน้ำร้อน ราดลงบนคราฟต์โทนิกของไทยที่มีส่วนผสมของเปลือกผลไม้ตระกูลซิตรัส เปลือกไม้ และสมุนไพรในประเทศ ก่อนจะนำมาผสมเข้ากับเลมอนดองสูตรเฉพาะของที่ร้าน ให้รสเปรี้ยวอมหวาน ดื่มง่าย สดชื่น และตัดรสกับของหวานได้อย่างพอดิบพอดี

 

Address: ต้นซอยเจริญกรุง 72

Open: เปิดทุกวัน (ปิดวันพุธ) เวลา 09.30-17.30 น.

Facebook: Tanuki261.cha

ภาพ: Tanuki261.cha

 

12. Entree Coffee & Brunch

 

สเปเชียลตี้มัทฉะ

 

Entree Coffee & Brunch คาเฟ่เครื่องดื่ม ขนมหวานหลังเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในซอยสีลม ผู้ซึ่งนำเทรนด์มัทฉะบานอฟฟี่ให้กลับมาฮิตได้อีกครั้ง โดยนอกเหนือจากเมนู Rich Matcha Banoffee (250 บาท) เค้กขายดีอันดับหนึ่งของทางร้านแล้ว เมนูขนมเบเกอรีฝรั่งเศสอย่าง Canelé (เริ่มต้นที่ 90 บาท) ที่มีให้เลือกกว่า 8-10 รสชาติ (รวมรสชาติมัทฉะ) ก็ยังถือเป็นซิกเนเจอร์ที่ทำให้ผู้คนรู้จักคาเฟ่แห่งนี้มากขึ้นอีกด้วย

 

เพราะเมนูเค้กและขนมหวานที่หลากหลาย รสชาติอร่อย ไซส์ใหญ่ แพ็กเกจจิ้งที่ถูกออกแบบมาให้กินสะดวก และเทรนด์ของมัทฉะที่ยังคงมาแรงอยู่เนืองๆ ทำให้ Entree Coffee & Brunch กลายเป็นคาเฟ่ที่มีสายมัทฉะเป็นลูกค้าประจำอยู่ไม่น้อย

 

คอมบิเนชันยอดฮิตของทางร้านหรือเซ็ตรวมเมนูมัทฉะที่ไม่ควรพลาดกัน ได้แก่ เมนูมัทฉะลาเต้พร้อมเลเยอร์พุดดิ้งนมเนื้อนุ่มๆ ในชั้นล่าง อย่าง Meiko Matcha Layered (180 บาท) ตกแต่งด้วยซอสมัทฉะรอบตัวแก้ว แล้วท็อปครีมโฟมนมก็เป็นอันพร้อมเสิร์ฟ ก่อนจะค่อยมูฟกันไปเลือกเมนูขนมหวานอย่าง Rich Matcha Banoffee ประกอบด้วยชั้นครีมสดนุ่มๆ โรยด้วยผงมัทฉะชั้นบนสุดของตัวขนม ตามด้วยชั้นกล้วยสไลซ์ และไคลแมกซ์อย่างมัทฉะกานาชที่ทางร้านได้เลือกใช้มัทฉะสายพันธุ์โอคุมิโดริ (Okumidori) จากเมืองอุจิในแบบฉบับที่ไม่ได้ปรุงแต่งความหวานอะไรเพิ่มเติม เพื่อให้เราได้ลิ้มรสชาติความเข้มจากมัทฉะแท้ๆ หรือจะเป็น Matcha Canelé (100 บาท) กรอบนอกนุ่มใน ให้รสขมของมัทฉะเล็กน้อย สู้กับความหวานของตัวขนมได้อย่างสบายๆ

 

Address: ซอยสีลม 8 

Open: เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. เฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์ เปิดเวลา 09.00-18.00 น.

Facebook: Entree Coffee & Brunch

ภาพ: Entree Coffee & Brunch

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising